วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

. . Hermione * Draco ~ รักที่พูดมั่ยดั้ย . .

นำมาจาก : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=icu11&topic=6&Cate=11

. . Hermione * Draco ~ รักที่พูดมั่ยดั้ย . .

บทที่ 1 บนรถไฟด่วนสายฮอกวอตส์

ที่ชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่ เด็กสาวผมฟูคนหนึ่งกำลังกระโดดหย็องแหย็งชะเง้อคอหาใครบางคนอย่างหงุดหงิด
“เฮ้อ...ตาบ้าสองคนนั่นอยู่ไหนนะ ตื่นสายแน่นอนเลย” เธอบ่น เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เธอกำลังขึ้นชั้นปีที่หกที่ร.ร.ฮอกวอตส์ และสาเหตุที่เธออารมณ์เสียขนาดนี้ก็เพราะเพื่อนรักของเธอ รอน วีสลีย์และแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้นยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น เพราะอีกแค่สิบนาทีรถไฟด่วนฮอกวอตส์ ก็จะออกจากชานชาลาแล้ว
“อ้อ...มาได้ซะที” เธอพูดอย่างดีใจที่เห็นเพื่อนทั้งสองคนกำลังวิ่งเป็นไก่ตาแตกเพราะกลัวไม่ทันรถไฟ เฮอร์ไมโอนี่รีบวิ่งไปหาทันที แต่เธอรีบมากไปหน่อยจนไปชนกับใครคนหนึ่งจนล้มก้นจ้ำเบ้า
“โธ่...ให้มันได้อย่างงี้เซ่” เธอบ่นพลางปัดเนื้อปัดตัวแต่ยังไม่ลุกขึ้น
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงใครคนหนึ่งพูดและยื่นมือออกมาเพื่อช่วยให้เธอลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ” เธอพูดโดยไม่มองหน้าเพราะกำลังสาละวนกับการปัดฝุ่นตามเนื้อตามตัวอย่างไม่ลดละ “ขอโทษด้วยนะคะที่ชนคุ.. เดรโก มัลฟอย!!!”
“อี๋!!! ยัยเกรนเจอร์” มัลฟอยแหกปากแล้วรีบปล่อยมือเฮอร์ไมโอนี่ทันที
“มาอี๋เอ๋อบ้าบออะไรกันเล่า! ฉันต่างหากที่ต้องอี๋นาย” เฮอร์ไมโอนี่สวนกลับ
“หนอย...พูดงี้หมายความว่าไง” เขายังไม่ลดละ
“หัดดูตัวเองซะบ้างสิ ก่อนที่จะมาแว้ดๆใส่คนอื่นน่ะ”
“เธอกำลังพูดกับใครอยู่รู้มั้ย ยัยปากมาก”
“ก็ไอ้คุณหนูไร้สมองพ่อรวยยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่าเข้าให้
“ยัยเด็กสลัม!!” มัลฟอยเริ่มโมโห
“ไอ้หัวเป็ด!” เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับ
“เฮอร์ไมโอนี่ ไปกันเหอะ” รอนซึงวิ่งมาถึงพอดีกำลังดึงแขนเธอทั้งสองข้างเพื่อลากตัวเธอออกไปจากมัลฟอย รอนหันไปว่าเขา “หุบปากซะไอ้บ้า”
“อย่าสะเออะได้มะวีสลีย์” มัลฟอยตวาด
“จะสะเออะอ่ะ มีไรป่าว” รอนเถียง
“หุบปากซะมัลฟอย” แฮร์รี่พูดขึ้น
“หุบปากตัวแกเองเหอะพอตเตอร์” มัลฟอยพูดแล้วเดินผ่านทั้งสามคนไป โดยที่ไม่ลืมที่จะหันมามองสบตาเฮอร์ไมโอนี่อย่างชิงชังพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ
“โธ่เว้ย....อารมณ์เสียตั้งแต่เปิดเทอมเลย” รอนตะโกนไล่หลังไป แต่มัลฟอยท่าจะไม่ได้ยิน ทำให้รอนหงุดหงิดที่ยั่วโมโหมัลฟอยไม่สำเร็จ
“อีกห้านาทีรถไฟจะออกแล้ว ไปกันเหอะ” แฮร์รี่บอก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เมื่อขึ้นไปที่รถไฟและหาตู้ที่ว่างให้แฮร์รี่เสร็จแล้ว รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ต้องไปนั่งที่ตู้ของพรีเฟ็ค ทำให้แฮร์รี่อารมณ์ไม่ดีที่ต้องอยู่คนเดียว
“เอาน่าแฮร์รี่เดี๋ยวฉันจะแว่บมาหานายบ่อยๆละกันนะ” รอนพูด เขาลืมเรื่องมัลฟอยไปซะสนิทเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน
“เดี๋ยวก็มีคนมานั่งด้วยแหละน่า” เฮอร์ไมโอนี่ปลอบ เธอก็ลืมเรื่องมัลฟอยเหมือนกันที่เห็นหน้าที่เซ็งสุดขีดของแฮร์รี่ “อย่างจินนี่ไงล่ะ”
“จินนี่ก็เพิ่งได้เป็นพรีเฟ็คนะ” แฮร์รี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เออ...จริงด้วยแฮะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแหยๆ
“แฮร์รี่...” เสียงใครคนหนึ่งเรียกเขา แฮร์รี่จึงหันไป โชนั่นเอง!!
“โช...” แฮร์รี่พูด โช แชงคือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขารัก ถึงแม้ว่าโชจะเคยตีจากเขาไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่แฮร์รี่ก็ยังคงรักเธออยู่
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ” โชพูดแล้วก้มหน้า “ขอนั่งด้วยได้มั้ย”
แฮร์รี่พยักหน้า โชจึงไปนั่งที่เบาะตรงข้ามกับเขาและนิ่งเงียบ ทั้งสองไม่พูดอะไรกันจนรอนมองแฮร์รี่ทีมองโชทีอย่างสงสัย เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเข้าใจเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดีจึงยิ้มให้กับโชแล้วลากคอรอนออกมา พร้อมกับพูดว่า “แล้วเจอกันแฮร์รี่”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ทำไมเราไม่อยู่ก่อนล่ะ” รอนถามขณะที่กำลังเดินไปที่ตู้ของพรีเฟ็ค
“แฮร์รี่เขาจะคุยกับโชนะรอน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเรียบ
“เราอยู่ก่อนก็ได้ เราเป็นเพื่อนเขานะ”
เฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินแล้วถอนหายใจ “แต่เขาไม่อยากให้เราอยู่!!! พวกเขาจะปรับความเข้าใจกันเพียงสองคน เข้าใจมั้ย!!!”
“แต่เราก็ช่วยเขาปรับความเข้าใจก็ได้นี่ เผื่อแฮร์รี่อยากให้เราช่วย” รอนเถียง
“เธอเคยรักใครบ้างไหมฮึรอน” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเหลืออด
รอนหน้าแดงขึ้นมาทันที “คะ...เคยสิ”
“แล้วเธอไม่อยากอยู่กับคนที่เธอรักสองคนบ้างเหรอ?”
“อยาก”
“นั่นแหละเป็นสิ่งที่เขาสองคนรู้สึก เป็นเธอก็คงไม่ชอบหรอกนะถ้าฉันกับแฮร์รี่อยู่ด้วยตอนที่เธอจะอยู่กับคนที่เธอรักน่ะ จริงมั้ย” เฮอร์โอนี่ขำในความซื่อบื้อของรอนแล้วเดินไปดูประกาศเวรของพรีเฟ็คที่จะต้องเดินตรวจตามตู้ต่างๆของรถไฟและดูตู้ที่เธอกับรอนนั่ง
“รอน...เธอได้ไปตรวจเวรกับซูซาน โบนส์ล่ะ ตอนบ่ายสาม”
“เธอล่ะได้ตรวจเวรกับใคร” รอนถาม
“เดี๋ยวนะ..” เธอชี้นิ้วไล่ลงไปหาชื่อของตัวเอง “อี๋!!!!”
“อะ..อะไร เป็นอะไร” รอนถามอย่างตกใจ
“ฉัน...ฉันตรวจเวรกับ..เอ่อ...” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเซ็งสุดขีด
“เดี๋ยวๆๆๆ ทำหน้าอย่างนั้นฉันพอจะเดาออกละ” รอนพูดอย่างรู้ทัน “จัสติน ฟินช์ เฟลชลีย์ใช่มะ ฉันเข้าใจว่าไอ้นั่นมันบ๊องตื้น ฉันเองก็เซ็งมันเหมือนกัน”
“บ้ารึ!!! ไม่ใช่ย่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“อ้าว...แล้วใครล่ะ”
“..เดรโก มัลฟอย..”
“เฮ้ย!!ได้ไงอ่ะ?” รอนตะโกนอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างสุดเซ็ง
“ถอยไปดิ้!!!” รอนผลักเฮอร์ไมโอนี่ออกไปข้างตัวเพื่อจะดูประกาศให้ชัดๆ “หวา...จริงด้วย”
“ฉันบอกแล้วไง...ซวยตั้งแต่เปิดเทอมเลยฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เธอซวยสองชั้นเลยคราวนี้” รอนบอก “เธอได้นั่งตู้เดียวกะมัลฟอยด้วยล่ะ อ้อ!ฉันก็นั่งด้วย โบนส์อีกคนนึง”
“มัลฟอยอีกแล้วเหรอ..” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหมดแรง “เมื่อไหร่ฉันจะหนีไอ้หมอนี่พ้นซักทีนะ”
“เอาน่าเฮอร์ไมโอนี่..” รอนพูดอย่างอ่อนโยนแล้วจับมือเธอเอาไว้ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงและใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก “ฉันจะไม่ให้มันทำอะไรเธอหรอก” เขาพูดอย่างมั่นใจแต่หน้าแดงเหมือนกับสีผม
“ขอบใจรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วก้มหน้าเพื่อแอบยิ้ม
“ไปเถอะ” รอนพูดแล้วจูงมือเธอไปยังตู้พรีเฟ็คที่พวกเขานั่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นมัลฟอยนั่งข้างหน้าต่างเอามือเท้าคางแล้วมองออกไปข้างนอก ส่วนซูซาน โบนส์นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาแต่เธอนั่งริมประตู ทั้งสองคนหันมามองรอนและเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยมองมาที่มือของพวกเขาซึ่งจับกันอยู่แล้วมองหน้ารอนเขม็ง รอนก็มองเขาเช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่รีบปล่อยมือของรอนเพราะกลัวว่าซูซานจะเห็น
“หวัดดีซูซาน” เธอทัก
“หวัดดีเฮอร์ไมโอนี่” ซูซานทักทายตอบ “เธอช่วยนั่งข้างหน้าต่างได้มั้ย ฉันเมารถไฟน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่เหลือบไปมองมัลฟอยซึ่งตอนนี้หันหน้าไปข้างนอกอย่างเดิมแล้วจึงพูดว่า “ดะ..ได้สิ”
เธอเดินไปนั่งข้างซูซานแต่รอนยังคงยืนจ้องมัลฟอย
“เธอจะนั่งมั้ยเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ฉันนั่งข้างเธอละกัน” รอนตอบเสียงเครียดๆโดยไม่ละสายตาไปจากมัลฟอย
“จะ มานั่งเบียดกันทำไม นั่งข้างมัลฟอยก็ได้นี่” ซูซานพูด
“ช่ายวีสลีย์ มานั่งข้างฉันก็ได้” มัลฟอยหันมาพูดกับรอนแล้วแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจเหมือนเคย
รอนไม่มีทางเลือกจึงไปนั่งข้างมัลฟอยด้วยสีหน้าบึ้งตึง เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและน่าเบื่อหน่ายโดยไม่มีการพูดคุย ยกเว้นซูซานซึ่งร่าเริงเต็มที่ เธอเล่าเรื่องที่เธอเจอชาลี สแมฟนักร้องพ่อมดคนโปรดของเธอไปเดินเกี่ยวก้อยกับอลิซาเบ็ธ เจนดาราแม่มดสาวแสนสวยให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังอย่างกระตือรือร้น
“นี่นะ..เขาหล่อมาก....ผมสีทองยาวประมาณบ่านี่แหละ ตาสีฟ้าสดใสเชียว ตอนแรกที่เห็นเค้านะฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ว้าว....หล่อกว่าในหนังสืออีกอ้ะ แถมลิซซี่แฟนเขาก็สวยสุดยอด!!!” ซูซานเล่าเรื่องทำนองนี้ให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ของศิลปินกลุ่มสุดฮอทอย่างวง ‘เมจิค’ ละครเวทีเรื่องใหม่ของนาตาชา กิลเบิร์ต ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้แต่ยิ้มรับลูกเดียว
“แล้วก็ยังมีอีกนะ ว้า...ถึงเวลาที่ฉันกับเธอต้องไปตรวจเวรแล้วล่ะวีสลีย์” ซูซานพูดอย่างเสียดายที่ยังเล่าไม่จบ
รอนหน้าซีด เขาไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับมัลฟอยตามลำพัง
“นี่โบนส์” รอนเรียกซูซานที่กำลังจะออกไป “ฉันไม่ไปได้ป่ะ”
“เธอจะบ้าเหรอ!! เดี๋ยวก็เจอลูกระเบิดจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลหรอกเมื่อไปถึงน่ะ” เธอตำหนิรอน “เค้าเป็นคนจัดเวรกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์นะยะ”
รอนหันมามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างเป็นห่วง แต่เธอก็พยักหน้าให้รอนไป แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ฉันไม่เป็นไรหรอก’ รอนจังลุกไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก่อนที่จะออกไปเขาก็พูดตอบกับเธอโดยไม่มีเสียงเช่นกันว่า ‘อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะกลับมา’ ทั้งสองยิ้มให้กันโดยไม่รู้ตัวว่ามีสายตาใครอีกคนในนี้กำลังมองพวกเขาอยู่



บทที่ 2 ทะเลาะกัน(ไม่มีวันจบสิ้น)

“ไงเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่เมื่อรอนออกไปแล้ว
เธอไม่ตอบแต่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”
เธอก็ยังคงไม่ตอบอยู่ดี
“เธอน่าจะขอโทษฉันหน่อยนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร ฉันไปทำอะไรนายมิทราบ” เฮอร์ไมโอนี่สวนกลับทันที
“ความจำดีนะเธอ” มัลฟอยพูดประชด “ก็ที่เธอว่าฉันเป็นคุณหนูอะไรนั่นไง”
“อ๋อ...ไอ้คุณหนูไร้สมองพ่อรวยใช่มะ” เธอเน้นคำ “ไม่จำเป็นต้องขอโทษซักหน่อย”
“ว่าไงนะ”
“ยังมาถามอีก ฉันพูดความจริงมันผิดตรงไหน”
มัลฟอยเริ่มโมโห เขาลุกขึ้นยืนชี้หน้าด่าเฮอร์ไมโอนี่ “ยัยเด็กสลัม ยัยเลือดเน่าสีโคลน!!!”
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นบ้าง “แก..ไอ้หัวเป็ด”
“ยัยหงอนไก่”
“ไอ้ถั่วเน่า!
“ทำไมเธอถึงต้องหาเรื่องทะเลาะกับฉันอยู่เรื่อยเลย หา?” มัลฟอยพูดแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่บิดตัวเพื่อให้มือของมัลฟอยหลุด
“ก็เพราะแกมัน..ว้าย!!”
จู่ๆรถไฟก็โคลงเคลงกว่าที่เคยเป็น ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หงายหลังลงไปนั่งบนเบาะตามมาติดๆด้วยมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงทันทีเพราะมัลฟอยล้มลงมาทับตัวเธอ และหน้าของเขาก็อยู่ห่างจากหน้าของเธอไม่กี่นิ้ว เฮอร์ไมโอนี่ได้สติจึงผลักเขาออกไป มัลฟอยที่หน้าแดงไม่แพ้เธอจึงกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วเอามือเท้าคางไว้อย่างเดิม แต่สายตาเขาไม่ได้มองออกไปข้างนอก
“มองอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นมัลฟอยจ้องหน้าเธออยู่
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” เขาถามยิ้มๆ
“ใครหน้าแดงที่ไหนกัน” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธทั้งๆที่หน้ายังแดงอย่างเห็นได้ชัด “นายนั่นแหละที่หน้าแดงอย่างกับจะระเบิดอยู่แล้ว”
“เกรนเจอร์ เมื่อกี้ฉันมองเธอใกล้ๆแล้วเธอน่ารักดีนะ” มัลฟอยพูด
“นายตาถั่วลันเตาแน่นอน!!!”
“เอ้า...ก็ยอมฟะ” เขาพูดแล้วหัวเราะหึๆอย่างเจ้าเล่ห์
เวลาผ่านไปสิบห้านาทีเต็มๆที่มัลฟอยเอาแต่จ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่ ส่วนเธอก็ได้แต่เบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด แต่มีสักสองสามครั้งที่เธอหันไปสบตาเขาแล้วก็หลบสายตา
“นี่มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเงียบไปนาน “นายช่วยออกไปข้างนอกได้มะ”
“ออกไปทำไม”
“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าย่ะ”
“แค่เนี้ย?? อายอารายว้า... เปลี่ยนๆไปเหอะน่าฉันไม่ถือหรอก”
“มัลฟอย!!!” เธอจ้องหน้าเขาอย่างดุดัน
“ก็ได้ๆ แค่ล้อเล่นยังมาทำจริงจัง” มัลฟอยบ่นแล้วเดินออกไป
“ห้ามแอบดูเด็ดขาด!” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วปิดประตูดังปัง
“ใครจะไปอยากดูวะ ราบเรียบอย่างกับไม้กระดานอย่างนั้น” มัลฟอยพึมพำ แต่เฮอร์ไมโอนี่ได้ยิน เธอเปิดประตูออกมาแล้วตบหน้าเขาไปฉาดใหญ่ แล้วกระแทกประตูปิดอีกที
“อูย...เจ็บโว้ย!!” เขาตะโกนใส่ประตูเพื่อหวังให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินแล้วยืนพิงประตูระหว่างที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า มัลฟอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องของเฮอร์ไมโอนี่ เรื่องรอนและแฮร์รี่ศัตรูของเขา แต่จู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้เรื่องที่เห็นรอนกันเฮอร์ไมโอนี่จับมือกัน มัลฟอยรีบเปิดประตูอย่างรวดเร็วเพื่อถามเธอเรื่องนี้ แต่เขาลืมไปสนิทว่าเธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
“เกรนเจอร์ ฉันขอ....เหวอ!!!” เขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังใส่เสื้อนักเรียนอยู่ เธอหันมามองเขาอย่างตกใจแล้วหน้าแดง มัลฟอยก็เช่นกัน
“ไอ้บ้ามัลฟอย!!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนลั่นแล้วถีบไปที่ท้องของมัลฟอยอย่างแรงจนเขาหงายหลังไปแล้วปิดประตู เสียงมัลฟอยล้มผสมกับเสียงตะโกนของเฮอร์ไมโอนี่เป็นที่สนใจของพรีเฟ็คบ้านเรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟมาก จนพวกนั้นชะเง้อคอออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“มองอะไร!” เขาตะคอกใส่ พวกพรีเฟ็คบ้านอื่นเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วจึงเข้าไปในตู้ของตัวเองอย่างเดิม มัลฟอยจุกจนลุกไม่ไหว หน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวด เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกมาเพื่อเรียกให้เขาไปเปลี่ยนชุดบ้าง
“นายเป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่กระชากเสียง เธอยังโมโหที่เขาเปิดประตูเข้าไปตอนเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ก็เธอน่ะแหละยัยงี่เง่า ถีบฉันซะจุกเลย อูย...”
“จริงเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างตกใจ เธอลืมความโกรธหมดสิ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของเขา “นายลุกไหวมั้ย”
“โอ๊ย...สบายมากเลยล่ะ” มัลฟอยพูดประชด
เฮอร์ไมโอนี่นั่งคุกเข่าข้างๆเขา “เอาแขนพาดไหล่ฉันสิ” เธอพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวเธอหาว่าฉันแต๊ะอั๋งอีก”
“ยังจะมาคิดเรื่องแบบนี้อยู่เหรอ ฉันจะช่วยนายนะยะ” เธอพูดไม่มีสุ้มเสียงของความเป็นห่วงเหลืออยู่เลย “เอาแขนมาพาดไหล่ฉันซะดีๆ รึจะลุกขึ้นเอง”
มัลฟอยรู้ตัวว่าคงลุกเองไม่ไหวแน่ (ก็แรงถีบของเฮอร์ไมโอนี่มันธรรมดาซะที่ไหนล่ะ) จึงเอาแขนเขาไปพาดไหล่เธอแต่โดยดี แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น ตอนนี้หน้าเขาอยู่ใกล้กับหน้าเธอมาก มัลฟอยจ้องหน้าเธออยู่นาน เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้ตัวจึงรีบปล่อยมัลฟอยลงบนเบาะของเขาทันที
“เจ็บนะ! ปล่อยให้มันนิ่มๆได้รึเปล่าเธอน่ะ” มัลฟอยบ่นแล้วทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าวอย่างเสแสร้ง
“นายรีบๆเปลี่ยนชุดได้แล้ว อีกสิบนาทีเราก็ต้องไปตรวจเวรแล้วล่ะ” เธอพูดแล้วหันหลังไปทางประตู แต่มัลฟอยจับข้อมือเธอไว้ก่อน เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงทันที
“เกรนเจอร์ เธอเป็นแฟนกับวีสลีย์รึเปล่า” มัลฟอยถามแล้วจ้องตาเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าดวงตาสีซีดนั้นดูอบอุ่นมากกว่าที่จะเย็นชาเช่นเคย
“ฉันจะเป็นแฟนกับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วสะบัดข้อมือเพื่อให้มัลฟอยปล่อยเธอ แต่เขากลับจับข้อมือเธอแน่นเข้าไปอีก
“เธอยังไม่ตอบคำถามฉันนะ” เขาซักต่อ
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเขา!”
“แต่ฉันเห็นเธอกับมันจับมือกันนี่” มัลฟอยพูด ถ้าหูของเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้หลอกเธอล่ะก็ เธอรู้สึกว่าเสียงของมัลฟอยดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้
“บ้าเหรอ! เราแค่เพื่อนกันย่ะ”
“เธอรักมันรึเปล่า เกรนเจอร์” มัลฟอยยังถามไม่เลิก
“มะ...ไม่รู้ ฉันไม่พูดแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่แกะมือของมัลฟอยออก “นายรีบๆเปลี่ยนชุดเหอะ ฉันจะรออยู่ข้างนอกนะ” เธอเดินสะบัดออกไปข้างนอกแล้วปิดประตูดังปัง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รอมัลฟอยเปลี่ยนชุดอยู่นั้น รอนก็วิ่งตึงตังมาหาเธอ เขาเซนิดหน่อยเพราะความโคลงเคลงของรถไฟ รอนยืนหอบอยู่ข้างๆเธอก่อนที่จะพูดว่า “ฮะ...เฮอ..ไม...โอนี่ มัลฟอย...ทำอะ..ไรเธอ รึป่าว”
“ตาบ้านั่นเหรอจะกล้าทำอะไรฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วยิ้มให้รอน นี่เขาเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เธอไม่ได้พูดความจริงหรอก เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอบอกว่ามัลฟอยเปิดประตูตอนที่เธอเปลี่ยนชุดล่ะก็ รอนต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ “แล้วซูซานล่ะ เขาตรวจเวรกับเธอไม่ใช่เหรอ”
พูดไม่ทันขาดคำ ซูซาน โบนส์เดินตึงตังมาอย่างรวดเร็ว มือกุมหน้าผากไว้
“นี่นายเป็นบ้ารึไงวีสลีย์!!!” เธอแผดเสียง “พอหมดเวลาปุ๊บก็วิ่งมาปั๊บ ฉันก็คิดว่าเกิดเรื่องอะไรซะอีก นายวิ่งมาได้ยังไงถามจริงๆเหอะโคลงเคลงออกอย่างนี้น่ะ แล้วดูสิ ฉันวิ่งตามนายมาจนหกล้มเลย” เธอเอามือออกแล้วชี้ไปที่หน้าผาก เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่ามันโนเป็นลูกมะนาว “นายนะ..โว้ย!!เจ็บชะมัดเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เฮอร์ไมโอนี่ ถ้ามันทำอะไรเธอเข้า รีบร้องให้ฉันช่วยเลยนะ” รอนกระซิบที่ข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อได้เวลาตรวจเวรของเธอกับมัลฟอยแล้ว
“วีสลีย์!!!!นายมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันยังด่านายไม่จบที่ทำให้หัวของฉันเป็นแบบนี้” ซูซานตะโกนออกมาจากด้านใน
“รู้แล้วโว้ย!!” รอนตะโกนกลับไปแล้วยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่หนึ่งทีก่อนจะเดินกลับไปข้างใน เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงซูซานแผดเสียงทันที
“จะไปรบรึไงเธอน่ะ” มัลฟอยถามขณะที่กำลังเดินไปตรวจเวร
“หมายความว่าไง”
“ก็เห็นออกมาให้กำลังใจกันจัง ฉันจะบอกให้รู้นะว่าเราแค่ไปตรวจเวรเฉยๆ ไม่ได้ไปกอบกู้ชาติ”
“เรื่องของฉัน!!!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหงุดหงิด
ทั้งสองคนเดินตรวจไปเรื่อยๆจนถึงช่วงต่อของรถไฟตู้หนึ่งกับอีกตู้หนึ่ง ระหว่างที่กำลังจะข้ามไปที่รถไฟอีกตู้หนึ่งนั้นเฮอร์ไมโอนี่เกิดทรงตัวไม่อยู่เพราะความโคลงเคลง เธอล้มหน้าคะมำลงไปแต่ดีที่มัลฟอยคว้าเอวเธอไว้ทัน
“ขอบใจที่ช่วย” เธอพูดห้วนๆ “ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ” มัลฟอยถามยิ้มๆ
“ยังจะมาถามอีก ปล่อยช้าน....” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน
“ก็ได้จ้ะ” เขาพูดแล้วปล่อยเอวเธอ
“นายมาพูดจ๊ะจ๋ากับฉันทำไม”
“อยากพูด”
“ชึ่ย!! ประสาท” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับไปที่ตู้พรีเฟ็คหลังจากเดินตรวจรถไฟทั้งขบวนแล้ว
“อะไร”
“ฉันขอถอนคำพูด”
“คำพูดอะไรของนาย” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย
“ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้าไปตอนที่เธอเปลี่ยนชุดน่ะ เธอหุ่นดีเกินคาดแฮะ ไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิดเลย” มัลฟอยหัวเราะหึๆ
“อยากโดนถีบอีกใช่มะ” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ(และอายด้วย)
“เปล้า!!!”
“งั้นหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” เธอสั่ง
“นี่เกรนเจอร์” มัลฟอยยังไม่หยุดพูด “เธอจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะ..”
“จะอะไร” เฮอร์ไมโอนี่สวนขึ้นมาทันที
“จะทำอย่างนี้ไง” มัลฟอยพูดแล้วก้มลงมาหอมแก้มเธอเบาๆและรวดเร็ว แล้วเขาก็เดินลิ่วๆไปยังตู้ของพรีเฟ็ค ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนหน้าแดงอยู่คนเดียว
“เขาจูบฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ “เขาจูบฉัน..”
เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงอยู่ซักพักแล้วก็ได้สติ
“ไอ้บ้ามัลฟอย!!!!” เธอตะโกนลั่น “มาให้ฉันถีบซะดีๆ ไอ้คนฉวยโอกาส”


บทที่ 3 ความโกรธของเฮอร์ไมโอนี่

“ให้ตายเถอะแฮร์รี่ นายคืนดีกับโชจริงๆเหรอ” รอนถามแฮร์รี่ขณะที่พวกเขากำลังทำการคัดสรรอยู่
“อื้ม!” แฮร์รี่ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ
“แต่เค้าเคยทิ้งนายมาครั้งนึงแล้วนะ นายจะไม่..เอ่อ..หาคนที่ดีกว่านี้เหรอ” รอนพูดแล้วชำเลืองมองไปทางจินนี่น้องสาวของเขาที่กำลังดูการคัดสรรอย่างสนุกสนานกับเพื่อน
“นายว่าโชเป็นคนไม่ดีเหรอ?” แฮร์รี่พูดเสียงเขียว
“กะ..ก็...ไม่เชิง อ๊าก!!! แฮร์รี่ๆ อย่า!!” รอนร้องลั่นเพราะแฮร์รี่เอาแขนล็อกคอเขาไว้ รอนดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ “เฮอ...มาย..โอหนี่..ชะ..ช่วยล่วย..”
“พวกเธอสองคนนี่เงียบๆกันได้มั้ย พิธีคัดสรรเสร็จแล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดดุๆ รอนหยุดโวยวายทันทีและแกะแขนแฮร์รี่ออกจากคอของเขา แฮร์รี่จ้องรอนตาเขียวที่รอนไปว่าโช
“นี่แฮร์รี่ ทำไมนายถึงเข้าข้างยัยโช แชงนั่นจัง” รอนพูดพลางนวดคอตัวเอง
“เรื่องของฉัน!!”
“พอนายมีความรักแล้วดูซื่อบื้อๆยังไงก็ไม่รู้นะ” รอนหัวเราะเยาะ
“ฉันก็ยังซื่อบื้อน้อยกว่านายละกัน รักใครชอบใครแล้วเงียบอยู่อย่างเนี้ย ระวังเหอะไม่รีบคว้าเดี๋ยวคนอื่นจะแย่ง” แฮร์รี่กระซิบข้างหูรอนแล้วบุ้ยใบ้ไปทางเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด
รอนหน้ามุ่ยทันทีแต่แล้วเขาก็ยิ้มสดใสเมื่ออาหารปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาหยิบอาหารใส่ปากเท่าที่จะยัดได้แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
“นี่เธอรู้มะ เฮอมาย..โอนี่” รอนพูดทั้งๆที่อาหารยังเต็มปาก
“กินให้เสร็จแล้วค่อยพูดก็ได้ย่ะ”
“ก้อล่าย..” รอนรีบเคี้ยวและกลืน “ยัยโบนส์นั่นน่ะสุดยอดแห่งความประสาทเลย จริงๆนะแฮร์รี่”เขาเอื้อมมือไปตักอาหารใส่จานจนพูน “ตอนที่เปลี่ยนชุดนักเรียนน่ะ ยัยนั่นวี๊ดว้ายชะมัด ขนาดฉันออกมายืนรอเค้าเปลี่ยนชุดยังกรี๊ดกร๊าดไม่เลิก ยังมาหาว่าฉันจะแอบดูซะงั้น หุ่นอย่างกะแหนมใครเค้าจะอยากดู” แฮร์รี่ เนวิลล์และเชมัสหัวเราะก๊าก (แฮร์รี่อารมณ์ดีขึ้นเมื่ออาหารเข้าปากเหมือนรอน) แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ขำด้วย พอรอนพูดแบบนี้ขึ้นมาเธอก็นึกถึงเหตุการณ์บนรถไฟทันที
‘น่าขายหน้าชะมัด’ เธอคิด ‘ทำไมฉันถึงไม่ตบเขาซักฉาดตอนที่เขาหอมแก้ม ทำไมฉันต้องเขินด้วย ทำไมฉันถึงต้องสงสารเขาเวลาที่ทำหน้าเจ็บปวด ฉันต้องสะใจมากกว่าสิ ทำไมๆๆๆ’
เฮอร์ไมโอนี่ใช้ส้อมจิ้มฉึกๆลงไปบนเสต็กของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างโมโห
“ไปเก็บกดมาจากไหนล่ะเธอ” รอนถามอย่างสงสัย
“เงียบเหอะรอน” เธอพูดแล้วเอาพายไส้เนื้อบดยัดปากเขา
“ยี้!!!!” รอนร้องแล้วเอาพายออกจากปาก “คราวหลังเอาพายไส้อื่นได้มะเฮอร์ไมโอนี่ ฉันกินเนื้อบดมาตลอดชีวิตแล้วจากแซนด์วิชแม่ฉันน่ะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันรุ่งขึ้น ทั้งโรงเรียนงดการสอนเพราะมีการประชุมของอาจารย์ทุกคน (“ประชุมเรื่อง ‘คนที่นายก็รู้ว่าใคร’ แหงเลย พนันได้ว่าอาจารย์ทุกคนเป็นสมาชิกของภาคี” รอนบ่นให้เฮอร์ไมโอนี่ฟัง) ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทองของนักเรียนทุกคนที่จะมีอิสระก่อนที่จะไปหน้าดำคร่ำเครียดกับการเรียนในวันรุ่งขึ้น นักเรียนส่วนใหญ่จึงมักไปนั่งอยู่ริมทะเลสาบกัน รอนกับแฮร์รี่ก็เล่นหมากรุกกันเหมือนเดิมโดยมีเนวิลล์นั่งดูแล้วหัวเราะชอบใจเมื่อแฮร์รี่แพ้รอนเป็นรอบที่หก และมีเฮอร์ไมโอนี่นั่งบ่นพวกเขาว่าไม่ยอมไปท่องหนังสือเตรียมบทเรียน
“ขืนฉันใช้ชีวิตอย่างเธอฉันคงเครียดตายล่ะ” แฮร์รี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ช่าย...ถามจริงเหอะ เธอไม่สำลักตัวหนังสือตายรึไง” รอนพูดติดตลก ทำให้เนวิลล์ที่เส้นตื้นขำซะท้องคัดท้องแข็ง
เฮอร์ไมโอนี่เดินปึงปังออกไปอย่างโมโหที่รอนกับแฮร์รี่ไม่สนใจจะเตรียมบทเรียน “ใกล้สอบเมื่อไหร่อย่ามาขอร้องให้ฉันช่วยล่ะ” เธอพึมพำแล้วเดินไปที่ประจำของเธอ...ห้องสมุดไง...
‘โห...ขนาดมาดามพินซ์ยังไม่อยู่เลย ประชุมอะไรกันขนาดนี้เนี่ย’ เธอคิดเพราะในห้องสมุดนั้นว่างเปล่าและไร้ผู้คน เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหยิบหนังสือจากชั้น ‘สมุนไพรและพืชวิทยา’ มาสองเล่ม และจากชั้น ‘ทักษะการแปลงร่างชั้นสูง’ มาหนึ่งเล่ม จากนั้นก็ไปนั่งที่ประจำของเธอที่อยู่หลังห้องเพื่อจะได้ไม่มีใครมารบกวน (ความจริงนั่งตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ วันหยุดทั้งทีใครเค้าจะมาอ่านหนังสือกันล่ะ)
“ไงเกรนเจอร์”
เสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังอ่านหนังสืออยู่
‘อย่าให้เป็นเขาคนนั้นเลย’ เธอคิด ‘ขอร้องล่ะ อย่าใช่เขา...อย่าใช่เขา’
เธอเงยหน้าขึ้น คำขอของเธอไม่เป็นผล เดรโก มัลฟอยยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าเธอ
“นายมาทำอะไรที่นี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างหงุดหงิด
“เปล้า..ฉันแค่จะมาอ่านหนังสือ”
เฮอร์ไมโอนี่พ่นลมออกจมูกดังพรืด อย่างมัลฟอยน่ะรึจะอ่านหนังสือ
“ไม่ยักรู้ว่านายชอบอ่านหนังสือ”
“เมื่อก่อนก็ไม่หรอกนะ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกรักหนังสือม้ากมาก..” มัลฟอยทำหน้าทำตาโอเวอร์
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไปโดยพยายามที่จะไม่สนใจมัลฟอยที่กำลังร้องเพลงอยู่ใกล้ๆ
“Hermione..I love you...oh...la la la”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้ว ถึงเธอจะไม่รู้เรื่องเพลงมากนักแต่เธอก็พอจะรู้ว่าเนื้อร้องและทำนองแบบที่มัลฟอยร้องไม่มีอยู่ในโลกดนตรีแน่นอน
“เพลงอะไรของนายน่ะ”
“หือ?”
“เพลงที่นายร้องอยู่นั่นไง เพลงอะไรฉันไม่เคยได้ยิน”
“เธอไง” มัลฟอยตอบแล้วยิ้ม
“หา?” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ
“เพลงของเธอ เกรนเจอร์”
“แล้วทำไมต้องมีไอเลิฟยูอะไรนั่นด้วย”
“ถ้าเธอไม่ถือนะ นั่นเป็นการสารภาพรักล่ะ” มัลฟอยพูดแล้วร้องเพลงต่อ
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงแล้วลุกขึ้นทันที เธอเดินออกจากห้องสมุดไปโดยไม่สนใจที่จะเก็บหนังสือให้เข้าที่ มัลฟอยเดินตามเธอมาพร้อมกับร้องเพลง ‘เฮอร์ไมโอนี่’ ไปด้วย เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่มัลฟอยก็ยังตามทัน แม้ว่าเธอจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วก็ตาม มัลฟอยก็ยังคงไล่เธอทัน ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดกับเขา
“นายตามฉันมาทำไม ฮึ”
“ก็ฉันรักเธอไงล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยืนตัวแข็ง อ้าปากน้อยๆอย่างตกใจ แต่จู่ๆมัลฟอยกลับหัวเราะก๊ากออกมา
“ดูทำหน้าเข้าดิ คิดว่าฉันพูดจริงรึไง น้ำหน้าอย่างเธอใครจะเอา หัวฟูออกอย่างนี้”
เฮอร์ไมโอนี่ต่อยหน้ามัลฟอยอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เธอโมโหที่มัลฟอยดูถูกว่าคนอย่างเธอจะไม่มีคนมาชอบ มัลฟอยหงายหลังลงไปเพราะพลัง(โกรธ)อันมหาศาลของเฮอร์ไมโอนี่
“ไอ้บ้า!! คอยดูนะฉันจะเกลียดนายไปตลอดชีวิตเลย!!!” เธอพูดแล้วเดินตึงตังกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์
“แรงช้างจริงๆยัยนี่” มัลฟอยพูดกับตัวเองพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก เขามองเฮอร์ไมโอนี่จนลับสายตาแล้วยิ้มน้อยๆกับตัวเอง


บทที่ 4 คำสารภาพ

เฮอร์ไมโอนี่เดินตึงตังมาที่ห้องนั่งเล่นรวม แล้วนั่งลงบนโซฟาที่ว่าง เธอมองไม่เห็นครุกแชงค์ที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาตัวนั้นจึงนั่งทับมันเต็มๆ ครุกแชงค์ร้องแป๊วด้วยความเจ็บแล้ววิ่งแน่บไปที่หอนอนหญิง แฮร์รี่ รอน และเนวิลล์มองเธออย่างงงๆ
“เธอเป็นอะไรไปน่ะเฮอร์ไมโอนี่” เนวิลล์ถามขณะที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับแฮร์รี่ โดยมีรอนนั่งแคะเล็บอยู่ข้างๆอย่างเมามัน (แฮร์รี่ขอร้องให้รอนหยุดเล่นเพราะยังไงรอนก็ชนะทุกตาอยู่แล้ว)
“ควีนไปที่ซีสาม” แฮร์รี่สั่งตัวหมากรุกของเขา “โมโหใครมาน่ะเธอ”
“มัลฟอย”
“แจ๋ว!!” แฮร์รี่ตะโกนลั่นที่เขาเล่นหมากรุกชนะเนวิลล์จนได้ (เนวิลล์ชนะเขามาสองรอบ)
“เล่นอีกเหอะแฮร์รี่” เนวิลล์พูด
“ม่ายล่ะ เล่นไพ่สแนประเบิดปังดีกว่า”
“โอเค!” เนวิลล์บอกแล้วก้มลงไปหยิบไพ่ที่วางอยู่บนพื้น
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าด้วยความเซ็งที่ไม่มีใครสนใจเธอเลย เธอจึงเดินสะบัดไปที่หอนอนหญิงแล้วปิดประตูดังปัง รอนหยุดแคะเล็บทันที
“อะไรของเค้าวะ” แฮร์รี่บ่นพึมพำ แล้วหันไปหารอน “เฮ้ย..รอน ตามเธอไปดิ”
“ไม่บอกฉันก็ไปอยู่แล้ว” รอนแยกเขี้ยวยิงฟันให้แฮร์รี่แล้ววิ่งไปที่หอนอนหญิง เขาหยุดกึกก่อนที่จะถึงบันไดแล้วครุ่นคิด
“ไม้กวาด แอ๊กซีโอ!” รอนพูดแล้วไม้กวาดของรอนก็บินออกจากหอนอนชายมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“ทำอะไรของนายน่ะ” แฮร์รี่ถามงงๆ
“จำไม่ได้เหรอ เมื่อปีก่อนที่เราพยายามขึ้นไปแต่ก็ดันไถลลงมาซะก่อนนี่” รอนเตือนความจำเขาเมื่อตอนที่ทั้งสองคนพยายามขึ้นไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่หอนอนหญิงเพื่อไปบอกข่าวของยัยหน้าคางคกอัมบริดจ์
“เออแฮะ” แฮร์รี่นึกขึ้นมาได้
“คราวนี้คงปลอดภัยนะ เพราะฉันไม่ได้ขึ้นบันไดไป”
“โชคดีเพื่อน” แฮร์รี่ตะโกนตามหลังรอนไปเมื่อเขาขึ้นขี่ไม้กวาดแล้วบินขึ้นไปที่หอนอนหญิง
“โชคดีรอน!” เนวิลล์พูดบ้างแล้วหันมาทางแฮร์รี่ “เรื่องอะไรเหรอ”
“ช่างเหอะเนวิลล์ เล่นไพ่กันต่อดีกว่า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่บนเตียงของเธอพลางเกาคางให้ครุกแชงค์ไปด้วย มันร้องครางเบาๆอย่างสบาย รอนเปิดประตูเข้ามาแล้วมานั่งข้างๆเธอ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งด้วยความตกใจ
“รอน!” เธอพูดแล้วหันไปมองไม้กวาดของเขา “เอาไม้กวาดมาทำอะไรยะ จะมากวาดห้องเหรอ”
“ก้อตอนนั้นฉันเดินขึ้นมาหาเธอไม่ได้ คราวนี้ก็เลยบินขึ้นมาไงล่ะ”
“หึ..ตาบ้า ออกไปได้แล้วน่า” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นหน้ารอน
“เธอโมโหใครมา มัลฟอยเหรอ” รอนถาม เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า รอนขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “มันทำอะไร”
เฮอร์ไมโอนี่นิ่งไปครู่หนึ่งพลางครุ่นคิดว่าเธอจะบอกเขาดีไหมเรื่องมัลฟอย แต่ในที่สุดเธอก็พูดว่า “เปล่าหรอก ฉันแค่เห็นหน้ามัลฟอยเลยอารมณ์เสียน่ะ เอ๊ะ!!นี่เธอไม่เชื่อฉันรึไง”
“เชื่อสิ ฉันเชื่อเธออยู่แล้ว” รอนพูดยิ้มแป้น
“งั้นก็ออกไปได้แล้วพ่อคุณ” เฮอร์โอนี่พูดแล้วผลักหน้าอกเขาเพื่อให้ออกไป แต่รอนกลับกุมมือของเธอไว้แน่น(มุขเดียวกะมัลฟอยเลยนะ)
“ฉันรักเธอ” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง แต่รอนก็พูดต่อว่า “ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่ ถ้าเธอจะให้ฉันลอกการบ้านทุกวัน ฮ่าๆ”
รอนปล่อยมือเธอแล้วลุกออกไปจากเตียง เขาหันมายิ้มกว้างให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะออกไปจากหอนอนหญิง
“ช่างอำเลยตาคนนี้ ใช่ไหมจ๊ะครุกแชงค์” เฮอร์ไมโอนี่หันมาพูดกับครุกแชงค์แล้วยิ้ม (เออแฮะ พูดกับแมวก็รู้เรื่องด้วย) เธอไม่ได้ติดใจอะไรเป็นพิเศษกับเรื่องนี้เพราะคิดว่ารอนพูดเล่น
แต่รอนพูดจริง ไม่ใช่ประโยคหลัง แต่เป็นสามคำแรก...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รอนเดินยิ้มแป้นมานั่งข้างๆแฮร์รี่ที่กลับมาเล่นหมากรุกกับเนวิลล์อีกรอบ (แฮร์รี่มุมานะที่จะฝึกปรือฝีมือเพื่อเอาชนะรอนให้ได้) แฮร์รี่เห็นท่าทางที่มีความสุขของรอนจึงยิ้มและพูดขึ้น “นายพูดออกไปแล้วใช่ไหม”
“หือ? อะไร...อ๋อ ใช่แล้วแฮร์รี่”
“พูดอะไรเหรอ” เนวิลล์ถาม
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ” แฮร์รี่พูดต่อโดยไม่สนใจเนวิลล์
“โล่งอก”
“เรื่องของเฮอร์ไมโอนี่ใช่มะ” เนวิลล์ถามเสียงดัง
แฮร์รี่กับรอนหันมามองหน้าเนวิลล์อย่างตกใจ
“ใครบอกนาย” รอนถาม
“ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่านายชอบเฮอร์ไมโอนี่ นายดูง่ายจะตาย” เนวิลล์พูดอย่างสบายๆแล้วหันไปจ้องกระดานหมากรุกต่อ
“รู้กันทุกคนเลยเรอะ??” รอนถามอย่างไม่น่าเชื่อ งั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้แล้วล่ะสิ
“เปล้า...แค่พวกเราผู้ชายด้วยกันเท่านั้นแหละ พวกผู้หญิงเค้าไม่ค่อยสนใจหรอก”
รอนมีสีหน้าโล่งอกขึ้นมาทันที มีเสียงปิดประตูดังปังมาจากหอนอนหญิง รอนหน้าแดงเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินลงมาอย่างร้อนรน เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งทำท่าจะออกไปจากหอ รอนรีบถามขึ้นทันที “เธอจะไปไหน”
“ฉันลืมเก็บหนังสือที่ห้องสมุดน่ะสิ”
“ปล่อยมันไว้งั้นแหละ เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บให้เอง”
“ฉันจะเก็บ! ฉันเป็นคนเอามันออกมานะยะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะปล่อยไว้งั้นแหละ” รอนพูด
“ก็เธอมันเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบไง ตาทึ่ม!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วเดินออกไปจากหอทันที แฮร์รี่กับเนวิลล์มองหน้ากันอย่างงๆในท่าทีของเธอ
“รอน..นายแน่ใจเหรอว่าบอกรักเฮอร์ไมโอนี่ไปแล้วน่ะ” แฮร์รี่ถามอย่างสงสัย “ทำไมเธอยังไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ที่จริงมันต้องเขินดิเวลาเจอหน้ากัน”
รอนเองก็งงไม่แพ้แฮร์รี่เหมือนกัน


บทที่ 5 ไม่มีเหตุผล

เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปที่ห้องสมุดอย่างรีบร้อน ‘ให้ตายสิ’ เธอคิด ‘ฉันเป็นยัยแก่ขี้ลืมตั้งแต่เมื่อไหร่นะ’ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปตลอดทางจนถึงมุมที่เธอมาอ่านหนังสือบ่อยๆ หอบแฮ่กๆ หนังสือที่ลืมวางอยู่บนโต๊ะและอยู่ในมือของใครบางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอาหนังสือเล่มนั้นบังหน้าไว้ เธอรู้ทันทีว่าเป็นใคร
“เอาหนังสือฉันมานะมัลฟอย”
“โอ้..สวัสดีแม่สาวน้อย” มัลฟอยวางหนังสือลงแล้วทำเสียงเหมือนนักบุญ
“ไปหวัดดีแม่นายก่อนเหอะ เอาหนังสือฉันคืนมา”
เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือไปหยิบหนังสือบนมือเขา แต่มัลฟอยชูขึ้นเหนืออากาศ
“แหมๆๆ ไม่ทักทายกันดีๆหน่อยรึ?”
“เอาหนังสือของฉันคืนมา!!” เธอตะโกนแล้วเอื้อมไปหยิบได้สำเร็จ เฮอร์ไมโอนี่เดินไปเก็บหนังสือที่ชั้น มัลฟอยลุกออกจากเก้าอี้แล้วโอบแขนรอบตัวเธอจากด้านหลัง เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากเส้นผมหนาสีน้ำตาลและสัมผัสถึงไอร้อนจากแก้มที่แดงแจ๋ของเฮอร์ไมโอนี่
“มะ...มัลฟอย” เธอพูดตะกุกตะกัก
“จ๋า...” มัลฟอยพูดแล้วกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นเข้าไปอีก ยิ้มน้อยๆ
“มาจ๋าเจ๋ออะไร ปล่อยชั้น!!!!”
“ฉันรู้ว่าเธอก็มีใจ เพราะไม่เห็นเธอขัดขืนเลยนี่”
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา ‘ หุ่นกุ้งแห้งอย่างนี้ทำไมแรงเยอะนะนักนะ’ เธอคิดอย่างฉุนๆ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้แล้วว่าคงออกจากอ้อมกอดของมัลฟอยไม่ได้แน่นอน เธอจึงหยุดดิ้นแล้วหันมาประจันหน้ากับเขา แล้วยิ้มอย่างอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อย่ากอดแน่นนักสิ ฉันเจ็บนะ” เธอกระซิบเบาๆ
มัลฟอยซึ่งงงกับท่าทีที่อ่อนหวานที่ต่างจากเมื่อกี้ยังกะฟ้ากับดินของเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดว่าอะไร แต่ยอมคลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้น เฮอร์ไมโอนี่กอดเขาบ้างแล้วเอาหน้าซบกับบ่าอันแข็งแรงของเขา
“ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเบาเข้าไปอีก “เอาหูมาใกล้ๆสิ”
มัลฟอยไม่ได้เอะใจกับท่าทีที่อ่อนหวานของเธอ (ความจริงเขาชอบแบบนี้ซะด้วยสิ) จึงเอนหูเข้าไปใกล้ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อรอฟังบางสิ่งที่เธอจะบอกเขา
“ไอ้บ้า!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนดังลั่นกรอกหูของมัลฟอย เขารีบปล่อยเธอทันทีแล้วเอามือมาปิดหู เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังมากเสียจนเขาเกือบจะแน่ใจว่าหูเกือบหนวกซะแล้ว
“จำไว้นะไอ้คนเฮงซวย!! ขืนทำแบบนี้อีกฉันจะทำให้ก้นนายมีฝีร้อยเม็ดเลยคอยดู!!!” เธอตะโกนด่าเขาก่อนที่จะวิ่งออกไปจากห้องสมุดอีกหน
“นะ..หนอย..นังนี่” มัลฟอยพูดแล้วทำหน้าเหยเก เขายังไม่หายมึนกับเสียงอันดังของเฮอร์ไมโอนี่ที่กรอกหูเขา “คอยดูบ้างละกัน คราวหลังฉันจะทำให้มากกว่านี้อีก”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สองสามวันต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่นึกถึงสิ่งที่เธอทำลงไป - - กอดมัลฟอย - - ทั้งๆที่เธอคิดว่ามันเป็นแค่แผนการของเธอที่จะออกจากอ้อมกอดของเขาเท่านั้นแต่ก็ยังอดใจเต้นไม่ได้ ‘อย่าบ้าน่ะ’ เธอคิดอย่างฉุนๆกับตัวเอง ‘ไม่มีเหตุผลที่จะมานั่งใจเต้นอย่างนี้นะ เราไม่ได้อยากกอดเขาจริงๆซะหน่อย’ เฮอร์ไมโอนี่นั่งเหม่ออยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวันจนรอนแทบเป็นบ้า เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจที่จะจดโน้ตวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ของศาสตราจารย์บินส์ รอนกับแฮร์รี่จึงผลัดกันจดจนมือเป็นระวิง แม้กระทั่งวิชาคาถาของศาสตราจารย์ฟลิตวิกที่เฮอร์ไมโอนี่มักจะเสกคาถาได้ทุกครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับเสกคาถาไม่ได้ ต้องใช้ความพยายามหลายหนทีเดียวกว่าที่เธอจะเสกคาถาป็น
“นี่เธอเป็นอะไรไปเนี่ย” แฮร์รี่ถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปเรียนวิชาปรุงยา
“ฉันแค่..ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยอยากเรียนเลย”
“โอ้โฮ...ต้องลงเดลี่พรอเฟ็ตชัวร์เลยข่าวนี้” รอนแซว
เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ รอนจึงเงียบเสียงลง
“เออ ว่าแต่ปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง” เธอกระซิบ “พวกภาคีล่ะดีมั้ย”
“แม่ไม่ยอมให้เราเข้าไปยุ่งเลย เราก็ไม่อยากหรอก เกือบตายแล้วมั้ยล่ะครั้งนั้นที่เรายุ่งไม่เข้าเรื่อง ..เอ่อ..โทษทีแฮร์รี่” รอนรีบเสริมท้ายแล้วหันไปยิ้มแหยๆให้แฮร์รี่ เพราะต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาเกือบตายนั้นมาจากแฮร์รี่เองที่หลงกลของโวลเดอร์มอร์
“ไม่เป็นไร มันความผิดฉันจริงๆแหละ” แฮร์รี่ยิ้มฝืนๆ “ถ้าฉันไม่หลงเชื่อจริงๆจังๆ นายก็คงไม่บาดเจ็บ แล้วซิเรียสก็คงไม่ตาย แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเริ่มทำใจได้แล้วล่ะ ฉัน..”
แฮร์รี่ทำท่าจะร้องไห้ออกมาเมื่อพูดถึงพ่อทูนหัวของเขา เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าเป็นห่วง
“อะ...เอ้อ...แล้วร้านของเฟร็ดกับจอร์จล่ะเป็นไงบ้าง” เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด
“อ้อ..ร้านเขานะเจ๋งสุดยอด ลูกค้าตรึมเลยล่ะ แม่น่ะร้องไห้ใหญ่ที่เขาหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว” รอนบอก
“ฮื่อ..เรายังไปขลุกอยู่กับเขาทั้งวันเลย ร้านเขาเจ๋งจริงๆ” แฮร์รี่ที่เพิ่งทำใจแล้วหันมาพูดบ้าง (แฮร์รี่ไปพักอยู่กับรอนตลอดเวลาหลังจากไปพักกับพวกเดอร์สลีย์ได้สองอาทิตย์)
“แหม...เธอนี่ดีชะมัด ฉันเบื่อจะตาย ต้องไปหายายที่ต่างจังหวัด แล้วยังต้องช่วยเลี้ยงลูกของป้าอีก เฮ้อ..” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอิจฉา
พวกเขาเดินมาถึงคุกใต้ดินแล้วจึงเงียบไม่พูดอะไรกันอีก มัลฟอย แครบ กอยล์และแพนซี่ พาร์กินสันนั่งหัวเราะกันอยู่ที่โต๊ะริมทางเดิน มัลฟอยหันมาเห็นเฮอร์ไมโอนี่จึงแกล้งเอาขามาขวางทางเดิน เฮอร์ไมโอนี่สะดุดล้มปากแตก รอนรีบพยุงให้เธอลุกขึ้น แครบ กอยล์และแพนซี่หัวเราะเยาะเสียงดัง แต่มัลฟอยไม่ขำด้วย เขาเพียงต้องการที่จะแกล้งเธอเล่นๆไม่คิดว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเจ็บจริง
“ไอ้หน้าตูด!!!” รอนหันมาด่ามัลฟอยแล้วกระโดดเข้าไปหมายจะต่อยเขาแต่แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่รั้งเขาไว้ทัน
“รอน!! อย่านะ” เธอพูด “ฉันขอร้อง”
รอนหยุดดิ้นทันทีแล้วจ้องมัลฟอยอย่างเกลียดชัง แฮร์รี่ลากรอนไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะไปรอนหันมาหามัลฟอยแล้วชูมือเพื่อทำเครื่องหมายหยาบคาบใส่ แครบและกอยล์เบ่งกล้ามขู่
“ทำไมเธอต้องห้ามฉันด้วยนะ” รอนพูดอย่างโมโหเมื่อพวกเขานั่งที่ รอสเนปเข้ามาสอน
“เธอจะเสียเปรียบน่ะสิ ไม่ใช่เรื่องกำลังหรอก แต่ถ้าสเนปเข้ามาแล้วเธอจะต้องเดือดร้อน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแผ่วเบา
เธอหันไปมองมัลฟอยที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน เขามีสีหน้าที่รู้สึกผิด และด้วยเหตุใดก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มมัลฟอยนิดนึงแล้วกันมาพูดกับรอนต่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้
มัลฟอยเองก็ยิ้มให้เธอน้อยๆเมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันไปแล้ว....


บทที่ 6 ใจอ่อน

แฮร์รี่ถูกแอนเจลิน่าเลือกให้เป็นกัปตันทีมควิดดิชก่อนที่เธอจะออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับแคตี้ เบลล์และอลิเซีย สพินเน็ตเมื่อจบการศึกษาแล้ว (แอนเจลิน่าสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขาถอนตัวออกจากการเป็นกัปตันทีม) ถึงตอนนี้เขาต้องหาลูกทีมมาเพิ่มอีกสี่คนให้ได้ ก่อนที่จะมีการแข่งควิดดิชในอีกสองเดือนข้างหน้ากับทีมสลิธีริน (มัลฟอยเองก็เป็นกัปตันทีมเช่นกัน) ตอนนี้ในทีมของเขามีแค่เขาซึ่งเล่นเป็นซีกเกอร์ กับรอนซึ่งเป็นคีปเปอร์ และจินนี่น้องสาวของรอนที่เป็นเชสเซอร์ (จินนี่กรี๊ดกร๊าดอย่างดีใจที่ได้เล่นตำแหน่งที่ถนัด) แฮร์รี่จึงติดประกาศไว้ที่ห้องนั่งเล่นรวมถึงการคัดเลือกนักควิดดิชในอีกสามวันข้างหน้า
“ให้ตายเถอะ ฉันเนี่ยนะเป็นกัปตันทีม” แฮร์รี่บ่นพึมพำขณะที่กำลังนอนเอกขเนกอยู่บนเตียง
“ทำไมล่ะ นายก็ออกจะเก่ง” รอนพูด เขากำลังง่วนกับการติดธงทีมชัดลีย์ แคนนอนส์แทนธงผืนเก่าที่เปื่อยแล้วไว้บนหัวเตียง ทีมนี้เป็นทีมควิดดิชทีมโปรดของเขา
“ช่าย..ฉันก็ว่างั้น” เชมัสพูดบ้าง เขากำลังบรรจงเช็ดกรอบรูปของลาเวนเดอร์ บราวน์อย่างเอาจริงเอาจัง (เชมัสคบกับลาเวนเดอร์ได้สี่เดือนแล้ว)
“ฉันไม่รู้ว่าต้องทำไงบ้างนี่” แฮร์รี่พูดอย่างเหนื่อยใจ
“มันจาไปยากอาไร้!!” รอนบ่น “แค่ตะโกนแหกปากร้องเย้วๆก็หมดเรื่อง”
“เหมือนวู้ดไงล่ะ” เชมัสพูดถึงกัปตันทีมคนเก่าของทีมควิดดิช “อยากรู้จังว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”
แฮร์รี่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเกียจคร้าน เขากลิ้งมากไปหน่อยจึงตกเตียง รอนกับเชมัสหัวเราะซะจนน้ำตาไหล แฮร์รี่ลุกขึ้นนั่งแล้วขยับแว่นให้เข้าที่
“เงียบเหอะพวกนาย” เขาบอกแล้วกลับไปนอนบนเตียงอย่างเดิม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“แน่ใจเหรอเฮอร์ไมโอนี่ ว่าจะไม่ไปดูการคัดเลือกกัน” แฮร์รี่ถามขึ้นในวันคัดเลือกนักควิดดิช ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ยืนกรานว่าเธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าการบ้านยังไม่เสร็จ
“ฉันเหลืออีกตั้งสองวิชานะรู้มั้ย” เธอพูดอย่างกับว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“ฉันเหลือตั้งสี่วิชายังไม่เห็นเดือดร้อนเลย” รอนบอกอย่างไม่ใส่ใจ
เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างเย็นชา รอนมีท่าทางสงบเสงี่ยมลงทันที
“แฮร์รี่!!” โชยืนโบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้าประตูใหญ่แล้ววิ่งมาหาแฮร์รี่ เธอหอมแก้มเขาเร็วๆหนึ่งที รอนทำท่าอาเจียน
“จะไปกันรึยัง” โชถามเสียงใส (แฮร์รี่ชวนเธอไปดูการคัดเลือกนักควิดดิชด้วย)
“อื้ม..” แฮร์รี่ตอบแล้วจูงมือโชไปที่สนามควิดดิช รอนทำท่าอาเจียนชุดใหญ่ลับหลังเขาสองคน เฮอร์ไมโอนี่ตบหัวเขาดังป้าบ
“เลือกล้อเลียนเขาได้แล้วย่ะ”
“ก้อด้าย...” รอนตอบพลางลูบหัวที่เพิ่งถูกเฮอร์ไมโอนี่ตบ เขาหันมายิ้มให้เธอก่อนที่จะวิ่งตามแฮร์รี่กับโชไป
เฮอร์ไมโอนี่อดสังเกตไม่ได้ว่ารอนมีท่าทีอ่อนโยนมากขึ้นและเถียงเธอน้อยลง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ต้นบีชริมทะเลสาบแล้วนั่งลงเปิดกระเป๋าหยิบเอาการบ้านวิชาอักษรรูณโบราณและวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ออกมา แถวทะเลสาบนั้นเงียบกริบเพราะคนส่วนใหญ่มักจะไปดูการคัดเลือกควิดดิชกันหมด ซึ่งเธอก็ชอบอย่างนี้เพราะจะได้ไม่มีใครมารบกวน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังง่วนกับการเปิดพจนานุกรมอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากกิ่งไม้ข้างบนหัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นแล้วเขยิบออกอย่างรวดเร็วเพราะมีใครคนหนึ่งตกลงมา
“เหวอ!!!”
“ว้าย!!”
‘พลั่ก..’
“อูย...” ใครคนนั้นร้อง เขาตกลงมาแล้วนอนคว่ำหน้าอยู่เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าเป็นผู้ชายผมบลอนด์
“นี่นาย...เป็นอะไรรึเปล่า” เธอคลานไปหาแล้วจับเขาลุกขึ้นนั่งเพื่อดูอาการ
“แขนหักมั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า ไปห้องพยา..เหวย! มัลฟอย!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่าตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นเดรโก มัลฟอย (อีกแล้ว) นั่นเองที่ตกลงมาจากต้นไม้ เธอถอยหนีทันที
“นายขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ”
“หนี..” มัลฟอยตอบเบาๆ
“หนีใคร”
“แพนซี่ พาร์กินสัน”
เฮอร์ไมโอนี่งงกับคำตอบของเขามาก เพราะตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมานั้นเธอ แฮร์รี่ และรอนต่างก็คิดว่ามัลฟอยกับแพนซี่นั้นชอบกัน เพราะไม่ว่ามัลฟอยจะอยู่ที่ไหนแพนซี่ก็อยู่ที่นั่น แถมเมื่องานเต้นรำวันคริสมาสต์เมื่อสองสามปีที่แล้ว มัลฟอยก็ยังควงแพนซี่เป็นคู่เต้นอีกด้วย
“หนีทำไม” เธอถามอย่างสงสัย
“รำคาญน่ะสิ เกาะฉันอยู่นั่นแหละ” มัลฟอยตอบแล้วนวดแขนของตัวเอง
“อ้าว! นายไม่ได้ชอบเขาหรอกเรอะ??”
“ตอนแรกก็ชอบอยู่หรอก เห็นว่าอ้อนนิดอ้อนหน่อยน่ารักดี... ทำหน้างั้นหมายความว่าไง” มัลฟอยเล่าแล้วหันมาว่าเฮอร์ไมโอนี่ เธอพ่นลมออกจมูกแล้วกลอกตาพลางคิดว่าแพนซี่น่ะรึน่ารัก เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “นั่นแหละ แต่ไปๆมาๆชักรำคาญ จากอ้อนก็กลายเป็นตื้อ เซ็งชะมัด อยากถีบยัยนั่นให้ตกทะเลสาบจริงๆ”
เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา ขมวดคิ้วน้อยๆแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะทำการบ้าน”
“ฮื่อ..” มัลฟอยพยักหน้าแล้วเอนตัวนอนใต้ต้นไม้
“อ้าว..นายจะนอนทำไม”
“คนจะนอนยังต้องหาเหตุผลด้วยเรอะ”
“ฉันจะทำการบ้าน” เฮอร์ไมโอนี่พูดซ้ำ
“รู้แล้ว บอกฉันเป็นรอบที่สองแล้วนะเธอน่ะ”
“ฉันไม่มีสมาธิถ้านายยังนอนแผ่หลาอยู่ตรงนี้” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“ฮั่นแน่...ไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่มองฉันใช่มะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งทำการบ้านต่อโดยไม่สนใจมัลฟอย เวลาผ่านไปราวๆสิบห้านาที เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำการบ้านวิชาอักษรรูณโบราณเสร็จ แล้วเริ่มทำการบ้านวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ต่อ ตอนนี้มัลฟอยได้หลับสนิทอยู่ใต้ต้นไม้ซะแล้ว ต่อมาอีกยี่สิบนาทีเฮอร์ไมโอนี่ก็ทำการบ้านวิชาตัวเลขมหัศจรรย์เสร็จ เธอบิดขี้เกียจแล้วหันไปมองมัลฟอยที่ยังหลับอยู่ เธอจ้องเขาอยู่สักพักโดยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้เขาดูหล่อจับใจ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าเพื่อให้ความคิดนี้ออกไปจากหัว แต่จู่ๆก็มียุงมากัดที่หน้าผากของมัลฟอย เธอไม่ลังเลรีบตบยุงดังป้าบ
“เฮ้ย!!” มัลฟอยตื่นขึ้นทันที “โอ้ย...ตบฉานทามม้าย..”
“ยุงกัดนายย่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วแบมือให้เขาดู ยุงผู้โชคร้ายนอนตาปลิ้นไส้ทะลักอยู่บนฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่
“ขอบใจ” มัลฟอยพูดพลางลูบหน้าผาก “แต่คราวหลังตบเบาๆก็ได้ หัวคนนะไม่ใช่ลูกส้มโอ”
“โทษที” เฮอร์ไมโอนี่พูด หัวเราะคิก
มัลฟอยจ้องหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เขยิบมานี่สิ”
“อ๊ะ..ไม่ๆๆ ฉันจะนั่งตรงนี้ล่ะ”
“ฉันไม่ทำอะไรหรอก แดดมันร้อนไม่เห็นรึไงน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าจริง จึงยอมเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆมัลฟอย ทั้งสองเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วมัลฟอยก็เอื้อมมือมาจับมือของเธอ
“ขอจับมือแบบนี้ก่อนได้มั้ย” เขาถาม
“ไม่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแล้วสะบัดมือออก
“หยิ่งนักนะเธอ”
“ขอบใจ” เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“น่า...ขอจับมือหน่อยนะ น้า...” มัลฟอยอ้อน
เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างรำคาญ มัลฟอยเอื้อมมาจับมือเธออย่างดีใจแล้วนั่งเงียบ เวลาผ่านไปห้านาที มัลฟอยเริ่มนั่งขยุกขยิก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนักเพราะมัวแต่นั่งเหม่อไปทางทะเลสาบ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อหัวของมัลฟอยมาอยู่บนตักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาเงยหน้ามองเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้ม
“นี่นาย เกินไปแล้วนะยะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนการกระทำของเขา เธอแอบยิ้มนิดๆ
“น่า...ขอนอนแบบนี้ไปก่อนได้ม้า...” มัลฟอยอ้อนอีก
เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าแถวนี้ไม่มีคนเลยจึงยอมให้เขานอนบนตัก (‘แค่ครั้งนี้แหละน่า’ เธอคิด) ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลย ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง มัลฟอยก็ลุกขึ้นนั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือเธออยู่ดี
“เกรนเจอร์” จู่ๆมัลฟอยก็พูดขึ้น
“อะไร”
“ฉันขอโทษที่ทำตัวบ้าๆใส่เธอในรถไฟกับที่ห้องสมุดนะ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มนิดหนึ่งแล้วคิดว่าเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันที่รู้จักสำนึกผิด
“ช่างเถอะ..ฉันไม่เคยเก็บเอามาคิดให้รกสมอง” เธอพูดอย่างไร้เยื่อใย (มันก็ต้องมีฟอร์มกันหน่อย)
มัลฟอยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอีก
“นี่...เกรนเจอร์”
“อะไรอีกล่ะ” เธอพูดยิ้มๆ
“แค่อยากให้เธอรู้ไว้นะ ที่ฉันทำอย่างนั้นเพราะฉัน..เอ่อ..รักเธอ คราวนี้ฉันพูดจริงนะ” มัลฟอยพูดแล้วจ้องหน้าเธอ
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง เธอพูดอะไรไม่ออก
“ฉันรู้ว่าเธอก็ไม่ได้เกลียดฉันอย่างที่แสดงออกมาใช่มั้ย” มัลฟอยพูด เขาเอาหน้ามาใกล้เธอ
“มะ..ไม่รู้สิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแล้วหน้าแดง
หน้าของมัลฟอยใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว
“ดะ...เดี๋ยวก่อน มะ..มัลฟอย”
เขาไม่ฟังเสียงเธอ แต่กลับเอาหน้าเข้ามาใกล้อีก..ใกล้อีก จนตอนนี้ทั้งสองได้รู้สึกลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน....


บทที่ 7 น้ำตาของรอนกับความในใจของเฮอร์ไมโอนี่

“นี่เธอไปทำการบ้านถึงไหนน่ะฮึ??” รอนถามเฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอเพิ่งกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมตอนหกโมงครึ่ง รอนกันแฮร์รี่นั่งรอเธออยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อไปทานหารเย็นพร้อมกัน
“ริมทะเลสาบ ฉะ...ฉันเพลียน่ะเลยนอนหลับไป” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแล้วหน้าแดง
“หลับลึกมากรึไง ดีแค่ไหนแล้วที่ปลาหมึกยักษ์ไม่ลากเอาไปงาบ”
“เงียบเหอะรอน” เธอพูดอย่างรำคาญ แล้วหันมาหาแฮร์รี่ “การคัดเลือกเป็นไง”
แฮร์รี่ยักไหล่ “เชมัสกับคอลินเป็นบีตเตอร์ ลาเวนเดอร์กับปาราวตีเป็นเชสเซอร์”
“ปาราวตีกะลาเวนเดอร์เนี่ยนะเล่นควิดดิช??”
“อย่าดูถูกพวกเขาเชียวนะ เหาะเก่งชะมัดยาดเลย” แฮร์รี่พูด
“ช่าย...แล้วเชมัสกับคอลินนี่เทียบเฟร็ดกับจอร์จได้สบายๆเลยล่ะ” รอนบอกอย่างทึ่งๆ ท้องของเขาร้องโครกคราก รอนยิ้มแหยๆ “จะไปกินกันได้ยัง? หิวจะตายชัก”
ดังนั้น ทั้งสามคนจึงเดินไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อรับประทานอาหารเย็น ระหว่างที่แฮร์รี่กำลังเดินผ่านโต๊ะเรเวนคลอนั้น โชก็เรียกเขาเสียงดัง “แฮร์รี่ๆ มานี่หน่อยสิ เฮ้ แฮร์รี่!!”
“พวกนายไปกันก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันตามไป” แฮร์รี่หันมาพูดกับเพื่อนแล้ววิ่งไปหาโช “มาแล้วจ้า...”
“เฮ้อ...เอียนชะมัดสองคนนี้” รอนบ่นพึมพำเมื่อแฮร์รี่วิ่งไปแล้ว
“หึ...อิจฉาเขาล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“ก็...นิดหน่อยนะ แหม...เมื่อไหร่ฉันจะมีแบบนี้บ้างก็ไม่รู้” รอนพูดแล้วชำเลืองมองเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังพูดถึงเธอ
“มีคนที่ชอบแล้วล่ะสิ เอ้า!!รีบไปบอกเขาซะนะเดี๋ยวก็แห้วหรอก” เธอพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ปล่อยให้รอนยืนงงอยู่คนเดียว
“อะไรวะ” เขาพูดกับตัวเอง “ฉันบอกเธอไปแล้วไง นี่เธอแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆรึไงว่าฉันรักเธอ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น แฮร์รี่และรอนสังเกตว่าเฮอร์ไมโอนี่มักจะวิ่งออกจากห้องโถงใหญ่ทันทีเมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ แล้วจะยังไม่กลับจนกว่าจะสองทุ่มครึ่ง เฮอร์ไมโอนี่อ้างว่าต้องไปที่ห้องสมุด เพราะมาดามพินซ์ขอร้องให้เธอไปช่วยทำงาน
“มันอะไรของเขานักหนานะ” รอนพูดอย่างทนไม่ไหวเมื่อเฮอร์ไมโอนี่วิ่งออกไปจากห้องโถงใหญ่ทันทีเมื่อทานอาหารเย็นอย่างรีบร้อน “นายว่ามั้ย เฮอร์ไมโอนี่ต้องมีอะไรที่ไม่บอกเรา”
“ฮื่อ..” แฮร์รี่พูดแล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “โอ๊ะ! ขอโทษนะรอน วันนี้โชชวนไปเดินเล่นน่ะ แล้วเจอกันที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ”
แฮร์รี่รีบดื่มน้ำฟักทองเอื้อกๆอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งแน่บออกจากห้องโถงใหญ่ไป ปล่อยให้รอนทำหน้าเซ็งอยู่บนโต๊ะคนเดียว เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอะไรดีเมื่อเพื่อนทั้งสองคนไม่อยู่แล้วตอนนี้ ทำการบ้าน? - - ไม่ล่ะ เดี๋ยวรอลอกของเฮอร์ไมโอนี่ - - เดินเล่น?? - - เมื่อยตายชัก - - ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ รอนลงมือตักพายไก่เข้าปากแล้วเคี้ยว แต่เขาเซ็งจนไม่รับรู้รสชาติอาหารเลยสักนิดเดียว เขาจึงคายออกมาใส่จาน
“ยี้!! พี่รอนทำอะไรน่าเกลียดจังเลย” จินนี่ที่เดินมากะว่าจะนั่งทานอาหารเย็นเป็นเพื่อน ทำหน้าตาขยะแขยง
“ช่างฉันเหอะ ยัยเด็กอมมือ” รอนระบายความโกรธใส่เธอ จินนี่ตบหัวเขาอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ทำ
“พี่อย่ามาพูดกับหนูแบบนี้นะ” เธอพูดโกรธๆ “หนูอุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อนแท้ๆ”
“เออๆ โทษที” รอนพูดแล้วลุกขึ้น แตะหัวจินนี่เบาๆ
“นั่นพี่จะไปไหนน่ะ”
“ไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องสมุด”
จินนี่หน้าซีดทันที “อย่าเพิ่งไปเลย กินเป็นเพื่อนหนูหน่อยสิ”
“ไม่ล่ะ ไม่หิว”
“กะ...กินอะไรก่อนสิ พี่รอน..เดี๋ยว!!!” แต่รอนไม่ฟังเสียง เขาเดินจ้ำอ้าวออกไป
“แย่แล้วสิพี่เฮอร์ไมโอนี่” จินนี่พูดกับตัวเองเบาๆอย่างวิตกกังวล
รอนเดินอย่างรวดเร็วไปที่ห้องสมุด มาดามพินซ์กำลังง่วนอยู่กับการประทับตราบนหนังสือจึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ
“มาดามพินซ์ฮะ เอ่อ..ขอโทษฮะ...มาดามพินซ์”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วขมวดคิ้ว “มีอะไรมิสเตอร์วีสลีย์?”
“เอ่อ...เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหนฮะ”
“มิสเกรนเจอร์น่ะรึ” เธอพูดแล้วยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นศิษย์โปรดของเธอ “เอ้อ..ไม่รู้สินะ ฉันไม่เห็นเธอมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว”
มาดามพินซ์พูดจบก็ก้มลงไปประทับตราบนหนังสือต่อ รอนมองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เดี๋ยวฮะ...เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าอาจารย์เรียกเธอให้มาช่วยทำงานไม่ใช่เหรอฮะ”
“ฉันไม่เคยขอให้นักเรียนช่วยฉันทำงานเลย โดยเฉพาะเด็กดีอย่างนั้นย่อมไม่มีทาง ฉันจะให้นักเรียนช่วยก็ต่อเมื่อเขาถูกกักบริเวณ” มาดามพินซ์พูดไปแล้วประทับตราหนังสือไปด้วย ท่าทางเธอหงุดหงิดมากที่รอนมาขัดจังหวะการทำงานของเธอ
“แต่...อาจารย์ฮะ”
“มิสเตอร์วีสลีย์!! กรุณาลากขาออกไปจากที่นี่ซะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังทำงานอยู่น่ะ” มาดามพินซ์แหวใส่รอน
ดังนั้นเขาจึงต้องเดินออกมาจากห้องสมุด ในหัวมีแต่เรื่องของเฮอร์ไมโอนี่ เธอโกหกเขา โกหกแฮร์รี่ด้วย รอนพยายามคิดหัวแทบแตกว่าทำไมๆๆ เฮอร์ไมโอนี่ไปไหนทุกๆวัน เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“อ๊ะ...พี่รอน” จินนี่เรียกเขาเมื่อเห็นรอนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม เธอนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆเตาผิง “พี่เป็นอะไรน่ะ หือ??”
รอนไม่ตอบ เขาเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามจินนี่แล้วขมวดคิ้ว จินนี่ดูจากสีหน้ารอนก็รู้ว่าเขาต้องรู้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ไปที่ห้องสมุดอย่างที่พูด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขณะนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ มีพุ่มไม้หนาๆอยู่ด้านหลัง ช่วยกำบังเธอจากสายตาของคนที่ผ่านไปมา มือกุมอยู่กับใครคนหนึ่ง
“ฉันคิดว่ารอนกับแฮร์รี่เริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าทำไมฉันถึงไม่ค่อยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมหลังอาหารเย็น” เธอพูดแล้วถอนหายใจ
“คิดมากน่า ไอ้โง่อย่างนั้นน่ะรึจะสงสัย” เดรโก มัลฟอยพูดขึ้นแล้วยิ้ม
“เขาไม่ได้เป็นไอ้โง่นะ!!” เธอพูดฉุนๆ “ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันมาพบเธอทุกวัน ฉันคงแย่แน่เลย”
“ถ้าห่วงมันนักก็กลับไปเลยไป” มัลฟอยพูดงอนๆ
“หึ...ผู้ชายก็งอนเป็นด้วยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะแล้วเอามือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ
ทั้งสองนั่งหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมัลฟอยก็พูดขึ้น “จำครั้งแรกที่เราเจอกันได้ไหม?”
“อืม...เธอกวนประสาทฉันน่าดูเลย”
“เธอก็พูดมาก จุ้นจ้านชะมัด”
“หนอย...แต่ก่อนฉันคงแย่มากล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วหน้าบึ้ง
“ต่างคนก็ต่างแย่ไม่ใช่เหรอ เราเกลียดกันน่าดู” มัลฟอยพูดตามจริง
“แต่ตอนนี้ล่ะ??” เธอถามหยั่งเชิง
“เกลียดได้ไง ก็ฉันออกจะรักเธอ” มัลฟอยบอกแล้วเอาหน้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ เธอดันหน้าเขาออก
“วันนี้ไม่ให้หรอก”
“จูบนิดจูบหน่อยจะเป็นไรไป” เขาพูดยิ้มๆ “น่า...นะ”
“ไม่” เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงไปมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “สองทุ่มสี่สิบแล้วนี่ กลับกันเถอะ”
มัลฟอยทำหน้างอ แต่พอเฮอร์ไมโอนี่จะลุกขึ้นเขาก็ดึงตัวเธอไว้แล้วหอมแก้มเบาๆ
“งั้นวันนี้แค่หอมแก้มละกัน ฝันดีนะ” เขาพูด
“เธอก็ด้วยล่ะ ฝันดี” เฮอร์ไมโอนี่เดินกลับเข้าปราสาทไป มัลฟอยนั่งยิ้มอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยเดินกลับไปบ้างเพราะกลัวจะมีใครสงสัยถ้าเขากับเฮอร์ไมโอนี่กลับไปปราสาทพร้อมกัน
เฮอร์ไมโอนี่เดินกลับหอของกริฟฟินดอร์อย่างอารมณ์ดี (โดยที่ไม่รู้ถึงชะตากรรมอันโหดร้ายที่อยู่ข้างหน้า) เมื่อเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมก็เห็นรอนนั่งรออยู่แล้ว ภายในห้องว่างเปล่าไร้ผู้คน (รอนไล่พวกนักเรียนให้ขึ้นไปที่หอนอน พวกนั้นอารมณ์เสียมากแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะรอนเป็นพรีเฟ็ค) มีจินนี่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา สีหน้าหวาดหวั่น เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งข้างจินนี่แล้วฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ครุกแชงก์กระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของเธอทันที
“เอ่อ...เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูด พยายามข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เธอไปไหนมา”
“ห้องสมุดไง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโดยไม่รู้ว่าตอบผิดถนัด
“อ๋อเหรอ...บังเอิญจัง วันนี้ฉันก็ไปหาเธอที่ห้องสมุดล่ะ”
“เอ๊ะ...” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้แค่นั้นแล้วเงียบไป
“ตลกจังนะ เธอบอกฉันว่าไปช่วยมาดามพินซ์ทำงาน แต่พอฉันถามเค้า เขาก็บอกว่าไม่ได้เจอหน้าเธอเป็นอาทิตย์แล้ว” รอนพูดแล้วจ้องเธอเขม็ง สายตาดุดันเหมือนไม่ใช่เขา
“เอ้อ...รอน” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก
“เธอโกหกฉันกับแฮร์รี่!!!” รอนตะโกนสุดเสียงจนเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง
“ฉัน...”
“เราเป็นเพื่อนกันมาหกปีนะ ฉันกับแฮร์รี่เคยมีอะไรปิดบังเธอไหม? ไม่!ไม่มี! แต่ทำไมเธอถึงทำแบบนี้!!”
“รอน...เดี๋ยว...ฟังก่อน”
“ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!! จะโกหกอะไรอีกล่ะ!” รอนหน้าแดงจัดด้วยความโมโห
“หุบปากแล้วฟังฉันซะมั่งเซ่!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนแล้วลุกขึ้น ครุกแชงก์ตกลงไปบนพื้นและหันมามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างโกรธๆ
“เธอไปไหนมา!”
“ชั้นจะไปไหนมันก็เรื่องของชั้น!!! เธอจะแคร์ทำไมเล่า??”
“นี่เธอยังไม่เข้าใจอะไรอีกรึไง???” รอนถามเสียงสั่น
ขณะเดียวกันนั้นแฮร์รี่เพิ่งจะกลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่แล้วเขาก็หุบยิ้มเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่กับรอนกำลังแผดเสียงใส่กันอย่างรุนแรง “พวกนายเป็นอะไรไปน่ะ”
“แฮร์รี่...อย่าเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของเขาสองคนนะ” จินนี่ซึ่งนั่งเงียบดูการทะเลาะกันของเฮอร์ไมโอนี่และรอนมาตลอดลุกขึ้นมาหาเขา จินนี่น้ำตาคลอเบ้า
“มีเรื่องอะไรกัน” แฮร์รี่ถามแล้วเดินไปหา แต่จินนี่กลับดึงแขนเขาไว้
“อย่าเลยค่ะแฮร์รี่” จินนี่กระซิบ น้ำตาไหลพราก “อย่าเข้าไป คุณไม่รู้หรอกว่าเวลาที่พี่รอนโมโหสุดขีดน่ะน่ากลัวแค่ไหน”
“หยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนั้นซะทีจินนี่!!” รอนหันมาตะคอกใส่เธอ จินนี่ก้มหน้าร้องไห้กับแขนแฮร์รี่
“อย่าตวาดใส่จินนี่นะ!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะคอกใส่รอน “เธอโกรธฉันได้ แต่อย่าไปลงที่น้องสาวของเธอ เค้าไม่เกี่ยว!”
“เออ!! ก็ได้!! เข้าข้างกันเข้าไป!!”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอโมโหฉันเรื่องอะไรนะ แต่อย่าไปพาลใส่คนอื่นได้มั้ย!!”
“ก็เธอไปไหนมาเล่า?? !!”
“ไปหาเดรโก มัลฟอย!!”
รอนกับแฮร์รี่จ้องหน้าเธอเขม็ง แฮร์รี่หันมาหาจินนี่แล้วถามเบาๆ “เดรโก มัลฟอยเหรอ??” จินนี่พยักหน้าช้าๆ รอนเห็นดังนั้นจึงเดินมาทางจินนี่แล้วจับตัวเธอเขย่า
“เธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ? จินนี่!! บอกพี่มา!!” เขาตะคอก
“พะ...พี่รอน ...นะ...หนูเจ็บ” จินนี่ร้องไห้หนักเข้าไปอีก
แต่รอนไม่สนใจ เขาเขย่าตัวเธอแรงขึ้น “บอกพี่มา เธอรู้อะไรอีก??” แฮร์รี่รีบเข้ามาห้ามแล้วพยายามแกะมือรอน “รอน..เดี๋ยว รอน...อย่า” แต่แรงของรอนมีมากเหลือเกินเขาจึงแกะออกไม่ได้
“เผียะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตบหน้าเขาเต็มแรง รอนหน้าหันและปล่อยมือออกจากจินนี่ แฮร์รี่รีบเข้ามาปกป้อง
“เธออย่าทำกับจินนี่แบบนี้อีกนะ!!” เธอตะโกน “เธอมีเรื่องกับฉัน ไม่ใช่จินนี่!!”
“เธอไปหามัลฟอยมันทำไมล่ะ มันเป็นศัตรูกับเรานะ!!” รอนหันมาถามอย่างโกรธๆ
“ฉันบอกไม่ได้!!”
“ทำไมล่ะ!!”
“ถ้าเธอรู้แล้วเธอจะไม่ยอมรับมัน!!” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“บอกฉัน!!”
“ไม่!!”
“บอกมา!!”
“ก็ได้!! ฉันรักเขา ได้ยินไหม?? ฉันรักมัลฟอย!!”
รอนยืนตัวแข็งทื่อ แฮร์รี่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทั้งสี่คนเงียบไปได้ราวๆห้าวินาที เฮอร์ไมโอนี่เดินไปกอดจินนี่ที่ร้องไห้กระซิกๆที่ถูกรอนตะวาดใส่
“แต่...ฉันรักเธอนะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดเสียงแหบแห้ง น้ำตาไหล
เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาเขา เธอก็น้ำตาไหลพรากเหมือนกัน “ฉันขอโทษนะรอน ถ้าเธอบอกฉันเร็วกว่านี้ฉันคงรับรักเธอไปแล้ว ฉันเองก็เคยรักเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่คิดอะไรกับฉันเลย เธอไม่เคยบอกรักฉัน ฉันเฝ้ารอคำนั้นมานานแต่เธอก็ไม่เคยพูด”
เฮอร์ไมโอนี่พูดจบก็เดินไปทางหอนอนหญิงมีจินนี่เดินตามไปด้วย รอนเข่าอ่อนแล้วล้มลงไปบนพื้น เขานั่งกอดเข่ามือดึงทึ้งผมตัวเองแล้วร้องไห้อย่างหนัก “ทะ...ทำไมต้องเป็นมัลฟอย ทำไม” เขาพูดกระซิบซ้ำไปซ้ำมา แฮร์รี่นั่งลงข้างๆเขาแล้วตบหลังรอนเบาๆ เขาไม่รู้จะตอบรอนยังไงดี แต่แล้วเขาก็นึกถึงคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ที่ว่ารอนไม่เคยบอกรักเธอ แต่รอนเพิ่งสารภาพรักกับเฮอร์ไมโอนี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ทำไมเฮอร์ไมโอนี่ถึงพูดอย่างนั้น เขาอ้าปากจะถามรอนแต่ก็เงียบไปเมื่อเห็นอาการโศกเศร้าของเพื่อน


บทที่ 8 มิตรภาพและอดีตศัตรู

เช้าวันต่อมา เฮอร์ไมโอนี่ลงมากินอาหารเช้ากับจินนี่อย่างเซื่องซึมโดยมีรอนกับแฮร์รี่นั่งอยู่ห่างๆ เธอแทบไม่ได้แตะอาหารเช้าเลย เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแย่กับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มาก
“เฮอร์ไมโอนี่...” จินนี่เรียกเธอเบาๆเมื่อเห็นเธอเอามือกุมขมับ “พี่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“เอ้อ...จ้ะ ฉันแค่มึนหัวนิดหน่อย”
“พี่ไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันไปที่ห้องนั่งเล่นรวมก่อนดีกว่า - - อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ” เฮอร์ไมโอนี่ว่าแล้วก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร เธอสบตากับรอนแว่บหนึ่งแล้วก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว รอนมองตามเธอตาละห้อย
เมื่อไปถึงห้องนั่งเล่นรวม เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตาผิงที่เธอนั่งเมื่อคืนนี้ ห้องนั่งเล่นรวมว่างเปล่าเพราะเป็นวันเสาร์และอากาศร้อนอบอ้าว คนส่วนใหญ่ที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วมักไปเดินเล่นที่หน้าปราสาทเพื่อรับลมเย็นๆ ซึ่งก็ดีสำหรับเธอเพราะเวลานี้เฮอร์ไมโอนี่ต้องการอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ ช่องรูปภาพเปิดออก เธอสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็โล่งอกที่เห็นว่าเป็นจินนี่เดินเข้ามา จินนี่นั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอหยิบตุ๊กตาหนูยางของครุกแชงก์ที่อยู่บนพื้นมาบีบเล่น ครุกแชงก์รีบวิ่งมาแย่งตุ๊กตาของมันคืนด้วยความหวง
ช่องรูปภาพเปิดออกอีกครั้ง แฮร์รี่กับรอนเดินเข้ามา จินนี่เห็นรอนปุ๊บก็ตัวแข็งปล่อยตุ๊กตาหนูยางของครุกแชงก์ลงทันทีและทำท่าจะวิ่งขึ้นไปหอนอนหญิงเพราะกลัวว่ารอนจะตะคอกใส่เธออย่างเมื่อคืน แต่รอนกลับวิ่งไปขวางทางไว้แล้วยิ้มให้จินนี่อย่างรู้สึกผิด
“เมื่อคืนพี่ขอโทษนะที่ตะคอกใส่เธอ”
จินนี่ได้ยินดังนั้นจึงเข้าไปสวมกอดพี่ชายอย่างรักใคร่ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูรักพี่นะ”
“เหมือนกัน” รอนตอบแล้วจูบหน้าผากจินนี่เบาๆ แฮร์รี่อมยิ้มเมื่อเห็นฉากความรักของพี่น้อง เฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน
จินนี่ขอตัวไปเดินเล่นเพราะวันนี้ร้อนเหลือเกิน เธอวิ่งออกไปจากหออย่างรวดเร็ว รอนหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่หยุดยิ้มทันทีแล้วก้มหน้า ริมฝีปากสั่นระริก
“เฮอร์ไมโอนี่...” รอนเรียกเบาๆ
เธอเงยหน้าขึ้นน้ำตาไหลพราก “ระ..รอน”
“เฮอร์ไมโอนี่!!” รอนถามอย่างตกใจ “เธอเป็นอะไรน่ะ ใครทำอะไรเธอ?? มะ..เอ่อ..มัลฟอยเหรอ”
เธอส่ายหน้า “ไม่ใช่...คือ...ฉะ ฉันขอโทษรอน ฉันขอโทษที่ฉันรักเธอไม่ได้ ฉันอยากรักเธอแต่มันทำไม่ได้ เพราะฉัน เอ่อ...ฉันรักมัลฟอย ขอโทษนะรอน ฉันขอโทษ”
พอพูดจบเธอก็ก้มหน้าลงไปบนฝ่ามือแล้วร้องให้หนักเข้าไปอีก รอนมีสีหน้าเจ็บปวด แฮร์รี่มองคนทั้งสองด้วยความเห็นใจ แต่ก่อนที่จะมีใครขยับหรือทำอะไร เฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วลุกเข้าไปกอดรอนแล้วกระซิบว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา รอนกอดเธอตอบพลางลูบหัวเธอเบาๆ
“อย่าร้องไห้สิ” รอนปลอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เธอไม่รักฉันไม่ผิดนะ”
“แต่..”
“แค่เธอเคยรักฉัน ฉันก็ดีใจมากแล้ว..จริงๆ”
“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นเบาๆ
“ก็ใช่น่ะสิยัยบ๊อง” รอนว่าแล้วกอดเธอแน่นเข้าไปอีก “เธอคือเพื่อนฉันตลอดไป”
“ฉันคิดว่าเธอจะเกลียดฉันแล้วซะอีก”
“แล้วฉันจะไปเกลียดเธอเรื่องอะไรล่ะฮึ??” รอนถามอย่างงงๆ
“กะ...ก็ที่ฉัน เอ่อ...ไม่รักเธอไง”
“โธ่เอ๊ย!!!” รอนพูดขำๆแต่น้ำเสียงเจือด้วยความเศร้านิดๆ “แค่อกหักฉันไม่ถึงกับเลิกคบเธอหรอกนะ ความจริงฉันต้องเชียร์เธอด้วยซ้ำ”
แฮร์รี่ยิ้มแก้มแทบปริที่เห็นคนทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้
“ขอบคุณ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยรู้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดทั้งน้ำตา
“อ้าวเฮ้ย?! แล้วฉันล่ะ” แฮร์รี่หยุดยิ้มทันทีแล้วถามอย่างเหวอๆ
เฮอร์ไมโอนี่ผละออกจากรอนแล้วหันมายิ้มให้แฮร์รี่ “เธอก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกเลยล่ะ ทั้งเธอและก็รอนด้วย” เธอทำท่าจะกอดแฮร์รี่ด้วยอีกคน แต่เขากลับเอามือมาปกป้องตัวเองไว้
“เฮ้ยๆ อย่านะเธอ” เขาพูด “ฉันมีเจ้าของแล้วเฟ้ย อ้อมกอดฉันเพื่อโชคนเดียว”
“อย่าบ้าไปหน่อยเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วกอดแฮร์รี่เร็วๆหนึ่งที
“เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอเบาๆ “สัญญากับฉันนะ”
“อะไร”
“ถ้าเธอถูกมัลฟอยทิ้ง - - อย่าทำหน้าอย่างน้าน...ฉันแค่สมมุติเฉยๆ - - หรือว่าเธอไม่มีใคร เธอสัญญานะว่าจะกลับมาหาฉัน”
“แต่ถ้ามันไม่มีวันนั้นล่ะ”
“ฉันก็จะรอเธออยู่ดี”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะกับคำตอบของรอน “น้ำเน่าชะมัด” เธอพูดแล้วกอดเขาเบาๆแต่รอนกลับผลักตัวเธอออกไป
“เฮ้ย..อย่าดิ เธอมีเจ้าของแล้วนา...” รอนพูดแล้วยิ้ม สีหน้าแฝงไปด้วยความเจ็บปวดนิดๆ
“ไม่เอาน่า มามะ..มากอดกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดจบก็กอดรอนกับแฮร์รี่(ที่ขัดขืนนิดหน่อย)พร้อมๆกัน ทั้งสามคนกอดกันตัวกลมดิก หัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง แล้วตะโกนพร้อมกันว่า
“เราคือเพื่อนกันตลอดไป!!!”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทั้งสามใช้เวลาเกือบทั้งเช้านั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมถึงเรื่องของมัลฟอย แน่ล่ะว่าแฮร์รี่กับรอนต้องโมโหมากที่เพื่อนรักของเขาดันไปเป็นแฟนกับคู่อริตลอดกาลอย่างมัลฟอย แต่ทั้งสองก็ทำใจยอมรับได้ดีทีเดียว เพราะพวกเขาไม่อาจเห็นแก่ตัวไปบังคับหัวใจของเพื่อนได้
“ฉันไม่เข้าใจเลยน้า.. ทามม้าย...ทำไมต้องเป็นไอ้มัลฟอย” แฮร์รี่บ่น
“มันมีดีตรงไหนกันนะไอ้งี่เง่าซื่อบื้อปัญญาอ่อนนั่นน่ะ” รอนพูดอย่างโมโห
“เขาไม่ได้ซื่อบื้อ – ไม่ได้งี่เง่า – และก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนนะรอน!!!” เฮอร์ไมโอนี่เถียง
“เธอก็ต้องเข้าข้างกันอยู่วันยังค่ำล่ะวะ”
“หุบปากนะแฮร์รี่! เอ้า...ฉันยอมรับว่าเขาเคยเป็นไอ้...เอ่อ...ไอ้งี่เง่าจริง” เธอพูดแล้วยักไหล่ “แต่ถ้าเธอลองคุยกับเขาดีๆแล้วละก็ เธอก็จะได้รู้ว่าเขาน่ะไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด เอ้อ..ร้ายบ้างแต่ก็ไม่ได้เลวน่ะ”
“ฉันไม่มีวันรู้หรอก” รอนบ่นอุบอิบ “เพราะฉันไม่มีวันคุยกะมันดีๆแน่นอน”
“เธอแค่เกลียดเขาเพราะเขาเป็นแฟนฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่พูด
รอนมีท่าทีอ้ำๆอึ้งๆ “บะ...บ้าเหรอ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดมันตั้งแต่แรกเห็น”
“แต่เธอเกลียดเขามากขึ้นเพราะรู้ว่าเขาเป็นแฟนฉัน” เธอพูดซ้ำ
รอนไม่กล้าพูดว่านั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง เขาจึงกันไปทางเตาผิงแล้วทำท่าว่าขี้เถ้าในเตานั้นน่าสนใจเหลือเกิน เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่ารอนรู้สึกยังไงจึงเอื้อมมือมาจับมือเขา “แต่ยังไงก็เถอะ ขอบคุณนะที่ยอมรับเรื่องนี้และเข้าใจฉัน เธอเป็นคนดีมากรู้ไหม สักวันเธอจะพบกับผู้หญิงที่ดีกว่าฉันมากมาย”
“เฮ้! ลืมสัญญาของเราแล้วหรือไง” รอนหันมาโวยวายทันที “ฉันบอกว่าจะรอเธอก็คือรอสิ ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตื้นตันกับความรักมากมายที่รอนมีให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากยิ้มให้เขาน้อยๆ เธอไม่กล้าบอกเขาว่าวันนั้นไม่มีวันเป็นจริง ถึงวันหน้าเธอจะเลิกกับมัลฟอยแต่เธอก็มั่นใจว่าจะไม่สามารถกลับไปรักรอนผู้แสนดีคนนี้ได้อีก ไม่...มันเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะความรักครั้งแรกของเฮอร์ไมโอนี่ที่มีให้กับรอนนั้นจบลงไปแล้ว...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทั้งสามลงมากินอาหารกลางวันกันอย่างเบิกบาน รอนคุยจ้อกับแฮร์รี่ไม่หยุดปากเรื่องการแข่งขันควิดดิชที่จะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้ากับทีมสลิธีริน (รอนเริ่มมีความมั่นใจในการรักษาห่วงประตูมากขึ้นหลังจากการแข่งควิดดิชครั้งล่าสุดเมื่อตอนปีห้า) เฮอร์ไมโอนี่ก็ร่วมวงด้วยเป็นครั้งคราวเพื่อเตือนแผนการเล่นที่ผิดกติกาของรอน แต่เธอก็ไม่ได้ฟังอะไรมากนักเพราะจุดสนใจของเธออยู่ที่โต๊ะของสลิธีริน เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกฉุนนิดๆเมื่อเห็นแพนซี่ พาร์กินสันกำลังพยายามที่จะป้อนอาหารกลางวันให้มัลฟอยแต่เขากลับร้องลั่น
“เฮ้ย!!! ปล่อยช้าน..ชั้นกินเองได้ เฮ้ย!!!”
“แหม...อยู่เฉยๆสิเดรโก ฉันจะป้อนให้เธอเอง เดรโก!!!” แพนซี่กรีดเสียง
“ลองป้อนดิ ชั้นจะเอาน้ำฟักทองราดหัวเธอเลยคอยดู แครบ..กอยล์ ช่วยเอานังนี่ออกไปดิ้ เฮ้ย!!!” มัลฟอยขู่ แครบกับกอยล์พยายามจะเข้ามาดึงตัวแพนซี่ออกไปแต่เธอกลับถีบพวกเขาหงายหลัง (แรงช้างสุดๆขนาดถีบแครบกับกอยล์ให้ล้มได้)
“อย่ามายุ่งนะ!! คนเค้ารักกันจะป้อนข้าวให้มันผิดตรงไหนยะ อ้าปากสิจ๊า...เดรโก”
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วน้อยๆ ‘คนรักกันเรอะ’ เธอคิด
“ชั้นไปรักเธอตอนไหนวะ เฮ้ย!! ชั้นเอาน้ำฟักทองราดหัวเธอจริงๆนะ!!!” มัลฟอยเอามือปกป้องตัวเองอย่างหนัก
“เธอไม่กล้าหรอก อยู่เฉยๆ!!!” แพนซี่เอาแขนล็อกเข้าไว้แล้วป้อนอาหารลงไป “อ้าม...”
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ” มัลฟอยพูดพลางเคี้ยวๆอาหารแล้วรีบกลืน เขาหยิบน้ำฟักทองขึ้นมาราดหัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่อดขำไม่ได้เมื่อเห็นแพนซี่ร้องกรี๊ดๆอยู่ท่ามกลางนักเรียนบ้านสลิธีรินที่หัวเราะกันดังสนั่น สเนปเดินดุ่มๆไปที่โต๊ะทันที
“มิสเตอร์มัลฟอย มิสพาร์กินสัน พวกเธอกำลังทำอะไรกัน”
“ผมกำลังจะส่งน้ำฟักทองให้แมดด็อกฮะ แล้วพอดีมันหลุดมือ แม็ดด็อกรับไม่ทัน” มัลฟอยพูดอย่างไร้เดียงสา “ใช่มั้ยแม็ดด็อก”
มัลคอล์ม แม็ดด็อกเด็กปีสองพยักหน้าหงึกๆเมื่อเห็นมัลฟอยส่งตาขุ่นเขียวมาให้ สเนปเห็นดังนั้นจึงเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร แพนซี่ร้องกรี๊ดๆอย่างโมโหแล้ววิ่งออกจากห้องโถงใหญ่ทันที
“ประสาทจริงยัยนี่” แฮร์รี่หันไปดูต้นตอของเสียงแล้วส่ายหน้า
จินนี่วิ่งตึงตังมาหาพวกเขา เธอหอบหนังสือเล่มใหญ่มาด้วย
“พี่สองคนคืนดีกันแล้วใช่ไหม” เธอถามรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ รอนพยักหน้าตอบแล้วชวนเธอกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่จินนี่บอกว่าต้องไปหาดีนที่ห้องสมุด ดีนจะช่วยสอนการบ้านให้ แก้มของเธอแดงระเรื่อ รอนซึ่งเป็นพี่ชายรู้ถึงอากัปกิริยานี้ดีจึงถามเสียงดุๆ
“เธอคบกะดีนเรอะ”
“ก็ไม่เชิง”
“พี่ไม่ให้เธอคบกับมันหรอก เธอยังเด็กอยู่”
“หนูจะคบกับใครก็ได้!” จินนี่ตะโกน “หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ หนูอายุสิบห้าแล้ว”
“อ๋อเหรอ แต่เมื่อคืนพี่เห็นคนที่อายุสิบห้าร้องไห้กระซิกๆอยู่บนแขนแฮร์รี่อย่างกับเด็กๆแน่ะ”
จินนี่ตบหัวรอนด้วยหนังสือเล่มใหญ่จนเขาหน้าคะมำลงไปบนโต๊ะ จมูกจุ่มไปในแก้วน้ำฟักทอง
“ก็แล้วใครกันล่ะที่ทำให้หนูร้องไห้แบบนั้น!!!” จินนี่ว่าแล้วเดินตึงตังออกไป
“ให้ตายสิ!! ยิ่งโตยิ่งเหมือนแม่เข้าไปทุกที” รอนพูดอู้อี้เพราะกำลังเช็ดจมูกอยู่ เขาหันมาหาเฮอร์ไมโอนี่ “นี่เธอ...จินนี่คบกับดีนจริงๆอ้ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอกำลังยิ้มให้กับมัลฟอยที่มองมาทางเธอแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า “ตอนนี้” มัลฟอยพยักหน้าแล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างกับแครบและกอยล์ จากนั้นเขาจึงลุกออกไปจากห้องโถงใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่คอยสักครู่หนึ่งแล้วลุกออกไปบ้าง
“จะไปไหนน่ะเธอ” แฮร์รี่ถาม
“ตามฉันมาเหอะ เธอด้วยนะรอน”
“อาไร้!!” รอนถามเสียงหลง “ชั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
แต่เขาก็ยอมลุกอย่างโดยดีเมื่อเห็นสายตาของเฮอร์ไมโอนี่และไม่ลืมที่จะหยิบพายไปสองสามชิ้นด้วย เธอเดินนำพวกเขาไปทางทะเลสาบ
“เมื่อกี้ฉันเห็นเธอส่งภาษาใบ้ให้ใครน่ะ” แฮร์รี่ถาม
“มัลฟอย”
รอนพ่นพายไก่ออกมาดังพรวดแล้วสะอึก “มัล... อึ๊ก!! มัลฟอยเรอะ?”
“กลั้นหายใจซะแล้วจะหายสะอึก ใช่...ฉันใช้ภาษาใบ้เมื่อกี้เรียกเขาออกมาให้ไปรอที่ทะเลสาบ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“ภาษาอะไร อึ้ก! ฉันไม่เคยเห็น...อึ้ก!” รอนถามแล้วกลั้นหายใจ
“ภาษาของฉันกับเขา แฮร์รี่เงียบนะ!” เฮอร์ไมโอนี่หันไปตวาดแฮร์รี่ที่ทำท่าล้อเลียนเธอ “การชูนิ้วแบบที่ฉันทำคือการนัดให้เขาไปพบ เอ้อ...พูดง่ายๆก็คือนิ้วแต่ละนิ้วจะเป็นสถานที่ที่ฉันกับเขาจะไปเจอกันน่ะ นิ้วโป้งคือห้องสมุด นิ้วชี้คือที่ลับริมทะเลสาบของฉันกับเขา นิ้วกลางไม่ใช้ นิ้วนางคือร้านมาดามพุดดี้ฟุต นิ้วก้อยคือสนามควิดดิช”
“ฉันเคยไปร้านมาดามพุดดี้ฟุตกะโชด้วยล่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นมาลอยๆ แต่ไม่มีใครฟัง
“ทำไมไม่ใช้นิ้วกลางล่ะ” รอนถามซื่อๆหลังจากหายสะอึกแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าเซ็งๆแล้วหันมาตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ก็ถ้าฉันชูนิ้วกลางให้เธอ เธอคิดว่าฉันจะเรียกเธอไปพบหรือว่าต้องการด่าเธอกันแน่ล่ะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เฮอร์ไมโอนี่เดินมาที่ริมทะเลสาบตรงที่เธอกับมัลฟอยนัดเจอกันทุกวัน เขานั่งรอเธออยู่แล้ว พอมัลฟอยเห็นเฮอร์ไมโอนี่เขาก็ยิ้มและลุกขึ้นมาจับมือเธอ “มีอะไรเหรอถึงให้ฉันมา... เฮ้ย!!! พอตเตอร์! วีสลีย์!” มัลฟอยร้องจ๊ากที่เห็นแฮร์รี่กับรอนยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังเฮอร์ไมโอนี่
“นี่เธอพามันมาทามม้าย!!!” เขาร้องเสียงหลง
“หุบปากเหอะนายน่ะ” แฮร์รี่พูดอย่างหงุดหงิด “ฉันรู้แล้วว่านายเป็นแฟนกับเฮอร์ไมโอนี่”
“เฮ่ย....”
“เออ...แล้วถ้านายทำเธอเสียใจนะ ฉันจะล้วงไส้แกออกทางตูดเลย” รอนพูดบ้าง
มัลฟอยทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะก๊าก “แกน่ะรึจะทำ ไก่อ่อนอย่างนั้นน่ะนะ?? กล้าป่าวเหอะ?”
รอนพุ่งเข้าใส่มัลฟอยและชกเขาอย่างแรง มัลฟอยปล่อยมือออกจากเฮอร์ไมโอนี่และต่อยคืนบ้าง ทั้งสองซัดกันตุบตับอย่างไม่มีใครยอมใคร แฮร์รี่ยืนร้องเชียร์เย้วๆอยู่ข้างๆอย่างเมามัน “เฮ้ยรอน ต่อยซ้ายเว้ย ต่อยซ้าย!!! อ๋า...รอน รอน!! พอก่อนเว้ย อย่าต่อยกาน...หยุดน้า...” เขารีบพูดต่อท้ายเมื่อเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่
“หยุดๆๆๆ พวกเธอนี่นะ หยู้ด!!!!” เธอตะโกนก้อง แต่เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีทางหยุดชกต่อยกันแน่นอนเธอจึงดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วร่ายคาถา “เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส!!!”
มัลฟอยและรอนกระเด็นออกจากกันหงายหลังผึง เฮอร์ไมโอนี่รีบรุดไปช่วยพยุงมัลฟอยทันที เช่นเดียวกันแฮร์รี่ที่กำลังช่วยรอน มัลฟอยส่งยิ้มให้เขาอย่างมีชัยเหมือนกันจะบอกว่า ‘เธอมาช่วยพยุงฉันว้อย’ แต่ทันใดนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ตบหน้าเขาอย่างแรง รอนหัวเราะก๊ากอย่างสะใจเมื่อเห็นมัลฟอยโดนตบ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินมาหารอนและตบเขาเช่นกัน คราวนี้แฮร์รี่เป็นฝ่ายหัวเราะเยาะบ้างที่เห็นรอนและมัลฟอยทำหน้าเหวอๆเมื่อโดนเฮอร์ไมโอนี่ตบ แฮร์รี่หัวเราะได้สองวินาทีก็ต้องหน้าหันเมื่อเธอก็เดินมาตบเขาด้วย
“เฮ้ย!!!! ตบฉานทามม้าย!!??” แฮร์รี่ รอนและมัลฟอยร้องพร้อมกัน
“หุบปากแล้วฟังฉัน แฮร์รี่!!!” เฮอร์ไมโอนี่พูดดุๆและมองแฮร์รี่ตาขวาง เขากำลังทำหน้าทำตาล้อเลียนท่าทางเธอ “ที่ฉันนัดพวกเธอมาที่นี่ก็เพราะฉันอยากให้เธอสงบศึก และ...เอ้อ...เป็นเพื่อนกัน”
“ฉันไม่มีวันผูกมิตรกะไอ้เจ้านี่เป็นอันขาด!!!!” รอนพูดหยิ่งๆ
“เฮอร์มี่!!! นี่เธอคิดอารายยู้!!!!” มัลฟอยถาม เขาตั้งใจจะเรียกเฮอร์ไมโอนี่ว่า ‘เฮอร์มี่’ เพราะต้องการที่จะแหย่รอนให้โมโหเล่นเท่านั้น (ความจริงเขาก็เรียกเธอว่าเกรนเจอร์น่ะแหละ) และก็สำเร็จเสียด้วย รอนดูเดือดดาลขึ้นมาทันที
“เฮ้ย!!!! นี่แกกล้าเรียกเธอว่าเฮอร์มี่เลยเรอะ ฉันกับแฮร์รี่ยังไม่เคยเรียกเลยนะ!!!!”
“ช่วยไม่ได้” มัลฟอยตอบสบายๆ “ฉันมันคนพิเศษนี่ ใช่มั้ยจ๊ะ” เขายิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่ยิ้มตอบ แต่กลับหันหลังทำท่าจะเดินจากไปทันที มัลฟอยรีบรวบเอวเธอไว้
“เฮ้....เธอเป็นอะไรน่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาเขา มีสีหน้าผิดหวังปนโกรธ “ฉันเรียกเธอมาที่นี่เพื่อให้เธอเป็นเพื่อนกัน ฉันทำเพราะหวังดีกับเธอแท้ๆ แต่พวกเธอกลับมาชี้หน้าด่ากันแบบนี้ ไม่มีความสามัคคี เออ!!! ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว จะเกลียดจะเป็นศัตรูกันตลอดไปก็เชิญ!!!” เธอสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนมัลฟอยแล้วไม่พูดอะไรอีก
มัลฟอยกับแฮร์รี่และรอนมองหน้ากัน เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ถ้าหากเขายอมเป็นเพื่อนกับแฮร์รี่และรอน เขาก็ต้องสูญเสียฟอร์มที่วางไว้มาตลอดหกปี แต่ถ้าไม่ทำ...เฮอร์ไมโอนี่จะต้องโกรธมากแน่ๆ ในที่สุดเขาก็ยื่นมือออกมา “เอ้อ...พอตเตอร์ วีสลีย์ เรา...สงบศึกกันเถอะนะ”
แฮร์รี่และรอนจึงยื่นมือออกมาจับกับเขาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เฮอร์ไมโอนี่เห็นดังนั้นจึงยิ้มกว้างและเข้าไปกอดมัลฟอยหนึ่งทีอย่างดีใจ เธอทำท่าจะกอดแฮร์รี่และรอน(ที่มองเธออย่างมีความหวัง)อีกคน แต่มัลฟอยกลับรั้งเอวเธอไว้
“ห้ามเธอกอดใครนอกจากฉัน โดยเฉพาะเจ้าสองคนนี้”
“อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า เขาเป็นเพื่อนฉันนนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดฉุนๆแล้วกอดแฮร์รี่กับรอนคนละหนึ่งทีอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้ามัลฟอยที่แสดงอาการหึงออกมา เธอจึงกอดเขาอีกหนึ่งที่ มัลฟอยกอดเธอตอบและจูบหน้าผากเธอเบาๆ
รอนมองเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยกอดกันตาละห้อย แต่เขาก็ฝืนยิ้มออกมานิดหนึ่ง แฮร์รี่รู้ว่าเพื่อนรู้สึกยังไงจึงบีบไหล่รอนเบาๆเพื่อให้กำลังใจ....


บทที่ 9 ควิดดิชนัดแรกของฤดูกาล

แฮร์รี่ รอนและมัลฟอยสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มทั้งสามนั่งหัวเราะกันแทบเป็นแทบตายเมื่อฟังเรื่องของดัดลีย์ ญาติตัวอ้วนกลมของแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่พูดถูกทีเดียวว่ามัลฟอยนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดแต่กลับเฮฮาปาร์ตี้มาก จนแฮร์รี่และรอน(ที่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ)ต้องโยนคำว่า ‘จะไม่มีวันผูกมิตรกับไอ้เจ้าหมอนี่เป็นอันขาด’ ทิ้งไป
“แล้วทีนี้นะ...พอหลังจากวันที่ไอ้เจ้าดัดลีย์มีหางหมูออกมา มันก็ไม่ค่อยกล้าแหยมกับฉันเท่าไหร่ แล้วเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมาตอนที่พ่อของนายน่ะรอน เค้ามารับฉันที่บ้าน ไอ้ดัดลีย์เอาเทปกาวมาปิดปากด้วยล่ะ คงกลัวว่าลิ้นจะยืดยาวออกมาเหมือนเมื่อสองปีก่อนล่ะมั้ง ลองคิดดูดิ เอากะละมังมาครอบก้นแล้วเอาเทปกาวมาปิดปาก เฮอะ!ประสาทชะมัด” แฮร์รี่พูดแล้วหันไปหัวเราะกับรอน มัลฟอยในตอนนี้หัวเราะกั้กๆจนน้ำตาไหลแล้วลงไปนอนดิ้นกับพื้น
“ถ้าใครเค้ามาเห็นเธอในตอนนี้คงไม่รู้หรอกนะว่าพวกเธอน่ะเคยเกลียดกันแทบตาย” เฮอร์ไมโอนี่แซว
“เฮอร์มายโอนี่!!!!” รอนร้อง “ไปอยู่ไหนมาน่ะเธอ ตอนนี้เค้าซี้กันแล้ว!!!!”
“ช่าย...เหมือนสามทหารเสือเลยเนอะ” แฮร์รี่พูด
“หนอย...แล้วฉันไปอยู่ไหนล่ะยะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดงอนๆ
มัลฟอยทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ “เธอเป็นนังสาวจ้าวป่าไง้!!!”
เฮอร์ไมโอนี่พ่นลมออกจมูกดังพรืด แฮร์รี่ รอนและมัลฟอยก็หัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง(ทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่าขำเลย) รอนก้มหน้าลงดูนาฬิกาแล้วอุทานเบาๆ “นี่มันหกโมงแล้วนี่หว่า”
“แล้วไง” แฮร์รี่ถาม
“แล้วไงอาราย...ฉันหิวว้อย!!!”
“งั้นก็ไปสิ ฉันก็หิว” มัลฟอยพูดแล้วลุกขึ้นกอดคอรอนกับแฮร์รี่เดินเข้าปราสาทฮัมเพลงอะไรก็ไม่รู้ที่แต่งเองไปด้วย เฮอร์ไมโอนี่รีบลุกตามพวกเขาไป
“พวกเธอทำบ้าอะไรฮึ??? เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“แหมๆ ถึงฉันจะซี้กะพอตเตอร์กะวีสลีย์แล้วฉันก็ยังไม่ลืมเธอหรอกนะจ๊ะที่รัก” มัลฟอยพูดแล้วส่งมือมาให้เธอ
“ม่ายช่าย...พวกเธอต่างหาก มากอดคอกันอย่างนี้แล้วคนอื่นจะว่าไง เดี๋ยวถ้าความลับแตกฉันจะแพ่นกบาลเธอเลยพ่อตัวดี" เฮอร์ไมโอนี่พูด ทำหน้าเซ็งๆ “แล้วก็เห็นแก่พระเจ้าเหอะมัลฟอย อย่าเรียกฉันว่าที่รักเลยนะ ฟังแล้วขนลุกพิกล”
ดังนั้นรอนจึงเอาแขนออกจากไหล่ของมัลฟอยและแฮร์รี่ “เออ...จริงด้วย”
“เอ้อ...วันนี้สนุกมากมัลฟอย ขอโทษนะที่มองนายผิดไป” แฮร์รี่พูดแล้วยื่นมือออกมา มัลฟอยจับมือเขาแล้วเขย่า
“ช่าย...นายมีดีกว่าที่คิดแฮะ” รอนพูดแล้วจับมือกับมัลฟอยบ้าง
“หวังว่าเราคงได้คุยกันแบบนี้อีกนะ เอ่อ...เพื่อน” มัลฟอยพูดแล้วยิ้มให้แฮร์รี่กับรอนด้วยรอยยิ้มที่เขาไม่เคยให้ทั้งสองมาก่อน มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจและไม่มีการเสแสร้งใดๆทั้งสิ้น เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าไปทางทะเลสาบเพื่อแอบยิ้ม
ทั้งสามเดินเข้าไปที่ปราสาทพร้อมๆกันโดยมีมัลฟอยเดินตามมาห่างๆ เมื่อถึงหน้าห้องโถงมัลฟอยก็รีบเดินดุ่มๆมาข้างหน้าเพื่อแกล้งทำเป็นจะหาเรื่องแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ เขาขยิบตาให้นิดหนึ่งก่อนที่จะพูดด้วยเสียงยานคางตามแบบฉบับของเขา “ว่างาย...พอตตี้กะวีเซิ่ล อ้อ!วันนี้มียัยหัวไม้กวาดมาด้วย”
เด็กนักเรียนที่อยู่แถวนั้นหยุดมองพวกเขา แฮร์รี่กับมัลฟอยเป็นคนดังอยู่แล้ว (แฮร์รี่ดังเพราะ ‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร’ ส่วนมัลฟอยดังเพราะพ่อรวยและมีอำนาจ) และทั้งสองก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตลอด ดังนั้นการที่ได้เห็นพวกเขาทะเลาะกันจึงเป็นเรื่องที่น่าบันเทิงใจอยู่ไม่น้อยที่ต่างฝ่ายต่างเชียร์ให้คนใดคนหนึ่งชนะ
“มีอะไรมัลฟอย” แฮร์รี่แกล้งทำเป็นหงุดหงิดแต่ความจริงเขากลั้นหัวเราะแทบแย่
“ก็แหม...ไม่มีอะไรหรอกนะ ฉันน่ะหงุดหงิดแทบตายที่เห็นพวกเลือดผสม เลือดสีโคลนและก็ไอ้ยาจกมาเดินติ๊ดชึ่งอยู่แถวนี้ รกหูรกตาชะมัด” มัลฟอยพูดกวนๆแล้วส่งยิ้มเล็กๆให้เขา
พวกนักเรียนสลิธีรินโห่ร้องอย่างดีใจที่เห็นมัลฟอยด่าทั้งสามอย่างเสียๆหายๆ รอนแกล้งทำเป็นโมโหและจะเข้าไปต่อยหน้าเขา เฮอร์ไมโอนี่รั้งเสื้อคลุมรอนไว้และก้าวออกมาข้างหน้า “นายก็ไม่เห็นมีดีอะไรเลยนะมัลฟอย ทำเป็นเดินเต๊ะท่าวางมาดในโรงเรียนคิดว่าเท่นักเหรอ ฉันขอบอกเลยนะว่านายน่ะทู่...เรศซะไม่มีใครเกินเลย”
นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ เรวนคลอและฮัฟเฟิลพัฟร้องเฮกันใหญ่ที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับมัลฟอยได้อย่างเจ็บแสบ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า นี่เป็นเพียงแค่การเล่นละครตบตาคนเพื่อปิดเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยคบกันเท่านั้นเอง...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

การแข่งควิดดิชนัดแรกของฮอกวอตส์ใกล้เข้ามาขึ้นทุกที และแฮร์รี่ก็เหมือนวู้ดมากจนน่าตกใจว่าเป็นคนเดียวกัน แฮร์รี่สั่งให้ลูกทีมทุกคนซ้อมควิดดิชวันละ 4 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนทุกวันและถ้ามีใครมาสายก็จะถูกเพิ่มเวลาอีกคนละ 15 นาที แล้วการบ้านของรอนกับแฮร์รี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนน่ากลัวจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยโดยเขียนเรียงความให้พวกเขาคนละสองม้วนกระดาษ (แฮร์รี่กับรอนแทบเป็นลมเมื่อเห็นเรียงความที่เขาต้องลอกลงไป) แต่ยังไงแฮร์รี่ก็มีเวลาพักผ่อนมากกว่ารอน ไม่มีใครสงสัยเลยว่าทำไมช่วงนี้รอนถึงดูเอ๋อและเบลอขึ้นเต็มที เขาต้องทำหน้าที่พรีเฟ็คคือเดินตรวจเวรตอนกลางคืนอาทิตย์ละสองครั้ง แถมยังต้องไปซ้อมควิดดิชกับแฮร์รี่อีกเขาจึงอดนอนหลายคืนจนดูเหมือนผีดิบมาก
ในเช้ามืดวันแข่งควิดดิช แฮร์รี่ก็เหมือนถูกวิญญาณวู้ดเข้าสิง เขาสั่งให้ลูกทีมกินอาหารเข้าไปเยอะๆโดยที่ตัวเองไม่กินอะไรเลย ปากพร่ำพูดแต่แผนการที่ซักซ้อมกันมาตลอดทั้งเดือน
“นายเป็นลูกของวู้ดรึไงวะแฮร์รี่” เชมัสถามแล้วใช้ส้อมจิ้มลงไปบนมะเขื่อเทศอย่างเลื่อนลอย
“หุบปากแล้วกินเข้าไปซะ เร็ว!!!” แฮร์รี่ตวาด
“เออแฮะ” รอนพูดพลางเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ “ตกลงวู้ดกะแอนเจลิน่าได้กันใช่มะถึงได้ออกมาเป็นนาย”
ลูกทีมทุกคนหัวเราะพรวดใส่จานอาหารของตัวเอง แฮร์รี่หน้าเป็นสีจัดเขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็สั่งให้จินนี่กินอาหารซะ ซึ่งจินนี่ก็เถียงว่าไม่หิว เฮอร์ไมโอนี่เดินเอื่อยๆมาหาพวกเขาอย่างง่วงๆ “กะแล้วต้องมาอยู่กันที่นี่ ตื่นเช้ากันจังเลยนะพวกเธอน่ะ”
“แหงสิ” รอนบ่นอุบอิบ “ก็แฮร์รี่เล่นเอาไม้กวาดมาทุบอั้กๆใครจะไปนอนอยู่ได้วะ”

แฮร์รี่ยังพูดไม่หยุดเรื่องแผนการเล่นในครั้งนี้แม้กระทั่งในห้องแต่ตัวนักกีฬาจนถึงตอนที่กำลังจะเข้าไปในสนาม เขาพูดๆๆจนจินนี่ทนไม่ไหวบอกให้เขาหุบปาก(จินนี่ก็น่ากลัวใช่ย่อยเวลาโมโหจัด) แฮร์รี่หน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเงียบอยู่ไม่ถึงหนึ่งนาทีแล้วก็พูดเรื่องแผนการเล่นควิดดิชต่อ คราวนี้ลูกทีมทุกคนพร้อมใจกันทำเป็นหูตึงแล้วฮัมเพลงเบาๆ
“สวัสดีครับทุกๆท่าน!!! ผมดีน โทมัสจะมาบรรยายการแข่งขันควิดดิชแทนลี จอร์ดันที่เพิ่งจบการศึกษาไปนะครับ ถึงผมจะไม่หล่อเท่าแต่ก็เร้าใจเหมือนกัน!”
“นี่ฉันอุตส่าห์โล่งอกที่มิสเตอร์จอร์ดันจบไปซะที ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งคุมเขาอีก แต่เธอกลับเป็นแบบเขาเปี๊ยบเลยนะมิสเตอร์โทมัส” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์พูดแทรกมาอย่างเนือยๆ “เธอช่วยกรุณาแนะนำนัก ควิดดิชในสนามแทนที่จะแนะนำตัวเองซะที”
“เอ้อ...ได้ครับผม” ดีนพูดอย่างร่าเริงเมื่อนักกีฬาควิดดิชทั้งสองทีมเดินเข้ามาในสนาม “เริ่มจากทีมกริฟฟินดอร์ก่อนเลย กับตันทีมคนใหม่แฮร์รี่ พอตเตอร์!! ขวัญใจสาวสวยปีเจ็ดบ้านเรเวนคลอ”
“ไอ้ดีน!!!!” แฮร์รี่ตะโกนลั่นมาจากในสนามเสียงดังขนาดดีนที่อยู่บนที่อัฒจรรย์ได้ยินชัดแจ๋ว
“อุแหม...แฮร์รี่ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นโกรธ เอ้อ...ครับศาสตราจารย์ ก็ได้ครับ อะแฮ่ม! คนต่อไปวีสลีย์ผู้พี่ซี้ของพอตเตอร์ และก็วีสลีย์คนน้องที่เก่งมากและก็สวยมากด้วย” ดีนพูดยิ้มๆ
รอนแหงนหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง จินนี่โบกมือให้นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์เพื่อแก้เขิน
“คนต่อไป” ดีนพูด “ฟินิกันเพื่อนผมเอง กับพาติลและบราวน์สาวสวยของปีหก แหม...อาจารย์ก็มันจริงมั้ยล่ะฮะ? และสุดท้าย...ครีฟวีย์!!!!”
เหล่านักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์โห่ร้องเชียร์เสียงดังเมื่อเขาแนะนำนักกีฬาจบ
“และต่อไปทีมสลิธีริน มัลฟอย..กับตันทีมคนใหม่เช่นกัน”
มัลฟอยหันไปโบกมือให้นักเรียนบ้านสลิธีรินอย่างวางมาด เขาโบกมือให้นักเรียนคนหนึ่งที่อัฒจรรย์ของกริฟฟินดอร์ด้วยอย่างรวดเร็ว (คงรู้กันนะว่าเขาโบกมือให้ใคร)
ดีนพูดต่อไปอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “เอ้อ...ต่อไปก็แครบและกอยล์ ให้ตายเหอะตัวขนาดนั้นจะขี่ไม้กวาดได้ไงวะน่ะ โอ๊ะ!! ขอโทษฮะศาสตราจารย์ ครับผมไม่พูดแล้วฮะ เอ้อ...และก็น็อตต์ บิงส์ วินเซลสุดท้าย....อดัมส์!!”
นักเรียนบ้านสลิธีรินโห่ร้องกันเสียงดัง มาดามฮูชก้าวเข้ามาในสนามแล้วตะโกนว่า “กัปตันทีม จับมือกัน!!!!”
แฮร์รี่และมัลฟอยเดินเข้ามาหากันแล้วจับมือ ทั้งสองแอบยิ้มเล็กๆให้กันที่มุมปาก “โชคดีเพื่อน” แฮร์รี่กระซิบเบาๆ
“เช่นกัน...ฉันไม่ออมมือให้นายหรอกนะพอตเตอร์” มัลฟอยตอบ
เมื่อเกมการแข่งขันเริ่มขึ้น จินนี่ก็ทำคะแนนให้บ้านกริฟฟินดอร์อย่างรวดเร็วถึงสามสิบคะแนน และน็อตต์กับบิงส์เชสเซอร์ของสลิธิรินก็ทำคะแนนตามมาติดๆอยู่ที่ยี่สิบ แฮร์รี่บินขึ้นมาอยู่ข้างบนเพื่อมองหาลูกสนิชสีทอง มัลฟอยก็บินตามขึ้นมาอยู่ห่างๆทำท่าเป็นหาลูกสนิชแต่ความจริงเขาจงใจบินขึ้นมาเพื่อคุยกับแฮร์รี่ “ไงพอตเตอร์! หาเจอรึยัง?”
“ถ้าฉันหาเจอก็คงไม่บอกนายหรอกนะ เฮ้ย!!! หลบ!!!” แฮร์รี่ตะโกนแล้วดึงมัลฟอยให้พ้นจากลูกบลัดเจอร์ที่ลอยมา ถ้าเขาหลบช้าไปกว่านี้ซักวินาทีเดียวมัลฟอยคงหัวหลุดเป็นแน่
“ไอ้แครบ!!!!” มัลฟอยตะโกนลั่น “ทำไมแกไม่ตีให้มันโดนหัวฉันเลยล่ะวะ”
“เอ่อ...โทษที” แครบพูดเสียงต่ำๆแหบห้าวกลับมาอย่างหวาดๆ
“ไอ้โง่เอ้ย!!!” มัลฟอยสบถเบาๆ
เกมการแข่งขันดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ทั้งสองทีมต่างก็ทำคะแนนไล่กันมาเรื่อยๆจนตอนนี้คะแนนอยู่มี่ 70 เท่ากัน แฮร์รี่และมัลฟอยยังคงบินวนอยู่รอบๆสนามไปด้วยกันห่างๆ วันนี้ลูกสนิชหายากเหลือเกินเพราะเกมเล่นไปได้เกือบสามสิบนาทีแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววของลูกบอลสีทองลูกนั้นเลย แต่เมื่อความหวังเริ่มริบหรี่ลง พวกเขาก็เห็นลูกสนิชบินเอื่อยๆอยู่ตรงอัฒจรรย์ของกริฟฟินดอร์หน้าเฮอร์ไมโอนี่ที่ยิ้มกว้างให้พวกเขา แฮร์รี่และมัลฟอยรีบบึ่งไปทันที
“เฮ้! มาดูกันซิว่าใครจะจับได้ก่อน!!!” แฮร์รี่ตะโกนแล้วหัวเราะ
“ฉันไม่ยอมแพ้นายหรอกน่า” มัลฟอยพูดแล้วหัวเราะบ้าง
แต่ทันใดนั้น ลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งเข้าใส่ที่ท้องของแฮร์รี่อย่างจัง เขาจุกจนหน้าเขียวแล้วตกจากไม้กวาด
“พอตเตอร์!!!!!” มัลฟอยร้องแล้วละสายตาจากลูกสนิช ทั้งๆที่ยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่เขาก็ไม่จับ มัลฟอยรีบดิ่งลงไปช่วยแฮร์รี่ทันที แต่ก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือแฮร์รี่ไว้ได้นั้นลูกบลัดเจอร์อีกลูกหนึ่งก็พุ่งมาชนที่หลังของเขาอย่างแรงจนมัลฟอยตกจากไม้กวาด แต่ดีที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เสกคาถาทำให้เขาค่อยๆตกลงมาอยู่บนพื้นข้างๆแฮร์รี่
เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องน้ำตานองหน้า เช่นเดียวกันกับแพนซี่ พาร์กินสัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

มัลฟอยตื่นขึ้นอีกทีในห้องพยาบาล เขารู้สึกถึงแรงเขย่าและเสียงสะอึกสะอื้นของใครบางคน เขามองไม่เห็นว่าเป็นใครแต่รู้แค่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงผอมบางคนหนึ่ง มัลฟอยเอื้อมมือไปจับใบหน้าเธอเบาๆ ตายังพร่าเลือน “กะ...เกรน... ฮะ..เฮ้ย!!!แพนซี่!!!” มัลฟอยตะโกนก้องเมื่อเห็นว่าเป็นแพนซี่ พาร์กินสันนั่นเองที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆเขาเมื่อกี้นี้ เขาตาสว่างทันทีและชักมือกลับ
“เดรโก!!!!” แพนซี่กอดเขาอย่างดีใจทั้งๆที่เขายังนอนอยู่
“เฮ้ย!!! ปล่อยฉัน มันเจ็บ!!! ยัยบ้า ปล่อย!!!!”
“มิสเตอร์มัลฟอย” มาดามพอมฟรีย์เดินมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ถ้าฟื้นแล้วกรุณาเงียบๆหน่อยได้มั้ย เอ้า...เธอน่ะออกไปได้แล้วมิสพาร์กินสัน” เธอหันมาพูดกับแพนซี่ที่ทำหน้างอแต่ยังไม่ขยับเขยื้อน มาดามพอมฟรีย์จึงลากแขนเธอแล้วออกแรงดึง
“เขาต้องการพักผ่อนน่ะไม่เห็นรึไง อย่ารบกวนเขา!!”
“พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมเธอนะเดรโก” แพนซี่แผดเสียงแล้วพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ออกจากแรงดึงของมาดามพอมฟรีย์ที่ลากเธอออกไป แต่ก็ยังไม่วายที่จะหันมาพูดจากระแนะกระแหนเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงของแฮร์รี่ว่า “น้ำตานองหน้าเชียวนะยะยัยเกรนเจอร์ เป็นห่วงเจ้าพอตเตอร์มันขนาดนั้นเลยรึไง อาจารย์!!! หนูเจ็บ!!!”
มัลฟอยหันขวับไปทันที เฮอร์ไมโอนี่ตาบวมแดงเพราะร้องไห้อยู่ข้างๆรอนที่คุยกับแฮร์รี่ที่ลุกขึ้นนั่งได้แล้ว เขากำลังบ่นเรื่องที่เจ็บท้อง (จุก) มัลฟอยรู้สึกฉุนๆอย่างบอกไม่ถูกจึงลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เขายังไม่หายดีจึงเจ็บแปล๊บที่กระดูกสันหลังจนน้ำตาไหล เฮอร์ไมโอนี่รีบรุดเข้ามาดูเขาอย่างเป็นห่วง รอนมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“มัลฟอย...เธอลุกขึ้นมาทำไม” เฮอร์ไมโอนี่ประคองเขาไว้
“ไปห่วงไอ้เจ้าพอตเตอร์นั่นไป!!”
“ถ้าไม่รู้เรื่องก็อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยนะมัลฟอย” รอนพูดอย่างมีอารมณ์ “เฮอร์ไมโอนี่น่ะเป็นห่วงนายจะตายอยู่แล้ว ที่เธอไม่เข้าไปหานายก่อนหน้านี้ก็เพราะยัยพาร์กินสันนั่นอยู่ข้างๆนายต่างหาก ถ้าเธอร้องกรี๊ดกร๊าดแล้วเป็นห่วงนายความลับก็จะแตกนะ”
มัลฟอยรู้สึกโง่เง่าขึ้นมาทันที เขาปาดน้ำตาให้เธอเบาๆ “เออ...ขอโทษนะ ฉันลืมไป”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา “นอนได้มั้ย?”
มัลฟอยพยายามนอนลงอย่างเดิมแต่ก็เจ็บหลังมาก เขาทำหน้าเหยเกจนเฮอร์ไมโอนี่ต้องค่อยๆช่วยให้เขานอนลงจนได้และเล่าว่าแครบเล่นได้ห่วยมาก เขาตีลูกบลัดเจอร์สะเปะสะปะไปโดนเขาและแฮร์รี่ การแข่งควิดดิชครั้งนี้ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะเพราะมีคะแนนเท่ากันและซีกเกอร์ของทั้งสองทีมบาดเจ็บสาหัสจนต้องยกเลิกการแข่งขันไป
“เธอเจ็บมากรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อมัลฟอยทำหน้าเหยเกอีกครั้ง
เขาจับมือเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “แค่เห็นหน้าเธอฉันก็หายเจ็บแล้วล่ะ”
เฮอรไมโอนี่โน้มตัวลงมาหาเขาช้าๆ มือของมัลฟอยอีกข้างจับอยู่ที่แก้มของเธอเบาๆและมือของเธอก็ประทับอยู่ที่แผ่นอกของเขา เธอค่อยๆก้มหน้าใกล้เขาเข้าไปอีกจนใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว....
“เฮ้....เฮอร์ไมโอนี่!!!!!” รอนร้องเสียงหลง “นี่เธออยู่กันแค่สองคนรึไงฮึ???”
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นแล้วก้าวฉับๆไปที่เตียงของแฮร์รี่ด้วยใบหน้าที่แดงซ่านแล้วดึงผ้าม่านปิดรอบเตียงของเขา เพียงเพื่อไม่ให้สายตาของทั้งสองคนเห็นว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอเดินกลับไปที่เตียงของมัลฟอย
“คิดจะทำอะไรก็รีบๆทำเหอะ ฉันให้เวลาแค่สองนาทีนะไม่งั้นฉันจะเปิดออกไปดู” รอนพูดแล้วหัวเราะเบาๆแต่เสียงเจือไปด้วยความเศร้าหมอง แฮร์รี่ก็หัวเราะบ้างแต่หยุดทันทีแล้วร้องโอ๊ยเพราะยังจุกไม่หาย
เฮอร์ไมโอนี่โน้มตัวลงไปหามัลฟอยอีกครั้งแล้วประทับริมฝีปากของเธอไปบนริมฝีปากของเขาเบาๆด้วยความรัก....
“เฮอร์ไมโอนี่!!!!!”
เธอถอนริมฝีปากออกทันทีแล้วหันไปตามเสียงเรียก เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนๆของเธอนั่นเอง ซึ่งมีจินนี่ เนวิลล์ ดีน เชมัส ปาราวตีและโช ทุกคน(ยกเว้นจินนี่) มองเธอตาค้างเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่จูบกับมัลฟอยโดยลืมดึงม่านมาปิด รอนซึ่งเปิดม่านออกมาแล้วมองพวกเพื่อนๆแล้วหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดแก้ต่างให้เธอยังไงเหมือนกัน
“โอพระเจ้า...” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเสียงสั่น มัลฟอยบีบมือเธอไว้ “ทำยังไงดี ทุกคนเห็นแล้ว โอพระเจ้า...ฉันต้องแย่แน่ๆ”


บทที่ 10 รักที่พูดไม่ได้...สุดท้ายก็ความแตก (จบ)

“พวกเธอ...คือ...” เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก เธอมองเพื่อนๆที่จ้องเธอซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร มัลฟอยพยายามดันศอกขึ้นมาแต่ก็เจ็บหลังเกินกว่าจะลุกไหว เฮอร์ไมโอนี่รีบช่วยประคองเขาอย่างเป็นห่วง
“เฮอร์ไมโอนี่!!! ปล่อยมันซะ!!!” เนวิลล์ตะโกน
“ไม่” เธอพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน
“ปล่อยมัน!!!”
“ฉันไม่ปล่อย!!!”
“เธอทำอะไรอยู่รู้ตัวไหม???” ปาราวตีกรีดเสียง ดีนและเชมัสมีท่าทางโมโหมากเพราะตลอดเวลาเกือบหกปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยนั้นเกลียดกันเข้าไส้ แต่วันนี้เธอกลับปกป้องเขา
ดีนเดินไปท่เตียงของมัลฟอยอย่างรวดเร็วเพื่อจะต่อยหน้ามัลฟอยแต่รอนกลับรุดเข้ามาขวางไม่ให้ดีนทำร้ายมัลฟอยได้ ดีนพยายามจะผลักรอนออกไปแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะรอนตัวโตกว่ามาก “รอน...นายหลบไป ฉันจะอัดมัน”
“ผ่านฉันไปก่อนเหอะ” รอนว่า
ดีนรู้สึกโมโหที่รอนปกป้องมัลฟอยด้วยอีกคน เข้าจึงต่อยรอนเข้าเต็มเปาที่หน้าจนหงายหลังทันที จินนี่รีบเข้ามาตบหน้าดีนแล้วด่าเขาที่ไปทำร้ายพี่ชายเธอก่อน แฮร์รี่ก็ลุกขึ้นมาบ้างแต่เขายังคงจุกอยู่จึงลุกไปไหว โชเห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วย
“นี่พวกนายเป็นอะไรน่ะ” เนวิลล์ถามขึ้น “พวกนายไปปกป้องมัลฟอยทำไม มันเป็นศัตรูกับเรานะ”
“ถ้านายคิดว่ามัลฟอยเป็นศัตรูของนาย....พวกเราก็ใช่” แฮร์รี่พูดขึ้นเบาๆ
“แฮร์รี่...”เชมัสและปาราวตีพูดพร้อมกัน
“นี่มันเรื่องอะไรน่ะแฮร์รี่” โชถาม เขาไม่ตอบแต่ขยับตัวให้สบายในอ้อมกอดเธอ
มัลฟอยตัดสินใจพยายามลุกขึ้นมาอย่างสุดกำลัง เขาหน้าเบ้ด้วยความเจ็บที่กระดูกสันหลังตรงที่ถูกลูกบลัดเจอร์กระแทกใส่ เฮอร์ไมโอนี่พยายามกดให้เขานอนลงอย่างเดิมแต่มัลฟอยก็ปัดมือเธอออกแล้วลุกขึ้นมาจนได้ เขาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด “ฟังฉันนะ....ฉัน ฉันมีเรื่องจะบอก”
“จะให้พวกเราฟังอะไรล่ะ!” ปาราวตีตะโกนแล้วหันไปทางเฮอร์ไมโอนี่ “เธอ...คนทรยศ ไปมั่วสุมกับพวกสลิธีริน แกไม่ใช่เพื่อนฉัน!!!!!”
“อย่าไปว่าเกรนเจอร์แบบนั้นนะ!!!!” มัลฟอยตะโกนลั่น เขาค่อยๆลุกลงจากเตียงแล้วเดินช้าๆไปที่พวกเพื่อนๆของเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยคุกเข่าลงต่อหน้าเชมัสพร้อมๆกับทำหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด เชมัสมองมัลฟอย อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ที่เห็นมัลฟอยมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแบบนี้ นี่ไม่ใช่มัลฟอยที่เขารู้จัก...มัลฟอยตัวจริงย่อมไม่มีทางทำแบบนี้แน่ๆ
“ฉันขอโทษ...” มัลฟอยพูดเบาๆ “ฉันขอโทษที่เคยทำตัวร้ายกาจกับพวกนายจนทำให้เดือดร้อน ฉันขอโทษจริงๆ และ...ฉันขอร้องอะไรพวกนายอย่างหนึ่งได้ไหม คือตอนนี้..ฉันคบกับเกรนเจอร์อยู่ – จริงๆ – ฉันขอร้อง...พวกนายอย่าห้ามไม่ให้ฉันคบกับเธอเลยนะ คือ...ฉันขาดเธอไม่ได้ เกรนเจอร์คือชีวิตของฉัน”
เฮอร์ไมโฮนี่นั่งคุกเข่าลงข้างๆเขา แล้วเอาแขนโอบรอบเอวของมัลฟอยไว้เพื่อไม่ให้เขาโน้มตัวลงไปมากกว่านี้ไม่งั้นอาการเจ็บหลังจะเพิ่มทวีคูณ
“นายอย่ามาเว่อร์!!!!” เนวิลล์ตะคอกใส่ “นายอายุแค่สิบหก คบกับเธอก็ไม่ถึงครึ่งชีวิตของนายเลยด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่จะเป็นชีวิตของนายได้ไง”
“ตลอดเวลาสิบหกปีที่ผ่านมาฉันอยู่แต่ในโลกที่ชั่วร้าย สังคมของฉันมีแต่ด้านมืดและเย็นชา ชีวิตของฉันมีแต่การเสแสร้ง ฉันแสร้งทำเป็นสนุกสนานกับสิ่งที่ชั่วร้ายเหมือนพ่อ พวกนายรู้ใช่ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร...” เกิดความเงียบขึ้นมาทันทีเมื่อมัลฟอยพูดจบ ปาราวตีเอามือปิดปาก ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่านายลูเซียส มัลฟอยนั้นเป็นผู้เสพความตายซึ่งถูกขังอยู่ในคุกอัซคาบัน “ใช่....ชีวิตของฉันถูกปลูกฝังมาแต่กับสิ่งแบบนั้นจนในหัวใจของฉันมีแต่เรื่องที่ชั่วร้ายและความชิงชัง” มัลฟอยพูดแล้วหันมายิ้มน้อยๆกับแฟนสาว “แต่เกรนเจอร์ช่วยดึงฉันให้ออกมาจากโลกที่ชั่วร้ายนั้น เธอทำให้ฉันรู้จักมิตรภาพที่แท้จริงไม่ใช่การเสแสร้ง เธอเปิดภาพเด็กชายที่ต้องการความรักออกมาจากสิ่งชั่วร้ายที่ห่อหุ้มฉันไว้...”
“นาย....” ดีนพูดเสียงสั่น เขาแทบไม่เชื่อว่าชายคนนี้ที่คุกเข่าขอโทษเขาจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่เคยพูดจาดูถูกถากถางพวกเขาในเมื่อหลายปีก่อน
“ฉันขอร้อง” มัลฟอยพูดขึ้นอีกครั้งแล้วก้มหน้า “อย่าห้ามฉันไม่ให้คบกับเธอเลยนะ”
“มะ...มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อมัลฟอยโน้มตัวลงไปอีก เธอกอดและรั้งเขาไว้อย่างยากเย็น เพราะถ้ากอดแน่นไปเขาก็จะเจ็บ แต่ถ้าไม่กอดไว้เขาก็จะโน้มตัวลงไปอีกและเจ็บหลังมากพอๆกัน
ทุกคนเงียบไปราวๆ 1 นาที แล้ส้ชมัสกับดีนก็ก้าวมาข้างหน้า รอนจึงรีบลุกขึ้นมาเพราะคิดว่าเขาทั้งสองจะทำร้ายมัลฟอยอีกแต่ดีนกลับยกมือห้ามเขาไว้แล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วงรอน ฉันไม่ทำอะไรหรอก....เชื่อฉัน” ดังนั้นรอนจึงหยุดและเดินไปนั่งข้างๆแฮร์รี่ จินนี่เดินมาหาเขาแล้วจับที่หน้าของรอนเพื่อดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างที่ถูกดีนต่อย
“มัลฟอย...” เชมัสเดินมานั่งยองๆข้างหน้าเขา ดีนก็เช่นกัน “ฉันไม่ห้ามนายหรอกนะถ้านายจะคบกับเฮอร์ไมโอนี่”
มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองดีนกับเชมัสอย่างงงๆกับสิ่งที่ได้ยิน
“ทำหน้างั้นหมายความว่าไงฮึ?? นี่....ฉันตกใจมากเลยรู้มะที่นายพูดออกมาน่ะซึ้งเป็นบ้า ไม่ยักรู้ว่านายจะพูดแบบนี้เป็นด้วย” ดีนพูดบ้างแล้วหัวเราะหึๆ
“พวกเราไม่เห็นแก่ตัวขนาดไม่ให้คนรักกันหรอกนะ” ปาราวตีพูดยิ้มๆ “ผู้หญิงที่ดีสามารถเปลี่ยนผู้ชายได้จริงๆสินะ”
“นายห้ามทำเฮอร์ไมโอนี่เสียใจละกัน” เนวิลล์พูด
“ฉันกล้าเอาชีวิตเป็นประกันเลยว่าฉันจะไม่ทำให้เธอเสียใจ” มัลฟอยพูดแล้วยิ้มกว้าง “ขอบคุณพวกนายจริงๆ ขอบคุณ...”
รอนเห็นดังนั้นจึงขอร้องไม่ให้ทุกคนในที่นี้บอกใครเรื่องที่ทั้ง 2 คนคบกันอยู่ เมื่อทุกคนตกลงกันเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงตั้งคำถามต่างๆกับมัลฟอยอย่างไม่หยุดหย่อน ปาราวตีใจกล้าขนาดถามเขาว่าเคยมี ‘อย่างว่า’ กับเฮอร์ไมโอนี่หรือยัง เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงทันทีมัลฟอยเอื้อมมือไปหยิบหมอนบนเตียงแล้วฟาดหน้าปาราวตีอย่างแรง “ปัญญาอ่อนน่า!!!! ถามอะไรของเธอ”
“ก็แหม...โตๆกันแล้วนะยะ” เธอเถียง “ฉันเคยได้ยินข่าวของพวกมักเกิ้ลนะ พวกนั้นยังมีอย่างว่ากับแฟนตอนอายุ 14 เลย นายเองก็ 16 แล้วนี่ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยรึ???”
“เธอนี่วิปริตจริงๆ” ดีนพูด “เฮอร์ไมโอนี่ไม่ใช่พวกปล่อยตัวอย่างเธอนะ”
ปาราวตีตบหน้าดีนไป 2 ทีแล้วตะโกนด่าเขาที่เขาหาว่าเธอเป็นพวกปล่อยตัวทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็น ทุกคนยกเว้นแฮร์รี่กับโชที่นั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับอยู่บนเตียงหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นดีนกับปาราวตีวิ่งตบตีกันเป็นการใหญ่โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็เถียงกันไม่ยอมหยุด มัลฟอยได้โอกาสหอมแก้มเฮอร์ไมโอนี่หนึ่งทีเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่
“ฉันรักเธอ...” เขาพูดแล้วกอดเฮอร์ไมโอนี่ที่ซุกหน้าลงไปบนบ่าของเขา เธอมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง มัลฟอยยังคงวางมาดและพูดจาดูหมิ่นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์เช่นเคย (อย่าลืมนะว่าเป็นแค่ละครตบตา) และแพนซี่ พาร์กินสันก็ยังคงทำท่าประจบประแจงพูดจาอ่อนหวานหน้าคลื่นไส้กับมัลฟอยเหมือนเดิมโดยไม่สังเกตเลยว่าเขานั้นสะอิดสะเอียนเธอแค่ไหน
“เดรโกจ๋า......” เธอพูด “วันคริสมาสต์นี้ฉันอยากได้สร้อยคอรูปหัวใจจังเลย..จะได้เอาไว้เป็นห่วงโซ่คล้องใจเราไว้ด้วยกัน”
“เออเดี๋ยวซื้อให้” มัลฟอยบ่นอุบอิบ “จะซื้อโซ่มาทั้งดุ้นเอาไว้คล้องคอเธอกับต้นไม้ยังไงล่ะ”
“อะไรนะจ๊ะ???”
“เอ่อ.....เปล่า”
“แหม...เธอนี่น่ารักจังเลยเดรโก” แพนซี่ว่าแล้วกอดแขนเขาอย่างรักใคร่โดยที่เจ้าตัวนั้นทำหน้าเซ็งๆและกลอกตาขึ้นฟ้า แฮร์รี่กับรอนหัวเราะกั้กๆเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน

ในตอนเย็นวันนั้น แฮร์รี่กับรอนต่างก็พยายามแต่งตัวให้เฟี้ยวฟ้าวสุดๆโดยเอาเสื้อออกนอกกางเกงและทำผมยุ่งๆ จากนั้นก็ไปยืนเป่าปากแซวนักเรียนปีสี่ที่เพิ่งเลิกเรียนอยู่ตรงหน้าปราสาท “ไงจ๊ะน้องสาว....โอ้ววว นั่นดาวของปีสี่นี่ เฮ้!!! แอนนาสุดสวยจะไปไหนน่ะจ๊า???” แอนนา ลาน่าเด็กหญิงที่หน้าตาสะสวยเดินดุ่มๆเข้าปราสาทไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าเป็นสีจัดด้วยความเขินที่แฮร์รี่ผู้มีชื่อเสียงกับรอนผู้ที่นับวันยิ่งเท่ขึ้นเป็นกองมาแซวเธอเข้า ทั้งสองหัวเราะกันซะท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นท่าทางของแอนนา
“นี่นาย ไอ้พวกปัญญาอ่อน”
รอนและแฮร์รี่หันไปดูว่าใครบังอาจเรียกพวกเขาแบบนั้น
“มีอะไร พาร์กินสัน” แฮร์รี่ถามอย่างไม่สบอารมณ์พลางขยี้ผมของตนให้ยุ่งขึ้นไปอีก
“เธอเห็นเดรกี้ของฉันมะ?”
“อะไรนะ?? ขีร้อะไรของเธอ” รอนถามอย่างสงสัย
“เดรกี้ย่ะไอ้สมองถั่ว!!! เดรโก มัลฟอยแฟนฉันอยู่ไหน?” แพนซี่กรีดเสียง
รอนยัวะจัดที่ถูกเรียกว่าไอ้สมองถั่ว “ไม่รู้ว้อยยย...ยัยหน้าจืด แฟนใครแฟนมันดิวะ ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันซะทีดิ๊!”
แพนซี่จึงเดินสะบัดออกไปด้วยสีหน้าเกลียดชังรอนเต็มที่ เธอเดินหามัลฟอยผู้เป็นที่รักของเธออย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะอวดกิ๊บติดผมตัวใหม่ที่แม่ของเธอเพิ่งส่งมาให้ในวันเกิดเมื่อ 2-3 วันที่แล้วให้เขาดู เธอเดินไปรอบๆทะเลสาบจนเหนื่อยแล้วนั่งพักลงใต้ต้นบีชริมทะเลสาบแล้วหอบน้อยๆ เธอได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกระซิบกระซาบเสียงอ่อนหวานอยู่ใกล้ๆ แพนซี่จึงเงี่ยหูฟังว่าเป็นใครที่พูดอยู่ตามประสาคนจุ้นจ้าน แต่เสียงนั่น...มันคุ้นๆ!!!! และ...และเธอก็รู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร?
“น่านะ...ขอจูบทีนึง”
“เอ๊ะ...มัลฟอย นี่ในหัวเธอคิดแต่เรื่องแบบนี้รึไงนะ” เสียงหญิงสาวอีกคนพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดแต่ก็หัวเราะเบาๆ “ทีเดียวจริงๆนะ??”
“ฉันรักเธอ...เกรนเจอร์”

“กรี๊ดดดด!!!!!”

แพนซี่กรีดร้องอย่างทนไม่ได้และพุ่งเข้าไปในต้นไม้ เธอเห็นเดรโก มัลฟอยชายที่เธอหลงรักกำลังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งสองมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นเธอ
“นังเกรนเจอร์!!!! ฉันจะฆ่าแก๊!!!!” เธอว่าและกระโจนใส่เฮอร์ไมโอนี่จนล้มนอนหงาย แพนซี่ขึ้นไปนั่งคร่อมแล้วดึงเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่ให้เธอผงกหัวขึ้นมาก่อนที่จะเงื้อมือฟาดเธอไปอย่างแรง แพนซี่ทำท่าจะตบเฮอร์ไมโอนี่อีกทีแต่คราวนี้มัลฟอยรีบกระชากเสื้อคลุมของเธออย่างแรง เขาดึงเธอออกจากเฮอร์ไมโอนี่ที่น้ำตาไหลพราก
“แกทำอะไรน่ะยัยปัญญาอ่อน!!!!!!!” มัลฟอยตะโกนลั่นอย่าโกรธจัดแล้วเข้าไปสวมกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“เดรโก!!!! ทำไมเธอทำแบบนี้...เธอไปหลงเสน่ห์นังนั่นได้ไง” แพนซี่กรีดร้องพร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นทางแล้วหันไปด่าเฮอร์ไมโอนี่ “แกใช้ยาเสน่ห์ใช่มั้ยเขาถึงเป็นแบบนี้!!! แก....”
“ฉันไม่ได้โดนยาเสน่ห์อะไรหรอกนะแพนซี่” เดรโกขัดขึ้นด้วยเสียงเยียบเย็นแล้วมองเธอตาเขียว “ฉันรักเกรนเจอร์ที่ตัวของเขาเอง”
“ไม่!!!!!!! เธอรักฉันนะเดรโก เธอเป็นของฉัน...เธอเป็นแฟนฉัน!!!”
“ฉันสะอิดสะเอียนเธอเต็มทีแล้วนะแพนซี่!!! เธอดูไม่ออกหรือไงว่าฉันไม่เคยคิดที่จะพิศวาสเธอเลยสักนิดเดียว แล้วขอร้องทีเถอะ....ช่วยย้ายก้นเน่าๆออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ฉันต้องการอยู่กับแฟนฉัน 2 คน ไป๊!!!! ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย คอยตามตื้อฉันอยู่ได้ ไปให้พ้น!!!”
แพนซี่กรีดร้องด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เธอพุ่งเข้าไปหมายจะทำร้ายเฮอไมโอนี่อีกครั้งแต่มัลฟอยกลับมาขวางและชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น เขามองแพนซี่เหมือนเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน สายตาเย็นชาและไร้ความปราณี “อย่าแม้ต่คิดเชียวนะ” เด็กหนุ่มพูดเสียงเย็น “ถ้าแกทำร้ายคนที่ฉันรักแม้แต่ปลายก้อยละก็ เตรียมตัวตายได้ ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้แพนซี่”
“เดรโก....ฉันรักเธอ” แพนซี่พูดด้วยเสียงที่พยายามดัดให้อ่อนหวาน
“แต่ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันรักเกรนเจอร์”
แพนซี่กรีดร้องอีกครั้งเหมือนคนเสียสติที่แล้ววิ่งเข้าปราสาทไปพร้อมกับน้ำตา มัลฟอยหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งแล้วแต่ยังคงตัวสั่นด้วยความตกใจเพราะไม่เคยเจอะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาสวมกอดเธอแน่น
“มะ...มัลฟอย เธอทำให้เขาเสียใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ
“ฉันไม่สน ว่าแต่เธอล่ะเป็นอะไรมั้ย” มัลฟอยผละออกจากเธอแล้วจับใบหน้าแฟนสาวที่เป็นรอยมือแพนซี่อย่างอ่อนโยน “ยัยปัญญาอ่อนแพนซี่ ดูซิว่าทำอะไรลงไป เจ็บมากมั้ยเกรนเจอร์??”
“เจ็บสิถามได้ ลองมาโดนเองเถอะ แต่...มัลฟอย ความลับเราแตกแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เป็นไรได้ไงล่ะ เราต้องแย่แน่ๆเลยรู้มั้ย??”
“ก็ช่างปะไร!!” มัลฟอยพูดห้วนๆก่อนที่จะจูบแก้มหญิงสาวเบาๆ “ฉันเองก็ไม่อยากคบกับเธอแบบหลบๆซ่อนๆอีกแล้วด้วย”
“มัลฟอย...เราต้องแย่จริงๆนะ ถ้าเพื่อนๆบ้านสลิธีรินรู้เข้าจะเป็นยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ว่าแล้วซุกหน้าลงไปบนบ่าของแฟนหนุ่ม
“ฉันจะปกป้องเธอเองเกรนเจอร์ ฉันสัญญา...ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองมัลฟอยแล้วยิ้ม “ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงที่อ่อนแอซักหน่อย แล้วเธอก็ไม่ใช่เจ้าชายขี่ม้าขาวด้วย”
“ฉันไม่หล่อพอรึไง ฮึ??” มัลฟอยถามงอนๆ
“จะว่างั้นก็ได้”
“เกรนเจอร์!!!”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะคิกคัก “ก็ทรงผมเหมือนเป็ดของเธอนี่แหละมัลฟอย ฉันล่ะเกลียดมันจังเลย”
มัลฟอยลุกขึ้นพรวดออกไปทันทีทำให้หญิงสาวตัวต้นเหตุหน้าเสียเพราะคิดว่าเขาคงโกรธเธอแน่ๆที่พูดออกไปแบบนั้น เด็กหนุ่มนั่งลงคุกเข่าข้างๆทะเลสาบและจุ่มหัวของตนลงไป!!

“มัลฟอย!!!! เธอทำอะไรน่ะหา???” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงหลง

เขาเงยหน้าขึ้นแล้วสะบัดผมน้อยๆเหมือนหมา จากผมทรงเดิมที่เรียบแปล้ติดหนังหัวพอโดนน้ำแล้วทรงผมก็เปลี่ยนเป็นรองทรง ผมข้างหน้าตกลงมาปรกหน้าปรกตาทำให้ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นอีกเป็นกอง มัลฟอยเดินมานั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้ม “ฉันเป็นเจ้าชายได้รึยัง??”
“ยังหรอก....แต่เดี๋ยวนะ” เฮอร์ไมโอนี่เอาไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วชี้ไปที่ผมของเขา เธอเสกคาถาทำให้ผมแห้งแล้วพูดว่า “อืม...ใช้ได้ ค่อยเหมือนเจ้าชายขึ้นมาหน่อย”
“และเจ้าชายหล่อๆอย่างฉันก็คู่ควรกับเจ้าหญิงสวยๆอย่างเธอ” มัลฟอยพูดแล้วกอดเฮอร์ไมโอนี่เสียแน่น
“โอ๊ย!!! ตาบ้า วะฮ่ะๆ อย่าเซ่! มันจั๊กจี้ อ๊าย!!!” เธอร้องกรี๊ดเมื่อมัลฟอยจี้เอวเธอไม่หยุด ทั้งสองหัวเราะกันแทบเป็นแทบตายจนล้มไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า มัลฟอยซึ่งนอนอยู่ข้างๆโน้มตัวเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่หัวเราะคิกคักแล้วเริ่มต้นจูบเธออย่างแผ่วเบา มือลูบอยู่ที่แก้มข้างซ้ายที่ถูกแพนซี่ตบอย่างอ่อนโยน
“หยุดได้แล้วน่า..” เฮอร์ไมโอนี่ผลักเขาออกด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน มัลฟอยจูบที่จมูกเธออย่างรักใคร่ส่วนเจ้าตัวก็หยิกแก้มแฟนหนุ่มเบาๆ
“เธอผิดคำพูดนะเกรนเจอร์” จู่ๆมัลฟอยก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อะไร??”
“เธอเคยพูดที่ห้องสมุด....ไม่ใช่สิ เธอเคยตะโกนด่าฉันที่นั่นแล้วบอกว่าจะเกลียดฉันไปตลอดชีวิต”
“ก็แหม..ความคิดคนเรามันเปลี่ยนกันได้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแล้วยิ้ม
“แสดงว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้เกลียดฉันแล้ว???”
“ก็ถ้าฉันเกลียดเธอแล้วฉันจะมาคบกับเธอทำไมเล่าตาทึ่ม”
“แล้ว....” มัลฟอยลากเสียง “เธอรักฉันไหม?? ...เฮอร์ไมโอนี่”
เธอไม่ตอบเพราะยังตะลึงที่เขาเรียกชื่อเธอเป็นครั้งแรก
“ว่าไง??” เขาถาม่อ “ฉันรักเธอนะเฮอร์ไมโอนี่ เธอรักฉันไหม??”
เฮอร์ไมโอนี่ผลักอกเขาแทนคำตอบแล้วลุกข้นเดินเข้าไปในปราสาท มัลฟอยมองตามเธอไปด้วยสีหน้างุนงงปนเศร้าสร้อย ทำไมเธอไม่ตอบ?? เธอเดินหนีเขาแบบนี้เพื่ออะไร??? มัลฟอยก้มหน้าเช็ดน้ำตากับแขนเสื้ออย่างน้อยใจ แต่.....

“เดรโก!!!!! ฉันรักเธอ!!!!!!”

เขาเงยหน้าขึ้นทันที เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะโกนอยู่ห่างไป 8 เมตรพร้อมกับยิ้มกว้าง นี่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม??? เมื่อกี้เธอพูดว่า.....

“เธอได้ยินฉันมั้ย???? ฉันรักเธอเดรโก!!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งตื๋อเข้าปราสาท รอนกับแฮร์รี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูยิ้มกว้างให้เพื่อนสาวเมื่อเธอวิ่งผ่านพวกเขาไป ทั้งสองได้ยินชัดแจ๋วเต็ม 2 หูว่าเฮอร์ไมโอนี่พูดอะไรออกไป (แถวนั้นไม่ค่อยมีคนแล้วเพราะนร.ส่วนใหญ่ต่างก็เร่งรีบไปทานอาหารเย็น) “เฮ้!!! ยัยบ๊อง จะวิ่งไปไหนล่ะฮึ??” แฮร์รี่ล้อและรีบวิ่งตามเธอไปพร้อมกับรอน

มัลฟอยนั่งบื้ออยู่อย่างนั้นหลายวินาที สมองของเขาทำงานอย่างหนักเพื่อทบทวนในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เฮอร์ไมโอนี่พูดว่า....เธอพูดว่า.... ‘ฉันรักเธอ...เดรโก’
“ยะฮู้!!!!!!!!!” มัลฟอยลุกขึ้นแล้วกระโดขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาตะโกนเย้วๆที่ริมทะเลสาบอย่างดีใจเมื่อได้ยินเฮอร์ไมโอนี่บอกรักจนนกฮูกที่อยู่บนต้นไม้บินพั่บๆไปโดยเร็วด้วยความตกใจ
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะคิกออกมาเบาๆเมื่อได้ยินเสียงของแฟนหนุ่มลั่นทะเลสาบ เธอเดินไปทานอาหารเย็นพร้อมกับหัวใจที่เบิกบาน โดยมีเสียงอัน...เอ่อ...ไพเราะของรอนและแฮร์รี่ขับกล่อมเธอไปตลอดทาง.....

“Take my hand, take my hold life, too....
‘cause I can’t help falling ih love with you......”



.....The End.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น