วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2657


ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล๊อคที่รวบรวม

FIC: draco&hermione




วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์ 17...The decision (ฟิคสุดท้ายแล้วจ้า)

ซีรี่ย์ 17...The decision (ฟิคสุดท้ายแล้วจ้า)

fic by..Peterpan

นำมาจาก : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=icu11&topic=21&Cate=11

ตอนที่ 1

ณ บ้านโพรงกระต่าย...

เสียงเอะอะจากผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ดังขึ้นตั้งแต่เช้าซึ่งพวกเขาก็คือครอบครัววิสลีย์นั่นเอง - - ความหมายของ “บ้านโพรงกระต่าย” แห่งนี้มิได้หมายความถึงลักษณะของบ้าน (บ้านที่ดูเหมือนจะเคยเป็นโรงเลี้ยงหมูขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหิน) แต่เป็นผู้อาศัยอยู่ ณ ที่นี่ต่างหากที่จะทำให้ความหมายของ “บ้านโพรงกระต่าย” สมบูรณ์

นางวิสลีย์เปิดวิทยุคลื่นรายการที่ฟังอยู่เป็นประจำทุกเช้า ซึ่งขณะนี้กำลังมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุหิมะถล่มใกล้กับบริเวณโรงเรียนสอนเวทมนต์แห่งหนึ่งโดยที่หน่วยกู้ภัยกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดหิมะออกไป นอกจากนี้ยังมีข่าวเกี่ยวกับการร้องเรียนว่ามีการจำหน่ายหนังสือ“คู่มือแนะนำการป้องกันตัวและบ้านเรือนเบื้องต้น” ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูงในราคาสิบหกซิ้กเกิ้ลสี่คนุตส์ที่ร้านหนังสือที่ชื่อร้าน “เรียงอักษรบนกระดาษ” ทั้งที่ความจริงเป็นหนังสือแจกฟรีจากกระทรวงเวทมนต์

“แม่ฮะ ถุงเท้าผมหายไป” รอน วิสลีย์เด็กชายผมสีแดงร่างสูงเดินลงมาจากห้องพร้อมกับแฮร์รี่ พอตเตอร์เพื่อนของเขา

“อยู่ในลิ้นชักตู้ซ้ายมือบนห้องไงลูก” นางวิสลีย์ตะโกนบอก ไม่นานก็มีเสียงรอนวิ่งกลับขึ้นห้องไป เธอกำลังเตรียมอาหารเช้าให้กับทุกคนอยู่ที่โต๊ะ โดยมีผู้ช่วยคือจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ที่เรียงจานอยู่

เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์กับแฮร์รี่ พอตเตอร์เด็กชายพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกเวทมนต์มาพักกับครอบครัววิสลีย์ได้ราวหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่จริงเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะมารบกวนครอบครัวนี่เท่าใดนัก (ยกเว้นแฮร์รี่ที่ดูเหมือนจะยินดีเสียเหลือเกินที่จะจากลุงเวอร์นอนกับป้าเพ็ดทูเนียมาได้) แต่ทั้งสองได้รับนกฮูกจากศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์บอกว่าพวกเขาควรจะมาพักอยู่ที่นี่หลังจากที่เจ้าแห่งศาสตร์มืด - - ลอร์ตโวลเดอร์มอร์ตได้กลับมาแล้ว ดังนั้นจะปลอดภัยมากว่าถ้าพ่อมดและแม่มดหลาย ๆ คนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

“นายไม่เคยใส่คู่เดียวกันอยู่แล้วนี่นา ใส่สีเขียวข้างสีแดงข้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร” เฟร็ดตะโกนแซว

“ช่าย” จอร์จร่วมวงไปอีกคน

“พวกนายมาเยี่ยมบ้านเพื่อจะมาก่อกวนฉันโดยเฉพาะรึเปล่าเนี่ย” รอนที่เดินกลับลงมาพร้อมแฮร์รี่บ่นดัง ๆ

“โอ๊ย ไม่เคยคิดเลย” ฝาแฝดมองหน้ากันแล้วยิ้มกว้าง

“พอร้านเราจะเปลี่ยนหลังคาเสร็จ...” เฟร็ดพูดต่อ

“เราก็จะไป...” จอร์จต่อให้

“พังกำแพงต่อ!” รอนแทรกทันควัน

ทุกคนหัวเราะเสียงดัง - - เฟร็ดกับจอร์จได้เปิดร้านขายของเล่นอย่างที่ตั้งใจไว้ และกิจการก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่สาเหตุที่ฝาแฝดต้องทิ้งร้านมาอยู่กับครอบครัวก็เพราะของเล่นใหม่ที่อยู่ในระหว่างทดลอง(พวกเขาตั้งชื่อมันว่า “พลุดาวตก”) เกิดระเบิดขึ้นเองจนทำให้หลังคาร้านทะลุเป็นรูพรุน แต่ทั้งสองก็ยังมีอารมณ์ขันเหลือเฟือพอที่จะไม่เลิกล้มการผลิตสินค้าชนิดนี้ และจ้างคนมาเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมดให้เป็นกระเบื้องอย่างดี

“แจ๋วมากน้องชาย เราลืมคิดไป” ฝาแฝดหัวเราะ

แฮร์รี่และรอนเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างกัน นางวิสลีย์ตักข้าวโอ๊ตควันกรุ่นใส่ชามแต่ละใบพร้อมหยิบชามนมและน้ำเชื่อมวางไว้ใกล้มือทุกคน แฮร์รี่ตักข้าวโอ๊ตใส่ปากขณะที่รอนเริ่มพูด

“พ่อไปไหนฮะ”

“ไปทำงานแล้ว เห็นเขาว่ามีคนสาปเครื่องปิ้งขนมปังของพวกมักเกิ้ล” นางวิสลีย์เติมข้าวโอ๊ตใส่ชามเพิ่มให้กับแฮร์รี่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“อย่าเพิ่งอิ่มนะแฮร์รี่ เธอต้องกินเข้าไปเยอะ ๆ”

“ครับ” แฮร์รี่รับคำแล้วตักข้าวโอ๊ตเข้าปาก ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่าแฮร์รี่ดูพูดน้อยลงหลังจากที่เขาสูญเสียพ่อทูนหัวไปในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ต แต่ถึงอย่างนั้นรอนและคนอื่น ๆ ก็พยายามพูดคุยหยอกล้อกับเขาตามปกติ แม้ต่างก็รู้ว่าไม่สามารถทำให้แฮร์รี่ลืมความทุกข์นี้ได้แต่พวกเขาก็หวังเพียงแต่ว่าความสุขรอบ ๆ ตัวจะช่วยบรรเทาความเศร้าโศกได้บ้าง

“เย็นนี้ที่โรงละครบาร์นาร์ตมีคอนเสิร์ตเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” เฟร็ดเอ่ยขึ้น

“อ๋อ ฉันได้ยินจากวิทยุแล้ว” รอนพูด

“มีอย่างอื่นที่เจ๋งกว่านี้อีก” ฝาแฝดมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เช่น…” จอร์จล้วงกระเป๋า

“เราได้ตั๋วมา!”

รอนอ้าปากค้างมองพี่ชายทั้งสองเอาตั๋วโบกไปมาตรงหน้าเขา

“พวกนายทำได้ยังไง! ตั๋วหมดตั้งแต่ขายไปได้แค่สองชั่วโมงนะ”

“แฟนตัวยงของวงนั้นเขาเป็นลูกค้าเราน่ะสิ แต่ครอบครัวเขาเกิดมีธุระไปไม่ได้ก็เลยเอามาแลกกับของเล่นในร้านเราไปตั้งตะกร้าหนึ่งแน่ะ”

“แม่จำไม่ได้ว่าอนุญาตให้ลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่” นางวิสลีย์ขัดขึ้นเสียงเข้ม

รอนทำหน้าเหมือนถูกสั่งงดขนมที่กำลังกินอยู่ เขาโอดครวญ

“โธ่ แม่ฮะ นี่มันครั้งเดียวในรอบปี”

เฟร็ดกับจอร์จพยักหน้าให้กันเหมือนได้ตกลงแผนขั้นสองไว้แล้ว

“แล้วก็จะเป็นครั้งเดียวในรอบปีด้วยที่แม่จะอนุญาตเรา…” เฟร็ดเอาศอกสะกิดจอร์จให้รีบพูดต่อ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนไม่เคยพูดได้จบประโยคเลยสักครั้งเพราะอีกคนมักจะต่อให้เสร็จสรรพ

“ให้พาแฮร์รี่ไป”

เด็กชายทุกคนบนโต๊ะช่วยกันส่งสายตาอ้อนวอนมาที่นางวิสลีย์ ซึ่งก็รวมสายตาของแฮร์รี่ด้วยจึงทำให้เธอลังเล การพาแฮร์รี่ออกไปข้างนอกเสียบ้างก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนัก

“เอาล่ะ แม่ยอมแพ้”

ฝาแฝดพร้อมด้วยแฮร์รี่กับรอนร้องเฮเสียงดังด้วยความดีใจ นางวิสลีย์รีบชูนิ้วขัดขึ้นมาเสียก่อน

“แต่….นะลูก - - แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกลับบ้านเกินสองทุ่มเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแม่จะให้พ่อของลูกออกไปรับ”

“ตกลงฮะ!”

“หนูไม่ชอบเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” จินนี่พูดอย่างไม่สนใจ

“โอ้ น้องสาว เธอไม่ใช่ เดอะเวียร์ด ซีสเตอร์ของเราหรอกน่า” เฟร็ดแซว

“เรารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่สนใจวงนี้” จอร์จเสริม

“และเราก็มีตั๋วพอสำหรับหนุ่ม ๆ เท่านั้น”

พูดจบจอร์จและเด็กชายทั้งโต๊ะก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ ฝาแฝดหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาสำนึกผิด

“ขอโทษนะ เฮอร์ไมโอนี่”

“ฉันก็ไม่ชอบเดอะเวียร์ด ซีสเตอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกันกับจินนี่

“อีกอย่างเย็นนี้ฉันว่าจะออกไปข้างนอก”

“หนูจะไปไหน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นางวิสลีย์ดูตกอกตกใจ เด็กหญิงจึงรีบพูดต่อ

“หนูจะกลับไปบ้านค่ะ หนูลืมการบ้านวิชาปรุงยาไว้บนโต๊ะ แต่พ่อกับแม่อาจจะให้หนูอยู่ด้วยสักสองสามวันก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย เธอแทบจะไม่ได้อยู่บ้านเลยเพราะต้องมาอยู่กับครอบครัววิสลีย์ตั้งแต่เพิ่งปิดเทอมได้ไม่นาน

“เธอไม่ควรจะไปอยู่บ้านคนเดียวในเวลาอย่างนี้นะ” รอนพูดอย่างเป็นห่วง

“ฉันมั่นใจว่าคนที่เธอรู้ว่าใครไม่ลงมือกับพวกมักเกิ้ลให้เสียแรงเปล่าในช่วงนี้หรอก” เด็กหญิงว่า

เย็นวันนั้นหลังจากที่ส่งบรรดาเด็กชายที่แต่งตัวกันเต็มยศเพื่อไปคอนเสิร์ตอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว (เฟร็ดกับจอร์จเตรียมของเล่นที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่จำนวนหนึ่งไปแจกเป็นตัวอย่างที่งานคอนเสิร์ตเพื่อโฆษณาร้านไปในตัวด้วย) เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินตามนางวิสลีย์ไปยังเตาผิงของบ้าน

“เธอเดินทางด้วยผงฟลูได้ใช่ไหมจ๊ะ” นางวิสลีย์ถามขณะยื่นกระถางให้เฮอร์ไมโอนี่หยิบผงที่เหมือนขี้เถ้าออกมา

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วก้าวเข้าไปในเตาผิง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปล่อยมันลงบนพื้นเตานกฮูกชราขนรุ่งริ่งหรือก็คือแอรัลนั่นเองก็บินมาชนกำแพงบ้านเสียงดังนางวิสลีย์รีบเดินไปดูอาการมันทันที เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาตั้งสมาธิใหม่อีกครั้งแล้วปล่อยผงฟลูออกจากมือ

"บ้านเกรน - - อุ๊ย!" เด็กหญิงอุทานออกมาก่อนที่จะพูดจบเพราะแมงมุมที่ซ่อนอยู่ในเตาผิงกระโดดมาเกาะชายเสื้อคลุมของเธอเข้า

ไฟสีเขียวลุกพรึบขึ้นอาบร่างของเฮอร์ไมโอนี่พาเธอไปยังที่ที่ใครก็ไม่ทราบได้…


ตอนที่ 2

เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าร่างกายหมุนเร็วจี๋พร้อมกับขี้เถ้าจำนวนมหาศาลพุ่งเข้ามาในปากจนเธอได้รสขมปี๋ไปถึงคอ เด็กหญิงเสียหลักล้มลงกระแทกกับพื้นทุกอย่างจึงหยุดนิ่งลง

เฮอร์ไมโอนี่ไอแค้ก ๆ สำลักขี้เถ้าอย่างหนัก แต่ก็เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีล้นเหลือที่โผล่มาในเตาผิงที่ไม่ได้ติดไฟร้อน ๆ อยู่ นอกจากนี้ยังกว้างและสูงจนแทบจะเดินออกไปได้ เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวคลานออกไปอย่างหวาดหวั่นเพราะกลัวว่าจะเดินออกไปพบเจ้าของเตาผิงที่อยู่ภายนอก - - ไม่นานเธอก็สัมผัสกับพื้นหินเย็น ๆ ด้านนอกในที่สุด เด็กหญิงยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบ ๆ

เตาผิงแห่งนี้อยู่ในห้องที่เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางแสนสบาย ราวกับที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของคฤหาสน์หลังใหญ่ เครื่องตกแต่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นม่านกำมะหยี่สีเขียวเข้ม โต๊ะ ตู้ไม้เนื้อมันวาวเก้าอี้หรือแม้แต่แจกันใบเล็กใหญ่ทั้งหลายล้วนดูเป็นของมีราคาทั้งหมด

แต่แล้วเลือดในกายของเฮอร์ไมโอนี่ก็เหมือนจะเย็นเฉียบเมื่อตาโปน ๆ สีเขียวคู่หนึ่งกำลังมองเธอมาจากเงามืด!

“ผู้บุกรุก!!!” เสียงร้องกรี๊ดแสบแก้วหูจากเจ้าของดวงตาดังขึ้นพร้อมกับเอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากใต้โต๊ะ มันสวมชุดที่เหมือนเป็นผ้าม่านเก่า ๆ สีน้ำเงินที่มีแต่รอยปะ ดูราวกับเจ้าตัวพยายามเย็บให้มันดูคล้ายกระโปรงให้มากที่สุด

“ไม่! ไม่ใช่!” เฮอร์ไมโอนี่วิ่งจะไปจับตัวมัน เอลฟ์กระโดดแผล็วไปบนหลังตู้สำหรับโชว์ของประดับตัวใหญ่แล้วตะโกนเสียงดังอีก

“มีคนเข้ามา! มีคนเข้ามา!”

“ไม่ใช่นะ! อย่าตะโกน! ขอร้องล่ะ!” เธอพยายามบอกแต่ว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งไปรอบ ๆ ห้องและโวยวายด้วยประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เฮอร์ไมโอนี่คว้าชายผ้าม่านที่มันสวมอยู่ไว้ได้สำเร็จ เอลฟ์ตัวนั้นร้องเสียงหลง

“ปล่อยฉันนะ! ขโมย!” มันตะโกนตำแหน่งใหม่ที่มันคิดเอาเองให้กับเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงเขย่าตัวมันสุดแรง

“ฉันหลงทางมาต่างหาก! ถ้าเธอมีผงฟลูฉันก็จะออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“โจรขโมยผงฟลู เข้ามาในบ้าน!!”

เอลฟ์ร้องเสียงดังกว่าเดิมเกือบเท่าพร้อมกับพยายามดึงตัวออกจากเฮอร์ไมโอนี่หรือตอนนี้ที่มันเข้าใจก็คือ - - โจรขโมยผงฟลู!

“หนวกหูที่สุด! พวกแก!”

เสียงตวาดดังเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้น ทั้งเอลฟ์และเฮอร์ไมโอนี่หันไปมองก็เห็นเดรโก มัลฟอยยืนเหนี่ยวผ้าม่านสีเขียวตรงประตูทางเข้าออกของห้องเพื่อพยุงตัวเองอยู่ เขาหายใจหนัก ๆ และเหงื่อท่วมตัวเหมือนคนวิ่งมาแต่ไกล ใบหน้าซีดเซียวของเขาดูซีดมากกว่าปกติแต่ถึงอย่างนั้นก็มีสีแดงจากความร้อนในกายเจืออยู่ที่แก้ม เมื่อเห็นว่าเธอเป็นใครเขาก็หรี่ตามองมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“เกรนเจอร์...”

เฮอร์ไมโอนี่เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เอลฟ์ตัวจ้อยวิ่งไปหาเด็กชายทันทีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“นายน้อยเดรโก นายน้อยไม่สบาย นายน้อยอย่าลุกมาจากเตียงสิเจ้าคะ”

มัลฟอยก้มลงกระชากคอเอลฟ์ตัวนั้นมา เขายังหอบหายใจขณะจ้องหน้ามันแล้วพูดเสียงกร้าว

“ใครจะไป...หลับลง...ถ้าได้ยินเสียงแก...แหกปาก!!”

พูดจบเขาก็เหวี่ยงร่างเล็กจ้อยนั่นไปตกแอ้กแทบเท้าเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงร้องด้วยความตกใจ

“เธอทำมันทำไม!”

“เงียบนะ!” มัลฟอยตวาดใส่ เหงื่อออกมาเต็มหน้าซีดเซียวของเขา เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่เธอยังคงมองเขาที่ทำท่าเหมือนหายใจไม่สะดวกนัก เด็กชายจับหน้าอกแล้วพูด

“มีธุระอะไรกับฉัน ไม่ได้อยู่กับเจ้าพอตเตอร์รึไง”

ความโกรธดูเหมือนจะพุ่งจี๊ดขึ้นในสมองของเฮอร์ไมโอนี่ เธอเสียงดังสู้

“ฉันแค่หลงมา! ฉันไม่ได้อยากมาสักหน่อย!”

ใบหน้าซีดเซียวของมัลฟอยแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากัดฟันกรอดแล้วกำหมัดแน่น

“อ้อ เรอะ! งั้นกลับไปได้แล้ว อย่าคิดมาเหยียบบ้านฉันเด็ดขาด!”

เอลฟ์ตัวนั้นคลานมาหามัลฟอย ดูมันเป็นห่วงนายน้อยของมันมากกว่าตัวเองเสียอีก

“นายน้อยไม่สบาย กลับไปนอนนะคะ”

“ลากยายหัวฟูนี่ออกไป!” เด็กชายตะโกนสั่ง

“ค่ะ ค่ะ” มันละล่ำละลักแล้วฝืนลุกขึ้นมาหาเฮอร์ไมโอนี่ แต่ไม่ทันไรร่างสูง ๆ ของมัลฟอยก็โงนเงนล้มลงกระแทกพื้นเสียงโครมสนั่น

“มัลฟอย!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจ


ตอนที่ 3

“เป็นนายน้อยอย่ามาแตะต้องนะ! - - นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!”

เอลฟ์ตัวจ้อยทั้งทุบทั้งถองด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เด็กหญิงพยายามพยุงตัวมัลฟอยขึ้น เมื่อไม่ได้ผลมันก็หันไปทึ้งผมของเธอแทน

“ฉันไม่ได้อยากแตะนายน้อยเธอสักนิดเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ฉวยแจกันใบโตใกล้มือมาฟาดใส่มันสักที

“ถ้าเธอแบกเขาไหว ฉันจะไม่ช่วยเธอก็ได้!”

เอลฟ์หยุดมือทันที มันมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่เหมือนชั่งใจอยู่สักครู่ก็หันไปช่วยยกแขนอีกข้างของมัลฟอยขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจแม้ว่าสำหรับมันแล้วมัลฟอยก็เหมือนยักษ์ตัวหนึ่งก็ตาม

“เราพาเขาไปที่ห้องเถอะ เธอนำทางไปก็แล้วกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะยกตัวมัลฟอยขึ้นสำเร็จในที่สุด เอลฟ์รับคำแล้วพยายามลอยตัวนำไป

ระหว่างทางที่ทั้งสองเดินไปตามระเบียงบ้านเฮอร์ไมโอนี่ก็หันซ้ายหันขวามองโน่นมองนี่ไปตลอดทาง - - บ้านของมัลฟอยนั้นน่าจะเรียกว่าปราสาทเสียมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับจงใจสร้างด้วยสีหม่น ๆ ของอิฐและหิน โคมไฟบนเพดานตลอดทางเดินและของตกแต่งเป็นสีทองเข้ม รูปภาพทั้งเก่าและใหม่หลายรูปมองมาที่ทั้งสองอย่างสนใจแต่ก็มีบางภาพที่พึมพำออกมาให้ได้ยิน

“ต๊าย แฟนเดรโกหรือไงนี่” สุภาพสตรีในชุดสีดำเอาพัดบังริมฝีปากของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าเธอจงใจให้รูปอื่น ๆ สนใจ ซึ่งก็ได้ผล หญิงสาวในชุดสีแดงปล่อยมือจากลูกแอปเปิ้ลในภาพของเธอแล้วหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่

“เดรโกจูบเก่งใช่ไหม” เธอหัวเราะคิกคัก

“ไปห้องเขาเหรอ ห้องเขาไม่มีรูปสักใบฉันเลยตามไปไม่ได้” หญิงสาวหน้าซีดเหมือนกระดาษในภาพพูดเสียงกระซิบ

เฮอร์ไมโอนี่พยายามไม่พูดกับรูปใดทั้งนั้น เธอเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างตรงทางเดินก็เห็นหมู่ต้นไม้ที่ขึ้นกินพื้นที่ด้านหน้าของปราสาท ใบไม้บนต้นทุกต้นเป็นสีเขียวจัดเพราะถูกบังด้วยเงาปราสาทหลังนี้

“ไม่มีเอลฟ์ตัวอื่นอีกเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามถามเอลฟ์ตัวนั้นโดยมีแขนที่ร้อนเพราะพิษไข้ของมัลฟอยพาดบ่าอยู่

“เป็นมีค่ะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นายน้อยเลย - - เป็นนายน้อยหมู่นี้ชอบโยนเสื้อผ้าให้ถ้าพวกเราเผลอ”

มันเริ่มร้องไห้แล้วพูดต่อ

“ทูดาสงสารนายน้อย เป็นนายน้อยไม่สบายมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครดูแลเลย”

“แล้วพ่อ...” เฮอร์ไมโอนี่เงียบลงทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพ่อของมัลฟอยอยู่ที่ไหน - - และเป็นที่ที่ไม่ควรพูดถึงอย่างยิ่ง!

“แม่ของเขาล่ะ”

“นายหญิง...เอ่อ...” เอลฟ์หญิงที่ชื่อทูดาตัวนั้นลังเลที่จะตอบ พอดีกับที่พวกเขาเดินมาถึงประตูไม้ของห้อง ๆ หนึ่ง มันจึงรีบผละไปเปิดประตูห้องนั้นให้เฮอร์ไมโอนี่พามัลฟอยเข้าไป เด็กหญิงค่อย ๆ วางเขาลงบนเตียงสี่เสาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องแล้วยกขาของเขาให้อยู่บนเตียงจนครบด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างยากเย็น

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มนวดไหล่ตัวเองแล้วมองไปรอบ ๆ - - ห้องของมัลฟอยกว้างเกินกว่าจะเป็นห้องสำหรับคนเพียงคนเดียว ของตกแต่งในห้องล้วนสวยงามดูมีค่า ผ้าม่านเนื้อดีสีขาวสะอาดพลิ้วไหวอยู่ตรงหน้าต่าง พื้นห้องเป็นหินเรียบลื่น เธอคิดว่านายและนางมัลฟอยคงจะต้องการให้ลูกชายได้ทุกอย่างที่เป็นที่สุด...ห้องกว้างที่สุด เตียงใหญ่ที่สุด เครื่องตกแต่งห้องที่สวยที่สุด แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจก็คือห้อง ๆ นี้นั้นเป็นห้องที่ดูเงียบเหงาและว้าเหว่ที่สุดเช่นกัน

ทูดาเดินมาพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้สีสวยบนถาด เฮอร์ไมโอนี่รับมาดื่มอย่างกระหายเพราะเหนื่อยที่แบกมัลฟอยมาถึงนี่

“แล้วเธอไม่กลัวเขาขว้างเสื้อผ้าใส่บ้างหรือไง” เด็กหญิงถาม

“เป็นทูดาคอยหลบให้ทันค่ะ แต่เป็นทูดารู้ว่านายน้อยแค่ไม่อยากให้ใครเข้ามาใกล้” มันทำท่าจะร้องไห้อีก

“แล้วเขาไม่สบายเป็นอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อแล้ววางแก้วกลับไปบนถาด

“เป็นทูดาคิดว่าอาจจะเป็นหวัดธรรมดา แต่นายน้อยเป็นไม่ยอมให้ใครมาเฝ้าไข้ก็เลยเป็นหนักขึ้นค่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาแล้วถอนหายใจ - - ทำไมเขาถึงไม่ห่วงตัวเองซะบ้างเลย

“ไปเอาผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นมาหน่อยได้ไหม ฉันจะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน”

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องห่วง ฉันเคยทำมาก่อนแล้ว” เธอนึกถึงตอนงานเลี้ยงเต้นรำตอนปีสี่และเธอเองนี่แหละที่ช่วยดูแลเขาให้หายเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทูดาพยักหน้าแล้วกระโดดหย็องแหย็งหายไปที่มุมห้อง ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวและอ่างทองเหลืองที่มีควันลอยออกมา เฮอร์ไมโอนี่ถอดเสื้อคลุมเปื้อนขี้เถ้าของตัวเองออกแล้วพับแขนเสื้อขึ้น เด็กหญิงเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าและแขนให้เขา ทูดามองเธออย่างสนใจ

“เป็นคนรักของนายน้อยเป็นคุณเหรอคะ”

มีรอยสีชมพูปรากฏขึ้นบนหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แต่เด็กหญิงก็ฝืนยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อนึกถึงประโยคดุเดือดที่มัลฟอยตะโกนใส่หน้าเธอไปเมื่อสักครู่

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนายน้อยเธอก็ปากร้ายกับ “คนรัก” น่าดูเลยนะ” เธอวางแขนของมัลฟอยลงแล้วจับหน้าผากเขาเพื่อวัดไข้

“คงอาละวาดจนหมดแรงเท่านั้นแหละ ฉันว่าตัวเขาไม่ค่อยร้อนแล้วนะ” เด็กหญิงลุกไปล้างมือในห้องน้ำโดยปล่อยให้ทูดาเปลี่ยนชุดใหม่ให้มัลฟอยจนเสร็จ เมื่อเดินออกมาเธอก็เห็นทู***ำลังขยับผ้าห่มให้ปิดอกเขาอยู่ ทู***ระโดดมาหาเฮอร์ไมโอนี่ มันโค้งคำนับอย่างซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณมากนะคะ ทูดาอยากตอบแทน คุณทานอาหารเย็นที่นี่นะคะ”

“เธอก็เห็นว่าเขาไม่อยากให้ฉันอยู่ เอาผงฟลูให้ฉันเถอะฉันจะกลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า

ทูดาหน้าเศร้าลงอีก มันก้มหน้าแล้วอธิบายเสียงสั่นเครือ

“ผงฟลูที่นี่หมดแล้วล่ะค่ะ เป็นตั้งแต่นายผู้ชายหายไป เป็นนายหญิงก็ใช้ผงฟลูไปโน่นมานี่ วันละหลาย ๆ ครั้งแล้วนายหญิงก็หายไปอีกคนแต่ทูดาไม่รู้ว่าไปไหน”

บางทีมิสซิสนาร์ซิสสา มัลฟอยคงพยายามหาคนไปช่วยสามีของเธอก็เป็นได้ - - เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจขณะมองทูดาปาดน้ำตาที่เริ่มไหลลงมา เอลฟ์ตัวจ้อยเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยสีหน้าขอร้อง

“ค้างที่นี่เถอะนะคะ พรุ่งนี้เป็นทูดาจะให้นายน้อยสั่งให้ทูดาออกจากบ้านไปซื้อผงฟลูมาให้คุณ”

เด็กหญิงพยักหน้าในที่สุด

แล้วคืนนั้นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่โต๊ะของบ้านมัลฟอยเพียงลำพัง โต๊ะที่จัดเรียงเก้าอี้ไว้เป็นสิบ ๆ ตัวดูแล้วเหมือนโต๊ะสำหรับจัดเลี้ยงแขกนับสิบคนนั้นดูกว้างและยาวเกินไปสำหรับครอบครัวมัลฟอยที่เธอคิดว่ามีเพียงสามคนเท่านั้น และยิ่งในเวลานี้ที่มีเธออยู่แค่คนเดียวด้วยแล้ว แสงเทียนและแสงไฟจากเตาทำให้บรรยากาศชวนหดหู่ใจด้วยความเหงามากขึ้นไปอีก

เมื่อได้เวลา อาหารมากมายก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะซึ่งก็เป็นอาหารสำหรับคน ๆ เดียว ทุกอย่างยังร้อนและหอมน่ากิน เฮอร์ไมโอนี่หยิบช้อนขึ้นมาตักซุปในชามตรงหน้ารับประทาน เวลาผ่านไปโดยที่รอบตัวมีเพียงเสียงปะทุจากฟืนในเตาผิงของห้องรับประทานอาหารสลับกับเสียงช้อนส้อมของเธอเท่านั้น

เงียบเหลือเกิน...เฮอร์ไมโอนี่คิดแล้วถอนใจเฮือก นึกถึงครอบครัววิสลีย์ที่ไม่เคยขาดเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในเวลาอาหารเลยแล้วนี่มัลฟอยต้องนั่งอยู่อย่างนี้คนเดียวมานานแค่ไหนก็ไม่รู้....เธอถอนใจอีก

“ทูดา ทูดา” เด็กหญิงเรียกเอลฟ์แล้วมันก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเก้าอี้ของเธอทันทีพร้อมกับถามเสียงหวั่น ๆ

“ไม่อร่อยเหรอคะ”

“ไม่ใช่หรอก อร่อยมากแต่ฉันอยากหาคนมานั่งคุยด้วยสักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ทูดาจึงกระโดดขึ้นนั่งบนเก้าอี้ “นายน้อยเธอเขาอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว”

“ตั้งแต่ปิดเทอมค่ะ เป็นไม่มีใครไปรับนายน้อยที่สถานีรถไฟ เป็นนายน้อยต้องกลับบ้านเองพอกลับมาก็ไม่มีใครอยู่แล้ว”

“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเพราะนั่นหมายความว่ามัลฟอยอยู่อย่างนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว

“แต่...แต่เป็นนายน้อยไม่เคยพูดอะไรเลยนี่คะ” ทูดารีบบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าตกใจ

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวพิงเก้าอี้....มัลฟอยอดทนไม่น่าเชื่อในขณะที่เธอแค่คืนนี้คืนเดียวก็แทบทนไม่ไหว

“เป็นอะไรไปคะ” ทูดาถามเพราะเห็นเธอเงียบไป

“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเธอมีงานต้องทำก็ไปได้นะ” เด็กหญิงบอก ทูดาพยักหน้าแล้วหายไปจากเก้าอี้

เฮอร์ไมโอนี่หยิบช้อนขึ้นมา - - ถึงแม้ต้องนั่งคนเดียวก็ไม่เป็นไร เธออยากรับรู้ความทุกข์ที่มัลฟอยต้องเจออยู่ทุกวันบ้างเผื่อว่าเธอจะเข้าใจเขาในเวลานี้ได้มากขึ้น

หลังจากที่รับประทานอาหารแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทูดาเตรียมไว้ให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของมัลฟอย เธอเห็นเบาะนอนถูกจัดไว้ข้างเตียงสูงของเขาเรียบร้อยพร้อมกับหมอนและผ้าห่มวางไว้แล้ว ทู***ำลังปลดม่านรอบเตียงนายน้อยของมันที่ตอนนี้ยังคงหลับลงอย่างระมัดระวัง

“เป็นคุณนอนกับนายน้อยที่นี่เถอะนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกทูดาได้ค่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่มองเปลือกตาที่ยังคงปิดสนิทของมัลฟอยเหมือนชั่งใจอยู่สักพักแล้วก็พยักหน้า ทูดายิ้มอย่างดีใจแล้วเดินไปยกตะเกียงที่อยู่ตรงโต๊ะมุมห้องขึ้น

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” มันพูดจบก็หายไปพร้อมกับเสียงป๊อบเบา ๆ

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนอนบนเบาะ มองเพดานสูง ๆ ของห้องขณะที่ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของมัลฟอยที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงเป็นระยะ - - ไม่รู้ว่าป่านนี้ครอบครัววิสลีย์รู้หรือยังว่าเธอมาติดอยู่ที่บ้านของมัลฟอย และดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ยินดีต้อนรับเธอเลยสักนิด....เขาคงโกรธที่เธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายลูเซียส มัลฟอย พ่อของเขาต้องเข้าไปอยู่ในอัซคาบัน...คุกของพ่อมด บางทีสาเหตุของอาการป่วยของมัลฟอยอาจจะมาจากการทำร้ายตัวเองเพราะเสียใจเรื่องนี้ก็ได้

เด็กหญิงถอนใจแล้วหลับตาลง - -

“บ้าเอ๊ย...”

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งทันที เธอพลิกม่านที่เตียงของมัลฟอยออกก็เห็นเขานอนกระสับกระส่ายไปมาและพูดพึมพำ

“ไปกันให้หมด...ไอ้พอตเตอร์ - - ฉันจะฆ่าแก!”

เด็กหญิงถอนใจลึกแล้วเอื้อมมือไปจับมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อของมัลฟอยเขย่าเบา ๆ เขาจึงค่อยสงบลง

“เสียใจด้วยเรื่องพ่อเธอนะ” เธอพูดขณะใช้หลังมืออีกข้างไปทาบหน้าผากอุ่น ๆ ของอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินแต่เธอก็รู้ดีว่าป่วยการถ้าจะพูดเรื่องนี้ตอนที่เขารู้สึกตัวดี

“แต่เธอไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวเหมือนอยู่ในอัซคาบันไปด้วย”

เมื่อมัลฟอยเงียบไปและดูเหมือนหลับสบายขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พลิกม่านลงแล้วทิ้งตัวลงนอนตามเดิม


ตอนที่ 4

พระอาทิตย์ยามเช้าเคลื่อนตัวจากขอบฟ้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ แสงอันอบอุ่นเริ่มสาดส่องมายังปราสาทของตระกูลมัลฟอยเหมือนกับทุกวัน ที่ห้องนอนห้องหนึ่งภายในตัวปราสาทนั้นผู้ที่นอนอยู่ยังคงหลับสนิททั้งสองคน กระทั่งเด็กชายผมสีบลอนด์ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัวแล้วลืมตาขึ้น เขารู้สึกคอแห้งผากแต่ก็ตัวเบาขึ้นมากทีเดียว เดรโก มัลฟอยมองเพดานเตียงที่นอนอยู่เป็นครู่ขณะคิดถึงสาเหตุอาการป่วยของตัวเองซึ่งเกิดจากการที่เขานั่งคิดโน่นคิดนี่จนเผลอหลับในห้องนั่งเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน - - บางทีตอนนี้ไข้คงลดไปเยอะแล้วกระมัง

มัลฟอยลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ผมตัวเอง บางสิ่งแว่บเข้ามาในสมอง...หรือเมื่อคืนเขาฝันเห็นเฮอร์ไมโอนี่? ฝันว่าเธอโผล่ออกมาจากเตาผิงของบ้าน ถึงจะคิดว่าฝันไปแต่มันก็แจ่มชัดราวกับเรื่องจริง

เป็นไปไม่ได้หรอก! เด็กชายตัดบทในใจแล้วสะบัดศีรษะ มันก็ไม่ต่างกับความฝันที่เห็นเธอทุกครั้งตรงไหน หรือถ้าจะต่างก็คือเขาฝันเพียงแค่ได้เถียงกับเธอเท่านั้น

ทั้งที่ทุกครั้งเขาฝันว่าได้ทำมากกว่านั้นเสมอ!

มัลฟอยพลิกม่านก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วเขาก็เหยียบลงไปบนหมอนใบใหญ่ของคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนพื้น เขาแทบร้องออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่คิดว่าเป็นความฝันเมื่อคืนราวกับปรากฏขึ้นตรงหน้าอีก

เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์!

มัลฟอยขยี้ตาและคิดว่าตัวเองคงไข้ขึ้นจนเห็นภาพหลอนไปเสียแล้ว แต่ภาพตรงหน้ามันก็ชัดเจนไม่น่าเชื่อ เขาลอง เอื้อมมือไปจับผมอีกฝ่าย เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวหนีเหมือนรำคาญแล้วเอาหน้าซุกหมอนอีก

“เกรนเจอร์ เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกชื่อแล้วเขย่าตัวเธอ

เด็กหญิงงัวเงียลืมตาขึ้นในที่สุด เมื่อเห็นว่ามัลฟอยตื่นแล้วและกำลังจ้องมาอย่างไม่วางตาเธอก็ร้องออกมาเสียงดัง รวบผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่มาแนบอกแล้วลุกขึ้นนั่ง

“อ๊ะ - - เธอ เธอตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ลูบผมยุ่ง ๆ ของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อมัลฟอยก็เป็นฝ่ายตั้งคำถาม

“เธอมานอน....กับฉันที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” เด็กชายหรี่ตาแล้วกวาดตามองไปทั่วอีกฝ่าย ถึงจะเคยนอนใกล้กันมากกว่านี้มาแล้วแต่เขาก็ไม่ชินกับการเห็นเธอในชุดนอนสักที เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดกับสายตาของมัลฟอยเธอขยับผ้าห่มบนตัวให้สูงขึ้น นึกไม่พอใจที่ถูกพูดว่า ‘นอน’ กับเขา

“ฉันหลงทางมาเพราะผงฟลู - - แล้วที่ต้องนอนที่นี่เพราะเฝ้าไข้เธอน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงขุ่น

“เฝ้าไข้?” มัลฟอยขมวดคิ้ว แต่เมื่อก้มดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่แก้มซีดเซียวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะจำได้ว่ามันไม่ใช่ตัวเดียวกับเมื่อวาน เด็กชายมองอีกฝ่ายที่เขาคิดว่าเป็นตัวการก่อนจะพูดเหมือนตะโกน

“เห็นหมดแล้วสิ!”

เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยง

“ฉันเปล่านะ!” เธอโต้ด้วยน้ำเสียดังไม่แพ้กัน หน้าแดงมากขึ้นอีก

เสียงป๊อบเบา ๆ ดังขึ้นเหมือนห้ามทัพได้ทันเวลาพร้อมกับทูดาปรากฏตัวขึ้นตรงประตูห้อง

“เป็นนายน้อยหายแล้ว!”

มัลฟอยฉวยเสื้อที่พาดอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงแล้วตั้งท่าจะขว้างใส่มัน

“อย่านะ!” เฮอร์ไมโอนี่กระโจนไปคว้าแขนเขาไว้ได้ - - จริงอยู่ที่เธอเป็นประธานสรร-สอ แต่ทว่าในเวลานี้มีเพียงทูดาเท่านั้นที่กล้าหาญพอที่จะออกมาดูแลมัลฟอยได้ ถ้ามันต้องไปจากที่นี่มัลฟอยก็จะไม่เหลือใครอีกแล้ว

“เอลฟ์ทุกตัวห้ามโผล่หน้าออกมาให้นายเห็น!” มัลฟอยตะคอก

“ถ้าเขาไม่ออกมาก็ช่วยฉันดูแลเธอไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่เถียงกลับทันทีแต่เขายักไหล่ไม่แยแส

“เสียใจ ฉันไม่ได้ขอร้องสักหน่อย”

“หมายถึงฉันด้วยใช่ไหม!” เด็กหญิงจ้องเขานิ่งและตัวสั่นด้วยความโกรธก่อนจะสะบัดหน้าก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตูแต่มัลฟอยวิ่งไปดึงแขนเธอไว้ได้ทัน

“ขอโทษ ฉันหมายถึง…ขอบใจ”

พูดจบเขาก็รวบตัวเธอเข้ามาแนบอกและก้มหน้าลงมาแตะริมฝีปากกับเธออย่างรวดเร็วก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้ทันตั้งตัว เพียงเท่านั้นมัลฟอยก็ยกศีรษะขึ้นตามเดิมแล้วจ้องเธอด้วยดวงตาเจ็บปวดจนเธอรู้สึกใจหายกับแววตาคู่นั้น

“แต่ฉันเสียใจ...ที่เธอทำให้พ่อฉันต้องเดือดร้อน!” มัลฟอยปล่อยมือจากเด็กหญิงแล้วเลี่ยงไปเกาะขอบหน้าต่าง เขามองไปข้างนอกเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากเพราะเธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดดี - - เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นมากมายในฮอกวอตส์ทำให้ปีที่ผ่านมานั้นเลวร้ายยิ่งนัก โรงเรียนปราศจากความสงบโดยสิ้นเชิง โดโลโรส อัมบริดจ์อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ใช้อำนาจจากกระทรวงเวทมนตร์ปั่นหัวอาจารย์และเด็กนักเรียนทุกคนจนแทบไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เฟร็ดกับจอร์จกระทำการที่แทบจะเรียกว่าเป็นการก่อกบฏและหนีออกจากโรงเรียนกลางคัน มีแต่แฮร์รี่กับเพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิกของ "กองทัพดัมเบิลดอร์" ที่เขาก่อตั้งขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายไปได้ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ก็จบลงด้วยการเสียสละชีวิตของซีเรียส แบล็กเพื่อปกป้องแฮร์รี่จากลอร์ดโวลเดอร์มอร์ที่กลับมาอีกครั้ง

แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับมัลฟอยเท่ากับคนมากมายที่ถูกจับส่งเข้าคุกอัซคาบันและหนึ่งในนั้นก็รวมถึงนายลูเซียส มัลฟอย…พ่อของเขา!

เฮอร์ไมโอนี่พยายามนึกหาคำพูดที่ดีที่สุดก่อนจะพูดเสียงค่อย

“ฉันเสียใจ....เรื่องพ่อของเธอ”

“แต่เธอก็ทำ!”

มัลฟอยหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี่ ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“ถ้าเป็นเจ้าพอตเตอร์คนเดียวยังพอว่า”

“แฮร์รี่เป็นเพื่อนฉัน...” เด็กหญิงพยายามอธิบาย

“แล้วฉันล่ะ - - ฉันไม่สำคัญกับเธอเลยซักนิดรึไง!”

“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าน้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมา

มัลฟอยส่ายศีรษะ สีหน้าเสียใจ

“มันเป็นไปแล้ว เกรนเจอร์...พ่อฉันต้องติดคุกและแม่ฉันก็เข้าโรงพยาบาล”

เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเมื่อได้รู้ว่าตอนนี้นางมัลฟอยอยู่ที่ไหน เด็กชายยิ้มหยันเหมือนกับต้องการจะเยาะเย้ยตัวเอง

“เซนต์มังโก - - เธอคงไม่คิดว่าเรื่องของพ่อฉันจะทำให้แม่สบายดีหรอกนะ”

ทั้งสองมองหน้ากัน ปล่อยให้ความเงียบทำให้บรรยากาศยิ่งเลวร้ายลงไป

“ทูดา” มัลฟอยก็เรียกทูดาที่กำลังยืนมองเหตุการณ์ในที่สุด มันรีบเดินมาหาเขาทันที

“ในตู้เก็บของชั้นล่างมีผงฟลูอยู่ เอาให้เขาไปซะ”

“แต่ว่า...” มันอึกอัก

“ถ้าขืนแกยังชักช้าล่ะก็เตรียมขนของออกไปได้เลย!” มัลฟอยพูดเสียงเฉียบขาดแล้วหันหลังให้กับทั้งสอง

ทูดาสะดุ้งกับคำขู่นั้น มันถอยหลังแล้วหายตัวไปพริบตาเดียวก็กลับมาพร้อมกับกระถางสีเทาในมือ เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขานิ่ง น้ำตาเอ่อคลอ แต่เด็กหญิงก็เดินไปยังประตูห้องและพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ลาก่อน” เธอเดินออกจากห้องไปโดยมีทูดาตามไปติด ๆ แต่มันก็ยังคงมองมาที่มัลฟอยจนนาทีสุดท้ายราวกับหวังว่าเด็กชายอาจจะเปลี่ยนใจ

แต่มัลฟอยไม่ได้พูดอะไรสักคำ...

ทูดาพาเฮอร์ไมโอนี่ไปเปลี่ยนเป็นชุดเดิมที่เธอเดินทางมาที่นี่ก่อนจะเดินมายังห้องนั่งเล่นของปราสาท เด็กหญิงก้าวเข้าไปในเตาผิงและเอื้อมมือจะมาหยิบผงฟลูจากกระถางในมือของทูดา แต่มันกลับเบี่ยงกระถางหลบด้วยสีหน้าลังเล

“เป็นกลับไปคุยกับนายน้อยเป็นไม่ดีกว่าเหรอคะ”

เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าแล้วพูด

“เธอไม่เข้าใจหรอก ทูดา” เฮอร์ไมโอนี่พูด ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาขณะหยิบผงฟลูมาจากกระถาง

“เราต่างกันมากเกินไป ฉันเคยคิดเหมือนกันว่าสักวันเขาอาจจะตัดสินใจแบบนี้แล้วมันก็เป็นจริง ๆ” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น ทั้งสองมองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะปล่อยผงฟลูให้หล่นลงบนพื้นเตา - - ไฟสีเขียวลุกพรึ่บขึ้นอาบร่างของเด็กหญิงหายไป

ทูดาปรากฏตัวที่ห้องของมัลฟอยอีกครั้งพร้อมกับรายงานเขาว่าเฮอร์ไมโอนี่ออกไปแล้ว มัลฟอยที่นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องไม่ตอบว่าอะไร

“เป็นนายน้อยทำไมพูดกับเธอแบบนั้นคะ” ทูดาถาม มีแววกลัวเกรงเขาอยู่ในน้ำเสียงไม่น้อยแต่มันก็รู้สึกสงสารเฮอร์ไมโอนี่มากเกินกว่าจะปล่อยให้เธอเศร้าใจกลับไป

“ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องรู้!” เด็กชายหันไปตวาดใส่ทั้งที่ในใจกำลังตะโกนด่าว่าในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

“รู้ไว้แค่ว่ายายหัวฟูนั่นทำให้นายแกติดคุกคนหนึ่งส่วนอีกคนต้องเข้าโรงพยาบาล!”

ดวงตาสีเขียวโปน ๆ ของเอลฟ์เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจหลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายและนางมัลฟอย

เด็กชายทิ้งตัวลงกับพนักพิงอีกครั้งอย่างอ่อนแรงแล้วกุมขมับ ความร้อนในตัวเหมือนจะทวีขึ้นอีกครั้ง

“ฉันเสียใจที่มันต้องเป็นแบบนี้ เกรนเจอร์ - - เสียใจจริง ๆ”


**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:

ร่างของเฮอร์ไมโอนี่หมุนคว้างอยู่ชั่วระยะหนึ่งจนในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าเท้าสัมผัสกับพื้น - - อันที่จริงการเดินทางด้วยผงฟลูเป็นการเดินทางที่สะดวกมากอย่างหนึ่งถ้าใช้ได้อย่างถูกวิธี เด็กหญิงลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก็เห็นภาพคุ้นตาของห้องนั่งเล่นภายในบ้านโพรงกระต่ายที่เธอจากมา

แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ยอมขยับออกจากเตาผิง น้ำตาอุ่น ๆ ไหลพรากลงมาอย่างคุมไม่ได้ กระทั่งเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังวิ่งมาที่เธอดังขึ้นเด็กหญิงจึงรีบปาดน้ำตาและทำสีหน้าเป็นปกติให้มากที่สุด พวกเขาก็คือแฮร์รี่ รอนแล้วก็จินนี่นั่นเอง

“เฮอร์ไมโอนี่ กลับมาแล้วเหรอ” รอนทัก

“มีคนเขาเป็นห่วง” แฮร์รี่พูดพลางยิ้ม

รอนใช้ศอกถองเพื่อนเข้าให้แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นไม่พอใจ

“เธอหายไปทั้งคืน ถึงบ้านรึเปล่าก็ไม่ส่งข่าวมา ถ้าเช้านี้เธอไม่กลับพ่อฉันว่าจะไปตามเธอพอดี”

“ฉัน...อยู่กับพ่อแม่ฉันนี่ ไม่เห็นต้องห่วง” เฮอร์ไมโอนี่โกหก เธอจะพูดได้อย่างไรว่าไปพบใคร - - และเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและเธอ

รอนทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีนัก

“หน้าเธอแปลก ๆ นะ”

“เปล่าหรอก...คือ - - เอ่อ ฉันลืมหยิบการบ้านมาตอนออกจากบ้าน คงต้องกลับไปอีก”

“ปัทโธ่...” รอนลากเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะมันเป็นเรื่องผิดพลาดที่ยากจะเชื่อ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงเฮอร์ไมโอนี่ก็ลืมแม้กระทั่งจุดประสงค์ที่กลับบ้านไปครั้งนี้ นางวิสลีย์ที่ได้ยินเสียงพูดคุยกันจึงเดินมายังเตาผิงอีกคน เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่กลับมาแล้วเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ

“เรากำลังเป็นห่วงพอดี ทำไมไม่ส่งนกฮูกมาบอกเราล่ะจ๊ะ”

“เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีนกฮูกฮะแม่...เขามีแต่เจ้าครุกแชงก์ที่ไม่ค่อยว่างจากการเที่ยวเล่น” รอนประชด

“นายก็ให้เขายืมพิกไปสิ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปอีกไม่ใช่เหรอเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่หันไปถามเด็กหญิง

“ฮื่อ” เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“เอาล่ะจ้ะ - - เอาล่ะจ้ะ ไปกินอาหารเช้ากันได้แล้ว” นางวิสลีย์ปรบมือ

เด็กทุกคนรับคำแล้วเดินไปที่โต๊ะในห้องครัวด้วยกัน โดยไม่มีใครสังเกตเลยว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงมีสีหน้ากังวลและถอนใจไปตลอดทาง

ที่โต๊ะอาหารในวันนี้มีรายการอาหารพิเศษเพิ่มขึ้นหลายอย่างทั้งพายไก่ สลัดมันฝรั่ง เค้กมะพร้าวกลิ่นหอมกรุ่นและพุดดิ้งข้าว เฟร็ดกับจอร์จหยิบรายชื่อลูกค้าที่สั่งของเล่นจากพวกเขาหลังจากได้รับของตัวอย่างในคอนเสิร์ตเดอะเวียร์ดซีสเตอร์เมื่อวานนี้ขึ้นอ่าน

“ลูกค้าเราคนหนึ่งนะเขากิน ''''ลูกอมไออุ่น'''' เข้าไปล่ะ ก็เลยมีขนนกสีม่วงงอกออกมาตรงคอเต็มไปหมดเลย เราบอกว่าอีกชั่วโมงมันจะหายไปเองแต่ถ้ากินยาแก้ก็หายทันที เขาก็เลยไม่กินบอกว่าจะเอาไปอวดเพื่อน ๆ ในคอนเสิร์ต” เฟร็ดบอก

“แต่คนที่เขาไม่เอาก็มีนะ เพราะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างเรา” จอร์จพูด

“มันก็แน่อยู่แล้ว ถ้าเกิดมีกะหล่ำปลีงอกบนหัวขึ้นมาจะทำยังไง” รอนตักสลัดใส่ชาม

จินนี่หันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งเขี่ยของในจานอย่างเหม่อลอย

“ท่าทางคุณไม่ค่อยดีเลยนะคะ” จินนี่ถาม

“เปล่าหรอก ฉัน...ก็แค่กังวลเรื่องโรงเรียน” เฮอร์ไมโอนี่แก้ตัวแล้วตักของในจานขึ้นมากิน

“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์กลับมาแล้วนี่คะ ทุกอย่างจะต้องเป็นปกติ หนูมีโครงการจะลองฝึกควิดดิชให้เก่งขึ้นแล้วก็เลือกวิชาเรียนแบบเดียวกับที่พี่รอนเคยเรียนด้วยค่ะ” อีกฝ่ายชวนคุย

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วฝืนยิ้มทั้งที่ในใจรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปและครั้งนี้เรื่องระหว่างเขากับเธอมันก็เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา - - ไม่ใช่เพียงแค่การทะเลาะเพราะผิดใจแล้วก็คืนดีกัน!

คืนนั้นบรรดาเด็ก ๆ ต่างเริ่มเก็บข้าวของลงxxxบ ทุกคนรอคอยที่จะไปโรงเรียนกันอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดปิดเทอม และไม่ว่าปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามพวกเขาก็ยินดีที่จะต่อสู้ให้มันผ่านพ้นไปด้วยกัน....อีกครั้ง


ตอนที่ 5

หัวรถจักรไอน้ำสีแดงจอดสงบนิ่งอยู่บนรางรถไฟพลางส่งเสียงครางต่ำ ๆ เป็นระยะ ควันสีขาวลอยกรุ่นออกมาเป็นทางยาวจากปล่องไฟสลับกับเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กและเสียงxxxบหนัก ๆ ลากครูดไปบนพื้นทางเดิน - - ที่นี่คือชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ ที่จอดประจำของรถไฟสายด่วนไปยังโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ บริเวณชานชลาในวันนี้คราคร่ำไปด้วยบรรดาเด็กนักเรียนจำนวนมากเหมือนดังทุกครั้งที่วันเปิดภาคเรียนมาถึง

แฮร์รี่กับรอนกำลังช่วยกันลำเลียงxxxบขึ้นไปบนขบวนรถโดยมีเฮอร์ไมโอนี่คอยรับของจากหน้าต่างตรงตู้นั่งของพวกเขา ขณะที่แฮร์รี่ก้มลงหยิบกรงเฮดวิกนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองเมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นเดรโก มัลฟอยยืนอยู่ไกล ๆ โดยมีแครบและกอยล์ขนาบข้างเหมือนเช่นเคย รอนกับเฮอร์ไมโอนี่เห็นแฮร์รี่เฉยไปพวกเขาจึงหันไปมองตามแล้วทั้งสองก็เห็นมัลฟอยที่กำลังส่งสายตาราวกับต้องการจะแผดเผาทุกคนตรงหน้าให้เป็นจุณ แต่เมื่อตาสีซีดคู่นั้นมองสบมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วเดินขึ้นรถไฟไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คงแค้นน่าดูเลยล่ะ หมอนั่น” รอนพูดด้วยน้ำเสียงสะใจแล้วก้มลงยกของต่อ

“หวังว่าการที่พ่ออยู่ในคุกจะทำให้เขาคิดได้บ้างนะว่าถ้าขืนยังทำตัวอย่างนี้ต่อไปเขาต้องได้โซ่ล่ามขาในอัซคาบันเป็นมรดก - - น่าภูมิใจไหมล่ะ” แฮร์รี่ยื่นกรงเฮดวิกซึ่งเป็นสัมภาระอย่างสุดท้ายให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วตบไหล่รอนให้เดินขึ้นรถไฟไปด้วยกัน

เฮอร์ไมโอนี่ทิ้งตัวลงนั่งขณะรอให้เพื่อนทั้งสองเดินมายังตู้ของตัวเอง เด็กหญิงปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นแต่ไม่สามารถบังคับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาได้ - - ทั้งที่ตั้งแต่วันที่จากเขามาเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะร้องไห้เพียงวันนี้แล้วก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ทว่าวันรุ่งขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเขาสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองอันนี้ก็พังทลายไปจนหมด ดวงตาว่างเปล่าของมัลฟอยเมื่อครู่ดูเหมือนจะยิ่งย้ำความเสียใจในครั้งนี้ที่ไม่มีทางหมดไปได้ง่าย ๆ ไม่มีทางที่เธอจะทำได้เหมือนเขา...

ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

เสียงฝีเท้าของแฮร์รี่กับรอนใกล้เข้ามา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัว เธอรีบเช็ดน้ำตาและพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปรกติ เด็กหญิงต้องฝืนทำอย่างนี้มาหลายวันแล้วเพื่อไม่ให้ใครต่อใครสงสัย

แฮร์รี่กับรอนนั่งลงที่เก้าอี้และเริ่มคุยกันถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ยินมาจากวิทยุเพื่อคาดเดาว่าเป็นฝีมือของลอร์ดโวลเดอมอร์หรือไม่ขณะที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากชานชลาโดยทั้งสองเพียงแต่กินขนมนิดหน่อยโดยไม่คำนึงถึงของแถมอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อพวกเขาโตขึ้นก็เริ่มสนใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองโดยไม่กินตามใจปากเหมือนเมื่อก่อน

“ฉันว่าเด็กปีหนึ่งปีนี้มากขึ้นนะ” รอนว่า

“พวกผู้ปกครองคงรู้แล้วว่าฮอกวอตส์เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดน่ะสิ” แฮร์รี่พูด

“เพอร์ซี่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรอก”

แฮร์รี่ตาเบิกกว้างที่อยู่ ๆ รอนก็พูดถึงพี่ชายคนนี้ของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่เขาเคยบอกว่าเขายินดีจะมีพี่เป็นโทรลล์สมองกลวงเสียยังดีกว่ายอมรับว่าโลกนี้มีเพอร์ซี่อยู่

“หมอนั่นพยายามเขียนจดหมายมาหาฉันอีกฉบับ” รอนมีสีหน้ารังเกียจ จดหมายฉบับก่อนหน้านี้เขาฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเรียกเพอร์ซี่ว่ายอดยี้งี่เง่า

“เขาว่าที่จริงแล้วหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับทำหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของทุกคนคือกระทรวงเวทมนต์ ฮอกวอตส์เองก็ยังต้องรับความคุ้มครองจากกระทรวงอยู่ดี อย่าได้เชื่อพวกอาจารย์มากนักถ้ามันขัดกับกฎกระทรวงบางกฎ”

“กฎกระทรวงอีกแล้วเหรอ! - - เขาคิดจะส่งยายคางคกหนังเหนียวมาสอนที่โรงเรียนอีกรึไง!” แฮร์รี่พูดเสียงดัง

รอนส่ายหน้า

“ปีนี้ยังไม่มีอาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมาหรอก แล้วคนในกระทรวงก็ไม่มีใครเสียสละมาอีกแล้วตราบใดที่ยังไม่มีใครรับผิดชอบสวัสดิภาพได้ เพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนอัมบริดจ์” เด็กชายพูดถึงอาการประสาทของคนที่เขาอยากจะสมน้ำหน้า

“เฟร็ดกับจอร์จบอกว่าพวกเขาจ้างบุรุษพยาบาลคนหนึ่งให้คอยทำเสียงควบม้าตอนกลางคืนให้ยายนั่นสะดุ้งตื่นเป็นระยะจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลไป”

แฮร์รี่มองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะพูด

“ถึงนั่นจะยังน้อยไปก็เถอะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันได้ยินมาตลอดหน้าร้อนนี้เลยล่ะ”

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมารถไฟก็เริ่มชะลอความเร็วลง เป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขากำลังจะถึงฮอกวอตส์ในไม่ช้า เมื่อรถไฟจอดสนิทสามสหายที่เปลี่ยนชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้วก็เดินลงรถไฟไปรวมตัวกันกับเด็กอีกหลาย ๆ คนที่เริ่มตั้งแถวกัน พวกเขาเห็นแฮกริดกำลังยุ่งอยู่ไกล ๆ คอยบอกให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งตั้งแถว และเดินนำชั้นปีอื่น ๆ ไปลงเรื่องลำเล็กที่จะพาพวกเขาไปยังฮอกวอตส์

วันนี้ที่ฮอกวอตส์ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แม้อาจารย์ทุกคนพยายามทำให้เหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นปกติ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยังคงมีรอยยิ้มแจ่มใสให้ทุกคน ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ยังมีท่าทีเคร่งขรึมเหมือนเมื่อก่อนและสุดท้ายคือศาสตราจารย์สเนปที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตรกับใครรวมทั้งเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกเขาก็ทำท่าเหมือนแค้นเคืองกันมานาน แต่บรรดาเด็กนักเรียนต่างก็รู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ว่าใครก็ดูเหนื่อยอ่อนและหวาดระแวงมากขึ้น ฟิลช์ไม่แอบมายืนดูพวกเขาในพิธีสวมหมวกคัดสรรซึ่งจะเลือกเด็กให้ไปอยู่ตามบ้านต่าง ๆ แต่เลือกที่จะไปยืนอุ้มคุณนายนอร์ริสเงียบ ๆ ตรงทางเข้าออกห้องโถงใหญ่ราวกับว่าถ้ามีภัยขึ้นมาเขานี่แหละจะวิ่งออกไปก่อนคนแรก

“เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่” รอนเรียกเพื่อนขณะนั่งอยู่บนโต๊ะประจำบ้านต่าง ๆ เพื่อดูพิธีคัดสรร เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทอดสายตาอย่างไร้จุดหมายรู้สึกตัวขึ้น

“มีอะไรเหรอ” เด็กหญิงถาม - - เธอกำลังบังคับตัวเองไม่ให้หันหลังไปมองโต๊ะที่อยู่อีกฟากของห้อง...โต๊ะของบ้านสลิธีรินและเหตุผลที่เธอเลือกเก้าอี้ตัวนี้ก็เพราะจะได้หันหลังให้มัลฟอย ไม่ต้องบังคับสายตาให้ไม่มองเขา

“ฉันล่ะอยากให้พวกนายมานั่งตรงนี้จริง ๆ” รอนพูดอย่างสะใจกับเพื่อนทั้งสอง

“จะได้เห็นหน้าหมอนั่นให้ชัด ๆ ฉันว่ามัลฟอยดูซีดลงกว่าเดิมซะอีก คงกลุ้มเรื่องพ่อจนไม่เป็นอันกินอันนอน ถ้าหมอนั่นต้องกลายเป็นแฟเร็ดอีกละก็ต้องเป็นแฟเร็ดขนร่วงหมดตัวแน่”

แฮร์รี่ไม่อยากพลาดภาพนั้น เขาหันไปมองทันทีผิดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับศีรษะไปด้านหลัง

จริงอย่างที่รอนว่า วันนี้มัลฟอยดูไม่วางอำนาจเหมือนทุกครั้งทั้งที่มีตราพรีเฟ็คติดอยู่ตรงหน้าอก ไม่ทันไรมัลฟอยก็หันมาเห็นพวกเขาพอดี แฮร์รี่กับรอนไม่คิดจะหลบสายตาพวกเขาตีความหมายดวงตาของมัลฟอยไปว่าคงจะจ้องพวกเขากลับด้วยความแค้นเหมือนเมื่อตอนแรก แต่แท้ที่จริงแล้วเขากำลังมองแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงไม่หันมา เขารู้ว่าเธอคงเหมือนเขาคือพยายามลืมเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดแต่ที่เขารู้อีกอย่างก็คือ - - เขาทำไม่ได้!

“ทุกอย่างคงจบแค่นี้แล้วล่ะ” รอนพูดพร้อม ๆ กับอาหารมากมายเริ่มปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้าเป็นการบอกว่าพิธีคัดสรรจบแล้วและได้เวลาที่พวกเขาจะได้เอร็ดอร่อยกับอาหารเสียที

คืนนั้นบรรดาเด็ก ๆ บ้านกริฟฟินดอร์ต่างมานั่งพูดคุยกันที่ห้องนั่งเล่นรวมแม้ว่าในปีนี้จะดูมีสีสันน้อยลงเพราะเฟร็ดกับจอร์จไม่อยู่แล้วแต่รอนก็ทำให้ทุกคนหายคิดถึงทั้งสองคนด้วยการเอาขนมที่ฝาแฝดฝากมาแจกให้กับเพื่อน ๆ ได้สนุกกันเหมือนทุกครั้ง

“ฮา! เนวิลล์หูนายกางออกเหมือนช้างเปี๊ยบเลย” ดีน โทมัสชี้ขณะที่เนวิลล์เอามือโบกหูตัวเองไปมาอย่างสนุก

“นายก็ปากอวบอิ่มเหลือเกินนะ” รอนบอกดีนที่ตอนนี้ปากของเขาขยายขนาดจนปิดคางไปหมด

เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้เพื่อน ๆ ของเธอสนุกสนานไปโดยที่เธอก็พยายามหัวเราะไปกับพวกเขาบ้าง เมื่อถูกหันมามองกระทั่งตกดึกต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายเข้านอนที่ห้องของตัวเอง เหลือเพียงเธอที่เดินตรวจรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นเป็นคนสุดท้ายในฐานะพรีเฟ็ค("เปิดเทอมพรุ่งนี้งานก็เริ่มพรุ่งนี้สิ" รอนว่า - - เขาก็เป็นพรีเฟ็คเหมือนกัน)

เสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้วเด็กหญิงหยิบนาฬิกาเรือนเงินที่มัลฟอยให้ไว้และเธอก็พกไว้ตลอดเวลาขึ้นมาดู เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เมื่อเห็นเข็มของมันนิ่งสนิท

มันตายแล้ว....เหมือนกับหัวใจของคนที่ให้และคนที่รับมา


ตอนที่ 6

“เราน่าจะไปเยี่ยมแฮกริดกันนะ”

รอนพูดกับเพื่อนทั้งสองขณะเอื้อมมือไปขยับตัวหมากรุกบนกระดานตรงหน้า เช้าวันนี้พวกเขาไม่มีวิชาเรียนจนกระทั่งบ่าย รอนกับแฮร์รี่จึงได้มานั่งเล่นหมากรุกด้วยกันโดยที่เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ - - นี่เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของพวกเขาหลังจากเปิดเทอมมาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว

“ดีเหมือนกัน” แฮร์รี่เห็นด้วย เขาเข้าใจที่รอนพูดถึงแฮกริดขึ้นมา รอนอาจจะอยากจะให้เขาได้คิดถึงเรื่องอื่นนอกจากซีเรียสบ้างและเขาก็ไม่ควรจะทำตัวอมทุกข์จนเพื่อนต้องเป็นห่วง

“เธอจะไปกับเราไหมล่ะ เฮอร์ไมโอนี่” รอนหันไปถามเด็กหญิง แต่กว่าเธอจะตอบมาได้ก็ใช้เวลาเรียกอยู่หลายครั้ง

“ฮื่อ ไปสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

รอนกับแฮร์รี่ส่ายศรีษะแล้วมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาคิดเหมือนกันคือเฮอร์ไมโอนี่มีอาการแปลก ๆ ตั้งแต่กลับบ้านไป - - ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจจะถาม แต่รู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องตอบว่า “ไม่มีอะไร” เหมือนกับที่ผ่านมาแน่

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” แฮร์รี่ยืนขึ้น

ระยะทางระหว่างโรงเรียนกับกระท่อมของแฮกริดไม่ไกลจากกันมากนัก ดังนั้นไม่นานพวกเขาก็เริ่มเห็นแปลงปลูกผักหน้าบ้านของแฮกริดซึ่งในเวลานี้มีพืชไม้เลื้อยหน้าตาเหมือนต้นมะเขือเทศกำลังออกลูกใหญ่ กะหล่ำปลีอวบอ้วนและฟักทองที่กำลังออกดอกเต็มต้นเพื่อที่จะมีผลทันงานฮัลโลวีนที่จะมาถึง สามสหายเคาะประตูสองสามครั้ง ไม่ช้าชายร่างยักษ์ก็เปิดประตูออกมาต้อนรับ

“หวัดดีครับ / ค่ะ แฮกริด” ทั้งสามคนทัก

“อ้าว พวกเธอนั่นเองเข้ามาสิ” แฮกริดเชิญ

แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ที่โต๊ะตัวใหญ่ในบ้าน รอนมองไปรอบ ๆ อย่างระแวงเพราะยังกลัวว่าแฮกริดอาจจะเอาตัวอะไรประหลาดมาเลี้ยงไว้อีกแต่ก็มีเพียงเจ้าเขี้ยวสุนัขแสนรักของเขาที่นอนน้ำลายไหลยืดอยู่ตรงมุมห้อง

“มาได้จังหวะเหมาะเลย ฉันเพิ่งได้ชาดีมาจากคนรู้จัก” แฮกริดรินน้ำชาร้อน ๆ ในกาใส่แก้วแจกให้กับทุกคนก่อนจะหันไปเปิดเตาอบหยิบเค้กผลไม้ออกมาแจกก่อนที่ตัวเขาจะเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งบ้าง

“คุณสบายดีเหรอฮะ” แฮร์รี่ถาม

“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันสบายดีทุกอย่าง อาจจะต้องออกไปทำงานให้ดัมเบิลดอร์บ้างก็เท่านั้นแต่ไม่มีอะไรร้ายแรง” แฮกริดพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วชูแก้วชาของตัวเองขึ้น

“ปีที่แล้วเราหนักหนาสาหัสกันจริง ๆ แต่ฉันคิดว่าปีนี้เราต้องดีขึ้นแน่” แฮกริดยิ้มให้กับเด็กทั้งสามก่อนจะร่วมดื่มชาอึกใหญ่ไปกับทุกคน

“แต่พวกผู้เสพความตายอาจจะยังอยู่ข้างนอกกันเกลื่อนเมืองก็ได้นะครับ” รอนพูดอย่างห่วง ๆ - - ข้างนอกที่เขาหมายถึงก็คือนอกอัซคาบัน

“พวกนั้นอาจจะก่อเรื่องอะไรอีกก็ได้”

“ฮอกวอตส์จะปกป้องเราทุกคนอย่างดี” แฮกริดบอกอย่างเชื่อมันก่อนจะหันไปพูดกับแฮร์รี่ที่ยังดูไม่แจ่มใสนัก

“เธออย่าคิดมากไปเลยนะแฮร์รี่ - - ฉันมั่นใจว่าซีเรียสยินดีที่ได้ปกป้องเธอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน”

“ครับ” แฮร์รี่รับคำก่อนที่พวกเขาจะฝืนตักเค้กผลไม้เข้าปาก มันเป็นการเสี่ยงพอสมควรถ้าจะกินอาหารฝีมือแฮกริด แต่แล้วทั้งสามก็ต้องแปลกใจที่รสชาติอร่อยกว่าทุกครั้ง

“ฉันเพิ่งได้สูตรขนมใหม่มาจากคนรู้จัก เขาว่าฉันน่าจะใส่น้ำตาลน้อยลงแล้วก็ปรับปรุงอีกนิดหน่อย” แฮกริดยิ้ม ทั้งสามคนเดาว่า “คนรู้จัก” คนนั้นของแฮกริดคงจะหมายถึงมาดามมักซีมแน่ ๆ (และเธอก็คงไม่ได้แนะนำเขาแค่ว่าให้เติมน้ำตาลน้อยลงเท่านั้นหรอก)

“เออ นี่แน่ะ ตอนนี้ฉันมีคนมาอยู่ด้วยสักระยะ” แฮกริดเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้บรรยากาศเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นานอย่างนี้เศร้าลงไป

“ใช่น้องชายคุณหรือเปล่าครับ” รอนพยายามบังคับหน้าแหยง ๆ ของตัวเองเป็นรอยยิ้มยินดี(แต่ว่าไม่เป็นผล) เขาได้ยินเรื่องกอรว์ปจากแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่มาแล้ว

“ไม่ใช่หรอก น่าเสียดายฉันอยากแนะนำให้เธอรู้จักเหมือนกัน เขานิสัยดีมากเลยนะ แต่ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์แนะนำให้ฉันพาเขาไปฝึกเรื่องการใช้ชีวิตกับคนของกระทรวงเวทมนตร์ระยะหนึ่งก่อนเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง”

แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน - - และเพื่อให้คนอื่นปลอดภัยด้วย! พวกเขาเดาในใจได้อย่างไม่ยากเย็นว่าไปฝึกเรื่องการใช้ชีวิตกับคนก็คือการฝึกให้กอรว์ปไม่ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้นเอง

“อีกอย่างก็คือระยะนี้ฉันอาจจะไม่ค่อยอยู่บ้านนะ ฉันอยากจะหาทางไปเยี่ยมกรอว์ปให้บ่อยที่สุด”

“ถ้างั้นคนที่จะมาอยู่กับคุณเขาเป็นใครครับ” แฮร์รี่ถาม

“เขาก็...”

ประตูด้านหน้าของแฮกริดเปิดออกพร้อมกับเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แขนเสื้อสีขาวที่เขาสวมอยู่ถูกพับขึ้นไปถึงข้อศอกและชายกางเกงที่พับขึ้นก็เปียกน้ำไปหมด ทั้งสามคนแปลกใจ

“หวัดดียาช่า” แฮร์รี่กับรอนทัก เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กชายหมาป่าที่เธอคุ้นเคยดีอย่างประหลาดใจ

“หวัดดีครับ” ยาช่าทักตอบพร้อมกับยิ้มให้เมื่อเห็นพวกเขานั่งกันอยู่ ในมือของเด็กชายมีตาข่ายที่เหมือนห่อปลาตัวโตสองตัวมา

“นายไม่ไปโรงเรียนรึไง” รอนถามอย่างงง ๆ

“โรงเรียนผมจมอยู่ใต้หิมะมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว พ่อมดจากหน่วยกู้ภัยบอกว่าต้องใช้เวลาเกือบเดือนถึงจะขุดเจอหลังคา” เขาอธิบายพลางหัวเราะแล้วยื่นตาข่ายให้แฮกริด

“ข่าวหิมะถล่มนั่นน่ะคือแถวโรงเรียนนายเองเหรอ”

“ครับผม ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เลยชวนผมมาอยู่กับแฮกริดพลาง ๆ ก่อน - - ผมเองก็อยากมาเพราะเขาชำนาญเรื่องสัตว์วิเศษ”

ร่างกายใหญ่ยักษ์ของแฮกริดดูพองขึ้นเกือบเท่าเมื่อได้ยินคำว่า “ชำนาญ”

“นายสนใจเรื่องสัตว์วิเศษเป็นพิเศษรึไง” รอนถาม

“เปล่าครับ แต่ถ้าพวกมันไม่เข้าใกล้ผม ๆ ก็ลำบาก”

“ทำไมพวกมันไม่กล้าเข้าใกล้นายล่ะ”

“เออ สัตว์เล็กบางชนิดก็ตื่นคน” แฮกริดรีบขัดขึ้น ดูเขารู้เรื่องยาช่าดีและดูเหมือนจะรู้ดีด้วยว่าแม้แต่สัตว์ขนาดสมองเล็กที่สุด(หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้)อย่างหนอนฟลอบเบอร์ก็ยังกินผักกาดหอมแทบไม่ลงถ้าถูกยาช่าจับตัวเข้า (“มันน่าจะรู้นะว่าต่อให้ผมจะอดตายผมก็ไม่มีทางกินมันแน่” ยาช่าบอก)

“แล้วผมก็รู้เรื่องสัตว์วิเศษน้อยมาก” เด็กชายหมาป่าโกหกไปด้วย

“เออ อีกอย่างหนึ่งถ้ายังไงพวกเธอสามคนจะช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมระหว่างที่ฉันอาจจะไม่อยู่ ออกมาข้างนอกกันหน่อยสิ” แฮกริดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินนำแฮร์รี่กับรอนออกไปส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นอาสาล้างถ้วยชาและจานเค้กทั้งหมดให้

เมื่อทั้งสามคนออกไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ชะเง้อมองเข้าไปในบ้านเหมือนหาใครอีกคน ยาช่าหัวเราะ

“กาเบรียลเขาไม่มากับผมหรอกเขาต้องไปโรงเรียนนะฮะ”

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มฝืน ๆ แล้วพยักหน้า เด็กชายพูดต่อ

“ว่าแต่คุณเถอะ - - เขาสบายดีเหรอฮะ”

ประโยคนั้นเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ทุ่มลงมาใส่ศีรษะ ประสาทเครียดเขม็งของเฮอร์ไมโอนี่ขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้นนั่นเอง...ภาพของมัลฟอยและทุกสิ่งทุกอย่างถาโถมเข้ามาในความคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องอดทนไม่ให้ร้องไห้มากเกินไปเพราะกลัวบรรดาสมาชิกที่บ้านโพรงกระต่ายหรือแม้แต่แฮร์รี่และรอนจะจับได้ แต่ในวันนี้เธอต้องการร้อง...ร้องไห้ให้เต็มที่กับใครสักคน

ยาช่าตกใจเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ถลามากอดเขาไว้แน่นและร้องไห้ราวกับคนเสียสติ เด็กหญิงแนบหน้ากรีดร้องกับอกของอีกฝ่ายและตะกุยตะกายเสื้อผ้าของเขา

ฉันรักเธอ - - ยายเลือดสีโคลน

“มัล...ฟอย…” เธอเรียกชื่อคนที่เธอคิดถึงมาตลอด ยาช่าอ้าปากค้างแต่เมื่อได้ยินชื่อ “มัลฟอย” เด็กชายก็ปล่อยให้เธอขยุ้มเสื้อของเขา

ฉันไม่สำคัญกับเธอเลยสักนิดรึไง!

“ไม่ ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศรีษะราวกับไม่ต้องการให้สมองคิดถึงมัลฟอย - - คิดถึงคำพูดที่ผ่านมาของเขา

ฉันรักเธอ - - เดรโก

ดีมาก เด็กดี

เด็กหญิงกดริมฝีปากกับอกของอีกฝ่ายแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องพราะความเจ็บปวดในใจที่เธอเก็บเอาไว้ดังออกมาให้เพื่อนรักทั้งสองที่อยู่ภายนอกได้ยิน ยาช่ากัดฟันเมื่อเล็บของเด็กหญิงเกร็งกดลงมาบนผิวของเขา กระทั่งเวลาผ่านไปเป็นครู่ยาช่าถึงรู้สึกตัวว่าเธอค่อยสงบลง

“ฉัน...จะทำยังไงดี” เด็กหญิงสะอื้นฮัก ๆ และขยับหน้าออกห่างจากอีกฝ่าย

ยาช่าพาเธอไปนั่งที่โต๊ะ ยื่นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าให้ก่อนจะฟังเรื่องราวทั้งหมด ความจริงเขาก็ได้อ่านข่าวจากเดลี่พรอเพ็ดมาบ้างแล้วแต่ไม่อยากเชื่อว่ารายชื่อหนึ่งในผู้ที่ต้องเข้าไปอยู่ในอัซคาบันที่ชื่อ “ลูเซียส มัลฟอย” นั้นคือพ่อของมัลฟอยจริง ๆ

“ขอโทษถ้าผมจะพูดแรงไปนะ แต่เขามัน งี่เง่ า” เด็กชายหมาป่าถอนหายใจ

“ฉันคงต้องทำเหมือนที่เขาทำ พยายามลืมเรื่องทั้งหมด” เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำตาแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเข้มแข็งขึ้น

ยาช่ามองสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก เขาพูดประโยคเดิมด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

“เขามัน งี่เง่า จริง ๆ”

ทั้งสองคนเงียบกันไปชั่วขณะกระทั่งเสียงรอนตะโกนเรียกมาจากหน้าบ้าน


ตอนที่ 7

สิ่งที่ตามมาหลังจากการเลื่อนชั้นสูงขึ้นก็คือวิชาเรียนที่ยากและหนักขึ้นกว่าเดิม ตลอดหนึ่งสัปดาห์แรกดูผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของเด็กหลายคน แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งเด็กบ้านกริฟฟินดอร์พบว่าพวกเขาเกลียดวันอังคารมากขึ้นทุกขณะเพราะนอกจากพวกเขาต้องเรียนเต็มวันแล้ว คาบสุดท้ายที่ควรจะเป็นวิชาสบาย ๆ ที่รอเวลาเลิกกลับเป็นคาบวิชาปรุงยาพร้อมกับบ้านสลิธีรินติดต่อกันถึงสองคาบเต็ม ๆ!

ศาสตราจารย์เซเวอร์รัส สเนปยังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เป็นมา จนพวกเขาคิดว่าสเนปเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวที่วางตัวเป็นปกติได้มากที่สุดหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ เมื่อปีที่แล้วมา และเขาก็ไม่รอช้าที่จะเล่นงานเนวิลล์ ลองบัตท่อมที่ยังคงมีข้อผิดพลาดให้เขาเล่นงานได้เหมือนเดิม

วันนี้ก็อีกวันหนึ่ง...

“นี่ไม่ได้แสดงว่าสมองเธอมันโตขึ้นเหมือนตัวเธอเลยใช่ไหม” สเนปพูดด้วยดวงตาถคุณทึงเมื่อน้ำยาของเนวิลล์ยังคงมีสีต่างกับเด็กคนอื่น ๆ (สีเขียวกลายเป็นสีม่วงเข้ม)

“เขายูนิคอร์น - - ขนหางยูนิคอร์น เธอยังแยกไม่ออกอีกหรือไง สักวันเธอคงใช้มือเดินต่างเท้า เอาหน้านั่งบนเก้าอี้”

เนวิลล์หน้าเป็นสีชมพูพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านสลิธีรินดังขึ้น

“เฮ้ ลองบัตท่อม ถ้านายอยากสาธิตให้พวกเราดูก็ก่อนก็เป็นเกียรติอย่างยิ่งนะ” เด็กชายที่มีฟันคู่หน้าใหญ่ผิดปกติคนหนึ่งของบ้านสลิธีรินพูดให้ทุกคนได้ยิน เสียงหัวเราะดังขึ้นอีก

“นายก็เตรียมแทะลูกวอลนัตโชว์เราด้วย! เจ้าหน้าหนู!” รอนตะคอกสวนทันควัน

“แกลองพูดอีกทีซิ! ไอ้หัวแดง!” เด็กคนนั้นหน้าแดงก่ำ

“ห้ามทะเลาะกันในชั่วโมงเรียนของฉัน! - - หักกริฟฟินดอร์สิบคะแนน!” สเนปตะโกนก้องจนฝุ่นบนเพดานร่วงลงมาก่อนที่การโต้เถียงจะรุนแรงกว่านี้

“แล้วทำไมอาจารย์ไม่หักคะแนนนเขาด้วยล่ะครับ เขาเริ่มก่อน!” รอนพูดเสียงดัง

“หรือสิบคะแนนมันน้อยไป วิสลีย์” สเนปยื่นหน้ามาหารอนแล้วพูดเสียงเย็นเยียบ

“ฉันจะกักบริเวณเธอด้วยดีไหม เอาเป็นว่า...ไปขัดกระโถนในห้องพยาบาลสักคืนอาจจะทำให้ปากของเธอมันสงบเสงี่ยมลงกว่านี้ได้บ้าง”

รอนเม้มปากหน้าเป็นสีชมพูเข้ม เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กบ้านสลิธีรินยังคงดังมา สเนปแค่นเสียงในลำคออย่างสะใจแล้วเดินกลับไปยังหน้าชั้นเรียน

“หวังว่าพวกเธอคงรู้เกี่ยวกับยาที่ปรุงกันอยู่บ้างนะว่ามันคือ ยาทำลายราก มีไว้สำหรับทำลายพืชผิดกฏหมาย สำหรับคนที่ไม่ฟังฉันว่าห้ามเอามือแตะตัวยา ก็เตรียมมือเปื่อยกันได้”

เด็กหลายคนครางฮือแล้วรีบเช็ดมือกับเสื้อคลุมของตัวเองทันที ขณะที่เนวิลล์รู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของเขาคันยิบ ๆ และดูเปื่อยเหมือนถูกยางของพืชกัด - - อาจจะเป็นเรื่องดีตรงที่น้ำยาของเขามีสรรพคุณใกล้เคียงกับที่สเนปบอกแม้ว่าจะสีต่างกัน แต่ก็เป็นเรื่องโชคร้ายที่เขาเผลอจับไม้คนหม้อเปียก ๆ เต็มมือไปแล้ว

“เขาพูดตั้งแต่เมื่อไหร่” แฮร์รี่พูดแล้วกำหมัด เป็นไปได้ยากที่น้ำยาซึ่งปรุงในแต่ละครั้งจะไม่สัมผัสมือเลย

“เยี่ยม เราผิดเองที่ไม่ฟังเรื่องที่เขาไม่ได้บอก !” รอนกัดฟันอย่างแค้นเคือง

“พวกเธอเช็ดมือให้สะอาดก่อนล้างนะ ยานี่ถ้าโดนน้ำมันยิ่งแผ่ฤทธิ์กว้าง มืออาจจะเปื่อยทั้งมือได้”

เฮอร์ไมโอนี่เตือนเพื่อนทั้งสอง

“เธอรู้เรื่องยานี้แล้วทำไมไม่บอกเราก่อนล่ะ!” รอนถามเสียงขุ่น ปลายนิ้วของเขาเริ่มเป็นสีแดง

“ขอโทษที ก็คิดว่าพวกเธอจะอ่านหนังสือมาก่อน เอง ได้นี่” เด็กหญิงประชดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาถูมือให้รอน

อีกฝั่งหนึ่งของบ้านสลิธีริน มัลฟอย แครบและกอยล์เองก็กำลังเช็ดมือตัวเอง มัลฟอยนั้นอาการหนักกว่าใครเพราะหมู่นี้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ยากจนเผลอทำอะไรไปโดยไม่ได้ดูให้ดี

แครบกับกอยล์ชำเลืองมองไปที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างหมั่นไส้

“เจ้าวิสลีย์คงไม่เหลือใครให้อ้อนจนต้องไปอ้อนยายชิปมังก์หัวหยิก” แครบเช็ดมือตัวเองเพราะเขาก็เผลอทำน้ำยากระเด็นใส่มือตอนคนหม้อ

มัลฟอยโยนเขายูนิคอร์นชิ้นโตลงไปในหม้อจนน้ำยาแตกกระจายออกมาถูกแครบที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อ เจ้าตัวร้องจ๊ากวิ่งไปที่อ่างน้ำด้านหลังแล้วบ้วนปากเป็นการใหญ่

“ฉันกำลังเซ็ง แกอย่าพูดกวนใจฉันนักได้ไหม!” มัลฟอยพูดกับแครบเสียงดังขณะถูมือแดง ๆ ของตัวเองแล้วหันไปมองรอนและเฮอร์ไมโอนี่ เขารู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองเต้นตุบ ๆ อยากจะชกหน้ารอนให้เต็มหมัดเดี๋ยวนี้

“แล้วเราจะทำให้นายหายเซ็งเอง” กอยล์แอบตักน้ำยาใส่ลงไปในขวดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างตัวพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีเลศนัย ส่วนแครบเดินกลับมาพร้อมกับลิ้นไหม้เป็นรู

เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดคาบเรียน สเนปสั่งการบ้านเป็นรายงานสองม้วนกระดาษกำหนดส่งภายในวันศุกร์นี้เด็กหลายคนพยายามไม่โอดโอยอะไรออกมาเพราะกลัวว่าจะโดนเพิ่มเป็นสามม้วน ส่วนรอนนั้นประสาทเสียหนักกว่าใครเพื่อนเพราะเขามีเวลาน้อยกว่าทุกคนหนึ่งคืนเพราะถูกกักบริเวณวันนี้และที่สำคัญคือตอนนี้มือของเขาบวมแดงเสียจนกลัวว่าจะจับผ้าขี้ริ้วเช็ดกระโถนตอนกักบริเวณไม่ได้

“นรกส่งมาเกิดแท้ ๆ” รอนครางอย่างแค้นเคืองขณะเดินจากห้องเรียนและคล้อยหลังสเนปไปแล้ว

“ไปห้องพยาบาลดีไหม” แฮร์รี่ถาม รอนสะบัดมือ

“ไม่เป็นไร แค่มือมันเ***่ยว ๆ เหมือนจุ่มน้ำมานานแค่นั้น - - เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ”

“ช่วยพาเนวิลล์ไปห้องพยาบาล เห็นว่าเผลอจับไม้คนหม้อผิดด้านไปเต็มสองมือเลย”

รอนทำหน้าเซ็งแทน

“นายจะว่าอะไรไหมแฮร์รี่ถ้าฉันจะบอกว่าสเนปพูดถูกนิด ๆ เรื่องเนวิลล์น่ะ”

อีกด้านหนึ่งที่ห้องพยาบาล เฮอร์ไมโอนี่พาเนวิลล์มาหามาดามพอมฟรีย์ที่วันนี้ดูเหมือนว่าเธอมีงานทำตั้งแต่เช้าจดเย็นอยู่แล้วแต่พวกนักเรียนก็บาดเจ็บกันเยอะจนเธอระอา

“น้ำยานี่อีกแล้ว ฉันต้องรักษาเด็กมือเปื่อยวันนี้กี่คนรู้ไหม” มาดามพอมฟรีย์เอาโถทรงสูงใส่ยาสีเหมือนน้ำนมมาให้เนวิลล์จุ่มมือลงไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือเขาขึ้นมาเช็ด เด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลพร้อมกับบอกว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกพบเธอหลายครั้งแล้ว

มาดามพอมฟรีย์ถอนใจ

“เอาล่ะ ๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ - - เสร็จแล้วนะพ่อหนุ่ม กลับไปที่ห้องได้แล้ว บอกเพื่อนเธอด้วยว่าถ้าโดนแค่นิดหน่อยก็ให้ใครคนใดคนหนึ่งมารับยาไปทาก็พอ ไม่ต้องแห่มาจุ่มมือที่นี่กันหมด” พูดจบเธอก็เดินไปหยิบตั้งเอกสารบนโต๊ะ

“ผมช่วยครับ” เนวิลล์รีบกุลีกุจออาสาอย่างสำนึกบุญคุณ

“ขอบใจนะ ช่วยรีบเดินหน่อยก็แล้วกันฉันเองก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว เอาล่ะรีบไป” เธอยกเอกสารตั้งสูงเกือบสองฟุตวางลงบนแขนของเนวิลล์ที่ตั้งท่ารอรับอยู่ เด็กชายถึงกับเซไปข้างก่อนจะทรงตัวได้

“หนูอยากจะขอยาทาไปให้เพื่อนค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงรอนกับแฮร์รี่

“ขวดสีขาวอยู่บนรถเข็นข้างเตียงนั่นนะ...ไปเร็วพ่อหนุ่ม” มาดามพอมฟรีย์ชี้แล้วเดินนำออกจากห้องพยาบาลโดยมีเนวิลล์เดินเซไปมาตามหลังไป

เมื่อทั้งสองเดินพ้นห้องพยาบาลไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินไปหาขวดยาที่อยู่บนรถเข็นตามที่ต้องการ เธอพยายามมองหาขวดยาสีขาวที่อยู่ปนกับยาชนิดอื่นอย่างระมัดระวัง

“มาดามพอมฟรีย์ไม่อยู่รึไง”

เสียงยานคางดังขึ้นข้างหลัง เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปก็เห็นเด็กชายผมสีบลอนด์ที่เธอคุ้นตาและไม่ต้องการพบที่สุดยืนอยู่ เขาเดินมาใกล้มากขึ้นพร้อมกับยกมือข้างที่มีผ้าสีขาวพันไว้หลวม ๆ ให้เธอดู

“ว่าไงล่ะ” มัลฟอยถามซ้ำ เด็กหญิงสูดลมหายใจเต็มปอดก่อนจะตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาเท่าที่จะทำได้

“ไม่อยู่ รอจนกว่าเธอจะมาก็แล้วกัน” พูดจบเธอก็ก้มหน้าหาขวดยาที่ต้องการต่อ เด็กชายหรี่ตา

“จะไม่ช่วยฉันหน่อยหรือ” มัลฟอยดึงมือเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปถือ เด็กหญิงอุทานในลำคอเมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นตาสีซีดของเขามองมาที่เธอราวกับต้องการจะรู้ไปถึงภายในใจ - - ถึงสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก แต่ในเวลาที่มีเพียงแค่สองคนเขาก็ไม่สามารถทำเฉยกับเธอได้อย่างที่ตั้งใจ

เด็กหญิงเม้มริมฝีปากควบคุมตัวเองไม่ให้เขาเห็นแววหวั่นไหวอะไรจากเธอ คิดได้เพียงเท่านี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ดึงมือพรวดออกจากเขาแล้วหันไปหาของบนรถเข็นต่อ - - เด็กชายกำหมัดแน่น ความโกรธเหมือนจะพุ่งจี๊ดเข้าสมองจนไม่สามารถควบคุมได้!

เพียงเสี้ยววินาทีมัลฟอยก็คว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่แล้วเหวี่ยงร่างบอบบางนั้นไปชนกับที่นอนในห้องพยาบาล เด็กหญิงหวีดร้องเสียงดังและหงายหลังล้มลงบนเตียงผ้าลินินสีขาว มัลฟอยเดินตรงมาหาเธอ เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ประตูห้องพยาบาลทั้งที่ตายังคงมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างคนเหนือกว่า

เสียงกุญแจประตูลั่นดังกริ๊ก!

“อย่านะ! ฉันสู้นายแน่!” เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้หน้าอีกฝ่ายทันทีที่ตั้งตัวได้และก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าใส่ มัลฟอยชะงักเมื่อเห็นท่าเอาจริงของเธอ เขามองปลายไม้ของอีกฝ่ายก่อนจะกัดฟันพูดอย่างเจ็บปวด

“อ้อ...มีคนปลอบใจแล้วสิ ใคร? เจ้าพอตเตอร์หรือวิสลีย์”

“ไม่เกี่ยวกับนาย!” เฮอร์ไมโอนี่แผดเสียงใส่ทั้งที่ในใจหวั่น ๆ - - ไม่รู้ว่าลำพังที่ต่างฝ่ายต่างมีไม้กายสิทธิ์แบบนี้เธอจะเอาชนะเขาได้หรือเปล่า

ตาสีซีดของมัลฟอยเหมือนมีไฟลุกขึ้น เขาตัวสั่นสะท้านแล้วก้าวเข้ามาหาเธออีก เฮอร์ไมโอนี่รีบชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ประตูห้องพยาบาลแล้วตะโกนคาถาปลดล็อค กุญแจห้องพยาบาลหลุดกระเด็นหล่นลงที่พื้น เด็กหญิงพรวดพราดลุกจากที่นอนแล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย


ตอนที่ 8

มัลฟอยเดินกระแทกส้นเท้าด้วยความหงุดหงิดกลับมาที่ห้อง เขาอาละวาดฟาดหัวฟาดหางใส่หมอน ที่นอนและข้าวของจนหมดแรงก็ทิ้งตัวลงนอนหอบมองเพดานเตียงสี่เสาของตัวเองอย่างขุ่นเคือง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้ทุเรศที่ทำเป็นแต่เรื่องเฮงซวยและไม่ได้ฉลาดไปกว่าเจ้าลองบัตท่อมที่เขาดูถูกนักหนาเลยสักนิดประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วน ๆ ของแครบกับกอยล์เดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดตามตัวเปื้อนฝุ่นและโคลนเต็มไปหมด แต่เมื่อพวกเขาเห็นสภาพเละเทะภายในห้องก็ตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น มีขโมยเข้ามาค้นของเหรอ” กอยล์รีบถาม

“ฉันทำเอง มีปัญหาอะไร!” มัลฟอยหันไปตวาดใส่

“เปล่า” ทั้งสองประสานเสียงกัน

“พวกแกไปไหนกันมา” มัลฟอยหยัดตัวลุกขึ้น เขาทำหน้ารังเกียจเมื่อเห็นเท้าที่เหนียวเหนอะหนะของแครบซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเหยียบลงไปบนฟักทองเน่ามา

“กระท่อมของเจ้ายักษ์แฮกริดน่ะ” กอยล์ตอบ

“นี่พวกแกอดอยากขนาดต้องไปขโมยฟักทองไอ้ยักษ์งี่เง่านั่นเลยเรอะ” มัลฟอยพูดอย่างโมโหแกมสมเพช

“เราตั้งใจจะไปวางยาแปลงผักต่างหาก แต่ไม่รู้ว่ามันหาหมาป่าที่ไหนมาเฝ้าบ้านก็ไม่รู้” แครบถอดรองเท้าข้างที่เปื้อนออกพลางทำหน้าเบ้ ส่วนกอยล์ก็ปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมและมองแครบด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ - - เมื่อสักครู่ที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานอย่างไม่คิดชีวิตมาด้วยกัน ยังนึกเคืองที่อีกฝ่ายวิ่งนำไปหน้าตาเฉย

“หมาป่า” มัลฟอยขมวดคิ้วแล้วพูด

“ไอ้เขี้ยวหมาขี้เกียจของเจ้านั่นมากกว่า”

“ไม่ใช่ไอ้เขี้ยวแน่ หมานั่นมันหน้าตาน่าเกลียดจะตาย” กอยล์ว่า

ประโยคนั้นสะดุดใจอีกฝ่ายเข้า

“หมาป่าสีน้ำตาลรึเปล่า” มัลฟอยถามด้วยเสียงที่แข็งขึ้นกว่าเดิม แครบกับกอยล์มองหน้ากัน

“เราเห็นไม่ชัดเท่าไหร่แต่คิดว่าคง...ใช่มั้ง”

มัลฟอยลุกจากที่นอน เขาเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจแครบกับกอยล์ที่ตะโกนถามเขาว่าจะไปไหน เด็กชายออกจากปราสาทเดินดิ่งไปยังกระท่อมแฮกริด - - ถ้าเดาไม่ผิดคนที่เขาเกลียดคงมาที่โรงเรียนอีกแน่ ๆ

เมื่อถึงหน้ากระท่อมมัลฟอยก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วกระชากประตูเปิดออก เสี้ยววินาทีหมาป่าขนสีน้ำตาลก็กระโจนพรวดมาจากในบ้านกระแทกเข้ากับร่างของเขาอย่างจัง มัลฟอยหงายหลังล้มลงบนพื้นหินโดยอีกฝ่ายคร่อมสี่ขาอยู่บนตัว หมาป่าชะงักกึกเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร

มัลฟอยมองมันด้วยสีหน้าเย็นชา

“เดี๋ยวนี้รับจ้างเฝ้าบ้านรึไง” เขาพูดอย่างหยัน ๆ ไม่ได้มีท่าทีว่ากำลังเสียเปรียบอยู่เลยสักนิด

ยาช่าก้มมองไปที่อกของตัวเอง เขาเห็นปลายไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายชี้มา นับว่าเขาไวพอสมควร - - จะเล่นงานมัลฟอยก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย หมาป่าเดินลงจากตัวเขาแล้วกลับร่างเป็นเด็กชาย มัลฟอยเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าไปในเสื้อ

“คุณมาขโมยฟักทองกับเขาด้วยเหรอ” ยาช่าถาม

“นายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” มัลฟอยไม่สนใจจะตอบ

“ก็ตั้งแต่พวกคุณเปิดเทอม จะเข้ามาข้างในไหมฮะ”

“ไม่” เด็กชายผมบลอนด์พูดอย่างเหยียดหยาม

ทั้งสองคนมองหน้ากัน มัลฟอยนึกอยากให้ยาช่าตบะแตกต่อยเขาสักหมัดเขาจะได้มีเหตุผลพอจะชกกับหมอนี่ไปเสียให้สิ้นเรื่อง

มัลฟอยกอดอก

“เกรนเจอร์คงเรียกนายมาสินะ แล้วนายก็กระดิกหางหนีโรงเรียนมาหายายนั่นทันทีเลยสิ”

“อย่าหาเรื่องผมดีกว่า - - ถึงผมจะทำให้คุณเป็นมนุษย์หมาป่าไม่ได้แต่กัดคุณจมกองเลือดได้แน่ ๆ!”

เด็กชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันด้วยดวงตาแข็งกร้าว บรรยากาศเริ่มคุกรุ่นขึ้นทุกขณะ ยิ่งต่างฝ่ายต่างส่งสายตาอย่างไม่มีใครยอมใครก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนมีความร้อนทวีขึ้นในอกในขณะที่รอบตัวกลับเย็นลงจนทำให้นิ้วมือเย็นเฉียบ

นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งร่อนลงมาที่กระท่อมแฮกริดพร้อมกับกระดาษม้วนยาว ๆ ที่ถือไว้ด้วยเท้าหลัง ยาช่าหันไปมองก็เห็นว่ามันคือไอริช นกฮูกของเขา เด็กชายหมาป่ายื่นแขนออกไป มันบินลงมาเกาะอย่างว่าง่าย - - ตอนนี้มันเชื่องกับเขามากขึ้นเหมือนกับสำนึกบุญคุณที่เด็กชายเอาใจใส่ดูแลมันอย่างดี

“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรอีก ผมก็ขอตัวก่อน” ยาช่าพูดกับอีกฝ่ายแล้วเดินกลับเข้ากระท่อมไป

มัลฟอยยืนอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ก่อนจะเดินกลับไปยังหอพักของตัวเอง ระหว่างทางก็คิดได้ว่าอย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเฮอร์ไมโอนี่ เขามั่นใจว่าถ้ายาช่ามาเพื่อจุดประสงค์นั้นจริง ๆ อย่างหมอนั่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับตั้งแต่แรก

อีกไม่กี่นาทีต่อมามัลฟอยก็กลับมาถึงหอนอนด้วยใจที่ยังไม่เย็นลงนัก แครบกับกอยล์ซึ่งนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมรีบลุกจากเก้าอี้มาถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าเขาไปไหนมาเพราะคิดว่ามัลฟอยอาจจะไปจัดการหมาป่าตัวปัญหาให้พวกเขาแล้ว และต่อไปพวกเขาจะได้ดำเนินแผนการแกล้งแฮกริดต่อ

“ทำไมพวกแกไม่รู้จักไปหลับไปนอนกันซะบ้างหา!” มัลฟอยบ่นดัง ๆ อย่างรำคาญขณะเดินหนีกลับห้อง

“นายจัดการเจ้าหมาป่าตัวนั้นรึเปล่า” กอยล์ถามอย่างไม่ลดละ - - เรื่องอะไรเขาจะทิ้งน้ำยาที่สู้อุตส่าห์ขโมยมาจากคาบเรียนวิชาปรุงยาไปง่าย ๆ ถ้าไม่ได้ทำให้ต้นไม้ของแฮกริดตายไปสักต้นสองต้น

มัลฟอยเริ่มหมดความอดทน เขาตั้งท่าจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาสาปทั้งสองคนนี้ให้กลายเป็นหมูสีชมพูดูสักที ทันใดนั้นเองรูปภาพตรงทางเข้าออกก็เลื่อนดังครืด พร้อมกับมีคนเดินเข้ามา

มัลฟอย แครบ และกอยล์หันไปมองพร้อมกันก็เห็นว่าเธอคือแพนซี่ พาร์คินสันนั่นเอง

“เดรโก” เด็กหญิงผมสีดำทักเมื่อเห็นทั้งสามคนยังไม่เข้านอนแล้วพูดต่อ

“พวกเธอไปวางแผนการซ้อมกับมอนทาคิวมารึไง”

แครบกับกอยล์มองหน้ากัน สีหน้างงงวย

“หรือยังไม่วางแผนกันเลย... ตารางการแข่งควิดดิชปีนี้ออกแล้วนะ - - แต่ก็....ช่างเถอะ ไม่มีใครบอกเธอล่ะสิเนี่ย” แพนซี่มองแครบกับกอยล์แล้วยักไหล่ ทั้งสองคนนี้ไม่ได้สนใจจะอ่านป้ายประกาศใด ๆ อยู่แล้ว(นอกจากป้ายโฆษณาอาหาร) พวกเขาทำได้ก็เพียงแค่รอให้หัวหน้าทีมมาเรียกซ้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

เด็กหญิงผมดำดูเหมือนรู้ทันเธอรีบพูดดักคอทั้งสองคน

“พวกเธอกันรีบหน่อยก็ดีนะ ฉันว่าปีนี้ถ้าเล่นงานพอตเตอร์กับวิสลีย์ให้หนักกว่าเดิมเราอาจจะได้ถ้วยควิดดิชมาซะที อย่ามัวแต่นั่งนอน ๆ ไม่คิดซ้อมกันล่ะ”

“ควิดดิช” มัลฟอยทวนคำ

แพนซี่เลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนเพิ่งรู้ว่าเธอว่ากำลังพูดถึงอะไร

“ปีนี้เรามีลุ้นนะ” แพนซี่พูดต่อ

เสียงของอีกฝ่ายทำให้เขาหันกลับมา เด็กหญิงเลิกคิ้วคิ้วอีกแล้วความรู้สึกสงสัยนั้นก็หายไปเมื่อมัลฟอยยิ้มมุมปากพร้อมกับหรี่ตาพูดกับเธอ

“อยากไปดูฉันซ้อมไหมล่ะ”

“ทำไมฉันจะไม่อยากล่ะ” แพนซี่รีบตอบและมองเขากลับด้วยดวงตาเป็นประกาย

เด็กชายผมบลอนด์มองเธอแล้วยิ้มอย่างพอใจ เป็นรอยยิ้มที่แพนซี่เคยได้รับเหมือนที่ผ่านมา เด็กหญิงใจเต้นแรงและยิ้มหวานตอบเขาทันที แครบกับกอยล์มองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก ปกติมัลฟอยจะพูดกับแพนซี่ก็ต่อเมื่ออยากให้เธอเป็นตัวกระจายข่าวเรื่องที่เขาทำลงไป (โดยเฉพาะเรื่องร้าย ๆ) น่าแปลกที่ครั้งนี้มัลฟอยพูดกับเธอราวกับสนิทสนมกันดังคนพิเศษ

มัลฟอยยื่นหน้าไปหาแพนซี่ - - บางสิ่งแว่วเข้ามาในหู....เข้ามาในสมอง...ในใจด้านมืด - - เรียงเป็นประโยคที่ใคร ๆ หรือแม้แต่พ่อของเขายังพูดเลยว่า

ผู้หญิงตรงหน้านี่ต่างหากที่เหมาะสมกับเขา!

เด็กชายเลือดบริสุทธิ์ กระซิบที่หูเธอเสียงแผ่ว

“พรุ่งนี้มาที่สนามสิ ฉันจะรอ”



ตอนที่ 9

ท้องฟ้าเหนือโรงเรียนฮอกวอตส์ในยามนี้ปลอดโปร่งเหมาะกับการเล่นควิดดิชดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา นกฮูกชนิดต่าง ๆ กระพือปีกบินสวนกันตามทางเข้าออกเพื่อทำหน้าที่ของมัน อากาศที่เป็นใจเช่นนี้เหมือนจะบอกว่าถึงตอนนี้จะมีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้น แต่ธรรมชาติก็ยังอุตส่าห์สร้างสิ่งดี ๆ ให้ทุกคนได้มีกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายกันบ้าง

ตางรางการแข่งขันถูกกำหนดขึ้นอย่างเรียบร้อย บรรดานักกีฬาที่คันไม้คันมือเต็มทีเพราะถูกห้ามเล่นไปเมื่อปีที่แล้วแทบจะกอดไม้กวาดของตัวเองนอนเพื่อให้หายคิดถึง ไม่มีอุปสรรคใด ๆ จะมาขวางกั้นพวกเขาตราบใดที่อาจารย์สอนป้องกันตัวจากศาตร์มืดคนใหม่ - - ที่ทุกคนหวังไว้ว่าจะไม่เหมือนคนก่อนยังไม่มา

ควิดดิชทำให้โรงเรียนดูมีสีสันขึ้น อย่างน้อยก็ช่วยให้บรรดานักเรียนและอาจารย์ลืมความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของลอร์ตโวลเดอร์มอร์ไปได้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าลอร์ตโวลเดอร์มอร์ไม่มีทางให้ควิดดิชมาขวางกั้นความต้องการของตัวเองก็ตาม ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ประมาทศาสตราจารย์มักกอนนากัลจึงแบ่งโทรลล์ที่จ้างมาโดยทุกตัวผ่านการฝึกงานจากกระทรวงเวทมนตร์แล้วออกเป็นกลุ่ม ๆ (มีใบประกาศนียบัตรรับรองไว้ว่า“ไม่ทำลายทรัพย์สินใด ๆ” และ “เป็นมิตรกับเด็กและคนอ่อนแอ”) มาดูแลตามอาคารและรอบ ๆ โรงเรียน

แองเจลิน่า จอห์นสันกัปตันทีมกริฟฟินดอร์เริ่มต้นงานของตัวเองด้วยการนัดหมายลูกทีมทุกคนมารวมกันที่ห้องพักนักกีฬาที่ถูกสร้างไว้ใกล้กับสนาม ทั้งแฮร์รี่และรอนสวมชุดควิดดิชเต็มยศเดินลงมาจากหอพร้อมไม้กวาดของตัวเอง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นบอกว่าจะไปนั่งรอที่ริมสนามเหมือนเช่นเคย

“ปีนี้จะไม่มีอะไรมาขวางเราได้อีก ไม่ว่าจะเป็นยายคางคกแก่หนังเหนียวหรือตัวอะไรที่ทุเรศกว่านั้นก็ตาม” แอนเจลิน่าประกาศพลางกวาดสายตาไปยังนักกีฬาทุกคนที่ยืนอยู่รอบไม้โอ๊กกว้าง ๆ กลางห้อง แล้วหยิบม้วนกระดาษซึ่งก็คือแผนการแข่งขันกางลงบนโต๊ะให้ลูกทีมได้เห็น

“ถ้าทำตามแผนนี้ฉันเชื่อว่าเราจะชนะได้ในเวลาที่เร็วกว่าเดิม” เด็กสาวชี้นิ้วลงไป

“วิสลีย์ เธออยู่ตรงนี้ถ้ามีใครเล่นตุกติกก็ชนให้ตกจากไม้กวาดไปได้เลย - - พอตเตอร์ เธออันตรายที่สุด ถ้าถูกใครทำนอกกติกาก่อนก็จัดการมันตามแต่เธอต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามรุนแรงเกินไปหรือถูกจับได้เป็นพอ”

ทั้งสองรับคำอย่างหนักแน่น

เมื่อทุกคนเข้าใจแผนการทั้งหมดแล้วแอนเจลิน่าก็ม้วนกระดาษแล้วนำมันไปพิงที่มุมห้องก่อนจะเดินนำลูกทีมทั้งหมดตรงไปยังสนามแข่งขัน - -

“จอห์นสัน เธอจะไปไหน”

เสียงทักดังขึ้นตอนที่พวกเขาเพิ่งจะเดินเข้าไปในสนามหญ้ากันได้ไม่กี่ก้าว ทุกคนหันไปก็เห็นมอนทาคิวกำลังเดินตรงมาโดยที่ด้านหลังมีลูกทีมควิดดิชของสลิธีรินตามมาเป็นกลุ่มใหญ่โดยมีแพนซี่ พาร์คินสันยืนอยู่ด้านท้าย

“เธอมีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบ” แอนเจลิน่าถาม มองลูกทีมของสลิธีรินที่ดูเหมือนเป็นการรวมกลุ่มของโทรลล์ภูเขาและคนชั่วร้ายทั้งหลาย...

แครบกับกอยล์ดูน่าเกลียดในชุดแข่งควิดดิชที่ดูเหมือนว่าช่างตัดเสื้อคงจะคิดราคาแพงเป็นพิเศษเพื่อจะเอาผ้าสีเขียวทั้งร้านมาตัดคลุมร่างใหญ่ยักษ์ของทั้งสอง นอกจากนี้บรรดานักกีฬาคนอื่น ๆ ของสลิธีรินก็ดูมีความชั่วร้ายฉาบอยู่บนใบหน้าทุกคนและในวันนี้ก็รวมทั้งมัลฟอยด้วย!

“ข่าวร้าย” มอนทาคิวเดินมาประจันหน้ากับแอนเจลิน่า

“สลิธีรินจะมีการแข่งขันรอบแรกก่อนจึงจำเป็นต้องใช้สนามก่อนกริฟฟินดอร์” เขาชูกระดาษในมือขึ้น

“นายใช้แผนสกปรกอีกแล้วเหรอ!” แอนเจลิน่าตวาดใส่ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกและในมือเขานั้นก็เป็นเอกสารตัวจริงแน่ ๆ เพราะการจะแย่งสนามสำหรับซ้อมควิดดิชจากกริฟฟินดอร์นั้นขอกับสเนปโดยตรงยังง่ายกว่าการให้ใครปลอมลายเซ็นเขาขึ้นมาเสียอีก

เสียงของแอนเจลิน่าทำให้เฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งรออยู่นอกสนามได้ยินเข้า เมื่อเธอเห็นทีมกริฟฟินดอร์กำลังประจันหน้าอยู่กับทีมสลิธิริน เด็กหญิงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาทีมของบ้านตัวเองทันที

มอนทาคิวยิ้มแล้วหันไปหามัลฟอย พยักเพยิดให้เป็นสัญญาณว่าต้องการให้เขาพูด มัลฟอยก้าวมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ

“มันมีเหตุจำเป็นจริง ๆ อย่าคิดว่าเราจะต้องโกงสิ”

“นายเป็นกัปตันทีมไปตั้งแต่เมื่อไหร่” รอนพูดเยาะ ๆ อย่างไรเสียมอนทาคิวก็ไม่มีทางยอมให้มัลฟอยดูใหญ่ไปกว่าเขาที่เป็นกัปตันตัวจริงแน่ ทว่าผิดคาดเมื่อมัลฟอยเพียงแค่เหลือบไปมองมอนทาคิวแล้วพูดต่อเสียงเย้ยหยัน

“เป็นได้ทุกครั้งที่ฉันต้องการ วีสลีย์”

รอนหน้าเป็นสีชมพูจัด

“ควิดดิชน่ะ เขาไม่ใช้ปากแข่งหรอกนะมัลฟอย” แฮร์รี่พูด

“งั้นพวกนายจะใช้หมัดแข่งใช่ไหมล่ะ” มัลฟอยเลิกคิ้วมองรอนและแฮร์รี่อย่างไม่สะทกสะท้าน เขาจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาพูดจาถางถางแม่ของรอนไปเมื่อปีก่อนได้ดี - - ถึงเขาจะเจ็บตัว...แต่มันก็คุ้มค่า!

“ตอนนี้ไม่มีเจ้าฝาแฝดที่โดนเฉดหัวออกจากโรงเรียนมาช่วยพวกนายแล้วนะ”

รอนแทบถลาไปกระชากคอเสื้อมัลฟอยแต่แฮร์รี่ดึงตัวเขาไว้ได้ทันเสียก่อน ฝ่ายบรรดานักกีฬาควิดดิชฝั่งสลิธีรินพากันหัวเราะชอบใจและไม่ได้คิดจะห้ามสักนิด

“อย่ามีเรื่อง!” แอนเจลิน่าร้องเตือนลูกทีมของตัวเอง ทุกคนจึงทำได้เพียงแค่มองมัลฟอยที่ส่งสายตาไม่เกรงกลัวมาที่พวกเขา ท้ายที่สุดแอนเจลิน่าก็จำยอมต้องเดินนำนักกีฬากริฟฟินดอร์ทุกคนออกจากสนามโดยพยายามไม่สนใจกับเสียงหัวเราะที่ไล่หลังมา

“อ้อ อีกเรื่องนะวิสลีย์”

มัลฟอยเรียกรอน แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่หยุดเดินแล้วหันไปมองเขาพร้อมกัน

“ฉันเคยบอกไปรึยังว่าไม้กวาดของนายมันห่วย” เด็กชายกวาดสายตาไปบนด้ามไม้กวาดรูปร่างธรรมดา ๆ ของรอนอย่างเหยียดหยาม

“คอมเมตล่ะสิ น่าเสียดายนะถ้านายมีทองมากกว่านี้ก็คงจะซื้อเพิ่มได้อีกสักด้าม ฉันคิดว่าถ้ามัดรวมกันคงจะพอไล่นิมบัสได้”

รอนกำหมัดแน่น ส่วนแฮร์รี่ก็นึกในใจว่าครั้งนี้เขาจะไม่ห้ามรอนอีกแล้ว หนำซ้ำถ้ารอนเริ่มก่อนเขาก็จะผสมโรงชกหน้ามัลฟอยไปด้วยอีกคน จนในที่สุด - -

“ไม่มีฝีมือก็ไม่มีทางชนะ! มันไม่เกี่ยวกับไม้กวาด!”

ทุกคนที่กำลังเดินออกจากสนามตกใจและหันกลับไปมอง ซึ่งคนตะโกนก็คือเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนกำหมัดแน่นและจ้องมัลฟอยอย่างเอาเรื่อง รอนรีบพยายามจับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไว้ให้เธอใจเย็นลง มัลฟอยเม้มริมฝีปาก มีรอยสีชมพูปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แพนซี่ พาร์คินสันรีบเดินมาขวางพร้อมกับตวาดใส่

“ว่าไงนะ ยายเลือดสีโคลน!”

“เฮอร์ไมโอนี่” รอนร้องห้ามแล้วดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่อีก

ดวงตาของมัลฟอยเหมือนกับมีไฟลุกขึ้นในนาทีนั้น เขากัดฟันกรอดกำด้ามไม้กวาดในมือแน่น แต่ทั้งรอนและแฮร์รี่ต่างก็ตั้งท่าปกป้องเธออย่างออกนอกหน้า

“พอได้แล้ว!” แอนเจลิน่าตรงเข้ามาห้ามและทำท่าเอาจริงว่าถ้าใครไม่ฟังคำสั่งล่ะก็เธอจะไม่ยกโทษให้ นักกีฬากริฟฟินดอร์ทุกคนเดินออกจากสนามไปอย่างแค้นเคืองอีกครั้ง มอนทาคิวประกาศเย้ยให้ได้ยินอย่างจงใจ

“ไป - - พวกเรา ซ้อม”

เมื่อเดินออกมาไกลจากสนามนักกีฬาคนหลายคนก็ค่อย ๆ เดินจากไปทีละคนอย่างหมดกำลังใจ ทันใดนั้นเองแอนเจลิน่าก็หยุดเดินกะทันหันจนแฮร์รี่และรอนที่เดินตามมาชนโครมเข้า

“แผนการแข่งของพวกเราอยู่ในห้องพัก เราต้องไปเอากลับมาไม่อย่างนั้นแผน - - รั่ว...แน่!” แอนเจลิน่านึกขึ้นได้แต่ไม่ทันไรร่างของเธอก็โงนเงนจนต้องเอาไม้กวาดค้ำตัวไว้ มีเหงื่อไหลซึมออกมาตามใบหน้า แฮร์รี่รีบคว้าแขนอีกฝ่ายไว้แล้วร้องออกมาอย่างตกใจ

“แอนเจลิน่าเป็นอะไรรึเปล่า”

“ไม่เป็นไร เมื่อคืนฉันแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” แอนเจลิน่าพูดเสียงเหนื่อย หน้าซีดลงเรื่อย ๆ แฮร์รี่เห็นเธอท่าทางไม่ดีจึงหันไปพูดกับเพื่อน

“เฮอร์ไมโอนี่ช่วยไปเอาแผนการแข่งที่วางไว้ในห้องพักนักกีฬามาให้หน่อยได้ไหม ฉันกับรอนจะพาแอนเจลิน่าไปห้องพยาบาล”

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าแล้วแยกตัวกลับไปยังห้องพักนักกีฬาเพียงลำพัง...แต่ตลอดทางที่เดินไปนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดในใจอย่างขุ่นเคือง มัลฟอยทำตัวแย่เสียยิ่งกว่าเดิม! หนำซ้ำยังมากล่าวหาว่าเธอหาคนปลอบใจได้แล้ว - - ทีตัวเขาเองล่ะ แพนซี่ พาร์คินสันแค่บังเอิญเดินผ่านมาอยู่ในทีมด้วยหรือไง!

เมื่อมาถึงห้องพักนักกีฬาเฮอร์ไมโอนี่หันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก่อนจะเปิดประตูก้าวเข้าไป ถึงจะไม่มีใครแต่เธอก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ใครมาเห็นและเข้าใจผิดว่าเธอแอบมาล้วงความลับหรือที่ร้ายที่สุดคือมาขโมยของ แล้วเธอก็เห็นกระดาษม้วนใหญ่พิงอยู่ตรงมุมห้อง - - คงเป็นอันนี้กระมัง...เด็กหญิงคิดในใจแล้วเอื้อมมือไปหยิบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดวูบมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงประตูห้องปิดดังปัง!

เฮอร์ไมโอนี่หันหลังกลับไปมองทันที เธออ้าปากค้างเมื่อเห็นมัลฟอยยืนอยู่ด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโดยที่มือข้างหนึ่งทาบอยู่ตรงประตูแสดงชัดเจนว่าเขาเองที่เป็นคนปิด

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ เด็กชายเจ้าของชื่อก้าวไม่กี่ก้าวก็มาถึงตัวเธอ เขามองม้วนกระดาษในมืออีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

“กลับมาทำไม - - มาล้วงความลับให้เจ้าพอตเตอร์กับวิสลีย์รึไง!” มัลฟอยตวาดใส่หน้าเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันเปล่านะ!” เธอเถียงสุดเสียงแล้วก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

ชั่วพริบตา มัลฟอยรวบตัวเธอมาแล้วกดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วง เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนสุดชีวิตแล้วเธอก็ถูกผลักไปชนกับโต๊ะไม้ตัวใหญ่สำหรับกางแผนเกมการเล่นที่อยู่กลางห้องจนหงายหลัง มัลฟอยถลามาตรึงเธอเอาไว้ เสื้อคลุมสีเขียวของทีมสลิธีรินพลิ้วลงมาคลุมตัวเธอ

“ชอบชุดควิดดิชใช่ไหม - - เสียใจด้วยนะที่มันเป็นสีเขียว!”

“ปล่อยฉัน! - - นายจะบ้าเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องเมื่อเขาเริ่มกระชากคอเสื้อเธอ

“เสียใจ เอาตัวรอดให้ได้เหมือนทุกครั้งสิ!” มัลฟอยถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนมันไปที่มุมห้องก่อนจะดันตัวเธอให้เลื่อนสูงขึ้น เท้าสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ลอยขึ้นจากพื้นแล้วร่างกายก็มาอยู่บนโต๊ะเย็นเฉียบครบทุกส่วน - - เด็กหญิงตกใจสุดขีด...ไม่รู้จะรอดมือเขาครั้งนี้ด้วยวิธีไหน เพราะทุกครั้งที่หนีไปสำเร็จนั้นไม่ใช่เพราะเธอทำได้...

แต่เป็นเพราะเขาปล่อยไปเองต่างหาก!

เสียงผ้าขาดดังแควกตามด้วยเสียงเม็ดกระดุมหล่นกระจายเฮอร์ไมโอนี่ผวาเฮือกเมื่อเสื้อด้านหน้าถูกฉีกออกพร้อม ๆ กับรู้สึกว่าผิวอกสัมผัสอากาศ มัลฟอยเพริดไปชั่วขณะ และแล้วสติสัมปชัญญะทุกอย่างของเขาก็กลับคืนมาเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ง้างฝ่ามือแล้วฟาดเพี๊ยะลงมาบนหน้าเขาเต็มแรง!

“อะ…” มัลฟอยจับใบหน้าซีกนั้นของตัวเอง เขามองเฮอร์ไมโอนี่ขยุ้มเสื้อที่กระดุมด้านหน้าขาดเรียบของเธอไว้แน่น เด็กหญิงน้ำตาไหลพรากทั้งที่ดวงตาหวาดกลัว

“ฉะ ฉันเกลียดนาย! - - นาย...มันแย่ที่สุด!”

เฮอร์ไมโอนี่วิ่งสุดชีวิตออกไปจากห้องนั้น มัลฟอยกำหมัดแน่นขณะมองเธอจนลับตาแล้วเขาก็เจ็บแปล๊บตรงคอ เมื่อเอื้อมมือไปแตะก็รู้สึกว่ามีเลือดซึมออกมาตามรอยเล็บข่วน เฮอร์ไมโอนี่ข่วนเขาได้เพียงแค่ที่เดียวเพราะชุดควิดดิชนั้นคลุมหมดทั้งแขนขา

แต่มันเจ็บ - - เจ็บภายในใจเหลือเกิน!


ตอนที่ 10

"หมอนั่นเป็นบ้าไปแล้ว"

มอนทาคิวพูดกับลูกทีมควิดดิชของตัวเองในเย็นวันหนึ่งซึ่งได่แก่แครบและกอยล์ที่โต๊ะของห้องโถงใหญ่ก่อนเวลาอาหาร เขากำลังพูดถึงมัลฟอยซึ่งในขณะนี้กำลังซ้อมควิดดิชอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เพียงลำพังที่สนาม - - แทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มซ้อมวันแรกมาจนถึงวันนี้มัลฟอยใช้เวลาอยู่ในสนามนานกว่าทุกคนแม้ท้องฟ้าจะมืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นหรือแม้แต่วันไหนที่ไม่มีกำหนดซ้อมก็ตาม และวันนี้เขายังคงอยู่ที่สนาม เนื้อตัวเปียกปอนด้วยเหงื่อและฝุ่นเพราะบางครั้งมัลฟอยก็บินด้วยควมเร็วสูงจนไม้กวาดหลุดการควบคุมทำให้ตัวเขาไถลไปตามพื้นทรายข้างสนามจนเป็นแผลถลอกทั่วตัว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีท่าทางจะเลิก - - มอนทา***ายามตะโกนบอกให้มัลฟอยหยุดจนเสียงแห้ง แต่ผลสุดท้ายคนที่ยอมแพ้ก็คือตัวเขาเองที่ต้องเดินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับร้องหาน้ำดื่มทันที

“ฉันก็ไม่ได้รังเกียจถ้าลูกทีมจะขยันซ้อมหรอกนะ แต่ถ้าซีกเกอร์บาดเจ็บล่ะก็เราแย่แน่” มอนทาคิวพูดเสียงกังวลแล้วยกแก้วน้ำผลไม้สีสวยขึ้นดื่ม

แครบกับกอยล์ที่นั่งฟังได้แต่จ้องมอนทาคิว เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ ไม่รู้เลยว่าทั้งสองฟังอยู่จริง ๆ หรือใจลอยไปถึงอาหารมื้อเย็นตั้งแต่เขาเริ่มเปิดปากพูดแล้ว มอนทาคิวถอนหายใจอย่างหมดหวัง - - พูดกับก้อนหินคงจะยังดีกว่าเพราะมันยังมีเสียงสะท้อนกลับมาบ้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าสองคนนี้เท่านั้นที่น่าจะพอพูดกับมัลฟอยได้เขาก็อยากจะหาผู้ฟังที่ดีกว่านี้ ทว่าในเวลานี้แม้แต่แพนซี่ พาร์คินสันก็ยังเข้าใกล้มัลฟอยไม่ได้เลย

“แต่เราก็ชนะเรเวนคลอได้เพราะเขานะ” แครบเอ่ยขึ้นในที่สุด จริงอยู่ที่การแข่งขันนัดแรกพวกเขาเอาชนะเรเวนคลอมาได้ง่ายดายกว่าทุกครั้งเพราะมัลฟอยจับลูกสนิชได้เร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้

“แล้วที่เราจะเจอกับกริฟฟินดอร์ล่ะ! อย่างที่บอก...ถ้าเขาเป็นอะไรไปที่พยายามมาทั้งหมดก็จบเห่!” มอนทาคิวยกแก้วขึ้นดื่มอีกเพื่อช่วยให้ตัวเองสงบใจไม่เผลอโมโหพูดเสียงดังจนคอแตกไปจริง ๆ

แครบกับกอยล์มองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไรอีก มอนทาคิวถอนหายใจก่อนจะลุกจากเก้าอี้

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พวกนายรักษาตัวเองด้วยก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินออกไป ไม่ช้าแครบกับกอยล์ก็เริ่มลุกออกจากเก้าอี้เดินไปด้วยกันบ้าง

เสียงถอนหายใจเฮือกดังขึ้น - - ไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กหญิงผมฟูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะยาวอีกตัวด้านหลังพวกเขาคือเฮอร์ไมโอนี่ และไม่รู้เลยว่าเธอได้ยินเรื่องทุกอย่างที่มอนทาคิวพูด เด็กหญิงเม้มริมฝีปากแล้วพยายามก้มหน้าอ่านหนังสือตรงหน้าต่อเพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่ในใจส่วนลึกยังคงมีบทสนทนาของมอนทาคิวกับคู่หูสมองน้อยของมัลฟอย

“เฮอร์ไมโอนี่ อยู่นี่เอง” เสียงแฮร์รี่ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่รีบหันไปมองก็เห็นแฮร์รี่และรอนที่กำลังเดินมาพร้อมกับตัวหมากรุกและกระดานอันใหม่เอี่ยม

เด็กหญิงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะฝืนยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสอง

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:

ท้องฟ้ามืดสนิทเหนือโรงเรียนเริ่มมีแสงจากดวงดาวปรากฏขึ้นเป็นตัวบอกเวลาในขณะนี้ได้ดีกว่านาฬิกาชนิดไหน ๆ บรรดาเสียงจ้อกแจ้กสลับกับเสียงกระทบของช้อนและส้อมของเด็กนักเรียนที่กำลังรับประทานอาหารเย็นรวมกันอยู่ที่ห้องโถงกลางดังออกมาเป็นระยะ แต่อีกด้านหนึ่งของปราสาทที่เงียบสงบมัลฟอยกำลังเดินลากขากลับมาที่หอนอนของตัวเองพร้อมกับไม้กวาดในมือ เขาบอกรหัสผ่านกับภาพหญิงรูปร่างผอมบางพอกหน้าขาววอก จมูกแหลมงองุ้มเหมือนแม่มด แต่งตัวหรูหราที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าออกด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน เมื่อเธอเห็นสารรูปของเด็กชายก็บ่นพึมพำ

“เหม็นเหงื่อที่สุด...สกปรก”

“หุบปากนะ!” มัลฟอยอยากตะคอกใส่อีกฝ่ายให้ดังกว่านี้ แต่คิดอีกทีเขาควรจะถนอมแรงไว้เดินให้ถึงห้องดีกว่า

เมื่อมาถึงห้องเด็กชายผมสีบลอนด์ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังสวมชุดควิดดิชอย่างหมดแรง ไม่มีเงาแครบกับกอยล์อยู่ในห้อง เพราะเวลานี้ทั้งสองคงกำลังเพลิดเพลินกับการกินอยู่ที่ห้องโถงกลาง ในขณะที่มัลฟอยเหนื่อยจนกินอะไรแทบไม่ลงเพราะวันนี้เขาเอาแต่ฝึกซ้อมทั้งวันจนแขนขาหนักอึ้งไม่มีแรงแม้แต่จะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยหวังว่าการซ้อมหนัก ๆ มันจะทำให้เขาคิดเรื่องอื่นนอกจากเฮอร์ไมโอนี่ไปได้อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง

นกฮูกเหยี่ยวบินเข้ามาทางหน้าต่าง มันร่อนลงโต๊ะทำงานโดยที่ข้อเท้าผูกจดหมายมาด้วย มัลฟอยเหลือบไปมองมันที่จ้องมาและโยกหัวอย่างแปลกใจเมื่อเห็นนายนอนแผ่หรา เขาถอนใจแล้วผิวปากเรียก มันจึงบินมาหย่อนจดหมายลงบนอกของเขาก่อนจะไปเกาะตรงปลายเตียง เด็กชายนอนฉีกจดหมายฉบับนั้นออกอ่าน มันเป็นจดหมายจากพ่อของเขาที่เขียนมาเพียงสั้น ๆ

“เดรโก

ฉันมีเวลาเขียนจดหมายไม่นานนักแต่ต้องบอกให้แกรู้ไว้ว่าฉันมีแผนการจะจัดการกับเจ้าเด็กพอตเตอร์นั่น คนที่ไม่ต้องมาอยู่ในนี้เหมือนกับฉันจะจัดการเรื่องทุกอย่างในอีกไม่นานนี้ ตำนานเด็กชายผู้รอดชีวิตนั่นต้องจบลงอย่างสะใจแน่

ลูเซียส มัลฟอย”

เด็กชายพลิกหน้าหลังดูแต่ก็ไม่มีข้อความอะไรอีก - - ไม่มีข้อความถามถึงแม่ทั้งที่พ่อรู้อยู่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่มีประโยคแสดงความห่วงใย ไม่มีแม้แต่ประโยคที่ถามว่าเขาสบายดีหรือตายไปแล้ว!

มัลฟอยขยำจดหมายฉบับนั้นแล้วขว้างมันไปตกที่มุมห้องโดยแรง เขาถอนใจยาวก่อนจะทิ้งตัวลงนอนลงอีกครั้ง

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาบรรยากาศในโรงเรียนเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงเครียดโดยไม่รู้ตัวเพราะการแข่งขันควิดดิชเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และที่เห็นได้ชัดก็คือทีมสลิธีรินที่เอาชนะมาได้โดยตลอดเริ่มทำตัวใหญ่คับบ้านโดยเฉพาะกับบ้านที่พวกเขาเอาชนะมาได้ซึ่งก็คือเรเวนคลอและล่าสุดคือฮัฟเฟิลพัฟ ทำให้พวกเขามั่นใจมากที่จะได้ครองถ้วยแชมป์ในปีนี้

เด็กหลายคนเริ่มมีเรื่องกระทบกระทั่งกับสลิธีรินที่พยายามคุยโวทับถมอยู่บ่อย ๆ ครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องเกิดขึ้นท่าไหนแต่ผลสุดท้ายเด็กบ้านกริฟฟินดอร์และสลิธีรินที่มีเรื่องกันต้องไปยืนหน้าจ๋อยอยู่ที่ห้องพยาบาลโดยฝ่ายหนึ่งมีกะหล่ำปลียักษ์งอกขึ้นมาบนหัวส่วนอีกคนก็มีต้นหอมงอกออกมาจากจมูก

ยิ่งใกล้วันแข่งขันฮอกวอตส์ก็กลายเป็นเสมือนสนามรบเล็ก ๆ แต่ยังคงมีสถานที่ที่ยังคงสงบเหลืออยู่ก็คือกระท่อมของแฮกริด และดูเหมือนว่าระยะนี้เจ้าตัวจะมีเวลาไม่มากนักจึงปล่อยให้เด็กชายหมาป่าที่เป็นแขกอยู่บ้านเพียงลำพัง

เช้าวันนี้ก็เหมือนกัน...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าบ้าน ยาช่าที่กำลังยกกาน้ำร้อนจี๋จากเตาร้องโอ๊ย ๆ มาตลอดทางเพราะความร้อนจากกาที่หิ้วอยู่รีบวางมันลงบนโต๊ะที่มีถ้วยกาแฟใบเล็กและจานใส่ขนมปังนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเปิดประตู - -

“ยาช่า!”

เด็กหญิงผมสีเงินกระโดดแผล็วเข้ามากอดเขาหมับยาช่าร้องเสียงดังด้วยความตกใจก่อนจะหงายหลังกองกับพื้นโดยที่อีกฝ่ายยังเกาะเขาไว้แน่น ไม่ต้องมองให้ชัด ๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นใคร

กาเบรียลเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถาม

“ฉันได้ยินเรื่องหิมะถล่ม แต่เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ครับผม” ยาช่ายิ้ม ในใจคิดว่าถ้าจะบาดเจ็บก็คงเป็นตอนนี้เพราะสงสัยว่าซี่โครงเขาอาจจะร้าวไปแล้วเพราะถูกเธอพุ่งเขาใส่แบบไม่ได้ตั้งตัว

กาเบรียลคลายวงแขนแล้วยืนขึ้นพร้อมกับเขา เด็กหญิงมองไปรอบ ๆ กระท่อมของแฮกริดอย่างสนใจ สายตาของเธอไปหยุดที่เจ้าเขี้ยวซึ่งกำลังแทะกระดูกอยู่อย่างเพลิดเพลิน

“แฮกริดไม่อยู่เหรอ” กาเบรียลถาม เธอรู้จักแฮกริดเพราะเคยมานั่งเรียนในชั่วโมงสอนของเขามาแล้ว(และในครั้งนั้นเธอก็ก่อเรื่องไว้เสียด้วย)

“ไปเยี่ยมน้องชายเขาที่กระทรวงเวทมนตร์ฮะ แล้วก็อาจจะเลยไปทำธุระอย่างอื่นต่อ”

ยาช่าเดินนำเธอไปนั่งที่เก้าอี้แล้วรินน้ำชาที่แฮกริดเตรียมไว้ลงในถ้วยอีกใบให้กาเบรียล

“คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ”

“ฉันไม่ได้หนีเรียนมาหรอกน่า” เด็กหญิงผมสีเงินยิ้มแล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

“ตอนที่เธอเขียนจดหมายบอกว่าอยู่ที่นี่พอดีที่โรงเรียนฉันมีวันหยุดยาวหลายวัน ครอบครัวฉันก็เลยมาเยี่ยมญาติใกล้ๆ ฮอกวอตส์ แล้วฉันก็ยืมไม้กวาดพี่มานี่ล่ะ” เธอหมายถึงเฟลอร์ เดอลากูร์พี่สาวที่หน้าตาเหมือนเธอเปี๊ยบ พูดแล้วเธอก็จูงมือเขาออกไปหน้าบ้านด้วยกันซึ่งตรงประตูบ้านมีไม้กวาดด้ามไม้โอ๊กเป็นเงาวับพิงอยู่

“มันชื่อว่าโปลีร์ เป็นไม้กวาดที่เน้นเรื่องการรับน้ำหนักและความสวยงาม ความเร็วอาจจะไม่มากแต่มันมีความปลอดภัยสูง” กาเบรียลยื่นให้อีกฝ่ายลองถือ

ยาช่าลูบไปตามด้ามจับเรียบลื่นของมันก็เห็นรอยสลักรูปดอกไม้อยู่ข้าง ๆ ชื่อ “เฟลอร์ เดอลากูร์”

“ของพี่คุณเหรอฮะ”

“ฮื่อ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่เห็นบอกว่าจะไปหาเพื่อน” กาเบรียลพูด เธอไม่รู้หรอกว่าเพื่อนของพี่สาวที่จริงแล้วก็คือพี่ชายของรอน

“เธอใช้ไม้กวาดแบบไหนอยู่ล่ะ” เด็กหญิงผมสีเงินถาม

“ผมไม่มีหรอกฮะเพราะไม่ได้เล่นควิดดิช แต่ต่อไปผมอาจจะซื้อไว้เดินทางก็ได้” ยาช่าพูดโดยที่ตายังกวาดไปบนด้ามไม้ หลังจากดูจนพอใจแล้วเขาก็เอามันพิงลงที่เดิม

“ถ้าคุณมีเวลา...อีกสองวันจะมีแข่งควิดดิชนัดชิงชนะเลิศที่นี่ฮะ เราไปดูด้วยกันไหมล่ะ”

“จริงเหรอ” เด็กหญิงมีแววยินดี

“จริงสิครับ - - ผมอยากให้คนในสนามอิจฉาเยอะ ๆ” ยาช่าหัวเราะ

กาเบรียลเลิกคิ้ว

"ที่เห็นคุณอยู่กับผมไง"

เด็กหญิงผมสีเงินหรุบตาลงต่ำแล้วพูดทีเล่นทีจริงด้วยใบหน้าสีชมพู

“พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ - - ฉันถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์หลอกอยู่รึเปล่าเนี่ย”

ยาช่าหัวเราะ

“ถ้าเพื่อไม่ให้คุณหนีผมไปเหมือนคนอื่น ๆ ต้องใช้เล่ห์หมาป่า ผมก็จะลองครับ”

ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้มกว้าง ยาช่าก้มหน้ามาหาอีกฝ่าย แล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนขออนุญาต กาเบรียลหน้าเป็นสีชมพูเข้มก่อนจะหลับตาลง - - ถ้าเป็นคนอื่นความรู้สึกภายในใจอาจจะไม่สามารถล่วงรู้ได้ แต่สำหรับพวเขาสองคนเมื่อริมฝีปากสัมผัสกันก็เหมือนกับเป็นการถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจได้อย่างเพียงพอ


ตอนที่ 11

ก่อนการแข่งขันหนึ่งวันแอนเจลลิน่า จอห์นสันเรียกพบลูกทีมที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านซึ่งก็รวมทั้งแฮร์รี่และรอนซึ่งต่างคนต่างก็มีท่าทางกระวนกระวายกับการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศกับสลิธีรินในวันพรุ่งนี้ พวกเขากระวนกระวายมากถึงขนาดปฏิเสธโอกาสที่จะไปฮอกส์มี๊ดกับคนอื่น ๆ ที่เตรียมตัวกันตั้งแต่กลางคืน ทั้งเตรียมเสื้อกันหนาวหนา ๆ สีสดใส เขียนรายการของที่ตั้งใจจะซื้อ รวมถึงนัดกับเด็กชายหรือเด็กหญิงที่ตัวเองคิดว่าดูดีที่สุด

แฮร์รี่กับรอนตื่นแต่เช้า พวกเขาสวมชุดควิดดิชกันอย่างรวดเร็วพร้อมกับถือไม้กวาดลงมายังชั้นล่าง ตลอดทางทั้งสองสวนกับด็กหลายคนที่กำลังคุยถึงแผนการที่จะทำในวันนี้พร้อมกับหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นรู้ตัวดีว่าเพื่อนทั้งสองต้องการอะไรจึงไม่ได้พูดถึงฮอกส์มี๊ดให้ได้ยิน - - น่าแปลกที่แฮร์รี่กับรอนไม่รู้สึกอิจฉาเด็กคนอื่น ๆ เลยสักนิด เพราะตอนนี้เส้นประสาทของพวกเขาเครียดเขม็งและสมองก็เต็มไปด้วยกลวิธีต่าง ๆ ที่จะแข่งขันในวันรุ่งขึ้น ยิ่งได้ยินข่าวเกี่ยวกับชัยชนะและการฝึกของสลิธีรินพวกเขาก็ยิ่งกดดันกันมากขึ้นกว่าเดิม

แต่แล้วแผนทุกอย่างก็เหมือนสลายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อทั้งสองเห็นแอนเจลลิน่าจอห์นสันไม่ได้สวมชุดควิดดิชและไม่ได้ถือไม้กวาดกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นรวม - - ก่อนจะประกาศว่าวันนี้ไม่มีการซ้อมใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน นักกีฬาคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเดินมาสมทบมีท่าทางไม่พอใจเพราะพวกเขาต้องการซ้อมกันจนนาทีสุดท้าย เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะสามารถถล่มทีมสลิธีรินได้อย่างย่อยยับ

“โอเค ฉันเข้าใจว่าทุกคนรู้สึกยังไง” แอนเจลลิน่ายกมือสองข้างขึ้นปรามทุกคนที่กำลังล้อมอยู่รอบตัวเธอ ก่อนจะกวาดตามองลูกทีมที่กำลังทำท่าเหมือนจะประท้วง

“แต่เราจำเป็นต้องพักก่อนแข่งหนึ่งวัน เพราะถ้าวันนี้ซ้อมกันหนักจนมีใครบาดเจ็บล่ะก็...ทุกอย่างจบ!”

“แต่เราจะแพ้ไม่ได้นะ!” เคตี้ เบลล์พูดขึ้น เป็นผลให้คนอื่น ๆ เริ่มกันบ้าง

“สลิธีรินแกล้งเด็กบ้านเราหลายคนแล้ว คนที่มีต้นหอมออกจากจมูกน่ะน้องชายฉันเอง - - ฉันจะแก้แค้น!”

แฮร์รี่กับรอนผสมโรงไปด้วย

“แล้วมัลฟอยก็จับลูกสนิชได้เร็วขึ้นแค่ไหนเธอรู้บ้างรึเปล่า!” แฮร์รี่โวย

“ฉันต้องฝึกท่าป้องกันอีกนะ!”

“ฉันได้ยินมาว่ามอนทาคิววางแผนกับเวอร์ริงตันว่า...”

“หยุด - - หยุด - - หยุด !!!”

แอนเจลลิน่ายกมือห้ามอีกเป็นครั้งที่สอง ทุกคนยอมเงียบลงเธอจึงพูดต่อ

“ฉันนึกแล้วว่าพวกเธอต้องไม่พอใจ แต่ฉันไม่ต้องการให้ใครได้รับอันตรายในวันนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่กลัวบาดเจ็บก็ขอให้ค่อยเจ็บกันพรุ่งนี้....ฉันขอความร่วมมือจากทุกคน!"

ท้ายประโยคเด็กสาวย้ำหันไปย้ำกับแฮร์รี่และรอนที่ทำท่าเหมือนจะเถียงอะไรอีกยาวยืด สุดท้ายหลายคนก็ถอนใจแล้วก็แยกย้ายกันกลับไปเปลี่ยนชุด

“เกิดอะไรขึ้น” เฮอร์ไมโอนี่ที่เดินลงมาจากฝั่งหอนอนหญิงถาม เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบาย ๆ และมีเสื้อกันหนาวตัวใหญ่คล้องอยู่ที่แขน

“แอนเจลลิน่าให้เรางดซ้อมวันนี้”

“ทำไมล่ะ” เด็กหญิงเลิกคิ้วสงสัย

“เธอกลัวเราบาดเจ็บ...ไม่มีเหตุผลเลย สลิธีรินอาจจะนำหน้าเราไปได้” แฮร์รี่บ่นอย่างไม่พอใจ

รอนเห็นเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่แขนของเฮอร์ไมโอนี่จึงถามขึ้น

“เธอจะไปฮอกส์มี๊ดเหรอ”

“ใช่ ฉันจะไปกับ - -” เฮอร์ไมโอนี่พูดยังไม่ทันจบเนวิลล์ก็เดินมาหาทั้งสามคน แฮร์รี่ทักขึ้นก่อน

“นายจะไปฮอกส์มี๊ดกับเฮอร์ไมโอนี่เหรอ”

“ฮื่อ” เนวิลล์ตอบ

“ดีนไปไหนล่ะ” รอนถามเพราะปกติแล้วไม่ว่าจะยังไงเนวิลล์ต้องหาทางตามดีนไปให้ได้ทุกที

“ดีนโกรธฉัน” เนวิลล์พูดเสียงอ่อย

“ฉันทำพายตกใส่หัวเขาจากระเบียง ตอนที่เขากำลังชวนเด็กเรเวนคลอคนหนึ่งไปฮอกส์มี๊ดด้วยกัน”

“ฉันก็เลยจะไปเป็นเพื่อนเขาแทน”เฮอร์ไมโอนี่บอกรอน

“เราจะไปด้วย” รอนเน้นแล้วหันไปมองแฮร์รี่เหมือนจะถามว่า “ใช่ไหมแฮร์รี่” แฮร์รี่แอบยิ้ม - - เขารู้ว่ารอนคิดอะไรและก็รู้อีกนั่นแหละว่ารอนงี่เง่าพอที่จะ “หึง” ได้แม้กระทั่งเนวิลล์

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพวกเขาทั้งสี่คนก็ร่วมเดินไปกับเด็กคนอื่น ๆ ที่ส่งเสียงพูดคุยเอะอะกันไปตลอดทาง - - ฮอกส์มี๊ดในวันนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาด และยังมีอีกมากที่กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าสีเทาเหนือศรีษะ เด็กหลายคนที่เดินเข้าออกร้านขนมส่วนใหญ่จะเป็นเด็กชั้นปีหนึ่งถึงปีสามและปีอื่น ๆ บ้างประปรายเพราะเดี๋ยวนี้เด็กชั้นปีเดียวกับแฮร์รี่หลายคนรวมทั้งปาราวตีหรือลาเวนเดอร์ก็เลิกกินขนมไปหลายอย่างด้วยเหตุผลยอดฮิตของพวกเด็กผู้หญิงก็คือ “กลัวอ้วน”

“นั่น…” รอนชี้ไปที่คน ๆ หนึ่งซึ่งเดินปะปนอยู่กับเด็กคนอื่น ๆ ตรงหน้าแล้วพูด

“มัลฟอย - - วันนี้หมอนั่นไม่ต้องมีแครบกับกอยล์คอยประคองรึไง”

มัลฟอยเดินอยู่เพียงลำพังด้านหน้าพวกเขา เด็กชายสวมเสื้อโค้ตสีดำเนื้อหนายาวคลุมเกือบถึงเข่า สวมหมวกสีดำแบบเดียวกับที่พวกเขาเห็นกันจนคุ้นตา แต่มันจะเป็นตัวเดิมหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ พวกเขารู้แต่ว่ามัลฟอยคงจะชอบสีดำมากเป็นพิเศษ ไม่น่าแปลกใจถ้าตู้เสื้อผ้าของเขาจะมีแต่ชุดสีดำเหมือนขนกา - - และสีดำก็เหมาะกับเขามากเสียจนราวกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคู่กับ “เดรโก มัลฟอย”

“หมอนั่นมานี่แสดงว่าสลิธีรินไม่ซ้อม” แฮร์รี่พูด

เนวิลล์ที่รู้รายละเอียดอธิบายให้เพื่อน ๆ ฟัง

“ไม่ซ้อมเป็นบางคน ฉันได้ยินมาว่ามอนทาคิวสั่งเพราะอยากจะถนอมมัลฟอยไว้โดยเฉพาะ - - ส่วนแครบกับกอยล์โดนกักตัวไว้ที่สนามตั้งแต่เช้า ไม้กวาดรับน้ำหนักสองคนนั่นจนงอเป็นเปลญวนแล้ว”

“พรุ่งนี้เราจะเอาชนะหมอนั่น” แฮร์รี่พูดอย่างมั่นใจ

“แต่มัลฟอยดูแปลกไปนะ มีคนบอกว่าหมอนั่นเล่นควิดดิชเก่งขึ้นตั้งเยอะ” เนวิลล์บอกด้วยน้ำเสียงกังวล

“แล้วคิดว่าเรากลัวรึไง - - อ๊ะ!บ้าชะมัด” รอนร้องออกมาอย่างไม่พอใจที่เห็นมัลฟอยที่เดินนำกลุ่มพวกเขาอยู่เลี้ยวเข้าร้านไม้กวาดสามอันไปเสียก่อน เขาหันมาพูดกับเพื่อนอีกสามคน

“เราไปร้านอื่นกันดีกว่า - - ปล่อยให้หมอนั่นอยู่ในนั้นไปเถอะอยากกินอะไรก็กินไป...อาหารมื้อสุดท้ายแล้ว”

“รอน” เฮอร์ไมโอนี่หลุดปากเรียกชื่อเขาออกไปเมื่อได้ยินที่เขาพูด รอนเลิกคิ้ว

“มื้อสุดท้ายก่อนแพ้ไง เธอเป็นอะไรน่ะเฮอร์ไมโอนี่”

“เปล่า...ขอโทษที” เด็กหญิงหลบตา

“เราไปร้านมาดามพุดดี้ฟุตกันดูใหม่ ฉันได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงกันเยอะ” เนวิลล์เสนอ

“ฉันไม่เคยไปเลย ลองไปดูหน่อยก็ดี” รอนบอก

แฮร์รี่ทำหน้าแหยง ๆ แต่ก็เดินตามเพื่อนไป - - ก็ร้านนั้นเขาเคยไปนั่งกับโช แชงและก็ได้ความประทับใจไม่รู้ลืมมาแล้วแต่ก็คิดว่าน่าจะให้คนอื่น ๆ ได้ลองเข้าไปดูบ้าง เพราะคำอธิบายคงไม่มีผลเท่าเจอด้วยตัวเอง


ภายในร้านไม้กวาดสามอันที่ทั้งสี่คนไม่ได้เข้าไปเวลานี้เต็มไปด้วยนักเรียนฮอกวอตส์ที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายโต๊ะ แต่ก็มีลูกค้าอื่น ๆ ปะปนอยู่ด้วย บางคนก็มีท่าทางไม่พอใจกับเสียงจอแจของเด็ก ๆ สังเกตได้จากพ่อมดท่าทางอันธพาลที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ในร้านนี้เอาแต่ส่งสายตาตำหนิเด็กผู้หญิงที่กำลังหัวเราะคิกคักแบ่งกันดูของในถุงที่เพิ่งซื้อมา

มัลฟอยเผลอหันซ้ายหันขวามองหาใครอีกคนที่เขาคิดว่าอาจจะนั่งอยู่ในนี้ - - ถึงแม้ว่าเป็นไปได้ที่จะเจอแต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าความหวังนั้นถึงจะเป็นจริงขึ้นมาก็ไม่มีผลอะไรถ้าเธอนั่งอยู่กับศัตรูของเขา...เจ้าพอตเตอร์กับวิสลีย์

หญิงร่างสูงใหญ่สวมเสื้อโค้ทหนังมังกรที่ยืนอยู่ตรงเคานท์เตอร์ภายในร้านหันมาเห็นเขา เธอยิ้มกว้างให้เด็กชายอย่างคุ้นเคยแล้วทัก

“ไงจ๊ะ เดรโก”

มัลฟอยแทบไม่เชื่อสายตา

“คุณนายเคนท์” เขาชะงักฝีเท้า เธอคือคุณนายเคนท์ มัวร์ที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่เคยไปพักอยู่ด้วยเมื่อครั้งไปโฮมเสตย์ ถึงแม้ที่ถูกต้องควรจะเรียกเธอว่า “คุณนายมัวร์” แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจให้ใครต่อใครเรียกว่า “คุณนายเคนท์” เสียมากกว่า

“ไม่รู้มาก่อนว่าคุณนายชอบมาฮอกส์มี๊ด” เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ที่โปรดของหลานฉันเลยล่ะจ้ะ” เธอยิ้มแล้วตบถุงผ้าใบใหญ่ข้างตัวบนเคานท์เตอร์ที่ดูเหมือนจะบรรจุของฝากไว้จนเต็มแล้วถาม

“เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ”

“เขา...” มัลฟอยหรุบตาลงแล้วไม่พูดอะไรอีก เพียงเท่านี้คุณนายเคนท์ก็เข้าใจ เธอมองหน้าอีกฝ่ายแล้วถอนใจเบา ๆ เหมือนกับเบื่อที่เห็นเด็กทะเลาะกันไม่รู้จักจบ

“นั่งดื่มกับฉันหน่อยไหม ถ้าเธอว่างฉันก็พอมีเวลานิดหน่อย” เธอชี้ไปที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้านที่ไม่มีใครนั่งอยู่ มัลฟอยพยักหน้ารับ

“บัตเตอร์เบียร์นะ อยากเลี้ยงอย่างอื่นที่แรงกว่านี้เหมือนกัน แต่คิดว่าที่นี่คงมีกฎห้ามเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะดื่ม” เธอยิ้มหยอกขณะเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งพร้อมกับเด็กชาย ไม่ช้าบัตเตอร์เบียร์ร้อน ๆ สองแก้วก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

“ถ้าเธอยินดีจะเล่า ฉันก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะฟังนะ”

“พ่อผมอยู่ที่อัซคาบันเพราะเขา” มัลฟอยเริ่มห้วน ๆ

คุณนายเคนท์ตาเบิกกว้างขึ้นนิดหนึ่งมองอีกฝ่ายยกแก้วขึ้นดื่มอึกใหญ่จนเกือบหมดแก้ว - - เป็นครั้งแรกที่คนซึ่งไม่สนใจกฎเกณฑ์ข้อบังคับอย่างคุณนายเคนท์รู้สึกขอบคุณกฎหมายในโลกเวทมนต์อยู่ในใจที่ห้ามเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์

“เขากับพวกเพื่อน ๆ เฮงซวยของเขา”

“เขาคงสะใจใช่ไหม” คุณนายเคนท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนเคย มัลฟอยเงยหน้าขึ้นแล้วปฏิเสธเพื่อปกป้องเฮอร์ไมโอนี่โดยไม่รู้ตัว

“เขาไม่…” พูดได้เพียงเท่านี้เด็กชายก็เม้มริมฝีปาก

“ถ้าอย่างนั้นเขาก็เสียใจสินะ” คุณนายยิ้มกว้างดักคำพูดของอีกฝ่าย

“เขาไม่รู้สึกอะไรต่างหาก - - เขาไม่ได้เสียใจเลยสักนิดที่ทำให้พ่อผมเดือดร้อน ไม่รู้ทำไมเขาต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามผมตลอด! ถ้าเขารักผมเขาก็ต้องเข้าข้างผมสิ!” คำพูดเริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากของมัลฟอยราวกับหยุดไม่ได้ ที่ผ่านมาเขาไม่มีใคร...ไม่มีใครเลยที่จะรับฟังเรื่องภายในใจที่ราวกับจะฆ่าเขาให้ตายอยู่แทบทุกคืนวัน

“แล้วทำไมเธอไม่ก้าวข้ามฝั่งไปหาเขาก่อนล่ะ” คุณนายเคนท์ยิ้มอีก...ในที่สุดเธอก็รู้ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้

มัลฟอยเงียบไป ทั้งที่ในใจสับสนแทบบ้า

"แต่พ่อของผม..."

"พ่อเธอมาเกี่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่" คุณนายเลิกคิ้ว

"พ่อผมก็สำคัญกับผมเหมือนกัน" มัลฟอยเถียง

"ถ้าเธอเลือกเฮอร์ไมโอนี่เท่ากับเธอเองก็เลือกจะดื้อกับพ่อเธอตั้งแต่แรกแล้วล่ะ" คุณนายเคนท์ยิ้มกว้าง

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก คุณนายเคนท์สนอกสนใจกับการแข่งขันควิดดิชที่มัลฟอยยกขึ้นมาพูดถึงมากเป็นพิเศษ

“ควิดดิชนัดชิงชนะเลิศพรุ่งนี้เหรอ” เธอถามอย่างสนใจ

“ผมเอาชนะได้แน่” เด็กชายยกแก้วขึ้นดื่มอีก

คุณนายเคนท์หัวเราะเบา ๆ กับความมั่นใจของอีกฝ่ายก่อนจะยกนาฬิกาในกระเป๋าขึ้นมาดู

“ได้เวลาซะแล้ว พอดีฉันนัดลูกชายเอาไว้ให้มารับด้านหลังฮอกส์มี๊ด คงต้องไปก่อน” เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้และยืนยันว่าจะเป็นคนจ่ายค่าบัตเตอร์เบียร์ทั้งสองแก้ว แต่มัลฟอยก็เดินตามออกมาที่หน้าร้าน เวลานี้เขารู้สึกอยากลับไปที่หอมากกว่านั่งอยู่ที่นี่คนเดียว คุณนายเคนท์เอาถุงผ้าใบใหญ่ขึ้นพาดบ่า

“เอาไว้เจอกันนะจ๊ะ ฉันหวังว่าพบกันคราวหน้าฉันจะเห็นเธอสองคนยืนอยู่ด้วยกันที่หน้าบ้านฉัน” เธอพูดจบก็ยิ้มให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโบกมือให้กับมัลฟอยแล้วเดินจากไป

“คุณนายเคนท์คะ”

เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังมัลฟอย เมื่อเขาหันไปก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินตรงมาที่เขา ตามเนื้อตัวมีเศษกระดาษระยิบระยับสีชมพูและสีเงินติดอยู่เต็มตัวและค้างอยู่บนเส้นผมหลายแผ่นและเธอก็กำลังพยายามปัดมันออกไปให้มากที่สุด

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่หยุดยืนห่างจากเขาไปหลายก้าว แก้มของเด็กหญิงร้อนซู่ขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะเลิกมองหน้ากันไป และความรู้สึกทั้งโกรธและอายของเธอนั้นยังคงอยู่ครบถ้วน

ทั้งสองสบตากัน มัลฟอยกวาดตามองเฮอร์ไมโอนี่ทั้งตัวนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าแม้แต่เสื้อกันหนาวเนื้อหนาที่สวมอยู่ตอนนี้ยังบางเกินไปสำหรับสายตาที่เคยเห็นผิวเนื้อของเธอแม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยก็ตาม - - มัลฟอยละสายตาไปมองคุณนายเคนท์ซึ่งตอนนี้เดินปะปนกับผู้คนและไกลออกไปมากแล้ว
“เขาไม่ได้ยินแล้วล่ะ” เด็กชายหันกลับมามองหน้าเฮอร์ไมโอนี่แล้วพูด

“เกรนเจอร์ ฉัน...มีอะไรอยากพูดกับเธอหน่อย…”

เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย เธอยังลังเลที่จะให้โอกาสเขาแต่ขาทั้งสองข้างก็ไม่ขยับหนี มัลฟอยจึงพูดต่อ

“บางทีฉันอาจจะ...”

“เฮ้! นายจะทำอะไรน่ะ”

รอนตะโกนขึ้นขัดพร้อมกับแฮร์รี่และเนวิลล์เดินตามหลังมา ทุกคนเพิ่งตะเกียกตะกายออกจากร้านมาดามพุดดี้ฟุตและอยู่ในสภาพเดียวกันคือมีแต่เศษกระดาษสีชมพูติดทั่วตัว และกลิ่นหอมชวนปวดหัวติดตามเสื้อผ้า รอนเดินเข้ามาประชิดตัวเฮอร์ไมโอนี่และแสดงท่าทางปกป้องอย่างเห็นได้ชัด (แม้เวลานี้เขาจะดูไม่ค่อยเหมาะนักเพราะมีแต่เศษกระดาษส่องแสงวิบวับเต็มผมไปหมด)

“นายคิดจะทำอะไร!” เขาถามเสียงดัง

มัลฟอยหรี่ตามองรอนที่เวลานี้แฮร์รี่และเนวิลล์เดินมาสมทบข้างหลัง

“ฉันไม่เสียแรงเปล่าหรอก - - เพราะฉันจะทำกับพวกแกพรุ่งนี้ แกสองคนเตรียมใส่เฝือกคอได้เลย หรือไม่ก็ลงมาโหม่งพื้นสนาม” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและถลึงตาใส่รอนและแฮร์รี่เหมือนจะข่มขู่

“แล้วนายก็จะแพ้เหมือนทุกปีนั่นแหละ!” รอนเยาะ

มัลฟอยกวาดตามองหน้าแฮร์รี่ รอนรวมทั้งเนวิลล์ก่อนจะมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนสุดท้าย เธอยังมองเขาด้วยสายตารอคอยว่าเมื่อสักครู่เขาอยากจะพูดอะไร และดูเหมือนว่ามัลฟอยจะเข้าใจความหมายนั้น - - แต่...

“รักกันดีนี่ - - คงไม่ต้องแล้วมั้ง” พูดจบเด็กชายผมบลอนด์ก็เดินหันหลังกลับไปพร้อมกับไฟในใจที่ลุกแรง

พรุ่งนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี - - และเขาจะต้องเอาชนะให้ได้!!


ตอนที่ 12

“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การแข่งขันควิดดิชประจำปีของโรงเรียนฮอกวอตส์ครับ!”

เสียงประกาศดังขึ้นที่สนามควิดดิชในเช้าวันแข่งขันนัดชิงชนะเลิศระหว่างกริฟฟินดอร์และสลิธีริน ลี จอร์ดันซึ่งในปีนี้เป็นนักเรียนชั้นปีที่เจ็ดพูดใส่ไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงเริงร่าแบบเดียวกันทุกปี มีข่าวแว่วมาว่าเขากำลังหานักพากษ์คนใหม่มาแทนก่อนที่ตนเองจะจบการศึกษาไป แม้จะมีเด็กหลายคนเสนอตัว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าเขาน่าจะให้ตำแหน่งนี้เป็นมรดกแก่น้องชายชื่อมาร์คที่เพิ่งเข้าเรียนชั้นปีหนึ่งและมีคุณสมบัติที่ตัวลีเองรับประกันว่าสุดยอด เพราะเหมือนเขาเปี๊ยบจนแทบแยกไม่ออก

อีกด้านที่อัฒจันทร์สูงลิบลิ่วกำลังวุ่นวายด้วยบรรดานักเรียนที่บ้านของตัวเองจะทำการแข่งขันในวันนี้ต่างพากันขนอุปกรณ์ช่วยเชียร์จำนวนมากมาเพื่อสร้างสีสัน เด็กจากบ้านกริฟฟินดอร์ทำป้ายที่เขียนว่า “กริฟฟินดอร์สิงห์สนาม” และ “ชัยชนะในมือสิงห์” ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังอัฒจันทร์ ทุกคนสวมถุงมือสีแดงสดและยังมีธงสีแดงสลับทองโบกสะบัด

ลูน่า เลิฟกู้ดสวมหัวสิงโตอันเดียวกับปีที่แล้วแต่ปีนี้เธอปรับปรุงให้มันสามารถเคี้ยวงูยางที่ใส่ไว้ในปากได้สำเร็จ เนวิลล์กับดีนโธมัสนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนคืนดีกันแล้วหลังจากดีนถูกเด็กเรเวนคลอหักอกจนไม่เหลือชิ้นดี ด้านหลังของพวกเขามีเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ เธอมีสีหน้ากังวลกับการแข่งขันในครั้งนี้

ส่วนทางฝั่งสลิธีรินก็ไม่น้อยหน้ากัน มิลลิเซนต์ บลัดสโตรดเอาธงรูปงูสีเขียวเขมือบสิงโตผืนใหญ่โบกไปมาอยู่ด้านหน้า มัลคอล์ม แบดด๊อกกางป้ายเชียร์ที่เขียนว่า “สลิธีรินยิ่งใหญ่” (ตรงมุมล่างแอบเขียนว่า “พอตเตอร์ห่วย” ซึ่งนักกีฬาเท่านั้นจะสามารถเห็นได้จากมุมสูง)อยู่ตรงกลางที่นั่ง แพนซี่ พาร์คินสันแจกถุงมือกระดาษสีเงินและเขียวให้คนอื่น ๆ ได้ใช้โบกสะท้อนแสงตรงที่ของตัวเอง

ยาช่ากับกาเบรียลไม่ได้ขึ้นไปบนอัฒจันทร์ของนักเรียนบ้านใดบ้านหนึ่งเพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ใช่นักเรียนฮอกวอตส์ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงอนุญาตให้ทั้งสองคนไปนั่งด้วยกันตรงอัฒจันทร์ว่าง ๆ ที่ไม่มีคนนั่งก็ได้ ซึ่งก็นับว่าโชคดีเพราะทั้งสองสามารถดูเกมการแข่งขันได้ชัดเจนเช่นกัน

“ในปีนี้เราทุกคนขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ทำให้เราได้นั่งเก้าอี้ชั้นพิเศษสูงลิบกันหมด...ใครเป็นโรคกลัวความสูงผมขอเตือนว่าอย่ามองไปข้างล่าง เพราะไม่งั้นท่านอาจจะเผลอนึกภาพตอนที่ตัวท่านเองหล่นลงมาเอาหัวโหม่งพื้นก็ได้ ผมว่าคงต้องเสียเวลาเก็บชิ้นส่วนของท่านนานโข...” ลี จอร์ดันคงบรรยายต่อได้ยืดยาวกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงศาสตราจารย์มักกอนนากัลขัดขึ้นเหมือนทุกปี

“จอร์ดัน ดูในสนามบ้างสิ!”

“ครับ ครับ โอ๊ะโอ๋...มาแล้วนะครับทีมเต็งหนึ่งของเราในวันนี้ - - กริฟฟินดอร์!”

เสียงเฮลั่นดังขึ้นเมื่อนักกีฬาเดินลงมาในสนาม แอนเจลิน่า จอห์นสันพูดกับลูกทีมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนทุกคนคิดว่าถ้าไม่มีนามสกุลยืนยันแล้วล่ะก็พวกเขาต้องคิดว่าเธอคงมีสายเลือดเกี่ยวดองกับโอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมคนก่อนแน่ ๆ

“แน่นอนว่าครั้งนี้เราก็จะกำชัยชนะได้” แอนเจลิน่าเริ่มพูดแล้วหันไปมองทุกคนและหยุดสายตาที่รอน

“แต่ฉันต้องการให้พวกเธอทุกคนไม่ประมาท - - วิสลีย์ฉัน เชื่อ มือเธอ เธอจะเป็นอีกคนที่ทำให้พวกเราชนะ”

รอนพยักหน้าอย่างหนักแน่น

ฝ่ายจอร์ดันก็เริ่มประกาศถึงทีมฝั่งตรงข้าม

“ส่วนอีกทีมในวันนี้ ผมยืนยันได้ว่าพวกเขามีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม...สลิธีริน!”

นักกีฬาควิดดิชในชุดสีเขียวมรกตเดินลงมาจากสนามหลังสิ้นเสียงประกาศ พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากเด็กสลิธีรินทุกคนที่ร่วมมือกันตะเบ็งให้ดังกว่าบ้านกริฟฟินดอร์ที่ลงสนามมาก่อน - - มอนทาคิวไม่พูดอะไรกับลูกทีม เขาเพียงแต่จ้องมองมาที่ทีมกริฟฟินดอร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ นั่นก็เพียงพอที่จะให้ลูกทีมเข้าใจถึงความต้องการของเขาโดยไม่ต้องผ่านคำพูด

แฮร์รี่กับรอนหันไปมองมัลฟอยที่กำลังมองกลับมาด้วยดวงตาแข็งกร้าว เขากำลังกอดอกโดยมีไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งของตนเองอยู่ในวงแขน ดวงตาสีซีดในเวลานี้ประทับเพียงเงาของศัตรูคู่อาฆาตตรงหน้า

“เราต้องชนะ” แฮร์รี่พูดขณะสายตายังจ้องไปที่มัลฟอย

“แน่นอน!” รอนรับคำหนักแน่นขณะที่มองทางเดียวกับแฮร์รี่

มัลฟอยยิ้มxxx;มเกรียม ถึงไม่ได้ยินที่แฮร์รี่พูดแต่เขาก็มั่นใจว่า...เขาเองก็ไม่มีทางแพ้เช่นกัน!

เสียงนกหวีดดังขึ้นให้ทั้งสองทีมลงสนาม มาดามฮูซส่งสัญญาณให้กัปตันทีมทั้งสองจับมือกัน เหมือนเดิมที่ต่างฝ่ายต่างบีบมือฝ่ายตรงข้ามแรงราวกับต้องการให้นิ้วอีกคนแหลกเป็นผุยผง

เมื่อได้เวลา มาดามฮูซก็เป่านกหวีดบอกสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน ผู้เล่นทุกคนกระโดดขึ้นไม้กวาดก่อนจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือสนามพร้อมกับเสียงเชียร์จากผู้ชมดังลั่น

“เริ่มต้นขึ้นแล้วนะครับ กริฟฟินดอร์ปะทะสลิธีริน - - แอนเจลิน่า จอห์นสันกัปตันทีมพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับควัฟเฟิลในมือแล้วครับ! ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าใครขวางเธอผมจะสาปให้เป็นหนูแปดหางซะเลย”

“จอร์ดัน!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลร้องเตือน

“แก้เครียดครับอาจารย์ แก้เครียด - - นั่นเธอโยนควัฟเฟิลแล้ว โอ้ ไม่ มอนทาคิวของทีมสลิธีรินใช้วิธีสกปรกแย่งไปซะแล้ว!”

“จอร์ดัน! ถ้าเธอไม่หยุด!”

“ก็ได้ครับอาจารย์ - - มอนทาคิวได้ใช้ทักษะเฉพาะตัวแย่งควัฟเฟิลไปสำเร็จ - - นั่น...เวอร์ริงตันแอบดึงปลายไม้กวาดของแคตี้! - - ไอ้เบื๊อกขี้โกงเอ๊ย! - - ไม่นะครับอาจารย์!... ผมสาบาน! ผมเห็นจริง ๆ !” ลีร้องเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลตรงมาดึงเครื่องขยายเสียงไปจากมือเขา

แสงสะท้อนจากลูกสนิชสีทองสะท้อนเข้าตาซีกเกอร์ของทั้งสองทีม แฮร์รี่และมัลฟอยบินด้วยความเร็วสูงตรงไปยังลูกสนิชพร้อม ๆ กันทันที ไหล่ของทั้งสองกระแทกกันกลางอากาศเสียงดังลั่น มัลฟอยง้างหมัดขึ้นแต่แล้วเขาก็ลดมือลงและหันกลับไปมองลูกสนิชต่อ แฮร์รี่แปลกใจที่มัลฟอยไม่ชกเขาสักหมัดในมุมที่กรรมการไม่มีทางเห็นเช่นนี้ แต่นั่นกลับทำให้แฮร์รี่รู้สึกว่าการปะทะกับมัลฟอยครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่ผ่านมา ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างเร่งความเร็วไม้กวาดของตัวเองนั้นลูกสนิชก็บินหายไป

ที่มุมสนาม ลี จอร์ดันตกลงกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้สำเร็จก็แก้ประโยคที่พูดไปเมื่อสักครู่ใส่ไมโครโฟนต่อ

“ครับ เอาใหม่นะครับ ความสามารถของทีมสลิธีรินอันนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเป็น ประจำ ในการแข่งขันของสองทีมนี้อยู่แล้ว ผมน่าจะรู้! - - และบีตเตอร์ของสลิธีรินตีลูกบลัดเจอร์มาที่แอนเจลิน่าแล้วครับ! พุตซี่ย์กำลังเข้ามารุมเธออีกคนแล้ว! แต่แคตี้รับลูกจากแอนเจลิน่าได้ เธอโยนควัฟเฟิล.…กริฟฟินดอร์สิบต่อศูนย์แล้ว!!”

เสียงผิวปากและเสียงโห่ด้วยความผิดหวังดังลั่นแสบแก้วหู อีกด้านหนึ่ง ลูกบลัดเจอร์ที่อยู่กลางสนามแข่งเริ่มมีอาการผิดปกติ มันบินสั่น ๆ ก่อนจะบินไปยังซีกเกอร์ด้วยความเร็วสูง มันพุ่งชนบีตเตอร์ของสลิธีรินซึ่งไม่ทันระวังจนไม้กวาดที่เขานั่งอยู่หมุนติ้ว แฮร์รี่เหลียวไปเห็นเข้าความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจ - - อาการมันเหมือนเมื่อครั้งที่ด๊อบบี้เคยสาปมันให้อาละวาดเพื่อที่เขาจะได้กลับบ้าน

“มอนทาคิวได้ลูกแล้วครับ...เขาบินเร็วมาก โอ้โห...มั่นใจเหลือเกินครับโยนลูกในระยะไกล แต่นั่น...รอน วิสลีย์ คีปเปอร์ของกริฟฟินป้องกันไว้ได้ครับ!”

แฮร์รี่ทดสอบสิ่งที่เขาสังหรณ์ใจว่าจะเกิดกับลูกบลัดเจอร์ในเวลานี้ เขาแกล้งหักเลี้ยวเพื่อตามหาสนิชต่อ แต่ลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งตามหลังเขามาติด ๆ - - มันกำลังจะเล่นงานเขาแน่!

บรรดาเด็กกริฟฟินดอร์ต่างก็เห็นอาการผิดปกตินั้น

“แฮร์รี่โดนลูกบลัดเจอร์ไล่ตาม!” เนวิลล์ ลองบัตท่อมร้องบอกเด็กคนอื่น ๆ ที่นั่งดูอยู่และทุกคนก็เห็นว่าจริงอย่างที่เขาว่า ดีน โธมัสชี้ไปที่ลูกบลัดเจอร์

“เอาไม้กายสิทธิ์สาปมันให้ระเบิดเลย!”

“อย่า! รออาจารย์เถอะ” ลาเวนเดอร์ร้องห้าม

“กว่าจะตอนนั้นแฮร์รี่ก็เละแล้ว!”

“ฉันจัดการเอง!” เนวิลล์หยิบไม้กายสิทธิ์จากในเสื้อแล้วชี้ไปที่ลูกบลัดเจอร์ที่อยู่ไกลลิบ ท่าทางมั่นใจ

เด็กสะดุ้งกันทั้งอัฒจันทร์

“คน คนอื่นดีกว่า อย่าเพิ่งนะเนวิลล์!”

ช้าไป...แสงสีแดงพุ่งจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเนวิลล์ตรงไปปะทะยังเป้าหมายอย่างแม่นยำเหลือเชื่อทั้งที่ระยะทางมักเป็นอุปสรรคสำหรับเขาเสมอ(เพราะแม้แต่ของที่อยู่ตรงหน้าเขายังใช้คาถากับมันพลาดบ่อยกว่าสำเร็จเสียอีก) เด็กกริฟฟินดอร์ที่เหลือครางอย่างอัศจรรย์ใจ ทุกคนต่างมองไปที่ลูกบลัดเจอร์ตัวการ....รอเวลามันระเบิดไปต่อหน้า

ไม่เป็นดังคาดไว้ - - ลูกบลัดเจอร์เพียงแต่ชะงักกลางอากาศ ไม่นานมันก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงและบินฉวัดเฉวียนไปมาเหมือนโมโหจัด ในที่สุดมันก็เบนเป้าหมายเป็นพุ่งตรงไปยังที่นั่งของฝั่งผู้ชมของกริฟฟินดอร์ราวกับต้องการหาตัวการที่รบกวน บรรดาเด็กนักเรียนเห็นเข้าดังนั้นก็ร้องโวยวาย รีบวิ่งหลบกันอลหม่าน

ลี จอร์ดันดูเหมือนยังเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“อ้าว ๆ อะไรกันนั่น ลูกบลัดเจอร์กำลังพุ่งเข้าใส่คนดู เคยเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อหลายปีก่อนแล้วนะผมจำได้ แต่ตอนนั้นคนที่ถูกเล่นงานเป็นซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์ แขนเขานุ่มเป็นยางเลย - - ฮา ฮา ฮา ผมคิดว่ารุ่นน้องต้องอยากเห็นแน่ ๆ”

“จอร์ดัน! เธออย่านอกเรื่อง!”

“ครับ ๆ เกิดอะไรขึ้นกันนั่น! ดูเหมือนว่าที่ผมพูดจะเกิดขึ้นอีกจริงๆ ซะแล้ว!”

ลูกบลัดเจอร์ชนโครมลงไปบนเก้าอี้ของคนดู...นับว่าโชคดีที่เด็กนักเรียนหลบไปได้ทันเวลา เสียงเก้าอี้ไม้หักกระจาย เศษไม้ปลิวว่อนไปทั่วในอากาศพร้อมกับเสียงหวีดร้องของเด็กกริฟฟินดอร์ พวกเขาแย่งกันลงจากอัฒจันทร์แทบเหยียบกันตาย ลูกบลัดเจอร์ลอยสูงขึ้นแล้วทิ้งตัวลงมาชนเก้าอี้นั่งอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งพื้นทางเดินที่พอจะวิ่งหนีได้แหลกละเอียดเป็นรูพรุน ไม่นานมันก็บินห่างออกไปตั้งหลักที่อีกฝั่งของสนาม เด็กนักเรียนทุกคนลงไปได้หมดแล้วแต่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคือ - - เฮอร์ไมโอนี่!

บรรดานักกีฬาที่ลอยอยู่เหนือสนามเกือบทั้งหมดดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยกเว้นมัลฟอยที่ได้ยินเสียงโวยวายและเสียงไม้หักอย่างรุนแรงเมื่อเขาหันไปมองก็ลูกสนิชส่องแสงวาววับอยู่เหนือที่นั่งฝั่งกริฟฟินดอร์

นั่นล่ะ!...มัลฟอยตะโกนบอกตัวเองในใจ

เด็กชายผมสีบลอนด์บังคับไม้กวาดให้ทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็วตรงไปหามันทันที แฮร์รี่เองก็เห็นสนิชเช่นกันเขาเร่งความเร็วไม้กวาดที่ตัวเองนั่งอยู่สุดชีวิต....แต่มัลฟอยอยู่ใกล้กว่า!

“เร็วเข้า!” แฮร์รี่ตะโกนสั่งไฟร์โบลต์

ลูกสนิชไม่อยู่นิ่ง แต่ดูเหมือนว่ามันยังเพลิดเพลินกับการบินขึ้นลงเหนืออัฒจันทร์ของกริฟฟินดอร์ มัลฟอยรู้ว่าแฮร์รี่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เขายิ่งเร่งความเร็วไม้กวาดของตัวเองให้มากขึ้นอีก ลูกสนิชสีทองดูเหมือนจะรู้สึกตัว มันบินลงต่ำหนีไปที่อัฒจันทร์เบื้องล่างทันที!

ไม่มีทาง!...มัลฟอยเอื้อมมือออกไป...นับว่าไม่ไกลเกินแขนของเขา เพียงแค่คว้ามันได้เขาก็จะชนะ - -

“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!”

มัลฟอยตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อมองต่ำลงไปจากลูกสนิชที่บินอยู่ตรงหน้า - - เบื้องล่างคืออัฒจันทร์ของกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องขอความช่วยเหลือเมื่ออัฒจันทร์ง่อนแง่นที่เธอยืนอยู่เริ่มเอียงตัวช้า ๆ และมือที่ยึดเก้าอี้ไว้ก็เริ่มเลื่อนหลุดด้วยความอ่อนล้า เด็กบ้านเรเวนคลอและฮัฟเฟิลพัฟที่เหลือกำลังชี้ไปที่อีกฟากของสนามและที่เฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทางตกใจสุดขีด ลูกบลัดเจอร์กำลังบินวนราวกับต้องการจะเล็งให้ถูกเป้าอีกครั้ง

มันหยุดเพียงชั่วพริบตาก่อนจะพุ่งตรงมายังเฮอร์ไมโอนี่เหมือนลูกปืนใหญ่!

มัลฟอยกำมือข้างที่จะคว้าลูกสนิชแน่น...เขาต้องเลือก!

เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงลูกสนิชสีทองที่บินต่ำลงมาถึงอัฒจันทร์บินหวือผ่านหูไป แต่ภาพตรงหน้าก็คือเงาทะมึนของลูกบลัดเจอร์ที่กำลังพุ่งตรงมาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร

เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นรอความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่เดี๋ยวนี้ - -

“เกรนเจอร์!”

เสียงมัลฟอยเรียกชื่อเธอ เฮอร์ไมโอนี่จึงลืมตาขึ้น - - แล้วภาพที่เธอเห็นก็คือ ลูกบลัดเจอร์ลูกนั้นกระแทกเข้ากับมัลฟอยที่บินโฉบลงมาขวางเธอไว้โดยแรง

แรง.....จนเขาหล่นจากไม้กวาดที่สูงจากพื้นเป็นสิบเมตร - - ลอยละลิ่วลงสู่พื้นดินเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาเธอ

ฉันรักเธอ ยายเลือดสีโคลน

เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องทั้งที่ไขว่คว้าเขาไว้ไม่ทัน

"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!"


ตอนที่ 13

“ทุกคนหลบไปให้หมด!”

มาดามพอมฟรีย์ตะโกนใส่บรรดานักกีฬาและเด็กนักเรียนหลายคนที่วิ่งกรูลงมาในสนามตรงมายังร่างของมัลฟอยที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้า อีกด้านหนึ่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็กำลังวิ่งมาพร้อมกัน ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตะโกนสั่งกับเด็กทุกคนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“ถ้าใครยังไม่ออกจากสนามตอนนี้ล่ะก็ฉันจะหักคะแนนบ้านนั้นทั้งหมด! - - ฉันสาบาน!”

เด็กทุกคนพากันถอยออกจากสนามทันที แต่นักกีฬาควิดดิชเกือบทุกคนที่ลงมาสู่พื้นสนามแล้วยังคงยังคงยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ต่างฝ่ายต่างกลืนน้ำลายมองศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ที่เข้ามาดูอาการของมัลฟอยพร้อมกับมาดามพอมฟรีย์ - - เธอนั่งลงแตะชีพจรที่คอของมัลฟอยซึ่งตอนนี้เลือดสีแดงข้นไหลออกมาซึมเสื้อคลุมสีเขียวที่สวมอยู่แล้วกัดฟันแน่น....ลมหายใจของอีกฝ่ายรวยรินจนน่าใจหาย

รอนบินไปรับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังร้องไห้ด้วยความตกใจจากอัฒจันทร์ลงมาข้างล่าง ส่วนแฮร์รี่คว้าลูกสนิชไว้ได้ตอนที่มัลฟอยตกจากไม้กวาดแต่เขาไม่เห็นแก่ตัวพอที่จะประกาศชัยชนะ เด็กชายบินลงมาที่พื้นแล้ววิ่งตรงไปหากลุ่มคนซึ่งกำลังมุงดูอาการของมัลฟอย

เฮอร์ไมโอนี่กระโดดลงจากไม้กวาดของรอนก่อนที่เท้าจะสัมผัสกับพื้น เธอเบียดตัวแทรกกลุ่มคนที่กำลังมุงอยู่รอบ ๆ เพื่อเข้าไปดูมัลฟอย รอนผละจากเธอไปหาแฮร์รี่ที่เพิ่งจะวิ่งตามมาแล้วถามอย่างเป็นห่วง

“นายเป็นอะไรรึเปล่า”

แฮร์รี่ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วถาม

“เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ”

“ปลอดภัยดี แต่คงจะอยากดูอาการมัลฟอยกับเขาด้วยล่ะมั้ง” รอนชี้ไปที่คนอื่น ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามเข้าไปดูบ้าง

“มิสเตอร์มอนทาคิว! ห้ามก้าวเข้ามาใกล้กว่านี้!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับกัปตันทีมสลีธีรินที่พยายามจะเข้ามาดูอาการของมัลฟอยด้วยน้ำเสียงราวกับเขาอยู่ไกลลิบ

“เปล!” มาดามพอมฟรีย์พูดแล้วเปลสนามก็ปรากฏขึ้น มันตรงมาสอดใต้ตัวของมัลฟอยแล้วลอยขึ้นช้า ๆ เฮอร์ไมโอนี่ร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเลือดแดงฉานเปื้อนพื้นหญ้า เธอแทบถลาไปหาร่างที่นอนอยู่บนเปลแต่กาเบรียลรีบตะครุบปากแล้วเหนี่ยวตัวเธอไว้ได้ทัน

“อย่า...อย่าร้องเลยนะ คนอื่นอาจจะสงสัย” เสียงของเด็กหญิงสั่นเครือ


เฮอร์ไมโอนี่น้ำตาไหลพรากกอดกาเบรียลที่ตัวเธอเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มัลฟอยยังคงนอนไม่ไหวติงและไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งคู่ชีพของเขาตกอยู่ไม่ไกล ยาช่ากับมาดามฮูซกำลังช่วยกันล่ามลูกบลัดเจอร์ตัวการที่ยังคงอาละวาดดิ้นไปมาไม่หยุดด้วยโซ่ขนาดใหญ่ แฮร์รี่กับรอนเดินเข้ามารวมกับคนอื่น ๆ พวกเขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นเลือดบนพื้นหญ้า

“หมอนี่เห็นสนิช ก็เลยไม่ทันได้ดูว่าบลัดเจอร์กำลังพุ่งมาอีกทาง” แฮร์รี่ชูลูกสนิชสีทองให้รอนดู สีหน้าของเขายังหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เปลสนามที่มัลฟอยนอนอยู่ค่อย ๆ ลอยไปยังห้องพยาบาลอย่างนุ่มนวลที่สุด ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เดินมาพูดกับมาดามพอมฟรีย์ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ฝากดูแลเขาด้วยนะ”

“ดิฉันจะพยายามจนสุดความสามารถค่ะ” มาดามพอมฟรีย์หลบตาไปครู่หนึ่งก่อนจะรับคำหนักแน่นแล้วเดินตามเปลสนามที่ลอยด้วยตัวเองไปยังห้องพยาบาล

เฮอร์ไมโอนี่ยังคงร้องไห้ กาเบรียลค่อย ๆ ประคองเธอให้เดินไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างสนาม ให้พ้นระยะที่ใครต่อใครจะได้ยินแล้วปลอบ

“เธอปลอดภัยแล้ว”

“แล้วเขาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เอามือปิดปากแล้วพูดต่อด้วยเสียงสะอื้น

“ฉันเห็นเขาตกลงมากระแทกพื้น เขา...เขาอาจจะเป็นหนักมากก็ได้”

“ฉันเห็นศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์โบกไม้กายสิทธิ์ อาจารย์ช่วยเขาไว้แล้ว เขาจะต้องปลอดภัย” กาเบรียลพยายามคลายความกังวลของอีกฝ่าย

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าทั้งที่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล เธอหวังว่าครั้งนี้มัลฟอยจะไม่เป็นไรเหมือนกับตอนที่แฮร์รี่เคยหล่นจากไม้กวาดมาแล้ว แต่ในใจอีกข้างก็ค้านว่าครั้งนั้นแฮร์รี่มีเพียงรอยขีดข่วนตามตัว...มิใช่เลือดไหลเต็มไปหมดเช่นนี้!

“ทุกคนกลับแยกย้ายกลับเข้าบ้านของตัวเองกันได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องมิสเตอร์มัลฟอย ทางโรงเรียนจะดูแลเขาอย่างดีที่สุด” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างหนักแน่นเพื่อจะทำให้ทุกคนวางใจ

แต่สำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้วเสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน...

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:
เย็นวันนั้น ข่าวการบาดเจ็บของมัลฟอยก็แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน นักเรียนหลายคนเริ่มซุบซิบถึงอาการผิดปกติของลูกบลัดเจอร์ในสนามและต่างก็เริ่มกลัวว่านี่อาจจะเป็นฝีมือของลอร์ดโวลเดอร์มอร์ที่ต้องการจะเล่นงานแฮร์รี่ทว่าพลาดไปถูกมัลฟอยเสียก่อน ฝ่ายเนวิลล์ก็ดูตัวหดเล็กลงสักสิบเท่าเพราะเขาคิดแต่เพียงว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้มัลฟอยบาดเจ็บและทำให้ลูกบลัดเจอร์หันมาจัดการคนอื่นจนอัฒจันทร์พังพินาศและมัลฟอยได้รับบาดเจ็บคราวนี้

“มันถูกส่งมาเล่นงานฉัน” แฮร์รี่เริ่มพูดขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร พยายามไม่สนใจกับนักเรียนบางคนที่เริ่มส่งสายตาหวาดระแวงมาที่เขาเพราะกลัวว่านี่คือการเริ่มต้นของเรื่องร้ายแรงที่อาจจะกำลังตามมา และเมื่อถามด๊อบบี้มันก็ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะใช้วีธีนี้เพื่อให้แฮร์รี่กลับไปอยู่กับพวกเดอร์สลีย์อีก(พวกเขาต้องจับด๊อบบี้ไว้เพื่อไม่ให้มันเอาหัวโขกผนังเพื่อทำโทษตัวเองที่ทำให้แฮร์รี่ต้องระแวงว่าเป็นฝีมือมัน)

“ต้องมีใครสาปมันแน่ ๆ คราวนี้มีใครอยากจะช่วยชีวิตนายอีกรึเปล่าล่ะ” รอนพูดด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงขณะเทน้ำเกรวี่ลงบันมันฝรั่งบดในจานด้วยท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพราะอย่างไรเสียคนบาดเจ็บคราวนี้ก็เป็นมัลฟอย (แฮร์รี่ได้ยินว่าเขาแอบฮัมเพลงเบา ๆ ด้วยซ้ำ) วันนี้เป็นวันดีของเขาเพราะบรรดาอาจารย์ประชุมกันแล้วประกาศว่าทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันควิดดิชในปีนี้คือกริฟฟินดอร์แม้จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ตาม

แฮร์รี่ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างรอน เธอเอาแต่นั่งเหม่อและมีน้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา

“เธอโชคดีนะเนี่ย เฮอร์ไมโอนี่” เด็กชายพันเส้นสปาเกตตี้ในจานกับส้อมแล้วเอาเข้าปาก

“ฉัน...” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายศรีษะแล้วลุกขึ้นยืน

“จะไปไหน เธอยังไม่ได้กินอะไรสักอย่างเลยนะ” รอนร้อง มองจานทองที่ยังคงสะอาดเอี่ยมของอีกฝ่าย

“ฉันไม่หิว ฉันจะไป...ไปนอนก่อนนะ” เธอขยับตัวแล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารไป แฮร์รี่และรอนมองหน้ากันอย่างงง ๆ

เฮอร์ไมโอนี่เดินด้วยขาที่ไร้ความรู้สึกขึ้นไปยังหอนอนชั้นบน - - ภาพมัลฟอยหล่นจากไม้กวาดต่อหน้านั้นราวกับผนึกแน่นอยู่ที่ดวงตา เด็กหญิงซวนเหมือนจะล้ม เธอฝืนก้าวไปซบกับกำแพงหินเย็นเฉียบในขณะที่มือก็พยายามจับขอบหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้....

ทางเดินเงียบสงัดที่เธอยืนอยู่ปรากฎเงาของคน ๆ หนึ่งกำลังเดินอยู่ไกล ๆ แผ่นหลังที่อยู่ใต้เสื้อคลุมพลิ้วไหวของเด็กชายผมสีบลอนด์ดูคุ้นตาจนเธอเผลอจ้องมองภาพนั้นนิ่ง เมื่อเขาหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง เฮอร์ไมโอนี่ก็แทบหยุดหายใจ - -

มัลฟอยยิ้มให้เธอก่อนจะพูด

“ถ้าฉันตาย เธอจะร้องไห้ไหม”

ไม่! - - ไม่! เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น!... ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ทรุดลงกับพื้นทันที เธอนั่งเอามือปิดหน้าแล้วหอบหายใจ เมื่อสติทั้งหมดกลับคืนมาเธอก็เงยหน้าขึ้นมองทางเดินอีกครั้ง...ไม่มีใครอยู่แม้เพียงคนเดียว เด็กหญิงสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้น เธอทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นหิมะกำลังตกลงมา ไกลออกไปที่กระท่อมของแฮกริดควันสีขาวกำลังลอยอ้อยอิ่งออกจากปล่องเป็นสีเดียวกับหิมะที่อยู่บนหลังคาเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนอยู่ข้างใน เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจเดินไปยังทางออกนอกปราสาทเพื่อไปยังกระท่อมหลังนั้น

เมื่อมาถึงกระท่อมของแฮกริดเธอก็เคาะประตูสองสามครั้ง คนที่เปิดออกมารับเป็นยาช่า แต่เขาไม่มีท่าทางประหลาดใจที่เห็นเธอมาที่นี่ เด็กชายมองเธอแล้วพูด

“เขาต้องไม่เป็นไรฮะ”

สิ้นประโยคนั้นเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้โฮแล้วโผมากอดยาช่าไว้แน่น ยาช่าส่ายศีรษะด้วยความสงสารแล้วพาเธอเข้าไปนั่งในบ้านที่ไม่มีใครอยู่เลยเพราะแฮกริดยังไม่กลับจากเยี่ยมกรอว์ปที่กระทรวงเวทมนตร์ เมื่อเด็กหญิงนั่งลงที่เก้าอี้แล้วยาช่าก็รินน้ำชาจากกาใส่ถ้วยส่งให้

“ผมยืนดูอยู่ แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ร่ายคาถาช่วยเขาไว้แน่ ๆ” เขาพูดอย่างหนักแน่นเพื่อให้เธอสบายใจ

“แต่ถ้าปล่อยให้มันโดนฉัน - - ฉันก็คงไม่เป็นมากเท่าเขาหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ยังคงมีน้ำตาไหลออกมา

“เขา ไม่ ต้องการให้คุณเป็นอะไร ทั้งนั้น ” ยาช่าเน้นคำแล้วมองเธอ

เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้า ยาช่าจึงพูดต่อ

“กาเบรียลฝากผมมาขอโทษคุณ พอดีพรุ่งนี้เขาต้องไปโรงเรียนที่เขาห้ามคุณไม่ให้ร้องไห้ตอนนั้นเพราะถ้าตอนนี้ใครรู้เรื่องของคุณสองคน ปัญหาอาจจะเพิ่มขึ้น”

“ฉันเข้าใจ ฝากขอบใจเขาด้วย” เธอเช็ดน้ำตา

ยาช่าถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งที่มาดามฮูซหาคนอาสาจะเก็บมันไว้คืนมัลฟอยและเขาก็รับอาสามา คนอื่น ๆ ในทีมสลิธีรินไม่มีใครกล้ารับไว้เพราะกลัวว่าต้องกลายเป็นคนที่จะต้องแจ้งข่าวการบาดเจ็บของมัลฟอยให้นายลูเซียสและมิสซิสนาร์ซิสสาพ่อกับแม่ของเขา เด็กชายหมาป่ายื่นให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วพูดอย่างจริงจัง

“ผมจะเก็บไว้ให้ก่อน แต่คุณต้องเอาไปคืนเขาด้วยตัวคุณเองวันที่เขาฟื้นขึ้นมา”

เฮอร์ไมโอนี่กอดไม้กวาดด้ามสีดำที่เป็นเงาวับของมัลฟอยแน่นแล้วร้องไห้อีกครั้ง


ตอนที่ 14

วันต่อมามาดามพอมฟรีย์ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมมัลฟอยทั้งสิ้น และยังให้เขานอนบนเตียงที่อยู่ท้ายสุดของห้องพยาบาลขณะที่แครบกับกอยล์พยายามชะเง้อคอเข้าไปดูในห้องพยาบาลหรือและทำทุกวิถีทางรวมทั้งแกล้งป่วยว่าปวดท้องเพราะการกินอาหารมากเกินไป(พวกเขาโปรดปรานวิธีนี้มากถึงขนาดสลับกันท้องเสียเช้าคนหนึ่งและบ่ายอีกคนหนึ่ง) เพื่อจะได้แอบเข้าไปใกล้เตียงมัลฟอยให้มากที่สุด แต่มาดามพอมฟรีย์ดูเหมือนจะรู้ทันความคิด เธอจึงนำม่านสีขาวมากั้นไว้รอบเตียงของเด็กชายพวกเขาจึงไม่ได้ข่าวใด ๆ กลับมา

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่มเวรยามโทรลล์ทั้งกลางวันและกลางคืนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว (ตอนนี้แทบจะไม่สนใจเลยว่าโทรลล์ที่จ้างมานั้นมีใบอนุญาตจากกระทรวงเวทมนต์หรือไม่) เพราะกลัวเหมือนกับที่เด็กนักเรียนหลายคนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของลอร์ดโวลเดอมอร์ ฝูงโทรลล์ที่เดินอยู่กันเต็มโรงเรียนทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกไปเยี่ยมมัลฟอยที่ห้องพยาบาลในตอนกลางคืนและเธอก็ไม่กล้าขอยืมผ้าคลุมล่องหนจากแฮร์รี่ออกไปไหน เพราะระยะหลัง ๆ มานี่เธอยืมมันจากเขาบ่อยจนกลัวว่าอาจจะถูกสงสัยได้ นอกจากนี้เธอยังเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเพื่อนคนใดคนหนึ่งเพราะทุกคนต่างพูดคุยถึงอาการของมัลฟอยที่คาดเ***ันไว้ต่าง ๆ นานาและล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ได้ยินเด็กหญิงก็รู้ตัวดีว่าไม่สามารถควบคุมสีหน้าเศร้าหมองและน้ำตาของตัวเองได้

เช้าวันที่สามหลังจากที่ไม่ได้ข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของมัลฟอย มาดามพอมฟรีย์ยังคงตั้งป้อมขัดขวางเด็กทุกคนที่เข้ามาขอเยี่ยมมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เธอหลบหน้าแฮร์รี่กับรอนมานั่งเหม่อลอยอยู่ที่ริมทะเลสาบเกือบทุกวันโดยมียาช่าเป็นเพื่อนซึ่งตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะคิดคำปลอบโยนใด ๆ ไม่ออกแล้ว แต่เขาก็พยายามทำตัวให้เหมือนปกติและชวนเธอทำโน่นทำนี่เพื่อไม่ให้มีเวลานั่งทุกข์ใจ

“คุณเคยกินปลาในทะเลสาบนี้รึเปล่าฮะ” ยาช่าโยนปลาตัวหนึ่งที่จับได้ลงบนพื้นหญ้าขณะที่ตัวเองเดินขึ้นจากทะเลสาบทั้งเสื้อผ้าเปียกปอนก่อนจะลงมือบิดน้ำออกจากชายเสื้อที่สวมอยู่ ปลาที่ถูกจับได้ดิ้นสะบัดหางไปมาอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่

“ผมทำให้กินได้นะฮะ แต่ฝีมือไม่ได้ความแน่เพราะผมไม่เคยทำให้มันสุกเลยสักที”

คำตอบของเฮอร์ไมโอนี่มีเพียงความเงียบ

“หรือเราจะ...” ยาช่ายังคงพยายามแต่แล้วเขาก็เงียบไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายปาดน้ำตา

ยาช่าถอนหายใจ เขาหยิบปลาตัวนั้นขึ้นแล้วโยนมันกลับลงไปในน้ำ - - ทั้งหมดที่เขากำลังทำอยู่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย

เด็กชายหมาป่าพูดขึ้นในที่สุด

“ผมจะพาคุณไปเยี่ยมเขา”

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**~~**:~~**:

ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาสู่ท้องฟ้าเหนือโรงเรียนฮอกวอตส์อย่างเชื่องช้า และอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาราตรีกาลแห่งความมืดก็ครอบงำไปทั่วทุกที่รวมถึงอาณาเขตของป่าต้องห้ามซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับปราสาทโรงเรียน พระจันทร์ดวงกลมเริ่มส่องแสงสว่างจ้าร่วมกับดาวดวงเล็ก ๆ เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้สัตว์กลางคืนทั้งหลายเริ่มออกหากินโดยอาศัยแสงสว่างจากมันเสีย นกฮูกป่าและแมลงกลางคืนส่งเสียงเป็นเชิงทักทายพวกพ้องดังเป็นระยะ

ด้านหน้ากระท่อมของแฮกริดปรากฏเงาใหญ่ยักษ์ของเจ้าของบ้านที่เดินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างสบายอารมณ์กลับมา เมื่อเปิดประตูบ้านเขาก็ทักเด็กชายที่ฝากให้ดูแลบ้านอย่างแจ่มใส

“ว่าไง ยาช่า มีใครมาเยี่ยมฉันบ้างหรือเปล่า”

เด็กชายหมาป่าที่กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบกลัดกระดุมตรงอกเสื้อคลุมของตัวเองก่อนจะพูดกลบเกลื่อนท่าทาง

“ไม่ฮะ - - เอ่อ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกหน่อย”

“ตามสบายเลย ถ้าเจอตัวอะไรประหลาดก็มาบอกฉันด้วยนะ” พูดจบแฮกริดก็เดินฮัมเพลงไปหลังบ้านอย่างไม่ได้สนใจยาช่าจึงเดินออกไปจากบ้านเงียบ ๆ และก่อนที่จะปิดประตูบ้านเขาก็หันกลับไปมองให้แน่ใจ เมื่อเห็นว่าแฮกริดไม่ได้สงสัยเขาก็ปิดประตูบ้านลงก่อนที่เดินไปจุดนัดหมายของเขากับเฮอร์ไมโอนี่

เด็กหญิงรอเขาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ไกลจากบ้านของแฮกริดไม่มากนัก ต้นไม้แผ่กิ่งก้านกว้างสร้างเงามืดช่วยเอื้ออำนวยไม่ให้ใครมองเห็นเธอ มีเพียงแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์ส่องสว่างเรืองอยู่ในความมืด ยาช่ารีบเดินไปหาเธอทันที

“ไม่ต้องใช้ลูมอสฮะ ผมเห็นตอนกลางคืนได้ชัดกว่าคุณ - - เดินตามหลังผมมาให้ดี ๆ ก็พอ” เขาบอกเฮอร์ไมโอนี่ เธอพยักหน้าแล้วดับแสงไฟ

เด็กชายเดินนำหน้าเพื่อระวังความปลอดภัย ระหว่างทางเขาก็อธิบายว่าจะต้องทำอะไรบ้าง กระทั่งทั้งสองหยุดเดินที่บันไดทางขึ้นปราสาท - - เสียงร้องเพลงสูงต่ำชวนปวดหัวของพิพส์ที่ร้องก่อกวนอยู่ภายในโรงเรียนดังสะท้อนกับผนังหินและเพดานจนเกิดเป็นเสียงก้องกังวาลชวนให้วังเวงใจไปทั่วโดยที่ตัวมันเองไม่รู้ว่าอยู่ไหน

ยาช่าหันไปย้ำกับเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง

“คุณต้องรอผมตรงที่มืด ๆ ก่อน ถ้าผมดูว่าปลอดภัยแล้วจะให้สัญญาณ มิสซิสนอร์ริส ไม่มีทางจมูกดีไปกว่าผมหรือถ้ามันจมูกดีจริง...มันจะตามกลิ่นหมาป่าก็ตามใจ - - ผมกินมันแน่ ถ้ามันขัดขวางดีนัก” ยาช่าพูดด้วยน้ำเสียงแข็งผิดกับทุกครั้ง แต่เขาก็ทำเพื่อให้เธอสบายใจ

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับแล้วพวกเขาก็เดินขึ้นไปบนปราสาทอย่างระมัดระวัง ทางเดินที่ทอดยาวตรงระเบียงเงียบสงัด มีเพียงแสงนวลของพระจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างลงมาเป็นทาง สำหรับยาช่าแล้วนี่เป็นความสว่างที่มากกว่าในป่าต้องห้ามที่เขาวิ่งตอนอยู่ที่นี่แทบทุกคืนเป็นเท่าตัว เฮอร์ไมโอนี่เดินมาใกล้ยาช่ามากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของโทรลล์ที่ถูกเกณฑ์มาเฝ้ายามดังกระหึ่มอยู่ไกล ๆ สลับกับเสียงครางงึมงำที่เธอเดาว่ามันคงเป็นภาษาที่โทรลล์ใช้สื่อสารกัน - - ถึงจะไม่เข้าใจความหมายแต่เธอก็หวังว่ามันคงไม่ได้กำลังคุยว่าพบพวกเขาอยู่แถวนี้



“ยืนตรงหลังเสานี่ฮะ คุณต้องรอจนผมให้สัญญาณ” เมื่อยาช่าพูดจบร่างหมาป่าขนสีน้ำตาลแสนสวยก็ปรากฏขึ้นแทนเด็กชาย....ร่างนี้เขาปลอดภัยกว่าเป็นคนทุกอย่าง สายตาชัดเจนและคล่องแคล่ว ประสาททุกส่วนตื่นตัวเหมือนเวลาล่าเหยื่อ - - และไม่ว่าจะกี่ครั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องอัศจรรย์ใจกับความสวยงามของมันอยู่ดี

หมาป่าตัวนั้นวิ่งอย่างรวดเร็วไปจนสุดทางเดินที่มืดสนิท ก่อนที่จะโผล่ศีรษะออกมาแล้วพยักหน้าให้เธอรีบเดินตามมา เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวตามไปโดยที่คอยระวังไม่ให้เสียงฝีเท้าดังมากจนใครได้ยิน

เมื่อเธอเดินมาถึงตัวหมาป่าแล้ว มันก็หันซ้ายหันขวาอีกครั้งก่อนจะวิ่งนำออกไปยังมุมมืดอีกมุมหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่รีบก้าวตามทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้เดินตามมาอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็ชะงักเท้ากลางทางเมื่อได้ยินเสียงแมวร้องมาเบา ๆ - - คนที่พวกเขากลัวที่สุดกำลังเดินมาแล้ว

เด็กหญิงพยายามตั้งสติก่อนจะเดินต่อไปหลบข้างหมาป่าแล้วครางอย่างหวาดหวั่น

“ฟิลช์”

เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองยาช่าแต่หมาป่าขนสีน้ำตาลไม่ได้สนใจเธอ มันจ้องเขม็งด้วยดวงตาลุกวาวไปที่เงาของแมวผอมแห้งที่กำลังเดินตรงมาที่พวกเขาขณะะเลียคมเขี้ยวของตัวเองอย่างรอคอย

เงาราง ๆ ขนาดใหญ่ผิดปกติเพราะถูกแสงจากคบไฟตรงผนัง แสดงให้เห็นขนฟูหยาบ ๆ ที่บ่งบอกชัดเจนว่ามันเป็นตัวอะไรขณะที่ตัวมันก้มลงดมตามพื้นตลอดทางเดินมาที่พวกเขา เงาของคนอีกคนหนึ่งตามมาติด ๆ เฮอร์ไมโอนี่ใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมานอกอก - - หนีแมวอย่างคุณนายนอร์ริสอาจจะง่ายแต่คนที่เดินตามมันมาข้างหลังเล่า

คุณนายนอร์ริสชะงักกึก เมื่อสะดุดกับกลิ่นตรงทางที่ยาช่าและเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านมา

“แม่หวานใจ มีอะไรผิดปกติเหรอ” ฟิลช์ถามแมวรักของตัวเอง แต่มันกลับไม่ฟ้องทันทีเหมือนทุกครั้ง มันจ้องเขม็งไปข้างหน้าขณะที่ฟิลช์เริ่มยกตะเกียงขึ้นส่องไปตามทางทั้งซ้ายและขวา

“ไหน...ทางไหน ถ้าเราจับได้นะ - - เจ้าเด็กเอ๋ย แกจะได้รู้ว่าภารโรงอย่างฉันทำอะไรได้มากกว่าเก็บกวาดผลงานที่พวกแกทิ้งไว้”

เพียงชั่วพริบตาเดียวแสงจากตะเกียงดวงเล็กในมือของฟิลช์ก็สาดมาทางเฮอร์ไมโอนี่ - - แม้จะไม่ถึงตัวเธอ แต่มันก็สะท้อนเข้ากับดวงตาสีทองอันน่าสะพรึงกลัวของหมาป่าที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้า...

และชั่วพริบตาเดียวอีกเช่นกันที่คุณนายนอร์ริสกรีดร้องขณะที่ขนบนตัวของมันชี้ตั้งไปทั่วตัว!

“แง้วววววววววววววว!!!!!!!!”

แมวสีดำกระโดดลอยขึ้นจากพื้น มันวิ่งกลับไปทางเดิมด้วยความเร็วเท่าที่แมวผอมแห้งอย่างมันจะส่งแรงให้ขาทั้งสี่ข้างของตัวเองได้ ฟิลช์ตกใจจนทำตะเกียงหล่นแตก แต่ความรักสัตว์เลี้ยงก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าความอยากรู้ว่ามันตกใจอะไร เขาวิ่งตามคุณนายนอร์ริสไปโดยที่ปากก็ตะโกนโหวกเหวกให้มันกลับมา

เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจเฮือกออกมาแล้วเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ของตัวเองที่ซึมออกมาทั่วหน้า เธอหันไปมองยาช่าแล้วฝืนยิ้มให้


หลังจากที่พวกเขาเลี้ยวผ่านมุมต่าง ๆ ของปราสาทมาได้อย่างปลอดภัย ไม่นานหมาป่าและเฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดที่ประตูด้านหน้าของห้องพยาบาลซึ่งเวลานี้ปิดสนิท หมาป่าขนสีน้ำตาลกลายร่างเป็นเด็กชาย

“ผมจะเฝ้าตรงประตูให้ แต่เราไม่มีเวลามากนักนะฮะ” ยาช่าบอกแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปผลักบานประตู เสียงเอี๊ยดเบา ๆ ดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่รีบแทรกตัวเข้าไปทันทีเมื่อประตูเปิดอ้าออก

ทุกเตียงภายในห้องพยาบาลว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าที่เตียงสุดท้ายด้านหลังห้องพยาบาลมีม่านสีข่าวตั้งบังสายตาจากคนภายนอกอยู่ ยาช่าดันหลังเฮอร์ไมโอนี่ให้รีบเดินไปที่เตียงนั้น เด็กหญิงจึงได้ก้าวเท้าออกเดิน

เสียงฝีเท้าของเธอดังกึก ๆ กังวานไปทั่วห้อง เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงเดินช้าลง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงหลังม่านนั้นต้องเป็นมัลฟอยแน่และเธอก็มีเวลาไม่มากอย่างที่ยาช่าพูด อาจจะเป็นเพราะ...ใจอีกด้านหนึ่งกลัวว่าจะทนเห็นภาพนั้นไม่ได้

ถ้าเขามีแต่เลือด...ถ้าเขามีแต่แผล...ถ้าเขาไม่เหมือนเดิม หรือถ้าเขา - -

เฮอร์ไมโอนี่หยุดยืนด้านหน้าม่านสีขาว เธอกลั้นใจเอื้อมมืออันสั่นเทาไปที่ม่านก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออก

ภาพตรงหน้าปรากฏขึ้นพร้อมกับความรู้สึกนานับประการที่โถมทับเข้ามา - - สามวันที่ไม่ได้พบกัน หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่รู้สึกหรืออาจจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำและก็คงจะหัวเราะที่เห็นสภาพเขาตอนนี้ แต่ว่า ณ เวลานี้เธอคิดแต่เพียงว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะกระโดดลงมาจากอัฒจันทร์เพื่อจะตกลงมาพร้อมกับเขา

ศีรษะของมัลฟอยมีผ้าพันไว้โดยรอบ ผ้ากอซสีขาวติดอยู่ที่ใบหน้าข้างซ้ายและแขนข้างขวาก็ถูกผ้าพันแผลพันไว้ ขาทั้งสองข้างที่อยู่ในเสื้อผ้าของห้องพยาบาลที่เขาสวมอยู่มีผ้าพันแผลเนื้อหนาพันไว้ราวกับมัมมี่ สิ่งที่บอกว่าร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็มีเพียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ผิวซีดเซียวของเขาแทบเป็นสีเดียวกับผ้าพันแผลบนศีรษะ เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของมัลฟอยแล้วมองเขาอยู่อย่างนั้น

“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขาในที่สุด แต่ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวขึ้นมาเลย

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มร้องไห้ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนของเด็กชาย

“ฉันมาหาเธออย่างนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ - - ตอนนั้นเราไปในสมุดเกมผจญภัยด้วยกันจำได้ไหม” เด็กหญิงพูดเสียงสั่นแต่ก็หวังว่าเขาจะได้ยินบ้าง

“เธอตกลงมาพร้อมกับฉัน ฉันตกใจแทบตายตอนที่เธอสลบ”

เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของมัลฟอยไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นในเวลานี้ เฮอร์ไมโอนี่เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจทนได้อีกต่อไป

ลืมตามาสิ - - แล้วพูดว่า "ฉันรักเธอ"

เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนร้องขออยู่ภายในใจ - - ลืมตาขึ้นมาเถอะ...มายิ้มเจ้าเล่ห์...มาแบะปากใส่ฉัน มามองฉันด้วยหางตา มาวางมาดใส่ฉัน มาบอกว่าจะชนะแฮร์รี่ มาดูถูกรอน

มาบอกว่ารักฉัน - - รัก...ยายเลือดสีโคลน

ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ จากมัลฟอย...

“มาดามพอมฟรีย์กำลังมาฮะ!” ยาช่าร้องบอกมาจากประตู

“ฉัน...ฉันอยากอยู่กับเขาอีกหน่อย” เธอปาดน้ำตา

“ผมเข้าใจ แต่เราอาจจะมาอีกไม่ได้นะฮะ ถ้าถูกจับได้” ยาช่าพูดอย่างร้อนใจ

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างฝืน ๆ เธอหันกลับไปมองมัลฟอยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มศีรษะลงไป เธอใช้มือข้างหนึ่งจับผมไว้เพราะไม่ต้องการรบกวนเขาแม้เพียงเส้นผมระลงบนผิว - - ยาช่าแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่แตะริมฝีปากกับเรียวปากซีดเซียวของมัลฟอยอย่างแผ่วเบา เธอพูดเสียงสั่นเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายเย็นเฉียบจนน่าใจหาย

“เธอต้องไม่เป็นไรนะ เธอต้องหาย” น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่หยดลงบนหน้าของเขา เธอจูบแผลถลอกที่มีรอยแห้งของเลือดบนแก้มของอีกฝ่ายก่อนจะยกศีรษะขึ้นเพื่อมองเขาให้เต็มตาอีกครั้ง

เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกยาช่ารีบตรงมาคว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่แล้วดึงตัวเธอที่ดูเหมือนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับขาและยังคงจ้องมัลฟอยอยู่อย่างนั้นให้รีบออกไปจากห้องพยาบาลด้วยกันอย่างเร็วที่สุด...

ลืมตาขึ้นมา สุดที่รักของฉัน


ตอนที่ 15

“ตื่นได้แล้วเฮอร์ไมโอนี่”

น้ำเสียงคุ้นหูของรอนดังแว่วมา เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ - - เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในหอนอนเหมือนทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ในเวลานี้แสงแดดส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องเป็นตัวบอกว่าสายมากแล้ว เธอหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วขมวดคิ้วมองคนที่ยืนอยู่รอบเตียงทั้งสองคน...รอนเข้ามาได้ยังไง แฮร์รี่ด้วย

“เธอตื่นสายจัง คนอื่นเขาลงไปรอข้างล่างกันหมดแล้ว” แฮร์รี่ว่าแล้วชี้ไปที่เตียงว่างเปล่าตัวอื่น

“รอฉัน...เราจะไปไหนกันเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามแล้วก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง เธอคนเดียวที่ยังสวมชุดนอนอยู่ในขณะที่แฮร์รี่กับรอนสวมชุดนักเรียนเป็นปกติเหมือนกันหมด เว้นแต่เนคไทเท่านั้นที่เป็นสีดำ

“ไปงานศพไง” รอนพูดพลางบิดขี้เกียจอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“เฮ้อ...ถ้าไม่ติดว่าหมอนั่นช่วยเธอไว้ล่ะก็ฉันกับแฮร์รี่ไม่มีทางไปหรอก”

ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้างขึ้น หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นราวกับจะระเบิดออกมา - - รอนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“งานศพของใคร”

เด็กชายทั้งสองมองหน้ากันงง ๆ ก่อนที่แฮร์รี่จะเฉลย

“ก็มัลฟอยไง”

“เธอว่าไงนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงสั่น เหมือนมีบางอย่างแล่นมาจุกในอก

“มัลฟอยตายแล้ว” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ รอนจึงได้สำทับขึ้นบ้าง

“ฮื่อ...ตายแล้ว ตาย…”

ตาย...ตาย...ตาย....

ตาย

.................................................

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!”

ร่างบอบบางทะลึ่งพรวดขึ้นจากที่นอนพร้อมกับหวีดร้องเสียงดังลั่น ยาช่าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถลาไปคว้าแขนเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาโพลงขึ้นมองเด็กชายหมาป่าที่สีหน้าตกใจไม่แพ้กัน เธอน้ำตาไหลพรากก่อนจะพูดเสียงสั่นสะท้าน

“มัลฟอย - - เขา เขาตายแล้ว….ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่เขย่าตัวอีกฝ่ายแล้วร้องไห้อย่างหนัก

ยาช่ารู้สาเหตุในนาทีนั้นเอง เขาตบไหล่เธอปลอบ

“คุณฝันไปต่างหาก ใจเย็น ๆ ครับ - - ใจเย็น ๆ”

เฮอร์ไมโอนี่ค่อยสงบลงเมื่อได้ยินดังนั้น เธอหอบจนตัวโยนและเหงื่อเย็นเฉียบเกาะอยู่เต็มหน้า

“เขายังไม่เป็นอะไรครับ” ยาช่าพูดกับเฮอร์ไมโอนี่แล้วปล่อยให้เธอค่อย ๆ นั่งลงบนที่นอนตามเดิม เด็กหญิงพยักหน้าทั้งที่ในใจรู้ดีว่าสภาพของมัลฟอยที่เห็นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น...กระทั่งฝันร้ายถึงขนาดนี้ เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าตนอยู่ในบ้านของแฮกริดและในเวลานี้ฟ้าภายนอกก็ยังคงมืดอยู่

“คุณจะล้มหลายครั้งแล้วตอนที่เรากลับมาด้วยกัน ผมเลยพาคุณมาที่นี่หันไปอีกทีคุณก็หลับไปแล้ว” ยาช่าพูดแล้วลุกไปรินน้ำชาจากกาบนโต๊ะมาให้เธอ พอเด็กชายขยับตัวนกฮูกตัวที่เกาะตรงหน้าต่างอยู่อย่างหวาดระแวงก็บินพรวดพราดหนีไปในความมืด

“นกฮูกนั่น” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

“ของศาสตราจารย์มักกอนนากัลครับ อาจารย์ส่งจดหมายมาบอกให้แฮกริดเข้าไปตรวจในป่าต้องห้ามเพราะกลัวว่าจะมีคนของลอร์ดโวลเดอมอร์ซ่อนตัวอยู่” ยาช่าเล่าแล้วหยิบจดหมายบนโต๊ะขึ้นมาให้เธอเห็น

“แฮกริดรู้ว่าฉันมาเหรอ” เด็กหญิงถาม...บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องของเธอกับมัลฟอยแล้ว

“ไม่ฮะ โชคดีเรามาตอนแฮกริดออกไปพอดี ไม่มีใครเห็นคุณหรอก” ยาช่าพูดแล้วยื่นถ้วยชาให้เฮอร์ไมโอนี่รับไปด้วยมืออันสั่นเทาก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของเธอ

“เขาอาการหนักจริง ๆ คุณฝันร้ายก็ไม่แปลกหรอก” เด็กชายหมาป่ามีสีหน้ากังวลแล้วเขาก็เงียบไปทันทีเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ ยาช่าหน้าเจื่อนไป เขาไม่ควรพูดถึงอาการของมัลฟอยในแง่ไม่ดีตอนนี้

:**~~**~:**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**

วันนั้นเป็นอีกวันที่เฮอร์ไมโอนี่เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เธอเหม่อลอยจนไม่รู้ตัวว่าต้องช่วยเหลือเนวิลล์ในคาบวิชาปรุงยาที่นับวันสเนปยิ่งเห็นเด็กชายเป็นเหยื่อที่สมควรจะเก็บไว้ทึ้งเนื้อกินนาน ๆ แฮร์รี่กับรอนพยายามจะช่วยเนวิลล์เสียเองแต่สุดท้ายก็เป็นผลให้กริฟฟินดอร์ถูกหักคะแนนไปสามสิบคะแนนรวด

“สำหรับความผูกพันอันน่าขยะแขยงของพวกเธอ” สเนปจ้องหน้าเด็กชายทั้งสามคนอย่างเหยียดหยาม อาจจะมีเพียงเขาคนเดียวที่ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปกับการบาดเจ็บของมัลฟอยทั้งที่ตนเองเป็นอาจารย์ผู้ดูแลบ้านสลิธีริน ผิดกับอาจารย์คนอื่น ๆ ที่ยังมีท่าทางกังวลบ้าง

“ไอ้คนไม่มีใครคบ…” รอนกัดฟันพูดหลังจากที่เดินออกมาจากห้องเรียนวิชาปรุงยาแล้ว ตลอดระเบียงมีนักเรียนบ้านอื่น ๆ ที่เพิ่งหมดคาบเรียนเช่นกันเดินปะปนกันแน่นขนัดทำให้เกิดเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กพอช่วยกลบคำพูดของรอนไปได้ - - ถึงจะรู้อยู่แก่ใจถึงนิสัยของสเนปดีแต่รอนก็ดูแค้นเคืองกว่าทุกคนเพราะพรีเฟ็กอย่างเขาไม่สมควรจะเป็นสาเหตุไปด้วย

“เฮ้ พวกนายได้ยินข่าวนี้รึยัง” ดีน โธมัสแหวกบรรดาเด็กคนอื่น ๆ วิ่งมาหาทั้งสามคน

แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่หยุดเดิน เป็นผลให้เด็กหลายคนที่ได้ยินเข้ารีบวิ่งมามุงรอบดีนอย่างอยากรู้อยากเห็น

“นายได้ยินว่ามาดามพอมฟรีย์มีข่าวอยากแจ้งให้ทุกคนทราบคืนนี้กันรึยัง”

“เรื่องมัลฟอยรึเปล่า” รอนถาม

ดีนเงียบไปเหมือนเร้าความสนใจ

“หมอนั่น....ตา- - เอ่อ...เป็นหนักมากเลยล่ะมั้ง” เนวิลล์ห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน เขาไม่ต้องการพูดว่า “ตาย” ถึงแม้ว่าจะเป็นมัลฟอยก็ตาม

“ไม่ฟื้นตั้งห้าวัน ร่างกายรับไม่ไหวหรอก” รอนผิวปากเบา ๆ อย่างไม่ร้อนใจ

“ตกลงใช่เรื่องมัลฟอยรึเปล่า” แฮร์รี่เริ่มรำคาญเมื่อเจ้าของข่าวไม่เฉลยสักที

เด็กทุกคนจ้องหน้าดีนอย่างให้ความหวัง

“เอ่อ - - จริง ๆ แล้วฉัน ไม่รู้ น่ะ”

เสียงโห่ดังสนั่นไปทั่วทางเดิน ดีน โธมัสดูมีน้ำโหขึ้นทันที

“เฮ้! แต่ฉันก็รู้มาว่าวันนี้มาดามจะขึ้นพูดล่ะน่า - - ก็คงเป็นเรื่องมัลฟอยนั่นแหละ”

เชมัสยักไหล่อย่างคนรู้มากกว่า

“แต่ฉันได้ยินอีกข่าวนะ มาดามอาจจะพูดเรื่องมิสซิสนอร์ริสก็ได้ มีคนบอกว่ามันไม่สบายเพราะช็อกสุดขีด - - นายคิดดูสิมี ตัว อะไรที่ทำให้ยายแมวแก่หน้าโง่นั่นตกใจจนขนร่วงหมดตัวเมื่อคืนนี้....สะใจเป็นบ้า”

เมื่อได้เวลาอาหารเย็นที่ทุกคนรอคอยเด็กนักเรียนก็เริ่มทยอยเข้ามาในห้องโถงกลางเป็นกลุ่ม ๆ แต่ในวันนี้บรรยากาศดูอึมครึมกว่าทุกครั้งเพราะแทบทุกคนแอบรู้มาว่า มาดามพอมฟรีย์จะพูดถึงอาการล่าสุดของมัลฟอย ฝั่งบ้านสลิธีรินนั้นเงียบเหงากว่าทุกวันแครบกับกอยล์แม้จะดูไม่ผอมลงกว่าเดิมสักเท่าไรแต่ก็ซีดเซียวและดูอดนอน ทุกคนแยกย้ายกันนั่งเก้าอี้ที่เรียงรายไว้เป็นระเบียบตามโต๊ะบ้านของตัวเองจนครบอย่างเงียบ ๆ

จานทองตรงหน้าพวกเขายังคงว่างเปล่าแต่เด็ก ๆ ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าอยากรับประทานอาหารกันเต็มแก่ ทุกคนมีเรื่องต้องครุ่นคิดต่างกันออกไป - - หากมีการตายเกิดขึ้นในโรงเรียน....ผู้ปกครองหลายคนที่เคยเชื่อกันว่าฮอกวอตส์นั้นปลอดภัยก็อาจจะต้องเรียกตัวนักเรียนบางคนกลับทันที

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเคาะแก้วสองสามครั้งเหมือนทุกทีที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะพูด อันที่จริงถึงเธอจะไม่เรียกความสนใจด้วยวิธีนี้ เด็กทุกคนก็กำลังรอเวลาอยู่แล้ว

ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นแล้วกระแอม

"ในยามที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น..." พ่อมดเคราสีเงินยวงเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานไปทั่วห้องโถง

"ไม่ว่ามันจะนำเรื่องสุขใจหรือเรื่องทุกข์ใจมาให้เราทุกคน สิ่งสำคัญคือเราต้องอยู่ด้วยกันกระทั่งสิ่งเลวร้ายนั้นผ่านไปพ้นไป...ด้วยดีหรืออาจจะผิดไปจากที่คิด"

เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเหมือนพยายามจะปลอบใจเด็กทุกคนกับสิ่งที่กำลังจะบอกต่อไปนี้

“ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วมาดามพอมฟรีย์จะไม่ขึ้นมาพูดกับพวกเธอด้วยตัวเอง...” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มองไปรอบ ๆ เขาสัมผัสถึงความรู้สึกของเด็กทุกคนณ ที่นี้ได้เป็นอย่างดี

“แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรจะให้เธอมาพูดด้วยตัวเองจะดีกว่า”

มาดามพอมฟรีย์ยืนขึ้นมองไปทั่วห้องโถงกลาง

“ฉันมีข่าวจะแจ้งให้ทุกคนทราบ” เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นเสียงคุยพึมพำของเด็กก็ดังขึ้นครู่หนึ่งเหมือนเป็นการบอกต่อระหว่างเด็กที่รู้แล้วว่าพวกเขากำลังจะได้รับรู้เรื่องอะไรกับเด็กที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับหัวข้อในวันนี้

“มัลฟอยแน่” เด็กคนหนึ่งไปกระซิบกับเพื่อน

“หมอนั่น....เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

มาดามพอมฟรีย์กระแอมขึ้น บรรดานักเรียนเงียบลงแล้วหันไปมองเธอทันที

เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอตัดสินใจเสียมารยาทลุกจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องโถงกลาง โชคดีที่เด็กหลายคนรวมทั้งอาจารย์ไม่ได้สนใจเพราะกำลังใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะได้ฟัง

แฮร์รี่และรอนแปลกใจ

“ไปห้องน้ำมั้ง” รอนเดาแล้วหันกลับไปมองด้านหน้าตามเดิม

เฮอร์ไมโอนี่วิ่งสุดชีวิตมาที่ห้องพยาบาล เสียงฝีเท้าของเธอกระทบกับทางเดินหินของโรงเรียนดังระรัวเหมือนเสียงหัวใจของเธอในเวลานี้ เสียงของมาดามพอมฟรีย์ดังไล่หลังเธอมาตามทาง

“คิดว่าหลายคนคงจะแล้วรู้ว่าฉันกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร....”

เฮอร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าขึ้นอีกแต่เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นในเวลานี้ไม่สามารถกลบคำพูดที่เธอจดจำไม่รู้ลืมของเขาได้

ทำไม...ต้องเป็นเจ้าพอตเตอร์คนเดียวงั้นสิ!

วิสลีย์ไม่รู้หรอกน่า

แน่ใจเหรอที่พูดว่า “ไม่” ฉันขี้โมโหนะ

เมื่อถึงห้องพยาบาลเธอก็หอบฮัก เด็กหญิงสูดลมหายใจแล้วใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายดันบานประตูขนาดใหญ่ให้เปิดออก - - เสียงของมาดามพอมฟรีย์จากห้องโถงกลางดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง

“เกี่ยวกับอาการของมิสเตอร์มัลฟอยที่ทุกคนเป็นห่วงอยู่”

เด็กหญิงฝืนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าด้วยขาที่แทบจะไม่มีแรงไปยังเตียงสุดท้าย มัลฟอยยังคงนอนนิ่งเหมือนที่เห็นครั้งแรก ผ้าพันแผลตามตัวของเขาถูกแกะออกไปเกือบหมดแล้ว เว้นไว้แต่ที่ศีรษะที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่อาการหนักที่สุด - - แผลภายนอกอาจจะหาย แต่มันจะมีประโยชน์อะไร...ถ้าเขาไม่รู้สึกตัว

เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ - - หัวใจของเธอเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่เสียงขอมาดามพอมฟรีย์ยังคงดังอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา

“ตั้งแต่ตอนแรกอาการของเขาก็เข้าขั้นสาหัส แทบจะไม่หายใจ กระดูกหักหลายที่และมีบาดแผล”

อย่าพูดอีกเลย! - - เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแล้วใช้หลังมือข้างหนึ่งของตัวเองเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากออกมาแต่เธอก็ห้ามความจริงไม่ได้...ความจริงที่มาดาพอมฟรีย์กำลังพูดถึงคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้

“การที่เขาไม่ฟื้นตลอดห้าวันก็คงจะทำให้ทุกคนเข้าใจกันดีว่าความหวังที่จะให้เขาหายเป็นปกติมันน้อยเต็มที…ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าอยากจะบอกอาการของเขากับทุกคนมานานแล้ว”

เด็กหญิงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วสะอึกสะอื้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา

“อย่างน้อยเพียงแค่มิสเตอร์มัลฟอยจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น - - ฉันภาวนาอย่างนั้น”

นาทีนั้นเอง.....เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนดึงมือเธอไว้ เด็กหญิงหันไปก็เห็นเปลือกตาปิดสนิทของมัลฟอยค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ ตาสีซีดของอีกฝ่ายมองมาที่เธอพร้อมกับมือของเขาบีบที่มือเธอเบา ๆ

“กระทั่งเมื่อคืนเขาถึงได้ฟื้นขึ้นมา...”

เฮอร์ไมโอนี่มองเขาตอบทั้งที่น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว...

เดรโก มัลฟอยยิ้มบาง ๆ พร้อมกับมือแข็งแรงของเขาดึงเธอให้โน้มตัวลงมาหา เด็กหญิงยิ้มกว้างและเริ่มร้องไห้ - - เป็นการร้องไห้ด้วยความสุขเป็นครั้งแรก เธอก้มลงไปหาเขาให้ริมฝีปากสีชมพูแตะกับเรียวปากซีดเซียวที่เริ่มมีสีเลือดของเขาอย่างแผ่วเบา

มัลฟอยคล้องแขนไว้รอบตัวเธออย่างอ่อนโยนและเริ่มขยับริมฝีปากเหมือนทุกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียง

แว่วเสียงมาดามพอมฟรีย์ดังขึ้นมาจากห้องโถงกลาง

“ตอนเขาปลอดภัยดีทุกอย่าง ฉันคิดว่าคงจะกลับมาเรียนได้ในไม่ช้า”

เสียงปรบมือกึกก้องดังขึ้นราวกับเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งระลอกใหญ่.....นอกหน้าต่างของห้องพยาบาลคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายซึ่งกำลังส่องแสงสว่างมาที่พวกเขาเหมือนเป็นสิ่งที่คอยเฝ้าดูเรื่องราวของทั้งสองมาตลอด

มัลฟอยกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบาเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ขยับริมฝีปากออก

"เป็นห่วงฉันเหรอ เด็กดี"


ตอนที่ 16

แสงสว่างจากพระจันทร์ดวงกลมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าส่องผ่านหน้าต่างห้องพยาบาลตรงมายังเตียงนอนผ้าลินินสีขาวตัวสุดท้ายที่ตั้งอยู่ภายในห้อง เด็กชายผิวซีดเซียวที่มีผมสีบลอนด์ สวมชุดนอนของห้องพยาบาลนอนอยู่บนนั้นโดยที่ข้างกายมีเด็กหญิงผมสีน้ำตาลพองฟูจับมือเขาไว้แน่น

เป็นภาพที่ไม่มีทางที่ใครจะได้เห็น และ ยิ่งถ้าใครได้รู้ว่าเด็กชายคนนั้นคือ “เดรโก มัลฟอย” ส่วนเด็กหญิงก็คือ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์”....เลือดสีโคลน ที่เขารังเกียจนักหนา....นี่ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

“ฉันฝันร้าย” มัลฟอยพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอเลิกคิ้ว

“ฝันว่าเธอถูกลูกบลัดเจอร์ชน” เด็กชายยกมือขึ้นลูบผมอีกฝ่ายราวกับต้องการจะดูบาดแผล

“คนที่ถูกชนคือเธอต่างหาก” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มก่อนจะเช็ดน้ำตา มีแววร่าเริงอยู่ในน้ำเสียงบ้างแล้ว

“ฮื่อ คงงั้น....เจ็บแทบตาย” มัลฟอยจับแผลแล้วหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เฮอร์ไมโอนี่เดินไปดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือมานั่งข้างเตียงเขา

เสียงกระพือปีกของนกฮูกตัวหนึ่งที่บินมาทางหน้าต่างดังขึ้น ทั้งสองหันไปมองก็เห็นว่ามันคือนกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยที่มาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่งนั่นเอง มันชะงักกลางอากาศก่อนจะเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ตาจ้องเขม็งมาที่ทั้งสอง - - มัลฟอยหัวเราะหึ ๆ

“เห็นผู้หญิงอยู่กับฉัน คงอยากฟ้องพ่อใจจะขาด” เขาผิวปากเรียก มันจึงบินมาหาแล้วทิ้งจดหมายลงบนมือเขาพอดี ก่อนจะไปเกาะอยู่ที่หัวเตียงข้าง ๆ แต่ตายังคงจ้องมาที่เฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยแกะจดหมายฉบับนั้นออกอ่านแล้วถอนใจพรืด...จดหมายจากพ่ออย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆ

“โกรธตามเคย - - หาว่าฉันทำแผนพัง”

“แผน” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย มัลฟอยส่ายศีรษะปฏิเสธที่จะตอบก่อนจะโยนจดหมายฉบับนั้นไปบนโต๊ะว่างเปล่าข้าเตียงอย่างไม่สนใจ

“ช่างเถอะ....เรื่องควิดดิชว่าไงล่ะ ฉันคงแพ้อีกแล้วสิเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งจัด

“ฉันก็มีส่วนผิดนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงอ่อย

“ฉันจะชนะได้อีก ปีนี้ไม่ได้ก็ปีหน้านั่นแหละ - - แต่ขอรางวัลให้ฉันที่ ควรจะ ชนะหน่อยสิ”

มัลฟอยไม่พูดเปล่า เขาดึงเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกว่าตัวลอยจากเก้าอี้มาอยู่ในวงแขนของเขาที่นั่งอยู่บนเตียงสูง

“เธอเจ็บแขนอยู่ไม่ใช่เหรอ!” เด็กหญิงร้อง

มัลฟอยมองแขนขวาของเขาที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่แล้วยักไหล่

“รู้นี่....งั้นก็ให้ความร่วมมือหน่อยสิ” เขาก้มหน้าลงมาหา

เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดเมื่อได้ยินคำต่อรองที่ดูจริงจังเกินเหตุ เธอคล้องแขนไว้รอบคอของเขาแล้วหลับตาลงก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่น ๆ ที่ค่อยแนบลงมากับริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล - - และในครั้งนี้ดูเหมือนมัลฟอยต้องการจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่ผ่านมาของเขาให้เธอได้รับรู้ ทั้งความรู้สึกผิดและความรู้สึกคิดถึงเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮอร์ไมโอนี่โอบแขนไว้รอบคอเขาอย่างสุขใจ

“ฉันขอโทษนะ” มัลฟอยพูดเมื่อผละออกจากเธอแล้ว เด็กหญิงมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้ว

“พ่อฉันไม่เกี่ยวกับเรื่องของเราสักหน่อย ฉันมันงี่เง่าไปเอง”

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วก้มศีรษะลงมาพิงอกของอีกฝ่าย

“เธอไม่ได้งี่เง่าหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธด้วย”

มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“นึกว่าจะบอกว่า - - ฉันเกลียดนาย นายมันแย่ที่สุด ซะอีก”

“ก็ตอนนั้น...” เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาแล้วเม้มปาก เลือดเริ่มฉีดขึ้นมาที่แก้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

“ต่อละกัน” มัลฟอยเอนตัวอีกฝ่ายลงบนที่นอน

“เดี๋ยว!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นออกจากวงแขนเขา

“ไม่ต้องใช้แขนฉันก็ทำได้น่า เชื่อมือเถอะ” มัลฟอยพูดเหมือนรู้ดีแล้วดึงปมเนคไทตรงคอของอีกฝ่าย

“ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น - - นี่! ถ้านายไม่ปล่อยได้หักอีกข้างแน่!” เด็กหญิงขัดขวางมือที่พยายามจะเอาเปรียบอยู่เต็มที่ แต่มัลฟอยไม่ได้สนใจคำขู่นั่นเลย

“ไม่เอาน่า....ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้มัวแต่ตาค้างอยู่ คราวนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะอ้างแล้วนะ”

เมื่อแค่พูดไม่ได้ผล....เฮอร์ไมโอนี่จึงกัดกร้วมที่มือเขา มัลฟอยร้องโอ๊ยเสียงดังแล้วปล่อยเธอทันที รอยฟันครบทุกซี่ของเด็กหญิงปรากฏขึ้นที่หลังมือเขา

“เจ็บนะ!” มัลฟอยต่อว่า แล้วกดตัวอีกฝ่ายให้นอนลงได้สำเร็จ

“นายจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนที่นอน เมื่อไหร่จะไว้ใจเขาได้ตลอดแม้จะไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์เสียที

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ”

เสียงมาดามพอมฟรีย์ดังขึ้น - - มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่ชะงักกึก เมื่อหันไปก็เห็นมาดามพอมฟรีย์ยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงจริง ๆ เสียด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เสียงของเธอที่สะท้อนขึ้นมาจากห้องโถงกลาง เธอกำลังยืนจ้องตาค้างมองทั้งสอง เนื่องจากมัวแต่ทะเลาะกันจึงไม่มีใครได้ยินฝีเท้าของเธอที่เดินเข้ามาในห้อง

เฮอร์ไมโอนี่ขยับหลุดจากวงแขนของมัลฟอยทันทีแล้วลุกขึ้นนั่งลูบผมที่เริ่มยุ่งของตัวเอง ถึงจะดีใจที่มาดามพอมฟรีย์มาช่วยไว้ทัน - - แต่พอมาคิดว่าถูกเธอเห็นในสภาพนี้ความดีใจก็หายไปหมด

เด็กหญิงพยายามนึกคำพูดแก้ตัวที่ดีที่สุด



“ขะ...เขา หายดีแล้วค่ะ”

มาดามพอมฟรีย์กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้านิด ๆ

“จ้ะ ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”



**~~:**~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**:~~:**~~**:~~**:

เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศเคร่งเครียดภายในโรงเรียนฮอกวอตส์ดูเหมือนจะคลายลงไปหมดเมื่อทุกคนทราบว่าเดรโก มัลฟอยหายดีจากอาการบาดเจ็บแล้วแต่ต้องพักฟื้นที่ห้องพยาบาลอีกสองสามวัน แครบกับกอยล์จึงได้โอกาสไปเยี่ยมเขาสักทีหลังจากได้แต่มองม่านกั้นมานาน นอกจากนี้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เริ่มลดจำนวนของโทรล์ที่คอยเฝ้ายามอยู่รอบโรงเรียนเพราะพวกมันไม่เคยพบสิ่งผิดปกติใด ๆ และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปมาแทน

แฮกริดเริ่มงานที่จะทำหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันควิดดิชหรือก็คือเมื่อเข้าเดือนธันวาคมด้วยการเข้าไปในป่าต้องห้ามเพื่อเลือกต้นสนขนาดมหึมาที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เช้า โดยมียาช่าคอยช่วยงานเช่นคอยไล่สัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ กับต้นสนที่ถูกเลือกเพื่อไม่ให้โดนต้นไม้ล้มทับเวลาถูกโค่นลง เด็กชายตั้งใจจะกลับไปฉลองคริสต์มาสที่บ้านเพราะโรงเรียนของเขาได้เวลาเปิดเทอมหลังจากที่หน่วยกู้ภัยกำจัดหิมะออกไปได้จนหมดแล้ว



กำหนดการไปฮอกส์มี้ดมาถึงเพื่อให้เด็กนักเรียนที่ไม่กลับบ้านได้ไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาส หลายคนไม่กลับบ้านเพราะต้องการอยู่ฉลองที่โรงเรียนรวมกับเพื่อน แฮร์รี่นั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะอยู่ที่นี่ตลอด ส่วนรอนและเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็อาสาจะอยู่เป็นเพื่อน ทั้งสามคนเดินออกจากหอนอนมาพร้อมกับเด็กกริฟฟินดอร์คนอื่น ๆ ที่จะไปฮอกส์มี้ดกันในวันนี้ทางเดินจึงมีเสียงคุยจ้อกแจ้กอย่างมีความสุข

“หิมะตกแน่ะ” รอนชี้ไปนอกหน้าต่าง หิมะสีขาวสะอาดกำลังโปรยปรายลงมาขณะที่พวกเขาลงมาถึงห้องโถงกลางซึ่งในเวลานี้กำลังวุ่นวายกับการจัดแต่งพอสมควร แต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นต้นคริสต์มาสสีเขียวเข้มที่ยังไม่มีการตกแต่งใด ๆ ตั้งอยู่กลางห้องร่วมกับต้นเล็ก ๆ ต้นอื่นที่จะนำไปวางที่ห้องนั่งเล่นรวมในบ้านต่าง ๆ

ปาราวตี พาติลกับน้องสาวรวมทั้งลาเวนเดอร์ บราวน์กำลังชวนยาช่าที่ช่วยแฮกริดลากต้นสนเข้ามาตั้งที่ห้องโถงกลางคุย (ใกล้ ๆ กันนั้นฟิลช์กำลังไล่จับมิสซิสนอร์ริสที่วิ่งหนีไปทันทีเมื่อเห็นเด็กชาย) แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินไปทักแฮกริด เจ้าตัวดูเหมือนกำลังจะมีความสุขล้นเหลือ

“กรอว์ปชอบวันคริสต์มาส” แฮกริดพูดถึงน้องชายที่หมู่นี้เขาไปเยี่ยมบ่อยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“ฉันว่าจะให้ของขวัญเขาด้วย เป็นกระบองไม้เอาไว้ป้องกันตัว - - ฉันกลัวจริง ๆ ว่าจะมีใครรังแกเขา”

แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่ากรอว์ปคงแยกไม่ออกระหว่างวันธรรม***ับวันคริสต์มาสแน่ ๆ แล้วก็คงไม่มีทางแยกระหว่างคำว่าอาละวาดกับป้องกันตัวได้ แฮร์รี่นึกในใจว่าคงต้องวางแผนโน้มน้าวให้แฮกริดซื้อพัดขนนกให้แทนที่จะเป็นกระบองอย่างที่ตั้งใจ

เฮอร์ไมโอนี่หลบมาคุยกับยาช่าที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง

“ผมได้ยินว่าเขาหายแล้ว” เด็กชายหมาป่าเช็ดเหงื่อแล้วยิ้มให้ เด็กหญิงยิ้มกว้างแทนคำตอบแล้วเอ่ยปากชวนเขา

“เธอจะไปซื้อของขวัญคริสต์มาสกับเราไหมล่ะ”

“กาเบรียลกำลังจะมาฮะ” ยาช่าลูบผมตัวเองแก้เก้อเมื่อบอกออกไป

“จริงเหรอ ฉันอยากชวนเขาไปเที่ยวฮอกส์มี๊ดจัง”

“นั่นผมสัญญาเขาไว้แล้วฮะ ว่าจะพาไป” เด็กชายหมาป่ายิ้มกว้าง

เย็นวันนั้น งานฉลองวันคริสต์มาสถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างดีที่สุด จุดเด่นที่สุดของงานนี้คงไม่พ้นต้นสนสูงใหญ่กลางห้องโถงกลางที่ถูกประดับประดาด้วยลูกแก้วสีต่าง ๆ ดูแพรวพราว ผ้าม่านสีแดงสลับเขียวถูกแขวนตรงหน้าต่างบานเก่าแทนผ้าสีเข้ม แสงนวลจากเตาผิงขนาดใหญ่ที่ถูกเนรมิตขึ้นทำให้ทั้งห้องสว่างไสวดูอบอุ่น เหนือขึ้นไปคือเพดานที่สามารถมองทะลุเห็นท้องฟ้าสีหม่นที่กำลังมีหิมะตกลงมา นอกจากนี้ยังมีการจัดตกแต่งโต๊ะรับประทานอาหารของบ้านต่าง ๆ ด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดและแจกันดอกไม้สีสดใส



กระทั่งระฆังตีบอกเวลารับประทานอาหารเย็นดังขึ้น นักเรียนต่างทยอยเข้าสู้ห้องโถงกลางพร้อมกับคุยกันเสียงดังจ้อกแจ้ก และมีบ้างที่ฮัมเพลงเมอร์รี่คริสต์มาสอย่างมีความสุข บางคนสวมเสื้อคลุมที่ดูอ้วนกว่าปกติเพราะซ่อนกล่องของขวัญที่จะมอบให้กันไว้หลังจากไปเลือกซื้อจากฮอกส์มี๊ดมา และคืนนี้พวกเขาอาจจะต้องใช้บริการของเอลฟ์ถ้าต้องการจะมอบให้กับเด็กบ้านอื่น

ที่ห้องพยาบาล มาดามพอมฟรีย์แกะผ้าพันรอบศีรษะของมัลฟอยออกช้า ๆ ก่อนจะตรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ โชคดีที่แผลนั้นหายสนิทจะเหลือก็แต่เพียงรอยแดงเท่านั้น

“ฉันคิดว่าเธอคงอยากไปงานฉลองเย็นนี้” เธอพูดพลางยิ้มแล้วหันกลับไปวางผ้าพันแผลไว้บนรถเข็น

“ผมขอยืมปากกากับกระดาษหน่อยได้ไหม” มัลฟอยลุกจากที่นอนแล้วหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่ขึ้นมาสวม

“อยู่บนโต๊ะจ้ะ ตามสบายเลย ฉันต้องรีบหน่อยแล้ว” มาดามพอมฟรีย์ผละไปหยิบของที่เตรียมไว้แล้ว ก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลเพื่อไปงานเลี้ยงที่ห้องโถงกลางทันที

มัลฟอยเดินไปยังโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย เขาเดินพลางผิวปากเรียกนกฮูกของตัวเองที่เกาะอยู่ที่โต๊ะให้บินตามมาแล้วหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียนโน้ตสั้น ๆ ลงไปบนกระดาษ

“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์…อย่าให้ใครจับได้” มัลฟอยบอกชื่อผู้รับและกำชับมันขณะผูกจดหมายเข้าที่ขาของนกฮูก มันกระพือปีกเล็กน้อยเหมือนรับคำก่อนจะบินออกไป มัลฟอยมองกระทั่งเห็นนกของตัวเองบินจากหน้าต่างห้องพยาบาล ผ่านยอดของปราสาทไป - - เด็กชายผมบลอนด์ยิ้มมุมปากแล้วเดินออกจากห้องพยาบาล

ที่ห้องโถงกลางกำลังอยู่ในระหว่างมื้ออาหารของงานเลี้ยงจึงไม่มีใครสังเกตเห็นนกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยบินมาเกาะตรงหน้าต่างสูง ๆ ที่อยู่เกือบจดเพดาน คำพูดของเจ้านายที่บอกมานั้นทำให้มันต้องรอเวลาที่ใครต่อใครหันไปสนใจกับอาหารจนหมด และต้องกะระยะให้ตรงกับเก้าอี้ของเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่โดยที่ตัวมันไม่ต้องร่อนลงไปถึงโต๊ะ

เมื่อสบโอกาสมันก็รีบบินโฉบไปเหนือโต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ กัดสายผูกจดหมายให้ร่วงลงไปตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่ได้อย่างพอดีก่อนที่มันจะรีบบินหนีไปโดยที่ไม่ทันให้ใครสังเกตเห็น แฮร์รี่และรอนที่กำลังกินไก่งวงกับมันฝรั่งตกใจเล็กน้อย พวกเขาเงยหน้าขึ้นทันทีแต่ที่เห็นก็เป็นเพียงเงาแวบ ๆ ของนกฮูกเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่หยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาแกะอ่าน

“เกรนเจอร์

มาหาฉันที่หน้าหอสลิธีริน รูปอัศวินเกราะสีดำตอนนี้เลยนะ

มัลฟอย”

โน๊ตที่ได้รับมีใจความเพียงเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่วางช้อนส้อมแล้วลุกจากเก้าอี้ รอนร้องถาม

“จะไปไหนล่ะ”

“กลับหอแป๊บเดียว” เด็กหญิงบอกแล้วเดินออกไป - - ในใจนึกตำหนิตัวเองที่รู้สึกว่าจะโกหกได้เก่งขึ้นแน่ ๆ เพราะรอนพยักหน้าเชื่อตามที่พูดก่อนจะรับประทานอาหารต่อ

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามระเบียงโล่ง ๆ โดยที่สายตาก็มองหารูปอัศวินเกราะสีดำที่มัลฟอยพูดถึง โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือจากภาพอื่น ๆ ที่ช่วยบอกทางให้ ในที่สุดเด็กหญิงก็มาหยุดที่รูปอัศวินเกราะสีดำ (รูปเดิมเป็นรูปหญิงพอกหน้าหนาซึ่งตอนนี้เธอถูกย้ายให้ไปอยู่ที่อื่นหลังจากพูดจาไม่ดีกับเด็กหลายคน) เธอหันซ้ายขวาหาคนที่นัด ไม่ทันไรภาพอัศวินก็เลื่อนออกดังครืด คนที่อยู่ด้านหลังรูปภาพยืนรอเธออยู่

“มัล...” เฮอร์ไมโอนี่พูดยังไม่ทันจบ มัลฟอยก็ดึงตัวเธอลอยผ่านรูปอัศวินเกราะสีดำเข้ามาในห้อง พริบตาเดียวรูปภาพก็ปิดทางเข้าออกดังฉับ

“ฉันเข้ามาในนี้ไม่ได้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นออกจากวงแขนอีกฝ่ายแล้วมองไปรอบ ๆ เธออยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธีรินที่มีเพียงแสงนวลตาจากเทียนหลายสิบเล่มที่ตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยเพราะทุกคนกำลังรับประทานอาหารเย็นที่ห้องโถงกลาง ต้นคริสต์มาสขนาดเล็กที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับและลูกแก้วสีต่าง ๆ ตั้งอยู่ด้านหน้าเตาผิงล้อมรอบด้วยโซฟาสีเขียวขนาดใหญ่กำลังสะท้อนแสงจากเตาผิงที่ลุกโชนด้านหลังดูระยิบระยับสวยงาม

“แล้วกะใจเธอจะฉลองคริสต์มาสคราวนี้โดยที่ไม่มีฉันรึไง” มัลฟอยพูดเสียงขุ่นก่อนจะเอียงศีรษะไปทางด้านหลัง

“มีคนอยากเจอ”

เอลฟ์ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเดินออกมาจากเงาของเขาอย่างประหม่า เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความดีใจ

“ทูดา!” เธอตรงไปจับมือกับมันทันที

“เป็นนายน้อยเรียกทูดามา ทูดาอยากให้ของขวัญคุณ” มันพูดเสียงสั่นด้วยความดีใจเช่นกันก่อนจะหยิบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ออกมายื่นให้เฮอร์ไมโอนี่ ข้างในเป็นคุกกี้ชอกโกแลตรูปกลม

“ขอบใจมาก” เด็กหญิงยิ้มกว้าง

“เป็นคุณคืนดีกับนายน้อยแล้วเหรอคะ” เอลฟ์ตัวจ้อยถามอย่างร่าเริง

มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากัน เป็นเขาที่พูดขึ้นก่อน

“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ”

“เป็นทูดาดีใจที่สุด!” มันกระโดดโลดเต้นไปรอบห้อง มัลฟอยหยิบกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีเขียวเข้มเป็นมัน ผูกด้วยริบบิ้นเส้นเล็ก ๆ สีเงินในเสื้อออกมา เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เปิดกล่องออกเธอก็ต้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ ภายในเป็นสิ่งที่เธอเกือบจะลืมไปแล้ว - - ขวดน้ำหอมสีทองที่เธอเคยอยากได้นักหนา

“ฉันหาแทบตาย แต่ตอนซื้อน่ะลำบากที่สุด เจ้าของร้านมองหน้าแล้วมองหน้าอีกเลยนะคงกลัวว่าฉันจะเอาไปใช้เอง”

“ใช่น้ำหอมแน่นะ” เฮอร์ไมโอนี่แกล้งถามยิ้ม ๆ - - เขายังคงจำได้...เธอเองก็ยังจำได้เช่นกันว่ามัลฟอยเคยมี “ยา” ชนิดหนึ่งที่หน้าตาเหมือนขวดน้ำหอมขวดนี้เปี๊ยบ และสรรพคุณของมันคือทำให้คนที่ได้กลิ่นมึนงงและยอมทุกอย่างถ้าอีกฝ่ายเอ่ยชื่อและพูดว่า “รัก” แม้จะเป็นคำหลอกลวงก็ตาม

“อย่างฉันไม่ต้องใช้ของพวกนั้นหรอก” มัลฟอยตอบหยิ่ง ๆ ตามนิสัยเพราะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“ฮื่อ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มด้วยใบหน้าสีชมพูก่อนจะยกขวดน้ำหอมนั่นขึ้นมาชิดจมูก...กลิ่นที่ยังคงติดในความทรงจำเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง

มัลฟอยยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้น เขาดึงเฮอร์ไมโอนี่มากอดไว้แนบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายโดยที่ตัวเธอเขย่งปลายเท้าขึ้นเอาแขนโอบรอบคอเขาเช่นกัน

ภายนอกหน้าต่าง...หิมะในวันคริสต์มาสกำลังตกลงมากลบทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นโลกให้เป็นสีขาวสะอาด ยอดหลังคาทุกยอดของปราสาทโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์เต็มไปด้วยหิมะ ดูสวยงามนุ่มนวลเหมือนภาพฝัน - - และก็คงเป็นภาพเพียงภาพฝันของใครต่อหลายคนที่คิดว่าเด็กชายพ่อมดเลือดบริสุทธิ์แสนเย่อหยิ่งผู้มีผมสีบลอนด์กับเด็กหญิงแม่มดผมสีน้ำตาลจะหันกลับมาเป็นมิตรต่อกัน

แต่ ณ ที่แห่งนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว...และเมื่อมันเกิดขึ้น พวกเขาสองคนก็ยินดีที่จะต่อสู้เพื่อความรักของพวกเขาจนนาทีสุดท้ายของชีวิต...

The End.