วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

บทสรุปของความรัก ตอนที่ 1-24 The End....

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ
ลิงค์นี้นะค่ะ

บทสรุปของความรัก ตอนที่ 1-24 The End....
fic by..Olelemon

ตอนที่ 1 ณ ตรอกไดแอกอน

“ถึง เฮอร์ไมโอนี่
พรุ่งนี้ 14.00น. ที่หน้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เราจะรอเธอนะ
รอน”
เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายแล้วใส่มันลงในxxxบที่เธอเตรียมเอาไว้แล้ว ใช่วันนี้แล้วซินะที่เธอจะไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอน และพบกับเพื่อนสนิทของเธอทั้ง 2 คน นั่นก็คือ แฮร์รี่ กับ รอน นั่นเอง และหลังจากนั้นเธอก็จะได้ใช้ชีวิต สัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดเทอมที่บ้านโพรงกระต่าย
“พร้อมหรือยัง เฮอร์ไมโอนี่”เสียงของนายเกรนเจอร์ถามขึ้น
“ค่ะ หนูพร้อมแล้ว ไปกันได้แล้วค่ะ”
ตอนนี้เป็นเวลา 11.00น. เท่านั่น แต่เนื่องจากนายและนางเกรนเจอร์มีธุรที่จะต้องทำตอนบ่ายสองพอดี พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องไปส่งเฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่จะถึงเวลาที่เธอนัดกับเพื่อนของเธอไว้ เมื่อรถของนายเกรนเจอร์จอดลงที่หน้าร้านหม้อใหญ่รั่ว เวลา 12.00น.
“ลูกแน่ใจนะจ๊ะ ว่าลูกจะอยู่ซื้อของคนเดียวได้”นางเกรนเจอร์ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“โถ แม่คะ หนูโตแล้ว อายุ 15 แล้วนะค่ะ ไว้ใจได้ค่ะ”
“งั้นก็ตามใจลูกล่ะกัน โชคดีนะจ๊ะ” นางเกรนเจอร์พูดพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวไปหนึ่งที
เฮอร์ไมโอนี่มองรถของนายเกรนเจอร์ที่ขับออกไปจนลับตา แล้วหันหลังเดินเข้าไปในร้าน แน่นอนเธอกำลังจะไปที่ตรอกไดแอกอน
เมื่อเธอเข้ามาที่ตรอกไดแอกอนแล้ว เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่เธอมาเดินอยู่ที่นี่คนเดียว แต่เมื่อเธอได้เดินดูร้านต่างๆที่ตรอกไดแอกอนแล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกสนุกและเพลินไปกับสินค้าแปลกๆที่นำมาวางขาย(ครั้งก่อนๆที่เธอมากับครอบครัว เธอไม่ค่อยได้ดูอะไรมากนักนอกจากของที่เธอจะต้องใช้ในการเรียนเท่านั้น) เฮอร์ไมโอนี่เดินดูของไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็เริ่มรู้สึกตัวว่าสถานที่ที่เธอยืนอยู่นั้นดูไม่คุ้นตาเลย เพราะที่นั้นค่อนข้างเงียบ และไม่ค่อยมีผู้คนมากเท่าไหร่นัก(สรุปคือเธอหลงทางนั้นเอง ฮิฮิ) มันทำให้เธอรู้สึกตกใจมาก เธอรู้สึกว่ายิ่งพยายามเดินหาทางกลับไปที่ตรอกไดแอกอนเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งหลงมากขึ้นเท่านั้น เธอดูที่นาฬิกาข้อมือของเธอ “อะไรกันบ่ายโมงห้าสิบแล้วหรอ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” เธอมองไปรอบๆราวกับว่าเธอหวังว่าจะได้พบใครที่จะช่วยให้เธอกลับไปที่ตรอกไดแอกอนได้ แต่ความจริงรอบๆนั้นไม่มีใครเลยซักคน เธอกำลังยืนอยู่ที่ตรอกแคบๆ และมืดแห่งหนึ่ง ร้านค้าที่มีก็ดูแทบจะเหมือนร้างไปนานแล้ว ถ้าเธอคิดว่าเธอกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดแล้ว เธอคิดผิด เพราะมีเสียงของใครบางคนที่ฟังดูคุ้นหูมากดังออกมาจากร้าน
“งั้นผมไปที่ตรอกไดแอกอนก่อนนะครับ พ่อ” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ต้นเสียง เด็กผู้ชายผู้ทองคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากร้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ใช่เขาคือ เดรกโด มัลฟอย
ดูเหมือนว่าเด็กชายจะสังเกตุเห็นเธอแล้ว เขามีสีหน้าตกใจไปวูบหนึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เย้ยหยัน แล้วพูดขึ้นว่า “เธอมาทำอะไรที่นี่ ยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ อ้อ หลงทางล่ะซิ” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกธรมาก ใช่เธอรู้ว่าเธอหลงทาง แต่มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรที่เธอจะต้องมาฟังมัลฟอยพูดเย้ยหยันเธอแบบนี้ “ฉันมาทำอะไรที่นี้มันก็เป็นเรื่องของฉัน และมันไม่เกี่ยวกับนาย” มัลฟอยก็รู้สึกโกรธเช่นกัน และเขากำลังเดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่จะหนีแต่ไม่ทันแล้ว เพราะมัลฟอยจับข้อมือของเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่จะใช้มือขวาบีบที่คอของเฮอร์ไมโอนี่ เขาก้มหน้าลงมาจนใกล้กับหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วพูดอย่างเหียมเกรียมว่า “พูดให้มันดีๆหน่อย เกรนเจอร์ แล้วก็ระวังคำพูดของเธอไว้บ้าง ยัยเลือดสีโคลน” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกกลัวมาก แต่ก็ยังไม่วายสวนกลับว่า “ฉันจะพูดดีกับคนที่ฉันควรจะดีด้วยเท่านั้น” มัลฟอยออกแรงบีบที่คอของเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น จนเธอรู้สึกเจ็บ “ทำไมต้องพูดดีกับเจ้าพอตเตอร์ เท่านั้นหรือไง”มัลฟอยพูดพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาและดูถูกเหยียดหยาม เฮอร์ไมโอนี่จะเถียงแต่เธอก็พูดไม่ออกเพราะมัลฟอยบีบคอเธออยู่ ทันใดนั้นมัลฟอยก็ปล่อยมือที่บีบคอเฮอร์ไมโอนี่ออก แต่ยังคงกำมือข้างที่จับข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้พร้อมทั้งออกแรงฉุดเธอให้เดินตามเขามา เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรน แต่มัลฟอยก็ยังคงลากเธอให้เดินตามมา ซักพักหนึ่งเขาก็ผลักเธอจนล้มลงไปกองกับพื้น(รุนแรงจัง) แล้วเดินจากไป เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยสายตาที่โกธรแค้น แล้วเธอก็รู้สึกตัวว่าตอนนี้รอบตัวเธอมีคนเดินผ่านไปมามากมาย เมื่อเธอหันไปทางซ้ายเธอก็พบ ตึกหลังใหญ่สวยงาม สีขาวสะอาดตา แน่นอนมันคือ ธนาคารกริงกอตส์ แสดงว่าตอนนี้เธอกลับมาอยู่ที่ตรอกไดแอกอนแล้ว เธอคิดอย่างดีใจ พร้อมทั้งหันไปมองทางที่มัลฟอยพึ่งเดินจากไป ตอนนี้เธอไม่เห็นเขาแล้ว เธอรู้สึกเจ็บบริเวณคอที่ถูกมัลฟอยบีบ และมองดูแขนที่เป็นรอยแดงที่เกิดขึ้นตอนที่เขาลากเธอมา เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะโกธรเขา หรือรู้สึกขอบคุณเขากันแน่ที่อย่างน้อยเขาก็ช่วยพาเธอกลับมาที่ตรอกไดแอกอน เฮอร์ไมโอนี่มองดูนาฬิกาอีกครั้ง “โอ๊ยบ่ายสองยี่สิบแล้ว สายแล้ว” เธอรีบออกวิ่งเพื่อที่จะตรงไปที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกทันที

เมื่อเธอมาถึงหน้าร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เธอเห็นเด็กชายสองคนกำลังยืนรอเธออยู่
“มาสายไปครึ่งชั่วโมงนะเฮอร์ไมโอนี่” เด็กชายผมแดงพูดขึ้นพร้อมกับยกข้อมือของเขาขึ้นเพื่อมองดูนาฬิกา
“ไม่เอาน่ารอน” เด็กชายผมดำพูดขึ้นบ้าง “หวัดดีเฮอร์ไมโอนี่” เธอพยายามจะทักกลับแต่ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกเนื่องจากเธอรู้สึกจุกเสียดที่ท้อง เนื่องจากการออกแรงวิ่ง เด็กชายทั้งสองรู้สึกขำกับท่าทางของเธอ แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของรอน
“อ้าว เฮอร์ไมโอนี่มาแล้วหรือจ๊ะ” นางวีสลีย์ กล่าวขึ้น เธอเดินมาพร้อมกับจินนี่ “พอดีฉันกำลังจะไปซื้อของให้รอน แฮร์รี่แล้วก็จินนี่พอดี หนูจะฝากให้ฉันซื้อของให้เลยก็ได้นะจ๊ะ”นางวีสลีย์พูดขึ้นอย่างใจดี
“ขอบคุณมากค่ะ คุณนายวีสลีย์ คุณใจดีมากค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับยื่นถุงเงินและจดหมายจากฮอกวอตส์ให้กับนางวีสลีย์
“อีกประมาณชั่วโมงครึ่งกลับมาเจอกันที่นี่นะ เราจะได้กลับบ้านกัน”
“ครับ/ค่ะ” เด็กทั้ง 3 ตอบพร้อมกัน
เมื่อนางวีสลีย์เดินจากไปพร้อมกับจินนี่ลูกสาวของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็หันกลับไปหารอน และแฮร์รี่ และตอนนี้เองที่เธอรู้สึกว่าเพื่อนของเธอทั้งสองคนมีอะไรที่ดูแปลกๆไป แต่เธอก็นึกไม่ออกว่า มันคืออะไร
ทั้ง 3 เดินดูของที่ตรอกไดแอกอนกันซักพัก เฮอร์ไมโอนี่ก็หยุดเดินปล่อยให้ รอนและแฮร์รี่เดินต่อไปอีกประมาณ 3-4 ก้าว เธอมองพวกเขาอย่างพิจารณาแล้วก็ร้องขึ้นมาว่า “ฉันรู้แล้วว่าพวกเธอมีอะไรแปลกไป” ทั้งสองหันมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่งุนงง ก่อนที่รอนจะถามขึ้นว่า “อะไร เธอว่าพวกเรามีอะไรแปลกไปล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่า”พวกเธอสูงขึ้น” แฮร์รี่หัวเราะ และรอนทำหน้าตาเบื่อหน่ายมาก “แค่เนี่ยนะ ที่เธอบอกว่าเราแปลกไป” “ก็ใช่น่ะซิ ตอนปีหนึ่ง ฉันยังรู้สึกว่าพวกเรายังสูงพอๆกันอยู่เลย” “ใจคอเธอจะให้พวกเราสูงเท่ากับเด็กอายุ 11 ตลอดชีวิตหรือไงหา” รอนพูดขึ้นและทำสีหน้าเหมือนกับว่าสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูดนั้นไร้สาระพอๆกับเรื่องก้นหม้อใหญ่รั่วของเพอร์ซี่ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกไม่พอใจรอนขึ้นมา และดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะสังเกตุเห็นจึงจัดการยุติปัญหานี้ก่อนที่มันจะกลายเป็นสงครามย่อยๆขึ้น ด้วยการบอกว่า “ไม่เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ ฉันว่าเธอก็สูงขึ้นนะ” “แต่มันก็ไม่เท่าพวกเธอนี่น่า”เฮอร์ไมโอนี่เถียง “โถ เฮอร์ไมโอนี่ เธอก็รู้นี่น่าว่ามันเป็นธรรมชาติ ถ้าอายุเท่ากันผู้ชายน่ะควรจะสูงกว่าผู้หญิง”แฮร์รี่พูดต่อ แล้วดูเหมือนว่าประโยคนี้จะเป็นการปิดประเด็นเรื่องนี้ไปโดยปริยาย หลังจากนั้นทั้งสามก็เดินดูของต่อไป แต่เฮอร์ไมโอนี่กับคิดว่า ‘ใช่ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วยล่ะที่พวกเขาสูงขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น’เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจตัวเอง แต่แล้วอยู่ๆเธอก็พาลไปคิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา ใช่มัลฟอยนั่นเอง ตอนที่เจอกันเฮอร์ไมโอนี่กำลังรู้สึกกลัวและตกใจ จนไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อมาย้อนนึกดูแล้ว เธอก็รู้สึกว่า มัลฟอยเองก็ตัวสูงขึ้น และดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเหมือนกัน เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็รู้สึกว่า เธอตัวร้อนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “เฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าแดงเชียว มีไข้หรือเปล่า”แฮร์รี่ถามขึ้น “เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก”เธอรีบตอบ พร้อมกับสลัดความคิดไร้สาระทั้งหมดออกจากหัว แล้วเธอกับสนุกสนานกับการเดินดูของที่ตรอกไดแอกอนต่อไป


ตอนที่ 2 บ้านโพรงกระต่าย

ณ บ้านโพรงกระต่าย หลังจากที่ทุกคนจัดของกันเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมานั่งรับประทานอาหารกันที่ห้องอาหาร ที่ตอนนี้ดูจะเล็กลงไปถนัดตาทีเดียว เมื่อมีคน 9 คน นั่งอยู่ในนี้
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ ที่หนูได้เป็นพรีเฟ็ค ของโรงเรียน”นางวีสลีย์พูดขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่งง กำลังจะถามว่า รู้ได้ยังไงค่ะ นางวีสลีย์ก็ตอบขึ้นมาก่อนว่า
”ฉันรู้เพราะสิ่งนี้มันแนบมากับจดหมายของโรงเรียนที่หนูส่งให้ฉันไงล่ะ”นางวีสลีย์พูดพร้อมกับส่งเข็มกลัดพรีเฟ็คให้เฮอร์ไมโอนี่
“เธอได้เป็นพรีเฟ็คด้วยเหรอ ฉันไม่แปลกใจเลยนะเนี่ย แต่สำหรับแฮร์รี่นี่ฉันแปลกใจมากเลยล่ะ”รอนพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะแล้วก็หันไปมองที่แฮร์รี่
“เธอก็เป็นพรีเฟ็คเหมือนกันเหรอแฮร์รี่ ฉันดีใจมากเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด ซึ่งตอนนี้แฮร์รี่ทำหน้าแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ แล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันไม่แปลกใจหรอกนะที่เธอ ได้เป็นพรีเฟ็ค แต่สำหรับฉันเนี่ย ยังแปลกใจอยู่เลย ว่าทางโรงเรียนคิดยังไงถึงให้ฉันเป็นพรีเฟ็คเนี่ย งงจริงๆ” หลังจากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารของตนเองต่อไป อาจมีการแซวเรื่องที่แฮร์รี่ได้เป็นพรีเฟ็คบ้างเล็กน้อย ให้พอสนุกสนาน

6.30น. เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแล้ว เธอไปอาบน้ำแต่งตัว พอประมาณ 7.00น.เธอก็ลงไปที่ห้องครัว
“มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น
“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ ฉันเตรียมอาหารจะเสร็จแล้ว”นางวีสลีย์ตอบ “ถ้าจะช่วยก็ช่วยไปตาม รอน กับแฮร์รี่ลงมาทานอาหารเช้าดีกว่า”
“ค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงใส
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องของรอน เธอเห็นเด็กชายทั้งสองยังหลับอยู่ เธอจึงเดินไปเปิดม่านที่หน้าต่างเพื่อให้แสงแดดเข้ามาในห้อง พร้อมกับตะโกนว่า “เช้าแล้ว ตื่นได้แล้ว” รอนงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า
“ขออีก 5 นาทีล่ะกัน”
“ไม่ได้นะพวกเธอทั้งสองคนต้องตื่นเดี๋ยวนี้ อาหารเช้าเสร็จแล้วนะ”เธอพูดพร้อมกับเดินไปดึงผ้าห่มออกจากตัวเพื่อนทั้งสอง “เออ ตื่นแล้ว ตื่นก็ตื่น”ทั้งสองพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง เมื่อเห็นดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดว่า “ดีมาก” พร้อมทั้งเดินไปที่ประตู แต่เธอก็สะดุดกองหนังสือที่วางไว้ที่พื้น แล้วเซถอยหลังจนเกือบจะล้ม ดีว่ารอนที่ยืนอยู่ข้างหลัง รับตัวเธอไว้ได้ก่อน “ขอบใจมาก” เธอกล่าวพร้อมกับเดินก้มหน้าออกไป เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ปิดประตูลงเธอก็นั่งลงที่บันได พร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอรู้สึกว่าเพื่อนของเธอโตขึ้น แข็งแรงขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มันที่ให้เธอรู้สึกหดหู่ รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังคนเดียว ‘นี่เราเป็นอะไรไปนะ’เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้ เธอกำลังคิด คิด และคิด ไปเรื่อยๆ
“เฮอร์ไมโอนี่ ๆ”รอนกับแฮร์รี่กำลังเรียกชื่อเธอ
“อะไรหรอก เรียกฉันทำไม”เธอตอบเสียงงัวเงีย
“เฮอร์ไมโอนี่เธอ พึ่งมาปลุกเราให้ตื่น แล้วเธอก็มานั่งหลับอยู่ที่บันไดเนี่ยนะ แถมต้องให้ปลุกตั้งนานกว่าจะตื่น”รอนพูดขึ้นด้วยเสียงที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
เธอรู้สึกอายมาก ‘อะไรกันนี่เรามานั่งหลับที่บันไดเนี่ยนะ น่าอายจริง’
“ก็เป็น...เป็นเพราะพวกเธอแต่งตัวกันช้านะซิ ฉันรอนานก็เลยเผลอหลับไป”เฮอร์ไมโอนี่พยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แล้วรีบเดินลงบันไดไป โดยไม่หันมามองคนทั้งสองอีกเลย

เมื่อมาถึงห้องอาหารทุกคนรออยู่ที่นั้นกันครบหมดแล้ว
“ทำไมไปนานจัง เฮอร์ไมโอนี่”นางวีสลีย์ถามขึ้น เธอไม่ตอบแต่เดินมานั่งที่เก้าอี้ทันที เพราะเธอรู้ว่าอีกไม่กี่วิ ทุกคนก็จะได้รู้แล้วว่าทำไม และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อ รอนตอบขึ้นว่า
“เพราะเราต้องให้คนๆหนึ่งมาปลุก พร้อมกับที่เราต้องไปปลุกคนๆนั้นอีกรอบ ก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย” ตอนนี้ทุกคนมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างขำๆ แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะออกมา(ดูเหมือนว่าทุกคนจะยังคงมีมารยาททางสังคมกันอยู่) และเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปไวเหมือนเล่นกล


ตอนที่ 3 สถานีรถไฟ

ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่สถานีรถไฟแล้ว หลังจากล่ำลานายและนางวีสลีย์แล้ว แฮร์รี่เดินไปหาที่นั่งพร้อมกับเดินกลับมาบอกว่า”มีที่นั่งว่างอยู่ที่ตู้เกือบสุดท้ายนะ ไปกันเถอะ”
“อ้าว แล้วพวกนายไม่ต้องไปนั่งที่ตู้ของพรีเฟ็คเหรอ”รอนถาม
“เขาจัดตู้รถไฟไว้ให้พรีเฟ็คก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าพรีเฟ็คจะต้องไปนั่งที่นั้นนี่ เราจะต้องไปที่ตู้นั้นตอนบ่ายหนึ่งตามกำหนดการที่ทางโรงเรียนเขียนมาบอกเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“ก็ดี ถ้าพวกนายไปนั่งที่ตู้พรีเฟ็ค ฉันคงต้องนั่งคนเดียว เหงาแย่เลย”รอนพูด
ตอนนี้ทั้งสามเดินที่ถึงตู้รถไฟที่ว่างแล้ว แฮร์รี่กับรอนกำลังยกxxxบของพวกเขาขึ้นไปบนรถไฟอย่างง่ายดาย ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยกxxxบของตัวเองแทบไม่ขึ้น เนื่องจากมันเต็มไปด้วยหนังสือซึ่งอาจจะมีมากกว่าหนังสือของรอนกับแฮร์รี่รวมกันซะด้วยซ้ำ ขณะที่เธอกำลังพยายามยกxxxบอยู่นั้น เธอก็รู้สึกเหมือนว่าxxxบมันลอยขึ้นมาได้เอง ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้(ยังไม่ถึงโรงเรียน เพราะฉะนั้นยังใช้เวทมนตร์ไม่ได้นะจ๊ะ) แต่ที่มันลอยขึ้นมานั้นเป็นเพราะรอนกำลังยกมันอยู่ต่างหาก “เดี๋ยวฉันจัดการให้เองล่ะกัน”รอนพูด แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“แหม ดีจังเลยนะมีแฟนทีเดียวตั้งสองคน จะทำอะไรก็มีคนคอยบริการให้ถึงที่”แพนซี่ พาร์คินสันนั้นเอง เธอเดินมาพร้อมมัลฟอย ทั้ง 3 หันไปมองคนทั้งสองและก็เห็นเข็มกลัดพรีเฟ็คติดอยู่ที่หน้าอกของทั้งคู่ด้วย และแน่นอนว่าคนทั้งคู่ก็ต้องเห็นเข็มกลัดพรีเฟ็คที่ติดอยู่ที่หน้าอกของแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยเช่นกัน
“พวกเธอได้เป็นพรีเฟ็คด้วยเหรอ กริฟฟินดอร์เลือกพรีเพ็คกันยังไงล่ะ เลือกพวกไร้ค่าอย่างเลือดสีโคลน พวกไร้ศักดิ์ศรีอย่างวีสลีย์ (แพนซี่หมายถึง บิล กับเพอร์ซี่นะ เพราะรอนไม่ได้เป็นพรีเฟ็ค)แล้วก็พวกไร้พ่อแม่เป็นลูกกำพร้าอย่างพอตเตอร์ อย่างนั้นนะเหรอ”แพนซี่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถากถางเต็มที่ ตอนนี้รอนกับแฮร์รี่กำมือแน่นด้วยความโกรธ (พวกเขาไม่กล้าลงมือเพราะอย่างน้อยแพนซี่ก็เป็นผู้หญิง) มีแต่เฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่พูดอย่างใจเย็นว่า “แล้วสลิธีรินล่ะ เลือกพรีเฟ็คกันยังไง ถ้าเลือกคนที่ดีที่สุดมาเป็นพรีเฟ็คล่ะก็ มันก็คงจะบ่งบอกได้เลยว่า สลิธีรินมีแต่พวกปัญญาอ่อน ไร้ความสามารถกันทั้งบ้าน”
“แก แกกล้าว่าฉันอย่างนั้นเหรอ นังเลือดสีโคลน” แพนซี่เงื้อมือขึ้นจะตบเฮอร์ไมโอนี่ และเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องแปลกใจเพราะเพียงชั่วพริบตาเดียวดูเหมือนว่าแฮร์รี่กับรอนจะมายืนหน้าเธอเพื่อคอยปกป้องเธอไว้แล้ว แต่ถึงพวกเขาไม่ทำอย่างนั้นแพนซี่ก็ทำร้ายเธอไม่ได้หรอก เพราะทันทีที่แพนซี่เงื้อมือขึ้น มัลฟอยก็ตรงเข้ามาจับมือของแพนซี่ไว้และลากเธอออกไป
“ไปซะได้ก็ดี เห็นหน้าหมอนั่นแล้วอยากจะต่อยซะให้ตาเขียวไปเลย”รอนพูด
“ไม่เอาน่า รถไฟจะออกแล้ว รีบขึ้นรถไฟเถอะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่กำลังพยายามดันหลังคนทั้งคู่ให้ขึ้นไปบนรถไฟ ‘เมื้อกี้มัลฟอยทำไปเพื่อ ปกป้องเราหรือเปล่านะ หรือเขาทำเพราะไม่อยากจะให้มีเรื่องกันก่อนที่จะไปถึงโรงเรียน’ แต่เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถไฟแล้วพวกเขาก็คุยกันอย่างสนุกสนานจนลืมเรื่องเกี่ยวกับมัลฟอยและแพนซี่ (ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระและไม่น่าเป็นที่จนจำ)ไปจนหมดสิ้น

เมื่อถึงเวลาอีก10นาทีจะบ่ายโมง แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะไปที่ตู้พรีเพ็คตามเวลาที่ทางโรงเรียนบอกมา ในตู้ของพรีเฟ็คมีโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางหนึ่งตัว และโซฟายาว 2ตัวที่ติดกับผนัง (โซฟา2ตัวหันหน้าเข้าหากันนะ คิดภาพออกไหมเนี่ย) เมื่อแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามา พวกเขาก็เห็นคนอยู่ในนั้นแล้ว6คน เป็นคน 3 คนที่แฮร์รี่ไม่รู้จัก และอีก 2 คนที่แฮร์รี่รู้จัก แต่ไม่ค่อยอยากรู้จัก และอีก 1 คนที่แฮร์รี่อยากจะรู้จักมาก(รู้ใช่ม่ะว่าใคร) เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่โซฟาทางซ้ายที่มีคนนั่งเต็มแล้ว4คน และโซฟาทางขวาที่มีแพนซี่ พาร์คินสัน นั่งอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งและถัดมาก็คือ เดรกโก มัลฟอยนั่นเอง ทันทีที่แฮร์รี่ปิดประตูลงเสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ดังขึ้นว่า”พรีเฟ็คของทุกบ้านก็มากันครบหมดแล้วซินะ ขอให้ทุกคนนั่งลงที่โซฟาด้วย”(มีแต่เสียงนะ ไม่มีตัวศาสตราจารย์ ประมาณว่าเป็นเวทมนตร์อย่างหนึ่งก็แล้วกัน) แฮร์รี่ยังคงยืนอยู่กับที่ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมไปนั่งติดกับมัลฟอยแน่ๆ เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจไปนั่งข้างๆมัลฟอยแทนเพื่อให้แฮร์รี่นั่งอีกข้างของเธอ เสียงของศาสาตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้นอีกครั้ง”เอาล่ะต่อไปพวกเธอก็ต้องแนะนำตัวเองกันก่อน” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับแพนซี่ พาร์คินสัน ลุกขึ้น แนะนำตัวเอง
“ฉัน อันแดร์สัน, เฮเลน อันแดร์สัน ปี 6 บ้าน ฮัฟเฟิลพัฟ” ผู้ชายคนที่นั่งข้างๆเธอก็ลุกขึ้น
“ผม ซิลวา, เด็ท ซิลวา ปี 6 บ้านฮัฟเฟิลพัฟ”แล้วก็เรียงมาเรื่อยๆ
“ฉัน แชง, โช แชง ปี 6 บ้านเรเวนคลอ” (รู้ยังว่าใครคือคนที่แฮร์รี่อยากรู้จักมาก)
“ผม คาร์ลอส, โรเจอร์ คาร์ลอส ปี 6 บ้านเรเวนคลอ”
“ฉัน พาร์คินสัน, แพนซี่ พาร์คินสัน ปี 5 บ้านสริธีริน”
“ผม มัลฟอย, เดรกโก มัลฟอย ปี 5 บ้านสริธีริน”
“ฉัน เกรนเจอร์, เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ปี 5 บ้านกริฟฟินดอร์”
“ผม พอตเตอร์, แฮร์รี่ พอตเตอร์ ปี 5 บ้านกริฟฟินดอร์”เมื่อทุกคนแนะนำตัวกันครบหมดแล้วเสียงของศาสาตราจารย์มักกอนนากัลก็ดังขึ้นมาอีก”ตอนนี้พวกเธอแนะนำตัวกันครบแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอคงจะทำความรู้จักกันเองให้มากกว่านี้ด้วยเพราะอีกหน่อยพวกเธอจะต้องทำงานร่วมกันอีกมาก และเมื่อพวกเธอมาถึงโรงเรียนแล้ว ขณะที่นักเรียนคนอื่นไปที่ห้องโถงใหญ่พวกเธอจะต้องอยู่รอพบฉันก่อนที่หน้าห้องโถงเพื่อรับรหัสผ่านของแต่ละบ้าน เอาล่ะตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว เธอจะนั่งอยู่ที่นี่ต่อหรือจะไปนั่งที่ตู้อื่นก็ได้” เมื่อสิ้นเสียงของศาสตราจารย์ เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ก็ลุกขึ้นทันที เพราะพวกเขาไม่อยากนั่งติดกับมัลฟอยนานนัก แต่เฮอร์ไมโอนี่ลุกเร็วไปหน่อยก็เลยเสียหลักเซไปด้านหลัง ซึ่งมัลฟอยเองก็ไวพอที่จะรับเฮอร์ไมโอนี่ไว้ได้ก่อนที่จะล้มลง เฮอรไมโอนี่รู้สึกได้ถึงแขนแข็งเรงที่รับเธอเอาไว้ “กริ๊ดดดด นี่ยัยเลือดสีโคลนเธอทำอะไรเดรกโกของฉันยะ”แพนซี่พูดพร้อมกับผลักเฮอร์ไมโอนี่ออกจากอ้อมแขนของมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ที่เซไปตามแรงผลักของแพนซี่ บังเอิญไปซบเข้าที่อกของแฮร์รี่พอดี (แหมบังเอิญจริงนะ) พอเฮอร์ไมโอนี่ตั้งสติได้ เธอจะหันมาต่อว่าแพนซี่ แต่เธอก็ต้องชะงัก และสะดุ้งกับสายตาสีเทาที่แสนจะเย็นชาของมัลฟอยที่มองมาที่เธอ แล้วเขาก็เดินผ่านตัวเธอออกไปที่ประตูโดยมีแพนซี่ วิ่งตามไปด้วย(เกาะมัลฟอยติดจริงๆ ยัยนี่)
หลังจากที่พรีเฟ็คของสลิธีรินออกไปแล้ว พรีเฟ็คของบ้านฮัฟเฟิลพัฟก็ยืนขึ้น “ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ หวังว่าเราคงทำงานร่วมกันได้อย่างดีนะ”เด็ท ซิลวาพูด พร้อมกับเดินไปที่ประตูโดยมีเฮเลนเดินตามไปเช่นกัน ตอนนี้ในห้องก็เหลือแค่พรีเฟ็คของบ้านเรเวนคลอกับบ้านกริฟฟินดอร์เท่านั้น
“สวัสดีจ๊ะ แฮร์รี่ ดีใจที่เราได้ทำงานร่วมกันนะ”โช แชงพูดขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนหวาน
“ครับ ยินดีครับ”แฮร์รี่ตอบในขณะที่ตาก็ยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของโช แชง พร้อมกับคิดว่า เขาโชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นพรีเฟ็ค (มันเป็นส่วนเดียวที่ดีสำหรับการเป็นพรีเฟ็คของแฮร์รี่ ก็คือการที่เขาได้คุยกับโช แชง)
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับ เกรนเจอร์”โรเจอร์พูดขึ้นในขณะที่สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่เช่นกัน
“เรียกฉันว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ค่ะ”เธอพูด
“ครับ เออ.. เฮอร์ไมโอนี่”โรเจอร์พูด แวบหนึ่งเธอรู้สึกว่าเธอเห็นหน้าของโรเจอร์แดงขึ้นผิดปกติ แต่ก็ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
หลังจากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันออกจากตู้ กลับไปยังที่นั่งของตนเอง เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่กลับมาหารอน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่อไปจนในที่สุด รถไฟก็มาถึงโรงเรียนแล้ว (เย้!)


ตอนที่ 4 หน้าที่ของพรีเฟ็ค

“ฉันไปที่ห้องโถงก่อนนะ”รอนพูดขึ้นแล้วเดินจากไป ในขณะที่เฮอรไมโอนี่กับแฮร์รี่ต้องยืนรอศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่หน้าห้องโถงกับพรีเพ็คคนอื่นๆ สักครู่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เดินมา เธอบอกรหัสประจำบ้านให้กับพรีเฟ็คแต่ละคู่(เพราะรหัสบ้านห้ามให้เด็กบ้านอื่นรู้) เมื่อบอกครบทุกบ้านแล้วเธอก็บอกหน้าที่ของพรีเฟ็คให้ทุกคนรู้
“ทุกวันตอน สามทุ่ม พวกเธอจะต้องมาพบฉันที่นี่ หน้าที่ของพวกเธอคือจะต้องเดินตรวจตราในโรงเรียน ทุกวันตั้งแต่เวลา 3ทุ่ม พอถึง5ทุ่มพวกเธอต้องกลับมาพบฉันที่นี่ โดยจะแบ่งให้เดินกันเป็นคู่ เข้าใจนะ เราจะเริ่มกันวันจันทร์หน้า แล้ววันนั้นฉันจะบอกเธอเองว่าใครจะคู่กับใครในวันไหน เอาล่ะไปที่ห้องโถงได้แล้ว จะได้เริ่มการคัดสรรเด็กนักเรียนกันซะที”
การคัดสรรเด็กนักเรียนเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี งานเลี้ยงอาหารก็ยังอร่อยเหมือนเดิม พอรับประทานอาหารเสร็จแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ก็พาพวกนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ไปที่หอนอน
“รหัสผ่านคือ ‘Fabio Cannavaro’(อิอิ ชื่อนักฟุตบอลที่คนแต่งชอบ)”
เมื่อเข้าไปในหอนอนแล้ว ทุกคนก็ง่วงมากจนแทบจะไม่มีการพูดคุยอะไรกันอีก มีแต่เพียงคำกล่าวราตรีสวัสดิ์ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปนอนที่หอของตนเอง Z...z...z......

ตอนเช้าแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน และตรวจดูตารางเรียนของตนเอง
“อะไรกัน พวกเรายังต้องเรียนวิชาปรุงยารวมกับพวกสลิธีรินอีกเหรอเนี่ย”รอนพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งสุดขีด
“แค่นี่ยังดีน่า ฉันเป็นพรีเฟ็คจะต้องไปเดินตรวจโรงเรียน ไม่รู้ว่าจะดวงซวยต้องไปเดินคู่กับมัลฟอยหรือเปล่าก็ไม่รู้”แฮร์รี่พูดพร้อมกับทำหน้ารังเกียจเมื่อนึกถึงคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่
“แต่ฉันว่าเราจะได้เดินคู่กับพรีเฟ็คครบทุกคนเลยล่ะ เพราะเรามีกัน 8 คน ซึ่งถ้าเปลี่ยนคู่วันละคนก็ครบ 7 วันพอดี”เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมให้เหตุผล

แล้วความจริงก็ปรากฎว่ามันเป็นอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจริงซะด้วย เมื่อตอนสามทุ่มวันจันทร์ศาสตราจารย์มักกอนนากัลประกาศรายชื่อ ว่าใครจะต้องเดินตรวจคู่กับใคร ในวันไหนบ้าง
“วันจันทร์ พรีเฟ็คทุกคนจะต้องเดินคู่กับพรีเพ็คของบ้านตนเอง วันอังคารพรีเฟ็คชายบ้านฮัฟเฟิลพัฟคู่กับพรีเฟ็ค......ฯลฯ วันพุธ.........ฯลฯ...............”
วันนั้น(วันจันทร์เพราะฉะนั้นแฮร์รี่คู่เฮอร์จ๊ะ)เมื่อเดินตรวจตราโรงเรียนเสร็จแล้ว แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ก็กลับมาที่หอนอน ซึ่งตอนนี้มีคนเหลือเพียงไม่กี่คน ซึ่งแน่นอนว่ารอนก็ยังคงนั่งอยู่ด้วย
“เป็นไงบ้าง กับหน้าที่พรีเฟ็ควันแรก”รอนถาม
“ก็ดี เหนื่อยดี”แฮร์รี่ตอบ แต่แล้วอยู่ๆ แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียว่า
“ฉันเกลียดวันพุธ ทำไมฉันต้องมาเป็นพรีเฟ็คด้วยนะ”
“เขาเป็นอะไรอ่ะ”รอนหันมาถามเฮอร์ไมโอนี่ เธอหัวเราะน้อยๆก่อนจะตอบว่า
“แฮร์รี่ต้องเดินตรวจโรงเรียนคู่กับมัลฟอยทุกวันพุธน๋ะ”
รอนหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปปลอบแฮร์รี่
”ไม่เอาน่า นายก็ทำเป็นไม่สนใจเจ้าหมอนั่นก็ได้นี่”
“ใช่ หรือไม่เธอก็ลองคิดถึงวันเสาร์ดูซิ มันอาจจะช่วยเธอได้นะ(แฮร์รี่ต้องคู่กับโชแชงวันเสาร์)” และดูเหมือนว่าประโยคนี้จะช่วยแฮร์รี่ได้ดีเลย เพราะเมื่อเขาคิดถึงวันที่เขาจะได้เดินคู่กับโชแชง สองต่อสอง ตั้งสองชั่วโมง มันก็ทำให้เขาลืมเรื่องของมัลฟอยไปจนสนิทเลยล่ะ หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันขึ้นไปที่หอนอนของตนเอง(ลืมบอกไป เฮอร์คู่มัลฟอยวันพฤหัสนะ คู่โชแชงวันศุกร์)

แล้วช่วงเวลาก็ผ่านไป ตอนนี้แฮร์รี่ดูเครียดอีกแล้ว เพราะอีกครึ่งชั่วโมงที่เขาจะต้อง อยู่กับคนที่เขาไม่อยากอยู่ใกล้มากที่สุด(รองจากสเนป และก็ฟิลช์นะ)ถึง 2 ชั่วโมง
“ฉันจะป่วย ฉันไม่ยอมไปเดินตรวจโรงเรียนพร้อมกับหมอนั่นหรอก”แฮร์รึ่พูด
“ไม่เอาน่า แฮร์รี่ยังไงเธอก็ต้องไปนะ มันเป็นหน้าที่”เฮอร์ไมโอนี่ปลอบแฮร์รี่อีกครั้ง
วันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ต้องเดินคู่กับ เด็ท ซิลวา และดูเหมือนบังเอิญเหลือเกินที่เธอจะต้องเดินสวนกับคู่ของแฮร์รี่กับมัลฟอยบ่อยมาก และทุกครั้งเธอก็ต้องพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ เพราะเธอเห็นคนทั้งคู่ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเดินไปด้วยกัน พยายามเดินห่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังไงก็ตามวันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เมื่อเธอกับไปที่หอนอนเธอก็รู้สึกว่าเธอนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเพราะอะไรนะเหรอ เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันที่เธอจะต้องคู่กับมัลฟอยนะซิ ’บ้าจริงทำไมฉันต้องกังวลเรื่องหมอนั่นจนนอนไม่หลับด้วยนะ’ เฮอร์ไมโอนี่บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย


ตอนที่ 5 วันพฤหัส

ตอนทานอาหารกลางวัน “เธอไม่เป็นไรแน่นะที่จะต้องเดินตรวจโรงเรียนคู่กับมัลฟอยวันนี้อ่ะ”รอนถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันจะใช้วิธีเดียวกับแฮร์รี่ล่ะกัน(เดินให้ห่างไว้ที่สุด)”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเเสร็จก็เคลื่อนย้ายตัวเพื่อไปเรียนวิชาต่อไปกัน
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อสิ้นเสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัล “เอาล่ะแยกย้ายกันไปได้”
วันนี้มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่ต้องไปตรวจที่คุกใต้ดินเป็นที่สุดท้าย (บรรยากาศน่าตรวจจริงๆ) ทางเดินไปที่คุกใต้ดินมืด และอากาศเย็นมาก มีเพียงแสงไฟจากเทียนเล่มน้อยที่แขวนอยู่กับผนังเท่านั้นที่พอจะทำให้มองเห็นขั้นบันไดได้บ้าง เมื่อลงมาถึงคุกทุกอย่างมืดสนิท
“ลูมอส”แสงไฟจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ก็สว่างขึ้น คุกใต้ดินดูน่ากลัวมากอยู่แล้วสำหรับเธอในตอนกลางวัน แต่นี่เธอต้องมาตรวจมันตอนกลางคืน มันไม่ใข่เรื่องน่าพิศมัยเลยสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ ด้วยความกลัวเฮอร์ไมโอนี่จึงคิดจะชวนมัลฟอยคุย หลังจากที่เดินมาตั้งนานไม่พูดกันซักคำ “เออ มัลฟอย”
“อะไร” เขาตอบอย่างเสียไม่ได้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน ที่เธอเรียกเขาก็เพื่อจะทำลายความเงียบเท่านั้นเอง แล้วเธอก็คิดขึ้นมาได้เรื่องนึง
“วันนั้นขอบใจมากนะที่อย่างน้อยเธอก็พาฉันกลับไปที่ตรอกไดแอกอน”
“ฉันไม่ได้ต้องการจะช่วยเธอ ฉันแค่อยากจะผลักให้เธอล้ม ให้ขายหน้าต่อหน้าคนเยอะๆเท่านั้นเอง”มัลฟอยตอบเสียงเย็น มันทำให้เธอรู้สึกฉุนขึ้นมา ’อะไรกันฉันนี่มันโง่จริงๆ คิดว่าคนอย่างมัลฟอยจะช่วยฉันนะเหรอ’ เฮอร์ไมโอนี่คิดโมโหตัวเองที่ไปพูดขอบคุณเขา แต่เธอก็ยังไม่วายพูดต่อ
“นั้นสินะ แต่ถึงวันนั้นฉันไม่เจอเธอ แฮร์รี่กับรอนก็คงจะตามหาฉันเองแหละน่า ถ้าฉันไม่ไปตามที่นัด” พอเฮอร์ไมโอนี่เอ่ยชื่อ แฮร์รี่กับรอนขึ้นมา ดูเหมือนมันจะทำให้มัลฟอยโกรธ เขาเดินเข้ามาจับตัวเฮอร์ไมโอนี่ไว้แล้วดันให้หลังเธอติดกับผนัง มือของเขากำอยู่รอบข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่
“อย่ามาพูดถึงเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์ต่อหน้าฉันอีก”เขาคำรามขึ้น ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวเขามากกว่ากลัวคุกใต้ดินเสียอีก “แล้วถ้าเธอจะขอบคุณฉันจริงๆละก็ ขอเป็นวิธีอื่นล่ะกัน”เขาพูดพร้อมกันก้มหน้าลงมาใกล้หน้าของเฮอร์ไมโอนี่ ใกล้ ใกล้ ใกล้มาก เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่จ้องเขาด้วยความกลัวอย่างจับใจ เมื่อริมฝีปากของเขาเกือบจะประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอแล้ว มัลฟอยก็พูดขึ้นเบาๆว่า ”น็อกซ์“
ไฟจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ก็ดับวูบลง ทุกอย่างมืดสนิท เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแต่เพียงว่ามีอะไรอุ่นๆมาสัมผัสที่ริมฝีปากของเธอ ‘มัลฟอยกำลังจูบเธอ’ เมื่อเธอรู้สึกตัว (รู้สึกตัวช้าจังนะ เฮอร์) เธอพยายามดิ้นรน แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ เธอจึงใช้วิธีสุดท้าย
“โอ๊ยยย”มัลฟอยร้องขึ้น เฮอร์ไมโอนี่กัดลิ้นของเขานั่นเอง(มุขนี้ยืมมาจากของคุณ Peterpan อิอิ ยืมหน่อยนะค่ะ) “ลูมอส”ไฟจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่สว่างขึ้นอีกครั้ง เธอหน้าแดง และกำลังมองไปที่เขาด้วยความรู้สึก ทั้งโกรธ กลัว และทั้งอายไปพร้อมๆกัน
“ฮึ! แค่นี้ก็หน้าแดงซะแล้ว ไร้เดียงสาเหลือเกินนะ เกรนเจอร์ ทำไมแฟนเธอทั้งสองคนเขาไม่สอนวิธีจูบให้เธอบ้างเหรอ”เขาพูดอย่างดูถูก
เพี้ยะ!เสียงนี้เกิดขึ้นเพราะเฮอร์ไมโอนี่ตบหน้ามัลฟอยอย่างแรงนั้นเอง
“พวกเขาไม่ใช่แฟนฉัน และพวกเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่น่ารังเกียจเท่านายด้วย” เธอพูดพร้อมกับวิ่งที่ไปที่บันไดเพื่อออกจากคุกใต้ดินทันที มัลฟอยวิ่งตามไป
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายที่จะออกจากคุกใต้ดินแล้ว มัลฟอยก็วิ่งตามเธอขึ้นมาเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็พบคนสองคนกำลังเดินมา แพนซี่ กับโรเจอร์นั้นเอง “เดรกโก ดีใจจังที่เจอเธอ ตอนนี้จะ5ทุ่มแล้ว เราไปที่หน้าห้องโถงกันเถอะ”แพนซี่พูดพร้อมกับเดินเข้าไปควงแขนมัลฟอยหน้าตาเฉย เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองก่อนจะคิดว่า ’มาว่าเราไร้เดียงสา ตัวเองคงจะเชี่ยวชาญเพราะจูบกับยัยพาร์คินสันบ่อยล่ะซิ’ แล้วเธอก็เดินตรงไปหาโรเจอร์ เพื่อเดินกับเขาแทน
เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันหลังจากที่เดินตรวจโรงเรียนมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ศาสตราจารย์จะบอกให้ทุกคนแยกย้ายกลับหอนอน เธอก็ต้องสังเกตุเห็นรอยนิ้วมือครบทุก5นิ้วของเฮอร์ไมโอนี่ที่ปรากฎชัดอยู่บนใบหน้าของมัลฟอย
“มิสเตอร์มัลฟอยหน้าเธอไปโดนอะไรมานะ”ศาสาตราจารย์มักกอนนากัลถามทั้งๆที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องโดนใครตบมาแน่ๆ และที่ทุกคนก็รู้แน่ๆขึ้นไปอีกก็คือ มันต้องเป็นรอยนิ้วมือของเฮอร์ไมโอนี่ เพราะวันนี้มัลฟอยเดินตรวจโรงเรียนคู่กับเฮอร์ไมโอนี่ นี่น่า
“เออ คือ ตอนเดินตรวจโรงเรียนอยู่ มัลฟอยบอกหนูว่าเขาง่วงมาก หนูก็เลยตบให้เขาหายง่วงนะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ทุกคนหัวเราะ(อาจยกเว้ยมัลฟอยกับแพนซี่) ทุกคนรู้ว่าที่เฮอร์ไมโอนี่พูดนั้นมันไม่จริงแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ นอกจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ยังพูดติดตลกอยู่ว่า “งั้นทีหลังก็อย่าให้มันรุนแรงนักล่ะ เอาล่ะแยกย้ายกันกลับหอนอนของตัวเองได้แล้ว”

ระหว่างที่แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินขึ้นไปที่หอนอนนั้น แฮร์รี่ก็ถามขึ้นว่า
“เธอมีเรื่องอะไรกับมัลฟอยเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก” แต่ดูเหมือนว่าหน้าตาของแฮร์รี่จะต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านั้น เธอจึงตัดสินในตอบว่า
”เขาพูดจาไม่ดี เขาดูถูกฉัน เธอ และก็รอน ฉันก็เลยโกรธแล้วก็ลืมตัวตบเขาไปนะสิ มีอะไรอีกไหม”
“ไม่ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”แฮร์รี่ตอบ เฮอร์ไมโอนี่คิด ’เธอไม่ได้โกหกนะ เพียงแต่เธอไม่ได้เล่าเรื่องก่อนหน้านั้นว่าทำไมมัลฟอยถึงพูดจาดูถูกพวกเขาเท่านั้นเอง’
เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ เธอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับรอนและแฮร์รี่ แล้วเดินขึ้นไปที่หอนอน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียง4เสาของเธอนั้น เธอก็นึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นกับเธอ น้ำใสๆไหลเอ่อล้นออกมาจากดวงตา เธอเคยคิดถึงเรื่องจูบแรกของเธอ เธอจินตนาการไว้ว่าเธอจะมอบจูบแรกของเธอให้กับคนที่เธอรัก ในบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก ไม่ใช่กับมัลฟอย! ไม่ใช่ในคุกใต้ดิน! เธอคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา และนอนร้องไห้ทั้งคืน


ตอนที่ 6 คำว่ารู้สึกผิด

“เฮอร์ไมโอนี่ ตื่นได้แล้ว เธอไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”ปาราวตีปลุกเธอ “เฮอร์ไมโอนี่ๆ”ปาราวตีเรียกซ้ำเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ลุกขึ้น “เธอไม่สบายนี่น่า ตัวร้อนมากด้วย”
ปาราวตีไปบอกแฮร์รี่กับรอนเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สบาย พวกเขาช่วยกันพาเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องพยาบาล
“เฮอร์ไมโอนี่จะเป็นอะไรมากไหมครับ”รอนถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมากหรอกจ๊ะ แค่มีไข้นิดหน่อย นอนพักซักวันก็จะหายดีแล้ว”มาดามพอมฟรีย์ตอบ
”พวกเธอไปเรียนกันได้แล้วนะ นี่มันสายแล้ว”มาดามพอมฟรีย์พูดพร้อมกับดันเด็กทั้ง3 ให้ออกไปข้างนอก พวกเขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องเรียน ”โอ้ไม่นะ วิชาปรุงยาของสเนป เราสายไป 15 นาทีแล้ว” เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียน เสียงแรกที่พวกเขาได้ยินก็คือ
“หักกริฟฟินดอร์ 50 คะแนน เนื่องจากมาเข้าเรียนสาย”แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะจากเด็กนักเรียนบ้านสลิธีริน รอนกับแฮร์รี่ทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่ปาราวตีดึงพวกเขาไว้เสียก่อน เพราะเธอกลัวว่า จาก 50 คะแนน มันจะกลายเป็น คนละ 50 คะแนนไป
ก่อนที่พวกเขาจะไปนั่งที่นั่งของตนเอง สเนปก็พูดขึ้นอีกว่า
”แปลก ทำไมวันนี้เปลี่ยนกลุ่มซะล่ะ เกรนเจอร์ไปไหน”
“เฮอร์ไมโอนี่ไม่สบายค่ะ อยู่ที่ห้องพยาบาล” ปาราวตีตอบ
“ก็ดี ห้องเรียนจะได้เงียบขึ้นบ้าง”สเนปพูดอย่างเย็นชา เด็กบ้านกริฟินดอร์ทุกคนทำสีหน้าโกรธใส่สเนป และเด็กบ้านสลิธีรินก็กำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน อาจยกเว้นมัลฟอย ที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

หลังอาหารเย็น แฮร์รี่และรอนไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งตอนนี้เธอดูปกติดีแล้ว
“ฉันบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลไว้แล้วว่าเธอไม่สบาย ดังนั้นวันนี้เธอไม่ต้องไปเดินตรวจโรงเรียนนะ พักให้มากๆล่ะ”แฮร์รี่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาพูดคุยกันอีกซักพักก่อนที่จะกลับไป เมื่อพวกเขาจากไป เฮอร์ไมโอนี่ก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือ(ติดหนังสือจริงๆยัยนี่)แล้วก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องพยาบาล
“ลืมของหรือ แฮร์รี่”ไม่มีเสียงตอบ ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองว่าเสียงฝีเท้านั้นเป็นของใคร
“มัลฟอย นี่นายมาทำอะไรที่นี่” เธอถามด้วยความรู้สึกที่โกรธเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเขา
“ฉันรู้ว่าเธอไม่สบายก็เลยเดินมาดูเท่านั้น”เขาตอบด้วยเสียงที่เย็นชาเหมือนเดิม”แค่อยากรู้ว่าที่เธอต้องมานอนที่ห้องพยาบาลนี่เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ เมื่อคืนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วมันก็ไม่มีค่าพอที่จะให้ฉันจดจำด้วย”เธอโกหก
“ก็ดี ฉันจะได้สบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรมากนัก”เขาตอบพร้อมทั้งเดินกลับออกไป
‘เขาพูดว่า รู้สึกผิดงั้นเหรอ ไม่มีทางคนอย่างหมอนั่นไม่มีทาง ฉันต้องฟังผิดไปแน่ๆ’เฮอร๋ไมโอนี่คิด พร้อมทั้งก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ
ในวันนั้นเฮอร์ไมโอนี่ต้องตรวจโรงเรียนคู่กับโชแชง ศ.มักกอนนากัลจึงให้โชแชง เดินตรวจโรงเรียนพร้อมกับแฮร์รี่และเด็ท ซิลวา แฮร์รี่แอบดีใจนิดๆ แต่จากการตรวจโรงเรียนวันนั้นเองมันก็ทำให้แฮร์รี่รู้เรื่องมากขึ้นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน นั้นก็คือ เด็ท เองก็แอบชอบโชแชงด้วยเหมือนกัน (ศัตรูหัวใจ อิอิ)
หลังจากวันนั้นทุกสิ่งก็กลับสู่สภาพเดิมเหมือนที่เป็นมา นั้นคือ ทุกครั้งที่พวกเขาเจอมัลฟอย มันก็จะจบลงด้วยการทะเลาะกัน และตามด้วยประโยคสุดท้ายจากรอน ว่า “ฉันเกลียดหมอนั่น”
หรือแม้แต่การเดินตรวจโรงเรียนก็เถอะ ทุกครั้งที่แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่ต้องเดินตรวจโรงเรียนคู่กับมัลฟอย มันก็เหมือนเดิม นั่นคือพวกเขาจะพยายามเดินให้ห่างจากมัลฟอยมากที่สุด และตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงที่เดินตรวจโรงเรียนนั้นก็จะไม่การสนทนา หรือคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเลย


ตอนที่ 7 ควิดดิชนัดแรก

วันนี้เป็นวันที่พิเศษขึ้นมาหน่อย ‘ทำไมน่ะเหรอ’ เพราะวันนี้ มีการแข่งควิดดิช นัดแรกระหว่างกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินนะซิ (พรีเพ็คได้รับการยกเว้นว่าไม่ต้องเดินตรวจโรงเรียนในวันนั้น ดีจริงๆเพราะวันนั้นเป็นวันพุธ)
“นายจะต้องเอาชนะให้ได้นะ แฮร์รี่ ฉันรู้ว่านายไม่มีวันแพ้พวกบ้านสลิธีลินแน่นอน”รอนพูด
“แหมรอน เธอพูดแบบนี้ มันไม่ค่อยกดดันแฮร์รี่เลยนะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดบ้าง
แฮร์รี่ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินที่เพื่อนทั้ง 2 กำลังพูดกันอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขากำลังเครียดนะซิ(เส้นเลือดที่ขมับเต้น ตุบๆ เลย) วันนี้เขาจะต้องลงสนามแข่งในฐานะหัวหน้าทีมเป็นครั้งแรก (ทุกคนในทีมเลือกเขา แบบเสียงเป็นเอกฉันท์ มันทำให้เขาปฎิเสธไม่ได้ ทั้งๆที่เขาไม่ต้องการเลยซักนิด) แถมวันนี้ทีมเขายังมีคีปเปอร์คนใหม่ด้วย (ใหม่แกะกล่องจริงๆ ไม่เคยลงแข่งมาก่อน) แฮร์รี่ไม่มีความมั่นใจเลยซักนิด เขาคิดว่าบางที ถ้าเขาทำให้ทีมแพ้ในวันนี้ พวกคนอื่นๆในทีมอาจเปลี่ยนใจแล้วเลือกหัวหน้าทีมคนใหม่ก็ได้ แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่คิดว่าตนเองจะต้องแพ้บ้านสลิธีริน! แพ้มัลฟอย! เขาแทบจะจินตนาการเสียงหัวเราะ และคำพูดถากถางของมัลฟอยออกในทันทีเลย ว่ามันจะน่าเกลียด น่าขยะแขยง ขนาดไหน
‘ยังไงก็ตาม เขาจะพยายามให้ถึงที่สุด’ เขาบอกกับตนเองเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยสามของวันนี้

แล้วเวลาที่แสนจะตื่นเต้นที่สุด ก็มาถึง
ในขณะที่ ทีมกริฟฟินดอร์ลงสู่สนาม เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มขึ้น ถึงมันจะปนไปด้วยเสียงโห่จากบ้านสลิธีรินบ้างก็เถอะ และในขณะที่ทีมสลิธีรินลงสนาม เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นเช่นกัน อาจน้อยกว่าของทีมกริฟฟินดอร์ เพราะมีแต่บ้านสลิธีรินเท่านั้นที่ส่งเสียงเชียร์
เมื่อลี จอร์ดัน ประกาศชื่อของนักกีฬาแต่ละคน ก็จะตามมาด้วยเสียงเชียร์จากคนดู และแน่นอน คนที่ได้รับเสียงเชียร์มากที่สุด คือ แฮร์รี่ (ได้รับเสียงเชียร์จากทั้งหญิงและชาย) และคนที่ได้รับเสียงเชียร์รองลงมาก็คือ มัลฟอย (จะเป็นเสียงเชียร์ของสาวๆมากกว่า)
ระหว่างที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ กำลังคิดถึงเรื่องเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นเมื่อครู่ เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกที่ ทั้งแฮร์รี่และมัลฟอยจะได้รับเสียงเชียร์จากคนดู(สาวๆ)มากที่สุด แฮร์รี่เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว และดูเหมือนว่าในปีนี้ เขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และดูหล่อขึ้นด้วย (จำได้ไหมว่า ทอม ริดเดิ้ล เคยบอกว่า เขากับแฮร์รี่หน้าตาคล้ายกัน ถ้าทอมหล่อแล้วแฮร์รี่จะไม่หล่อ ได้ยังไง อิอิ) และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่คิดถึงมัลฟอย เธอก็ต้องยอมรับกับตนเองว่า ขนาดเธอที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าหมอนี้เท่าไหนนัก เธอยังรู้สึกเลยว่า มัลฟอยเองก็เป็น ผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี(ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า จำเป็นต้องหน้าตาดี ไม่งั้นคนแต่งคิดเรื่องต่อไม่ออก)คนหนึ่งทีเดียวล่ะ ‘บางทีถ้าเขายิ้มมากกว่านี้ เขาอาจจะดูหล่อกว่านี้อีกก็ได้ อาจจะเหมือนล็อกฮาร์ต’ เฮอร์ไมโอนี่คิด แล้วก็รู้สึกขำกับความคิดของตนเอง เธอไม่เคยเห็นมัลฟอยยิ้มให้พวกเธอมาก่อนเลย (ยิ้มแบบจริงใจนะ ถ้าเป็นรอยยิ้มแบบดูถูกเหยียดหยามกันล่ะก็ บ่อย)
“เฮอร์ไมโอนี่ๆ นี่เธอตั้งใจดูการแข่งขันอยู่หรือเปล่าเนี่ย ฉันเห็นเธอเอาแต่นั่งเหมออยู่นั้นแหละ”รอนพูด
“ขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย”เธอตอบ “ตอนนี้เป็นไงบ้างแล้วล่ะ”
“สลิธีริน 80:กริฟฟินดอร์ 30 เชอะเป็นเพราะพวกมันมีไม้กวาดที่ดีกว่าทีมของเราเท่านั้นแหละ”รอนบ่น “แต่คอยดูนะแฮร์รี่จะต้องจับลูกสนิชได้ก่อนมัลฟอยแน่ๆ เพราะแฮร์รี่มี ไฟร์โบลต์ และที่สำคัญแฮร์รี่เก่งกว่าเจ้าหมอนั่น”รอนพูด และทันใดนั้นเอง เสียงของคนดูก็ดังกระหึ่มขึ้น ใช่ตอนนี้ แฮร์รี่กับมัลฟอย ทั้งสองเห็นลูกสนิชแล้วมันอยู่เหนือเสาประตูของฝั่งกริฟฟินดอร์ ทั้งสองกำลังเร่งไม้กวาดแข่งกันอย่างเต็มที่ และก็ต้องพยายามหลบลูกบลัดเจอร์ ที่บีตเตอร์ของอีกฝ่ายหนึ่งตีมา ขัดขวางด้วย มีช่วงหนึ่งที่แฮร์รี่หลบลูกบลัดเจอร์ที่บีตเตอร์ของทีมสลิธีรินตีเข้ามาทำให้เขาเสียหลักไปนิดนึง มัลฟอยจึงนำหน้าเขาไปเล็กน้อย และมัลฟอยกำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกสนิชแล้ว
“เปรี้ยง” เสียงของลูกบลัดเจอร์ที่เฟร็ดเป็นคนตีกระแทกเข้ากับแขนของมัลฟอยอย่างจัง มันทำให้เขาเสียหลักและเกือบจะตกจากไม้กวาด(กองเชียร์สาวๆ กรีดร้องกันใหญ่ ‘ไม่นะ เขาจะเป็นอะไรมั้ย’ ‘เขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า’) แฮร์รี่ใช้จังหวะนี้เร่งไม้กวาดของเขาตรงไปที่ลูกสนิชทันที แล้วในที่สุด
“แฮร์รี่ได้ลูกสนิช กริฟฟินดอร์ชนะด้วยคะแนน 180:80 คะแนนนนนน” ลี จอร์ดันประกาศก้อง แล้วตามมาด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มมาจากฝั่งของกริฟฟินดอร์ เมื่อนักกีฬาของกริฟฟินดอร์ทั้งหมดลงมาที่พื้นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งเข้าไปแสดงความดีใจกับแฮร์รี่ ซึ่งแฮร์รี่ก็หันมายิ้มให้เธอเช่นกัน
“ยินดีด้วย แฮร์รี่ เธอเก่งมาก”เฮอร์ไมโอนี่พูด แต่สายตาของเธอกลับแอบมองไปที่มัลฟอยที่พึ่งลงมาถึงพื้น รู้สึกว่าลูกบลัดเจอร์ที่เฟร็ดตีมาโดนเขาตะกี้มันจะทำให้เขาเจ็บมาก เฮอร์ไมโอนี่มัวแต่มองมัลฟอยเธอจึงไม่ทันสังเกตุว่ามีสายตาคู่อื่นๆ มองมาที่เธอเช่นกัน

เธอมารู้สึกตัวอีกทีตอนรับประทานอาหารเช้านั่นเอง มีสายตาหลายคู่จ้องมาที่เธอและแฮร์รี่ พร้อมกับเสียงซุบซิบว่า เธอกับแฮร์รี่เป็นแฟนกัน
“เฮ้อ ข่าวลือแปลกๆมาอีกล่ะ”รอนพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ช่างเขาเถอะน่า ถ้าเขาจะพูดก็ปล่อยเขาไป เดี๋ยวมันก็เงียบไปเองแหละ”เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจกับข่าวลือนี้เท่าไหร่นัก และดูเหมือนแฮร์รี่ก็จะไม่ใส่ใจกับข่าวลือนี้เหมือนกัน ออกจะรู้สึกขำๆด้วยซ้ำ ว่าเขาเนี่ยนะเป็นแฟนกับเฮอร์ไมโอนี่

เมื่อถึงตอน 3 ทุ่ม วันนี้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเดินตรวจโรงเรียนคู่มัลฟอยอีกแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่รวบรวมความกล้าอย่างที่สุด เพื่อที่จะถามมัลฟอยว่า “แขนเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ แขนฉันปกติดีแล้ว ผิดหวังล่ะซิ ที่แขนฉันไม่หัก”เขาตอบ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดอะไรอีก มัลฟอยจึงพูดต่อว่า
“เธอคงคงดีใจมากล่ะซินะที่ พอตเตอร์มันชนะฉันได้อีกแล้ว แล้วก็คงเสียใจมากที่ฉันไม่โดนลูกบลัดเจอร์ของเจ้าฝาแฝดหัวแดงนั้นกระแทกจนตกจากไม้กวาด” เฮอร์ไมโอนี่เงียบ เธอรู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอย่างที่มัลฟอยพูด แต่เธอก็คิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะบอกเขาว่าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น


ตอนที่ 8 โชคร้าย

วันจันทร์ ข่าวลือเรื่องแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่เงียบลงไปบ้างแล้ว หากแต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น(จากน้ำมือของผู้แต่ง 555)
“วันนี้มีเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ รีบไปกันเถอะ”เฮอร์ไมโอนี่ชวน
วันนั้นศาสตราจารย์บินส์ ก็ยังคงความเสมอต้นเสมอปลายไว้ได้อย่างดีเยี่ยม บรรดานักเรียนที่เรียนอยู่ก็ค่อยๆทยอยหลับไปทีละคนสองคน ขนาดเฮอร์ไมโอนี่ยังแอบหาวไป 3 ทีเลย

คืนนั้น ระหว่างที่แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กำลังตรวจโรงเรียนอยู่นั้น พวกเขาก็เริ่มพูดถึงเรื่องข่าวลือขึ้นมา “แฮร์รี่ เธอไม่คิดมากใช่ม่ะที่มีคนลือเรื่องที่ว่า ฉันกับเธอเป็นแฟนกันอ่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ไม่หรอก ฉันว่ามันไร้สาระจะตาย”แฮร์รี่พูดพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
“แล้วเธอไม่กลัวว่า โชจะเข้าใจผิดเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความเป็นห่วงกลัวว่า แฮร์รี่จะแห้ว เนื่องมาจากข่าวลือพวกนี้เป็นต้นเหตุ
“ไม่รู้สินะ ฉันไม่เห็นโชจะมีปฏิกริยาอะไรกับข่าวลือนี้เลย บางทีเขาอาจจะไม่เคยสนใจอะไรฉันเลยก็ได้”แฮร์รี่พูดพร้อมกับถอนหายใจ พวกเขาเดินต่อมาอีกซักพัก “โอ๊ย”เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นพร้อมกับเอามือขึ้นมาปิดที่ตา
“เป็นอะไรน่ะ เฮอร์ไมโอนี่”
“สงสัยฝุ่นเข้าตาอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก”เธอพูดพร้อมเอามือขยี้ตา
“อย่าทำอย่างนี้ซิ มานี่เดี๋ยวฉันดูให้”แฮร์รี่พูดพร้อมเอามือจับให้เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้น เขาเห็นผมของเฮอร์ไมโอนี่ที่แยงเข้าไปในตา จึงจัดการเอาออกให้ (ถ้ามีใครมาเห็นพวกเขาตอนนี้ล่ะก็ ต้องคิดว่าพวกเขากำลังจูบกันแน่ๆเลย)
แล้วความบังเอิญแบบโชคร้ายสุดๆก็เป็นของคนทั้งคู่ เมื่อแพนซี่ กับมัลฟอยมาเห็นเข้าพอดี (น้ำเน่าจริงๆเนอะ เราเนี่ย)
“ต๊ายนี่ พวกเธอหัดมียางอายกันซะมั่งซิย่ะ มายืนจูบกันอยู่ที่ระเบียงทางเดิน หน้าด้านกันจริงๆ”แพนซี่พูดขึ้น แต่มัลฟอยไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่พูดอะไรเลยจริงๆ
แฮร์รี่กับ เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะบอกว่า ‘มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด’ แต่ช้าไปแล้ว เพราะมัลฟอยลากแพนซี่ให้เดินตามเขาไปแล้ว โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเลย

ตอน 5 ทุ่มที่หน้าห้องโถงกลาง พวกเขากำลังจะพยายามอธิบายให้ทั้งคู่ฟังอีกครั้ง แต่ดูเหมือนโอกาสจะไม่อำนวยเลย เพราะทันทีที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกให้แยกย้ายกันกลับหอนอนได้ มัลฟอยกับแพนซี่ก็ดูเหมือนจะหายตัวไปได้ในทันที ราวกับเล่นกล
พวกเขาจำเป็นต้องเดินกลับไปที่หอนอนด้วยความจำใจ “พรุ่งนี้ต้องแย่แน่ๆเลย”เฮอร์ไมโอนี่พูด และดูเหมือนน้ำตาจะเอ่อล้นขึ้นมาทันที แฮร์รี่เองก็จนปัญญาที่จะปลอบเฮอร์ไมโอนี่ เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกแย่พอๆกันนั้นแหละ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือ ปรึกษาเรื่องนี้กับรอนทันที เมื่อไปถึงหอนอน
“ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะเงียบไป เหมือนข่าวลืออื่นๆนั้นแหละ”รอนพยายามปลอบทั้งคู่ ให้เชื่อคำพูดของเขา ซึ่งดูเหมือนรอนเองก็จะยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดของตัวเองเลย

ตอนเช้า เมื่อพวกเขาลงมาที่ห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคู่ก็จ้องมาที่แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ทันที พร้อมกับเสียงที่ซุบซิบนิทา ‘เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน’ ‘เมื่อคืนพวกเขาจูบกันที่ระเบียงทางเดินด้วย’ ฯลฯ การที่ทุกคนรู้เรื่องนี้กันเร็วขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะแพนซี่ พาร์คินสันอย่างแน่นอน เพราะในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องโถง แพนซี่ก็กำลังเล่าเรื่องนี้อย่างออกรสออกชาติให้เด็กนักเรียน ปี4 บ้านเรเวนคลอฟัง ส่วนมัลฟอย เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แถมยังไม่มองมาที่คนทั้งคู่อีกต่างหาก
เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่พยายามทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในใจพวกเขากำลังพยายามนึกคาถาที่น่ากลัวที่สุด แล้วจินตนาการภาพว่าเขากำลังใช้มันสาบใส่แพนซี่ พาร์คินสันอยู่ รอนได้แต่มองแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความเห็นใจ เรื่องนี้ก็มีผลกระทบกับรอนบ้างเล็กน้อยเหมือนกันตรงที่ เวลาที่พวกเขาเดินไปไหนมาไหนกัน 3 คน มักจะมีคนตะโกนขึ้นมาว่า “นายจะตามไปเป็นก้างขวางคอเขาหรือไง” แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเรื่องนี้ดูจะตกอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่ เพราะในเช้าวันถัดมา มีจดหมายส่งมาให้เธอเกือบๆ ยี่สิบฉบับ เนื้อหาในจดหมาย ก็ประมาณว่า ‘อย่ามายุ่งกับแฮร๋รี่ของฉันนะ’ หรือไม่ก็ ‘ปีที่แล้วก็ควงกับวิกเตอร์ ครัม ปีนี้ก็แฮร๋รี่ ยัยผู้หญิงใจง่าย’ และตบท้ายด้วยจดหมายกัมปนาทอีก 1 ฉบับ

“ผ่านมา 3 วันแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”แฮร์รี่พูดอย่างเบื่อหน่าย ในขณะที่รับประทานอาหารเย็นกันอยู่ “เอาน่า อีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้น”รอนพูด พร้อมกับหันไปมองดู เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังนั่งฉีกจดหมายที่ส่งมาให้เธอทุกเช้า
“ขอให้มันจริงเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหงุดหงิด พร้อมกับฉีกจดหมายต่อ

วันนี้เธอต้องเดินตรวจโรงเรียนคู่กับมัลฟอย เขาไม่พูดเรื่อง ข่าวลือเลยซักคำ ความจริงแล้ว ไม่ชายตามามองเฮอร์ไมโอนี่เลยด้วยซ้ำ ระหว่างที่เดินตรวจโรงเรียนนั้น เขาเดินอย่างรวดเร็ว ไม่มีหยุดรอเฮอร์ไมโอนี่เลย เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่วิ่งตามเขาที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่ห่างจากเธอไปประมาณ3เมตร แล้วเขาก็เดินเลี้ยวไปที่มุมทางเดิน เฮอร์ไมโอนี่เร่งฝีเท้าวิ่งตามไป แต่เธอไม่เห็นใครแล้ว ‘มัลฟอยหายไปไหนนะ’ เธอคิดขณะที่เดินผ่านประตูบานหนึ่งไป ทันใดนั้นก็มีมือของใครไม่รู้โผล่ออกมาหลังบานประตู รวบตัวเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในห้อง มัลฟอยนั้นเอง เธอเห็นเขาเพราะในห้องนั้นมีแสงจันทร์ ที่ลอดเข้ามาตามบานหน้าต่าง
“ไง ในที่สุดพอตเตอร์ก็ยอมจูบเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ”เขาถามด้วยเสียงที่ออกจะดูถูกเล็กน้อย
“นี่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายเข้าใจนะ”เฮอร์ไมโอนี่เถียง
“ฉันเห็นมากับตา ยังจะปฎิเสธอีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้โกหก ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าแฮร์รี่น่ะเป็นคนดี เขาไม่มีพฤติกรรมทุเรศๆเหมือนนายหรอก”
มัลฟอยรวบตัวของเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น “ใช่ซิ ฉันมันทุเรศ น่ารังเกียจ เธอก็เลยต้องให้เจ้าพอตเตอร์มันจูบล้างมลทินให้ล่ะซิ อย่าลืมบอกมันด้วยล่ะว่ามันน่ะได้แต่จูบทับรอยฉันเท่านั้น” พูดจบเขาก็ก้มลงจูบเฮอร์ไมโอนี่ทันที จูบครั้งนี้มันปราศจากคำว่าอ่อนโยนอย่างสิ้นเชิง เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นพร้อมกับออกแรงผลักเขาออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล
จู่ๆมัลฟอยก็ผงะออกจากตัวเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเขารับรู้ได้ถึงหยดน้ำที่สัมผัสกับริมฝีปากของเขา เฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องไห้ ดูเหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันแล้ว เพราะเฮอร์ไมโอนี่ตะโกนขึ้นว่า “ฉันเกลียดนายที่สุด” พร้อมทั้งวิ่งออกไปนอกห้อง มัลฟอยได้แต่วิ่งตามออกไป ตลอดระยะเวลาที่เหลือก่อนจะถึง 5ทุ่ม มัลฟอยได้แต่เดินตามเฮอร์ไมโอนี่(ที่เดินนำหน้าเขาอยู่5เมตร )ไปเท่านั้น บางครั้งเขาดูเหมือนว่าจะพูดอะไรออกมา แต่เขาก็เปลี่ยนใจ และเดินตามเฮอร์ไปโอนี่ไปห่างๆเท่านั้นเอง

จากเหตุการณ์ในวันนั้น ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกลียดมัลฟอยขึ้นมาก เพราะทุกครั้งที่เธอเห็นมัลฟอย เธอจะต้องเดินเลี่ยงไปอีกทางทุกที
แฮร์รี่กับรอน เองก็ดูเหมือนจะแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมพักนี้ มัลฟอยไม่ค่อยมาหาเรื่องพวกเขาเลย แต่นั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีทีเดียวล่ะ สำหรับพวกเขา

วันอาทิตย์ รอนกับแฮร์รี่นั่งเล่นหมากรุกพ่อมดกันอยู่ ในห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะออกไปข้างนอก “เธอจะไปไหนน่ะ เฮอร์ไมโอนี่”แฮร์รี่ถาม
“ฉันจะไปห้องสมุดนะซิ พวกเธอรู้มั้ยว่า การที่ฉันที่ต้องไปเดินตรวจโรงเรียนทุกคืนนี่มันทำให้ฉันมีเวลาอ่านหนังสือน้อยลงมาก เพราะฉะนั้น เมื่อฉันมีเวลาฉันก็จะต้องอ่านหนังสือชดเชยส่วนที่เสียไป”เฮอร์ไมโอนี่ตอบเป็นชุดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเดินออกไปทันที


ตอนที่ 9 ขอโทษ

ที่ห้องสมุด
เธอกำลังเดินค้นหาหนังสือ อยู่ที่ชั้นหนังสือที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คนสักเล็กน้อย แล้วเธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เกรนเจอร์” มัลฟอยเรียกเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยังจำเหตุการณ์ ในวันนั้นได้ดี เธอยังรู้สึกโกรธเขาอยู่มาก เฮอร์ไมโอนี่หันหลัง เธอกำลังจะเดินหนี แต่โชคร้ายขาเธอพลิก แล้วมันก็ทำให้เธอล้มลงไปชนกับตู้หนังสืออย่างแรง แน่นอนหนังสือบนชั้นกำลังจะตกลงมาทับเธอ ถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
“วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า”มัลฟอยร่ายคาถาพร้อมทั้งชี้ไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่หนังสือที่กำลังลอยอยู่
หลังจากที่เขาจัดการให้หนังสือพวกนั้นกลับเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาทันที ความโกรธแล่นขึ้นสมองของเธออีกครั้ง “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความโกรธ และพยายามจะลุกขึ้น แต่เธอลุกไม่ได้ดูเหมือนว่าขาเธอจะแพลง ในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว มัลฟอยก็อุ้มเธอขึ้นมาซะแล้ว
“นี่นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ”เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พร้อมกับพยายามดิ้น
“ก็จะพาเธอไปห้องพยาบาลนะซิ ถามได้”เขาตอบอย่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ปล่อยฉันนะ ฉันไปเองได้”เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับทุบเขาไปทีนึง
“นี่ ถ้าเธอยังไม่อยู่เฉยๆล่ะก็ ฉันจะทิ้ง(ทิ้งนะ ขอย้ำว่าทิ้งไม่ใช่วางลง)เธอลงตรงนี้ และเดี๋ยวนี้เลย”เขาดุเธอ พร้อมกับทำท่าจะทิ้งเธอลงจริงๆ
ได้ผลเฮอร์ไมโอนี่เงียบทันทีและไม่พูดอะไรอีกเลย
ปัญหามันจะเกิดก็ระหว่างทางไปห้องพยาบาลนั้นแหละ
ทุกคนระหว่างทางดูเหมือนว่าจะจ้องมองมาที่ทั้งคู่ และตามด้วยเสียงซุบซิบนินทาอีกแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้โดนมัลฟอยอุ้มอยู่ ได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความอาย (ดีนะที่เธอก้มหน้าลง ไม่งั้นเธอคงได้เห็นว่ามัลฟอยก็หน้าแดงอยู่เหมือนกัน)
เมื่อมาถึงห้องพยาบาล มาดามพอมฟรีย์ บอกให้มัลฟอยรออยู่ข้างนอกก่อน ซักพักเธอก็เดินออกมาบอกมัลฟอยว่า “ถ้าเธออยากจะเข้าไปเยี่ยม มิสเกรนเจอร์ ล่ะก็ เธอมีเวลา 15 นาที” เมื่อเธอพูดจบเธอก็เดินเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอ
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นมัลฟอยเดินเข้ามาในห้อง เธออยากจะขอบคุณเขาที่พาเธอมาที่ห้องพยาบาล แต่ดูเหมือนความโกรธกับทิฐิของเธอจะยังมีมากกว่า เธอจึงเมินหน้าหนี แล้วสิ่งที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์สำหรับเธอก็เกิดขึ้น เมื่อมัลฟอยพูดขึ้นมาว่า
“เกรนเจอร์ วันก่อน ฉัน เอ่อ.. ฉันขอโทษ”เขาพูด พร้อมทั้งหันหลังกลับไป เพื่อจะเดินออกจากห้องพยาบาล เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ‘ตะกี้เขาพูดคำว่าขอโทษเหรอ คนอย่างเขานะเหรอ’ ดูเหมือนความโกรธของเธอไมโอนี่จะลดดีกรีลงอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว มัลฟอย เอ่อ.. ขอบใจมากนะ ที่พาฉันมาที่ห้องพยาบาลนะ”เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่
“ไม่เป็นไร งั้นถือว่าเราหายกันก็แล้วกัน ฉันขอโทษเธอ เธอขอบใจฉัน”มัลฟอยพูดด้วยเสียงยานคาง ที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปซะแล้ว พร้อมทั้งเดินออกไป เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าประโยคสุดท้ายนี่ เขาจะกลับเป็นมัลฟอยคนเดิมแล้วล่ะ ‘เอาเถอะ ถือว่าเราไม่ติดค้างกันก็แล้วกัน’ เธอคิดกับตัวเอง

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”รอนถามทันทีเมื่อมาถึงห้องพยาบาล
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ขาแพลงเท่านั้นแหละ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“ปีนี้ รู้สึกว่าเธอจะถูกกับห้องพยาบาลจังนะ”แฮร์รี่พูดพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนเธอ
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาที่นักหรอกนะ แฮร์รี่”เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเริ่มไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากนั้น ความเงียบก็เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่รอนจะเอ่ยปากถามว่า
“เฮอร์ไมโอนี่ คือฉันมีเรื่องจะถามเธอน่ะ เอ่อคือว่า...”
“เธอจะถามอะไรก็ถามมาเลยอย่าทำอ้ำอึ้ง”
“ฉันจะถามเธอเรื่องที่เขาลือกันอ่ะ ว่ามันจริงเหรอ”รอนถามอย่างกล้าๆกลัวๆยังไงก็ไม่รู้
“รอน เธอเป็นเพื่อนฉันนะ ข่าวลือเรื่องฉันกับแฮร์รี่นะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจมันดีแล้วเสียอีก”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะหงุดหงิด
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงอีกเรื่องหนึ่งอ่ะ”รอนพูด
“หา นี่ยังมีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับฉันอีกอย่างนั้นเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย
“ก็ข่าวที่ว่าเธอสลัดรักฉันแล้วไปคบกับมัลฟอยแทนน่ะซิ”แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่อึ้ง(อึ้งไปเลยล่ะซิ) ‘นี่แค่มัลฟอยพาฉันมาที่ห้องพยาบาล แค่นี้เนี่ยนะ มันกลายเป็นข่าวลือขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย’
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”รอนพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันหกล้ม แล้วเขาก็พาฉันมาที่ห้องพยาบาลเท่านั้นแหละ”เฮอร์ไมโอนี่บอก
”แฮร์รี่ รอน ฉันปวดขามากเธอกลับไปก่อนได้ไหม ฉันอยากจะนอนพักน่ะ”เธอโกหก
“ได้ซิ เธอพักให้มากๆ ก็แล้วกัน”ทั้งคู่พูดพร้อมทั้งเดินออกไป
เฮอร์ไมโอนี่ล้มตัวลงนอนบนเตียง ‘อะไรเนี่ยคนในโรงเรียนนี้เพี้ยนกันไปหมดแล้วหรือไง ทำไมเธอถึงต้องตกเป็นข่าวลือกันคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยนะ’ เธอคิดอย่างเซ็งๆ


ตอนที่ 10 หน้าที่พิเศษ

ตอนเช้า วันถัดมา ที่ห้องอาหาร
วันนี้ก็คล้ายกับวันอื่นๆ จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่ดูเหมือนว่าจดหมายที่ส่งมาให้เฮอร์ไมโอนี่นั้นมันจะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าหนึ่ง(ก็มีจดหมายจากพวกแฟนๆของมัลฟอยร่วมกันส่งมาด้วยนี่น่า) ส่วนเนื้อหาของจดหมายก็ยังคงเหมือนเดิมๆ เธอเก็บจดหมายเหล่านั้นลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“เธอจะเอาจดหมายนั้นไปฉีกอีกเหรอ”รอนถาม
“ไม่แล้วล่ะ การนั่งฉีกจดหมายพวกนี้ก็เสียเวลาพอดู มันคงง่ายกว่าถ้าฉันจะเอามันไปใช้แทนฟืนในเตาพิงที่ห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์”เธอตอบอย่างรวดเร็ว

หลังจากวันที่มัลฟอยพาเธอไปที่ห้องพยาบาล เธอกับมัลฟอยก็ไม่มีโอกาสได้พูดดีๆกันอีกเลย และออกจะไปในทางทะเลาะกันมากกว่าเพราะมัลฟอยก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะหาเรื่องมาพูดจากถากถาง เธอ รอน และแฮร์รี่ ที่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะดูเหมือนว่ามันจะทำให้ข่าวลือเรื่องเธอกับมัลฟอยจบลงอย่างรวดเร็ว
แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในวันหนึ่ง ก็มีเหตุการณ์ที่เป็นชนวนของความยุ่งยากเกิดขึ้นอีก

5 ทุ่ม วันหนึ่ง
“ในปีนี้เราจะมีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเทอม หรือก็คือวันเสาร์นี้นั้นเอง เข้าใจนะ”ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวขึ้น
“หา งานเลี้ยงเต้นรำ”พรีเฟ็คทุกคนร้องขึ้นอย่างตกใจ พร้อมๆกัน (พวกเขารู้จากใบรายการของโรงเรียนว่า ปีนี้พวกเขาจะต้องนำชุดที่จะใส่ออกงานมาด้วย แต่ก็ไม่มีใครคิดอย่างจริงจังหรอกว่า พวกเขาจะต้องใช้มันจริงๆ ก็ปกติไม่เคยมีงานเลี้ยงเต้นรำนี่น่า ยกเว้นปีที่แล้ว)
“ใช่ ปีที่แล้ว เรามีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะเป็นที่พอใจของนักเรียนส่วนใหญ่ ปีนี้เราก็เลยมีการจัดงานขึ้นอีก”ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “แล้วพวกเธอก็มีหน้าที่ด้วยเช่นกัน”
“หน้าที่อะไรค่ะ”เฮเลนถาม
“ก็พวกเธอ 5 คู่ ต้องเป็นคู่เต้นรำเปิดฟลอร์นะซิ”
“ทำไม 5คู่ ล่ะค่ะ”
“ก็มีคู่ของประธานนักเรียนอีกคู่ไง”
“แต่พวกเรามี 8 คน ประธานนักเรียน(ชาย-หญิง)อีก 2 คน ก็น่าจะเป็น 10 คู่ไม่ใช่เหรอค่ะ”
“นี่พวกเธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอไง ประธานนักเรียนจะต้องเต้นรำคู่กัน และพวกเธอก็ต้องเต้นรำกับพรีเพ็คด้วยกันเองไงล่ะ”เมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวจบ พรีเฟ็คทุกคนต่างก็หันไปมองคู่พรีเฟ็คของบ้านตัวเอง พร้อมทั้งเสียงของแพนซี่ พาร์คินสันก็ดังขึ้น
“เดรกโก ดีใจจังเลย เราได้ไปงานเลี้ยงเต้นรำคู่กันอีกแล้ว” (มัลฟอยแอบทำหน้าเบื่อๆ)
“นี่ มิสพาร์คินสัน ฉันบอกว่าพรีเฟ็คจะต้องคู่กับพรีเฟ็คด้วยกันเอง แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าพรีเฟ็คบ้านเดียวกันจะต้องไปงานคู่กันนะ”เมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดจบ พรีเฟ็คทุกคนก็หันไปมองที่ศาสตราจารย์เป็นตาเดียว
“ตอนแรกฉัน คิดว่าจะให้พวกเธอจับคู่กันเองแต่เมื่อมาคิดๆดู ถ้าฉันปล่อยให้พวกเธอจับคู่กันเองล่ะก็บางทีมันอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาก็ได้”ประโยคสุดท้ายนี้เธอจงใจมองมาที่ โชแชง และเฮอร์ไมโอนี่(กลัวหนุ่มๆจะแย่งกัน)
เธอโบกไม้กายสิทธิ์ของเธอหนึ่งครั้ง ก็มีโต๊ะตัวหนึ่งปรากฎขึ้น บนโต๊ะมีไพ่ อยู่ 2 กอง กองละ 4 ใบ
“พวกเธอหยิบไพ่กันคนละใบ ใครได้หมายเลขเดียวกันก็ต้องไปงานคู่กับคนนั้น”
หลังจากที่ทุกคนหยิบไพ่ครบแล้ว แฮร์รี่ดูไพ่ของเขา เขาได้ไพ่เบอร์หนึ่ง แฮร์รี่โชว์ไพ่ขึ้น แล้วหันไปทางกลุ่มของพรีเฟ็คหญิง เขากำลังสงสัยอยู่ว่าเขาจะได้ไปงานคู่ใครนะ แล้วสายตาเขาก็แอบมองไปที่โชแชง ตอนแรกเขาคิดว่าเขาตาฝาด แต่ไม่ใช่ มันเป็นความจริง โชแชงกำลังส่งยิ้มมาให้เขา พร้อมกับโชว์ไพ่ในมือของเธอให้แฮร์รี่ดู ‘โชแชงก็ได้ไพ่เบอร์หนึ่งเหมือนกัน’
เฮเลน กับเด็ท ได้ไพ่เบอร์สอง
แพนซี่ กับ โรเจอร์ได้ไพ่เบอร์สี่ (โรเจอร์ทำหน้าแบบว่า อยากผูกคอตายให้รู้แล้วรู้รอดไป ทันทีที่เขารู้ว่าแพนซี่ก็ได้ไพ่ เบอร์สี่เหมือนกับเขา)
อิอิ แล้วคนที่ได้ไพ่เบอร์สามจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยนั้นเอง
“เอาล่ะ เรื่องงานเลี้ยงเต้นรำ ฉันขอให้เธออย่าพึ่งบอกใคร ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะเป็นคนประกาศเรื่องนี้เองตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกคนแยกย้ายกันกลับหอนอนได้”

“เฮอร์ไมโอนี่ เธอคู่กับใครเหรอ”แฮร์รี่ถาม เขามัวแต่ดีใจมากที่ได้คู่กับโชแชงจนลืมสนใจเรื่องอื่นไปเลย
“ถ้าเธอไม่รู้ ฉันก็ไม่บอกเธอหรอก”เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงเรียบๆ
“โถ บอกฉันหน่อยน่า”แฮร์รี่พยายามถามอีกครั้ง
“เดี๋ยววันงานเธอก็รู้เองแหละ”
“มันก็เหลือแค่สามคนนั้นเอง บอกหน่อยไม่ได้หรอ”
“นั้นซิ เหลือแค่สามคน ก็หัดเดาเอาเองมั่งซิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด พร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ตอนเช้าหลังจากที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ประกาศเรื่องงานเลี้ยงเต้นรำเสร็จ
คราวนี้รอนมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่ทันที
“ว่าไงเฮอร์ไมโอนี่ คราวนี้เธอจะไปงานเลี้ยงเต้นรำกับฉันได้หรือยัง”รอนถามขึ้น
“ก็ยังไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะฉันมีคู่ที่จะไปงานด้วยแล้ว”เฮอร์ไมโอนี่ปฎิเสธ
“อะไรนะ แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ พึ่งบอกเราเรื่องงาน ตะกี้นี้เองนะ”รอนแย้ง
“ความจริงเรารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แล้วคนที่เป็นพรีเฟ็คก็ต้องคู่กับพรีเฟ็คด้วยกันเองเท่านั้น”แฮร์รี่ตอบแทน
“อะไรกันรู้ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วทำไมนายไม่บอกฉันก่อนล่ะ”รอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจ
“ศาสตราจารย์มักกอนนากัลห้ามไม่ให้เราบอกใครก่อนนะซิ แล้วอีกอย่างนะ เธอก็รู้เรื่องนี้หลังเราแค่ 8 ชั่วโมงเท่านั้นเอง”เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แล้วพวกนายไปงานด้วยกันเหรอ”รอนถามขึ้นอีก
“เปล่า ศาสตราจารย์มักกอนนากัล ให้เราเลือกไพ่นะ ใครได้หมายเลขเดียวกันก็จะได้ไปงานด้วยกัน และฉัน...ฉันได้คู่กับโชงแชงล่ะ”ประโยคสุดท้ายแฮร์รี่พูดด้วยเสียงที่เบามาก และหน้าของเขาก็แดงขึ้นด้วย
“แล้วเธอล่ะ เฮอร์ไมโอนี่”รอนหันมาถามเธอบ้าง
“เดี๋ยววันงานก็รู้เองล่ะน่า ฉันต้องไปเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์แล้ว เจอกันตอนอาหารกลางวันนะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินออกไป
“นายก็ไม่รู้เหรอว่า เฮอร์ไมโอนี่คู่กับใคร”รอนหันมาถามแฮร์รี่
“เมื่อวานฉันมัวแต่ดีใจที่ได้คู่กับโชแชงนะซิ ก็เลยไม่ได้สังเกตุ ว่าใครได้ไพ่หมายเลขอะไรกับบ้าง”แฮร์รี่ตอบ
“ความจริงฉันไม่แคร์หรอกว่าเธอจะไปงานคู่ใคร ขออย่าให้เป็นเจ้าหมอนั่นก็พอ” รอนพูดพร้อมกับส่งสายตาไปที่โต๊ะของสลิธีริน
“โอกาส 1ใน3 ขอให้เฮอร์ไมโอนี่อย่าโชคร้ายขนาดนั้นเลยก็แล้วกัน”แฮร์รี่พูด
“เฮ้อ เสาร์สุดท้ายของเทอม ก็อีกแค่ 4วัน ฉันจะหาคู่ไปงานทันไหมเนี่ย”รอนบ่นกับตัวเอง

วันศุกร์แล้วจ๊ะ ณ ห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์
“โอ๊ย พรุ่งนี้แล้ว ฉันยังไม่มีคู่ไปงานเลย”รอนบ่น หลังจากที่เขาถูกสาวปฎิเสธมาแล้ว 4 คน
“ทำไมนายไม่ลองชวนปัทมาดูล่ะ”แฮร์รี่เสนอ
“ไม่ได้หรอกครั้งที่แล้ว ฉันทำตัวกับเขาไว้ไม่ค่อยดี(งานเลี้ยงครั้งที่แล้ว) เขาคงไม่ยอมไปงานกับฉันอีกแล้วล่ะ”รอนพูดอย่างเศร้าๆ แล้วอยู่ๆปาราวตีก็เดินเข้ามาหารอน
“รอน ฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย”ปาราวตีพูดขึ้น
“อะไรหรอ”
“คือนายมีคู่ที่จะไปงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้แล้วหรือยัง”
“ยัง ยังไม่มี เธอจะไปกับฉันเหรอ”รอนถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“เปล่าๆ ไม่ใช่ ฉันมีคู่ไปงานด้วยแล้ว”
“งั้น เธอถามฉันทำไมล่ะ”รอนเสียงอ่อยลงทันที
“คือ น้องสาวฉัน ปัทมานะ เขาฝากให้มาถาม คือถ้านายยังไม่มีคู่ไปงาน แล้วถ้านายอยากไปกับเธอ เธอให้มาบอกว่า พรุ่งนี้ เธอจะรอนายที่ ทางเข้าหน้าห้องโถง ว่าไงตกลงไหม”
“ได้ๆๆๆ ตกลงทันทีเลย”รอนตอบรับอย่างดีใจ ในความโชคดีของตนเอง


ตอนที่ 11 งานเลี้ยงเต้นรำ

“เฮอร์ไมโอนี่ลงมาช้าจัง”รอนบ่นขึ้นในขณะที่กำลังรอเฮอร์ไมโอนี่อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ (วันนี้ชุดของรอนเป็นชุดสีน้ำตาลเข้มที่ดูดีกว่าของปีที่แล้วเยอะ)
“โถ งานยังไม่เริ่มเลย อย่าบ่นนักน่า”แฮร์รี่พูด (เขาอยู่ในชุดสีดำสนิท มันดูคล้ายๆเสื้อคลุมนักเรียน แต่เป็นผ้ากำมะหยี่ และดูภูมิฐานกว่ามาก)
ประตูหอนอนหญิงเปิดออก ทั้ง 2 หันไปมอง
“อ้าว ปาราวตีเองเหรอ แล้วเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ”แฮร์รี่ถาม
“กำลังจะลงมาน่ะ”เธอพูดพร้อมทั้งเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
ประตูเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ ทั้ง 2 หันไปมอง แล้ว แทบตะลึงกับภาพตรงหน้า
เฮอร์ไมโอนี่ลงมาแล้ว วันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดสีขาวสะอาดตา ประดับด้วยผ้าลูกไม้สีขาว กระโปรงของเธอยาวประมาณเข่า ผมของเธอก็ถูกทำให้ตรงสลวย แล้วรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้วยโบว์สีขาวเช่นกัน
“ขอโทษทีรอนานไหม”เฮอร์ไมโอนี่ถาม เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองกำลังรอเธออยู่
“แฮร์รี่ รอน พวกนายเป็นอะไรหรือเปล่า”เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกครั้ง เมื่อเธอเห็นพวกเขาทำท่าเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร”ทั้งสองตอบพร้อมกัน
ในขณะที่ทั้งสามกำลังเดินออกจากห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ โดยมีรอนเดินนำออกไปก่อน แฮร์รี่ที่เดินตามหลังเฮอร์ไมโอนี่อยู่ก็ก้มลง กระซิบคำพูดบางอย่างที่เขาไม่อยากให้รอนได้ยิน
“วันนี้เธอสวยมากนะ”แฮร์รี่ชม จากใจจริง ประโยคนี้ทำให้เฮอร์ไมโอนี่อึ้งไปเหมือนกันก่อนจะพูดขึ้นว่า ”ขอบใจ เธอก็ดูหล่อมาก”

ทั้งสามกำลังเดินลงบันได เพื่อไปที่หน้าห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่มองลงมา เธอเห็นเด็กหนุ่มผมทอง ในชุดขาว ที่ดูโดดเด่นมาก (มัลฟอยใส่ชุดสีขาวทั้งชุด เสื้อคลุมของเขาก็เป็นสีขาวเช่นกัน ประมาณเจ้าชายเลยอ่ะ) เมื่ออยู่ในวงล้อมของสาวๆที่ใส่เสื้อผ้าหลากหลากสี และตอนนี้เขาก็สังเกตุเห็นเธอแล้วเช่นกัน เขาเดินออกมาจากวงล้อมของสาวๆ มายืนรอเธอที่เชิงบันได พร้อมกับยืนมือขึ้นไปรอรับเธอลงจากบันได(ใครนึกภาพไม่ออก คิดถึงแจ๊ค กับ โรส ในไททานิคไว้แล้วกัน) เธอเองก็รู้มารยาทดีพอที่จะส่งมือมาให้เขา เมื่อลงบันไดขั้นสุดท้ายมาแล้ว เขาก็จูงมือเธอเดินจากไป(พอยืนคู่กันแล้ว ดูยังกับจะไปปาร์ตี้ชุดขาวกันเลย) ทิ้งให้แฮร์รี่ กับ รอน ยืนอึ้งอยู่ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าใครกันที่ได้มางานคู่กับเฮอร์ไมโอนี่
“แฮร์รี่”โชแชง ร้องทักเขาขึ้นมา(โชแชงอยู่ในชุดสีดำสนิท ที่ดูเข้ากันมากกับชุดของแฮร์รี่) แฮร์รี่หันไปมองเธอ แล้วเขากับรอนก็เห็นปัทมายืนอยู่ห่างจากโชแชงไปไม่ไกลเท่าไหร่ ทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะแยกย้ายเดินไปหาคู่ของตนเอง
เมื่อเขาไปในงาน คู่ที่โดดเด่นมากก็คงไม่พ้นคู่ของ มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่ และ แฮร์รี่กับโชแชง (ก็บอกแล้วว่าสองหนุ่มนี่ดัง)
ทั้งสองคู่เป็นที่สนใจของคนในงานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่พวกพรีเฟ็คจะต้องไปเต้นรำเปิดฟลอร์ ดูเหมือนว่าทั้งสองคู่ที่ได้รับความสนใจจะเด็กนักเรียนคนอื่นอยู่แล้ว จะได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก (เป็นเพราะอะไร ไปดูกัน)
คู่ของแฮร์รี่กับโชแชงออกจะเต้นรำผิดจังหวะไปซะหน่อย(คือประมาณว่าทั้งสองเต้นรำไม่เก่งอ่ะนะ) ไม่แฮร์รี่ก็โชแชง มักจะก้าวพลาดไปเหยียบเท้าของอีกคนเสมอ แต่ทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
แต่คู่ของเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ทั้งคู่เต้นรำกันได้ดี ไม่มีผิดจังหวะซักนิด แต่มันก็แปลกๆตรงที่ว่า ทั้งสองสามารถเต้นรำคู่กันได้โดยไม่ต้องมองหน้ากันเลย (มัลฟอยเชิดหน้านิดๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เอาแต่ก้มหน้าอย่างเดียว)
เวลาผ่านไปซักพัก นักเรียนทุกคนมัวแต่สนใจดูการเต้นรำที่ ออกจะแตกต่างกันอยู่ซักหน่อย ของคนทั้ง 4 จนไม่มีใครสนใจจะพาคู่ของตนเองออกมาเต้นรำเลย
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงกล่าวขึ้นว่า “เอาทุกคนพาคู่เต้นรำของเธอ ออกมาเต้นรำกันได้แล้ว” พร้อมกับตัวเขาเองก็ ออกมาเต้นรำกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลเช่นกัน
ตอนนี้ นักเรียนต่างก็ออกมาเต้นรำกันแล้ว มัลฟอยจึงก้มหน้าลงแล้วพูดว่า
“เต้นรำเก่งเหมือนกันนี่”(แต่น้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้แสดงถึงความชื่นชมซักนิด)
“แน่นอนอยู่แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ตอนนี้มัลฟอยมองไปที่คู่ของโชแชงกับแฮร์รี่
“เสียใจล่ะซิที่ไม่ได้คู่กับเจ้าพอตเตอร์”เขาพูดอย่างกวนๆ
“เสียใจมากกว่า ที่ต้องคู่กับนาย”เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยเสียงที่ยียวนกวนประสาทไม่แพ้กัน
“ฉันก็ไม่ได้ดีใจนักหนาหรอกนะ ที่ต้องมาเต้นรำคู่กับเธอ ยัยเลือนสีโคลน”เขากล่าวต่อ
เฮอร์ไมโอนี่จึงแกล้งก้าวเท้าพลาด แล้วกระแทกส้นเท้าของเธอลงบนเท้าของมัลฟอยอย่างจัง
“โอ๊ย! นี่มันเจ็บนะ”เขาร้องขึ้นมาเบาๆ
“ใช่ ก็ฉันตั้งใจทำให้เจ็บนะซิ”เธอพูดอย่างกวนโมโหเขาต่อไป มัลฟอยจึงแก้แค้นกลับด้วยการทำเป็นเต้นรำผิดจังหวะ และมันเกือบจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่หกล้ม
“นายแกล้งฉัน”เฮอร์ไมโอนี่โวย
“ใช่ มี’ไรม่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่มองเขาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเพลงบรรเลงจบลง เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินออกจากฟลอร์ทันที โดยมีมัลฟอยเดินตามเธอออกมาด้วย เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วมัลฟอยก็นั่งลงข้างๆเธอเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่ รู้สึกเหมือนว่ามีใครกำลังจ้องเธออยู่ เธอพยายามมองหาเจ้าของสายตาคู่นั้น
เธอเห็นแล้ว รอนนั้นเอง รอนมองมาที่เธอด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่เมื่อเธอมองเขากลับไป รอนกลับหลบตาของเธอ แล้วเดินหายไปในหมู่นักเรียนคนอื่นๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามไปอธิบายเรื่องนี้ให้รอนฟังในตอนนี้ (คาดเดาเอาจากหน้าตาที่บอกบุญไม่รับของรอนอ่ะนะ)
เวลาผ่านไปซักครู่ ก็มีชายหนุ่ม ปี 6 บ้านฮัฟเฟิลพัฟเดินเข้ามา(โอ้ หน่วยกล้าตาย)
“คุณเกรนเจอร์ครับ ให้เกียรติเต้นรำกับผมซักเพลงได้ไหมครับ”เขาพูดอย่างสุภาพ
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับ และกำลังจะอ้าปากตอบ แต่....
จู่ๆ ชายหนุ่มคนนั้นก็ทำสีหน้าตกใจ แล้วเดินถอยหลังไป พร้อมกับพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ”
ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ดูจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่แล้วเธอก็คิดได้เมื่อหันมามอง มัลฟอยที่กำลังทำหน้ากวนๆอยู่ข้างๆเธอ
“นายทำอะไรน่ะ ”
“อะไร ฉันทำอะไร เธออย่ามากล่าวหากันอย่างนี้ซิ”เขาเถียงกลับ
เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอเถียงสู้เขาไม่ได้แน่ จึงเงียบไป หลังจากนั้นดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่อยากจะเข้ามาขอเฮอร์ไมโอนี่เต้นรำ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ไม่มีใครกล้าพอซักคน (ก็มัลฟอยเล่นนั่งคุมอยู่อย่างนี้นี่นา) เวลาผ่านมาอีกซักพัก
“เดรกโก”แพนซี่ร้องเรียก ในขณะที่เดินมาหาเขา โดยมีโรเจอร์เดินตามมาด้วย
แพนซี่เดินเข้ามาเกาะแขนมัลฟอยแล้วพยายามจะฉุดให้เขาลุกขึ้น (แต่มัลฟอยก็ยังไม่ยอมลุก)พร้อมกับพูดว่า
“เดรกโก เราไปเต้นรำกันเถอะ”ทำเสียงอ้อนสุดๆ
ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหมั่นไส้ยัยคนนี้มาก แล้วเธอก็ลุกขึ้น เดินไปหาโรเจอร์
“โรเจอร์ เราไปเต้นรำกันเถอะ”เธอทำเสียงอ้อนสุดๆเช่นกัน โรเจอร์ที่กำลังงงในความโชคดีของตนเองอยู่นั้น ก็จูงมือเฮอร์ไมโอนี่แล้วเดินไปที่ฟลอร์
มัลฟอยรีบลุกขึ้นดึงมือแพนซี่ แล้วเดินตามเข้าไปในฟลอร์เต้นรำด้วยเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่เต้นรำกับโรเจอร์ อย่างสนุกสนาน ในขณะที่มัลฟอยกับแพนซี่ก็เต้นรำกันอยู่ใกล้ๆ พวกเขา เมื่อเพลงจบลง มัลฟอยก็จูงมือแพนซี่ เดินไปหาคู่ของโรเจอร์กับเฮอร์ไมโอนี่ทันที
“จบเพลงแล้ว ขอคู่เต้นรำฉันคืนด้วย”มัลฟอยพูด แล้วจูงมือเฮอร์ไมโอนี่ออกมา ทิ้งให้ โรเจอร์กับแพนซี่ยืนงงๆ (ในกรณีของแพนซี่อาจมีการกรีดร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจที่มัลฟอยไม่สนใจเธอเท่าที่ควร) อยู่ที่กลางฟลอร์เต้นรำ
เดินมาแป็บนึง “นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อยได้แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่ร้อง พร้อมกับสะบัดมืออย่างแรง มัลฟอยปล่อยมือของเฮอร์ไมโอนี่ เธอกำลังตั้งท่าจะว่าเขาต่อ แต่ดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงขึ้นอีกครั้งแล้ว(ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในฟลอร์อยู่นะ) คนรอบๆข้างก็เริ่มเต้นรำกันแล้ว(จะเดินออกนอกฟลอร์ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ) เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยจึงจำใจต้องเต้นรำกันอีกหนึ่งเพลง และเพลงนี้ก็เป็นเพลงในจังหวะสโลว์ด้วย(ว้าว) ตอนเต้นรำแทนที่มัลฟอยจะเอามือเกาะที่เอวของเฮอร์ไมโอนี่เฉยๆ ไม่ เขาเล่นโอบเอวเธอไว้เลยต่างหาก (ฉวยโอกาสนี่หว่า) เฮอร์ไมโอนี่เอามือ(ข้างที่น่าจะวางอยู่บนไหล่ของมัลฟอย) พยายามแกะมือของมัลฟอยที่โอบเอวเธออยู่ออก แต่มันก็ไม่เป็นผล เธอจึงจำเป็นต้องปล่อยให้เขาโอบเอวเธอต่อไป พร้อมด่าเขาเบาๆว่า “อีตาบ้า คนฉวยโอกาส” ซึ่งมัลฟอยก็แกล้งทำหูทวนลมไม่ได้ยินไปซะอย่างนั้นแหละ (หมอนี่กวนตีนดีจริงแท้)
เที่ยงคืนตรง งานเลี้ยงเต้นรำเลิกแล้ว เด็กนักเรียนกำลังทยอยเดินออกจากห้องโถง แต่ก็มีเสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้น “พวกพรีเฟ็ค เดี๋ยวอยู่พบฉันก่อน”
เมื่อนักเรียนออกจากห้องโถงไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกพรีเฟ็คกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล
“วันพฤหัสนี้(วันหยุดปิดเทอม) ฉันขอให้พวกเธอทุกคน คุมเด็กนักเรียนที่จะกลับบ้านช่วงปิดเทอม ให้มาที่หน้าห้องโถงเวลาสิบโมงครึ่ง พร้อมกันทุกบ้านนะ รถไฟจะออกเวลาสิบเอ็ดโมงตรง เข้าใจใช่ไหม”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเธอก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่สุดท้ายของวันนี้ได้แล้ว”ศาสตราจารย์พูดขึ้นพร้อมกับมองไปทางกลุ่มพรีเฟ็คชาย
“หน้าที่สุดท้าย หน้าที่อะไรกันครับ”ทั้งสี่ถามขึ้นพร้อมกันอย่างงงๆ
“ก็พวกเธอต้องเดินไปส่งคู่เต้นรำของเธอ ที่หน้าหอนอนไงล่ะ”ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบอย่างหงุดหงิด เหมือนว่าพวกเขากำลังแกล้งโง่อยู่อย่างนั้นแหละ
“ครับ”ทั้งสี่ตอบพร้อมกัน แฮร์รี่รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆที่เขาได้มีโอกาสไปส่งโชแชงที่หน้าหอนอนของบ้านเรเวนคลอ เด็ทไม่มีท่าทีอะไร (ก็เขาคู่กับเฮเลนนี่ อยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว) มัลฟอยเองก็แอบยิ้มนิดๆที่มุมปาก แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือ โรเจอร์ เขาทำหน้าเหมือนมีใครพึ่งมาบังคับให้เขา ต้องออกไปสู้กับโทร์ลภูเขา ตัวต่อตัว โดยปราศจากไม้กายสิทธิ์ เมื่อเขานึกถึงว่าเขาจะต้องเดินไปส่งผู้หญิงที่ชื่อแพนซี่ พาร์กินสันที่หน้าหอนอนของบ้านสลิธีริน
เมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็เอ่ยกับมัลฟอยว่า
“นี่ นายไม่ต้องเดินไปส่งฉันก็ได้นะ ฉันไปเองได้”
“ทำไม กลัวฉันนักเหรอไง”มัลฟอยพูดอย่างยียวนเล็กน้อย
“ไม่มีทาง ฉันเพียงแต่คิดว่ามันจะทำให้นายลำบาก เพราะหอนอนของกริฟฟินดอร์นะ อยู่ชั้น7 และมันก็ห่างกับหอนอนของสลิธีรินมาก”เธอบอก(เธอรู้ว่าหอนอนของสลิธีรินอยู่ที่ไหน อ่านในเล่ม 2 ของหนังสือ)
มัลฟอยรู้สึกแปลกใจ และกำลังจะถามเธอว่า เธอรู้ได้ไงว่าหอนอนสลิธีรินอยู่ที่ไหน แต่เขาก็เปลี่ยนใจไม่ถาม แต่พูดขึ้นมาแทนว่า
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของฉัน” หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนมาถึงหน้าของรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน
“ถึงแล้วล่ะ ขอบใจมากนะที่เดินมาส่ง”เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ไม่เป็นไร”มัลฟอยตอบ แล้วเขาก็ยื่นหน้าเขามาที่ใกล้ๆหูของเฮอร์ไมโอนี่ พร้อมกับพูดต่อว่า
“วันนี้เธอสวยมาก” เมื่อเขาพูดจบ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ 5 นาที ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวแล้วเดิน เข้าไปในห้องนั่งเล่นรวม ซึ่งในนั้นก็มี รอนนั่งรอเธออยู่แล้ว

เมื่อแฮร์รี่ส่งโชแชงที่หน้าหอนอนของเรเวนคลอแล้วเขาก็กลับไปที่หอนอนของกริฟฟินดอร์ เมื่อเขาเข้ามาก็ เห็น ฉากสุดท้ายของรอน กับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังทะเลาะกันอยู่พอดี
“ปีที่แล้วก็ครัม ปีนี้ก็มัลฟอย ทำไมเธอจงใจเลือกคู่เต้นรำที่เป็นศัตรูของแฮร์รี่นักนะ”รอนถามเสียงดัง
“วิกเตอร์ไม่ใช่ศัตรูของแฮร์รี่ และเรื่องของมัลฟอย ฉันก็ไม่ได้เป็นคนเลือกด้วย มันเป็นความบังเอิญเพราะพรีเฟ็คต้องเต้นรำเปิดฟลอร์คู่กันไม่เข้าใจหรือไง”เฮอร์ไมโอนี่เถียงกลับด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
“งั้นทำไมตอนที่จบเพลงแรกเธอไม่แยกกับเจ้าหมอนั่นแล้วเดินมาหาฉันกับแฮร์รี่ล่ะ”รอนถามต่อด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีก
“งั้นถ้าฉันเดินไปหาเธอโดยมีมัลฟอยเดินไปด้วยเธอจะพอใจไหมล่ะ”
“ไม่มีทาง”รอนตอบเสียงดัง
“ใช่ เพราะฉันรู้ ฉันถึงไม่เดินไปหาเธอไงล่ะ”
“ถ้าเธอเดินมาหาเรา แล้วเจ้าหมอนั่นจะเดินตามมาด้วยทำไม”
“เพราะเขารู้ว่า มันจะทำให้เธอไม่พอใจ และเราก็จะทะเลาะกันอย่างนี้ไงล่ะ” เมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดจบ เธอก็เดินกระแทกเท้ากลับขึ้นไปที่หอนอนทันที

ตอนที่ 18

ทุกวันยังคงผ่านไปเหมือนเดิม นั่นคือไม่ว่า เฮอร์ไมโอนี่จะไปทางไหนมันก็จะตามมาด้วยเสียงซุบซิบนินทา และสายตาที่แสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างเปิดเผยจากผู้หญิงอื่นๆ เนื่องมาจากข่าวลือต่างๆ(ระหว่างเธอกับสามหนุ่ม) แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่แคร์กับมันนักหรอก(แต่ก็มีเบื่อๆบาง)ตราบใดที่แฮร์รี่ รอน และเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ยังเป็นเพื่อนที่ดีกับเธออยู่ ความจริงแล้วสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจในช่วงหลายวันนี้ก็คงจะมีแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ ทุกครั้งที่เธอเห็นมัลฟอย เธอจะต้องเห็นแพนซี่ พาร์กินสันเกาะติดเขาอยู่ด้วยทุกที่ ‘มันยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะผนังซะอีก’ เธอคิด แต่ในความไม่พอใจนี้เธอก็ยังรู้สึกดีอยู่บ้างนิดหน่อย เพราะเธอเห็นมัลฟอยทำหน้าไม่ค่อยจะยินดีซักเท่าไหร่นักกับพฤติกรรมเช่นนี้ของแพนซี่
วันหนึ่งในขณะที่เธอนั่งทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์อยู่ในห้องสมุดคนเดียว ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ถ้าเธอจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นเด็กปีห้า บ้านเรเวนคลอ
“นี่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอหน่อย”ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดูจะข่มขู่เล็กน้อย
“เรื่องอะไรล่ะ เชิญ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ เธอไม่กลัวการข่มขู่จากอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“ฉันอย่างจะถามว่า สิ่งที่เธอทำอยู่นี่มันสนุกนักเหรอไง”
“สนุก? นี่เธอต้องการจะพูดเรื่องอะไรกันแน่”เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจสิ่งที่ ผู้หญิงคนนั้นพูด
“ก็การที่เธอ เที่ยวไปคบกับคนนั้นที คนนี้ทีนะซิ”ผู้หญิงคนนั้นพูดต่ออย่างรวดเร็ว และกำลังด่าเฮอร์ไมโอนี่อย่างเสียๆหายๆ (คนแต่งคิดคำด่าไม่ค่อยออก เพื่อนๆคิดเอาเองล่ะกันนะ) “เธอเคยคิดบ้างไหมว่าการกระทำของเธอ มันทำให้ใครต้องเสียใจบ้าง เพื่อนฉันเขากังวล และคิดมากกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เธอเคยรู้บ้างไหม”
เฮอร์ไมโอนี่กำลังงงอยู่ว่าใครคือเพื่อนของผู้หญิงคนนี้ และคำตอบที่เธออยากรู้ก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เมื่อปัทมาเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนี้
“นี่ หยุดนะ เจน พอซะที”ปัทมาพูดพร้อมกับดึงผู้หญิงคนนั้นออกไป
“ขอโทษนะ เฮอร์ไมโอนี่ เพื่อนฉันเขาอารมณ์ร้อนไปหน่อย”ปัทมาหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้เองเธอสังเกตุเห็นว่า ขอบตาของปัทมา เป็นรอยแดงๆ เหมือนเธอพึ่งร้องไห้มา ปัทมาดันหลังเพื่อนของเธอให้ออกไปจากห้องสมุด
หลังจากที่คนทั้งคู่ออกจากห้องสมุดไปแล้ว เธอก็นั่งคิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธออย่างนั้นเหรอ ผิดที่อยู่ๆเธอก็ถูกผู้คนเอาไปนินทากันว่า เธอเป็นแฟนกับคนนั้น คนนี้ ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะทำการบ้านแล้วละ เธอเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋า ตอนนี้เธออยากจะกลับไปที่หอนอนมากกว่า
ระหว่างทางที่จะไปหอนอน เธอเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนจับกลุ่มกันอยู่บริเวณหัวมุมทางเดิน เธอรู้ว่านั้นเป็นเด็กบ้านสลิธีรินอย่างแน่นอนเพราะเธอเห็นแพนซี่ พาร์กินสันยืนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เธอหลบทันที ถึงเธอจะอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ก็เถอะ แต่เธอคงไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับแพนซี่ พาร์กินสันและกลุ่มเด็กบ้านสลิธีรินทั้งโขยงตอนนี้หรอก
“พวกเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ”เสียงของแพนซี่ดังขึ้น ถึงเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ต้องการได้ยินเรื่องที่แพนซี่จะพูดต่อไป แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังผ่านเข้ามาในโสตประสาทของเธออยู่ดี
“เดรโกนะ เขาเป็นแฟนของฉัน เขาไม่มีทางลดตัวลงไปคบกับพวกเลือดสีโคลนอย่างยัยเกรนเจอร์เด็ดขาด”แพนซี่พูดเสียงดัง เหมือนกำลังประกาศความเป็นเจ้าของ”ตอนที่เขารู้ว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้น เขาก็เอ่ยปากชวนฉันทันที แต่เพราะหน้าที่ของพรีเฟ็ค ทำให้เขาจำเป็นต้องไปงานกับยัยนั้นแทน หวังว่าต่อไปพวกเธอจะเข้าใจอะไรได้ถูกต้องมากขึ้นนะ”เมื่อแพนซี่พูดจบ เธอก็เดินจากไป
‘เชอะ พอรู้ว่ามีงานเลี้ยงเต้นรำ ก็เอ่ยปากชวนทันทีอย่างนั้นนะเหรอ โกหกได้หน้าด้านๆ’เฮอร์ไมโอนี่คิด’แต่ที่แพนซี่บอกว่าพวกเขาเป็นแฟนกันล่ะ มันจริงหรือเปล่านะ?’
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับมาถึงห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์แล้ว เธอเห็นแฮร์รี่กับรอนกำลังช่วยกันละเลงการบ้านวิชาพยากรณ์ศาสตร์ของพวกเขาอย่างมันส์มือ
“ว่าไงเฮอร์ไมโอนี่ เธอทำการบ้านวิชาคาถาได้ความยาวเกินกว่าที่อาจารย์สั่งไว้เท่านึงหรือยังล่ะ”รอนถามขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นเธอเดินเข้ามา เฮอร์ไมโอนี่มองมาที่รอน มันทำให้เธอนึกถึงปัทมาขึ้นมาทันที เธอถอนหายใจหนึ่งที ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ไกลจากพวกเขาที่สุด
เด็กชายมองหน้ากันอย่างงงๆในพฤติกรรมแปลกๆของเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาเดินไปหาเธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ มีอะไรหรือเปล่า เธอดูแปลกๆนะ”แฮร์รี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอมองหน้าเขาแทน เธอกำลังคิดว่าโชแชงจะเป็นเหมือนปัทมาหรือเปล่า? เธอถอนหายใจอีกครั้ง
“เฮอร์ไมโอนี่ ตกลงเธอจะตอบเราไหมว่าเธอเป็นอะไร”รอนถามอีกครั้ง น้ำเสียงเขาเริ่มไม่พอใจแล้วที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรนอกจากถอนหายใจอย่างเดียว
“พวกเธอจะถามไปทำไม”เฮอร์ไมโอนี่ ถามขึ้นเสียงเรียบมาก
“ก็เราเป็นห่วงเธอนะซิ”รอนตอบทันที
“ห่วง? ทำไมต้องห่วงด้วยล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกครั้ง ยังคงใช้เสียงเรียบๆ เหมือนเดิม
“ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันนะซิ”แฮร์รี่ตอบ
“นั้นซิเราเป็นเพื่อนกัน”เฮอร์ไมโอนี่พึมพำกับตัวเอง แต่แอบคิดต่อว่า ‘แล้วทำไมฉันต้องโชคร้ายเพราะพวกเธอด้วยนะ’ เธอส่ายหน้าแล้วเดินไปที่หอนอนหญิงทันที ทิ้งให้เด็กชายทั้งสองยืนงงอยู่อย่างนั้นแหละ
วันนั้นหลังจากเดินตรวจโรงเรียนในหน้าที่พรีเฟ็คเสร็จแล้ว เฮอร์ไมโอนี่กลับขึ้นไปที่หอนอนของเธอ ลาเวนเดอร์หลับไปแล้ว แต่ปาราวตียังไม่หลับ เธอยังคงนั่งรอเฮอร์ไมโอนี่อยู่
“เฮอร์ไมโอนี่ เรื่องวันนี้ปัทมาเล่าให้ฉันฟังแล้ว เขาฝากให้ฉันมาขอโทษเธอน่ะ”ปาราวตีพูดขึ้นทันทีที่เธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามา เฮอร์ไมโอนี่เดินไปนั่งที่เตียงของเธอ “ไม่เป็นไรหรอก ฝากบอกปัทมาด้วยว่าฉันไม่คิดอะไรมากหรอก”เธอตอบยิ้มๆ แต่ดวงตาของเธอกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ปาราวตีเดินมาที่นั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่
“เฮอร์ไมโอนี่ เราเป็นเพื่อนกันนะ ถ้าเธอมีอะไรกลุ้มใจเธอสามารถเล่าให้ฉันฟังได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่ปาราวตีก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“ปาราวตี เรื่องข่างลือต่างๆที่เกิดขึ้น เธอว่าฉันผิดไหม”เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ฉันว่าเธอไม่ผิดหรอกนะเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอต้องเข้าใจนะ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สนิทกับแฮร์รี่แล้วก็รอนที่สุด แล้วอย่างวันงานเลี้ยงเต้นรำเธอก็ยังได้ไปงานคู่กับมัลฟอยอีก ฉันคิดว่ามันก็คงยากอยู่นะที่จะไม่ให้ผู้หญิงคนอื่นๆเขาอิจฉาเธอน่ะ”ปาราวตีตอบยิ้มๆ เธอเอามือมาหยิกแก้มของเฮอร์ไมโอนี่เบาๆแล้วพูดต่อว่า”ขนาดฉันเป็นเพื่อนเธอแท้ๆ บางครั้งฉันยังอดอิจฉาเธอไม่ได้เลย”
“แต่ฉันกับแฮร์รี่แล้วก็รอน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องงานเลี้ยงเต้นรำมันก็เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น”เธอบ่นพึมพำคนเดียว
“หรือถ้าเธอเบื่อข่าวลือนัก เธอก็ทำให้มันเป็นเรื่องจริง โดยตกลงเป็นแฟนกับใครซักคนไปเลยซี่ ฉันรับรองว่าข่าวลือทั้งหมดจะจบลงอย่างรวดเร็ว”ปาราวตีพูดเล่น ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนอนที่เตียงของเธอ
แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่หลับ เธอยังคงนั่งคิดถึงเรื่องที่ปาราวตีพูด ‘หึ! เป็นแฟนใครซักคนน่ะเหรอ เธอจะเป็นแฟนใครได้ล่ะ ไม่มีใครรักเธอเลยซักคน แฮร์รี่ก็ชอบโชแชง รอนก็ดูเหมือนว่าจะสนใจปัทมาอยู่ ส่วนมัลฟอย เขาก็มีแพนซี่เกาะติดอย่างกับตุ๊กแกอย่างนั้นอยู่แล้วทั้งคน’ เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ’คนที่สมควรโดนเกลียดไม่ใช่เธอ ควรเป็นสามคนนั้นต่างหาก’ แต่เมื่อเธอคิดถึงคำว่า ‘ไม่มีใครรักเธอเลย’ มันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย ‘นี่เธอเป็นคนที่ไม่มีใครรักเลยจริงๆเหรอ?’

วันต่อมาในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เดินตรวจโรงเรียนคู่กับโรเจอร์ ปกติเวลาทั้งคู่เดินตรวจโรงเรียนคู่กัน พวกเขาจะคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะโรเจอร์เป็นคนที่คุยสนุกและมีอัธยาศัยดี แต่วันนี้เฮอร์ไมโอนี่กลับเงียบ
“เฮอร์ไมโอนี่ ทำไมวันนี้คุณดูเงียบจังเลย”โรเจอร์ถามขึ้น “หรือคุณคิดมากเรื่องข่าวลือ”
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อมกับถอนหายใจ “ความจริงฉันไม่แคร์เรื่องข่าวลือหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันแคร์คนๆหนึ่ง(เธอหมายถึงปัทมา) เป็นเพราะข่าวลือไร้สาระเรื่องฉันกับรอน มันคงทำให้เขาคิดมาก ฉันคิดว่าฉันสามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังได้ แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถทำให้เขาเชื่อฉันได้อย่างสนิทใจ”
“แล้วคุณคิดจะแก้ปัญหานี้ยังไงล่ะ”โรเจอร์ถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่รู้ซิ ฉันยังคิดไม่ออก”เธอส่ายหน้า แล้วก็เริ่มเดินต่อไป แต่โรเจอร์ก็เรียกเธออีกครั้ง
“เฮอร์ไมโอนี่” เธอหันไปมองเขา
“แล้วที่คุณบอกว่า ข่าวลือพวกนั้นไร้สาระ นั่นหมายว่าความคุณไม่ได้คิดอะไรกับ..กับพวกเขาหรอ”
“ไม่ ทั้งรอนแล้วก็แฮร์รี่ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น”
ตอนนี้โรเจอร์ทำหน้าเหมือนว่า เขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว
เขากำลังมองเธอด้วยสายตาที่ดูอบอุ่นและมั่นคง เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขา เมื่อเธอเห็นสายตาของเขาที่กำลังจ้องมองมาที่เธอมันทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้เลยแหละ เขาเดินเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ พร้อมทั้งจับมือของเธอขึ้นมากุมไว้อย่างทะนุถนอม เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาทันที
“เฮอร์ไมโอนี่ ผมมีอะไรอยากจะบอกคุณ ผมรักคุณนะ”โรเจอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง น้ำเสียงของเขามันทำให้หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นผิดจังหวะ
“โรเจอร์ ฉ..ฉัน..ดีใจ แต่ ฉัน..ฉันขอโทษ”เธอตอบได้เพียงเท่านี้ เขายิ้มให้เธอ
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจคุณ ที่ผมพูด เพียงเพราะผมอยากให้คุณได้รับรู้ความรู้สึกของผมไว้เท่านั้น”เขาพูดยิ้มๆ ความจริงเขาก็เตรียมใจรับคำตอบแบบนี้อยู่แล้วล่ะ แต่แล้วอยู่ๆเขาก็ตกใจที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องไห้
“เฮอร์ไมโอนี่ คุณเป็นอะไรนะ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเสียใจ ถ้าคำพูดของผมมันทำให้คุณลำบากใจ คุณลืมมันซะเถอะ”โรเจอร์พูดอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆ แต่น้ำตาของเธอก็ยังไม่หยุดไหล
“เปล่าๆ โรเจอร์ ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ ฉันดีใจต่างหาก”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ”คุณเป็นคนแรกที่บอกรักฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่รักฉัน ฉันก็เลยดีใจมากไปหน่อย” โรเจอร์ดึงเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปกอด
“ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ ผมว่ายังมีใครอีกมากที่รักคุณ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง”เขาพูดพร้อมกับลูบผมของเธอ เขาทำเหมือนกำลังปลอบเด็กตัวเล็กๆที่กำลังร้องไห้อยู่
“โรเจอร์ ขอบคุณที่รักฉัน”เธอพูดขึ้นเบาๆ ถึงเธอจะไม่สามารถรู้สึกกับโรเจอร์ได้มากไปกว่าคำว่าเพื่อน แต่เธอก็รู้สึกดีใจ ที่เธอรู้ว่ามีใครซักคนที่รู้สึกดีๆกับเธอ
แต่แล้วเธอก็คิดถึงคำพูดของปาราวตีขึ้นมา ‘จริงซิ ถ้าเธอเป็นแฟนกับใครซักคน ข่าวลือเรื่องต่างๆของเธอก็จะจบลง’ เธอตัดสินใจเงยหน้าขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า
“โรเจอร์ อีกหนึ่งเดือนก็จะปิดเทอมแล้ว เธอช่วยเป็นแฟนฉันไปจนกว่าจะหมดเทอมนี้ได้ไหม”เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น โรเจอร์มองเธองงๆก่อนที่จะถามว่า “เพื่ออะไร” เธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้โรเจอร์ฟัง
โรเจอร์หัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดว่า ”คุณแน่ใจหรอกว่าวิธีนี้จะสำเร็จน่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดตอนนี้”เธอตอบ”แล้วตกลงเธอจะช่วยฉันไหม”
“ผมน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก”โรเจอร์ตอบ”แต่ว่าถ้าเราเป็นแฟนกันจนถึงตอนปิดเทอมแล้ว เกิดคุณอยากจะต่อสัญญาขึ้นมา ถึงตอนนั้นคุณต้องเป็นฝ่ายบอกรักผมบ้างนะ”โรเจอร์พูดพร้อมหัวเราะออกมา และมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ไม่มีทาง”เฮอร์ไมโอนี่พูดยิ้มๆ
“ก็ไม่แน่นะ ผมจะพยายามทำให้คุณพูดคำๆนั้นออกมาให้ได้”โรเจอร์พูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


ตอนที่ 19

ตอนเช้าวันถัดมา เด็กทั้งสามกำลังเดินลงบันไดเพื่อไปรับประทานอาหารเช้ากันที่ห้องโถงกลาง เฮอร์ไมโอนี่เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่เชิงบันได เธอรีบเดินลงไปหาเขา
“อรุณสวัสดิ์ โรเจอร์”เฮอร์ไมโอนี่ทักเขา“เธอมายืนที่นี่ทำไมหรอ” โรเจอร์หันมายิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่
“ผมก็มารอคุณไง เฮอร์ไมโอนี่ ผมรู้ว่ากริฟฟินดอร์จะต้องลงจากบันไดนี้ทุกเช้า เพื่อไปที่ห้องโถงกลาง”โรเจอร์พูดเสียงหวาน เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับก้มหน้าลงด้วยความอาย แฮร์รี่กับรอนเดินลงมาถึงตรงที่เฮอร์ไมโอนี่กับโรเจอร์ยืนอยู่ และพวกเขาก็ได้ยินที่โรเจอร์พูดกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
“อรุณสวัสดิ์ แฮร์รี่ แล้วก็ เอ่อ..วีสลีย์ใช่ไหมครับ”โรเจอร์ทักคนทั้งคู่
“อรุณสวัสดิ์”แฮร์รี่ทักตอบอย่างงงๆ แต่รอนไม่พูดอะไร ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจที่โรเจอร์มายืนรอเฮอร์ไมโอนี่ตรงนี้
“ขอตัวก่อนนะ”รอนพูดขึ้นพร้อมกับดึงแฮร์รี่ไปที่ห้องโถงกลางทันที
เมื่อพวกเขานั่งลงที่เก้าอี้ในห้องโถงแล้ว
“เจ้านั่น มันใครกัน แฮร์รี่”รอนถามเสียงหงุดหงิด
“เขาชื่อ โรเจอร์ คาร์ลอส เป็นพรีเฟ็คของบ้านเรเวนคลอ”แฮร์รี่ตอบ
“แล้วทำไมเขาต้องมายืนรอเฮอร์ไมโอนี่ด้วย”รอนถามต่อ ดูเหมือนคำตอบของแฮร์รี่จะไม่ได้ทำให้ความหงุดหงิดของรอนลงลดเลยแม้แต่น้อย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”แฮร์รี่ตอบอีกครั้ง ใช่! เขาไม่รู้จริงๆ และเขาเองก็อยากจะรู้คำตอบมาก ไม่น้อยไปกว่ารอนซักเท่าไหร่นัก ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กับโรเจอร์เดินเข้ามาในห้องโถงกลางแล้ว เขาเดินมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ก่อนที่จะกลับไปที่โต๊ะของตนเอง แน่นอนพวกเขาทำท่าเหมือนคู่รักที่สวีทกันมาก ดูเหมือนเสียงซุบซิบจะตามมาอีกแล้ว แต่มันก็เป็นเสียงที่แสดงถึงความโล่งอกของสาวๆส่วนใหญ่ เฮอร์ไมโอนี่แอบมองไปที่ปัทมา ดูเหมือนว่าปัทมาจะแปลกใจที่เห็นเธอเดินมากับโรเจอร์ แต่ใบหน้าของเธอก็แสดงออกถึงความโล่งใจด้วยเช่นกัน
เมื่อเธอนั่งลงที่เก้าอี้ รอนก็ถามขึ้นทันทีว่า
“ทำไม เขาต้องมารอเธอด้วย” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่รอนเธอยังไม่ทันที่จะตอบ รอนก็พูดขึ้นมาอีกว่า
“ทำไมเขาต้องเดินมาส่งเธอที่โต๊ะด้วย”
“ทำไมเขาทำต้องทำท่าทางเหมือนเป็นแฟนเธอด้วย”
“ทำไมเขาต้อง..”รอนยังถามต่อไม่จบ เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขัดขึ้นทันที
“พอแล้วรอน เธอถามเป็นชุดแบบนี้จะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ”
“ตอบมาทุกคำถามนั้นแหละ”รอนตอบอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ กับท่าทางของรอน
“ก็ได้ ที่เขามารอฉัน มาส่งฉันที่โต๊ะ มันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“แฟน?”รอนกับแฮร์รี่ร้องขึ้นพร้อมกัน “ใช่ เราเป็นแฟนกัน แต่มีเหตุผลนะ เพราะว่า..”เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเล่าเรื่องสัญญาที่เธอกับโรเจอร์ตกลงกันไว้ให้ทั้งคู่ฟัง แต่ไม่ทันแล้ว เพราะรอนเอากำปั้นของเขาทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงไปทันที เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับการกระทำของรอนมาก เธอหันมาหาแฮร์รี่ เธอคิดว่าแฮร์รี่คงมีเหตุผลและพร้อมที่จะรับฟังเธอมากกว่ารอน แต่ดูเหมือนแฮร์รี่จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังเธอเช่นกัน แฮร์รี่ไม่ได้แสดงอาการโกรธอย่างรอน เขาเพียงแค่ลุกขึ้นช้าๆแล้วเดินออกไปจากห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ อีกครั้ง (ถ้าถามถึงมัลฟอย เขาเดินออกไปตั้งแต่โรเจอร์กับเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาแล้วล่ะ)
รอนเดินไปที่ห้องเรียนวิชาแปลงร่างซึ่งเป็นวิชาที่พวกเขาจะต้องเรียนในเช้านี้ ในห้องยังไม่มีใคร (ก็กว่าจะได้เวลาเรียนก็อีกตั้ง45 นาทีนี่นา) รอนกระแทกกระเป๋าของเขาลงที่โต๊ะ พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ ตอนนี้แฮร์รี่เดินเข้ามาในห้องแล้ว เขานั่งลงข้างๆรอน
“ฉันอยากให้วันนี้ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล สอนคาถาที่สามารถแปลงคนให้เป็นตัวเฟเร็ตได้ ฉันจะเอาไปสาบใส่เจ้านั่น”รอนพูด
“ไม่เอาน่ารอน นายจะโมโหไปทำไม”แฮร์รี่พยายามเตือนสติเพื่อน ถึงในใจเขาจะเห็นด้วยกับคำพูดของรอนก็เถอะนะ
“โมโห? นายถามว่าฉันจะโมโหทำไมน่ะเหรอ นายคิดดูนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันมา 5 ปี แล้วอยู่ๆก็มีไอ้เบื้อกที่ไหนก็ไม่รู้ เดินเข้ามาบอกว่า เขาเป็นแฟนกับเฮอร์ไมโอนี่ ทำไมเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยบอกเราเรื่องนี้”
แฮร์รี่กำลังพยายามคิดคำตอบที่ดีที่สุด แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้ามาในห้องแล้วโดยมีโรเจอร์เดินมาส่ง พวกเขาคุยกันสองสามคำก่อนที่โรเจอร์จะเดินไป
เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามาหาเพื่อนทั้งสอง เธอถือขนมปังปิ้งมาด้วย
“พวกเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ ฉันเลยเอานี่มาให้”เธอพูดพร้อมกับยื่นขนมปังให้เพื่อนทั้งสอง
“ขอบใจ”แฮร์รี่ตอบเบาๆ รอนยังดูจะโกรธๆอยู่
“พวกเธอจะบอกฉันได้หรือยังว่า เธอโกรธฉันเรื่องอะไร”เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เธอไม่รู้จริงๆอย่างนั้นนะเหรอ”รอนพูด น้ำเสียงประชดประชันอย่างชัดเจน
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าเธอโกรธฉันเรื่องโรเจอร์ แต่ฉันไม่รู้เหตุผล”เฮอร์ไมโอนี่พูด เธอกำลังใช้ความพยายามที่จะอดทนต่อน้ำเสียงและท่าทางของรอน
รอนเงียบ แฮร์รี่จึงตัดสินใจพูดขึ้นแทน
“ทำไมเธอไม่เคยบอกเราเรื่องนี้มาก่อน”แฮร์รี่ เอาคำถามที่รอนพูดไว้มาถามเธอ
“โถแฮร์รี่ ฉันจะบอกพวกเธอก่อนได้ยังไง ในเมื่อเราพึ่งตกลงที่จะเป็นแฟนกันเมื่อวานนี้เอง”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ โดยประโยคสุดท้ายเธอพูดพร้อมกับหน้าแดงไปด้วย
“เมื่อวาน” แฮร์รี่ทวนคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเขาก็คิดได้ ใช่! เมื่อวานเป็นวันอาทิตย์ โรเจอร์เป็นเวรที่จะต้องตรวจโรงเรียนคู่กับเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้แฮร์รี่ได้แต่คิดว่า เขายอมที่จะไม่เดินตรวจโรงเรียนคู่โชแชงทั้งเทอมดีกว่า ถ้ามันจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องไปตรวจโรงเรียนคู่โรเจอร์ด้วยเช่นกัน
“เขาขอคบกับเธอเมื่อวาน แล้วเธอก็ตกลงเป็นแฟนเขาง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ”รอนพูดบ้าง น้ำเสียงของเขาฟังดูเหินห่าง และเขาก็พูดเน้นที่คำว่า ‘ง่ายๆ’ เป็นพิเศษซะด้วย
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง รอน”เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงดัง เพราะไม่พอใจที่รอนพูดกับเธอเหมือนเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย
“ฉันหมายความว่าเธอคิดยังไง ถึงไปตกลงเป็นแฟนกับหมอนั่นง่ายๆ เธอคิดว่าเธอรู้จักเขาดีพอแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“เขาชื่อโรเจอร์ อย่าเรียกเขาว่าหมอนั่น แล้วทำไมฉันถึงจะตกลงเป็นแฟนกับเขาไม่ได้ เขาไม่มีอะไรเสียหายซะหน่อย”
“ก็เขา...”รอนอยากจะนึกหาข้อเสียของโรเจอร์ แต่เขายังคิดไม่ออก
“ถ้าเธอนึกไม่ออกฉันบอกให้ก็ได้ ก็เขาไม่มีข้อเสียอะไรเลย เขาเป็นถึงพรีเฟ็คของบ้านเรเวนคลอ การเรียนก็ดี มีความรับผิดชอบสูง หน้าตาก็ใช้ได้ มนุษยสัมพันธ์ก็ดี ฯลฯ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะเป็นแฟนกับเขาไม่ได้”
“แต่เขา...เขาไม่ได้อยู่กริฟฟินดอร์”ในที่สุดรอนก็คิดได้ 1 ข้อ ถึงมันจะเป็นเหตุผลที่ไร้สาระที่สุดก็เถอะนะ
“นั่นไม่ใช่เหตุผลเลยนะรอน”เฮอร์ไมโอนี่เถียงเสียงดัง เธอรู้สึกว่ารอนชักจะไม่มีเหตุผลมากขึ้นทุกทีแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างแรงอีกครั้ง(พักนี้เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจบ่อยจังเนอะ) เธอพยายามสงบสติอารมณ์ของเธอ แล้วเริ่มพูดต่อ
“เอาเถอะ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันจะต้องเล่าให้พวกเธอฟังนะ”เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะบอกพวกเขาเรื่องสัญญาอีกครั้ง แต่เสียงของรอนก็ดังขัดขึ้นอีกแล้ว
“ถ้าเธอกำลังจะเล่าว่า เขาขอเธอเป็นแฟนยังไง ไม่จำเป็น ฉันไม่อยากฟัง”รอนพูดเสียงดัง และดูเหมือนคราวนี้ความอดทนของเฮอร์ไมโอนี่จะหมดลงแล้ว
“ก็ได้ ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่าเธอโกรธเรื่องอะไร เธอโกรธที่โรเจอร์เขากล้ากว่าเธอ เขากล้าพอที่จะขอฉันเป็นแฟนในขณะที่ พวกเธอไม่กล้าที่จะพูดคำๆนี้กับ โช แล้วก็ปัทมาใช่ไหมล่ะ”เมื่อพูดจบ เฮอร์ไมโอนี่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆแฮร์รี่ ตอนนี้แฮร์รี่เลยต้องนั่งอยู่ตรงกลางโดยมีเพื่อนทั้งสองนั่งขนาบข้าง แต่เมินหน้าไปคนละทาง พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนกระทั้งหมดชั่วโมงเรียน ดีจริงๆที่วันนั้นศาตรจารย์มักกอนนากัลไม่ได้สอนคาถาที่จะแปลงคนให้เป็นตัวเฟเร็ตไม่อย่างนั้นโรเจอร์โดนแน่ๆ
การทะเลาะกันครั้งนี้ของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ มันทำให้แฮร์รี่แทบจะเป็นโรคประสาท เมื่อก่อนเวลาทั้งสองทะเลาะกัน พวกเขาจะเงียบ ไม่พูดกัน แต่ครั้งนี้ พวกเขาพยายามที่จะหาทางพูดประชดประชัน และเสียดสีกันตลอดเวลา
ทุกวันตอนเช้าโรเจอร์จะต้องมายืนรอเฮอร์ไมโอนี่ที่เชิงบันไดทุกเช้า และจะเดินไปส่งเธอที่ห้องเรียนวิชาแรกด้วย ซึ่งนี่ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รอนไม่ยอมคืนดีกับเฮอร์ไมโอนี่ซะที หลังจากที่เธอกับโรเจอร์เป็นแฟนกัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องลำบากใจเรื่องข่าวลือของเธออีกแล้ว เพราะมันจบลงไปทันที ตามความตั้งใจของเธอ (จบง่ายไปหน่อยป่ะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ คนแต่งไม่มีปัญญาแต่งอะไรให้มันยุ่งยากนัก)แต่เธอกลับต้องมาลำบากใจเพราะพฤติกรรมของรอนแทน
วันพฤหัส เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้ซะที เธอรู้สึกว่าช่วงสามสี่วันมานี้เธอไม่ได้เห็นหน้ามัลฟอยเลย ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงต้องอยากเจอหน้าเขาด้วย เมื่อถึงตอนสามทุ่มหลังจากที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัล บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ มัลฟอยเดินนำให้เธอไปซักระยะหนึ่งก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับเธอ
“เธอเบื่อแฟนเก่าทั้งสองของเธอแล้วหรือไง”มัลฟอยถามน้ำเสียงออกจะดูถูกเล็กน้อย
“มัลฟอย ถ้าเธอต้องการจะหมายถึงแฮร์รี่กับรอนล่ะก็ ฉันว่าฉันเคยบอกเธอไปหลายรอบแล้วว่าพวกเขาไม่ไช่แฟนฉัน”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ พร้อมกับคิดว่า ‘เธอบ้าไปหรือเปล่านะที่เคยคิดว่าอยากจะเจอหน้าคนๆนี้’
“แล้ว คาร์ลอส..”มัลฟอยพูดต่อ แต่ไม่จบประโยค เพราะอยู่ๆเขาก็นึกกลัวคำตอบที่จะได้รับขึ้นมาเฉยๆ เขาหันหลังแล้วเริ่มเดินต่อไป เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินตามไปเงียบๆ เธอรู้ว่ามัลฟอยต้องการจะถามอะไร และเธอก็รู้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะตอบคำถามๆนั้น มัลฟอยไม่ได้หันมาพูดอะไรกับเธออีกเลย และแน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ต้องการจะเอ่ยปากคุยกับเขาซักเท่าไหร่หรอก มัลฟอยไม่ได้โกรธเฮอร์ไมโอนี่เหมือนรอน อาจเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาโกรธเธอ
บ่ายวันหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ออกมาเดินเล่นกับโรเจอร์ เนื่องจากวันนั้นพวกเขาไม่มีเรียนตอนบ่ายเหมือนกันทั้งคู่
“เฮอร์ไมโอนี่ คุณยังโกรธกับวีสลีย์ อยู่เหรอครับ”โรเจอร์ถาม ซึ่งเขาคิดว่าเขาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว มันคาดเดาได้จากพฤติกรรมของรอนที่แสดงออกอย่างชัดเจนเวลาเจอเขา เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ตอบ แต่เธอถอนหายใจออกมาหนึ่งที
“ทำไมคุณไม่อธิบายเรื่องของเราให้เขาฟังล่ะครับ เขาจะได้เลิกโกรธซะที”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันเคยพยายามจะบอกแล้ว แต่เขาไม่ฟังฉันเลย”เฮอร์ไมโอนี่พูด”ดี!! ไม่ฟัง ฉันก็จะไม่อธิบายอะไรอีกแล้ว”เมื่อพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็ทำหน้างอนๆ ความจริงเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้โกรธอะไรรอนมากนักหรอก เพราะเธอคิดว่าถ้าอยู่ๆรอนเดินมาบอกว่าเขาเป็นแฟนกับปัทมา เธอก็คงจะโกรธและทำอะไรไม่ต่างกับที่รอนทำนักหรอก (อารมณ์ประมาณหวงเพื่อนอ่ะนะ)
“หึหึ”โรเจอร์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “โรเจอร์เธอหัวเราะอะไรน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เวลาคุณทำหน้างอนๆแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ”โรเจอร์พูดตรงมาก เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับหน้าแดงไปเลย ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกกลัวใจตัวเองเหลือเกิน และกลัวสายตากับคำพูดที่กล้าแสดงออกของโรเจอร์ด้วย
โรเจอร์ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะพูดต่อว่า
“คุณรู้ไหม ตั้งแต่ผมเป็นแฟนกับคุณเนี่ย มีคนสองคนดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดกับผมเท่าไหร่นัก แถมผมยังต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย”โรเจอร์พูดยิ้มๆ เฮอร์ไมโอนี่มองเขางงๆ “ผมหมายถึง แฮร์รี่กับมัลฟอยน่ะ”
“เธอรู้สึกไปเองมั้ง แฮร์รี่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่พูดกับเธอนี่ ส่วนมัลฟอย เขาไม่พูดกับใครหรอกถ้าคนๆนั้นไม่มีเรื่องให้เขาสามารถพูดจาดูถูกได้ แล้วที่เธอบอกว่าต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมนะ หมายถึงยังไงหรอ”
“ผมหมายถึง ผมกลัวว่าอยู่ๆจะมีคนมาสาบคำสาบใส่ผมนะซิ”โรเจอร์ตอบ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเธอคิดว่าเขาพูดเล่น โรเจอร์ไม่ได้เล่าให้เฮอร์ไมโอนี่ฟังหรอกว่า ตอนที่เขาเจอมัลฟอยนั้น มัลฟอยทำหน้าเหมือนว่าเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาสิบปีก็ไม่ปาน ส่วนแฮร์รี่ถึงเขาจะพยายามทำตัวเป็นปกติ แต่โรเจอร์ก็ยังรู้สึกได้อยู่ดีว่าแฮร์รี่ดูจะไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่นัก เขาคิดถึงคำพูดที่เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกเขาว่า ‘เธอไม่คิดว่าจะมีใครรักเธอ’ บางทีเธออาจจะลืมมองดูคนใกล้ตัวไปก็ได้ หลังจากนั้นพวกเขาเดินเล่นกันอีกซักพัก
“เอ่อ เฮอร์ไมโอนี่คุณรู้หรือยังว่า วันที่จะไปฮอกส์มี้ดครั้งต่อไปคือวันเสาร์นี้”โรเจอร์เอ่ยขึ้น
“เสาร์นี้เหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาอย่างดีใจ แน่นอนเธอยังจำได้ว่าเธอ รอน และแฮร์รี่สัญญากันไว้ว่าจะไปฮอกส์มี้ดด้วยกัน(เมื่อนานมาแล้ว)
“คือ คุณจะไปฮอกส์มี้ดกับผมได้ไหม”โรเจอร์พูดต่อ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ได้ยินประโยคนี้เธอก็เงียบไปทันที เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย เธอกำลังคิดว่า เธอจะตอบปฎิเสธเขายังไงให้มันฟังดูสุภาพที่สุด แต่ดูเหมือนการเงียบของเฮอร์ไมโอนี่จะทำให้โรเจอร์เข้าใจคำตอบได้ในทันที
“ไม่เป็นไร”โรเจอร์พูด”คุณคงอยากไปกับเพื่อนๆของคุณมากกว่าซินะ”เขาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังฟังออกอยู่ดีว่า โรเจอร์คงรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของเธอ
“ฉันขอโทษ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ “ฉันก็อยากไปกับเธอนะ เพียงแต่ว่าฉันสัญญากับเพื่อนเอาไว้แล้ว”
โรเจอร์หันมายิ้มให้เธอ เป็นเชิงว่า ‘ไม่เป็นไร ผมเข้าใจคุณ’

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินกลับไปที่หอนอนของกริฟฟินดอร์ เธอนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นรวมซักพัก รอนกับแฮร์รี่ก็เดินเข้า เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที
“พวกเธอรู้หรือยัง วันที่จะไปฮอกส์มี้ดครั้งต่อไปคือวันเสาร์นี้”เฮอร์ไมโอนี่ถามทันที
“เรารู้แล้ว”รอนตอบสั้นๆ
“แล้วที่เราสัญญากันไว้ว่าจะไปฮอกส์มี้ดด้วยกันนะ”เฮอร์ไมโอนี่ต้องการจะถามว่าพวกเขายังจำได้ไหม แต่ดูเหมือนรอนจะแปลเจตนาของเธอผิดไป
“ถ้าเธอต้องการจะบอกว่า เธอไปกับเราไม่ได้แล้ว เพราะเธอต้องไปกับโรเจอร์สุดที่รักของเธอล่ะก็ ไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะฉันก็พึ่งไปชวนปัทมาตะกี้นี้เอง แล้วแฮร์รี่ก็จะไปชวนโชเช่นกัน”
แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้ารอนด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน แฮร์รี่รู้ว่ารอนโกหก แต่เฮอร์ไมโอนี่มองรอนด้วยความเสียใจ เธอกำลังคิดว่าถ้าพวกเขาได้ไปฮอกส์มี้ดด้วยกันบางที มันอาจจะทำให้รอนหายโกรธเธอ แต่นี่รอนกับบอกเธอว่าเขาจะไปกับปัทมา
“ก็ดี ฉันก็กำลังจะบอกเธอว่า ฉันจะไปกับโรเจอร์เหมือนกัน”เมื่อเธอพูดจบเธอก็เดินปึงปังขึ้นไปที่หอนอนหญิงทันที
***

ตอนที่ 20

เช้าวันเสาร์ (วันไปฮอกส์มี้ด)

“โรเจอร์”เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขา ตอนนี้โรเจอร์กำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของเขา เมื่อเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่เขาก็ขอตัวแยกออกมา โรเจอร์เดินมาหาเฮอร์ไมโอนี่โดยมีเสียงเพื่อนของเขาตะโกนแซวอยู่ด้านหลัง

“มีอะไรหรือครับเฮอร์ไมโอนี่”โรเจอร์ถาม

“วันนี้เธอ..เธอจะไปฮอกส์มี้ดกับฉันได้ไหม”เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงเบา ที่เธอพึ่งมาชวนโรเจอร์ตอนนี้เพราะเธอคิดว่า บางทีเธออาจจะสามารถคืนดีกับรอนได้ทันก่อนจะถึงวันไปฮอกส์มี้ด แต่ก็เปล่าพวกเธอยังโกรธกันอยู่ และเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากจะไปฮอกส์มี้ดคนเดียว

โรเจอร์ดูจะประหลาดใจอย่างมาก “อ้าว แล้วคุณไม่ไปกับเพื่อนแล้วเหรอ”

“พวกเขาจะไปกับคนอื่นน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบเธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เธอคิดถึงเพื่อนทั้งสอง”พวกเขาผิดสัญญา ดี!งั้นฉันก็จะไปกับคนอื่นมั่ง”เธอเผลอพูดประชดคนทั้งคู่ออกไป

เมื่อโรเจอร์ได้ฟังคำตอบ แววตาของเขาก็แสดงออกถึงความเจ็บปวด ที่เฮอร์ไมโอนี่มาชวนเขาไม่ใช่เพราะเธอต้องการจะไปกับเขา แต่เป็นเพราะเธอต้องการจะประชดเพื่อนของเธอเท่านั้นเอง ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้รักเขา แล้วที่เธอกับเขาเป็นแฟนกันมันก็เป็นเพียงแค่ละครฉากนึงเท่านั้น แต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเป็นของจริง แต่ทำไมดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เคยใส่ใจกับมันเลย เธอไม่เคยคิดจะแคร์ความรู้สึกของเขาเลยหรือไง เธอไม่เคยคิดเลยใช่ไหมว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรที่ได้รู้ว่าที่เธอจะไปฮอกส์มี้ดกับเขาก็เพียงแค่เธออยากจะประชดคนอื่นเท่านั้น

ดูเหมือนว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพึ่งรู้สึกตัวว่าเธอพูดอะไรออกไป เธอรู้สึกเสียใจมากที่เห็นแววตาของโรเจอร์ที่แสดงออกมาในขณะนี้ เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่แย่มาก เธอคิดถึงแต่ตัวเอง เธอไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของโรเจอร์เลย

“โรเจอร์..ฉัน..ฉันขอโทษ ฉันคงเอาแต่ใจมากไปหน่อย ฉัน...”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่น เธอกำลังจะเดินจากไป แต่โรเจอร์ก็คว้าแขนของเธอเอาไว้ซะก่อน

“ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่า ผมจะไม่ไปกับคุณ” ถึงเขาจะเสียใจที่เขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ต้องการจะไปกับเขาจริงๆ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ตัวของเขาเองดีล่ะว่า เขาดีใจที่เขาจะได้ไปฮอกส์มี้ดกับเธอ

ที่ฮอกส์มี้ด พวกเขาได้เดินดูของต่างๆด้วยกัน แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ดูจะสนใจมันเป็นพิเศษ มันเป็นร้านเล็กๆ อยู่ที่หัวมุมถนน ดูเหมือนมันจะพึ่งเปิดใหม่ เพราะครั้งก่อนๆที่เธอมาเธอไม่เคยเห็นร้านนี้ เธอจึงชวนโรเจอร์เข้าไปดูในร้าน

ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ตกแต่งด้วยของกระจุกกระจิกน่ารัก ของตกแต่งร้านทุกอย่างออกเป็นโทนสีฟ้าอ่อนๆ ดูสบายตา ไม่ว่าจะเป็นผนังร้าน ผ่าม่าน หรือแม้กระทั่งที่พื้น

ของที่วางขายทุกอย่างเป็นสินค้าที่ดูเหมือนของๆพวกมักเกิ้ล เธอเห็นผู้หญิงอายุประมาณ 35 หน้าตายิ้มแย้มท่าทางใจดีที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านนั่งอยู่ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้าน Muggle Handmadeจ๊ะ”ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขึ้น“สินค้าทุกชิ้นที่ร้านของเรา ถูกออกแบบให้เหมือนกับสินค้าของพวกมักเกิ้ล แต่สินค้าของเราจะมีสิ่งที่พิเศษกว่าหน่อย แล้วของทุกชิ้นก็เป็นสินค้าที่ทำด้วยงานฝีมือ เธอจะหามันที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”เมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดจบก็หันมายิ้มให้กับเฮอร์ไมโอนี่

เฮอร์ไมโอนี่เดินดูของต่างๆในร้าน มันเหมือนร้านที่ขายของน่ารักๆ ทั่วไปของพวกมักเกิ้ล แต่ของทุกอย่างดูจะน่าสนใจกว่ามาก อย่างเช่น ชุดน้ำชา สีขาวลายดอกไม้ มันสามารถรินเครื่องดื่มทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำฟักทอง ฯลฯ โดยแค่ใส่น้ำเปล่าลงไป ตุ๊กตาหมีที่สามารถพูดคุยและโต้ตอบกับเราได้เหมือนมีชีวิต (เหมือนSuper Toyในเรื่อง A.I.) หรือสมุดไดอารี่น่ารักๆที่สามารถเขียนได้เองตามคำพูดของผู้เป็นเจ้าของ(คือไม่ต้องนั่งเขียนเองให้เมื่อยมืออ่ะนะ)

สายตาของเฮอร์ไมโอนี่มาหยุดลงที่โต๊ะทรงกลมที่ตั้งอยู่กลางร้าน เธอเห็นกล่องไม้เล็กที่ถูกสลักลวดลายไว้อย่างประณีตและงดงาม มันถูกวางอยู่บนเบาะสีแดง เธอเดินเข้าไปดูที่กล่องนั้นใกล้ เธอสงสัยว่ามันคืออะไร

“นั่นคือกล่องดนตรีจ๊ะ เพลงที่ออกมาจากกล่องนั้นจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ และความต้องการของผู้ที่เปิดมัน”หญิงผู้เป็นเจ้าของร้านกล่าวขึ้นหลังจากที่ เธอเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่สนใจมันอยู่

เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ มันสวยมาก เธอลองเปิดมันออก เสียงดนตรีก็เริ่มดังขึ้น มันเป็นเพลง ’Beauty and the beast’ และมีตุ๊กตาแก้วรูปเบลล์กับอสูรเต้นรำกันอยู่ มันน่ารักมากในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่(และในความคิดของคนแต่งด้วย เราชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากเลย) แต่ราคาตั้ง 20 เกลเลียน เธอคิดว่าถ้าเธอไปซื้อกล่องดนตรีที่ร้านของมักเกิ้ลเงิน 20 เกลเลียน เธอคงสามารถซื้อกล่องดนตรีได้ประมาณ 5 กล่องล่ะมั่ง เธอไม่คิดจะซื้อมันเด็ดขาดถึงเธอจะรู้สึกชอบมันแค่ไหนก็ตาม

เธอตัดสินใจซื้อหนังสือนิทานสำหรับเด็ก(ของพวกมักเกิ้ล)มาหนึ่งเรื่อง เป็นเรื่อง ‘ซินเดอเรล่า’ หนังสือนิทานเล่มนี้เมื่อเปิดออก ก็จะมีตัวละครในนิทานออกมาจริงๆ แล้วเริ่มแสดงบทบาทของตน (เหมือนพวกหนังสามมิติอ่ะนะ) โรเจอร์ไม่ได้ซื้ออะไร ก็สินค้าในร้านพวกนั้นเหมาะกับพวกเด็กผู้หญิงมากกว่านี่น่า

เมื่อเดินออกมานอกร้านแล้ว โรเจอร์ก็ชวนเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ร้านไม้กวาดสามอันเพื่อดื่มบัตเตอร์เบียร์กัน ระหว่างทางโรเจอร์ก็ถามเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นว่า

“ทำไมคุณถึงซื้อหนังสือนิทานเรื่องนี้ล่ะ”(พวกเลือดบริสุทธิ์ทั้งหลายไม่รู้จัก นิทานเรื่องนี้นะ เพราะมันเป็นของพวกมักเกิ้ล)

“มันเป็นนิทานที่ฉันชอบที่สุด ตั้งแต่ตอนฉันเป็นเด็กแล้วล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องในนิทานให้โรเจอร์ฟัง ตอนนี้โรเจอร์มองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขารู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสามาก(ในความคิดเรา เฮอร์ไมโอนี่เป็นแบบนี้แหละ)

“ฉันชอบฉากที่นางฟ้าปรากฎตัวมาช่วยเสกเสื้อผ้า รองเท้าแก้ว แล้วก็รถม้าให้ซินเดอเรล่ามากเลยล่ะ”เธอพูดต่อด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมล่ะ”โรเจอร์ถาม หน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีชมพูอ่อนขึ้นนิดนึงก่อนที่จะตอบว่า

“เพราะเวทมนตร์ของนางฟ้าไงล่ะ ตอนเด็กๆฉันชอบฟังเรื่องเกี่ยวเวทมนตร์มาก แต่พวกผู้ใหญ่บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีอยู่จริง”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มน้อยๆเมื่อเธอคิดถึงชีวิตในวัยเด็กของเธอ”คนที่โตมาในครอบครัวพ่อมดแม่มดอย่างเธอ คงคิดไม่ออกหรอกว่า ฉันดีใจและมีความสุขแค่ไหน ตอนที่ฉันได้รับจดหมายให้มาเรียนที่ฮอกวอตส์”

“แต่ผมว่า คุณก็คงคิดไม่ออกเหมือนกันหรอกว่า ผมดีใจและมีความสุขแค่ไหนที่คุณได้มาเรียนที่ฮอกวอตส์”โรเจอร์พูดและมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความหมาย เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงแล้วก็แกล้งเมินหน้าไปทางอื่น

“ฉันว่าเรารีบเดินกันหน่อยดีกว่า ฉันอยากดื่มบัตเตอร์เบียร์จะแย่อยู่แล้ว”เธอเปลี่ยนเรื่องพูดทันที

“อืม แต่ผมเห็นคุณก็สนใจกล่องดนตรีอยู่ใบหนึ่งไม่ใช่เหรอ”โรเจอร์ถามขึ้นอีกครั้ง

“อ๋อ ใช่ ฉันชอบมันมาก แต่มันราคาตั้ง 20 เกลเลียนแน่ะ มันแพงเกินไปสำหรับฉัน”

ตอนนี้พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านไม้กวาดสามอันแล้ว คนในร้านยังคงแน่นเหมือนเดิม เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหาที่นั่งที่ ที่ๆเธอได้อยู่ติดกับหน้าต่างพอดี ส่วนโรเจอร์บอกว่าเขาจะไปสั่งบัตเตอร์เบียร์

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่มานั่งที่เก้าอี้แล้ว เธอมองออกไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง ซักพักเธอเริ่มรู้สึกว่าโรเจอร์ไปนานจัง แล้วเธอเห็นคนๆหนึ่ง โชแชง! โชกำลังเดินอยู่ที่หน้าขายของตลกซองโก้กับพวกเพื่อนๆของเธอ เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจมากที่เธอเห็นโชแชงมาฮอกส์มี้ดกับกลุ่มเพื่อนของเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยายามมองว่าแฮร์รี่มาด้วยหรือเปล่า แต่ก็เปล่า เธอไม่เห็นเขา ‘แฮร์รี่ไม่ได้มาฮอกส์มี้ดกับโชอย่างนั้นเหรอ’ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังของเธอ

“อ้าว! เฮอร์ไมโอนี่ หวัดดีจ๊ะ ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่เลยนะเนี่ย”ปาราวตีทักขึ้น และด้านหลังของเธอก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกันมากยืนอยู่ ปัทมา! ปัทมาส่งยิ้มมาให้เธอ

“ทำไมเธอถึงคิดว่าจะไม่เจอฉันที่นี่ล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามงงๆ

“ก็เมื่อเช้าตอนที่ฉันจะมาฮอกส์มี้ด ฉันเห็นแฮร์รี่กับรอนยังนั่งอยู่ที่ในห้องนั่งเล่นรวมอยู่เลยนะซิ ฉันถามพวกเขาว่าพวกเขากำลังรอเธออยู่เหรอ เพราะฉันเห็นเธอออกไปจากหอนอนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่พวกเขาบอกว่า เปล่า แล้ววันนี้พวกเขาก็จะไม่มาฮอกส์มี้ด ฉันก็เลยคิดว่าเธอก็คงจะไม่มาเหมือนกัน แล้วนี่เธอมากับใครล่ะ”ปาราวตีพูด เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอ้าปากตอบ แต่ปาราวตีก็หัวเราะขึ้นมาซะก่อน

“ฉันนี้โง่จริงๆ ไม่น่าถามเลย”ปาราวตีพูดพร้อมทั้งมองไปที่ด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ โรเจอร์กำลังเดินมาเขาถือบัตเตอร์เบียร์มาด้วย 2 แก้ว

“ไปเถอะปัทมา อย่าอยู่เป็น กขค. พวกเขาเลย”ปาราวตีเดินจากไป แต่ก็ยังไม่วายหลังมาแซวเธออีกว่า”บัตเตอร์เบียร์วันนี้คงหวานน่าดูเลยนะ เฮอร์ไมโอนี่”

เมื่อโรเจอร์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว

“ขอโทษนะครับ นานไปหน่อย วันนี้คนเยอะน่าดูเลย”โรเจอร์พูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไร เธอกำลังคิดถึงแฮร์รี่กับรอน ‘ก็ไหนพวกเขาบอกว่าจะมากับโชแล้วก็ปัทมาไง?’

หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งอยู่ในร้านกันอีกซักพักก่อนที่จะถึงเวลากลับโรงเรียน...เฮอร์ไมโอนี่แวะเข้าไปที่ร้านฮันนี่ดุกส์อีกครั้ง

+++

ณ ห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์

แฮร์รี่กำลังนั่งอ่านหนังสือ ‘ควิดดิชในยุคต่างๆ’อยู่ที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้กับเตาผิง ในขณะที่รอนเอาแต่จ้องเพดานอย่างเอาเป็นเอาตาย สลับกับที่หันไปมองที่กรอบรูปทางเข้าห้องนั่งเล่น เขาจะต้องสะดุ้งทุกครั้งที่มันเปิดออก แล้วเขาก็ดูจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ คนที่เดินเข้ามาเป็นเพียงแค่เด็กปีหนึ่งหรือปีสองที่ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ไปฮอกส์มี้ดเท่านั้น ในที่สุดแฮร์รี่ก็ตัดสินใจที่จะถามอะไรบางอย่างที่เขาแอบสงสัยมานานแล้วออกไป

“รอน”แฮร์รี่เรียกชื่อเขา”ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายหน่อยนะ”

“อะไรล่ะ”รอนตอบในขณะที่ตาของเขายังคงจ้องอยูที่เพดาน

“ทำไมนายต้องไม่พอใจที่เฮอร์ไมโอนี่คบกับโรเจอร์ด้วย นายรู้ไหมว่า มันเหมือนว่านายกำลังหึงเธออยู่อย่างนั้นแหละ”เมื่อรอนได้ยินประโยคนี้เข้า เขากระโดดพรวดลุกจากเก้าอี้ทันที

“นายจะบ้าหรือไง!!! มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้หึงยัยนั่นซะหน่อย”รอนตะโกนบอกเสียงดัง ถึงรอนจะปฎิเสธก็เถอะ แต่แฮร์รี่ก็สังเกตุเห็นว่าหน้าของรอนมันแดงไปทั้งหน้าแล้ว

“งั้นนายไม่พอใจเฮอร์ไมโอนี่เรื่องอะไรกันล่ะ”แฮร์รี่ยังคงถามต่อไป รอนหันไปจ้องเพดานอีกครั้ง เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบว่า

“ฉันก็ไม่รู้”รอนตอบง่ายๆ “อาจจะเป็นเพราะ ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม เฮอร์ไมโอนี่อาจจะเห็นเจ้าคาร์ลอสนั่นสำคัญกว่าเรา เรากำลังจะโดนแย่งความสำคัญไป”รอนหันกลับมามองที่แฮร์รี่ก่อนจะพูดต่อว่า”แล้วนายก็อย่าบอกฉันนะว่า นายไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องนี้”

แฮร์รี่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเองก็รู้ตัวดีว่า เขาก็รู้สึกเหมือนรอน เขากลัวว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเห็นคาร์ลอสสำคัญกว่าพวกเขา เขาก็รู้สึกเหมือนกันว่ากำลังจะโดนแย่งความสำคัญไป เพียงแต่การแสดงออกของเขาต่างกับรอนเท่านั้นเอง

+++

เมื่อโรเจอร์และเฮอร์ไมโอนี่กลับไปถึงโรงเรียนแล้ว โรเจอร์เดินไปส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าหอนอนของกริฟฟินดอร์

“เฮอร์ไมโอนี่”

“อะไรหรอ โรเจอร์”

“ผมมีของบางอย่าง จะให้คุณ”โรเจอร์เอามือล้วงเข้าไปในประเป๋าเสื้อคลุมของเขา เขาหยิบกล่องดนตรีใบนั้นออกมา แล้วยื่นให้เธอ

“โรเจอร์”เธอมองไปที่กล่องดนตรีใบนั้น”นี่มันตั้ง 20 เกลเลียนนะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าเหมือนอยากจะตำหนิการกระทำของโรเจอร์

“คุณรับไว้เถอะนะครับ มันเป็นความตั้งใจของผม”โรเจอร์พูดพร้อมทั้ง เปิดxxxบเพลงออก เสียงดนตรีดังขึ้นมันเป็นเพลง ‘Eyes On Me’ (เพลงนี้คนแต่งชอบมาก) โรเจอร์เอากล่องดนตรีวางไว้บนมือของเฮอร์ไมโอนี่

“ขอบใจนะ”เฮอร์ไมโอนี่พูด “เอ๋! แล้วเธอไปซื้อมันมาเมื่อไหร่ล่ะ”

“ก็ตอนที่ผมบอกคุณว่าผมจะไปสั่งบัตเตอร์เบียร์ไงล่ะ”โรเจอร์ตอบ”ผมรีบน่าดูเลยนะนั่นน่ะ กลัวว่าถ้าผมหายไปนานคุณจะสงสัย”

เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะกับความพยายามของเขา หลังจากที่โรเจอร์เดินจากไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็หันไปบอกรหัสผ่านของบ้านกับสุภาพสตรีอ้วนในภาพ ‘Francesco Totti’ แล้วเธอก็เข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม ซึ่งรอนกับแฮร์รี่ก็นั่งอยู่ในนั้นอยู่แล้ว

“สนุกมากล่ะซินะวันนี้”รอนพูดขึ้นเสียงเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความประชดเล็กน้อย

“ใช่ ฉันสนุกมาก”เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ”คงต้องขอบใจพวกเธอนะ ไม่งั้นวันนี้ฉันคงไม่สนุกขนาดนี้หรอก”

“เธอหมายความว่ายังไง”

“ก็ถ้าไม่เพราะเธอ ฉันคงไม่ได้ไปฮอกส์มี้ดกับโรเจอร์นะสิ”

“เธอไปฮอกส์มี้ดกับแฟนของเธอแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา”

“ก็ถ้าเธอไม่บอกฉันว่า เธอจะไปกับปัทมาแล้วก็โช ฉันก็คงไม่ต้องไปชวนโรเจอร์หลังจากที่ฉันปฎิเสธที่จะไปฮอกส์มี้ดกับเขาแล้วหรอก”

“หมายความว่าวันนั้นเธอตั้งใจที่จะมาชวนเราไปฮอกส์มี้ดเหรอ”แฮร์รี่ถามขึ้น หลังจากที่เขานั่งฟังคนทั้งคู่เถียงกัน เขาคิดว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรบ้าง วันนี้ทั้งวันเพื่อนของเขาทั้งคู่ก็คงจะยังพูดกันไม่รู้เรื่องแน่ๆแฮร์รี่นึกถึงวันที่เฮอร์ไมโอนี่เดินมาพูดกับพวกเขาเรื่องที่จะไปฮอกส์มี้ด เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าแทนคำตอบ แต่นั้นก็ทำให้ทั้งแฮร์รี่แล้วก็รอนรู้ความหมายได้ทันทีเช่นกัน

“แล้วทำไมวันนั้นเธอไม่พูดให้มันชัดเจนล่ะ”รอนถามเสียงดัง

“แล้วเธอฟังฉันพูดบ้างหรือเปล่าล่ะ ฉันยังพูดไม่ทันจบเธอก็บอกฉันว่าเธอจะไปกับปัทมา แฮร์รี่จะไปกับโช แล้วเธอยังจะให้ฉันพูดอะไรได้อีกล่ะ” รอนเงียบ เขากัดริมฝีปากแน่นแล้วเมินหน้าไปทางอื่น เอาเป็นว่าตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าวันนั้นเขาไม่ควรพูดประชดเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเลย

เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปหาแฮร์รี่

“แฮร์รี่ ฉันพึ่งรู้ว่าเธอไม่ได้ไปฮอกส์มี้ดวันนี้ ฉันเลยแวะซื้อขนมมาฝากเธอด้วย”เฮอร์ไมโอนี่หยิบถุงขนมในกระเป๋าเสื้อคลุมของเธออกมา

“ขอบใจ”แฮร์รี่พูด เขามองของในถุงแล้วก็แอบยิ้ม ถึงเฮอร์ไมโอนี่จะโกรธกับรอนอยู่ก็เถอนะ แต่ขนมทุกอย่างในถุงมีอย่างละ 2 ชิ้น ตอนนี้เขารู้สึกว่า ถึงยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงเป็นเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมอยู่ดี ตอนที่เขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่คบกับโรเจอร์ เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ (เคยบอกแล้วว่าอารมณ์ประมาณหวงเพื่อน) แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ถ้าหากให้เฮอร์ไมโอนี่เลือกจริงๆแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับพวกเขา

หลังจากนั้นรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ก็ดูเหมือนจะค้นพบวิธีการที่จะทำให้พวกเขาไม่ต้องทะเลาะกันอีก ด้วยการที่รอนหยุดที่จะพูดประชดเฮอร์ไมโอนี่ แต่เขาทำเป็นเหมือนว่าโรเจอร์ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แทน ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามที่จะไม่ทำให้รอนโกรธ โดยเธอพยายามที่จะไม่ให้รอนเจอกับโรเจอร์บ่อยมากนัก(แค่ทุกเช้าเท่านั้นเอง)


ตอนที่ 21

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ใกล้สอบเข้ามาทุกทีๆแล้ว ทั้งสอบเลื่อนชั้นปี และสอบ ว.พ.ร.ส. เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่ในห้องสมุดกับโรเจอร์ เธอรู้สึกว่าโรเจอร์เป็นคนที่มีความรู้และตั้งใจเรียนมากคนหนึ่งทีเดียวล่ะ และเขาสามารถที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสอบ ว.พ.ร.ส. กับเธอได้ เนื่องจากเขาเคยสอบมาแล้ว ตอนปี 5

ตอนนี้โรเจอร์กำลังมองมาที่โต๊ะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ เขาเห็นหนังสือที่วางกองเป็นตั้งๆและกระดาษม้วนที่ยาวเหยียด มันทำให้เขารู้สึกทึ่งเล็กน้อย ที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่ทุ่มเทให้กับการเรียนขนาดนี้

หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เอาแต่ก้มหน้าก้มอยู่กับกองหนังสือของเธออยู่ซักพัก เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหามาดามพินซ์ เธอพูดอะไรบางอย่างกับมาดามแล้วก็เดินกับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความผิดหวัง

“เป็นอะไรเหรอครับ เฮอร์ไมโอนี่”โรเจอร์ถามเมื่อเธอเดินกลับที่นั่งที่เก้าอี้

“ตอนนี้ฉันอยากได้หนังสือเล่มนึงที่จะมาใช้ในการทำการบ้านวิชาแปลงร่างของฉันนะซิ แต่มาดามพินซ์บอกว่ามีคนยืมไปแล้ว จะต้องรออีก 1สัปดาห์”

“หนังสือเรื่องอะไรหรอครับ”

“คาถาแปลงร่าง และการฝึกเป็นแอนนิเมจัสด้วยตนเอง”เธอตอบ โรเจอร์ส่งยิ้มมาให้เธอ

“หนังสือเล่มนี้ผมมีนะ ผมจะเอามาให้คุณวันพรุ่งนี้ล่ะกัน”โรเจอร์ตอบ “จริงเหรอขอบใจนะ โรเจอร์”

หลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็นั่งคุยกับโรเจอร์เรื่องเกี่ยวกับการเรียน หนังสือ การสอบหรือแม้กระทั้งการทำงานในอนาคตหลังจากที่จบจากฮอกวอตส์ โรเจอร์สามารถพูดคุยเรื่องนี้กับเธอได้อย่างดี พวกเขาสนใจในเรื่องต่างๆที่คล้ายๆกัน เธอคิดว่าเธอไม่สามารถคุยเรื่องพวกนี้กับรอนแล้วก็แฮร์รี่ได้แน่ๆ พวกเขาคงจะหลับไปซะก่อนที่เธอจะได้พูดจบด้วยซ้ำ เธอเคยคิดว่าการเป็นแฟนกับใครซักคนเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าถ้าคนๆนั้นเป็นโรเจอร์ มันก็ไม่ถึงกับไร้สาระซะทีเดียวหรอกนะ

พวกเขาแยกกันที่หน้าห้องสมุด เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของกริฟฟินดอร์ แต่ระหว่างทางเธอก็สังเกตุเห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้าซะก่อน

มัลฟอยกับกำลังเดินขึ้นบันไดมาโดยมีแครบและกอยล์เดินขนาบมาด้วย และก็มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งลงบันไดไปพอดี ดูเหมือนเด็กชายคนนั้นจะรีบมากจนไม่ทันระวัง เขาวิ่งไปชนกับมัลฟอยเข้าอย่างจัง

“ระวังหน่อยซิ”มัลฟอยตะโกนขึ้นทันที

“ขอโทษครับ ผมกำลังรีบ”เด็กชายคนนั้นเอ่ยขึ้น ด้วยความกลัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขาพึ่งจะวิ่งไปชนเป็นใคร และเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังทำท่าเหมือนจะจัดการกับเขาทันทีถ้ามัลฟอยสั่ง

“หักเรเวนคลอ 30 คะแนน ฐานวิ่งไม่ระวังและทำร้ายพรีเฟ็ค”มัลฟอยพูดขึ้นทันทีที่เขาเห็นหน้าเด็กชายคนนั้นและจำได้ว่าเขาเป็นเด็กปี 2 บ้านเรเวนคลอ

เด็กชายยืนอึ้ง เขาไม่ควรทำให้บ้านของเขาเสียคะแนนถึง 30 คะแนนเพียงเพราะเขาวิ่งลงบันได

“ยังจะยืนอยู่อีก ไหนว่ารีบไม่ใช่เหรอ หรือยังอยากจะโดนหักอีกซัก 20 คะแนน”มัลฟอยตวาดเสียงดัง

เด็กชายคนนั้นสะดุ้งแล้วรีบวิ่งลงบันไดต่อไปทันทีด้วยความรวดเร็ว เด็กชายไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมามอง เสียงหัวเราะแบบปัญญาอ่อนของแครบกับกอยล์ดังประสานขึ้นทันที

“นายน่าจะหักให้เยอะกว่านี้นะมัลฟอย”แครบพูด ในขณะที่เขายังไม่หยุดหัวเราะ

“ใช่ๆ แล้วถ้าหักคะแนนบ้านอื่นด้วย ปีนี้บ้านเราจะต้องได้คะแนนสูงสุดแน่ๆ”กอยล์พูดเสริมทันที เขาคิดว่ามัลฟอยจะเห็นด้วยกับความคิดของเขา แต่เปล่า มัลฟอยไม่สนใจที่จะฟังเลย เขากำลังเดินขึ้นบันไดต่อ ทั้งสองจึงหุบปากเงียบแล้วรีบเดินต่อให้ทันมัลฟอย เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงบันไดขั้นบนสุด

“นายนี่มันไม่มีเหตุผลเลย นายกำลังใช้อำนาจของพรีเฟ็คในทางที่ผิดนะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดกับมัลฟอย หลังจากที่เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มัลฟอยปรายสายตามองไปที่ต้นเสียง

“มันไม่เกี่ยวกับเธอ”มัลฟอยพูดทันทีที่เขาเห็นว่าคนที่พึ่งต่อว่าเขาคือใคร พร้อมทั้งยกมือขึ้นกันสมุนทั้งสองที่กำลังจะเข้าไปจัดการกับเธอ ”อ้อ! ใช่ซิ ฉันลืมไป ว่าเดี๋ยวนี้นอกจากเธอจะคอยปกป้องพวกเด็กบ้านกริฟฟินดอร์แล้ว ยังมีพวกบ้านเรเวนคลออีก”เขาพูดต่อเสียงเย้ยนิดๆ

“ฉันไม่ได้ปกป้องใครทั้งนั้น ฉันแค่พูดไปตามเหตุผล”เธอเถียง

“แล้วเธอไม่เห็นเหรอว่าเด็กนั้น เกือบจะชนฉันตกบันได การถูกหักคะแนนก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรอ”

“แต่เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่น่า”

“งั้นต้องรอให้ฉัน เจ็บตัวก่อนใช่ไหม เธอถึงจะพอใจ”เขาถามเสียงขุ่นเคือง

“ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น”เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขา”แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ถ้านายตกบันไดไปซะ ฉันคงรู้สึกดีกว่าที่จะต้องมายืนเถียงกับคนไร้เหตุผลอย่างนายอยู่ตรงนี้”เมื่อเธอพูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปทันที

มัลฟอยกำหมัดแน่นและทุบลงไปที่ราวบันไดอย่างแรง

“มัลฟอย นายทำอะไรนะ”แครบร้องขึ้น เมื่อเห็นมัลฟอยเอามือทุบลงไปที่ราวบันได

“ไม่ต้องมายุ่ง”เขาหันไปตวาดใส่แครบ

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่หอนอนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ‘มัลฟอยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เขายังคงเป็นคนที่เจ้าอารมณ์และไร้เหตุผลเหมือนเดิม’เธอคิด เมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์ เธอเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ผู้คนกำลังมุ่งดูอะไรอยู่กลางห้อง เมื่อเธอสามารถแทรกผ่านผู้คนเข้ามาได้เธอก็เห็น ผืนผ้าสีขาวถูกปูไว้ที่พื้น ถังใส่สีต่างๆอยู่วางอยู่ข้างผืนผ้า

“เธอจะทำอะไรนะ ดีน”เฮอร์ไมโอนี่ร้องถาม เมื่อเธอเห็นดีนกำลังเอาแปรงจุ่มลงไปในถังสี

“ฉันกำลังเขียนผืนผ้าที่จะเอาไว้สำหรับเชียร์ทีมกริฟฟินดอร์วันพรุ่งนี้นะซิ”ดีนตอบ

“อย่าบอกนะว่า เธอลืมว่าพรุ่งนี้กริฟฟินดอร์มีแข่งควิดดิชกับเรเวนคลอน่ะ”รอนถามพร้อมทั้งส่งสายตาจับผิดมาที่เฮอร์ไมโอนี่ เธอเงียบ ‘ใช่พรุ่งนี้มีแข่งควิดดิชนี่น่าเธอลืมไปได้ยังไงเนี่ย’

“ดีนะ ที่ยังจำทางกลับหอนอนตัวเองถูก ไม่หลงไปหอนอนของเรเวนคลอซะก่อน”รอนอดที่จะพูดประชดไม่ได้อีกแล้ว เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองรอนด้วยความไม่พอใจ แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากจะทะเลาะกับเขาอีกหลังจากที่พวกเขาพึ่งจะดีกันได้ไม่นาน เธอจึงจำเป็นต้องเงียบไว้

วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากเป็นพิเศษ เหมาะมากสำหรับการแข่งขันควิดดิช มาดามฮูชเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น นักกีฬาทุกคนขี่ไม้กวาดเหาะขึ้นไปบนอากาศ เกมส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว

และตอนนี้ทั้งรอน เฮอร์ไมโอนี่และเด็กบ้านกริฟฟินดอร์คนอื่นๆก็นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่นกัน พวกเขาช่วยกันกางผืนผ้าที่มีข้อความเชียร์ทีมกริฟฟินดอร์ออก และเฮอร์ไมโอนี่ก็ร่ายคาถาที่ทำให้ตัวอักษรสามารถเปลี่ยนเป็นชื่อของนักกีฬาทีมกริฟฟินดอร์แต่ละคน

“เริ่มกันแล้วนะครับ ตอนนี้แคตี้ เบลล์ เชสเซอร์ของกริฟฟินดอร์ได้ลูกแล้วครับ เธอกำลังตรงไปที่ประตู................”ลี จอร์ดันเริ่มต้นบรรยายเกมส์

แฮร์รี่แข่งควิดดิชกับโชแชงครั้งสุดท้ายเมื่อตอนปีสาม เขารู้ว่าเธอก็จัดเป็นซีกเกอร์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเช่นกัน แฮร์รี่พยายามเหาะให้สูงขึ้นเพื่อที่จะได้มองหาลูกสนิชได้ง่ายขึ้น ระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินไป กริฟฟินดอร์ 80 : เรเวนคลอ 30

“เฮอร์ไมโอนี่ ขอเวลาเดี๋ยวนึงได้ไหมครับ”เสียงของโรเจอร์ดังขึ้นด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่

“อ๋อ ได้สิ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อมทั้งหันไปมองรอน ซึ่งรอนก็ทำเฉย เขาทำท่าเหมือนไม่รับรู้ว่าโรเจอร์มีตัวตนอยู่ เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าถ้ายังให้โรเจอร์ยืนอยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ๆ เธอจึงชวนโรเจอร์ไปที่ ที่นั่งชั้นบนสุดของอัฒจันทร์

“มีอะไรหรอ โรเจอร์”เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเดินมาถึงที่นั่งชั้นบนสุดแล้ว โรเจอร์หยิบหนังสือ ‘คาถาแปลงร่าง และการฝึกเป็นแอนนิเมจัสด้วยตนเอง‘ ขึ้นมา

“ที่ผมบอกว่าจะเอาให้คุณไง”โรเจอร์พูดพร้อมทั้งยื่นหนังสือให้เธอ

“ขอบใจนะ แล้วฉันจะรีบเอามาคืนล่ะกัน”เฮอร์ไมโอนี่พูด

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบก็ได้ ผมไม่ได้ใช้มันแล้ว แต่ผมคิดว่ามันคงจำเป็นสำหรับคุณในการสอบวิชาแปลงร่าง”

ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั้น แฮร์รี่ก็กำลังมองหาลูกสนิชอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน แล้วสายตาของเขาก็เหลือบมาเห็นคนทั้งคู่เข้าพอดี แฮร์รี่คิดว่า ‘ทำไมโรเจอร์ถึงอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ ทำไมเขาไม่ไปนั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ฝั่งของเขาเอง’

“แฮร์รี่ระวัง”เสียงของจอร์จดังขึ้น ทำให้แฮร์รี่รู้สึกตัว ลูกบลัดเจอร์ลอยเฉียดใบหูของเขาไปแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น เขารวบรวมสมาธิให้กลับเข้ามาอยู่ในเกมส์ เขาเริ่มมองหาลูกสนิชอีกครั้ง โชแชงเหาะอยู่ด้านล่างห่างจากเขาประมาณ 2 เมตร แฮร์รี่เห็นลูกสนิชแล้วมันเป็นสีทองทอประกายอยู่ที่พื้นดินด้านล่าง และดูเหมือนโชแชงก็จะเห็นมันแล้วเช่นกัน เธอได้เปรียบเขาเพราะเธออยู่ใกล้มันมากกว่า เธอเหาะตรงไปที่ลูกสนิชทันที และแฮร์รี่ก็ทำเช่นเดียวกับเธอ เขาเร่งไฟร์โบลต์ของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เขาไล่ตามโชแชงทันแล้ว และกำลังจะนำหน้าเธอ เขาเอื้อมมือออกไป และคว้ามันเอาไว้ได้แล้ว แฮร์รี่กำลังจะเชิดหัวไม้กวาดของเขาให้บินขึ้น ไฟร์โบลต์ทำได้ แต่ไม้กวาดโคเม็ตสองหกศูนย์ ของโชแชงที่พุ่งลงมาด้วยความเร็วเช่นกันทำแบบนั้นไม่ได้ ไม้กวาดทั้งสองชนกัน ทำให้แฮร์รี่(มือข้างหนึ่งจับ ไม้กวาด อีกข้างจับลูกสนิช)ตกจากไม้กวาดและกลิ้งกันไปบนพื้นดินสองสามตลบ แต่เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย (เพราะตอนที่ตกจากไม้กวาดมันก็แทบจะอยู่ใกล้กับพื้นดินมากแล้ว)

“แฮร์รี่ได้ลูกสนิชแล้วครับ กริฟฟินดอร์ชนะด้วยคะแนน 250 : 50 คะแนนครับ แล้วนั่นหมายความว่าถ้วยควิดดิชปีนี้เป็นของทีมกริฟฟินดอร์”ลี จอร์ดันประกาศ แล้วตามมาด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจจากอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์

ฝูงชนที่อัฒจันทร์กำลังเคลื่อนลงมาที่สนามเพื่อแสดงความยินดีกับเขาและทีมกริฟฟินดอร์ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ลงมาด้วย เธอยังคงยืนอยู่กับโรเจอร์ เฮอร์ไมโอนี่เพียงแค่ส่งยิ้มกว้างมาให้แฮร์รี่เท่านั้น

“หน้าเธอเปื้อนนะ”โชพูดขึ้นพร้อมทั้งส่งผ้าเช็ดหน้าของเธอให้กับแฮร์รี่

“ขอบคุณครับ โช”แฮร์รี่กล่าว แล้วยืนมือไปรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้ แต่เขาก็ถือไว้เฉยๆ เขาไม่ได้เอามันขึ้นมาเช็ดหน้า

“ดีใจด้วยนะ แฮร์รี่”โชแชงพูดขึ้นอีกครั้งแล้วส่งยิ้มมาให้กับแฮร์รี่ แฮร์รี่ยิ้มตอบกลับไป แล้วสายตาของเขาก็หันไปมองที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนส่งยิ้มมาให้กับเขาเช่นกัน เขารู้สึกแปลกๆอีกแล้ว เขาเคยคิดว่า เขาจะมีความสุขแค่ไหนเมื่อเขาชนะได้ถ้วยควิดดิชโดยมีโชแชงยืนแสดงความดีใจกับเขาอยู่ข้างๆแบบนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ทุกครั้งที่เขาแข่งควิดดิชชนะเฮอร์ไมโอนี่จะต้องลงมาแสดงความดีใจกับเขาด้วยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกับเลือกที่จะยืนอยู่บนอัฒจันทร์กับโรเจอร์!

วันนั้นที่ห้องนั่งเล่นรวมบ้านกริฟฟินดอร์มีการจัดปาร์ตี้ฉลองขึ้น

“ยินดีด้วยนะ แฮร์รี่”เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นทันทีที่เธอเห็นหน้าเขา”ฉันตกใจมากเลยตอนที่ไม้กวาดของเธอกับโชชนกัน เธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ ฉันไม่เป็นหรอก”แฮร์รี่ตอบ เขาอยากจะถามเธอว่าทำไมเธอถึงไม่ลงมาที่สนามตอนที่เขาได้ลูกสนิส แต่ดูเหมือนตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่จะกลับเป็นเพื่อนสนิทคนเดิมที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเขาแล้ว เขาก็ไม่อยากจะถามอะไรให้มันวุ่นวายมากขึ้นกว่านี้ แฮร์รี่ไม่ได้อยากจะถามเฮอร์ไมโอนี่ แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้คิดแบบเขา

“นี่แฮร์รี่ ฉันเห็นนะตอนที่โชส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงใส”ยินดีด้วย ฉันว่าเขาต้องเริ่มสนใจเธอบ้างแล้วล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเป็นเชิงล้อเลียนเขาเล็กน้อย แฮร์รี่คิดถึงผ้าเช็ดหน้าของโชแชงขึ้นมา เขาเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมนักกีฬาสีแดงสดของเขา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนนั้นขึ้นมา ตอนนั้นเขาแทบจะไม่ได้สนใจผ้าผืนนี้เลย ทั้งๆที่มันเป็นผ้าเช็ดหน้าที่ผู้หญิงที่เขาแอบชอบยื่นให้แท้ๆ ทำไม?หรือความรู้สึกของเขาที่มีต่อโชมันเปลี่ยนไปแล้วอย่างนั้นเหรอ แฮร์รี่มองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงส่งยิ้มมาให้เขา เขารู้สึกว่ายิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวาย ~เลิกคิดดีกว่า~ พวกเขาเริ่มสนุกไปกับงานฉลองที่จัดขึ้นจนถึงดึก

และแน่นอนที่สุด หลังจากผ่านเกมส์ควิดดิชนัดสุดท้ายของปีไปแล้ว วันรุ่งขึ้นปัญหาที่พวกเขาต้องเจอคือ ช่วงเวลาแห่งการสอบ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มต้นที่จะเคี่ยวเข็ญทั้งรอนแล้วก็แฮร์รี่ให้อ่านหนังสือ แฮร์รี่ดีใจที่การที่เฮอร์ไมโอนี่คบกับโรเจอร์ไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนไปมากนัก แต่บางทีตอนนี้เขาแอบคิดว่า ถ้าเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนไปบางนิดหน่อยก็จะดี โดยเฉพาะเรื่องการที่ชอบบังคับให้เขากับรอนอ่านหนังสือ

แล้วสัปดาห์แห่งการสอบก็ผ่านไป (เรื่องผลสอบเราไม่จำเป็นต้องพูดถึงก็ได้มั่ง)

ในงานเลี้ยงฉลองวันปิดภาคเรียน ห้องโถงใหญ่ถูกประดับประดาและตกแต่งไปด้วยสีแดงและสีทองที่เป็นสีประจำของบ้านกริฟฟินดอร์ เนื่องมาจากการที่ทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์สามารถชนะรวดได้ถึงสามครั้ง ทำให้คะแนนของบ้านสูงที่สุด (ขอดำเนินเรื่องแบบรวบรัดหน่อย จะได้รีบจบ)


ตอนที่ 22

ณ สถานีรถไฟ ก่อนที่พวกเด็กๆจะขึ้นรถไฟสายฮอกวอตส์เพื่อกลับบ้าน โรเจอร์ก็เดินเข้ามาทักเฮอร์ไมโอนี่

“สวัสดีเฮอร์ไมโอนี่”โรเจอร์ทักขึ้น

“โรเจอร์”เฮอร์ไมโอนี่หันไปยิ้มให้เขา โดยมีแฮร์รี่และรอนที่กำลังยืนทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ข้างๆ โรเจอร์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างและสายตาของเขาก็มองไปที่รอนกับแฮร์รี่ แฮร์รี่เข้าใจว่าโรเจอร์คงต้องการที่จะพูดกับเฮอร์ไมโอนี่สองต่อสอง เขาจึงดึงรอนให้ออกห่างจากคนทั้งคู่มาก่อน เมื่อพวกเขาเดินไปได้ซักระยะหนึ่ง

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัญญาแล้วซินะ”โรเจอร์พูดขึ้น เขารู้ตัวดีว่า จนถึงวันนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เคยมองเขาเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนเลย

“อืม”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

“เฮอร์ไมโอนี่”เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง”หนึ่งเดือนที่ผ่าน ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมมีความสุขมากนะ”

“โรเจอร์ ฉันก็อยากจะบอกเธอว่า ฉันก็มีความสุขมากเช่นกัน แล้วฉันก็ดีใจมากที่คนที่ฉันขอร้องให้ช่วยเป็นเธอ”เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้ม “และฉันไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจที่จะเป็นแฟนกับเธอ ถึงแม้ว่า...”

“ถึงแม้ว่ามันจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ ใช่ไหม”โรเจอร์พูดต่อให้ แล้วก็ยิ้มให้เธอ“ผมจะไม่มีวันลืม ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เลย”

“แล้วก็อย่าลืมด้วยล่ะ ว่าเธอเป็นแฟนคนแรกของฉันเลยนะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงทะเล้นเล็กน้อย

“อย่างนี้ผมคงต้องภูมิใจน่าดูเลยล่ะซิ”โรเจอร์พูดเสียงทะเล้นๆกลับบ้าง ทั้งสองหัวเราะให้กัน

“เออใช่ ฉันเอาหนังสือมาคืนเธอด้วยนะ”เฮอร์ไมโอนี่ยื่นหนังสือไปให้เขา แต่โรเจอร์ส่ายหน้า

“คุณเก็บมันไว้เถอะ ถือเป็นที่ระลึกระหว่างเราก็แล้วกัน”โรเจอร์พูด แล้วเอามือดันหนังสือกลับไป

“ขอบคุณนะ โรเจอร์”เฮอร์ไมโอนี่มองเขา”ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปหาแฮร์รี่กันรอนที่ยืนรอเฮอร์ไมโอนี่อยู่

“หวังว่า เมื่อเจอกันตอนเปิดเทอมหน้า เราคงยังเป็น ’เพื่อน’ ที่ดีต่อกันอยู่นะครับ”โรเจอร์พูดอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินจากไป

ตอนนี้ทั้งรอนแล้วก็แฮร์รี่ต่างก็หันมาหาเฮอร์ไมโอนี่ พร้อมด้วยคำถามมากมาย

“ฉันจะเล่าให้ฟัง บนรถไฟล่ะกัน”เฮอร์ไมโอนี่ตอบสั้นๆ พร้อมทั้งเดินขึ้นรถไฟไป

ในตู้รถไฟ หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เล่าเรื่องทั้งหมดให้รอนกับแฮร์รี่ฟัง

“ทำไมเธอทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้”รอนพูดเสียงดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาเยือกเย็นไปให้รอน

“เออ...ทำไมเธอไม่บอกพวกเราเรื่องสัญญาอะไรนั้นให้เร็วกว่านี้ล่ะ”รอนเปลี่ยนเรื่องพูดทันทีที่เห็นสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาที่เขา

“ทำอย่างกับพวกเธอฟังฉันนักนี่”เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงประชดเล็กน้อย พร้อมทั้งส่งสายตาเยือกเย็นกำลังสองไปให้รอน มันทำให้รอนเงียบลงไปเลย

“แต่สรุปก็คือ เธอไม่ได้ชอบโรเจอร์ใช่ไหม”แฮร์รี่ถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ

“หือ โรเจอร์นะเหรอ ชอบซิ ฉันชอบเขา”เฮอร์ไมโอนี่พูด ”แบบเพื่อนน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดต่อทันทีเห็นสายตาของรอนและแฮร์รี่ที่มองมาที่เธอด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

“ฉันอายุแค่ 15 เอง ฉันยังไม่คิดเรื่องความรักหรอกน่า”เฮอร์ไมโอนี่พูดยิ้มๆ”สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือ มิตรภาพระหว่างเพื่อนมากกว่า”เธอยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง ก่อนที่จะหันมองออกไปที่นอกหน้าต่างเพื่อดูทัศนียภาพข้างนอก ตอนนี้ทั้งรอนแล้วก็แฮร์รี่ต่างก็ยิ้มออกมา เป็นเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจครั้งแรกในช่วงหนึ่งเดือนหลังมานี่ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่ายังมีใครอีกคนที่กำลังยืนยิ้มอยู่ที่ด้านนอกประตูตู้รถไฟด้วยเช่นกัน

“แครบ! กอยล์! เดรโกของฉันไปไหน”เสียงแสบแก้วหูของแพนซี่ดังขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามาในตู้รถไฟแล้วไม่เห็นมัลฟอย

“ไม่รู้”แครบตะโกนตอบสั้นๆห้วนๆ

“ไม่รู้ได้ยังไง แล้วทำไมพวกนายไม่ไปหาเขาล่ะ”แพนซี่พูดขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ไปหรอก ช่วงหลังๆมัลฟอยเป็นอะไรก็ไม่รู้ เขาดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา”กอยล์พูดขึ้น

“แถมยังโมโหง่ายอีกต่างหาก ถ้าเราไปยุ่งกับเขาตอนนี้ล่ะก็ เขาสาบเราเป็นคางคกแน่ๆ”แครบพูดเสริมทันที แล้วทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก มัลฟอยเดินแข้ามา แครบกับกอยล์นั่งเงียบพวกเขาไม่แน่ใจว่ามัลฟอยจะได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดตะกี้หรือเปล่า แต่มัลฟอยก็ไม่ได้สนใจคนทั้งสามเลย เขาเลือกที่จะนั่งลงตรงที่นั่งข้างๆหน้าต่าง เขามองออกไปข้างนอก ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีอยู่

“เดรโก ตะกี้ไปไหนมาหรอ”แพนซี่ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆพร้อมทั้งเอามือเกาะแขนเขาไว้ แต่มัลฟอยไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของแพนซี่เลยซักนิด ตอนนี้เขากำลังรู้สึกอารมณ์ดี ดีมาก แม้แต่ความจุ้นจ้านวุ่นวายของแพนซี่ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้ในตอนนี้

เมื่อรถไฟเข้าจอดเทียบชานชาลาหมายเลขเก้าเศษสามส่วนสี่ของสถานีรถไฟคิงส์ครอส เด็กๆทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแบบพวกมักเกิ้ลกันหมดแล้ว

เด็กๆเริ่มทยอยออกจากชานชาลา ยกเว้นก็แต่พวกพรีเฟ็คที่ยังต้องทำหน้าที่ตรวจดูสิ่งต่างๆบนรถไฟอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครหรือสิ่งของอะไรที่ถูกลืมไว้(ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งมาก่อนที่พวกเขาจะขึ้นรถไฟ)

ระหว่างที่เดินตรวจอยู่บนรถไฟ เฮอร์ไมโอนี่เดินสวนทางกับโชแชง พวกเธอทักกันเล็กน้อยก่อนที่จะแยกย้ายกันไป แต่ในระหว่างที่ทักกัน เฮอร์ไมโอนี่เหลือบไปเห็นเข็มกลัดพรีเฟ็คที่ยังคงติดอยู่ที่อกเสื้อของโช ‘แล้วเข็มกลัดของเธอล่ะ’ ตอนนี้เธอไม่ได้ติดเข็มกลัดไว้ แล้วเฮอร์ไมโอนี่คิดได้ว่าเธอแกะมันออกแล้ววางไว้ที่ขอบหน้าต่างในตู้รถไฟตอนที่เธอเปลี่ยนชุด เธอรีบเดินไปที่ตู้รถไฟตู้นั้นทันที ...


ตอนที่ 23 จบ (ธรรมดา)

จบแล้วดีใจไหมจ๊ะ สำหรับทุกท่านที่อดทนอ่านมาจนจบได้ เราก็ขอความกรุณา ไม่บังคับอ่ะนะ แต่ช่วยบอกหน่อยก็แล้วกันว่า อ่านมานี่รู้สึกยังไงบ้าง ขอบใจจ๊ะ

เมื่อเธอเดินเข้ามาในตู้รถไฟ เธอเห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่ในนั้นแล้ว

“มัลฟอย”เธอเรียกชื่อเขา เธอเกือบจะเดินหนีอยู่แล้วถ้าไม่เห็นเข็มกลัดพรีเฟ็คที่อยู่ในมือของเขา

“นั่นมันของฉัน เอาคืนมานะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง เหมือนว่าเธอกำลังคิดว่าเขาจะขโมยมันไปอย่างนั้นแหละ ตอนแรกมัลฟอยดูจะแปลกใจอยู่ซะหน่อย เขามองไปที่เข็มกลัดที่เขาพึ่งจะเก็บมันได้เมื่อครู่ แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“เธอหมายถึง เข็มกลัดพรีเฟ็คเนี่ยนะเหรอ”เขาถามเสียงกวนๆ แล้วแสยะยิ้มนิดนึง

“เอาคืนฉันมานะ”เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือออกมาเพื่อจะคว้าเข็มกลัด แต่มัลฟอยชักมือของเขาหลบทัน

“นี่เป็นวิธีขอของคืน ของเธออย่างนั้นเหรอ เกรนเจอร์”มัลฟอยพูด”พวกมักเกิ้ลมีวิธีขอของคืนกันอย่างนี้เองหรอ”น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความดูถูก(ก็หมอนี่หยิ่งในความเป็นเลือดบริสุทธิ์ของตนเองมากนี่น่า) เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกโกรธมาก เมื่อก่อนก็ดูถูกว่าเธอเป็นพวกเลือดสีโคลน แต่ตอนนี้เขารวมเธอเป็นพวกมักเกิ้ลไปซะแล้ว แต่เมื่อเธอมองไปที่เข็มกลัดพรีเฟ็ค เธอยังคงต้องการมันคืน เฮอร์ไมโอนี่จึงพยายามที่จะสะกดความโกรธของเธอเอาไว้ก่อน

“มัลฟอย ฉันขอเข็มกลัดของฉันคืนด้วย”เธอกัดฟันพูดอย่างเต็มที่

“ได้โปรด”มัลฟอยพูดขึ้นลอยๆ แล้วทำหน้ายียวนกวนประสาท ความโกรธของเฮอร์ไมโอนี่พุ้งปรี้ดขึ้นอีกครั้ง ‘อดทนไว้ๆๆๆ’เธอท่องคำๆนี้ตลอดเวลาในใจ

“มัลฟอย ฉันขอเข็มกลัดของฉันคืนด้วย....ได้โปรด...” เธอกัดฟันพูดอย่างเต็มที่อีกครั้ง

มัลฟอยยิ้มอย่างพอใจ เขาคืนเข็มกลัดให้เธอ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ได้เข็มกลัดของเธอคืนแล้ว เธอก็กำลังจะเดินออกไป

“ฉันคืนเข็มกลัดให้เธอแล้ว เธอจะไม่ตอบแทนอะไรฉันหน่อยเหรอ”เขาพูดแล้วก็แกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันมาเห็นเข้า เธอหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย(ไม่รู้ว่าด้วยความโกรธหรืออายกันแน่) แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เฮอร์ไมโอนี่หันมายิ้มหวานให้มัลฟอย มัลฟอยสะดุ้งทันทีที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่หันมายิ้มให้เขาแบบนี้

“อยากได้สิ่งตอบแทนอย่างนั้นเหรอ“เธอพูดเสียงออดอ้อน แล้วยกมือของเธอไปโอบไว้รอบคอของเขา มัลฟอยถึงกับอึ้งในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เธอโน้มศีรษะของมัลฟอยให้ลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอ ตอนนี้หน้าของมัลฟอยแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว เธอเลื่อนริมฝีปากของเธอให้เข้าไปใกล้กับริมฝีปากของเขา (แค่ใกล้นะ) แล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “นี่ไงล่ะสิ่งตอบแทน”

“โอ๊ยยยย”มัลฟอยร้องเสียงหลงออกมาเนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่ เอาเท้าของเธอเตะไปที่หน้าแข้งของเขาอย่างแรง เธอรีบวิ่งไปที่ประตู แล้วหันมาพูดว่า “สมน้ำหน้า” ก่อนที่จะกระแทกประตูให้ปิดลง

มัลฟอยเอามือกุมที่หน้าแข้งของเขาไว้พร้อมทั้งมองไปที่ประตูด้วยความแค้น ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ’ ตอนแรกเขาตั้งใจจะเป็นฝ่ายแกล้งเธอ แต่เขากลับเป็นฝ่ายพลาดท่าเองซะนี่ “บ้าที่สุด” เขาสบถกับตัวเอง อย่างหัวเสีย แล้วเมื่อเขาคิดถึงตอนที่ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่เลื่อนเข้ามาใกล้กับเขา ตอนนั้นเขากับเธออยู่ใกล้กันมาก เมื่อคิดถึงตรงนี้มัลฟอยก็รู้สึกว่าหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินไปให้ไกลจากตู้รถไฟที่เธอพึ่งจะเดินออกมาอย่างเร็วที่สุด ตอนนี้หน้าของเธอแดงมาก เธอรู้สึกอายตัวเองเหลือเกิน ‘นี่เธอพึ่งจะทำอะไรลงไป อะไรทำให้เธอกล้าที่จะเอามือไปโอบไว้รอบคอของเขาอย่างนั้น’เธอคิด เธอรู้สึกได้ถึงเสียงของจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดังมาก ตอนที่เธอโน้มศีรษะของเขาให้เข้ามาใกล้กับเธอ และถึงแม้ในขณะนี้เองก็เถอะเธอก็ยังรู้สึกว่าหัวใจของเธอมันยังคงเต้นแรงผิดปกติอยู่ดี

หลังจากที่พวกพรีเฟ็คตรวจเดินตรวจกันจนทั่วรถไฟแล้วว่าไม่มีอะไรถูกลืมทิ้งเอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ก็เดินไปสมทบกับรอนที่ยังคงรอพวกเขาอยู่ พร้อมกับเด็กๆบางส่วนที่ยังคงทยอยออกจากชานชาลาไม่หมด โรเจอร์เดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง

“โชคดีนะครับ เฮอร์ไมโอนี่”โรเจอร์พูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มนิดนึงก่อนที่จะ เดินไปหาเขาแล้วหอมแก้มโรเจอร์ไปทีนึง “โชคดีเช่นกัน”เฮอร์ไมโอนี่กล่าวตอบ โรเจอร์ยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินทะลุผ่านชานชาลาหมายเลขเก้าเศษสามส่วนสี่ออกไป เมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันมามองเพื่อนทั้งสอง

แฮร์รี่ได้แต่ยืนอึ้งไม่พูดอะไร ส่วนรอนกำลังทำทางเหมือนว่าจะหาคำพูดอะไรที่จะมาประณามการกระทำของเธออยู่

“ท..ทำไม..ทำไม..ธ..เธอ..”รอนดูเหมือนคนพูดติดอ่างขึ้นมากระทันหัน

เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่ารอนกำลังจะว่าเธออีกแล้ว

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันก็แค่หอมแก้มเขาแบบเพื่อนเท่านั้น”เมื่อพูดจบ เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้ามาหอมแก้มเพื่อนทั้งสองบ้าง รอนแก้มซ้าย แฮร์รี่แก้มขวา

“การหอมแก้มนะสำหรับเพื่อน ต้องจูบสิ ถึงจะสำหรับคนรัก”เฮอร์ไมโอนี่พูดอีกครั้ง แต่ตอนนี้เด็กชายทั้งสองก็ยืนหน้าแดงไปตามๆกันเรียบร้อยแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่เดินตรงไปที่ผนังที่กั้นชานชาลาแล้วหันมาพูดกับเด็กชายทั้งสองอีกครั้งว่า

“โชคดีนะ แล้วพบกันที่ตรอกไดแอกอน”

***จบไม่บริบูรณ์***


ตอนที่ 24 จบ (พิเศษ)

จบจริงแล้วจ๊ะ

เมื่อเธอเดินเข้ามาในตู้รถไฟ เธอเห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่ในนั้นแล้ว

“มัลฟอย”เธอเรียกชื่อเขา เธอเกือบจะเดินหนีอยู่แล้วถ้าไม่เห็นเข็มกลัดพรีเฟ็คที่อยู่ในมือของเขา

“นั่นมันของฉัน เอาคืนมานะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง เหมือนว่าเธอกำลังคิดว่าเขาจะขโมยมันไปอย่างนั้นแหละ ตอนแรกมัลฟอยดูจะแปลกใจอยู่ซะหน่อย เขามองไปที่เข็มกลัดที่เขาพึ่งจะเก็บมันได้เมื่อครู่ แล้วเขาก็รู้ทันทีว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“เธอหมายถึง เข็มกลัดพรีเฟ็คเนี่ยนะเหรอ”เขาถามเสียงกวนๆ แล้วแสยะยิ้มนิดนึง “เอาคืนไปซิ”เขายืนเข็มกลัดไปให้เธอ เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือออกมาหยิบเข็มกลัด มัลฟอยใช้จังหวะนั้นรวบข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ แล้วออกแรงดึงเธอเข้ามา เนื่องจากที่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ทันตั้งตัว ตัวของเธอจึงกระทบเข้ากับอกของเขาพอดี เขาตวัดมือรวบร่างของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“นี่นาย ปล่อยนะ”เฮอร์ไมโอนี่ดิ้น

“เธอจะอยู่เฉยๆบ้าง เป็นไหม”เขาพูดอย่างรำคาญๆ แต่มือของเขาก็ยังไม่ได้คลายออกจากรอบตัวของเธอ

“ไม่ ถ้านายยังไม่ปล่อยฉัน ฉันจะร้องแล้วนะ”เฮอร์ไมโอนี่หันไปตะโกนใส่หน้าของเขา

“ก็เอาซิ เชิญ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พอตเตอร์กับคาร์ลอส มันจะทำหน้ายังไง ตอนที่เห็นฉันกำลังกอดเธออยู่แบบนี้”เขาท้า

“ดี ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า พาร์กินสันจะทำหน้ายังไงถ้าเห็นนายกอดฉันอยู่แบบนี้”เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมทั้งจ้องไปที่หน้าของเขา มัลฟอยรวบร่างของเฮอร์ไมโอนี่แน่นขึ้น เขาถามกลับด้วยเสียงที่ไม่พอใจ “มันเกี่ยวอะไรกับแพนซี่”

“ฉันว่า พาร์กินสันเขาคงไม่ชอบใจนักหรอกนะที่ เห็นแฟนของตัวเองมายืนกอดผู้หญิงคนอื่นอยู่แบบนี้”เธอพูด ดูเหมือนตอนนี้เธอลืมที่จะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของมัลฟอยซะแล้ว (เถียงเพลิน)

“ยัยนั่นไม่ใช่แฟนฉัน”

“อ้อเหรอ ฉันไม่รู้นี่ ก็เห็นนัวเนียกันออกขนาดนั้น”เฮอร์ไมโอนี่พูด แล้วหันหน้าไปทางอื่น มัลฟอยดูจะฟังออกซะด้วยว่าน้ำเสียงที่เธอใช้มันแสดงว่าเธอกำลังประชดเขาอยู่น้อยๆ

“ทำไม เธออิจฉาหรือไง เฮอร์ไมโอนี่”เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของเธอ เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาจ้องหน้าเขาอีกครั้ง

“นี่ ฉันไม่เคยอนุญาติให้นายเรียกฉันแบบนี้นะ”เฮอร์ไมโอนี่ต่อว่าเขา

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่น่า งั้นฉันอนุญาติให้เธอเรียก ชื่อฉันบ้างก็แล้วกัน ดีไหม”เขาพูดพร้อมกับมองไปที่หน้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้อยู่ห่างจากหน้าของเขาไม่มากนัก”ฉันไม่เคยอนุญาติให้ใครเรียกชื่อฉันมาก่อนเลยนะ นอกจากพ่อ แม่ และก็พวกญาติๆ”

“งั้น พาร์กินสันก็คงเป็นญาติของนายด้วยนะซิ”เฮอร์ไมโอนี่เผลอพูดประชดออกไปอีกครั้ง ก็เธอเห็นแพนซี่เรียกมัลฟอยว่า เดรโกทุกคำเลยนี่น่า

“ฉันไม่เคยอนุญาติให้เขาเรียกชื่อฉัน แต่ถ้าเขาจะเรียก ฉันก็ห้ามเขาไม่ได้นี่”มัลฟอยพูดเสียงเรียบ เหมือนเขาต้องการจะดูปฎิกริยาของเธอ เฮอร์ไมโอนี่เมินหน้าไปทางอื่น ไม่พูดอะไรอีก เขาจึงพูดต่อว่า

“เธอไม่พอใจ ที่เขาเรียกชื่อฉันอย่างนั้นหรอ เธอหึงฉันหรือไง เฮอร์ไมโอนี่” เมื่อได้ยินประโยคนี่เฮอร์ไมโอนี่ก็หันกลับมาทันทีด้วยความโมโห “ไม่มีทางฉันไม่ได้หึงนาย”เธอตะโกนบอก (ทั้งที่อยู่ใกล้กันจะแย่อยู่แล้ว)

“งั้นทำไม เธอต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”เขาถามยิ้มๆ “ฉ..ฉัน..ฉันไม่ได้หน้าแด...”เธอพูดไม่จบเพราะ มัลฟอยก้มลงมาจูบเธอซะก่อน เฮอร์ไมโอนี่ยืนเฉยเธอกำลังตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย เขาถอนริมฝีปากออกมานิดนึงเพื่อพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอหึงฉัน เมื่อกับที่ฉันก็หึงเธอเรื่องคาร์ลอสเหมือนกัน” แล้วเขาก็จูบเธออีกครั้ง ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังสับสน ทั้งกับการกระทำและกับคำพูดของมัลฟอย ‘เขาบอกว่าเขาหึงเธอ มันหมายความว่ายังไง?’

“เฮอร์ไมโอนี่”เขาเรียกชื่อเธออย่างตกใจ แล้วพยุงร่างของเธอไว้ เมื่อเขารู้สึกว่าอยู่ๆร่างของเธอก็ทรุดลง ใช่! ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืน หัวเข่าทั้งสองของเธอดูเหมือนจะไม่สามารถรับน้ำหนักตัวเธอได้อีกต่อไป มัลฟอยจับให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้(อย่าลืมว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในตู้รถไฟ) เมื่อเธอนั่งลงที่เก้าอี้แล้ว เธอก็ผลักเขาออกไปทันที “ไปให้พ้นนะ ฉันเกลียดนาย นายทำอย่างนี้ทำไม”(เธอหมายความว่าเขาจูบเธอทำไม)

มัลฟอยจ้องหน้าเฮอร์ไมโอนี่อยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดออกมาว่า “คงเพราะฉันหลงรักเธอเข้าแล้วล่ะมั่ง”

“ไม่จริง นายโกหก”เธอสะบัดหน้าหนีเขา ก็ภาพของมัลฟอยในความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้มีอะไรบ่งบอก หรือว่าใกล้เคียงกับคำพูดของเขาเลยนี่น่า

มัลฟอยพูดพร้อมทั้งเอามือของเขาประคองใบหน้าของเธอให้หันกลับมาหาเขา “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันรู้ว่า ตลอดเวลา ฉันอาจจะทำไม่ดีนักกับเธอ เธออาจจะไม่เชื่อคำพูดของฉัน แต่ฉันก็อยากบอกเธออีกครั้งนะว่า สิ่งที่ฉันพึ่งพูดออกไป มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของฉัน” เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอหน้าแดงขึ้นทันที

“แล้วเธอล่ะ เธอรู้สึกยังไงกับฉันบ้าง ฉันอยากให้เธอพูดออกมาตามตรง ถ้าเธอเกลียดฉันมากเธอก็พูดออกมาได้เลย ฉันไม่มายุ่งไม่มาทำให้เธอรำคาญใจอีก หรือถ้าเธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น...ฉันก็อยากจะรู้ว่า เธอเคยคิดที่จะชอบฉันบ้างไหม” เฮอร์ไมโอนี่เงียบ เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไงดี เธอลองนึกทบทวนถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา

“ว่าไงล่ะ”มัลฟอยถามซ้ำอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าลง ก่อนที่เธอจะพูดด้วยเสียงที่ค่อยมากว่า “ฉัน..ฉันไม่รู้”

“ไม่รู้? หมายความว่ายังไง”เขาถามเสียงตัดพ้อ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะพูดต่อว่า “ฉันไม่รู้ว่า ฉันไปหลงรักคนอย่างนายได้ยังนะซิ” เมื่อมัลฟอยได้ฟังประโยคนี้เขาก็ยิ้มออกมา “เฮอร์ไมโอนี่”เขาเรียกชื่อเธอ ก่อนที่จะก้มลงจูบเธออีกครั้ง เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนของเขาที่ผ่านมาทางริมฝีปาก แต่..ไม่ทันไรเขาก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอีกแล้ว เมื่อเขาพูดขึ้นว่า

“เธอนี่ยังไร้เดียงสาเหมือนเดิมเลยนะ”มัลฟอยพูดเมื่อเห็นหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากที่เขาจูบเธอ มันทำให้เธอคิดถึงเมื่อตอนที่มัลฟอยจูบเธอครั้งแรก และมันทำให้เธอคิดถึงแพนซี่ขึ้นมาอีกแล้ว

“ใช่สิ ฉันมันไร้เดียงสา ฉันจูบไม่เก่งเหมือนยัยพาร์กินสันนั่นหรอก ถ้านายไม่พอใจก็ไปจูบเธอไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก”เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดอย่างรวดเร็ว

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”เขารีบพูด ความจริงเขาดีใจออกที่เฮอร์ไมโอนี่ดูจะไร้เดียงสาในเรื่องแบบนี้(เรื่องจูบอ่ะนะ อย่าคิดมาก)”แล้วทำไมเธอต้องพูดถึงแพนซี่ด้วย อ้อ หรือเธอคิดว่าฉันเคยจูบกับเขา”มัลฟอยพูดปนหัวเราะ เฮอร์ไมโอนี่หันไปค้อนให้ มัลฟอยนั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ เขาโอบเอวเธอไว้ “ไม่เอาน่า ฉันบอกเธอได้เลยนะ ว่าเธอเป็น ’ผู้หญิง’ คนเดียวที่ฉันอยากจะจูบ! และเคยจูบ!”เขาพูดแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง

“แล้วผู้ชายล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดขัดขึ้นซะก่อน (เรื่องน้ำยาฝันเสมือนจริงของสเนปยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของเฮอร์ไมโอนี่) มัลฟอยถึงกับชะงักไปทันที

“เฮอร์-ไม-โอ-นี่”เขาจ้องเธอเขม็ง สายตาเขาที่มองมาบ่งบอกว่า ‘อย่าได้พูดแบบนี้อีกเชียวนะ’

เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแหยๆ เธอรู้ว่าเธอชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว คราวนี้เธอจึงเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาเขาเอง มัลฟอยหลับตาลงแล้วก็โน้มตัวลงมาหาเฮอร์ไมโอนี่ด้วยเช่นกัน แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะได้สัมผัสกัน

“ใช่! เรายังทำหน้าที่ของพรีเฟ็คไม่เสร็จเลยนี่นา”เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้น เธอพึ่งคิดได้ เธอลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไปทันที ทิ้งให้มัลฟอยค้างอยู่อย่างนั้นแหละ “แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ ปิดเทอมนี้อย่าลืมส่งนกฮูกไปหาฉันด้วยล่ะ”เธอสั่ง มัลฟอยมองร่างของสาวน้อยที่พึ่งเดินลับออกนอกประตูไป เขาเอามือขึ้นกุมขมับอย่างกลุ้มใจ พร้อมทั้งถอนหายใจอย่างแรง...เขารู้สึกว่าเธอจะรักการเป็นพรีเฟ็คมากกว่าเขาอีกนะเนี่ย...

***จบบริบูรณ์***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น