ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.212cafe.com/board/group/group_id/138/forumId/276/page/1
Chapter 6
วันต่อมาเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า เฮอร์ไมโอนี่เดินโซเซเข้าไปยังห้องอาหาร ดวงตาของเธอเป็นสีแดง พร่ามัว และบวมจากการนอนน้อย ผมของเธอมัดเป็นหางม้ายุ่งเหยิง และเธอยังคงอยู่ในชุดกางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดรัดรูปที่เธอเปลี่ยนหลังจากที่ มัลฟอย ออกไปจากห้องเมื่อคืนนี้
“อรุณสวัสดิ์ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ มองใส่เขาโดยไร้คำพูดและทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เธอเสกให้กาน้ำชาลอยมาตรงหน้าเธอและเตรียมถ้วยชา เธอพึมพำกับตัวเองเกี่ยวกับการสนทนายามเช้าที่สดชื่น หลังจากชาถูกเตรียมพร้อม เธอจิบชาร้อนที่อยู่ในถ้วย และมองมัลฟอยผ่านขอบถ้วยชาของตัวเอง
เธอคิด...ทำไมเธอคล้ายกับมนุษย์ยุคหินกลับมาเกิดใหม่ในขณะที่ มัลฟอย นอนน้อยกว่าเธอ เขาไม่มีแม้แต่ถุงใต้ตา มันน่าหมั่นไส้จริงๆสำหรับชายที่ยังดูดีกับการนอนเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น
ในขณะที่เธอคิด มัลฟอยเริ่มต้นพูด เธอต้องใช้เวลาชั่วครู่เพื่อรับรู้ว่า คำพูดนั้นกำลังออกมาจากปากของเขา และเธอควรจะฟัง
“ตกลงเธอว่าไงเฮอร์ไมโอนี่”
“อ้า เอ่อ...”มันเป็นทั้งหมดที่เธอจะพูด เพราะเธอได้ยินแค่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดเท่านั้น
“ฉันบอกว่าฉันจะจัดงานปาร์ตี้มื้อค่ำเล็กๆเย็นนี้”
“โอ้ ได้ ได้เลยไม่เป็นปัญหาหรอก ฉันหมายถึง ฉันแค่จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องและเอาอาหารขึ้นมาก่อนที่แขกของนายจะมาถึง พวกเขาจะไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ส่งเสียงหรอก จริงๆนะ”
“เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยทำเสียงราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอหลบไป แต่ฉันหวังว่าเธอจะตกลงมาเป็นแขกให้กับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีคำพูดใด
“นายอยากให้ฉันมางานเลี้ยงมื้อค่ำของนายเหรอ”
“ใช่ นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันถามเธอ” เฮอร์ไมโอนี่เงียบไปชั่วขณะ เดรโกรหยักคิ้วให้เธอ ราวกับจะบอกว่า ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากเลย
“ฉันต้องเตรียมตัวให้เสร็จตอนกี่โมงล่ะ”
“หนึ่งทุ่ม” เขาพูด ขยิบตาให้เธอ เล็กน้อยก่อนลุกเดินจากไป เขาก้าวเดินออกไปจากประตูโดยไม่ชำเลืองมองกลับมาอีก เฮอร์ไมโอนี่จ้องตามเขา หน้าของเธอยังคงบูดบึ้ง และงงงวยจากการนอนน้อย
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันถามเธอ” เธอพูดล้อเลียนด้วยเสียงสูงหลังจากเธอแน่ใจว่าเขาไปแล้ว
“เยี่ยม! แล้วฉันจะใส่อะไรไปงานเลี้ยงมื้อค่ำที่คฤหาสน์มัลฟอยล่ะทีนี้” เสียง “ป๊อป” ดังขึ้นและชังกี้ปรากฏตัวแทบจะในทันที เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจ จากนั้นเธอกลืนน้ำลายและจับหน้าอกเมื่อเธอเห็นว่ามันคือ ชังกี้ นั่นเอง
“ทำไมนายหญิงเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ไปหา เมอร์ซิเออร์เบโลซล่ะ นายหญิงจะได้รับสิ่งที่สมบูรณ์แบบในชั่วอึดใจจากเขา เวลาที่นายหญิง มัลฟอย ของชังกี้ต้องการเสื้อคลุมที่เป็นทางการเธอจะไปหาเขา”
“เมอร์ซิเออร์เบโลซเหรอ เขาเป็นช่างทำเสื้อคลุมใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ที่นั่นเป็นร้านขายเสื้อคลุมหรูที่ดีที่สุดในตรอกไดแอกอนและอะไรทำนองนั้น” ชังกี้ยิ้มกว้าง เฮอร์ไมโอนี่คิดชั่วครู่
“ตกลงชังกี้ เธอจะไปกับฉันเพื่อช่วยฉันได้ไหม” ชังกี้ยิ้มกว้างและผงกหัวรับคำขอนั้น เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้น และรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนชุด เธอลืมความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนเพลียหายไปในทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมาที่ร้านของเมอร์ซิเออร์เบโลซ เฮอร์ไมโอนี่จ้องภาพสะท้อนของเธอจากกระจกวิเศษ ที่ร้านของเมอร์ซิเออร์เบโลซ กระจกแสดงให้เธอเห็นด้านหน้าของชุดราตรีที่เธอสวมใส่ และเมื่อเธอแกว่งไม้กายสิทธิ์ กระจกแสดงให้เธอเห็นว่าด้านหลังของเธอดูเป็นยังไง
เมอร์ซิเออร์เบโลซ กำลังเยินยอเธอ หนวดสีดำเล็กๆของเขาจับกันเป็นก้อนและตั้งขึ้นในขณะพูดเจื้อยแจ้วด้วยสำเนียงฝรั่งเศส
“มัดมัวแซลเกรนเจอร์ โอ้พระเจ้า! ชุดนี้ทำให้คุณสวยจนน่าตกตะลึง ปม-คง-จา-มาย-ต้อง-เปลี่ยน-แปลง-อาราย ยังกับว่ามันถูกทำขึ้นมาเพื่อคุณอย่างนั้นแหละ”
“บางทีมันอาจจะทำขึ้นมาเพื่อคู่แฝดที่ร่ำรวยมหาศาลของฉันแต่บังอัญที่ฉันไม่มีคู่แฝดเสียด้วยสิ ” เฮอร์ไมโอนี่คิดด้วยความกลัดกลุ้ม ชุดหรูหรา ดูสวยงาม และเธอน่าจะยอมจ่ายมันด้วยความยินดีแต่ตัวเลขบนป้ายราคาช่างไม่น่าซื้อหาเอาเสียงเลย ไม่มีทางที่เธอจะยอมใช้จ่ายเงินจำนวนนั้นเพื่อชุดเพียงชุดเดียว แม้ว่าเธอจะมีเงินก็ตามแต่เธอก็คงจะไม่ยอมจ่ายเพื่อสิ่งนี้เป็นแน่
ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นหมอทั้งคู่ และมีอาชีพการงานที่ดีแต่เธอก็ภาคภูมิใจในตัวเอง ในฐานะที่เธอเองเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว เธอจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือเรื่องเงินจากพ่อแม่ของเธอเป็นอันขาด เฮอร์ไมโอนี่มีห้องพักของตัวเองและซื้อมันตั้งแต่วันที่เธอเริ่มทำงานที่กระทรวง เธอได้เงินเดือนมากพอสำหรับคนวัยเช่นเธอ เธอมีเงินเพียงพอสำหรับการเป็นอยู่อย่างสบายแต่เธอก็ไม่ได้ร่ำรวยจริง
เฮอร์ไมโอนี่มองกระจกเป็นครั้งสุดท้ายและกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัว เธอกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับชุดราตรีสีดำอีกตัวหนึ่ง พยายามที่จะไม่ทำหน้ามุ่ยเมื่อเธอมองตัวเองในกระจก ชุดดูสวยทีเดียว แต่เธอชอบชุดสีเทามุกมากว่า และหลังจากเห็นราคาของชุดผ้าไหมสีเทามุกเธอก็ตัดสินใจว่าแค่ชุดสีดำนี้ก็ใช้ได้แล้ว
“ฉันคงจะเอาชุดนี้ค่ะ เมอร์ซิเออร์” เธอพูดถอนหายใจอย่างรับสภาพ เมอร์ซิเออร์เบโลซเข้าใจสถานะภาพทางการเงินในทันทีและพยักหน้าอย่างมีชั้นเชิง
“ชุดนี้ก็สวยมากเช่นกัน” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง
“ผมก็แค่ต้องเติมแต่งอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้นและคุณก็จะสง่างาม” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกลับไปให้เขา และถอนหายใจในขณะที่เขาเริ่มปักเข็มหมุด ขีดชอล์คเพื่อแก้ไขบางอย่าง เธอจ่ายเงินสำหรับชุดตัวนั้น และทิ้งที่อยู่ที่จะให้ไปส่ง เมอร์ซิเออร์เบโลซให้คำมั่นว่า ชุดจะไปถึงตอนหกโมงเย็นและขอให้มีความสุข
เฮอร์ไมโอนี่และชังกี้เดินไปตามตรอกไดแอกอน และซื้อของกระจุกกระจิกบางอย่างจากนั้นกลับไปที่คฤหาสน์ เฮอร์ไมโอนี่จิบชาในห้องและจากนั้นนอนหลับอีกสองถึงสามชั่วโมง
ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าใกล้จะหมดวันแล้ว และเกือบจะถึงเวลางานเลี้ยง เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปอาบน้ำ และจากนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อใช้ความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่เธอมีเพื่อเกล้าผมขึ้นไปจนสำเร็จ เธอเรียนรู้เวทมนตร์เกี่ยวกับความสวยงาม มากมายตั้งแต่เธอออกจากฮอกวอตส์ และเธอก็ทำมันจนสำเร็จเสร็จสิ้น เธอรู้สึกมากกว่าความพอใจจากภาพสะท้อนในกระจก
ผมของเธอถูกรวบสูงขึ้นไปและไขว้กันอย่างหลวมๆไปยังมงกุฎบนหัวของเธอ ผมลอนสีน้ำตาลแดงหนาเป็นประกาย ตกลงตรงบริเวณหลังไปจนถึงเอวอย่างหลวมๆ มันดูสง่างามในขณะที่ดูเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน
เธอใช้คาถาตกแต่งดวงตาในโทนสีดำ และให้ความรู้สึกแบบสโมคกี้ ขนตาของเธอดูยาวและหนาขึ้น ริมฝีปากของเธอสมบูรณ์แบบด้วยสีชมพูธรรมชาติแวววาว และผิวของเธอขาวเนียนเปล่งปลั่ง
ในที่สุด ผมและใบหน้าของเธอถูกตกแต่งจนเสร็จ เธอเริ่มกระสับกระส่าย ไม่ใช่แค่ความกังวลใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้แต่ยังเป็นเพราะชุดที่เธอเลือกซื้อจาก เมอร์ซิเออร์เบโลซที่ยังมาไม่ถึง เธอนั่งลงพร้อมไขว้นิ้วเข้าด้วยกัน พยายามจดจำว่าไม่ควรกัดปากตัวเองหรือทำให้เครื่องสำอางเสียหาย
หลังจากช่วงเวลาอันยาวนานเธอได้ยินเสียงของสิ่งที่เธอกำลังรอคอย ในขณะที่เธอเร่งรีบไปที่หน้าต่าง เธอเห็นนกฮูกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ระเบียงพร้อมกับหีบห่อยาวในกรงเล็บของมัน
เธอเปิดหน้าต่างออกและดึงหีบห่อเข้ามาข้างใน นกฮูกมองเธอราวกับว่ามันคาดหวังจะได้อาหาร เธอยัดเหรียญลงในถุงหน้าท้องและปฏิเสธที่จะให้อาหารมัน
“ไม่มีทางซะล่ะ ฉันสายแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดในขณะที่เธอปิดหน้าต่าง และรีบกลับเข้าไปที่ห้องนอน เธอเปิดหีบห่อนั้นออก ภาวนาให้คุณเบโลซแก้ไขชุดให้ได้ดีกว่า ที่เขาจะตรงเวลา ตอนนี้อีกสิบห้านาทีจะหนึ่งทุ่มแล้ว
เธอชะงักตัวแข็งทื่อ เมื่อเธอเห็นเนื้อผ้าไหมสีเทาเป็นประกายของชุดราตรีที่เธอเลือกในทีแรก เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอคิด...จะต้องเกิดความผิดพลาด! เธอแน่ใจว่า เมอร์ซิเออร์เบโลซเข้าใจว่าเธอเลือกจ่ายชุดราตรีที่แพงน้อยกว่า
เมื่อเธอยกชุดขึ้นมา เธอมองเห็นโน้ตเล็กๆหล่นออกจากหีบห่อ เธอหยิบมันขึ้นมาและอ่านอย่างรวดเร็วยิ้มให้กับข้อความที่เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยและสง่างาม
เกรนเจอร์,
ชุดนี้เหมาะกับเธอมากกว่าชุดไหนๆ รีบใส่ซะเธอกำลังจะสายแล้วนะ
ด.ม.
เฮอร์ไมโอนี่กอดชุดไว้แน่น ความตื่นเต้นของเธอในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เนื่องจากเธอกำลังจะได้ใส่ชุดที่สวยงามที่สุด ที่เธอได้จากคำกล่าวชมของเดรโก มัลฟอย
ในขณะที่เธอสวมชุด เธอมองตัวเองในกระจก ยิ้มกว้างอย่างไร้เหตุผล เธอหมุนตัวไปรอบๆ ผ้าไหมสีเทาเป็นประกายของชุด รัดทรวดทรงของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อผ้าเบาบาง จนคิดว่ามันมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปข้างในได้ ด้านหลังเว้าต่ำลงไป เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนของเธอ ภาพที่เธอเห็นทั้งหมดทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นดาราที่มาจากยุค 1920 ชังกี้ปรากฏตัวเข้ามาในห้องและร้องใส่เธอ
“นายหญิงเฮอร์ไมโอนี่ช่างสวยงามเหลือเกิน!”
“ขอบใจชังกี้ แต่เธอดูไม่แปลกใจเลยที่ฉันใส่ชุดที่แตกต่างจากชุดที่ฉันซื้อในวันนี้” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เอลฟ์ ชังกี้หน้าแดงและพยายามหลบตาเธอโดยการมองไปรอบๆห้อง
“ชังกี้หวังว่านายหญิงจะไม่โกรธ ชังกี้แค่คิดว่านายหญิงชอบชุดนี้มากกว่า ชังกี้แค่เอ่ยถึงมันให้นายท่านรู้ นายหญิงแค่พูดเปรยๆแต่ชังกี้รู้ว่านายหญิงชอบมัน นายท่านบอกให้กลับไปที่ร้านและเปลี่ยนแปลง” ชังกี้กุมมือเล็กๆเข้าด้วยกัน ด้วยความกังวลใจ
“ฉันไม่ได้โกรธหรอกชังกี้” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดให้เอลฟ์แน่ใจ
“ฉันก็แค่สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรก็เท่านั้น”
“ชังกี้ดีใจที่นายหญิงไม่โกรธ เอาล่ะนายท่านกำลังรอนายหญิงอยู่ชั้นล่าง” เฮอร์ไมโอนี่ผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่มารับเธอออกไปจากห้อง แต่เธอคิดไว้ว่ามันไม่ใช่เดทสักหน่อยและทำไมเขาต้องทำด้วยล่ะ?
เธอออกไปตามทางเดิน ตรงไปที่บันได เธอหยุดชะงักที่ด้านบน เดรโกอยู่ใกล้ปลายบันไดกำลังสนทนาอยู่กับพ่อมดตัวสูงในชุดเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่ง แม่มดสาว 3 คนและพ่อมดหนุ่มอีกคนอยู่ห่างออกไป ใกล้กับเตาพิง
เมื่อเธอเริ่มเดินลงมาจากบันได พ่อมดทั้งคู่ที่อยู่ใกล้บันไดขั้นสุดท้ายเงยหน้ามอง ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ติดตรึงอยู่กับเดรโกในทันที เขาหันหน้าออกจากพ่อมดที่เขากำลังคุยด้วยเพื่อที่จะสามารถมองเห็นหน้าเธอได้ชัดเจนขึ้นในขณะที่เธอใกล้เข้ามา เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม เห็นสายตาที่เขามองเธอ มันเป็นสายตาที่แม่มดทุกๆคน อยากจะเห็นบนใบหน้าของพวกพ่อมดเมื่อพวกเธอพยายามแต่งตัว มันเป็นสายตาของความชื่นชมที่ผู้ชายแสดงต่อผู้หญิงที่สวยงาม
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นล่างของบันได เดรโกก้าวขึ้นไปรับเธอ เขาพาเธอเดินออกไปจากพ่อมดที่เขากำลังคุยด้วย และมุ่งตรงไปยังประตูสไตล์ฝรั่งเศสที่เปิดอยู่
“เคราเมอร์ลิน เกรนเจอร์ ชังกี้พูดแค่ว่าชุดนี้ดูดีกว่าชุดที่เธอเลือกแต่- - -ดูเธอซิ เธอดูน่าตกตะลึงอย่างที่สุด” ในทีสุดเขาพูดออกมาอย่างง่ายๆ
“ฉันจะต้องให้รางวัลแก่เอลฟ์สักหน่อยแล้วล่ะ” เขาพึมพำในขณะที่จิบเครื่องดื่มอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะมัลฟอย แต่คืนนี้ฉันคิดว่ามันอาจจะไปได้ดีกว่าถ้าเธอเรียกฉันว่าเฮอร์ไมโอนี่” เธอพูดพร้อมกับปัดบางอย่างที่ไม่มีอยู่จริงออกจากเสื้อคลุมของเขาอบ่างเขินอายและเขาไม่ทันสังเกตเห็นนิ้วมือที่กำลังสั่นของเธอ มันเริ่มสั่นในทันทีที่เธอก้าวเดินเข้ามาในห้อง เธอจำเป็นต้องหาข้ออ้างเพื่อจะมองไปทางอื่น หันไปจากสายตาที่มองทะลุผ่านเข้าไปในตัวเธอ มือของเขายังคงเกาะกุมแขนของเธอและมันเป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกซาบซ่านแปลกที่สุดที่ตรงนั้น
“เดรโก” พ่อมดตัวสูงที่ยืนอยู่กับ มัลฟอย ก่อนหน้ากำลังเดินตรงมาหาพวกเขาพร้อมกับ คอกเทลสองแก้ว
“นายพยายามที่จะเก็บแม่มดที่น่าทึ่งคนนี้ไว้คนเดียวตลอดเย็นนี้หรือไง” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงและยิ้มให้พ่อมดที่หล่อเหลา
“ยังกับว่าฉันอยู่ใกล้ๆนายได้” เดรโกพึมพำ จากนั้นเขาพูดด้วยเสียงดังมากขึ้น
“แอสตัน ฟอลล์บรู๊ค นี่คือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่า”
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหรอ” แอสตันพูดอย่างไม่อ้อมค้อมจ้องไปที่เธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คนที่- - -เฮอร์ไมโอนี่ เกรน--- เอ่อ”
“ใช่” เดรโกตัดบท
“เธอคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนนั้น”
“คุณเกรนเจอร์ เป็นเกียรติที่ได้พบคุณ” แอสตันพูด ดวงตาสีฟ้าสดใสของเขาแวววาวด้วยความสนใจในขณะที่เขาจับมือเธออย่างคล่องแคล่ว แอสตัน เป็นคนสูงมาก สูงกว่าเดรโกประมาณหนึ่งถึงสองนิ้ว ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มและเขายังหล่อมากด้วย
มือของเดรโกยังเกาะอยู่ที่ข้อศอกของเธอไม่ยอมปล่อย และดึงตัวเธอไปพบกับคนอื่นๆในห้องซึ่งยากที่จะปลีกตัวออกมาได้
ช่วงเย็นผ่านไปอย่างน่ารื่นรมย์ เขาแนะนำให้รู้จักสุภาพบุรุษอีกคนคือ ออสการ์ ฟินตัน ภรรยาของเขาคือจูลี่ เป็นแม่มดสาวผมบลอนด์ที่สวยงามทีเดียว แม่มดอีกสองคนคือ แอมเบอร์และเจด ฟอลล์บรู๊ค ซึ่งเป็นน้องสาวของแอสตัน พวกเขาชอบใจมากที่ได้คุยกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอสังเกตเห็นว่าการสนทนาส่วนใหญ่จะอยู่กับเดรโกมากกว่า
ฟอลล์บรู๊ค เป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์และเป็นที่นับหน้าถือตา เฮอร์ไมโอนี่เคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขาเช่นเดียวกับตระกูลมัลฟอย พวกเขามาจากตระกูลพ่อมดที่เก่าแก่และมีเงิน เมื่อเธอถามแอสตันว่าทำไมเธอจึงจำเขาไม่ได้เลยตอนที่อยู่ที่ฮอกวอตส์ เขายิ้มอย่างเกียจคร้าน บอกเธอว่าธรรมเนียมของตระกูลฟอลล์บรู๊ค คือให้สมาชิกในครอบครัวจ้างอาจารย์พิเศษมาสอนที่บ้าน น้องสาวของเขาก็เรียนที่บ้านเช่นกัน
เมื่อได้เวลาอาหาร เดรโกจัดที่นั่งให้เธอนั่งด้านขวาของเขาก่อนที่แอมเบอร์จะเข้ามาแทรกได้ทัน เธอส่งสายตาขุ่นเคืองให้เฮอร์ไมโอนี่แต่ท่าทีของเธอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็วเนื่องจากเธอนั่งฝั่งตรงข้ามเดรโก ในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ต้องนั่งอยู่ระหว่างเดรโกกับแอสตัน เธอพูดคุยกับแอสตันมากกว่า ในขณะที่เขาดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะรู้จักเธอมากขึ้น
เดรโกพูดกับเธอหลายครั้งระหว่างทานอาหาร แต่ดูเหมือนถูกผูกมัดให้ตอบคำถามมากจนเกินไป คำถามมากมายที่ตรงใส่เขาโดยเจด หรือแอมเบอร์ ฟอลล์บรู๊ค ก่อนที่มันจะยาวนานไปกว่านี้ก็ได้เวลาของว่างและกาแฟ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเพราะแอสตันขยับเก้าอี้เข้าใกล้เธอทุกครั้งที่มีโอกาส เขาเอนตัวเข้าใกล้เธอมากเกินไปเวลาที่พูดคุยกัน และวางมือลงบนเก้าอี้ด้านหลังเธออย่างคุ้นเคย เธอเอนไปข้างหลังเมื่อเขาเอนเข้ามาใกล้ เธอเลื่อนเก้าอี้ออกห่างเขาทุกครั้งที่เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก
‘อีกไม่นานฉันคงจะหงายหลังแน่’ เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดในขณะที่เอนตัวไปข้างหลังอีกนิด ขณะที่แอสตันพูด และแล้วเดรโกก็ยื่นมือของเขาเพื่อขอให้เธอยืนขึ้น
“เราทุกคนออกไปที่ห้องดนตรีกันดีไหม” เขาพูดโดยไม่มองไปที่แอสตันเลย พวกเขาเดินไปที่ห้องดนตรี ในขณะที่สุภาพบุรุษทั้งหลายกำลังเชื้อเชิญเหล่าสุภาพสตรี เดรโกนำทางเฮอร์ไมโอนี่ไปพร้อมกับให้เธอเกาะกุมแขนของเขาไว้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พิจารณา หรือคิดว่าเธอดีใจแค่ไหนที่จะอยู่ห่างจากแอสตันหรือเธอรู้สึกสบายใจแค่ไหนที่ตัวเธออิงแอบแนบชิดเดรโกในขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน ห้องดนตรีโอ่อ่าอย่างมาก มันถูกตกแต่งในสไตล์เฟรนซ์ร็อคโก้ที่มีการประดับประดาไปด้วยเครื่องตกแต่งเคลือบทองและใบไม้สีทองสวยงาม มีเครื่องดนตรีมากมาย ไวโอลีนวางอยู่ในกล่องแก้วชั้นบนเพื่อป้องกันฝุ่น เปียโนตัวใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมกินเนื้อที่ในหนึ่งกำแพงและฮาร์พสไตล์พระ
เจ้าหลุยส์ที่ 16 ฝังเหลี่ยมอย่างงดงาม ตั้งอยู่ใกล้เตาผิง
“เธอจะเล่นไหมล่ะ” เดรโกถามใกล้ๆหูของเธอ เมื่อเธอชื่นชมไวโอลีน เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว
“ไม่ใช่ไวโอลีน น่าเสียดายแม่ให้ฉันเรียนเปียโนสองครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลาหกปีกับมาดามเอ็มมานูเอล ฉันรักเปียโน แต่เธอเป็นหญิงชราที่ร้ายกาจแต่เธอก็ใจกว้าง”
เดรโกหัวเราะเบาๆเมื่อเขามองเธอ จากนั้นหันกลับไปมองที่ไวโอลีนอย่างพิจารณา ราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“เธอไม่เคยบอกฉันว่าเธอเล่นได้ เกรน- - -เอ่อ เฮอร์ไมโอนี่” เธอยิ้มเล็กน้อยให้เขาซึ่งตอนนี้ดูประหลาดใจและตอบกลับเขา
“ก็นายไม่เคยถาม” เขาหันหัวไปด้านข้าง มองเธอและเขาหยักไหล่
“เล่นสักหน่อยไหม” มันเป็นคำถามไม่ใช่คำขอ และเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็ว เธอไม่เคยชอบเล่นให้ใครฟัง แต่ที่นี่มีคนไม่มากนักและเปียโนช่างสวยงามชวนให้เล่นเหลือเกิน
เธอเดินไปที่เครื่องดนตรี เธอเคยเห็นแกรนด์เปียโนแบบนี้จากในรูปเท่านั้น ซึ่งทำขึ้นในกลางถึงปลายปี ค.ศ.1800 ก่อนที่แกรนด์เปียโนยุคใหม่จะถูกพัฒนา ของจริงๆมันช่างสวยงามเลยเกิน เปียโนที่มีการแกะสลักอย่างซับซ้อนดูเหมือนมันจะเรียกร้องหาเธอและนิ้วมือของเธอปรารถนาที่จะทดลองมัน
เฮอร์ไมโอนี่รู้จากการอ่านว่ามันมีอายุอย่างน้อยที่สุด 145 ปีมาแล้ว เปียโนตัวนี้ทำด้วยไม้พยุงและแป้นคีย์สีขาวทำจากงาช้าง ในขณะที่แป้นคีย์สีดำทำจากไม้มะเกลือที่หาได้ยาก
“นายไม่มีเนื้อเพลงของมักเกิ้ลแน่ๆ” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ
“นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้จักดีพอที่จะเล่นต่อหน้าผู้คนได้” เดรโกยิ้ม และเดินไปยังชั้นวางของที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลงเมื่อเขาเปิดมันออก
“แม่ฉัน” เขาอธิบายข้ามไหล่ให้เธอฟัง
“เธอชอบในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะมาจากโลกพ่อมด แม่มด หรือโลกมักเกิ้ลก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่เขย่งตัวไปยังชั้น และกวาดตามองเพื่อเลือกเพลงหลังจากนั้นชั่วครู่เธอเห็นในสิ่งที่เธอหวังว่าจะเจอ
“เพลงนี้แหละ” เธอพูดสบตากับเขา เธอรู้ดีว่าดวงตาของเขาอ่อนลงเพราะไวน์แต่เธอไม่สนใจ
กลุ่มคนที่เหลือกำลังเดินรอบๆห้อง เพื่อสำรวจและมองดูเครื่องดนตรีต่างๆ เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงและลองกดแป้นคีย์ เครื่องดนตรีมีเสียงที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอเคยเรียนรู้มา
รูปทรงสี่เหลี่ยมทำให้มันมีเสียงคล้ายฮาร์พโบราณ เธอคิดว่ามันจะต้องมีเสียงแบบเดียวกับในยุค ค.ศ. 1850 โดยไม่ต้องเกริ่นนำเธอจัดแจงตัวเองให้นั่งลงบนเก้าอี้ รอยยิ้มหนึ่งครั้งและเริ่มเล่น
ท่วงทำนองไพเราะอ่อนนุ่มในเพลงน็อคเทิร์นวินซีไมเนอร์ ของโชแปงขับขานไปทั่วห้อง
เฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกดึงไปอยู่ในเสียงเปียโนอันไพเราะ เธอไม่รับรู้ถึงคนอื่นๆอีกต่อไป จนกระทั่งเธอเล่นจนจบในหลายนาทีต่อมา
ทุกคนตบมือชื่นชมเธอยกเว้นเดรโก เขายืนพิงที่ปลายสุดของเปียโน มือของเขาวางที่โครงของเปียโน และจ้องมองเธออย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกายของเขาเป็นสีเข้ม มันเต็มไปด้วยความรู้สึกแรงกล้า เฮอร์ไมโอนี่จ้องกลับไป และรู้สึกเหมือนถูกเขาดึงดูด
ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนโดยมีเดรโกช่วย เธอรู้สึกถึงมือหนักๆข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเธอ แอสตันโน้มตัวลงประชิดเธออีกครั้งและกระซิบที่ข้างหู
“เธอดูเหมือนกับนางฟ้า และเธอเล่นได้ดุจมาจากสวรรค์” เขาจับมือเธอเพื่อช่วยให้ลุกขึ้นยืน
“ฉันสนใจเธอ...เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ได้โปรดนั่งกับฉันและเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับตัวเธอ”
เธอยิ้มให้อย่างสุภาพ และนั่งลงในเก้าอี้ที่เขาพาไปข้างๆกองไฟ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกห่างไกลจากความอบอุ่นในฉับพลัน เธอฝืนทนต่อแรงกระตุ้นที่จะไม่เหลือบมองไปทางเดรโก
สามสิบนาทีต่อมา มันปรากฏได้ว่าความคิดของแอสตันที่จะทำความรู้จักเธอมากขึ้น คือ การพูดกับตัวเขาเอง และค้นพบว่าเขาประทับใจเธอมากแค่ไหน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มมีปัญหากับการพูดคุยในเรื่องที่น่าเบื่อ และดีใจมากเมื่อ ฟินตันพูดถึงการลากลับของพวกเขา
ภายในครึ่งชั่วโมง แอมเบอร์ เดินไปทั่วเพื่อมองหาพี่ชายของเธอ และบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าเธอเหนื่อยและพร้อมที่จะกลับแล้ว เดรโกเรียกหาเสื้อคลุม และส่งมันให้พวกเขาที่ประตูได้ทัน เมื่อพวกเขากล่าวคำขอบคุณแก่เดรโก การสนทนายังคงยืดเยื้อจนถึงสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็จากไป
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหนื่อย และด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่มอง เดรโกปิดประตูหน้าบานใหญ่ และหันมาหาเธอ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหน้า และเอนหัวไปทางด้านข้างเล็กน้อย ชั่วขณะเขารู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจบางสิ่ง เขาเพ่งพินิจเธออย่างช้าๆและตั้งใจ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดวงตาของเขาที่สำรวจไปทั่วทุกอณูของใบหน้าประสานกับดวงตาเธอเข้าจนได้
วันต่อมาเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า เฮอร์ไมโอนี่เดินโซเซเข้าไปยังห้องอาหาร ดวงตาของเธอเป็นสีแดง พร่ามัว และบวมจากการนอนน้อย ผมของเธอมัดเป็นหางม้ายุ่งเหยิง และเธอยังคงอยู่ในชุดกางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดรัดรูปที่เธอเปลี่ยนหลังจากที่ มัลฟอย ออกไปจากห้องเมื่อคืนนี้
“อรุณสวัสดิ์ เกรนเจอร์” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ มองใส่เขาโดยไร้คำพูดและทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เธอเสกให้กาน้ำชาลอยมาตรงหน้าเธอและเตรียมถ้วยชา เธอพึมพำกับตัวเองเกี่ยวกับการสนทนายามเช้าที่สดชื่น หลังจากชาถูกเตรียมพร้อม เธอจิบชาร้อนที่อยู่ในถ้วย และมองมัลฟอยผ่านขอบถ้วยชาของตัวเอง
เธอคิด...ทำไมเธอคล้ายกับมนุษย์ยุคหินกลับมาเกิดใหม่ในขณะที่ มัลฟอย นอนน้อยกว่าเธอ เขาไม่มีแม้แต่ถุงใต้ตา มันน่าหมั่นไส้จริงๆสำหรับชายที่ยังดูดีกับการนอนเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น
ในขณะที่เธอคิด มัลฟอยเริ่มต้นพูด เธอต้องใช้เวลาชั่วครู่เพื่อรับรู้ว่า คำพูดนั้นกำลังออกมาจากปากของเขา และเธอควรจะฟัง
“ตกลงเธอว่าไงเฮอร์ไมโอนี่”
“อ้า เอ่อ...”มันเป็นทั้งหมดที่เธอจะพูด เพราะเธอได้ยินแค่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดเท่านั้น
“ฉันบอกว่าฉันจะจัดงานปาร์ตี้มื้อค่ำเล็กๆเย็นนี้”
“โอ้ ได้ ได้เลยไม่เป็นปัญหาหรอก ฉันหมายถึง ฉันแค่จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องและเอาอาหารขึ้นมาก่อนที่แขกของนายจะมาถึง พวกเขาจะไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ส่งเสียงหรอก จริงๆนะ”
“เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยทำเสียงราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอหลบไป แต่ฉันหวังว่าเธอจะตกลงมาเป็นแขกให้กับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีคำพูดใด
“นายอยากให้ฉันมางานเลี้ยงมื้อค่ำของนายเหรอ”
“ใช่ นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันถามเธอ” เฮอร์ไมโอนี่เงียบไปชั่วขณะ เดรโกรหยักคิ้วให้เธอ ราวกับจะบอกว่า ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากเลย
“ฉันต้องเตรียมตัวให้เสร็จตอนกี่โมงล่ะ”
“หนึ่งทุ่ม” เขาพูด ขยิบตาให้เธอ เล็กน้อยก่อนลุกเดินจากไป เขาก้าวเดินออกไปจากประตูโดยไม่ชำเลืองมองกลับมาอีก เฮอร์ไมโอนี่จ้องตามเขา หน้าของเธอยังคงบูดบึ้ง และงงงวยจากการนอนน้อย
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันถามเธอ” เธอพูดล้อเลียนด้วยเสียงสูงหลังจากเธอแน่ใจว่าเขาไปแล้ว
“เยี่ยม! แล้วฉันจะใส่อะไรไปงานเลี้ยงมื้อค่ำที่คฤหาสน์มัลฟอยล่ะทีนี้” เสียง “ป๊อป” ดังขึ้นและชังกี้ปรากฏตัวแทบจะในทันที เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจ จากนั้นเธอกลืนน้ำลายและจับหน้าอกเมื่อเธอเห็นว่ามันคือ ชังกี้ นั่นเอง
“ทำไมนายหญิงเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ไปหา เมอร์ซิเออร์เบโลซล่ะ นายหญิงจะได้รับสิ่งที่สมบูรณ์แบบในชั่วอึดใจจากเขา เวลาที่นายหญิง มัลฟอย ของชังกี้ต้องการเสื้อคลุมที่เป็นทางการเธอจะไปหาเขา”
“เมอร์ซิเออร์เบโลซเหรอ เขาเป็นช่างทำเสื้อคลุมใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ที่นั่นเป็นร้านขายเสื้อคลุมหรูที่ดีที่สุดในตรอกไดแอกอนและอะไรทำนองนั้น” ชังกี้ยิ้มกว้าง เฮอร์ไมโอนี่คิดชั่วครู่
“ตกลงชังกี้ เธอจะไปกับฉันเพื่อช่วยฉันได้ไหม” ชังกี้ยิ้มกว้างและผงกหัวรับคำขอนั้น เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้น และรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนชุด เธอลืมความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนเพลียหายไปในทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมาที่ร้านของเมอร์ซิเออร์เบโลซ เฮอร์ไมโอนี่จ้องภาพสะท้อนของเธอจากกระจกวิเศษ ที่ร้านของเมอร์ซิเออร์เบโลซ กระจกแสดงให้เธอเห็นด้านหน้าของชุดราตรีที่เธอสวมใส่ และเมื่อเธอแกว่งไม้กายสิทธิ์ กระจกแสดงให้เธอเห็นว่าด้านหลังของเธอดูเป็นยังไง
เมอร์ซิเออร์เบโลซ กำลังเยินยอเธอ หนวดสีดำเล็กๆของเขาจับกันเป็นก้อนและตั้งขึ้นในขณะพูดเจื้อยแจ้วด้วยสำเนียงฝรั่งเศส
“มัดมัวแซลเกรนเจอร์ โอ้พระเจ้า! ชุดนี้ทำให้คุณสวยจนน่าตกตะลึง ปม-คง-จา-มาย-ต้อง-เปลี่ยน-แปลง-อาราย ยังกับว่ามันถูกทำขึ้นมาเพื่อคุณอย่างนั้นแหละ”
“บางทีมันอาจจะทำขึ้นมาเพื่อคู่แฝดที่ร่ำรวยมหาศาลของฉันแต่บังอัญที่ฉันไม่มีคู่แฝดเสียด้วยสิ ” เฮอร์ไมโอนี่คิดด้วยความกลัดกลุ้ม ชุดหรูหรา ดูสวยงาม และเธอน่าจะยอมจ่ายมันด้วยความยินดีแต่ตัวเลขบนป้ายราคาช่างไม่น่าซื้อหาเอาเสียงเลย ไม่มีทางที่เธอจะยอมใช้จ่ายเงินจำนวนนั้นเพื่อชุดเพียงชุดเดียว แม้ว่าเธอจะมีเงินก็ตามแต่เธอก็คงจะไม่ยอมจ่ายเพื่อสิ่งนี้เป็นแน่
ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะเป็นหมอทั้งคู่ และมีอาชีพการงานที่ดีแต่เธอก็ภาคภูมิใจในตัวเอง ในฐานะที่เธอเองเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว เธอจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือเรื่องเงินจากพ่อแม่ของเธอเป็นอันขาด เฮอร์ไมโอนี่มีห้องพักของตัวเองและซื้อมันตั้งแต่วันที่เธอเริ่มทำงานที่กระทรวง เธอได้เงินเดือนมากพอสำหรับคนวัยเช่นเธอ เธอมีเงินเพียงพอสำหรับการเป็นอยู่อย่างสบายแต่เธอก็ไม่ได้ร่ำรวยจริง
เฮอร์ไมโอนี่มองกระจกเป็นครั้งสุดท้ายและกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัว เธอกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับชุดราตรีสีดำอีกตัวหนึ่ง พยายามที่จะไม่ทำหน้ามุ่ยเมื่อเธอมองตัวเองในกระจก ชุดดูสวยทีเดียว แต่เธอชอบชุดสีเทามุกมากว่า และหลังจากเห็นราคาของชุดผ้าไหมสีเทามุกเธอก็ตัดสินใจว่าแค่ชุดสีดำนี้ก็ใช้ได้แล้ว
“ฉันคงจะเอาชุดนี้ค่ะ เมอร์ซิเออร์” เธอพูดถอนหายใจอย่างรับสภาพ เมอร์ซิเออร์เบโลซเข้าใจสถานะภาพทางการเงินในทันทีและพยักหน้าอย่างมีชั้นเชิง
“ชุดนี้ก็สวยมากเช่นกัน” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง
“ผมก็แค่ต้องเติมแต่งอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้นและคุณก็จะสง่างาม” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกลับไปให้เขา และถอนหายใจในขณะที่เขาเริ่มปักเข็มหมุด ขีดชอล์คเพื่อแก้ไขบางอย่าง เธอจ่ายเงินสำหรับชุดตัวนั้น และทิ้งที่อยู่ที่จะให้ไปส่ง เมอร์ซิเออร์เบโลซให้คำมั่นว่า ชุดจะไปถึงตอนหกโมงเย็นและขอให้มีความสุข
เฮอร์ไมโอนี่และชังกี้เดินไปตามตรอกไดแอกอน และซื้อของกระจุกกระจิกบางอย่างจากนั้นกลับไปที่คฤหาสน์ เฮอร์ไมโอนี่จิบชาในห้องและจากนั้นนอนหลับอีกสองถึงสามชั่วโมง
ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าใกล้จะหมดวันแล้ว และเกือบจะถึงเวลางานเลี้ยง เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปอาบน้ำ และจากนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะเพื่อใช้ความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่เธอมีเพื่อเกล้าผมขึ้นไปจนสำเร็จ เธอเรียนรู้เวทมนตร์เกี่ยวกับความสวยงาม มากมายตั้งแต่เธอออกจากฮอกวอตส์ และเธอก็ทำมันจนสำเร็จเสร็จสิ้น เธอรู้สึกมากกว่าความพอใจจากภาพสะท้อนในกระจก
ผมของเธอถูกรวบสูงขึ้นไปและไขว้กันอย่างหลวมๆไปยังมงกุฎบนหัวของเธอ ผมลอนสีน้ำตาลแดงหนาเป็นประกาย ตกลงตรงบริเวณหลังไปจนถึงเอวอย่างหลวมๆ มันดูสง่างามในขณะที่ดูเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน
เธอใช้คาถาตกแต่งดวงตาในโทนสีดำ และให้ความรู้สึกแบบสโมคกี้ ขนตาของเธอดูยาวและหนาขึ้น ริมฝีปากของเธอสมบูรณ์แบบด้วยสีชมพูธรรมชาติแวววาว และผิวของเธอขาวเนียนเปล่งปลั่ง
ในที่สุด ผมและใบหน้าของเธอถูกตกแต่งจนเสร็จ เธอเริ่มกระสับกระส่าย ไม่ใช่แค่ความกังวลใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้แต่ยังเป็นเพราะชุดที่เธอเลือกซื้อจาก เมอร์ซิเออร์เบโลซที่ยังมาไม่ถึง เธอนั่งลงพร้อมไขว้นิ้วเข้าด้วยกัน พยายามจดจำว่าไม่ควรกัดปากตัวเองหรือทำให้เครื่องสำอางเสียหาย
หลังจากช่วงเวลาอันยาวนานเธอได้ยินเสียงของสิ่งที่เธอกำลังรอคอย ในขณะที่เธอเร่งรีบไปที่หน้าต่าง เธอเห็นนกฮูกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ระเบียงพร้อมกับหีบห่อยาวในกรงเล็บของมัน
เธอเปิดหน้าต่างออกและดึงหีบห่อเข้ามาข้างใน นกฮูกมองเธอราวกับว่ามันคาดหวังจะได้อาหาร เธอยัดเหรียญลงในถุงหน้าท้องและปฏิเสธที่จะให้อาหารมัน
“ไม่มีทางซะล่ะ ฉันสายแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดในขณะที่เธอปิดหน้าต่าง และรีบกลับเข้าไปที่ห้องนอน เธอเปิดหีบห่อนั้นออก ภาวนาให้คุณเบโลซแก้ไขชุดให้ได้ดีกว่า ที่เขาจะตรงเวลา ตอนนี้อีกสิบห้านาทีจะหนึ่งทุ่มแล้ว
เธอชะงักตัวแข็งทื่อ เมื่อเธอเห็นเนื้อผ้าไหมสีเทาเป็นประกายของชุดราตรีที่เธอเลือกในทีแรก เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอคิด...จะต้องเกิดความผิดพลาด! เธอแน่ใจว่า เมอร์ซิเออร์เบโลซเข้าใจว่าเธอเลือกจ่ายชุดราตรีที่แพงน้อยกว่า
เมื่อเธอยกชุดขึ้นมา เธอมองเห็นโน้ตเล็กๆหล่นออกจากหีบห่อ เธอหยิบมันขึ้นมาและอ่านอย่างรวดเร็วยิ้มให้กับข้อความที่เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยและสง่างาม
เกรนเจอร์,
ชุดนี้เหมาะกับเธอมากกว่าชุดไหนๆ รีบใส่ซะเธอกำลังจะสายแล้วนะ
ด.ม.
เฮอร์ไมโอนี่กอดชุดไว้แน่น ความตื่นเต้นของเธอในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เนื่องจากเธอกำลังจะได้ใส่ชุดที่สวยงามที่สุด ที่เธอได้จากคำกล่าวชมของเดรโก มัลฟอย
ในขณะที่เธอสวมชุด เธอมองตัวเองในกระจก ยิ้มกว้างอย่างไร้เหตุผล เธอหมุนตัวไปรอบๆ ผ้าไหมสีเทาเป็นประกายของชุด รัดทรวดทรงของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อผ้าเบาบาง จนคิดว่ามันมองเห็นทะลุผ่านเข้าไปข้างในได้ ด้านหลังเว้าต่ำลงไป เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนของเธอ ภาพที่เธอเห็นทั้งหมดทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นดาราที่มาจากยุค 1920 ชังกี้ปรากฏตัวเข้ามาในห้องและร้องใส่เธอ
“นายหญิงเฮอร์ไมโอนี่ช่างสวยงามเหลือเกิน!”
“ขอบใจชังกี้ แต่เธอดูไม่แปลกใจเลยที่ฉันใส่ชุดที่แตกต่างจากชุดที่ฉันซื้อในวันนี้” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เอลฟ์ ชังกี้หน้าแดงและพยายามหลบตาเธอโดยการมองไปรอบๆห้อง
“ชังกี้หวังว่านายหญิงจะไม่โกรธ ชังกี้แค่คิดว่านายหญิงชอบชุดนี้มากกว่า ชังกี้แค่เอ่ยถึงมันให้นายท่านรู้ นายหญิงแค่พูดเปรยๆแต่ชังกี้รู้ว่านายหญิงชอบมัน นายท่านบอกให้กลับไปที่ร้านและเปลี่ยนแปลง” ชังกี้กุมมือเล็กๆเข้าด้วยกัน ด้วยความกังวลใจ
“ฉันไม่ได้โกรธหรอกชังกี้” เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดให้เอลฟ์แน่ใจ
“ฉันก็แค่สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรก็เท่านั้น”
“ชังกี้ดีใจที่นายหญิงไม่โกรธ เอาล่ะนายท่านกำลังรอนายหญิงอยู่ชั้นล่าง” เฮอร์ไมโอนี่ผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่มารับเธอออกไปจากห้อง แต่เธอคิดไว้ว่ามันไม่ใช่เดทสักหน่อยและทำไมเขาต้องทำด้วยล่ะ?
เธอออกไปตามทางเดิน ตรงไปที่บันได เธอหยุดชะงักที่ด้านบน เดรโกอยู่ใกล้ปลายบันไดกำลังสนทนาอยู่กับพ่อมดตัวสูงในชุดเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่ง แม่มดสาว 3 คนและพ่อมดหนุ่มอีกคนอยู่ห่างออกไป ใกล้กับเตาพิง
เมื่อเธอเริ่มเดินลงมาจากบันได พ่อมดทั้งคู่ที่อยู่ใกล้บันไดขั้นสุดท้ายเงยหน้ามอง ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ติดตรึงอยู่กับเดรโกในทันที เขาหันหน้าออกจากพ่อมดที่เขากำลังคุยด้วยเพื่อที่จะสามารถมองเห็นหน้าเธอได้ชัดเจนขึ้นในขณะที่เธอใกล้เข้ามา เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม เห็นสายตาที่เขามองเธอ มันเป็นสายตาที่แม่มดทุกๆคน อยากจะเห็นบนใบหน้าของพวกพ่อมดเมื่อพวกเธอพยายามแต่งตัว มันเป็นสายตาของความชื่นชมที่ผู้ชายแสดงต่อผู้หญิงที่สวยงาม
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นล่างของบันได เดรโกก้าวขึ้นไปรับเธอ เขาพาเธอเดินออกไปจากพ่อมดที่เขากำลังคุยด้วย และมุ่งตรงไปยังประตูสไตล์ฝรั่งเศสที่เปิดอยู่
“เคราเมอร์ลิน เกรนเจอร์ ชังกี้พูดแค่ว่าชุดนี้ดูดีกว่าชุดที่เธอเลือกแต่- - -ดูเธอซิ เธอดูน่าตกตะลึงอย่างที่สุด” ในทีสุดเขาพูดออกมาอย่างง่ายๆ
“ฉันจะต้องให้รางวัลแก่เอลฟ์สักหน่อยแล้วล่ะ” เขาพึมพำในขณะที่จิบเครื่องดื่มอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะมัลฟอย แต่คืนนี้ฉันคิดว่ามันอาจจะไปได้ดีกว่าถ้าเธอเรียกฉันว่าเฮอร์ไมโอนี่” เธอพูดพร้อมกับปัดบางอย่างที่ไม่มีอยู่จริงออกจากเสื้อคลุมของเขาอบ่างเขินอายและเขาไม่ทันสังเกตเห็นนิ้วมือที่กำลังสั่นของเธอ มันเริ่มสั่นในทันทีที่เธอก้าวเดินเข้ามาในห้อง เธอจำเป็นต้องหาข้ออ้างเพื่อจะมองไปทางอื่น หันไปจากสายตาที่มองทะลุผ่านเข้าไปในตัวเธอ มือของเขายังคงเกาะกุมแขนของเธอและมันเป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกซาบซ่านแปลกที่สุดที่ตรงนั้น
“เดรโก” พ่อมดตัวสูงที่ยืนอยู่กับ มัลฟอย ก่อนหน้ากำลังเดินตรงมาหาพวกเขาพร้อมกับ คอกเทลสองแก้ว
“นายพยายามที่จะเก็บแม่มดที่น่าทึ่งคนนี้ไว้คนเดียวตลอดเย็นนี้หรือไง” เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงและยิ้มให้พ่อมดที่หล่อเหลา
“ยังกับว่าฉันอยู่ใกล้ๆนายได้” เดรโกพึมพำ จากนั้นเขาพูดด้วยเสียงดังมากขึ้น
“แอสตัน ฟอลล์บรู๊ค นี่คือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่า”
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เหรอ” แอสตันพูดอย่างไม่อ้อมค้อมจ้องไปที่เธอ
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คนที่- - -เฮอร์ไมโอนี่ เกรน--- เอ่อ”
“ใช่” เดรโกตัดบท
“เธอคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์คนนั้น”
“คุณเกรนเจอร์ เป็นเกียรติที่ได้พบคุณ” แอสตันพูด ดวงตาสีฟ้าสดใสของเขาแวววาวด้วยความสนใจในขณะที่เขาจับมือเธออย่างคล่องแคล่ว แอสตัน เป็นคนสูงมาก สูงกว่าเดรโกประมาณหนึ่งถึงสองนิ้ว ผมของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มและเขายังหล่อมากด้วย
มือของเดรโกยังเกาะอยู่ที่ข้อศอกของเธอไม่ยอมปล่อย และดึงตัวเธอไปพบกับคนอื่นๆในห้องซึ่งยากที่จะปลีกตัวออกมาได้
ช่วงเย็นผ่านไปอย่างน่ารื่นรมย์ เขาแนะนำให้รู้จักสุภาพบุรุษอีกคนคือ ออสการ์ ฟินตัน ภรรยาของเขาคือจูลี่ เป็นแม่มดสาวผมบลอนด์ที่สวยงามทีเดียว แม่มดอีกสองคนคือ แอมเบอร์และเจด ฟอลล์บรู๊ค ซึ่งเป็นน้องสาวของแอสตัน พวกเขาชอบใจมากที่ได้คุยกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอสังเกตเห็นว่าการสนทนาส่วนใหญ่จะอยู่กับเดรโกมากกว่า
ฟอลล์บรู๊ค เป็นตระกูลเลือดบริสุทธิ์และเป็นที่นับหน้าถือตา เฮอร์ไมโอนี่เคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขาเช่นเดียวกับตระกูลมัลฟอย พวกเขามาจากตระกูลพ่อมดที่เก่าแก่และมีเงิน เมื่อเธอถามแอสตันว่าทำไมเธอจึงจำเขาไม่ได้เลยตอนที่อยู่ที่ฮอกวอตส์ เขายิ้มอย่างเกียจคร้าน บอกเธอว่าธรรมเนียมของตระกูลฟอลล์บรู๊ค คือให้สมาชิกในครอบครัวจ้างอาจารย์พิเศษมาสอนที่บ้าน น้องสาวของเขาก็เรียนที่บ้านเช่นกัน
เมื่อได้เวลาอาหาร เดรโกจัดที่นั่งให้เธอนั่งด้านขวาของเขาก่อนที่แอมเบอร์จะเข้ามาแทรกได้ทัน เธอส่งสายตาขุ่นเคืองให้เฮอร์ไมโอนี่แต่ท่าทีของเธอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็วเนื่องจากเธอนั่งฝั่งตรงข้ามเดรโก ในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ต้องนั่งอยู่ระหว่างเดรโกกับแอสตัน เธอพูดคุยกับแอสตันมากกว่า ในขณะที่เขาดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะรู้จักเธอมากขึ้น
เดรโกพูดกับเธอหลายครั้งระหว่างทานอาหาร แต่ดูเหมือนถูกผูกมัดให้ตอบคำถามมากจนเกินไป คำถามมากมายที่ตรงใส่เขาโดยเจด หรือแอมเบอร์ ฟอลล์บรู๊ค ก่อนที่มันจะยาวนานไปกว่านี้ก็ได้เวลาของว่างและกาแฟ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเพราะแอสตันขยับเก้าอี้เข้าใกล้เธอทุกครั้งที่มีโอกาส เขาเอนตัวเข้าใกล้เธอมากเกินไปเวลาที่พูดคุยกัน และวางมือลงบนเก้าอี้ด้านหลังเธออย่างคุ้นเคย เธอเอนไปข้างหลังเมื่อเขาเอนเข้ามาใกล้ เธอเลื่อนเก้าอี้ออกห่างเขาทุกครั้งที่เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก
‘อีกไม่นานฉันคงจะหงายหลังแน่’ เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดในขณะที่เอนตัวไปข้างหลังอีกนิด ขณะที่แอสตันพูด และแล้วเดรโกก็ยื่นมือของเขาเพื่อขอให้เธอยืนขึ้น
“เราทุกคนออกไปที่ห้องดนตรีกันดีไหม” เขาพูดโดยไม่มองไปที่แอสตันเลย พวกเขาเดินไปที่ห้องดนตรี ในขณะที่สุภาพบุรุษทั้งหลายกำลังเชื้อเชิญเหล่าสุภาพสตรี เดรโกนำทางเฮอร์ไมโอนี่ไปพร้อมกับให้เธอเกาะกุมแขนของเขาไว้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พิจารณา หรือคิดว่าเธอดีใจแค่ไหนที่จะอยู่ห่างจากแอสตันหรือเธอรู้สึกสบายใจแค่ไหนที่ตัวเธออิงแอบแนบชิดเดรโกในขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน ห้องดนตรีโอ่อ่าอย่างมาก มันถูกตกแต่งในสไตล์เฟรนซ์ร็อคโก้ที่มีการประดับประดาไปด้วยเครื่องตกแต่งเคลือบทองและใบไม้สีทองสวยงาม มีเครื่องดนตรีมากมาย ไวโอลีนวางอยู่ในกล่องแก้วชั้นบนเพื่อป้องกันฝุ่น เปียโนตัวใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมกินเนื้อที่ในหนึ่งกำแพงและฮาร์พสไตล์พระ
เจ้าหลุยส์ที่ 16 ฝังเหลี่ยมอย่างงดงาม ตั้งอยู่ใกล้เตาผิง
“เธอจะเล่นไหมล่ะ” เดรโกถามใกล้ๆหูของเธอ เมื่อเธอชื่นชมไวโอลีน เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว
“ไม่ใช่ไวโอลีน น่าเสียดายแม่ให้ฉันเรียนเปียโนสองครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลาหกปีกับมาดามเอ็มมานูเอล ฉันรักเปียโน แต่เธอเป็นหญิงชราที่ร้ายกาจแต่เธอก็ใจกว้าง”
เดรโกหัวเราะเบาๆเมื่อเขามองเธอ จากนั้นหันกลับไปมองที่ไวโอลีนอย่างพิจารณา ราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“เธอไม่เคยบอกฉันว่าเธอเล่นได้ เกรน- - -เอ่อ เฮอร์ไมโอนี่” เธอยิ้มเล็กน้อยให้เขาซึ่งตอนนี้ดูประหลาดใจและตอบกลับเขา
“ก็นายไม่เคยถาม” เขาหันหัวไปด้านข้าง มองเธอและเขาหยักไหล่
“เล่นสักหน่อยไหม” มันเป็นคำถามไม่ใช่คำขอ และเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็ว เธอไม่เคยชอบเล่นให้ใครฟัง แต่ที่นี่มีคนไม่มากนักและเปียโนช่างสวยงามชวนให้เล่นเหลือเกิน
เธอเดินไปที่เครื่องดนตรี เธอเคยเห็นแกรนด์เปียโนแบบนี้จากในรูปเท่านั้น ซึ่งทำขึ้นในกลางถึงปลายปี ค.ศ.1800 ก่อนที่แกรนด์เปียโนยุคใหม่จะถูกพัฒนา ของจริงๆมันช่างสวยงามเลยเกิน เปียโนที่มีการแกะสลักอย่างซับซ้อนดูเหมือนมันจะเรียกร้องหาเธอและนิ้วมือของเธอปรารถนาที่จะทดลองมัน
เฮอร์ไมโอนี่รู้จากการอ่านว่ามันมีอายุอย่างน้อยที่สุด 145 ปีมาแล้ว เปียโนตัวนี้ทำด้วยไม้พยุงและแป้นคีย์สีขาวทำจากงาช้าง ในขณะที่แป้นคีย์สีดำทำจากไม้มะเกลือที่หาได้ยาก
“นายไม่มีเนื้อเพลงของมักเกิ้ลแน่ๆ” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ
“นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้จักดีพอที่จะเล่นต่อหน้าผู้คนได้” เดรโกยิ้ม และเดินไปยังชั้นวางของที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลงเมื่อเขาเปิดมันออก
“แม่ฉัน” เขาอธิบายข้ามไหล่ให้เธอฟัง
“เธอชอบในสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะมาจากโลกพ่อมด แม่มด หรือโลกมักเกิ้ลก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่เขย่งตัวไปยังชั้น และกวาดตามองเพื่อเลือกเพลงหลังจากนั้นชั่วครู่เธอเห็นในสิ่งที่เธอหวังว่าจะเจอ
“เพลงนี้แหละ” เธอพูดสบตากับเขา เธอรู้ดีว่าดวงตาของเขาอ่อนลงเพราะไวน์แต่เธอไม่สนใจ
กลุ่มคนที่เหลือกำลังเดินรอบๆห้อง เพื่อสำรวจและมองดูเครื่องดนตรีต่างๆ เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงและลองกดแป้นคีย์ เครื่องดนตรีมีเสียงที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอเคยเรียนรู้มา
รูปทรงสี่เหลี่ยมทำให้มันมีเสียงคล้ายฮาร์พโบราณ เธอคิดว่ามันจะต้องมีเสียงแบบเดียวกับในยุค ค.ศ. 1850 โดยไม่ต้องเกริ่นนำเธอจัดแจงตัวเองให้นั่งลงบนเก้าอี้ รอยยิ้มหนึ่งครั้งและเริ่มเล่น
ท่วงทำนองไพเราะอ่อนนุ่มในเพลงน็อคเทิร์นวินซีไมเนอร์ ของโชแปงขับขานไปทั่วห้อง
เฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกดึงไปอยู่ในเสียงเปียโนอันไพเราะ เธอไม่รับรู้ถึงคนอื่นๆอีกต่อไป จนกระทั่งเธอเล่นจนจบในหลายนาทีต่อมา
ทุกคนตบมือชื่นชมเธอยกเว้นเดรโก เขายืนพิงที่ปลายสุดของเปียโน มือของเขาวางที่โครงของเปียโน และจ้องมองเธออย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกายของเขาเป็นสีเข้ม มันเต็มไปด้วยความรู้สึกแรงกล้า เฮอร์ไมโอนี่จ้องกลับไป และรู้สึกเหมือนถูกเขาดึงดูด
ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนโดยมีเดรโกช่วย เธอรู้สึกถึงมือหนักๆข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเธอ แอสตันโน้มตัวลงประชิดเธออีกครั้งและกระซิบที่ข้างหู
“เธอดูเหมือนกับนางฟ้า และเธอเล่นได้ดุจมาจากสวรรค์” เขาจับมือเธอเพื่อช่วยให้ลุกขึ้นยืน
“ฉันสนใจเธอ...เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ได้โปรดนั่งกับฉันและเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับตัวเธอ”
เธอยิ้มให้อย่างสุภาพ และนั่งลงในเก้าอี้ที่เขาพาไปข้างๆกองไฟ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกห่างไกลจากความอบอุ่นในฉับพลัน เธอฝืนทนต่อแรงกระตุ้นที่จะไม่เหลือบมองไปทางเดรโก
สามสิบนาทีต่อมา มันปรากฏได้ว่าความคิดของแอสตันที่จะทำความรู้จักเธอมากขึ้น คือ การพูดกับตัวเขาเอง และค้นพบว่าเขาประทับใจเธอมากแค่ไหน เฮอร์ไมโอนี่เริ่มมีปัญหากับการพูดคุยในเรื่องที่น่าเบื่อ และดีใจมากเมื่อ ฟินตันพูดถึงการลากลับของพวกเขา
ภายในครึ่งชั่วโมง แอมเบอร์ เดินไปทั่วเพื่อมองหาพี่ชายของเธอ และบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าเธอเหนื่อยและพร้อมที่จะกลับแล้ว เดรโกเรียกหาเสื้อคลุม และส่งมันให้พวกเขาที่ประตูได้ทัน เมื่อพวกเขากล่าวคำขอบคุณแก่เดรโก การสนทนายังคงยืดเยื้อจนถึงสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็จากไป
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหนื่อย และด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่มอง เดรโกปิดประตูหน้าบานใหญ่ และหันมาหาเธอ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหน้า และเอนหัวไปทางด้านข้างเล็กน้อย ชั่วขณะเขารู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจบางสิ่ง เขาเพ่งพินิจเธออย่างช้าๆและตั้งใจ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดวงตาของเขาที่สำรวจไปทั่วทุกอณูของใบหน้าประสานกับดวงตาเธอเข้าจนได้
“ข้อบกพร่องเดียวในตอนที่ฉันฟังเธอเล่น” เขาพูดพึมพำใกล้ๆผมของเธอในขณะที่กอดเธอแน่นขึ้นไปอีก
“คือการที่ฉันไม่อาจเต้นรำกับเธอได้ พร้อมๆกับที่เธอกำลังเล่นอยู่”
รอยข่วนเบาๆจากหนวดเคราของเขาที่ถูแก้มของเธอ ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ เธอสูดกลิ่นที่ร้อนแรงสดชื่นของเขาในขณะที่หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำใส่แผ่นอกของมัลฟอย
“และท่าทีเวลาที่เธอเล่น...” เขาพูดต่อพร้อมกับดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีก แขนทั้งสองโอบล้อมเอวของเธอไว้ แก้มของเขาปะทะหัวของเธอ
“มันทำให้ฉันอยากที่จะทำบางอย่าง มากกว่าแค่กอดเธอ”
มือของเธอวางพักอยู่บนไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยน และเพราะคำพูดของเขาทำให้ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วท้องของเธอ มือของเธอเคลื่อนที่อย่างไม่รู้ตัว มันเลื่อนไปที่ด้านหลังคอของเขา นิ้วมือของเธอเล่นปลายผมนุ่มลื่นดุจเส้นไหมของเขา ในทันใดเดรโกหยุดเต้น และใช้มือข้างหนึ่งจับคางของเธอซึ่งเป็นบังคับให้เธอเงยหน้ามองเขาในขณะที่พูด
“เธออาจจะเสียใจในภายหลัง แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่คิดเสียใจ” จากนั้นเขาจูบเธออย่างอ่อนโยนครั้งหนึ่ง ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม... ริมฝีปากบางของเขาที่ประกบปากของเธอ มันอุ่นและสมบูรณ์แบบ เธอไม่อาจคิดหรือได้ยินอะไรได้อีก เขาร้องครางเบาๆและหยุดชั่วขณะเมื่อมองดูเธอในขณะที่ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตาของเธอเหม่อลอยและดูงุนงง
ด้วยรอยยิ้มเฉื่อยชาครั้งหนึ่ง เขาจูบที่ปลายจมูกของเธอ และเลื่อนมือข้างขวาขึ้นไปที่ผมนุ่มเหมือนเส้นไหมของเธอ ริมฝีปากของเขาลดต่ำลงมา ประกบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เป็นอารมณ์ที่ถวิลหามากกว่าเดิม
ลิ้นของเขาสัมผัสริมฝีปากของเธอที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นแปลกใหม่นี้ ปากของเธอเผยอออกเพียงเล็กน้อยและเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไป ลิ้นของเขาเลื่อนเข้าไปในปากอุ่นๆ เพื่อลิ้มรสชาติอันหอมหวานของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่จูบเขากลับอย่างกลัวๆในทีแรก จากนั้นจึงเรียนรู้จังหวะในการจูบ ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้นในขณะที่ จังหวะการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นด้วย เธอรู้สึกว่าปอดทั้งสองข้างกำลังแผดเผา เธอต้องการอากาศแล้วในตอนนี้ เดรโกดึงริมฝีปากออกจากเธอ และไล่จูบไปที่คอของเธอเบาๆ
เขาจูบเธอ พร้อมกับสำรวจแก้มสีชมพูน่ารักและคางของเธอ ในขณะเดียวกันเฮอร์ไมโอนี่ ปล่อยให้มือเตร็ดเตร่ไปทั่วกล้ามเนื้อด้านหลังของเขา ผ้าลินินราคาแพงที่เขาสวมใส่อยู่คืออุปสรรคเดียว ที่กั้นระหว่างมือของเธอกับผิวหนังของเขา จากนั้นเขาประกบปากเธออีกครั้ง และเธอต้องอ้าปากค้าง เมื่อเดรโกพาพวกเขาทั้งสองหายตัวไปยังทางเดินหน้าประตูห้องที่เธอพักอยู่ในคฤหาสน์
เดรโกโน้มตัวลงประชิดเธอ หลังของเธอกระแทกยันกับกำแพง จูบของเขาช่างอ่อนนุ่มละมุนละไมและลื่นไหลซึ่งทำให้เธอต้องร้อนเป็นไฟ มือด้านซ้ายของเขากางออกอยู่ที่ด้านหลังของเธอเพื่อทำให้เธอเข้ามาใกล้มากขึ้น ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ช่วยพยุงเธอไว้ไม่ให้ล้ม เฮฮร์ไมโอนี่ได้แต่คิดถึงสัมผัสนุ่มนวลเหมือนกำมะหยี่จากปากของเขา และมือที่ลูบไล้อยู่บนตัวเธอ ชีพจรของเธอกำลังเต้นเร็ว และการสัมผัสทั้งหมดนี้ไม่อาจเพียงพอสำหรับเธอได้อีกต่อไป
หลายนาทีที่ยาวนานของการจูบอย่างรุ่มร้อน เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงเดรโกราวกับว่ามันดังอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาว
“เฮอร์ไมโอนี่...” เดรโกกำลังพึมพำเรียกชื่อเธอในระหว่างจูบ
“เฮอร์ไมโอนี่” เขาเริ่มอีกครั้ง
“เธออยากให้ฉันหยุดไหม” ในตอนนี้เธอไม่อาจคิดอะไรได้อีก เธอกำเสื้อของเขาแน่น
“ไม่! นาย...จูบ...สมบูรณ์แบบที่สุด”
“เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกเรียกชื่อเธอ หลังจากจูบเธออย่างอ่อนโยนอีกครั้ง ก่อนจะหยุดชั่วครู่เพื่อมองเธอ ดวงตาสีเทาของเขาแผดเผาดวงตาของเธอ คล้ายกับเหล็กที่หลอมละลาย
“ถ้าไม่หยุดในตอนนี้ เราจะต้องลงเอยบนเตียงของฉัน เธออยากให้เรามีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้หรือเปล่าเฮอร์ไมโอนี่”
คำพูดของเขาทลายหมอกแห่งความปรารถนาของเธอ
“ฉัน-ฉันไม่เคย เอ่อ-นายก็รู้ ฉันอยากจะรอจนกว่า-โอ้! เดรโก ฉันเสียใจ ฉันไม่คิดว่า... ฉันแค่ยังไม่พร้อมที่จะ...” เดรโกตัดบทด้วยการประทับจูบของเขาลง เมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา และเขากำลังอุ้มเธอเข้าไปในห้อง เธอพบว่าตัวเองอยู่บนโซฟา เดรโกคุกเข่าอยู่ข้างๆเธอ เขาจูบเธออย่างช้าๆ อ่อนโยนและความใคร่กระหายลดลงแล้ว ในที่สุดเขาก็เอียงหน้าผากของเขาไปกับหน้าผากของเธอและถอนหายใจ
“ชู่! เธอทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ”
“อะไรนะ?” เฮอร์ไมโอนี่ร้องถาม “ฉันจะทำมันได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหน ฉันหมายถึง...ฉันไม่มีประสบการณ์มากนักในเรื่องทำนองนั้น และฉันก็เกือบจะทำมัน และ... - - - -”
“เฮ้” เดรโกแทรกในขณะที่เธอโวยวายและในตอนนี้เธอเกือบจะร้องไห้แล้ว
“เธอคือผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ เธอไม่รู้หรอกว่ามันกระตุ้นอารมณ์แค่ไหนที่ได้รู้ว่าเธอไม่เคยใกล้ชิดกับใคร แต่เธอเกือบจะหัวเสียเพราะฉัน ฉันพูดได้ว่ามันมากกว่าคำพูดใดๆ” เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นทั่วร่างกายของเธอเพราะคำพูดของเข า เขาไม่ได้หัวเราะที่เธอยังเวอร์จิ้น เขาคิดว่ามันเซ็กซี่ เธอโน้มตัวไปข้างหน้า มอบจูบลึกซึ้งและอบอุ่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมายให้แก่เขา
“ถึงอย่างไรฉันก็ไม่คิดว่าเราจะทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ” เขาพูดเมื่อเธอผงะตัวออก รอยยิ้มของเขาสั่นเล็กน้อย ลมหายใจเร็วขึ้น
“ตอนที่ฉันกับรอนคบกัน หลังจากที่จบการศึกษา ฉันคิดจริงๆว่าเราจะเข้ากันได้ นายรู้ใช่ไหม จากนั้นไม่กี่อาทิตย์ต่อมา สงครามเริ่มต้นขึ้น และเรายากที่จะได้พบกันเพราะมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน ฉันเลิกกับเขาเมื่อฉันต้องเดินทางกลับไปกลับมาระหว่างประเทศญี่ปุ่น เพื่อฝึกการพินิจใจ หลังจากสงครามฉันย้ายไปอยู่ที่นั่นโดยเฉพาะ” เธอมองเขาอย่างเสียใจ
“ไม่มีโอกาสที่จะเดทในวัดญึ่ปุ่นเช่นกันถ้านายพบว่าตัวเองอยู่ที่นั่น 4 เดือนผ่านไปเมื่อสิ้นสุดการฝึก และฉันกลับบ้าน รอนกับฉันพยายามเริ่มต้นใหม่แต่มันไม่เป็นผล เราทั้งคู่เปลี่ยนไปมาก และมีความต้องการหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันอายุ 21 และยังไร้ประสบการณ์ในเรื่องความสัมพันธ์จริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงนาย ฉันแค่ - - -”
“เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูด เขาสัมผัสที่หลังของเธอเบาๆในขณะที่เขากอดเธอ
“เธอไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟัง ฉันไม่ใช่ยักษ์กินคนนะ เธอรู้ไหม ฉันไม่เป็นไรที่เธอ...ปฏิเสธฉันในตอนนี้” เขายิ้มให้เธออย่างเจ้าเล่ห์ และหน้าแดง
“ฉันควรจะออกไปซะที หรือไม่ ฉันก็คงออกไปไหนไม่ได้เลย” เขาพูด
เฮอร์ไมโอนี่อยากบอกให้เขาอยู่กับเธอสักพัก แต่เธอเข้าใจว่าเขาต้องพยายามควบคุมความปรารถนาของตัวเองแค่ไหน เธอเดินไปส่งเขาที่ประตูและยืนพิงประตู เมื่อเขาจูบเธออีกครั้ง ดึงเธอเข้ามากอดอย่างรุนแรงก่อนที่จะตัดสินใจจากเธอไป เขาหายตัวไปยังห้องของตัวเอง ดวงตาสีเทามองเธออย่างรักใคร่และอาวรณ์ ก่อนที่เขาจะหายตัวไป
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอ่อนเพลียเมื่อเขาออกไปแล้ว ทั้งหมดที่เธอทำได้คือถอดเสื้อออก และเตรียมตัวเข้านอน เธอเปลี่ยนชุดนอนกึ่งชุดชั้นในสีเนื้อตัวใหม่ที่ เมอร์ซิเออร์เบโลซ พูดชักชวนให้เธอใส่
‘อย่างน้อยที่สุดถึงฉันจะมีเซ็กส์ไม่ได้ ฉันก็ยังดูเซ็กซี่’ เธอคิดทันทีที่กำลังล้มตัวลงนอน ชังกี้เข้ามาในห้องของเธออย่างเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่มองเอลฟ์ตัวจ้อย ในมือกำลังถือถ้วยยา มันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยในขณะที่เธอลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เธอรีบสวมเสื้อคลุมเข้าชุด เดินอย่างเร่งรีบและตามชังกี้เข้าไปในห้องของเดรโก เขากำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมของเขาเปียกจากการอาบน้ำ และเขาอยู่ในชุดกางเกงนอนพอดีตัวสบายๆ และกำลังจะสวมเสื้อทีเชิร์ตสีขาวสะอาด เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากของตัวเอง เมื่อมองเห็นแผ่นอกที่มีมัดกล้ามของเขา
เมื่อเขาเห็นคนทั้งสอง ที่กำลังรอส่งถ้วยยาให้ เดรโกโยนเสื้อไว้ข้างๆและสายตาของเขาติดแน่นอยู่กับเธอในแบบที่ทำให้หัวใจกำลังจะหยุดเต้น เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปรับถ้วยยาจากชังกี้
“ขอบใจชังกี้ไปได้แล้ว” ชังกี้จากไปก่อนที่เธอจะทันได้เปิดปากเรียกให้มันหยุด
“บ้าที่สุด เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดวางถ้วยยาลงบนโต๊ะเสียงดัง
“เธอพยายามฆ่าฉันใช่ไหมที่เข้ามาที่นี่ในชุดแบบนั้น”
เธอมีเวลาแค่เสี้ยววินาทีมองเขาด้วยความงุนงง ก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้าไปหาและใช้ปากของเขาบดขยี้เธอ วินาทีต่อมาแขนของเธอโอบล้อมรอบคอของเขา นิ้วมือของเธอจมอยู่ในผมของมัลฟอย และความคิดทั้งหมดก็หายวับไป
มือของเดรโกเลื่อนต่ำลงไปที่หลังของเธอ ต่อไปที่สะโพกแน่นๆของเธอ เพื่อดึงเธอให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก สะโพกของเธอและเขาแนบชิดเสียดสีกัน ด้วยการปลุกเร้าอารมณ์ของเขา ริมฝีปากของเขาย้ายลงมาสัมผัสบริเวณคอของเธอ ทั้งกัดเบาๆ ทั้งเคล้าคลึง เนื้อที่ตรงนั้นและลิ้นของเขาสัมผัสกัน
เธอปล่อยมือไหลลงและมันไถลไปบนหน้าอกเปลือยเปล่าของเขา ปลายนิ้วลูบไล้ไปยังบริเวณหัวนมที่เกร็งของเขา เดรโกร้องครางและดูดคอของเธออย่างหนักหน่วงกว่าเดิม เพื่อเป็นการเอาคืน จากนั้นละทิ้งมันไปเพื่อเริ่มต้นจูบที่ปากอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าทุกอย่างกำลังร้อนขึ้นอย่างเร็วแต่เธอไม่อาจหยุดมันได้มากไปกว่าการหยุดหายใจ
มือแข็งแรงของเดรโกโอบไปยังเอวของเธอพร้อมกับที่เขาเริ่มปลดสายรัดเสื้อคลุมของเธอหลุดออกมาเผยให้เห็นผิวกายที่นวลเนียนของเธอภายใต้ชุดนอนสีเนื้อที่บางเบา
ตอนนี้ตัวเขาเองไม่สามารถบังคับสติ และมโนสำนึกใดๆได้อีกต่อไปแล้ว เขาได้แต่เพ่งมองสัดส่วนของเฮอร์ไมโอนี่ ที่อยู่ภายใต้ชุดนอนกึ่งๆชุดชั้นในที่บางเบาจนเห็นด้านในได้อย่างชัดเจนเดรโกสัมผัสไหล่เปลือยเปล่าของเธอแล้วจูบเบาๆมือของเขาค่อยๆเลื่อนสายชุดนอนให้พ้นจากไหล่ลงมากองที่พื้นได้สำเร็จ
เขาลากลิ้นโลมเลียจากซอกคอขาวละเอียดและหอมละมุนลงมาจนถึงทรวงอกที่ถูกห่อหุ้มด้วย บราเซียสีเนื้อตัวเล็ก มือทั้งสองของเขาเริ่มลูบคลำไปทั่วทรวงอกทั้งสองของเธออย่างช้าๆ
ความต้องการที่จะปลดปล่อยมันพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเธอ ในขณะที่เธอเริ่มแอ่นตัวขึ้นเพื่อรับปลายลิ้นสัมผัสของเดรโกที่ลากโลมเลียไปทั่วหน้าท้องขาวนวลไร้ไขมันของเธออย่างเสียวซ่าน ก่อนที่จะวกไล้ลิ้นเลื่อนมาจนถึงทรวงอกอิ่มนั้นแทนมือของเขาที่ตอนนี้มันลูบไล้ไปทั่วสะโพกเนียนแน่นแล้ววกขึ้นมาที่เอวคอดกิ่วก่อนจะเลี้ยววกไปด้านหลังและเขาก็ใช้เวลาไม่ถึงวินาทีปลดตะขอบราเซียด้านหลังออกไปอย่างง่ายดาย ทรวงอกสวยได้รูป เมื่อมันเป็นอิสระจากสิ่งปกปิด จึงดีดพุ่งออกมาประจักษ์แก่สายตาเขาในทันที ทรวงอกคู่นั้นมันช่างสวยงามจนเขาอดใจไว้ไม่อยู่
เดรโกรีบฝังใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาสัมผัสไปทั่วทรวงอกคู่สวยที่ตั้งตระหง่านชูชันเหมือนล่อหลอกให้เขาได้สัมผัส และเขาก็ไม่คิด ที่จะปฎิเสธมันด้วย เดรโกฟอนเฟ้นทรวงอกคู่นั้น อย่างกระหายด้วยลิ้นที่ชำนาญ จนสติของเธอ กระเจิงไปกันคนละทิศละทาง
ปลายจงอยสีชมพูระเรื่อแข็งชูชันเพราะอารมณ์ของเจ้าของที่กำลังพลุ่งพล่าน หรือเพราะปลายลิ้นของชายหนุ่มที่ปลุกเร้าอารมณ์ของเธอมิรู้ได้
เดรโกเปลี่ยนจากการสัมผัสด้วยปลายลิ้นมาเป็นนิ้วเรียวสวยของเขาที่เขี่ยหัวนมสีชมพูไปมาอย่างแผ่วเบาบางครั้งก็บีบบี้ดุนดัน จนเลือดสาวในกายของเธอวิ่งวนไปมาทั่วร่างจนขนลุกซู่ด้วยความเสียวซ่าน
“เดรโก อือ .....”เธอครางเบาๆพร้อมกับที่ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั่วตัว เฮอร์ไมโอนี่พยายามแล้วที่จะคุมสติตัวเองต่อต้านกับความปรารถนาอันล้ำลึก แต่...มันช่างยากเหลือเกิน
“เธอทำให้ฉันคลั่งรู้ ไว้เสียด้วย เฮอร์ไมโอนี่”เขาพูดขณะที่พรมจูบไปทั่วเรือนร่างที่กึ่งเปลือยของเธอ
“เดร.. เดรโก อ่า......พอ...”เฮอร์ไมโอนี่ครางเสียงร้องห้ามเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนผ่าวของเดรโกล้วงลึกเข้าไปยังกางเกงในตัวน้อยที่ปกปิดของสงวนของเธอไว้ โดยที่ไม่ยอมปลดปล่อยมันออกจากตัวของหญิงสาวเสียด้วยซ้ำ
เธอแทบจะยืนไม่ไหวเมื่อปลายนิ้วของเขาสัมผัสไปยังปากทางเข้าของเนินเนื้ออวบอูมของเธอ เขาเพียงแค่ลูบแผ่วเบาเธอก็สั่นสะท้านแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเมื่อปลายลิ้นของเขาค่อยๆดูดกลืนปทุมถันสีชมพูสดอีกครั้ง เธอกำลังเสียการควบคุมตัวเองอย่างหนัก ตอนนี้จังหวะการเคลื่อนไหวของทั้งมือและปากของเขาประสานกันอย่างกลมกลืน จนเธอแทบทนไม่ไหว นิ้วของเดรโกเริ่มไม่ใช่แค่การลูบคลำธรรมดาแล้วตอนนี้เขาค่อยๆใช้ปลายนิ้วของเขาลุกล้ำเข้าไปยังด้านในที่คับแน่นนั้นอย่างชำนาญ
เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนกับความเจ็บที่ได้รับเมื่อเดรโกซอยนิ้วมือของเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วนับสิบๆครั้ง มือของเธอทั้งสองข้างที่กอดบ่ากำยำของเขาแน่นในตอนนี้จำเป็นต้องละมือข้างหนึ่งมายึดมือที่เขากำลังโถมนิ้วเข้าออกอย่างรวดเร็ว
“อือ ..เจ็บ เจ็บนะเดรโก”
เธอจ้องมองริมฝีปากของเดรโกที่กำลังดูดกลืนปลายถันของเธออย่างสนุก ยิ้มเจ้าเล่ห์เร่าร้อนปรากฏขึ้นเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากยอดอกนั้น ดวงตาเป็นประกายล้อเลียนเมื่อเห็นแก้มนวลใสแดงระเรื่อด้วยความอาย และเป็นไปอย่างช้าๆเขาถอนมือออกจากสัดส่วนนั้นที่เต็มไปด้วยคราบน้ำสีขาวขุ่นเต็มนิ้วมือของเขา ในขณะเดียวกันที่ร่างของเดรโก ละห่างออกจากอีกฝ่าย อย่างอ้อยอิ่ง และแทบจะในทันทีที่เขาตวัดมือของเขาโอบอุ้มร่างบางของเธอที่กำลังงุนงงเดินตรงไปที่เตียงคิงไซร์ของเขาอย่างรวดเร็ว
“อย่าปฎิเสธความต้องการของตัวเอง ปล่อยใจของเธอสิ เฮอร์ไมโอนี่ “
เขาพูดและวางร่างของหญิงสาวไว้บนเตียงเขาผละกายของเขาลงยืนอยู่ข้างเตียงสายตาของเขายังคงจับจ้องไปทั่วร่างงามของเธอขณะที่เขาเองปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่มองจ้องเดรโกที่กำลังปลดสิ่งที่ห่อหุ้มตัวเองออกจนกระทั่งบ๊อกเซอร์ถูกเขาดึงออกไปจากตัวเองเป็นชิ้นสุดท้าย สัดส่วนที่แข็งขืนของเขาก็ปรากฏแก่สายตาของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับหน้าแดงใจเต้นระรัวเธอหันหน้าหนีทันทีเช่นกันเมื่อเธอเห็นแววตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเดรโกฉายเต็มใบหน้า
เธอไม่มีเวลาคิดอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อรู้สึกได้ว่าเนื้ออุ่นๆที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของความเป็นชายของเขากำลังทาบทับมายังร่างของเธอ เธอหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
“เดรโก”เธอกระซิบเรียกชื่อเขาปากคอสั่นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“ฮือ”เดรโกส่งเสียงถามสั้นๆแต่ริมฝีปากของเขายังทำหน้าที่สำรวจความงดงามไปเรื่อยๆแทบทุกตารางนิ้ว เขาลากจุมพิตแผ่วเบาขึ้นไปตามลำคอระหงของเธอ ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ข้างซอกใบหูจนเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เธอส่งเสียงหอบและเริ่มเบียดทรวงอกที่เปล่าเปลือยไปกับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขา
เขาไซ้ซอกคอต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงทรวงอกอิ่มและอ้าปากไล่งับหัวนมสีชมพูเล่นไปมาอย่างไม่รู้จักเบื่อ ลิ้นของเดรโกปาดหัวนมทั้งสองข้างไปมาจนเปียกชุ่ม แล้วดูดดุนหัวนมจนมันกลายเป็นสีแดงเกือบเข้ม
“อาร์......อือ ....” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากปล่อยเสียงครางออกมาเต็มที่ มือไม้ป้ายสะเปะสะปะไปทั่วลำตัวของเขาและสิ่งนั้นมันยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เขาเกิดอารมณ์จนยากที่จะยับยั้งได้
เดรโกเปลี่ยนการจู่โจมจากด้านบนมานั่งคุกเข่าที่ปลายเท้าของเธอ มือของเขาเอื้อมมาจับที่สะโพกอวบแน่นของเธอแล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวขอบกางเกงในสีเนื้อรูดลงมาจนถึงปลายเท้า ในตอนนี้ทั้งเธอและเขาเปลือยเปล่าแล้วอย่างแท้จริง เดรโกเหวี่ยงกางเกงในไปทางด้านหลังอย่างไม่สนใจว่ามันจะไปตกส่วนใดของห้อง ในเวลานี้สิ่งที่เขาสนใจที่สุดดูเหมือนมันจะอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ร่างกายเปล่าเปลือยขาวนวล อยู่กลางเตียง นอนหอบหายใจรัวเร็ว และที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นคือเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ คนที่เขาปรารถนาเหลือเกินยามที่อยู่ใกล้ชิดกัน เธอช่างสวย และสมบูรณ์แบบที่สุด และในตอนนี้เขาคงจะเป็นคนบ้าแน่ ถ้าปล่อยเธอออกไป
เดรโกจับข้อเท้าของเธอแล้วถ่างออกจนกว้าง พลางแทรกตัวของเขาเข้าไประหว่างกลาง เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดเมื่อเห็นเขาจ้องส่วนนั้นตาไม่กระพริบเธอใช้มือปิดป้องเนินเนื้ออวบอัดนั้นอย่างเขินอาย
เดรโกหัวเราะเบาๆเขาชอบกับความไร้เดียงสาของเธอมันเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ให้เขาดีนัก เขาจับมือเธอแล้วดึงออกให้สัดส่วนนั้นเปิดเผยอีกครั้ง
อย่างรวดเร็วเขาฝังใบหน้าของเขาลงไปยังเนินเนื้อที่ปรากฏอย่างไม่รังเกียจ เฮอร์ไมโอนี่แขม่วหน้าท้องอย่างเสียวซ่านเมื่อปลายลิ้นของเขาสอดพุ่งเข้ามาด้านใน ซอกหลืบและลากเลียไปทั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอร้องครางแทบขาดใจ
เฮอร์ไมโอนี่พยายามกระเถิบสะโพกของเธอ ถอยห่างจากความเสียวซ่านนั้น แต่ฝ่ามือของเดรโก กลับดึงรั้งสะโพกของเธอ ให้แนบชิดกับใบหน้าของเขาเข้าไปอีก
ความรู้สึกในยามนี้ของเธอมันช่างทรมานเหลือเกิน ความหวาดกลัวผสมผสานกับความตื่นเต้นที่ถูกรุกเร้าอย่างรุนแรงมันบีบคั้นจนเธอแทบคลั่ง เลือดในกายของเธอมันไหลเวียนสูบฉีดไปมาจนแทบทะลักล้นออกมานอกกายความเสียวเมื่อเขาฝังลิ้นลงอย่างหนักและลึก มันพุ่งไปยังหน้าท้องและลงไปที่ปลายขาจนชาวูบและแล้วความทรมานของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อสายธารของความความเสียวซ่านพุ่งขึ้นถึงขีด สุด นิ้วเท้าหงิกงอเกร็งร่างแอ่นสะท้านรู้สึกถึงน้ำขาวขุ่นสีขาวที่ทะลักออกมาราวทำนบกั้น เฮอร์มโอนี่นอนหอบหายใจอย่างหมดแรง แทบจะทันที
เดรโกยิ้มกริ่มเมื่อส่วนนั้นของเธอเต้นตุบๆจนปลายลิ้นของเขารู้สึกได้และไม่นานต่อมา เมื่อเขาเห็นน้ำขุ่นขาวข้นล้นทะลักออกมาตรงส่วนนั้น เขาจึงได้รับรู้ว่าเธอได้รับการปลดปล่อยไปแล้วและนั่น มันจะเป็นตัวช่วยให้เธอเจ็บน้อยลงยามที่เขาปฎิบัติการแบบเอาจริง
เดรโกระบายลมหายใจยาวเหยียดแล้ววางมือบนหน้าอกของเธอบีบเคล้นคลึงเบาๆเพื่อเพิ่มอารมณ์และสิ่งนั้นก็ปลุกเร้าอารมณ์ของเธอขึ้นมาอีกครั้ง เธอจ้องมองเขาเมื่อเขามองสบตาเธอ แววตาเขามีประกายวาบขึ้นมาเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแววตาแห่งความปรารถนาไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของทั้งคู่ นอกจากความเข้าใจของความต้องการที่มันฉายออกมาทางแววตาของเขา เธอเผยอยิ้มอย่างเอียงอายและพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการตอบรับเขา เขายิ้มให้เธอพร้อมกับที่เขาประชิดตัวเธออีกครั้ง
ริมฝีปากจู่โจมโลมเลียลำคอของเธอเบาๆเพื่อปลุกเร้าอารมณ์, มือของเขาขยำแก้มก้นเนียนนุ่มดึงให้เข้ามาแนบชิดเขา
"เธอสวยไปทั่วตัวเลย ทุกซอกทุกมุม เธอรู้ไหม" เขาพึมพำกับผิวกายเธอที่หอมติดจมูกขณะกำลังหอมแก้มใสแดงละเรื่อนั้น เขารู้ว่าเธอเขินอายกับคำพูดเขา ใช่.....ทุกซอกทุกมุม ก็สิ่งนั้นเขาเพิ่งพิสูจน์ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่เพิ่งผ่านมานี้เอง มือของเขาลูบไล้แก่นกายที่เปียกเยิ้มของเธออีกครั้งและนิ้วมือแทบจะทั้งหมดของเขาก็ดุนดันแก่นกายของเธออีกหน
เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจหนักๆผ่านเข้าไปในปากเขาเมื่อเขาบดริมฝีปากเข้าครอบคลุมริมฝีปากสีแดงสดนั้น ดวงตาของเธอหรี่ปรือเมื่อเขาแทรกลิ้นเข้าไปยังด้านในของริมฝีปากได้รูปและคราวนี้ลิ้นของเธอก็ตอบสนองอย่างฉับไวกลับปลายลิ้นของเขา
“เฮอร์ไมโอนี่”เขากระซิบชื่อเธอมือของเธอเกาะบ่าเขาแน่นขณะที่เธอขยับสะโพกเสียดสีกับแก่นกายที่ชูชันของเขาโดยไม่รู้ตัว
มือของเดรโกเลื่อนมาที่ข้อพับของหญิงสาวแล้วงอขาพับขึ้นขณะที่แก่นกายของเขาจรดไปยังแก่นกลางของเธอเขาค่อยดันส่วนนั้นเข้าไปเล็กน้อย เฮอร์ไมโอนี่ก็สะดุ้งเฮือกความเจ็บปวดเริ่มมาเยือนอีกครั้งแต่คราวนี้มันมากมายเหมือนร่างกายของเธอกำลังจะฉีกขาด เธอร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวด
“เดรโก เจ็บ ....เจ็บจังเบาหน่อย”เดรโกเม้มริมฝีปากแน่นเขายังคงเดินหน้าต่อไปถึงแม้จะรู้ว่าเธอยังคงเจ็บปวดอยู่แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาจับสะโพกของเธอไว้แน่นแล้วสอดใส่ส่วนนั้นของเขาให้ลึกที่สุดจนเกือบหมด
“อุ้บ” เขาได้ยินเสียงเธอร้องจุกด้วยความเจ็บปวด จนเขาต้องดึงร่างเธอเข้ามากอดแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกัน เขาตัดสินใจ แช่แก่นกายของเขาไว้นิ่งๆสักพัก เขาก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าของเธอเหมือนให้เธอคลายความเจ็บปวด เขาลองขยับส่วนล่างเข้าออกอย่างช้าๆไปมาห้าหกครั้ง สักพักเขาก็ได้ยินเสียงตอบสนองจากเธอเสียงครางที่สร้างความกระสันต์ให้กับเขามากยิ่งขึ้นและสิ่งที่เขาเริ่มแน่ใจว่าเธอคลายความเจ็บเป็นความเสียวซ่านแทนคือสะโพกที่เด้งขึ้นรับยามที่เขาถอนมันออกจากกายเธอ
เมื่อเดรโกเห็นดังนั้นจึงยึดเอวคอดไว้มั่นแล้วดันสะโพกของเขาจากช้าแล้วสาวให้เร็วและแรงยิ่งขึ้นพละกำลังที่หนุ่มแน่นของเขาทำให้เขาสาวสะโพกเข้าออกอย่างต่อเนื่องไม่มีเหนื่อย มือใหญ่หนาของเขาวางบนหน้าอกแล้วบีบเคล้นอย่างมันมือพร้อมๆกับสะโพกของเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน
มือของเฮอร์ไมโอนี่จิกกับผ้าปูที่นอนแน่น เธอกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับความกระสันที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ เดรโกจับท่อนขาเพรียวงามของเธอขึ้นมาพาดบ่า โล้ตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยก่อนจะดันสะโพกเขาขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่ครวญครางดังขึ้น ตัวของเธอเริ่มเกร็งมือของเธอจิกไปที่ท่อนแขนของเขาจนเลือดซิบเขารู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังอยู่ที่ขอบเหวแล้วเขาจึงส่งสะโพกของเขาเข้าออกตัวเธอจนรัวยิบเพื่อส่งเธอไปยังฝั่งได้โดยดีและแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัวเกร็ง ร้องครางออกมาดังลั่นห้อง
“อออออออา......เดรโก.....อื้ยยยยย”เธอหลับตาคิ้วขมวดและบิดเกร็งสะโพกไปมาสองสามครั้งก่อนแน่นิ่งนอนหอบหายใจสะท้อนไปมาภายในร่องหลืบถูกขับดันไปด้วยน้ำขุ่นขาวและการตอดรัดจากสัดส่วนของร่องหลืบนั้น
เดรโกเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเขาเองก็จวนเจียนจะกระฉูดอยู่แล้ว เขาปล่อยขาเพรียวของเธอวางไว้บนเตียงพลางสอดหัวเข่าไว้ที่ข้างตัวของหญิงสาวสองมือยาวเรียวกระชับที่เอวไว้มั่นแล้วเร่งกระแทกสัดส่วนของเขาเข้าออกที่ยิบ แรงกระแทกของเขาคราวนี้มันรุนแรงจนเต้านมเต่งกระเด้งกระดอนไปมาตามแรงกระแทกกระทั้น เฮอร์ไมโอนี่ครวญครางแทบขาดใจขาขาวเนียนของเธอถ่างกว้างเพื่อรองรับสัดส่วนที่กระแทกกระทั้นเข้าไปในตัวเธอ เดรโกเกร็งสะโพกถี่ยิบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวเขาจะเกร็งและกระคุกแล้วกระฉูดน้ำกามชุดใหญ่เข้าไปยังร่องรักของเธอ
เดรโก ร้องครางลั่นห้องอย่างสุขสมผสานไปกับเสียงร้องของหญิงสาวดังคับห้อง เขายังคงบดเบียดสะโพกของขายังไม่ยอมถอนออกมาจากกายเธอเขาเอนตัวลงมาทาบทับหญิงสาวปากยังคงซุกที่ซอกคอขาวผ่องและสะโพกก็ยังคงซุกตัวอย่างสงบไม่ยอมถอนออกมา มือของเขาก็ยังคงคลึงเคล้นที่ทรวงอกทั้งสองอย่างสุขใจ เพียงสักพักที่ทั้งสองอยู่ในลักษณะนี้ เฮอร์ไมโอนี่พยายามดันร่างของเขาที่ยังคงทาบทับตัวเธอให้ออกไป เธอกำลังจะลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะเดรโกไม่ยอมที่จะปล่อยตัวเธอไปง่ายๆเขาดึงตัวเธอให้มานอนลงอีกครั้งแล้วจูบกระหน่ำเพื่อเร้าอารมณ์เธออีกรอบแต่คราวนี้เธอไม่ยอมอีกต่อไป
“หยุดเถอะ ฉันอยากพัก” เฮอร์ไมโอนี่เอี้ยวคอหลบใบหน้าเธอแดงซ่าน พระเจ้า ถ้าเธอไม่หยุดเขาในตอนนี้เธอคงระบมไปทั้งตัวแน่
ในที่สุดเดรโกหยุดจูบที่กำลังโหมกระหน่ำ และกำลังร้อนเพิ่มขึ้นของพวกเขา เขาช่วยส่งเธอไปยังประตูหน้าห้องของเธอ และเขาพูดข้างๆหูของเธอว่า
“ได้โปรดเฮอร์ไมโอนี่ ล๊อคห้องของเธอไว้ซะ เพราะถ้าฉันเข้าห้องเธอได้ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้นอนตลอดคืนนี้แน่”
เขามอบจูบครั้งสุดท้าย และปล่อยเธอไป เธอปิดประตูห้องและยืนพิงประตู เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจออกมาแรงๆ เธอรีบเดินโซเซเหมือนคนหมดแรงไปที่เตียงนอน และซุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ เธอรู้สึกคล้ายกับว่าได้กลับไปอยู่ในอ้อมแขนของเดรโกอีกครั้ง เธอรู้สึกได้ถึงความปวดหนึบๆทั่วร่างกาย โดยเฉพาะท้องน้อยที่ปวดแปลบๆทุกครั้งยามเธอพลิกตัวเธอหวังว่าถ้าเธอนอนพักเต็มอิ่มอาการมันคงจะดีขึ้นในไม่ช้า เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างอ่อนเพลียแต่กลับมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขเต็มใบหน้าของเธอ
-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.--.-.-.-.-.--.-.-.-..-.---..-.-.--..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น