ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.212cafe.com/board/group/group_id/138/forumId/276/page/1
Chapter
19 : ตามหา
ถนนมืดมิด...
นี่คือถนนที่มืดมิดของเธอ เส้นทางของเธอ ...เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสุขใจและอ่อนล้า
นานเกือบชั่วกัปชั่วกัลป์เมื่อเธอหนีออกจากเตียงนั่น ออกจากห้องนั่น และออกจากปราสาทผีสิงนั่นมา
เฮอร์ไมโอนี่เล็ดลอดออกมาจากปราสาทนั่น และหลังจากนั้น...
เธอก็พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนอันมืดมิดที่ทอดยาวราวกับจะไม่มีจุดจบ
แต่เธอกลับรู้สึกดีเหลือเกิน... ดีกว่าเมื่อเช้าที่เธอออกจากบ้านนั้นมาโดยต้องอาศัยรถของมัลฟอย
และอยู่ภายใต้การจับตาดูของมัลฟอย แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นอิสระด้วยขาของตัวเอง
มันช่างสุขใจและเหนื่อยหน่ายไปพร้อมๆ กัน
“ขอให้เขาลงนรก” เธอสาปแช่งพึมพำตลอดเวลา และทุกครั้งที่ร่างกายเริ่มอยากจะลงไปนอนอยู่บนพื้นมืดๆ นี่
ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าและบอบช้ำอย่างสมบุกสมบันมาแล้วจากการกระทำอันป่าเถื่อนของไอ้มนุษย์บ้าตัณหานั่
น
และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดที่เพิ่งพบพานมาไม่ชั่วโมงก่อน
น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาเพื่อเตือนเธอถึงความโหดร้ายนั่น
ต่อให้เขาขู่ว่าจะระเบิดโลกนี้ทิ้ง เธอก็จะไม่มีวันกลับไปหาเขาเด็ดขาด! เชิญเลย!
อยากจะทำอะไรกับบริษัทของเธอก็ตามใจ เอาให้สะใจชั่วๆ ของเขาซะ เธอไม่สนอีกต่อไปแล้ว!
ในเมื่อมันแหลกย่อยยับไปนานแล้วจากความโลภโมโทสันของไอ้หมูสกปรกเลนนอน!
เพียงแต่เธอยังไม่ยอมรับเท่านั้นว่ามันได้พินาศไปนานแล้ว
ผู้ชาย! ทำลายชีวิตเธอ ไอ้พวกที่ใช้ความรู้สึกตรงหว่างขาเป็นตัวตัดสิน! พระเจ้า
ขอให้เธออย่าได้เจอกับพวกบ้าปัญญาอ่อนพวกนี้อีกเลย
“ฉันจะบวช!” เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดังก้องในความมืด “ฮ่าๆๆ! พระเจ้าขา ลูกจะบวช ลูกจะถือศีล
ลูกจะสวดมนต์และลูกจะสวมผ้าคลุมผม ดังนั้น... ท่านช่วยปกป้องลูกจะพวกผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ด้วย!”
และราวกับว่า... พระเจ้าจะตอบรับคำอธิษฐานของเธอ
แสงไฟสว่างวาบขึ้น ตรงท้องถนน...
เสียงยางรถยนต์เสียดสีกับถนนดังประสานกับเสียงกรีดร้องจากลำคอของเฮอร์ไมโอนี่
สติของเธอดับวูบลงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการถูกรถชน ดังนั้น...
ก่อนที่รถยนต์คันนั้นจะปะทะกับร่างของเธอ เธอก็สลบไป...
“ฉันตายแน่” แม็คไกวน์พึมพำอย่างคนเสียสติระหว่างที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่ประตูรถ “ฉันตายแน่
ฉันตายแน่ ฉันตายแน่!” เขาสะบัดเท้าใส่ประตูรถคนหรู
มันกระแทกปิดส่งเสียงดังลั่นจนน่ากลัวว่ารถราคาแพงของเขาจะพัง โอ๊ย!
เขายอมเสียรถอีกพันคันก็ได้เพื่อแลกกับชีวิตของเขาที่กำลังจะถูกเดรโก มัลฟอยกระทืบทิ้ง!
เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่เขากรอกให้ตัวเองในงานปาร์ตี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน บวกกับถนนมืดๆ
และอารมณ์ครึกครื้นที่อยากจะมาเอ็นจอยกับมัลฟอย
ทำให้สมรรถภาพในการขับรถของเขาลดลงเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“ฉันขับรถชนเมียของมัลฟอย! ไม่ๆ อาจจะยังไม่ได้ชน เอ๊ะ! หรือชนไปแล้วหว่า”
เขาพร่ำอยู่คนเดียวอย่างสับสน แต่สมองอันมึนเมาของเขาบอกว่าในวินาทีสุดท้ายนั้นเขาเหยียบเบรกทัน
แล้วทำไมเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ มัลฟอยถึงได้กองสลบอยู่บนพื้นแบบนั้น
หรือว่าสมองของเขาจะประมวลผลผิดพลาด
“ไม่มีเลือดสักหยด” แม็คไกวน์พึมพำปลอบตัวเองระหว่างคุกเข่าลงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่
เขาจับแขนข้างซ้ายอันปวกเปียกของเธอยกขึ้นอย่างพิจารณา “ไม่หัก” และข้างขวา “เจ๋ง!”
เขาร้องอย่างโล่งอก จากนั้นจึงจับข้อเท้าทั้งสองข้างยกขึ้น “ไร้ที่ติ!” เขาร้องอย่างยินดี
“เฮ้อ!” แม็คไกวน์ทิ้งร่างที่ห่อหุ้มด้วยสูทของอาร์มานี่ลงบนพื้นถนนอย่างหมดท่า
เขารอดชีวิตจากกรงเล็บของมัลฟอยแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าเขาจะรับมือกับหมัดสองสามทีของมัลฟอยได้หรือไม่
ค่าที่เขาทำให้ของเล่นสุดหวงของชายผู้โหดร้ายตกใจจนหมดสติ
แต่ยังไงเขาก็ต้องพาของเล่นชิ้นนี้กลับไปคืนเจ้าของ
ว่าแต่เธอมาเดินท่อมๆ อยู่บนถนนมืดๆ ทำไม?
“คิดหนีอีกล่ะสิ” แม็คไกวน์ส่ายหน้าอย่างระอา เขาสูดลมหายใจเข้าและขยับตัวในท่านั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ ดึงร่างนุ่มนิ่มของเธอเข้ามาไว้ในวงแขน
“ถ้าไม่ติดว่าเดรโกขอไว้ คุณคงได้สนุกกับผมก่อน” ชายหนุ่มพึมพำทอดถอนใจอย่างเสียดาย “เอาเถอะ!
ยังไงเขาก็จ่ายผมอย่างงาม ดังนั้น... ผมของต้องพาสินค้ากลับไปคืนลูกค้าล่ะนะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของแม็คไกวน์ค่อยๆ จางลงทันที เมื่อดวงตาสีน้ำตาลเปิดขึ้น
และเขาถูกสะกดให้จมอยู่ในความเศร้าหมองของดวงตาคู่นั้น ลมหายใจของแม็คไกวน์ล่องลอยหายไป
ระหว่างที่เขาไม่อาจถอนสายตาออกจากดวงตาที่เศร้าที่สุดในโลกคู่นั้นได้
“พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ เดรโกทำอะไรกับคุณเนี่ย” เขาร้องแผ่วๆ
อย่างตกใจเมื่อหวนนึกถึงผู้หญิงที่มีดวงตาเปล่งประกายความเข้มแข็งและสดใสในภาพที่เขาเคยเห็นในนิตยสาร
ผู้หญิงที่มีดวงตาเปล่งประกายความมีชีวิตชีวา
“อย่าพาฉันไป...” เธอร้องอย่างอ่อนแรงและทุ่มตัวกอดรัดแม็คไกวน์จนเขาได้แต่ทำตัวแข็ง
“อย่าพาฉันกลับไปหาเขา... อย่าให้ฉันตายอีก”
เสียงของเธอสั่นเครือและวงแขนที่โอบรอบคอของแม็คไกวน์ก็สั่นระริก
‘อย่าให้ฉันตายอีก?’ หมายความว่าอย่างไรกัน ? เขาเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่
เกรนเจอร์คงไม่มีความสุขนักหรอกเมื่อต้องถูกขายให้เดรโก มัลฟอย
แต่ในเมื่อเธอได้แต่งงานกับเขาแล้ว... แม็คไกวน์คิดว่าเธอน่าจะมีความสุขขึ้น
ด้วยความลังเล
แม็คไกวร์จับศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ที่ซุกอยู่กับอกเขาออกมาเพื่อสำรวจใบหน้าของเธอชัดๆ...
เลือด! เขาพบเลือดเกรอะกรังอยู่ที่มุมปากของเธอ ทำไมเมื่อครู่เขาถึงไม่สังเกตเห็น
แม็คไกวน์สำรวจสภาพของเธอลงมาเรื่อยๆ เสื้อผ้าที่ผ่านการฉีกขาด และ...
และภายใต้กระโปรงที่ฉีกขาดจนถึงต้นขา แม็คไกวน์พบรอยเลือดด้านใน
“สารเลวเอ๊ย!” แม็คไกวน์สบถดังลั่น เขาอยู่ในกิจการค้าผู้หญิงก็จริง
แต่เขาไม่เคยยอมรับการทรมานผู้หญิง
ผู้หญิงทุกคนในสังกัดของเขาทำงานด้วยความเต็มใจและจะได้รับการดูแลอย่างจริงจังจากแม็คไกวน์เพื่อให้แน่ใจ
ว่าพวกหล่อนจะไม่ถูกทารุณ แม้แต่โสเภณีที่ได้ค่าตัวต่ำที่สุดในธุรกิจของเขายังไม่เคยได้รอยขีดข่วนใดๆ
จากแขกของเธอ
แต่นี่... เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ผู้หญิงที่มีเกียรติและน่าสงสารที่สุด คนทีได้ชื่อว่าเป็น
‘ภรรยา’ กลับถูกทำร้ายโดยสามีของเธอเอง!
“ผมมันเลวแท้ๆ ที่ขายคุณให้ไอ้คนหน้ามืดนั่น!”
แม็คไกวน์คำรามระหว่างอุ้มร่างอันสั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่และพาเธอไปนั่งในรถ “แต่ไม่ต้องห่วง
ผมจะจัดการให้แน่ใจว่าไอ้หมาบ้านั่นจะไม่ได้แตะต้องตัวคุณอีกแม่แต่ปลายเล็บ!”
หมาบ้าเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง... เขาทุบกำปั้นลงบนมือของตัวเองหลายครั้ง
ดึงทิ้งผมตัวเองและร้องคำรามเป็นหมาบ้าเต็มตัวหลายครั้ง เขาทำทุกอย่างที่สามารถลงโทษตัวเองได้
ปิศาจตนใดสิงสู่เขากันแน่ ถึงได้ทำอะไรเลวทรามขนาดนั้น!
“เธอไปอยู่ไหนกันนะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยยกมือขึ้นลูบใบหน้า “ธะ... เธอจะเป็นยังไงบ้าง
เธอเจ็บหรือเปล่า ?” ไอ้บ้า! เธอก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว นายฟัดเธอยังกับคนเสียสติ และเลือดเธอก็ออกด้วย
นายไม่ได้เบิ่งตาดูเรอะ!
มัลฟอยลากขาอันสั่นเทาพาตัวเองมานั่งลงบนเตียงที่เขาตั้งใจจะทำลายมันทิ้งทันทีเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับมา
แล้วเธอจะกลับมามั้ย ? มัลฟอยไม่ต้องการรู้คำตอบเลย
ระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับเขามีสิ่งใดที่เชื่อมโยงกันบ้าง บริษัทของเธอ ? ทะเบียนสมรส ? เซ็กส์ ?
สิ่งเหล่านี้สามารถยกเลิกได้ ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่ความหวังที่เฮอร์ไมโอนี่จะกลับมา
เธอไปจากเขาแล้วชั่วชีวิต และเขาจะต้องใช้ชีวิตเน่าๆ ของเขาต่อไปอย่างน่าหดหู่ที่สุด
ทำไมการคิดถึงชีวิตที่ปราศจากเฮอร์ไมโอนี่จะต้องหดหู่ด้วย ? เขาอยู่ได้โดยปราศจากเธอมานานกว่ายี่สิบปี
เขาเคยเกลียดเธอเข้าไส้ โอ... แล้วตอนนี้ความเกลียดเหล่านั้นมันหายไปไหนหมด แล้วตอนไหนที่มันหายไป
? แม้แต่ตอนที่เขาตัดสินใจซื้อตัวเธอมา มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความเกลียดสักนิด พอตเตอร์หรือ ?
ตอนที่เขาอยากได้ตัวเธอ พอตเตอร์ไม่ได้โผล่เข้ามาในสมองของเขาด้วยซ้ำ
แล้วเขาซื้อตัวเธอมาทำไม ? อะไรทำให้เขารั้งเธอไว้ด้วยการบังคับให้เธอยอมแต่งงานด้วย
เมื่อตอนนี้เขาเริ่มคิด เหตุผลที่ว่าทำให้พอตเตอร์เจ็บใจนั้นเริ่มเป็นหมันเสียแล้ว
มันไม่เกี่ยวกันเลย เขาต้องการเฮอร์ไมโอนี่เพราะเขาต้องการ เขาหน้ามืดตอนที่เห็นเธอในโรงแรม
และหลังจากนั้น... เขาก็ถูกความปรารถนาในตัวเธอเข้าครอบงำ จนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมา
เขาเป็นบ้าอะไร ? อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกอยากตายเมื่อเฮอร์ไมโอนี่จากไป
อะไรคือเหตุผลของอารมณ์อันอ่อนไหวที่เขารู้สึกต่อเธอ
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ในขณะนี้น้ำตาเขาไหลเมื่อคิดว่าเขาทำให้เธอเจ็บมากแค่ไหน ?
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มัลฟอยปาดน้ำตาทิ้งและคว้ามันขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียง ให้ตายสิ!
เขาสบถและสูดน้ำมูก ไอ้ปิศาจแม็คไกวน์โทรมาทำไม ?
หมอนี่มักจะโผล่มาไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือตัวตอนที่อารมณ์ของเขาแปรปรวน
มัลฟอยโยนมันทิ้งและทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ปล่อยให้เจ้ามือถือบ้านั่นร้องต่อไป
ตอนนี้เขาอยากร้องไห้ แม้จะเกลียดที่ตัวเองร้องไห้ แต่ตอนนี้เขาอยากจะร้อง
“โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรกันวะ!” มัลฟอยคำรามอย่างเดือดดาลเมื่อมันไม่หยุดกรีดร้องเสียที
เขาลุกขึ้นนั่งและจัดการเช็ดน้ำตาของเขาด้วยแขนเสื้อ
ก่อนจะกระโจนลงจากเตียงเพื่อลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องอยู่บนพื้น
เขากดรับอย่างเดือดดาล “ขอให้แกไปลงนรกซะ!” เขาคำรามใส่โทรศัพท์
‘งั้นก็ไปพร้อมกันเลยสิ ไอ้คนหยาบช้า!’ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธตอบกลับมา
มัลฟอยขมวดคิ้ว “นี่นายเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ” มัลฟอยถามอย่างสงสัย
ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงของแม็คไกวน์โกรธแค้นขนาดนี้เลย
‘แล้วแกเกิดบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ!’ ปลายสายยอกย้อน
“โว้ย! นี่นายเลิกย้อนถามฉันซะทีได้มั้ย ผีตัวไหนมันเข้านายวะ!”
‘แล้วหมาบ้าตัวไหนมันกัดแก แกถึงได้เลวระยำได้ขนาดนั้น!’
“นายพูดอะไรวะ”
‘ให้ตายสิ! ฉันไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน ฉันอาจจะเป็นไอ้บ้าผู้หญิงตัณหาจัด
แต่ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิง! ไม่เคยเลย!’
“แกหมายความว่ายังไง ?”
‘ตอนนี้ฉันรู้สึกขยะแขยงตัวเองฉิบหายที่เป็นคนพาเธอมาเจอไอ้คนเลวๆ อย่างแก ฉันไม่น่าเลย...
ไม่น่าเลยจริงๆ!’
“เดี๋ยวก่อนนะ...” ลมหายใจของมัลฟอยเริ่มกระชั้นขึ้น มัน... มันเป็นอย่างที่เขาคิดรึเปล่า
“เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับแกใช่มั้ย”
‘เธอเลือดออก! พระเจ้า แม้แต่โสเภณีในสังกัดของฉันยังไม่เคยมีรอยแผลสักนิด นี่แกเลวได้ขนาดไหนกันวะ
เมียแกนะโว้ย! ผู้หญิงใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แกตอนแกแต่งงาน แกจำได้มั้ย ?
ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าข้างๆ แก สาบาน...’
“เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่สนว่าแกจะเทศนาอะไรฉัน ฉันยอมให้แกตะบันหน้าฉันเลยก็ได้
แต่ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับแกใช่มั้ย!” มัลฟอยกำโทรศัพท์มือถือด้วยมือทั้งสองข้างที่สั่นระริก
ใบหน้าซีดเซียวของเขาผุดผาดด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีเหมือนเด็กๆ เขาหัวเราะเสียงสั่นๆ
เหมือนคนปัญญาอ่อน
‘ถ้าแกหวังว่าจะได้ตัวเธอกลับไป แกต้องมาเอาตอนที่แกตัดไอ้นั่นของแกทิ้งไปแล้ว!’
“เฮ้ย! แม็ค!”
แต่เสียงของแม็คไกวน์หายไปจากหูโทรศัพท์แล้ว
มัลฟอยพร่ำเรียกชื่อของแม็คไกวน์หลายต่อหลายครั้งเหมือนคนพร่ำเพ้อ
จนกระทั่งสำนึกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาตะโกนโหวกเหวกใส่หูโทรศัพท์ เขาโยนมันทิ้งส่งๆ
ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากห้อง เดินลงบนได วิ่งออกจากประตูคฤหาสน์
ตะบึงไปที่โรงรถและกระโดดขึ้นรถที่ใกล้ที่สุด
เขาต้องไปเยี่ยมเยียนเพื่อนรักเสียหน่อยแล้ว เขาคิดแล้วยิ้มกว้างมากที่สุดในชีวิต
โอย... ทำไมนะ ทำไมรถคันนั้นถึงไม่ชนเธอให้ตายๆ ไปซะ
ในตอนนั้นเธอยินดีอย่างยิ่งที่จะเสียชีวิตลงตรงถนนนั่น
และยิ่งเมื่อลืมตาขึ้นกลับต้องพบสัตว์โลกเจ้าปัญหาด้วยแล้ว... ผู้ชาย! เธอเห็นผู้ชายอีกแล้ว
ทำไมเธอถึงหนีพวกเขาไม่พ้นนะ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเจ็บใจและหลับตาลงอีกครั้ง
“ดีจังที่คุณฟื้นแล้ว” เขาที่เธอไม่รู้จักพูดอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กๆ
เฮอร์ไมโอนี่ครางโหยอีกครั้งและพลิกกายนอนหันหลังให้เขา
“ไปให้พ้นนะ! ฉันยังไม่พร้อมรับมือกับพวกคุณตอนนี้!” เธอตวาดลั่น
“พวกคุณเหรอ ? หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็พวกผู้ชายอย่างพวกคุณน่ะสิ! พวกสร้างปัญหาให้ฉันไม่รู้จักจบจักสิ้น ไปนะ! ไปให้พ้น”
เธอคว้าหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดหู
แม็คไกวน์มองปฏิกิริยาของหญิงสาวแล้วต้องกลั้นหัวเราะแทบตาย
ชายหนุ่มเอามืออุดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะก่อนจะขยับนั่งลงบนขอบเตียง
ดวงตาสีน้ำตาลแก่ของเขาสั่นระริกเพราะความขบขัน
“คะ... คุณครับ” เสียงของเขาสั่นเป็นคลื่น
เขารีบทุบหน้าอกตัวเองเพื่อให้คลื่นหัวเราะที่กำลังจะไหลออกมากลับเข้าไป
“ไปไกลๆ เลย!” เฮอร์ไมโอนี่แหว
“ผมสาบานได้เลยว่าผมจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเด็ดขาด” ถึงตอนนี้แม็คไกวน์ควบคุมร่างกายของเขาได้แล้ว
แต่ก็อดนึกขันไม่ได้ว่าถ้ามัลฟอยรู้ว่าเขาได้ทำให้ภรรยาของตัวเองเบื่อหน่ายผู้ชายไปแล้ว
เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“ผมขอออกตัวก่อนว่า... ผมเป็นคนขับรถจนเกือบจะชนคุณ”
“ขาของคุณน่าจะสั้นกว่านี้” เสียงฉุนเฉียวของเฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ “เท้าของคุณจะได้เหยียบเบรกไม่ทัน”
“งั้นผมก็ชนคุณน่ะสิครับ”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ แต่แม็คไกวน์ได้ยิน
“คุณอยากรู้ชื่อผมมั้ย”
“ไม่ดีกว่า”
“ผมว่านะ คุณต้องตกใจแน่ๆ เลยถ้ารู้ว่าผมรู้จักคุณมาก่อน”
“ฉันเคยลงนิตยสารสองสามครั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวอย่างอึดอัด อยากให้ผู้ชายช่างเซ้าซี้คนนี้ไปให้พ้นๆ
“และหนังสือพิมพ์อีกนิดหน่อย”
“คุณก็รู้จักผม” เขาเปรยเบาๆ และยักไหล่
แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พลิกกายกลับมาจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนนะ” คิ้วเรียวขมวดเมื่อเธอพยายามระลึกให้ได้ว่าเขาเป็นใคร ?
“เอ่อ... ก็ไม่เชิงรู้จักนะ คือแบบว่า... คุณไม่เคยเห็นหน้าผมมาก่อนหรอก”
พูดออกไปแล้วชายหนุ่มก็ต้องนิ่วหน้ากับคำพูดวกวนกำกวมของตัวเอง
“แล้วฉันจะรู้จักคุณได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่เคยเจอหน้าคุณ... ทางโทรศัพท์เหรอ ?... เดี๋ยวขอฉันคิด...”
“ผมชื่อแม็คไกวน์... วิลเลี่ยม แม็คไกวน์”
“นรกเอ๊ย!”
ตอนแรกแม็คไกวน์ตกใจกับคำอุทานที่หลุดออกมาจากปากของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
หญิงสาวซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นเจ้าหญิงทั้งในโลกมักเกิ้ลและโลกเวทมนตร์ พระเจ้า!
สงสัยเธอจะอยู่กับมัลฟอยมากไปแล้ว และเมื่อหมัดหนึ่งลอยมากระแทกหน้าเขา
หมัดซึ่งมีน้ำหนักเท่ากับหมัดที่เขาคุ้นเคย... หมัดของมัลฟอย! พระเจ้าช่วย
เธออยู่กับมัลฟอยมากไปแล้วจริงๆ
“ผู้ชาย! สารเลวเหมือนกันหมด” แม็คไกวน์นอนฟังเสียงคำรามของเฮอร์ไมโอนี่ หัวเขาหมุนติ้ว
แต่เมื่อเธอกระโดดข้ามตัวเขาและกระโดดลงจากเตียง ตรงไปที่ประตู แม็คไกวน์ก็รีบโผงผางชันกายขึ้น
แต่ก็ต้องโล่งใจปนตกใจเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ล้มลงอยู่บนพื้นและส่งเสียงสบถหยาบคายปนกับเสียงคราง
“คุณเฮอร์ไมโอนี่ครับ”
แม็คไกวน์ลืมอาการหัวหมุนติ้วของเขาและก้าวลงจากเตียงไปช้อนร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา
ก่อนจะอุ้มเธอมาวางลงบนเตียง
เฮอร์ไมโอนี่นั่งพิงหมอน มือข้างหนึ่งกุมศีรษะ “บ้าจัง! หัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
แม็คไกวน์นั่งลงที่ขอบเตียงและมองเธออย่างห่วงใย “ร่างกายของคุณยังไม่เข้าที่ดี...
คุณปวดหัวเราะคุณสลบไปและหัวคุณกระแทกกับพื้นด้วย ส่วนเลือดของคุณผมไม่แน่ใจว่าหยุดไหลหรือยัง...”
สิ้นคำพูดของเขา ทั้งแม็คไกวน์และเฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างพร้อมๆ กัน
ก่อนที่ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่จะหรี่แคบลง
และทำให้แม็คไกวน์รู้สึกใจหายเมื่อเขาสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ที่ดวงตาคู่สวย
“คุณ... รู้เรื่องที่มัลฟอยทำกับฉันเหรอ ?” น้ำเสียงของเฮอร์ไมโอนี่เจ็บปวดและหวาดระแวง
แม็คไกวน์บิดมือไปมาวุ่นวาย เขาทำตัวไม่ถูก “คือ... ตอนที่ผมอุ้มคุณ ผมเห็น... เอ่อ...
เลือดที่ปากของคุณ แล้วก็กระโปรงของคุณขาด มันก็เลย... ผมก็เลยเห็น... เลือด”
ถึงตอนนี้แม็คไกวน์ก้มหน้านิ่งสนิท
ขณะเริ่มสาปแช่งมัลฟอยที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์หน้ากระอักกระอ่วนเช่นนี้
“คุณเห็นรึยังล่ะว่าเขาทำอะไรบ้าง...” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน ราวกับเธอเจ็บใจตัวเอง
“เขาทำคุ้มค่าเงินของเขาที่จ่ายให้คุณไงล่ะ...
เงินที่จ่ายให้คุณเพื่อซื้อตัวฉันเหมือนฉันเป็นตัวอะไรสักอย่าง!”
เฮอร์ไมโอนี่คว้าหมอนขึ้นมาและเขวี้ยงใส่เขา แต่แม็คไกวน์ทำแค่หลับตาลงอย่างสำนึกผิด
“ผมขอโทษ” เขาพูดเบาๆ
“แล้วคราวนี้ยังไงล่ะ ? คุณจะส่งฉันกลับไปให้เขาอีกใช่มั้ย ? ฉันเป็นสินค้าที่หนีมา... คุณต้อง...”
แม็คไกวน์ร้อนรนรีบแทรกขึ้นทันที “ผม...
เมื่อกี้ผมโทรบอกเขาว่าเขาจะได้พบคุณอีกก็ต่อเมื่อเขาตัดได้นั่นของเขาทิ้งไปแล้ว!!!”
“อะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่เค้นเสียงอย่างเหลือเชื่อ
แม็คไกวน์ลุกขึ้นยืน และเริ่มเดินกลับไปกลับมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่ข้างเตียง
“ผมทำธุรกิจแบบนี้ก็จริง แต่ผมไม่เคยชอบการกระทำรุนแรงเลย! ผมเกลียดการใช้กำลังทำร้ายผู้หญิง ผม...
ผมไม่สามารถยอมให้ผู้หญิงคนไหนถูกทำร้ายแบบที่คุณถูกกระทำ
และผมสาบานว่าผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง!”
“คุณหมายความว่ายังไง” เฮอร์ไมโอนี่มองร่างของเขาที่เดินกลับไปกลับมาอย่างสงสัย
“ผมจะไม่ยอมให้เขาพาตัวคุณกลับไปเพื่อจะกระทำอะไรรุนแรงแบบนั้นอีก ผมสาบานเลยครับเฮอร์ไมโอนี่
ว่าผมจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นกับคุณอีกแล้ว!”
ชั่วเวลานั้นเฮอร์ไมโอนี่มองแม็คไกวน์ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
น่าแปลกที่เมื่อความสงสัยในตัวเขาหายไป เธอกลับรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอ
“คุณ... จะทำแบบนั้นจริงๆ นะ เขาเป็นเพื่อของคุณนะ คุณจะไม่ให้เขาทำแบบนั้นกับฉันอีกจริงๆ นะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างร้อนรนและขอความเมตตา แม็คไกวน์รีบปราดเข้ามาจับมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้
และมองเธอด้วยแววตามุ่งมั่น
“ผมสาบานด้วยชีวิตของผมเลยครับ” น้ำเสียงของเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่มั่นใจ... ว่าเขาทำได้แน่ๆ
ถ้าเธอไม่ประเมินมัลฟอยต่ำไปนะ...
มัลฟอยเดินกลับไปกลับมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องรับแขกของบ้านแม็คไกวน์
เขาได้แจ้งให้พ่อบ้านทราบว่าเขาต้องการพบแม็คไกวน์
และพ่อบ้านได้ตอบกลับมาว่าแม็คไกวน์รอที่จะพบเขาอยู่แล้ว
ก่อนที่พ่อบ้านคนนั้นจะจากไปเพื่อไปตามตัวแม็คไกวน์
แต่สิ่งที่มัลฟอยกังวลมาที่สุดก็คือ... เขาจะทำอะไรเมื่อได้พบหน้าเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง
เขาจะขอโทษเธอดีมั้ย ? โอ... ให้หมูบินได้ก่อนเถอะ มัลฟอยคิดแล้วไอออกมา เขารู้ตัวว่าเขาผิด
และเฮอร์ไมโอนี่จะต้องโกรธเขาแน่นอน แต่ทำยังกับว่าที่ผ่านมาเธอรักเขานี่... เธออาจจะโกรธเขา
แต่เขาแน่ใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเธอจะลืมเรื่องเลวร้ายที่เขาทำกับเธอได้
“เดินอยู่อย่างนั้นนะ อย่านั่งล่ะ”
มัลฟอยชะงักเท้าเมื่อหันไปที่ประตูและพบแม็คไกวน์เอนกายยืนพิงประตูอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ
สายตาของแม็คไกวน์ที่ตวัดมองเขาทำให้เขารู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กน้อยที่หมดสมรรถภาพ
“ยืนอยู่อย่างนั้น” แม็คไกวน์ยกมือห้ามเมื่อมัลฟอยขยับจะเดินเข้ามาหาเขา “ฉันไม่พูดอะไรมากหรอก
คิดว่านายก็ด้วย”
มัลฟอยเริ่มรำคาญการเล่นลิ้นของแม็คไกน์ “ฉันไม่มีเวลามาปราศรัยกับนายนะ เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน”
แม็คไกวน์ปรายตามองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน มัลฟอยทนไม่ไหวแล้ว
เขาตรงเข้าไปหาแม็คไกวนืแล้วกระชากปกคอเสื้อของแม็คไกวน์ และคำรามใส่หน้าเขาอย่างดุร้าย
“เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน!!!” เสียงของเขาดังกึกก้อง
“อย่าหวังว่านายจะได้พบเธอ หลังจากที่นายทำร้ายเธอแบบนั้น”
“ไอ้แม็คไกวน์!” มัลฟอยแผดเสียงอย่างโมโหสุดขีด กำปั้นของเขาเงื้อขึ้น
แต่ยังไม่เลวเท่าแม็คไกวน์ที่ซัดกำปั้นใส่ท้องของมัลฟอย
จนเขาต้องผละจากแม็คไกวน์และกุมท้องของตัวเองด้วยความปวดจุก
แม็คไกวน์ขยับปกคอเสื้อ แววตาของเขาเหมือนกับพร้อมที่จะกระทืบชายโฉดตรงหน้าให้ดาดับไปเลย
“แกทำกับภรรยาของแกแบบนั้นได้ยังไง เธอเป็นภรรยาของแก! ภรรยาของไอ้มาบ้าป่าเถื่อนอย่างแก!”
สิ้นคำประกาศของแม็คไกวน์ หมัดของมัลฟอยก็กระแทกที่หน้าของเขา โลกของแม็คไกวน์หมุนคว้างอีกครั้ง
แต่เขาก็ยังฟื้นหัวเราะออกมาได้ทั้งที่เลือดกำเดาเหรอไปทั่วหน้า
เขามองมัลฟอยที่ยังคงยืนได้ไม่ตรงนักด้วยแววตาที่เหมือนกับคนบ้า
“พาเมียฉันมาเดี๋ยวนี้!” มัลฟอยตะโกน
“ไม่!” แม็คไกวน์พูดอย่างแน่วแน่
“ไอ้บ้าเอ๊ย! นั่นเมียฉันนะโว้ย!”
“เมียที่เกลียดและขยะแขยงแกไง!”
คำพูดของแม็คไกวน์เหมือนกับจี้จุดมัลฟอยเข้าอย่างจัง ตอนนี้มัลฟอยเป็นบ้าไปแล้ว
เขาแผดเสียงลั่นและกระโจนใส่แม็คไกวน์ ส่งผลให้แม็คไกวน์ลงไปนอนอยู่บนพื้นพรมนุ่มโดยมีมัลฟอยค่อมร่าง
และส่งหมัดอัดใส่ใบหน้าของแม็คไกวน์อย่างมันส์มือ
“หยุด! หยุดนะ!” เสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้น ... เฮอร์ไมโอนี่
ในห้วงภวังค์แห่งความบ้าคลั่งของมัลฟอย เขาคิดถึงเธออย่างดีใจ
แต่เขาจะพาเธอกลับบ้านก็ต่อเมื่อได้ชกไอ้บ้าแม็คไกวน์นี่ให้หายแค้นเสียก่อน
“ปล่อยเขานะ! มัลฟอย” มัลฟอยคำรามเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมเรียกชื่อเขา
เขาอัดหมัดใส่โหนกแก้มของแม็คไกวน์อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะเฮอร์ไมโอนี่เริ่มทึ้งผมเขาแล้ว
ชายหนุ่มหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาแววโรจน์ ก่อนจะคว้าข้อมือเธอขึ้นมา “กลับบ้าน!”
“ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องและพยายามสะบัดมือของมัลฟอยออก แต่ชายหนุ่มไม่สน
เขาหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่เพื่อจะลากเธอออกไป แต่กลายเป็นว่า... เมื่อเขาหันกลับมา
ใบหน้าของเขากับชนเข้ากับหมัดของแม็คไกวน์อย่างจัง
“ระยำ!!!” มัลฟอยแผดเสียงก้อง เขาใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสบริเวญแก้มที่ถูกชก
แต่อีกมือหนึ่งยังคงจับมือเฮอร์ไมโอนี่ที่ดิ้นเร่าๆ พยายามสะบัดหนี
แม็คไกวน์หายไปแล้ว... ก็ดี มัลฟอยคิด
เขาหันกลับไปหาเฮอร์ไมโอนี่แล้วบีบไหล่เธอทั้งสองข้างทั้งที่เลือดที่มุมปากของเขาไหลยังกับน้ำ
“กลับบ้านกับฉัน เฮอร์ไมโอนี่... ไปกับฉัน”
“ไม่! ฉันจะไม่กลับไปกับเธอ ฉันจะไม่กลับไปอยู่ในคุกนั่นอีกแล้ว!”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องใส่หน้าเขาและพยายามหนีจากการจับกุมของเขา
“ทำไม... เธอยินดีที่จะอยู่กับคนที่ขายเธอรึไง”
“ก็ยังดีกว่าต้องอยู่กับคนที่ซื้อฉัน!!!”
คำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้มัลฟอยบ้าคลั่งด้วยความโกรธ
เขาทำท่าจะอุ้มเธออยู่แล้วตอนที่มีมือมือหนึ่งดึงเขาออกมาด้วยแรงมหาศาล และวินาทีต่อมา...
มัลฟอยก็ถูกชายในสูทสีดำคนหนึ่งล็อคตัวเอาไว้ อีกสามคนคอยคุมเชิงเขา
และอีกสี่คนยืนอยู่ข้างหลังแม็คไกวน์ที่กำลังปาดเลือดบนใบหน้าอย่างสะใจ
แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ที่สุดก็คือ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปเกาะแขนแม็คไกวน์
และเจ้าแม็คไกวน์ก็โอบแขนรอบเอวคอดของเธออย่างปกป้อง
ความหึงหวนครอบงำมัลฟอยจนเขาดิ้นเร่าๆ เพื่อไปให้พ้นจากไอ้บ้าที่ล็อคเขาไว้
เพื่อที่เขาจะได้กระทืบไอ้แม็คไกวน์อีกสักชุด
“ปล่อยฉันนะเว้ย! ไอ้พวกระยำ!” เสียงของมัลฟอยแผดลั่นด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เฮอร์ไมโอนี่!!!” เขาตะโกนเรียกชื่อเธออย่างบ้าคลั่ง
เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกของแม็คไกวน์ถึงกับสะดุ้ง “กลับมานี่นะ! เธอเป็นของฉัน
...ไอ้บ้าแม็คไกวน์! ปล่อยเมียฉันนะโว้ย!”
“พาหมาบ้าออกไปปล่อยนอกบ้าน” แม็คไกวน์ออกคำสั่งเบาๆ
ลูกน้องอีกสี่คนที่เหลือกรูกันเข้าไปช่วยกันยึดร่างของมัลฟอย
ดูเหมือนคนแปดคนจะมากเกินไปสำหรับการจัดการกับคนคนเดียว แต่ถ้าเป็นการจัดการมัลฟอย...
แม็คไกวน์คิดว่าแปดคนนั้นดูจะสมน้ำสมเนื้อดีแล้ว เมื่อเขาดิ้นพล่านๆ
และเริ่มทำร้ายลูกน้องของแม็คไกวน์
“เฮอร์ไมโอนี่! เธอเป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่” มัลฟอยตะโกนก่อนจะถูกมือมือนึ่งอุดปากไว้
เขาถูกพาออกไปจากห้อง แต่เสียงตะโกนก้องของเขายังได้ยินแว่วมา
“ปล่อยฉันไปเถอะ...” เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจและส่ายหน้า
“คืนนี้...” แม็คไกวน์พูดขณะใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่หางคิ้ว ฟังเสียงมัลฟอยตะโกนสาปแช่งเขา
และร้องเรียกชื่อเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความสุข
“ช่างเป็นคืนที่หฤหรรษ์เสียจริงๆ...”
ถนนมืดมิด...
นี่คือถนนที่มืดมิดของเธอ เส้นทางของเธอ ...เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสุขใจและอ่อนล้า
นานเกือบชั่วกัปชั่วกัลป์เมื่อเธอหนีออกจากเตียงนั่น ออกจากห้องนั่น และออกจากปราสาทผีสิงนั่นมา
เฮอร์ไมโอนี่เล็ดลอดออกมาจากปราสาทนั่น และหลังจากนั้น...
เธอก็พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนอันมืดมิดที่ทอดยาวราวกับจะไม่มีจุดจบ
แต่เธอกลับรู้สึกดีเหลือเกิน... ดีกว่าเมื่อเช้าที่เธอออกจากบ้านนั้นมาโดยต้องอาศัยรถของมัลฟอย
และอยู่ภายใต้การจับตาดูของมัลฟอย แต่ตอนนี้เธอกำลังเป็นอิสระด้วยขาของตัวเอง
มันช่างสุขใจและเหนื่อยหน่ายไปพร้อมๆ กัน
“ขอให้เขาลงนรก” เธอสาปแช่งพึมพำตลอดเวลา และทุกครั้งที่ร่างกายเริ่มอยากจะลงไปนอนอยู่บนพื้นมืดๆ นี่
ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าและบอบช้ำอย่างสมบุกสมบันมาแล้วจากการกระทำอันป่าเถื่อนของไอ้มนุษย์บ้าตัณหานั่
น
และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดที่เพิ่งพบพานมาไม่ชั่วโมงก่อน
น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาเพื่อเตือนเธอถึงความโหดร้ายนั่น
ต่อให้เขาขู่ว่าจะระเบิดโลกนี้ทิ้ง เธอก็จะไม่มีวันกลับไปหาเขาเด็ดขาด! เชิญเลย!
อยากจะทำอะไรกับบริษัทของเธอก็ตามใจ เอาให้สะใจชั่วๆ ของเขาซะ เธอไม่สนอีกต่อไปแล้ว!
ในเมื่อมันแหลกย่อยยับไปนานแล้วจากความโลภโมโทสันของไอ้หมูสกปรกเลนนอน!
เพียงแต่เธอยังไม่ยอมรับเท่านั้นว่ามันได้พินาศไปนานแล้ว
ผู้ชาย! ทำลายชีวิตเธอ ไอ้พวกที่ใช้ความรู้สึกตรงหว่างขาเป็นตัวตัดสิน! พระเจ้า
ขอให้เธออย่าได้เจอกับพวกบ้าปัญญาอ่อนพวกนี้อีกเลย
“ฉันจะบวช!” เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดังก้องในความมืด “ฮ่าๆๆ! พระเจ้าขา ลูกจะบวช ลูกจะถือศีล
ลูกจะสวดมนต์และลูกจะสวมผ้าคลุมผม ดังนั้น... ท่านช่วยปกป้องลูกจะพวกผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ด้วย!”
และราวกับว่า... พระเจ้าจะตอบรับคำอธิษฐานของเธอ
แสงไฟสว่างวาบขึ้น ตรงท้องถนน...
เสียงยางรถยนต์เสียดสีกับถนนดังประสานกับเสียงกรีดร้องจากลำคอของเฮอร์ไมโอนี่
สติของเธอดับวูบลงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการถูกรถชน ดังนั้น...
ก่อนที่รถยนต์คันนั้นจะปะทะกับร่างของเธอ เธอก็สลบไป...
“ฉันตายแน่” แม็คไกวน์พึมพำอย่างคนเสียสติระหว่างที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่ประตูรถ “ฉันตายแน่
ฉันตายแน่ ฉันตายแน่!” เขาสะบัดเท้าใส่ประตูรถคนหรู
มันกระแทกปิดส่งเสียงดังลั่นจนน่ากลัวว่ารถราคาแพงของเขาจะพัง โอ๊ย!
เขายอมเสียรถอีกพันคันก็ได้เพื่อแลกกับชีวิตของเขาที่กำลังจะถูกเดรโก มัลฟอยกระทืบทิ้ง!
เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่เขากรอกให้ตัวเองในงานปาร์ตี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน บวกกับถนนมืดๆ
และอารมณ์ครึกครื้นที่อยากจะมาเอ็นจอยกับมัลฟอย
ทำให้สมรรถภาพในการขับรถของเขาลดลงเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“ฉันขับรถชนเมียของมัลฟอย! ไม่ๆ อาจจะยังไม่ได้ชน เอ๊ะ! หรือชนไปแล้วหว่า”
เขาพร่ำอยู่คนเดียวอย่างสับสน แต่สมองอันมึนเมาของเขาบอกว่าในวินาทีสุดท้ายนั้นเขาเหยียบเบรกทัน
แล้วทำไมเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ มัลฟอยถึงได้กองสลบอยู่บนพื้นแบบนั้น
หรือว่าสมองของเขาจะประมวลผลผิดพลาด
“ไม่มีเลือดสักหยด” แม็คไกวน์พึมพำปลอบตัวเองระหว่างคุกเข่าลงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่
เขาจับแขนข้างซ้ายอันปวกเปียกของเธอยกขึ้นอย่างพิจารณา “ไม่หัก” และข้างขวา “เจ๋ง!”
เขาร้องอย่างโล่งอก จากนั้นจึงจับข้อเท้าทั้งสองข้างยกขึ้น “ไร้ที่ติ!” เขาร้องอย่างยินดี
“เฮ้อ!” แม็คไกวน์ทิ้งร่างที่ห่อหุ้มด้วยสูทของอาร์มานี่ลงบนพื้นถนนอย่างหมดท่า
เขารอดชีวิตจากกรงเล็บของมัลฟอยแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าเขาจะรับมือกับหมัดสองสามทีของมัลฟอยได้หรือไม่
ค่าที่เขาทำให้ของเล่นสุดหวงของชายผู้โหดร้ายตกใจจนหมดสติ
แต่ยังไงเขาก็ต้องพาของเล่นชิ้นนี้กลับไปคืนเจ้าของ
ว่าแต่เธอมาเดินท่อมๆ อยู่บนถนนมืดๆ ทำไม?
“คิดหนีอีกล่ะสิ” แม็คไกวน์ส่ายหน้าอย่างระอา เขาสูดลมหายใจเข้าและขยับตัวในท่านั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ ดึงร่างนุ่มนิ่มของเธอเข้ามาไว้ในวงแขน
“ถ้าไม่ติดว่าเดรโกขอไว้ คุณคงได้สนุกกับผมก่อน” ชายหนุ่มพึมพำทอดถอนใจอย่างเสียดาย “เอาเถอะ!
ยังไงเขาก็จ่ายผมอย่างงาม ดังนั้น... ผมของต้องพาสินค้ากลับไปคืนลูกค้าล่ะนะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของแม็คไกวน์ค่อยๆ จางลงทันที เมื่อดวงตาสีน้ำตาลเปิดขึ้น
และเขาถูกสะกดให้จมอยู่ในความเศร้าหมองของดวงตาคู่นั้น ลมหายใจของแม็คไกวน์ล่องลอยหายไป
ระหว่างที่เขาไม่อาจถอนสายตาออกจากดวงตาที่เศร้าที่สุดในโลกคู่นั้นได้
“พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ เดรโกทำอะไรกับคุณเนี่ย” เขาร้องแผ่วๆ
อย่างตกใจเมื่อหวนนึกถึงผู้หญิงที่มีดวงตาเปล่งประกายความเข้มแข็งและสดใสในภาพที่เขาเคยเห็นในนิตยสาร
ผู้หญิงที่มีดวงตาเปล่งประกายความมีชีวิตชีวา
“อย่าพาฉันไป...” เธอร้องอย่างอ่อนแรงและทุ่มตัวกอดรัดแม็คไกวน์จนเขาได้แต่ทำตัวแข็ง
“อย่าพาฉันกลับไปหาเขา... อย่าให้ฉันตายอีก”
เสียงของเธอสั่นเครือและวงแขนที่โอบรอบคอของแม็คไกวน์ก็สั่นระริก
‘อย่าให้ฉันตายอีก?’ หมายความว่าอย่างไรกัน ? เขาเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่
เกรนเจอร์คงไม่มีความสุขนักหรอกเมื่อต้องถูกขายให้เดรโก มัลฟอย
แต่ในเมื่อเธอได้แต่งงานกับเขาแล้ว... แม็คไกวน์คิดว่าเธอน่าจะมีความสุขขึ้น
ด้วยความลังเล
แม็คไกวร์จับศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ที่ซุกอยู่กับอกเขาออกมาเพื่อสำรวจใบหน้าของเธอชัดๆ...
เลือด! เขาพบเลือดเกรอะกรังอยู่ที่มุมปากของเธอ ทำไมเมื่อครู่เขาถึงไม่สังเกตเห็น
แม็คไกวน์สำรวจสภาพของเธอลงมาเรื่อยๆ เสื้อผ้าที่ผ่านการฉีกขาด และ...
และภายใต้กระโปรงที่ฉีกขาดจนถึงต้นขา แม็คไกวน์พบรอยเลือดด้านใน
“สารเลวเอ๊ย!” แม็คไกวน์สบถดังลั่น เขาอยู่ในกิจการค้าผู้หญิงก็จริง
แต่เขาไม่เคยยอมรับการทรมานผู้หญิง
ผู้หญิงทุกคนในสังกัดของเขาทำงานด้วยความเต็มใจและจะได้รับการดูแลอย่างจริงจังจากแม็คไกวน์เพื่อให้แน่ใจ
ว่าพวกหล่อนจะไม่ถูกทารุณ แม้แต่โสเภณีที่ได้ค่าตัวต่ำที่สุดในธุรกิจของเขายังไม่เคยได้รอยขีดข่วนใดๆ
จากแขกของเธอ
แต่นี่... เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ผู้หญิงที่มีเกียรติและน่าสงสารที่สุด คนทีได้ชื่อว่าเป็น
‘ภรรยา’ กลับถูกทำร้ายโดยสามีของเธอเอง!
“ผมมันเลวแท้ๆ ที่ขายคุณให้ไอ้คนหน้ามืดนั่น!”
แม็คไกวน์คำรามระหว่างอุ้มร่างอันสั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่และพาเธอไปนั่งในรถ “แต่ไม่ต้องห่วง
ผมจะจัดการให้แน่ใจว่าไอ้หมาบ้านั่นจะไม่ได้แตะต้องตัวคุณอีกแม่แต่ปลายเล็บ!”
หมาบ้าเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง... เขาทุบกำปั้นลงบนมือของตัวเองหลายครั้ง
ดึงทิ้งผมตัวเองและร้องคำรามเป็นหมาบ้าเต็มตัวหลายครั้ง เขาทำทุกอย่างที่สามารถลงโทษตัวเองได้
ปิศาจตนใดสิงสู่เขากันแน่ ถึงได้ทำอะไรเลวทรามขนาดนั้น!
“เธอไปอยู่ไหนกันนะเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยยกมือขึ้นลูบใบหน้า “ธะ... เธอจะเป็นยังไงบ้าง
เธอเจ็บหรือเปล่า ?” ไอ้บ้า! เธอก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว นายฟัดเธอยังกับคนเสียสติ และเลือดเธอก็ออกด้วย
นายไม่ได้เบิ่งตาดูเรอะ!
มัลฟอยลากขาอันสั่นเทาพาตัวเองมานั่งลงบนเตียงที่เขาตั้งใจจะทำลายมันทิ้งทันทีเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับมา
แล้วเธอจะกลับมามั้ย ? มัลฟอยไม่ต้องการรู้คำตอบเลย
ระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับเขามีสิ่งใดที่เชื่อมโยงกันบ้าง บริษัทของเธอ ? ทะเบียนสมรส ? เซ็กส์ ?
สิ่งเหล่านี้สามารถยกเลิกได้ ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่ความหวังที่เฮอร์ไมโอนี่จะกลับมา
เธอไปจากเขาแล้วชั่วชีวิต และเขาจะต้องใช้ชีวิตเน่าๆ ของเขาต่อไปอย่างน่าหดหู่ที่สุด
ทำไมการคิดถึงชีวิตที่ปราศจากเฮอร์ไมโอนี่จะต้องหดหู่ด้วย ? เขาอยู่ได้โดยปราศจากเธอมานานกว่ายี่สิบปี
เขาเคยเกลียดเธอเข้าไส้ โอ... แล้วตอนนี้ความเกลียดเหล่านั้นมันหายไปไหนหมด แล้วตอนไหนที่มันหายไป
? แม้แต่ตอนที่เขาตัดสินใจซื้อตัวเธอมา มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความเกลียดสักนิด พอตเตอร์หรือ ?
ตอนที่เขาอยากได้ตัวเธอ พอตเตอร์ไม่ได้โผล่เข้ามาในสมองของเขาด้วยซ้ำ
แล้วเขาซื้อตัวเธอมาทำไม ? อะไรทำให้เขารั้งเธอไว้ด้วยการบังคับให้เธอยอมแต่งงานด้วย
เมื่อตอนนี้เขาเริ่มคิด เหตุผลที่ว่าทำให้พอตเตอร์เจ็บใจนั้นเริ่มเป็นหมันเสียแล้ว
มันไม่เกี่ยวกันเลย เขาต้องการเฮอร์ไมโอนี่เพราะเขาต้องการ เขาหน้ามืดตอนที่เห็นเธอในโรงแรม
และหลังจากนั้น... เขาก็ถูกความปรารถนาในตัวเธอเข้าครอบงำ จนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมา
เขาเป็นบ้าอะไร ? อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกอยากตายเมื่อเฮอร์ไมโอนี่จากไป
อะไรคือเหตุผลของอารมณ์อันอ่อนไหวที่เขารู้สึกต่อเธอ
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ในขณะนี้น้ำตาเขาไหลเมื่อคิดว่าเขาทำให้เธอเจ็บมากแค่ไหน ?
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มัลฟอยปาดน้ำตาทิ้งและคว้ามันขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียง ให้ตายสิ!
เขาสบถและสูดน้ำมูก ไอ้ปิศาจแม็คไกวน์โทรมาทำไม ?
หมอนี่มักจะโผล่มาไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือตัวตอนที่อารมณ์ของเขาแปรปรวน
มัลฟอยโยนมันทิ้งและทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ปล่อยให้เจ้ามือถือบ้านั่นร้องต่อไป
ตอนนี้เขาอยากร้องไห้ แม้จะเกลียดที่ตัวเองร้องไห้ แต่ตอนนี้เขาอยากจะร้อง
“โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรกันวะ!” มัลฟอยคำรามอย่างเดือดดาลเมื่อมันไม่หยุดกรีดร้องเสียที
เขาลุกขึ้นนั่งและจัดการเช็ดน้ำตาของเขาด้วยแขนเสื้อ
ก่อนจะกระโจนลงจากเตียงเพื่อลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องอยู่บนพื้น
เขากดรับอย่างเดือดดาล “ขอให้แกไปลงนรกซะ!” เขาคำรามใส่โทรศัพท์
‘งั้นก็ไปพร้อมกันเลยสิ ไอ้คนหยาบช้า!’ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธตอบกลับมา
มัลฟอยขมวดคิ้ว “นี่นายเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ” มัลฟอยถามอย่างสงสัย
ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงของแม็คไกวน์โกรธแค้นขนาดนี้เลย
‘แล้วแกเกิดบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ!’ ปลายสายยอกย้อน
“โว้ย! นี่นายเลิกย้อนถามฉันซะทีได้มั้ย ผีตัวไหนมันเข้านายวะ!”
‘แล้วหมาบ้าตัวไหนมันกัดแก แกถึงได้เลวระยำได้ขนาดนั้น!’
“นายพูดอะไรวะ”
‘ให้ตายสิ! ฉันไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อน ฉันอาจจะเป็นไอ้บ้าผู้หญิงตัณหาจัด
แต่ฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิง! ไม่เคยเลย!’
“แกหมายความว่ายังไง ?”
‘ตอนนี้ฉันรู้สึกขยะแขยงตัวเองฉิบหายที่เป็นคนพาเธอมาเจอไอ้คนเลวๆ อย่างแก ฉันไม่น่าเลย...
ไม่น่าเลยจริงๆ!’
“เดี๋ยวก่อนนะ...” ลมหายใจของมัลฟอยเริ่มกระชั้นขึ้น มัน... มันเป็นอย่างที่เขาคิดรึเปล่า
“เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับแกใช่มั้ย”
‘เธอเลือดออก! พระเจ้า แม้แต่โสเภณีในสังกัดของฉันยังไม่เคยมีรอยแผลสักนิด นี่แกเลวได้ขนาดไหนกันวะ
เมียแกนะโว้ย! ผู้หญิงใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แกตอนแกแต่งงาน แกจำได้มั้ย ?
ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าข้างๆ แก สาบาน...’
“เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่สนว่าแกจะเทศนาอะไรฉัน ฉันยอมให้แกตะบันหน้าฉันเลยก็ได้
แต่ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่อยู่กับแกใช่มั้ย!” มัลฟอยกำโทรศัพท์มือถือด้วยมือทั้งสองข้างที่สั่นระริก
ใบหน้าซีดเซียวของเขาผุดผาดด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีเหมือนเด็กๆ เขาหัวเราะเสียงสั่นๆ
เหมือนคนปัญญาอ่อน
‘ถ้าแกหวังว่าจะได้ตัวเธอกลับไป แกต้องมาเอาตอนที่แกตัดไอ้นั่นของแกทิ้งไปแล้ว!’
“เฮ้ย! แม็ค!”
แต่เสียงของแม็คไกวน์หายไปจากหูโทรศัพท์แล้ว
มัลฟอยพร่ำเรียกชื่อของแม็คไกวน์หลายต่อหลายครั้งเหมือนคนพร่ำเพ้อ
จนกระทั่งสำนึกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาตะโกนโหวกเหวกใส่หูโทรศัพท์ เขาโยนมันทิ้งส่งๆ
ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากห้อง เดินลงบนได วิ่งออกจากประตูคฤหาสน์
ตะบึงไปที่โรงรถและกระโดดขึ้นรถที่ใกล้ที่สุด
เขาต้องไปเยี่ยมเยียนเพื่อนรักเสียหน่อยแล้ว เขาคิดแล้วยิ้มกว้างมากที่สุดในชีวิต
โอย... ทำไมนะ ทำไมรถคันนั้นถึงไม่ชนเธอให้ตายๆ ไปซะ
ในตอนนั้นเธอยินดีอย่างยิ่งที่จะเสียชีวิตลงตรงถนนนั่น
และยิ่งเมื่อลืมตาขึ้นกลับต้องพบสัตว์โลกเจ้าปัญหาด้วยแล้ว... ผู้ชาย! เธอเห็นผู้ชายอีกแล้ว
ทำไมเธอถึงหนีพวกเขาไม่พ้นนะ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเจ็บใจและหลับตาลงอีกครั้ง
“ดีจังที่คุณฟื้นแล้ว” เขาที่เธอไม่รู้จักพูดอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กๆ
เฮอร์ไมโอนี่ครางโหยอีกครั้งและพลิกกายนอนหันหลังให้เขา
“ไปให้พ้นนะ! ฉันยังไม่พร้อมรับมือกับพวกคุณตอนนี้!” เธอตวาดลั่น
“พวกคุณเหรอ ? หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็พวกผู้ชายอย่างพวกคุณน่ะสิ! พวกสร้างปัญหาให้ฉันไม่รู้จักจบจักสิ้น ไปนะ! ไปให้พ้น”
เธอคว้าหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดหู
แม็คไกวน์มองปฏิกิริยาของหญิงสาวแล้วต้องกลั้นหัวเราะแทบตาย
ชายหนุ่มเอามืออุดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะก่อนจะขยับนั่งลงบนขอบเตียง
ดวงตาสีน้ำตาลแก่ของเขาสั่นระริกเพราะความขบขัน
“คะ... คุณครับ” เสียงของเขาสั่นเป็นคลื่น
เขารีบทุบหน้าอกตัวเองเพื่อให้คลื่นหัวเราะที่กำลังจะไหลออกมากลับเข้าไป
“ไปไกลๆ เลย!” เฮอร์ไมโอนี่แหว
“ผมสาบานได้เลยว่าผมจะไม่สร้างปัญหาให้คุณเด็ดขาด” ถึงตอนนี้แม็คไกวน์ควบคุมร่างกายของเขาได้แล้ว
แต่ก็อดนึกขันไม่ได้ว่าถ้ามัลฟอยรู้ว่าเขาได้ทำให้ภรรยาของตัวเองเบื่อหน่ายผู้ชายไปแล้ว
เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“ผมขอออกตัวก่อนว่า... ผมเป็นคนขับรถจนเกือบจะชนคุณ”
“ขาของคุณน่าจะสั้นกว่านี้” เสียงฉุนเฉียวของเฮอร์ไมโอนี่พูดเบาๆ “เท้าของคุณจะได้เหยียบเบรกไม่ทัน”
“งั้นผมก็ชนคุณน่ะสิครับ”
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ แต่แม็คไกวน์ได้ยิน
“คุณอยากรู้ชื่อผมมั้ย”
“ไม่ดีกว่า”
“ผมว่านะ คุณต้องตกใจแน่ๆ เลยถ้ารู้ว่าผมรู้จักคุณมาก่อน”
“ฉันเคยลงนิตยสารสองสามครั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวอย่างอึดอัด อยากให้ผู้ชายช่างเซ้าซี้คนนี้ไปให้พ้นๆ
“และหนังสือพิมพ์อีกนิดหน่อย”
“คุณก็รู้จักผม” เขาเปรยเบาๆ และยักไหล่
แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พลิกกายกลับมาจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนนะ” คิ้วเรียวขมวดเมื่อเธอพยายามระลึกให้ได้ว่าเขาเป็นใคร ?
“เอ่อ... ก็ไม่เชิงรู้จักนะ คือแบบว่า... คุณไม่เคยเห็นหน้าผมมาก่อนหรอก”
พูดออกไปแล้วชายหนุ่มก็ต้องนิ่วหน้ากับคำพูดวกวนกำกวมของตัวเอง
“แล้วฉันจะรู้จักคุณได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่เคยเจอหน้าคุณ... ทางโทรศัพท์เหรอ ?... เดี๋ยวขอฉันคิด...”
“ผมชื่อแม็คไกวน์... วิลเลี่ยม แม็คไกวน์”
“นรกเอ๊ย!”
ตอนแรกแม็คไกวน์ตกใจกับคำอุทานที่หลุดออกมาจากปากของเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
หญิงสาวซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นเจ้าหญิงทั้งในโลกมักเกิ้ลและโลกเวทมนตร์ พระเจ้า!
สงสัยเธอจะอยู่กับมัลฟอยมากไปแล้ว และเมื่อหมัดหนึ่งลอยมากระแทกหน้าเขา
หมัดซึ่งมีน้ำหนักเท่ากับหมัดที่เขาคุ้นเคย... หมัดของมัลฟอย! พระเจ้าช่วย
เธออยู่กับมัลฟอยมากไปแล้วจริงๆ
“ผู้ชาย! สารเลวเหมือนกันหมด” แม็คไกวน์นอนฟังเสียงคำรามของเฮอร์ไมโอนี่ หัวเขาหมุนติ้ว
แต่เมื่อเธอกระโดดข้ามตัวเขาและกระโดดลงจากเตียง ตรงไปที่ประตู แม็คไกวน์ก็รีบโผงผางชันกายขึ้น
แต่ก็ต้องโล่งใจปนตกใจเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ล้มลงอยู่บนพื้นและส่งเสียงสบถหยาบคายปนกับเสียงคราง
“คุณเฮอร์ไมโอนี่ครับ”
แม็คไกวน์ลืมอาการหัวหมุนติ้วของเขาและก้าวลงจากเตียงไปช้อนร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา
ก่อนจะอุ้มเธอมาวางลงบนเตียง
เฮอร์ไมโอนี่นั่งพิงหมอน มือข้างหนึ่งกุมศีรษะ “บ้าจัง! หัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
แม็คไกวน์นั่งลงที่ขอบเตียงและมองเธออย่างห่วงใย “ร่างกายของคุณยังไม่เข้าที่ดี...
คุณปวดหัวเราะคุณสลบไปและหัวคุณกระแทกกับพื้นด้วย ส่วนเลือดของคุณผมไม่แน่ใจว่าหยุดไหลหรือยัง...”
สิ้นคำพูดของเขา ทั้งแม็คไกวน์และเฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างพร้อมๆ กัน
ก่อนที่ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่จะหรี่แคบลง
และทำให้แม็คไกวน์รู้สึกใจหายเมื่อเขาสังเกตเห็นน้ำตาที่คลออยู่ที่ดวงตาคู่สวย
“คุณ... รู้เรื่องที่มัลฟอยทำกับฉันเหรอ ?” น้ำเสียงของเฮอร์ไมโอนี่เจ็บปวดและหวาดระแวง
แม็คไกวน์บิดมือไปมาวุ่นวาย เขาทำตัวไม่ถูก “คือ... ตอนที่ผมอุ้มคุณ ผมเห็น... เอ่อ...
เลือดที่ปากของคุณ แล้วก็กระโปรงของคุณขาด มันก็เลย... ผมก็เลยเห็น... เลือด”
ถึงตอนนี้แม็คไกวน์ก้มหน้านิ่งสนิท
ขณะเริ่มสาปแช่งมัลฟอยที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์หน้ากระอักกระอ่วนเช่นนี้
“คุณเห็นรึยังล่ะว่าเขาทำอะไรบ้าง...” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน ราวกับเธอเจ็บใจตัวเอง
“เขาทำคุ้มค่าเงินของเขาที่จ่ายให้คุณไงล่ะ...
เงินที่จ่ายให้คุณเพื่อซื้อตัวฉันเหมือนฉันเป็นตัวอะไรสักอย่าง!”
เฮอร์ไมโอนี่คว้าหมอนขึ้นมาและเขวี้ยงใส่เขา แต่แม็คไกวน์ทำแค่หลับตาลงอย่างสำนึกผิด
“ผมขอโทษ” เขาพูดเบาๆ
“แล้วคราวนี้ยังไงล่ะ ? คุณจะส่งฉันกลับไปให้เขาอีกใช่มั้ย ? ฉันเป็นสินค้าที่หนีมา... คุณต้อง...”
แม็คไกวน์ร้อนรนรีบแทรกขึ้นทันที “ผม...
เมื่อกี้ผมโทรบอกเขาว่าเขาจะได้พบคุณอีกก็ต่อเมื่อเขาตัดได้นั่นของเขาทิ้งไปแล้ว!!!”
“อะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่เค้นเสียงอย่างเหลือเชื่อ
แม็คไกวน์ลุกขึ้นยืน และเริ่มเดินกลับไปกลับมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่ข้างเตียง
“ผมทำธุรกิจแบบนี้ก็จริง แต่ผมไม่เคยชอบการกระทำรุนแรงเลย! ผมเกลียดการใช้กำลังทำร้ายผู้หญิง ผม...
ผมไม่สามารถยอมให้ผู้หญิงคนไหนถูกทำร้ายแบบที่คุณถูกกระทำ
และผมสาบานว่าผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง!”
“คุณหมายความว่ายังไง” เฮอร์ไมโอนี่มองร่างของเขาที่เดินกลับไปกลับมาอย่างสงสัย
“ผมจะไม่ยอมให้เขาพาตัวคุณกลับไปเพื่อจะกระทำอะไรรุนแรงแบบนั้นอีก ผมสาบานเลยครับเฮอร์ไมโอนี่
ว่าผมจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นกับคุณอีกแล้ว!”
ชั่วเวลานั้นเฮอร์ไมโอนี่มองแม็คไกวน์ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
น่าแปลกที่เมื่อความสงสัยในตัวเขาหายไป เธอกลับรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอ
“คุณ... จะทำแบบนั้นจริงๆ นะ เขาเป็นเพื่อของคุณนะ คุณจะไม่ให้เขาทำแบบนั้นกับฉันอีกจริงๆ นะ”
เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างร้อนรนและขอความเมตตา แม็คไกวน์รีบปราดเข้ามาจับมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้
และมองเธอด้วยแววตามุ่งมั่น
“ผมสาบานด้วยชีวิตของผมเลยครับ” น้ำเสียงของเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่มั่นใจ... ว่าเขาทำได้แน่ๆ
ถ้าเธอไม่ประเมินมัลฟอยต่ำไปนะ...
มัลฟอยเดินกลับไปกลับมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องรับแขกของบ้านแม็คไกวน์
เขาได้แจ้งให้พ่อบ้านทราบว่าเขาต้องการพบแม็คไกวน์
และพ่อบ้านได้ตอบกลับมาว่าแม็คไกวน์รอที่จะพบเขาอยู่แล้ว
ก่อนที่พ่อบ้านคนนั้นจะจากไปเพื่อไปตามตัวแม็คไกวน์
แต่สิ่งที่มัลฟอยกังวลมาที่สุดก็คือ... เขาจะทำอะไรเมื่อได้พบหน้าเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง
เขาจะขอโทษเธอดีมั้ย ? โอ... ให้หมูบินได้ก่อนเถอะ มัลฟอยคิดแล้วไอออกมา เขารู้ตัวว่าเขาผิด
และเฮอร์ไมโอนี่จะต้องโกรธเขาแน่นอน แต่ทำยังกับว่าที่ผ่านมาเธอรักเขานี่... เธออาจจะโกรธเขา
แต่เขาแน่ใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเธอจะลืมเรื่องเลวร้ายที่เขาทำกับเธอได้
“เดินอยู่อย่างนั้นนะ อย่านั่งล่ะ”
มัลฟอยชะงักเท้าเมื่อหันไปที่ประตูและพบแม็คไกวน์เอนกายยืนพิงประตูอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ
สายตาของแม็คไกวน์ที่ตวัดมองเขาทำให้เขารู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กน้อยที่หมดสมรรถภาพ
“ยืนอยู่อย่างนั้น” แม็คไกวน์ยกมือห้ามเมื่อมัลฟอยขยับจะเดินเข้ามาหาเขา “ฉันไม่พูดอะไรมากหรอก
คิดว่านายก็ด้วย”
มัลฟอยเริ่มรำคาญการเล่นลิ้นของแม็คไกน์ “ฉันไม่มีเวลามาปราศรัยกับนายนะ เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน”
แม็คไกวน์ปรายตามองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน มัลฟอยทนไม่ไหวแล้ว
เขาตรงเข้าไปหาแม็คไกวนืแล้วกระชากปกคอเสื้อของแม็คไกวน์ และคำรามใส่หน้าเขาอย่างดุร้าย
“เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน!!!” เสียงของเขาดังกึกก้อง
“อย่าหวังว่านายจะได้พบเธอ หลังจากที่นายทำร้ายเธอแบบนั้น”
“ไอ้แม็คไกวน์!” มัลฟอยแผดเสียงอย่างโมโหสุดขีด กำปั้นของเขาเงื้อขึ้น
แต่ยังไม่เลวเท่าแม็คไกวน์ที่ซัดกำปั้นใส่ท้องของมัลฟอย
จนเขาต้องผละจากแม็คไกวน์และกุมท้องของตัวเองด้วยความปวดจุก
แม็คไกวน์ขยับปกคอเสื้อ แววตาของเขาเหมือนกับพร้อมที่จะกระทืบชายโฉดตรงหน้าให้ดาดับไปเลย
“แกทำกับภรรยาของแกแบบนั้นได้ยังไง เธอเป็นภรรยาของแก! ภรรยาของไอ้มาบ้าป่าเถื่อนอย่างแก!”
สิ้นคำประกาศของแม็คไกวน์ หมัดของมัลฟอยก็กระแทกที่หน้าของเขา โลกของแม็คไกวน์หมุนคว้างอีกครั้ง
แต่เขาก็ยังฟื้นหัวเราะออกมาได้ทั้งที่เลือดกำเดาเหรอไปทั่วหน้า
เขามองมัลฟอยที่ยังคงยืนได้ไม่ตรงนักด้วยแววตาที่เหมือนกับคนบ้า
“พาเมียฉันมาเดี๋ยวนี้!” มัลฟอยตะโกน
“ไม่!” แม็คไกวน์พูดอย่างแน่วแน่
“ไอ้บ้าเอ๊ย! นั่นเมียฉันนะโว้ย!”
“เมียที่เกลียดและขยะแขยงแกไง!”
คำพูดของแม็คไกวน์เหมือนกับจี้จุดมัลฟอยเข้าอย่างจัง ตอนนี้มัลฟอยเป็นบ้าไปแล้ว
เขาแผดเสียงลั่นและกระโจนใส่แม็คไกวน์ ส่งผลให้แม็คไกวน์ลงไปนอนอยู่บนพื้นพรมนุ่มโดยมีมัลฟอยค่อมร่าง
และส่งหมัดอัดใส่ใบหน้าของแม็คไกวน์อย่างมันส์มือ
“หยุด! หยุดนะ!” เสียงร้องของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้น ... เฮอร์ไมโอนี่
ในห้วงภวังค์แห่งความบ้าคลั่งของมัลฟอย เขาคิดถึงเธออย่างดีใจ
แต่เขาจะพาเธอกลับบ้านก็ต่อเมื่อได้ชกไอ้บ้าแม็คไกวน์นี่ให้หายแค้นเสียก่อน
“ปล่อยเขานะ! มัลฟอย” มัลฟอยคำรามเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมเรียกชื่อเขา
เขาอัดหมัดใส่โหนกแก้มของแม็คไกวน์อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะเฮอร์ไมโอนี่เริ่มทึ้งผมเขาแล้ว
ชายหนุ่มหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาแววโรจน์ ก่อนจะคว้าข้อมือเธอขึ้นมา “กลับบ้าน!”
“ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องและพยายามสะบัดมือของมัลฟอยออก แต่ชายหนุ่มไม่สน
เขาหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่เพื่อจะลากเธอออกไป แต่กลายเป็นว่า... เมื่อเขาหันกลับมา
ใบหน้าของเขากับชนเข้ากับหมัดของแม็คไกวน์อย่างจัง
“ระยำ!!!” มัลฟอยแผดเสียงก้อง เขาใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสบริเวญแก้มที่ถูกชก
แต่อีกมือหนึ่งยังคงจับมือเฮอร์ไมโอนี่ที่ดิ้นเร่าๆ พยายามสะบัดหนี
แม็คไกวน์หายไปแล้ว... ก็ดี มัลฟอยคิด
เขาหันกลับไปหาเฮอร์ไมโอนี่แล้วบีบไหล่เธอทั้งสองข้างทั้งที่เลือดที่มุมปากของเขาไหลยังกับน้ำ
“กลับบ้านกับฉัน เฮอร์ไมโอนี่... ไปกับฉัน”
“ไม่! ฉันจะไม่กลับไปกับเธอ ฉันจะไม่กลับไปอยู่ในคุกนั่นอีกแล้ว!”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องใส่หน้าเขาและพยายามหนีจากการจับกุมของเขา
“ทำไม... เธอยินดีที่จะอยู่กับคนที่ขายเธอรึไง”
“ก็ยังดีกว่าต้องอยู่กับคนที่ซื้อฉัน!!!”
คำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ทำให้มัลฟอยบ้าคลั่งด้วยความโกรธ
เขาทำท่าจะอุ้มเธออยู่แล้วตอนที่มีมือมือหนึ่งดึงเขาออกมาด้วยแรงมหาศาล และวินาทีต่อมา...
มัลฟอยก็ถูกชายในสูทสีดำคนหนึ่งล็อคตัวเอาไว้ อีกสามคนคอยคุมเชิงเขา
และอีกสี่คนยืนอยู่ข้างหลังแม็คไกวน์ที่กำลังปาดเลือดบนใบหน้าอย่างสะใจ
แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ที่สุดก็คือ เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปเกาะแขนแม็คไกวน์
และเจ้าแม็คไกวน์ก็โอบแขนรอบเอวคอดของเธออย่างปกป้อง
ความหึงหวนครอบงำมัลฟอยจนเขาดิ้นเร่าๆ เพื่อไปให้พ้นจากไอ้บ้าที่ล็อคเขาไว้
เพื่อที่เขาจะได้กระทืบไอ้แม็คไกวน์อีกสักชุด
“ปล่อยฉันนะเว้ย! ไอ้พวกระยำ!” เสียงของมัลฟอยแผดลั่นด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เฮอร์ไมโอนี่!!!” เขาตะโกนเรียกชื่อเธออย่างบ้าคลั่ง
เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกของแม็คไกวน์ถึงกับสะดุ้ง “กลับมานี่นะ! เธอเป็นของฉัน
...ไอ้บ้าแม็คไกวน์! ปล่อยเมียฉันนะโว้ย!”
“พาหมาบ้าออกไปปล่อยนอกบ้าน” แม็คไกวน์ออกคำสั่งเบาๆ
ลูกน้องอีกสี่คนที่เหลือกรูกันเข้าไปช่วยกันยึดร่างของมัลฟอย
ดูเหมือนคนแปดคนจะมากเกินไปสำหรับการจัดการกับคนคนเดียว แต่ถ้าเป็นการจัดการมัลฟอย...
แม็คไกวน์คิดว่าแปดคนนั้นดูจะสมน้ำสมเนื้อดีแล้ว เมื่อเขาดิ้นพล่านๆ
และเริ่มทำร้ายลูกน้องของแม็คไกวน์
“เฮอร์ไมโอนี่! เธอเป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่” มัลฟอยตะโกนก่อนจะถูกมือมือนึ่งอุดปากไว้
เขาถูกพาออกไปจากห้อง แต่เสียงตะโกนก้องของเขายังได้ยินแว่วมา
“ปล่อยฉันไปเถอะ...” เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจและส่ายหน้า
“คืนนี้...” แม็คไกวน์พูดขณะใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่หางคิ้ว ฟังเสียงมัลฟอยตะโกนสาปแช่งเขา
และร้องเรียกชื่อเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความสุข
“ช่างเป็นคืนที่หฤหรรษ์เสียจริงๆ...”
JE
TE VEUX : Chapter 20 : ฝันที่เป็นจริง
เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นออกมาเพียงเบาๆ
ก่อนที่จะถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งรัดไว้แน่น และในวินาทีนั้นที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอพร้อมที่จะตาย
แต่ต้องตายในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น
“ฉันดีใจ... ดีใจที่เธอสบายดี” เสียงกระซิบนุ่มนวลของแฮร์รี่กล่อมอยู่ข้างหู แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังสัมผัสถึงความหวาดหวั่นในน้ำเสียงสั่นระริกนั้นได้ รวมถึงนิ้วอันสั่นเทาของเขาที่บรรจงป้ายน้ำตาจากหางตาของเธอ
“ฉันไม่เป็นไร เขา... มีคนช่วยฉันไว้” เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่สามารถให้แฮร์รี่รู้เหตุการณ์อัปยศในคืนนั้นได้ เธอสาบานกับตัวเองว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นจะถูกปิดเงียบโดยแม็คไกวน์ และลงหลุมไปพร้อมกับเธอ
และถ้าอสรพิษอย่างมัลฟอยอยากจะเอาไปป่าวประกาศ เธอจะตามไปฆ่าเขา
แฮร์รี่ดันร่างของเฮอร์ไมโอนี่ออกเบาๆ ระหว่างที่เขาเชิญชวนให้เธอนั่งลงบนโซฟาในห้องทำงานของเขา สายตาของเขาก็ประเมินความเสียหายบนร่างกายของเธอไปด้วย
ขอบคุณที่แผลหายดีแล้ว... เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย” แฮร์รี่ถามเสียงเครียด
“แน่นอน” เฮอร์ไมโอนี่เสียใจที่ตัวเองโกหก
“ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย ไม่สิ... เรียกว่าเกือบจะเป็นบ้าดีกว่า ฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อจะช่วยเหลือเธอได้เลย มันทำให้ฉันกลัดกลุ้ม” เขาเอามือขยี้ผมตัวเอง และเป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าเขาดูทรุดโทรมแค่ไหน
“ถ้าเธอกลุ้มเรื่องของฉัน มันจะทำให้ฉันเสียใจมาก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้าสร้อย
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา... แฮร์รี่มองผู้หญิงตรงหน้าเต็มตาด้วยแววตาห่วงหาอาลัย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทุกวินาที... แรงขึ้น เพราะเธอ เพราะผู้หญิงตรงหน้าเขา...
การใส่แว่นตาดำในสภาพอากาศที่อึมครึมและหม่นหมองในหน้าหนาว... มีแต่คนบ้าเขาทำกัน อืม... ใช่ คนบ้าเท่านั้นที่ทำกัน และตอนนี้เดรโก มัลฟอยบ้าไปแล้ว เขาบ้าไปตั้งแต่เห็นรถยนต์คันหรูสีดำพุ่งทะยานออกมาจากคฤหาสน์ของได้เพื่อนสารเลวแม็คไกวน์ หลังจากที่สำรวจพบว่าตัวเองไม่สามารถนอนเป็นไอ้ขี้เมาฟูมฟายอยู่บนเตียงได้ โดยเฉพาะเตียงที่เคยมีเธอ... มัลฟอยก็ตัดสินใจขับรถมาจอดสังเกตการณ์อยู่หน้าคฤหาสน์แม็คไกวน์ตั้งแต่เช้าก่อนที่พวกขี้เมาจะโซเซกลับบ้านด้วยซ้ำ เขารอจนกระทั่งสาย จ้องมองประตูรั้วไม่กระพริบตา ไม่หลับ แล้วเขาก็เห็นเธอนั่งอยู่บนเบาะหลังในรถสัปะรังเคคันนั้น มัลฟอยสะกดรอยตามทันที
เลือดในตัวเขาจะไม่ร้อนฉ่า... ถ้ารถสารเลวของไอ้สารเลวแม็คไกวน์จะไม่จอดที่หน้าตึกโกโรโกโสในย่านเสื่อมโทรมนั่น และถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่ามันเป็นฐานบัญชาการของกระทรวงเวทมนตร์ในนิวยอร์ค!
“หนึ่งชั่วโมงแล้ว... หวานใจ” คำพูดหวานหยดกับสีหน้าเหมือนจะฆ่าคน มือของเขาลูบไล้โครงเหล็กอุ่นๆ อย่างหลงรัก มัลฟอยนั่งอยู่บนกระโปรงหลังของแลมโบกินีสีเขียว เพศหญิงคนแรกที่เขาตกหลุมรัก... หล่อนเคลื่อนไหวพุ่งพล่านทันใจเขา เขาซื้อหล่อนมาด้วยเงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และตั้งชื่อหล่อนว่า “ลิเดีย”
วันนี้อะไรดลใจเขาขึ้นมาก็ไม่รู้ ระหว่างที่เดินสโหลสเหลไปที่โรงจอดรถ เขาไม่ได้เลือกเบนซ์สีดำเหมือนเช่นทุกครั้ง ปกติเขาจะขับเบนซ์เพราะมันดูมีคลาสและหรูหรา มันตอบสนองเขาในยามที่เขาไม่ต้องการความเร่งร้อน แต่ในวันนี้... เขาเลือกลิเดีย ซึ่งเขาไม่ได้ขับเธอมานานมากแล้ว นับตั้งแต่ธุรกิจของเขาเติบโตราวกับเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่น และเขาต้องพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ถ้าเขาขับลิเดีย เขาจะบ้าคลั่ง เขาจึงทิ้งให้เธออยู่ในโรงรถส่วนตัวของเธอมาเป็นเวลานาน
แต่ตอนนี้เขาอยากบ้า... อยากบ้าแบบหลุดโลก เพราะเพื่อนสารเลวขโมยเมียของเขาไป เมียคนที่เขานึกภาพว่าเธอ เขา และลิเดียจะพุ่งทะยานอย่างร้อนแรงไปพร้อมกัน
“สนใจมั้ยจ๊ะ... พ่อรูปหล่อ” โสเภณีคนหนึ่งเดินผ่านมา และถามเขา
มัลฟอยไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยของหล่อนเปิดอะไรออกมาบ้าง เขาแสยะยิ้มและพูดว่า “ไปไกลๆ ไป๊!”
โสเภณีคนนั้นเดินจากไปพร้อมกับสบถฉุนเฉียวควันคลุ้ง ให้ตายเถอะ! เขาเกลียดย่านเสื่อมโทรมนี้เป็นบ้า แล้วเมื่อไรเธอจะออกมาเสียที ธุระของเขาจะได้จบ และเขาจะต้องจัดการให้แน่ใจว่าสายสัมพันธ์ของเธอกับไอ้สารเลวพอตเตอร์จะจบลงด้วยเช่นกัน
นั่นไง... เห็นเธอมั้ย... มัลฟอยคิดในใจพลางใช้มือลูบลิเดียราวกับเสือที่หิวโหย เฮอร์ไมโอนี่ดูซีดบางและอ่อนแอจนเขาเจ็บปวด เขาภาวนาในใจให้สาเหตุที่เธอผ่ายผอมเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเขา แต่ความเจ็บปวดของเขาเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มกลุ่มโกรธ เมื่อร่างที่เดินตามเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากตึกต้อยๆ ราวกับหมาผู้ซื่อสัตย์นั้น... เขาจำได้ถนัดชัดเจนว่าเป็นพอตเตอร์คนดีอย่างแน่นอน
ระยะห่างระหว่างสองคู่ชู้ชื่นกับสามีที่แอบจับได้อยู่ห่างกันมาก จนสองคนนั้นไม่เห็นเขาและลิเดีย มัลฟอยโกรธจัด เมื่อแฮร์รี่วางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ เลื่อนลงมาที่ใบหน้า และเฮอร์ไมโอนี่เอียงแก้มนาบฝ่ามือของเขา
นรกแตกกระจุยกระจายในหัวของมัลฟอย เขารู้สึกทึ่งและบูชาตัวเองมากที่ไม่ถลาเข้าไปกระชากแม่ตัวดีของเขาออก ก่อนจะลงมือปลิดชีวิตชายชู้ของเธอให้ได้รับความทรมานอย่างที่สุด
เขาแค่รอดูฉากรักหวานซึ้งของทั้งสองต่อไป
ดูจนกระทั่ง... พอตเตอร์ก้มลง อย่านะโว้ย! เขาคิด อย่าบังอาจเอาปากไม่สิ้นกลิ่นนมแม่ของแกมาแตะต้องเมียฉัน!
แต่แฮร์รี่อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องในจิตใจของมัลฟอย เขาแตะปากเร็วๆ และแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเด็กน้อยที่จูบไม่เป็น หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าเงอะงะ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งเป็นหินไปแล้วเพราะตกตะลึง แล้วเด็กหนุ่มจูบไม่เป็นก็วิ่งหนีหายเข้าไปในตึก
ตอนนี้ไม่ใช่นรกเท่านั้นที่ระเบิดอยู่ในหัวของมัลฟอย แต่เขาจะต้องจับยัดไอ้สารเลวแย่งเมียชาวบ้านใส่ลงในนรกที่เดือดพล่านนั้นด้วย มัลฟอยสาบานกับวิญญาณพ่อแม่เขาเงียบๆ แต่ก่อนอื่น... เขาต้องจัดการกับเมียของเขาที่เดินหายไปในมุมตึกอย่างคนเพ้อละเมอเสียก่อน
เฮอร์ไมโอนี่กำลังคิดว่า... ถ้าคนเราตัวพองได้เพราะความสุข เธอคงระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง แล้วนึกถึงสัมผัสของแฮร์รี่เมื่อมันอยู่ที่นั่น ก่อนจะลดมือลง และอีกวินาทีหนึ่งเธอก็แตะปากตัวเองอีก
แฮร์รี่จูบฉัน! พระเจ้า! ฉันได้จูบกับแฮร์รี่!
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มร่าแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เธอเดินกึ่งกระโดดและพึมพำร้องเพลงอย่างคนเพ้อละเมอ ในวินาทีนั้น เธอมีความสุขเสียจนมัลฟอยในความคิดของเธอกลายเป็นเด็กจอมเกเรอายุห้าหวบไปเลย
แต่ไม่ใช่มัลฟอยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยืนกอดอกราวกับรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมาทางนี้...
ราวกับมีมือปริศนาของคนขี้อิจฉาดึงขาของคนที่กำลังมีความสุขเช่นเธอ จนกระทั่งเธอตกลงบนพื้นโลก กระแทกเข้ากับความเป็นจริง...
เท้าของเธอขยับ เธอหันหลัง และเธอถูกเขารวบตัวจากด้านหลัง
“ปล่อย!” เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องและดิ้นพัลวัน แต่มือหนาหยาบกระด้างของเขาตะปบลงที่คางจนเธอเจ็บ เขาบังคับให้เธอหันหน้าไปด้านข้าง... เพื่อพบกับปากที่รอจ้องจะทำโทษของเขา
มือของเขากดหนัก จนกระทั่งปากเธอเผยอและพบกับลิ้นร้อนๆ ของเขา เขาจูบอย่างหนักหน่วงและเครียดแค้น สีฟ้าอ่อนในดวงตาของเขาส่องประกายทะลุกระจกแว่นสีดำจนทำให้เธอกลัว
เขาถอนปากออก เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจอย่างตื่นตระหนก เข่าของเธออ่อนแรง และที่เธอยืนอยู่ได้ตอนนี้ก็เพราะอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขารับน้ำหนักเธอเอาไว้
“สวัสดี ผู้หญิงแพศยา” น้ำเสียงเคียดแค้นดุดันกระซิบที่ข้างหู เฮอร์ไมโอนี่หันขวับ ปากของเธออยู่ห่างจากปากของเขาเพียงไม่กี่มิล ลมหายใจของเขาเป่ารดหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้ากลับมา
“คนสารเลว! เรียกฉันแบบนั้นได้ยังไง!”
“แล้วไม่ใช่รึไง! ผู้หญิงแพศยา... ฉันไม่เรียกเธอว่าโส...”
“หยุดนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
เขาหัวเราะใส่หน้าเธอ “รับไม่ได้หรือครับมิสซิสมัลฟอย... เอ... หรืออยากจะใช้นามสกุลพอตเตอร์จนตัวสั่น ถึงกับยอมให้เขาจูบกลางวันแสกๆ ทำไมครับ?... มัลฟอยมันไม่เพราะหรือไง”
คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่เป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง
“หึ! จะบอกอะไรให้ฟังนะ ตั้งแต่ฉันอ่านหนังสือเป็น ยังไม่เคยเจอคำไหนออกเสียงได้น่าอ้วกเท่านามสกุลเธอเลย!”
“แต่เธอก็ใช้ไปแล้ว! และจะไม่มีวันได้ใช้นามสกุลอื่น!” แขนของเขารัดแน่นขึ้นราวกับเครื่องทรมาน เหมือนกับจะย้ำว่า นี่ไง... นี่ไงสามีของเธอ!
“ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่ามั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ยอกย้อนอย่างกวรอารมณ์
“ไม่ได้หรอกเฮอร์ไมโอนี่... หวานใจ ถ้าเธอคิดจะใช้นามสกุลของผู้ชายคนอื่น ละในฐานที่เขาใจว่าพอตเตอร์ ไม่แน่ทั้งเธอทั้งมันอาจจะได้ไปเปลี่ยนนามสกุลกันต่อหน้ายมบาลก็ได้”
“ก็ดี! ดีกว่าอยู่กับเธอมากโข!”
“แน่ใจเหรอเฮอร์ไมโอนี่... ถ้าเธอไม่อยู่กับฉัน แล้วใครจะทำแบบนี้ให้เธอล่ะ”
เขาสาธิตให้เธอดู ด้วยการจับเธอกระแทกกับผนัง มัลฟอยรีบก้าวเข้าไปใช้ร่างอันใหญ่โตของเขากักขังเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับกำแพง มือข้างหนึ่งของเขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งใช้ระบายโทสะไปตามเนื้อที่บนร่างกายนุ่มๆ ของเฮอร์ไมโอนี่
“หยุด! อย่านะ!”
“หรือจะพูดว่า... ‘อย่า – หยุด – นะ ดีล่ะที่รัก” พูดจบริมฝีปากร้อนอุ่นก็นาบลงบนริมฝีปากที่เผยอขึ้นเตรียมจะผรุสวาท เฮอร์ไมโอนี่ร้องอู้อี้และพยายามจะเอาชนะพละกำลังของเขา แต่เธอแพ้... ขณะที่มือซุกซนและเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขาทาบลงที่ต้นขาของเธอ ค่อยๆ เลื่อนสูง และจู่โจมแทรกผ่านชายกระโปรงของเธอขึ้นไป เฮอร์ไมโอนี่ร้องอู้อี้อย่างตกใจ แต่เสียงร้องของเธอถูกปากและลิ้นอันชำนาญและขุ่นเคืองของมัลฟอยระงับเอาไว้
ปัง!
เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้น ทั้งมือและปากที่กำลังโหมรุนแรงปานพายุคลั่งของมัลฟอยหยุดชะงัก เฮอร์ไมโอนี่รีบผลักเขาออกอย่างขยะแขยง
“ออกห่างจากมิสเกรนเจอร์เดี๋ยวนี้!” เสียงของฮีโร่ดังขึ้น มัลฟอยหันไปและสบถอย่างเจ็บใจ เมื่อจำได้ว่าชายหนุ่มที่ยืนถือปืนจ้องมาทางเขาอย่างหวาดกลัว กล้าหาญ และขออภัยนั่นคือคนขับรถของแม็คไกวน์
ปืนทำให้ปากคมๆ และดุร้ายของมัลฟอยหุบลง เขาก้มลงมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง เธอกอดตัวเองไว้แน่น ตัวสั่น หน้าก้มต่ำจนกลุ่มผมสีน้ำตาลกระเซอะกระเซิงปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้หมด
ชั่ววินาทีนั้นที่มัลฟอยอยากจะสัมผัสเธออย่างอ่อนโยน อยากจะกอดปลอบประโลม เขายื่นมือออกไปอย่างโหยหา แต่เสียงปืนอีกนัดก็ดังขึ้น
เขาหันไปมองปากกระบอกปืนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างแค้นเคือง “เออ! ก็กำลังจะไปอยู่นี่ไงล่ะ” เขาสบถหยาบคายตามมาอีกเป็นชุด สาปส่งมารดาของคนขับรถคนนั้น ด่าแม็คไกวน์ ก้มลงมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง แล้ววิ่งหายเข้าไปในมุมตึกแห่งหนึ่ง
“มิสเกรนเจอร์ครับ! ผมขออภัยเป็นอย่างยิ่ง คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” คนขับรถหนุ่มรีบเก็บปืนที่ได้รับจากเจ้านายหนุ่มเมื่อเช้าพร้อมกับคำเตือนว่า ‘แมลงวันมันเยอะ’ อย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบถอดสูทของตัวเอง แล้วห่มให้สุภาพสตรีในความดูแลของเขาอย่างสงสารเวทนา
“ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ” เสียงเล็กๆ แหบเครือกล่าวสั้นๆ
“ฉันดีใจ... ดีใจที่เธอสบายดี” เสียงกระซิบนุ่มนวลของแฮร์รี่กล่อมอยู่ข้างหู แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังสัมผัสถึงความหวาดหวั่นในน้ำเสียงสั่นระริกนั้นได้ รวมถึงนิ้วอันสั่นเทาของเขาที่บรรจงป้ายน้ำตาจากหางตาของเธอ
“ฉันไม่เป็นไร เขา... มีคนช่วยฉันไว้” เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่สามารถให้แฮร์รี่รู้เหตุการณ์อัปยศในคืนนั้นได้ เธอสาบานกับตัวเองว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นจะถูกปิดเงียบโดยแม็คไกวน์ และลงหลุมไปพร้อมกับเธอ
และถ้าอสรพิษอย่างมัลฟอยอยากจะเอาไปป่าวประกาศ เธอจะตามไปฆ่าเขา
แฮร์รี่ดันร่างของเฮอร์ไมโอนี่ออกเบาๆ ระหว่างที่เขาเชิญชวนให้เธอนั่งลงบนโซฟาในห้องทำงานของเขา สายตาของเขาก็ประเมินความเสียหายบนร่างกายของเธอไปด้วย
ขอบคุณที่แผลหายดีแล้ว... เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย” แฮร์รี่ถามเสียงเครียด
“แน่นอน” เฮอร์ไมโอนี่เสียใจที่ตัวเองโกหก
“ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย ไม่สิ... เรียกว่าเกือบจะเป็นบ้าดีกว่า ฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อจะช่วยเหลือเธอได้เลย มันทำให้ฉันกลัดกลุ้ม” เขาเอามือขยี้ผมตัวเอง และเป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าเขาดูทรุดโทรมแค่ไหน
“ถ้าเธอกลุ้มเรื่องของฉัน มันจะทำให้ฉันเสียใจมาก” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้าสร้อย
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา... แฮร์รี่มองผู้หญิงตรงหน้าเต็มตาด้วยแววตาห่วงหาอาลัย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทุกวินาที... แรงขึ้น เพราะเธอ เพราะผู้หญิงตรงหน้าเขา...
การใส่แว่นตาดำในสภาพอากาศที่อึมครึมและหม่นหมองในหน้าหนาว... มีแต่คนบ้าเขาทำกัน อืม... ใช่ คนบ้าเท่านั้นที่ทำกัน และตอนนี้เดรโก มัลฟอยบ้าไปแล้ว เขาบ้าไปตั้งแต่เห็นรถยนต์คันหรูสีดำพุ่งทะยานออกมาจากคฤหาสน์ของได้เพื่อนสารเลวแม็คไกวน์ หลังจากที่สำรวจพบว่าตัวเองไม่สามารถนอนเป็นไอ้ขี้เมาฟูมฟายอยู่บนเตียงได้ โดยเฉพาะเตียงที่เคยมีเธอ... มัลฟอยก็ตัดสินใจขับรถมาจอดสังเกตการณ์อยู่หน้าคฤหาสน์แม็คไกวน์ตั้งแต่เช้าก่อนที่พวกขี้เมาจะโซเซกลับบ้านด้วยซ้ำ เขารอจนกระทั่งสาย จ้องมองประตูรั้วไม่กระพริบตา ไม่หลับ แล้วเขาก็เห็นเธอนั่งอยู่บนเบาะหลังในรถสัปะรังเคคันนั้น มัลฟอยสะกดรอยตามทันที
เลือดในตัวเขาจะไม่ร้อนฉ่า... ถ้ารถสารเลวของไอ้สารเลวแม็คไกวน์จะไม่จอดที่หน้าตึกโกโรโกโสในย่านเสื่อมโทรมนั่น และถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่ามันเป็นฐานบัญชาการของกระทรวงเวทมนตร์ในนิวยอร์ค!
“หนึ่งชั่วโมงแล้ว... หวานใจ” คำพูดหวานหยดกับสีหน้าเหมือนจะฆ่าคน มือของเขาลูบไล้โครงเหล็กอุ่นๆ อย่างหลงรัก มัลฟอยนั่งอยู่บนกระโปรงหลังของแลมโบกินีสีเขียว เพศหญิงคนแรกที่เขาตกหลุมรัก... หล่อนเคลื่อนไหวพุ่งพล่านทันใจเขา เขาซื้อหล่อนมาด้วยเงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และตั้งชื่อหล่อนว่า “ลิเดีย”
วันนี้อะไรดลใจเขาขึ้นมาก็ไม่รู้ ระหว่างที่เดินสโหลสเหลไปที่โรงจอดรถ เขาไม่ได้เลือกเบนซ์สีดำเหมือนเช่นทุกครั้ง ปกติเขาจะขับเบนซ์เพราะมันดูมีคลาสและหรูหรา มันตอบสนองเขาในยามที่เขาไม่ต้องการความเร่งร้อน แต่ในวันนี้... เขาเลือกลิเดีย ซึ่งเขาไม่ได้ขับเธอมานานมากแล้ว นับตั้งแต่ธุรกิจของเขาเติบโตราวกับเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่น และเขาต้องพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ถ้าเขาขับลิเดีย เขาจะบ้าคลั่ง เขาจึงทิ้งให้เธออยู่ในโรงรถส่วนตัวของเธอมาเป็นเวลานาน
แต่ตอนนี้เขาอยากบ้า... อยากบ้าแบบหลุดโลก เพราะเพื่อนสารเลวขโมยเมียของเขาไป เมียคนที่เขานึกภาพว่าเธอ เขา และลิเดียจะพุ่งทะยานอย่างร้อนแรงไปพร้อมกัน
“สนใจมั้ยจ๊ะ... พ่อรูปหล่อ” โสเภณีคนหนึ่งเดินผ่านมา และถามเขา
มัลฟอยไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยของหล่อนเปิดอะไรออกมาบ้าง เขาแสยะยิ้มและพูดว่า “ไปไกลๆ ไป๊!”
โสเภณีคนนั้นเดินจากไปพร้อมกับสบถฉุนเฉียวควันคลุ้ง ให้ตายเถอะ! เขาเกลียดย่านเสื่อมโทรมนี้เป็นบ้า แล้วเมื่อไรเธอจะออกมาเสียที ธุระของเขาจะได้จบ และเขาจะต้องจัดการให้แน่ใจว่าสายสัมพันธ์ของเธอกับไอ้สารเลวพอตเตอร์จะจบลงด้วยเช่นกัน
นั่นไง... เห็นเธอมั้ย... มัลฟอยคิดในใจพลางใช้มือลูบลิเดียราวกับเสือที่หิวโหย เฮอร์ไมโอนี่ดูซีดบางและอ่อนแอจนเขาเจ็บปวด เขาภาวนาในใจให้สาเหตุที่เธอผ่ายผอมเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเขา แต่ความเจ็บปวดของเขาเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มกลุ่มโกรธ เมื่อร่างที่เดินตามเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากตึกต้อยๆ ราวกับหมาผู้ซื่อสัตย์นั้น... เขาจำได้ถนัดชัดเจนว่าเป็นพอตเตอร์คนดีอย่างแน่นอน
ระยะห่างระหว่างสองคู่ชู้ชื่นกับสามีที่แอบจับได้อยู่ห่างกันมาก จนสองคนนั้นไม่เห็นเขาและลิเดีย มัลฟอยโกรธจัด เมื่อแฮร์รี่วางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่ เลื่อนลงมาที่ใบหน้า และเฮอร์ไมโอนี่เอียงแก้มนาบฝ่ามือของเขา
นรกแตกกระจุยกระจายในหัวของมัลฟอย เขารู้สึกทึ่งและบูชาตัวเองมากที่ไม่ถลาเข้าไปกระชากแม่ตัวดีของเขาออก ก่อนจะลงมือปลิดชีวิตชายชู้ของเธอให้ได้รับความทรมานอย่างที่สุด
เขาแค่รอดูฉากรักหวานซึ้งของทั้งสองต่อไป
ดูจนกระทั่ง... พอตเตอร์ก้มลง อย่านะโว้ย! เขาคิด อย่าบังอาจเอาปากไม่สิ้นกลิ่นนมแม่ของแกมาแตะต้องเมียฉัน!
แต่แฮร์รี่อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องในจิตใจของมัลฟอย เขาแตะปากเร็วๆ และแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเด็กน้อยที่จูบไม่เป็น หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าเงอะงะ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งเป็นหินไปแล้วเพราะตกตะลึง แล้วเด็กหนุ่มจูบไม่เป็นก็วิ่งหนีหายเข้าไปในตึก
ตอนนี้ไม่ใช่นรกเท่านั้นที่ระเบิดอยู่ในหัวของมัลฟอย แต่เขาจะต้องจับยัดไอ้สารเลวแย่งเมียชาวบ้านใส่ลงในนรกที่เดือดพล่านนั้นด้วย มัลฟอยสาบานกับวิญญาณพ่อแม่เขาเงียบๆ แต่ก่อนอื่น... เขาต้องจัดการกับเมียของเขาที่เดินหายไปในมุมตึกอย่างคนเพ้อละเมอเสียก่อน
เฮอร์ไมโอนี่กำลังคิดว่า... ถ้าคนเราตัวพองได้เพราะความสุข เธอคงระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง แล้วนึกถึงสัมผัสของแฮร์รี่เมื่อมันอยู่ที่นั่น ก่อนจะลดมือลง และอีกวินาทีหนึ่งเธอก็แตะปากตัวเองอีก
แฮร์รี่จูบฉัน! พระเจ้า! ฉันได้จูบกับแฮร์รี่!
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มร่าแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เธอเดินกึ่งกระโดดและพึมพำร้องเพลงอย่างคนเพ้อละเมอ ในวินาทีนั้น เธอมีความสุขเสียจนมัลฟอยในความคิดของเธอกลายเป็นเด็กจอมเกเรอายุห้าหวบไปเลย
แต่ไม่ใช่มัลฟอยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยืนกอดอกราวกับรู้อยู่แล้วว่าเธอจะมาทางนี้...
ราวกับมีมือปริศนาของคนขี้อิจฉาดึงขาของคนที่กำลังมีความสุขเช่นเธอ จนกระทั่งเธอตกลงบนพื้นโลก กระแทกเข้ากับความเป็นจริง...
เท้าของเธอขยับ เธอหันหลัง และเธอถูกเขารวบตัวจากด้านหลัง
“ปล่อย!” เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องและดิ้นพัลวัน แต่มือหนาหยาบกระด้างของเขาตะปบลงที่คางจนเธอเจ็บ เขาบังคับให้เธอหันหน้าไปด้านข้าง... เพื่อพบกับปากที่รอจ้องจะทำโทษของเขา
มือของเขากดหนัก จนกระทั่งปากเธอเผยอและพบกับลิ้นร้อนๆ ของเขา เขาจูบอย่างหนักหน่วงและเครียดแค้น สีฟ้าอ่อนในดวงตาของเขาส่องประกายทะลุกระจกแว่นสีดำจนทำให้เธอกลัว
เขาถอนปากออก เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจอย่างตื่นตระหนก เข่าของเธออ่อนแรง และที่เธอยืนอยู่ได้ตอนนี้ก็เพราะอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขารับน้ำหนักเธอเอาไว้
“สวัสดี ผู้หญิงแพศยา” น้ำเสียงเคียดแค้นดุดันกระซิบที่ข้างหู เฮอร์ไมโอนี่หันขวับ ปากของเธออยู่ห่างจากปากของเขาเพียงไม่กี่มิล ลมหายใจของเขาเป่ารดหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้ากลับมา
“คนสารเลว! เรียกฉันแบบนั้นได้ยังไง!”
“แล้วไม่ใช่รึไง! ผู้หญิงแพศยา... ฉันไม่เรียกเธอว่าโส...”
“หยุดนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
เขาหัวเราะใส่หน้าเธอ “รับไม่ได้หรือครับมิสซิสมัลฟอย... เอ... หรืออยากจะใช้นามสกุลพอตเตอร์จนตัวสั่น ถึงกับยอมให้เขาจูบกลางวันแสกๆ ทำไมครับ?... มัลฟอยมันไม่เพราะหรือไง”
คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่เป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง
“หึ! จะบอกอะไรให้ฟังนะ ตั้งแต่ฉันอ่านหนังสือเป็น ยังไม่เคยเจอคำไหนออกเสียงได้น่าอ้วกเท่านามสกุลเธอเลย!”
“แต่เธอก็ใช้ไปแล้ว! และจะไม่มีวันได้ใช้นามสกุลอื่น!” แขนของเขารัดแน่นขึ้นราวกับเครื่องทรมาน เหมือนกับจะย้ำว่า นี่ไง... นี่ไงสามีของเธอ!
“ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่ามั้ง” เฮอร์ไมโอนี่ยอกย้อนอย่างกวรอารมณ์
“ไม่ได้หรอกเฮอร์ไมโอนี่... หวานใจ ถ้าเธอคิดจะใช้นามสกุลของผู้ชายคนอื่น ละในฐานที่เขาใจว่าพอตเตอร์ ไม่แน่ทั้งเธอทั้งมันอาจจะได้ไปเปลี่ยนนามสกุลกันต่อหน้ายมบาลก็ได้”
“ก็ดี! ดีกว่าอยู่กับเธอมากโข!”
“แน่ใจเหรอเฮอร์ไมโอนี่... ถ้าเธอไม่อยู่กับฉัน แล้วใครจะทำแบบนี้ให้เธอล่ะ”
เขาสาธิตให้เธอดู ด้วยการจับเธอกระแทกกับผนัง มัลฟอยรีบก้าวเข้าไปใช้ร่างอันใหญ่โตของเขากักขังเฮอร์ไมโอนี่ไว้กับกำแพง มือข้างหนึ่งของเขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งใช้ระบายโทสะไปตามเนื้อที่บนร่างกายนุ่มๆ ของเฮอร์ไมโอนี่
“หยุด! อย่านะ!”
“หรือจะพูดว่า... ‘อย่า – หยุด – นะ ดีล่ะที่รัก” พูดจบริมฝีปากร้อนอุ่นก็นาบลงบนริมฝีปากที่เผยอขึ้นเตรียมจะผรุสวาท เฮอร์ไมโอนี่ร้องอู้อี้และพยายามจะเอาชนะพละกำลังของเขา แต่เธอแพ้... ขณะที่มือซุกซนและเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขาทาบลงที่ต้นขาของเธอ ค่อยๆ เลื่อนสูง และจู่โจมแทรกผ่านชายกระโปรงของเธอขึ้นไป เฮอร์ไมโอนี่ร้องอู้อี้อย่างตกใจ แต่เสียงร้องของเธอถูกปากและลิ้นอันชำนาญและขุ่นเคืองของมัลฟอยระงับเอาไว้
ปัง!
เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้น ทั้งมือและปากที่กำลังโหมรุนแรงปานพายุคลั่งของมัลฟอยหยุดชะงัก เฮอร์ไมโอนี่รีบผลักเขาออกอย่างขยะแขยง
“ออกห่างจากมิสเกรนเจอร์เดี๋ยวนี้!” เสียงของฮีโร่ดังขึ้น มัลฟอยหันไปและสบถอย่างเจ็บใจ เมื่อจำได้ว่าชายหนุ่มที่ยืนถือปืนจ้องมาทางเขาอย่างหวาดกลัว กล้าหาญ และขออภัยนั่นคือคนขับรถของแม็คไกวน์
ปืนทำให้ปากคมๆ และดุร้ายของมัลฟอยหุบลง เขาก้มลงมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง เธอกอดตัวเองไว้แน่น ตัวสั่น หน้าก้มต่ำจนกลุ่มผมสีน้ำตาลกระเซอะกระเซิงปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้หมด
ชั่ววินาทีนั้นที่มัลฟอยอยากจะสัมผัสเธออย่างอ่อนโยน อยากจะกอดปลอบประโลม เขายื่นมือออกไปอย่างโหยหา แต่เสียงปืนอีกนัดก็ดังขึ้น
เขาหันไปมองปากกระบอกปืนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างแค้นเคือง “เออ! ก็กำลังจะไปอยู่นี่ไงล่ะ” เขาสบถหยาบคายตามมาอีกเป็นชุด สาปส่งมารดาของคนขับรถคนนั้น ด่าแม็คไกวน์ ก้มลงมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอีกครั้ง แล้ววิ่งหายเข้าไปในมุมตึกแห่งหนึ่ง
“มิสเกรนเจอร์ครับ! ผมขออภัยเป็นอย่างยิ่ง คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” คนขับรถหนุ่มรีบเก็บปืนที่ได้รับจากเจ้านายหนุ่มเมื่อเช้าพร้อมกับคำเตือนว่า ‘แมลงวันมันเยอะ’ อย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบถอดสูทของตัวเอง แล้วห่มให้สุภาพสตรีในความดูแลของเขาอย่างสงสารเวทนา
“ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ” เสียงเล็กๆ แหบเครือกล่าวสั้นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น