วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Trap chapter 15

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ
ลิงค์นี้นะค่ะ

chapter 9 ; The Fact

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ที่หอนอนประธานนักเรียนเพียงลำพัง ตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะพูดคุยหรือแม้แต่พบเจอกับใครทั้งสิ้น ในมือของเฮอร์ไมโอนี่กำสร้อยเส้นนั้นเอาไว้แน่น ตอนนี้เธอไม่มีน้ำตาที่จะไหลลงมาอีกแล้ว สมองของเธอวนเวียนอยู่แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ ร่างอันไร้วิญญาณของพ่อแม่ของเธอ สภาพบ้านที่พังไม่มีชิ้นดี และภาพที่เธอเห็นสร้อยเส้นนี้ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองไปที่แหวนที่เขาให้เธอมาเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวเหน็บในใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามที่จะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำ แต่ใจของเธออีกฝ่ายก็ร้องขึ้นมาว่า ถ้าเขาไม่ได้ทำสร้อยเส้นนั้นจะอยู่ในบ้านเธอได้อย่างไร แล้วใจของเธออีกฝ่ายก็ร้องขึ้นมาว่า เขาอาจจะรู้แผนการแล้วมาช่วยพ่อแม่เธอก็ได้ เฮอร์ไมโอนี่คิดวนไปวนมา จนเธอคิดว่าเธอไม่อาจที่จะคิดอะไรได้อีก สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือ เธอต้องถามเขาให้รู้เรื่อง แม้ว่าเธอจะกลัวคำตอบ แต่นั่นก็เป็นความจริงที่เธอจะต้องเผชิญ เธอไม่อยากโทษคนผิด

แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้า เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าค่ำคืนที่ผ่านมานี้ช่างยาวนานราวกับเป็นปี เฮอร์ไมโอนี่เดินลงบันไดไปช้าๆ เธอรู้สึกโล่งใจที่ห้องนั่งเล่นตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของเดฟแม้แต่น้อย เธอค่อยๆ เดินออกไปที่โรงนกฮูก เธอต้องการที่จะส่งจดหมายเพื่อนัดเดรโกออกมาคุยให้รู้เรื่อง อย่างน้อย เธอก็จะได้รู้ว่าเขาฆ่าพ่อแม่เธอหรือไม่

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เสีงยจ๊อกแจ๊กจอแจในห้องโถงใหญ่ยังคงเป็นเหมือนดังเช่นทุกวัน ผู้คนมากมาย กินข้าวเช้า พูดคุยถึงเรื่องต่างๆ และแน่นอนว่าวันนี้ก็มีคู่รักใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากเมื่อวานมากมาย แต่ก็มีคนที่รักกันบางคู่ที่ต้องแตกร้าวกันอย่างไม่สามารถที่จะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ แม้ว่าคนทั้งสองจะรักกันแค่ไหนก็ตาม แต่เงื่อนไขหลายๆ อย่าง ทำให้คนสองคนต้องเดินคนละทางอย่างไม่มีทางจะบรรจบกัน

ทันทีที่นกฮูกมาส่งจดหมายและหนังสือพิมพ์ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที เพราะวันนี้เดลี่พอตเพ็ตลงข่าวเรื่องที่บ้านเกรนเจอร์ถูกโจมตี ทุกคนล้วนแต่หน้าซีดเซียวที่รู้ข่าวดังกล่าว โดยเฉพาะเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ที่ดูเหมือนจะเงียบไป ส่วนโต๊ะสลิธิลินบางคนก็เฉยๆ บางคนก็ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

"เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหนน่ะ" เสียงจินนี่พูดขึ้นทำลายความเงียบ

"ตั้งแต่ศ.มักกอนนากัลเรียกไปก็ไม่เห็นอีกเลย" รอนพูดขึ้น ตอนนี้หน้าเขาซีดเป็นกระดาษแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าที่ศ.มักกอนนากัลเรียกเธอออกไปจะเป็นเรื่องนี้

"เดี๋ยวฉันไปดูที่หอนอนประธานนักเรียน" แฮร์รี่พูดพลางลุกขึ้น แต่ถูกจินนี่ดึงแขนเสียก่อน

"แฮร์รี่ใจเย็นๆ ลองถามเดฟก่อนดีกว่าไหม" จินนี่พูดพลางพยักเพยิดให้ดูเดฟที่เดินเข้าห้องโถงกลางมา

"เดฟ" จินนี่เรียกเสียงดัง พลางลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหา พร้อมๆ กับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เกือบทั้งบ้าน ตอนนี้เดฟจึงถูกโอบล้อมไปด้วยเด็กกริฟฟินดอร์

"เอ่อ มีอะไรเหรอ" เดฟมองหน้าเด็กกริฟฟินดอร์ที่เข้ามาล้อมด้วยอาการตื่นตะลึง

"เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่อยู่ไหน" รอนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

"ไม่รู้เหมือนกัน นึกว่าลงมาที่ห้องโถงแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าลงมาไม่เห็น เกิดอะไรขึ้น" เดฟทำหน้างงๆ จินนี่ชูเดลี่พอตเพ็ตให้เดฟดู เดฟก็ทำหน้าตกใจ แล้วก็ถอนหายใจดังเฮือก แล้วหันไปมองที่เดรโกที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับหนึ่งอยู่

"พวกนายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันไปตามเอง พวกนายใจเย็นๆ" เดฟพูดกับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ ที่แต่ละคนกำลังอยู่ในอาการตื่นตะลึง และเป็นห่วงเพื่อนร่วมบ้านที่เหมือนพี่สาวที่แสนใจดีของพวกเขา

"ฉันไปด้วย" เสียงรอนกับแฮร์รี่พูดขึ้นพร้อมกัน

"ไม่ต้อง นายรออยู่นี่แหละ" เดฟพูดแล้ววิ่งออกไปทันที

"จะให้รอได้ไงล่ะไอ้บ้าเอ้ย" แฮร์รี่สะบดอย่างอารมณ์เสีย "ฉันจะไปตามหาเฮอร์ไมโอนี่ พวกนายรออยู่นี่แหละ"

"ฉันด้วย" เด็กบ้านกริฟฟินดอร์พูดขึ้นเกือบทุกคน ตอนนี้ไม่มีใครสนใจอาหารอีกต่อไป แม้แต่รอน แล้วเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ก็วิ่งวุ่นไปทั่วปราสาท

"ฮึ เจ้าพวกงี่เง่า จริงไหมเดรโก สมน้ำหน้ายัยเกรนเจอร์" เสียงแพนซี่ พาร์กินสันพูดขณะที่กอดแขนเดรโกอยู่ แต่วันนี้เขาดูเงียบผิดปกติ และยิ่งพออ่านจดหมายฉบับเมื่อกี้ยิ่งดูเงียบเข้าไปใหญ่

"เดรโก เธอเป็นอะไรน่ะ" แพนซี่ถามเสียงแหลม

"เปล่า ไปเรียนเถอะ" พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป ท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนร่วมบ้าน

***************

"แฮร์รี่นี่ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ไปเรียนเถอะ ยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ทางขาดเรียนแน่ๆ" รอนพูดหอบๆ เพราะวิ่งตามหาเฮอร์ไมโอนี่เสียทั่วปราสาท

"อืม" แฮร์รี่พยักหน้า ขณะที่มีเหงื่อเม็ดโตๆ ผุดออกตามใบหน้า

แต่สิ่งที่ทุกคนหวังเอาไว้ก็ไม่เป็นตามที่คาด เพราะวันนั้นทั้งวันไม่มีใครเห็นเฮอร์ไมโอนี่เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องเรียน ห้องสมุด เวลาทานอาหาร เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็น ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนเกิดอาการกังวลและเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะแฮร์รี่กับรอน

"แฮร์รี่ แผนที่ตัวกวน" รอนพูดเมื่อนึกขึ้นออกว่า เขาจะหาเฮอร์ไมโอนี่เจอได้ยังไง

"ใช่ ลืมไปได้ยังไง รอแป๊บนะรอน" แฮร์รี่พูดจบก็รีบวิ่งไปที่หอนอนพร้อมๆ กับรอนที่วิ่งตามไปติดๆ "ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้านั้นหาความดีไม่ได้ เจอแล้วรอน อยู่ที่...... ห้องนั้น ไปเร็ว"

*****

เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ เธอนั่งรอเขาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เธอส่งจดหมายไปให้เขา เธอบอกว่าเธอจะรอ รอจนกว่าจะมา สายลมเย็นปะทะร่างของเธอ ถ้าเป็นยามปกติแล้วผิวกายของเธอจะต้องสะท้านหนาวเหน็บ แต่ช่วงเวลานี้ความหนาวเหน็บภายนอกเทียบไม่ได้กับความหนาวเย็นในใจของเธอ มือขวาของเธอกำสร้อยเส้นนั้นเอาไว้แน่น ตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในหัวของเธอมีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเธอกับเขา ตั้งแต่วันแรกที่เธอไปบอกรักเขา วันที่เขาตอบตกลง คืนวันคริสมาสต์ที่แสนหวาน หรือวันที่เขารู้ว่าความจริงว่าทั้งหมดเป็นเพียงแผนที่ให้เขาคลายความลับของผู้เสพความตายคนอื่นๆ เหตุการณ์ต่างๆ ร้อยเรียงในสมองเธอ จนกระทั่งภาพมาหยุดตรงที่สภาพบ้านของเธอที่พังไม่มีชิ้นดี พร้อมๆ กับช่วงเวลาที่เธอเจอสร้อยเส้นนี้ ที่เธอให้เขาเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์

"ไม่จริงใช่ไหมเดรโก เธอต้องไม่ทำอย่างนั้น" เธอพึมพำอย่างไร้จุดหมาย เธอเฝ้าภาวนาอย่างนี้ตลอดเวลา จากวินาทีเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นวัน เธอนั่งภาวนาอย่างนี้ตั้งแต่เช้า นี่ก็ใกล้เวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว สมองของเธอตอนนี้ไม่สั่งการอะไรทั้งนั้น นอกจากให้เธอรอ รอจนกว่าเขาจะมา และบอกเธอว่าเขาไม่ได้ทำ เขาไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"เฮอร์ไมโอนี่"

"เดร....." เธอหันไปด้วยความหวัง เธอคิดว่าเขาจะต้องมาแน่ๆ "แฮร์รี่ รอน" เธอกล่าวชื่อเพื่อนทั้งสองด้วยใจที่อ่อนล้า

"เฮอร์ไมโอนี่ เธอโอเคไหม" แฮร์รี่กับรอนเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ และจับตัวเธออย่างแผ่วเบา ตอนนี้ระหว่างพวกเขาไม่มีความพูดใดๆ ต่อกัน น้ำตาที่เธอแห้งเหือดไปกลับเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอกอดเพื่อนทั้งสองเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้โฮ

"ฉันไม่เหลือใครแล้ว ไม่มี" เฮอร์ไมโอนี่พูดปนกับเสียงสะอื้น แฮร์รี่ลูบหลังเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ

"เธอยังมีฉันกับรอนนะ พวกเราจะอยู่กับเธอตลอดไป" แฮร์รี่พูดอย่างอ่อนโยน พร้อมๆ กับรอนที่พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับสิ่งที่แฮร์รี่พูด ทั้งสองปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่นาน จนเธอไม่มีน้ำตาที่จะร้อง พวกเขาจึงคลายกอดเธอ

"กินอะไรหน่อยนะเฮอร์ไมโอนี่ เธอน่าจะหิว" รอนพูดพลางหยิบขนมปังที่เขาเก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้ามาให้เธอ ความจริงพวกเขาเองก็ตามหาเธอทั้งวันโดยที่ไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน
"ขอบใจรอน แต่ฉันกินไม่ลง" เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่วเหมือนจะขาดใจ

"ไม่ได้ เธอต้องกิน สักคำก็ยังดี" รอนพูดดุๆ ซึ่งไม่เหมาะกับบุคลิกเขาเลย ทำให้เธอฝืนกินขนมปังไปได้คำสองคำแล้วก็บอกว่าอิ่ม

"เฮอร์ไมโอนี่ไปห้องโถงใหญ่เถอะเพื่อนๆ รออยู่ ไปกินข้าวเย็นด้วยไง ถ้ากินของหนักๆ ไม่ลง ก็ไปกินน้ำฟักทอง หรือซุปก็ยังดี" แฮร์รี่พูดพลางพยุงเธอลุกขึ้น

"แต่ฉัน..." เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะประท้วง เธอต้องการจะรอใครบางคนที่นี่มากกว่า แม้ว่ามันจะเลยเวลานัดมาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่เธอก็อยากจะรอต่อไป เพื่อรอคำตอบจากปากของเขา

"ไม่มีแต่" แฮร์รี่กับรอนพูดขึ้นพร้อมกัน พลางฉุดเธอให้ลุกขึ้น และพาเธอไปที่ห้องโถงใหญ่
ทันทีที่เธอไปถึงห้องโถง เพื่อนๆ ทุกคนก็ต่างมารุมถามเธอด้วยความเป็นห่วง จนแฮร์รี่กับรอนต้องกันเพื่อนๆ ออกไป พวกเขาอยากจะให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัดน้อยที่สุด และพวกเขาก็ยังไม่อยากจะให้ใครถามเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เธอดูเปราะบางราวกับจะแตกได้ทุกเมื่อ

เมื่อมาถึงห้องโถงเฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามมองหาผู้ชายนัยน์ตาสีซีด แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่นราวกับหลบหน้าเธอ เธอไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่ได้ทำ ทำไมเขาจะต้องหลบเธอ ทำไมเขาถึงไม่กล้าไปสู้หน้าเธอ ทำไมเขาถึงไม่ไปตามที่เธอนัด หรือว่าเขาจะ......... ไม่ ต้องไม่ใช่อย่างนั้น เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างว้าวุ่นใจ

******

"นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่" เสียงนุ่มๆ ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มที่ลอบมองดูผู้หญิงผมสีน้ำตาลสะดุ้งสุดตัว ความจริงวันนี้เดรโกก็ไม่ได้เข้าเรียนเลยแม้สักวิชา เขาแอบมองเธออยู่ข้างนอกประตูที่แง้มเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าควรจะไปหาเธอดีหรือเปล่า และยิ่งถ้าเธอถาม เขาจะตอบว่ายังไง พอเจ้าพอตเตอร์กับวีสลีย์พาเธอจากห้องนั้น เขาก็เดินตามดูเธอห่างๆ จนกระทั่งถึงห้องโถง เขาจึงแอบมองเธออยู่หลังประตู "ถ้าเป็นห่วงกันนัก ทำไมถึงไม่เดินเขาไปหาเลยล่ะ"

"มันไม่เกี่ยวกับแกคาร์ลอส" เดรโกคำรามน่ากลัว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

"ไม่น่าเชื่อว่าแกจะกล้าทำ" เดฟพูดพลางจ้องไปในดวงตาสีซีด "พ่อแม่ของคนที่แกรักเชียวนะ ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน ท่าทางจะรับไม่ได้เสียด้วย"

"ฉันบอกว่าไม่เกี่ยวกับแก" เดรโกกัดฟันกรอด ถ้าเขาทำได้ เขาอยากจะฆ่าเจ้าเดวิด คาร์ลอสเสียตรงนี้

"ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้มัลฟอย เป็นฉันทำไม่ได้นะเนี่ย" เดฟพูดกวนๆ พลางลอยหน้าลอยตาใส่เดรโก ทำให้เขาหยิบไม้หายสิทธิ์จ่อที่คอของเดฟด้วยความโมโห

"ถ้าแกยื่นจมูกมายุ่งเรื่องของฉัน หรือพูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ฉันจะฆ่าแก" เขาคำรามอย่างโมโห

"นั่นสินะ ฆ่าได้สองคนจะฆ่าอีกสักคนจะเป็นอะไรไป เดรโก มัลฟอย" เดฟพูดราวกับจะยั่วโมโหเขา

"เดวิด คาร์ลอสฉันจะไม่เตือนแกเป็นหนที่สองละนะ" เดรโกตวาดอย่างลืมตัว ทำให้เสียงดังเข้าไปถึงห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงนั้นพอดี เธอจำได้ทันทีว่าเสียงที่เธอได้ยินเป็นเสียงของใคร

"แฮร์รี่ รอน เดี๋ยวฉันมานะ ไม่ต้องตามมา ฉันไม่เป็นอะไร ขอเวลาฉันนิดนึง" เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาด้วยแววตาที่ขอร้องอย่างสุดซึ้ง เธออยากที่จะคุยกับเดรโกตามลำพัง ทำให้ทั้งสองคนนั่งลงไปตามเดิมด้วยความเป็นห่วง

"เดรโก เดฟ" เฮอร์ไมโอนี่ตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เดรโกกำลังเอาไม้กายสิทธิ์จ่อคอเดฟ พอเดฟเห็นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ทำให้เดรโกรู้ทันทีว่าเดฟต้องการยั่วให้เขาส่งเสียงดังให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ยิน

"เดรโก ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย" แม้เฮอร์ไมโอนี่จะตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่เธอก็ยังอยากจะคุยกับเขาอยู่ดี ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะคิดเรื่องอื่นอีกต่อไป เธอไม่อยากจะรู้เหตุผลที่เดรโกเอาไม้กายสิทธิ์จ่อคอเดฟด้วยซ้ำไป

"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอเลือดสีโคลน" เดรโกพูดอย่างเย็นชา ทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะท้านไปทั้งตัว ปากของเธอสั่นระริก เธอไม่สามารถร้อยเรียงคำพูดใดๆ ออกจากปากเธอได้ แม้แต่ในเวลาที่เธอรู้สึกเศร้าที่สุดในชีวิต เขาก็ยังด่าว่าเธอ

"เดี๋ยวมัลฟอยนายยังไปไหนไม่ได้" เธอรีบวิ่งตามเขาไป เมื่อเห็นเขาเดินหนีเธอไป แต่ไม่ว่าเธอพยายามจะพูดกับเขาเท่าไหร่ เขาก็ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ในโลก เธอตามเขาไปจนกระทั่งใกล้ถึงหอนอนสลิธิริน

"นายต้องพูดกับฉันให้รู้เรื่อง" เฮอร์ไมโอนี่ตวาดเขาเสียงดัง เธอเริ่มหมดความอดทนกับท่าทีของเขา "ถ้าเธอไม่คุย ฉันจะตามนายไปอย่างนี้จนกว่านายจะพูดกับฉัน" คำพูดของเธอทำให้เขาหยุดกึกทันที

"ก็ได้ งั้นไปที่ห้องนั้น" พูดจบเขาก็นำเธอไปที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง "ว่ามา" เขาหันมามองหน้าเธอนิ่ง เธอรู้สึกว่ายามนี้เขาช่างดูเย็นชา และน่ากลัว จนเธอกลัวที่จะถามเขาในคำถามที่เธออยากรู้

"ถ้าเธอไม่พูดฉันจะกลับหอ" เขาพูดพลางทำท่าจะเดินออกไป แต่เธอหันมาขวางเขาไว้ก่อน

"นายรู้เรื่องที่บ้านฉันโดนผู้เสพความตายบุกใช่ไหม" เธอเริ่มเรื่องด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาของเธอจับจ้องอยู่ที่พื้นหิน เธอไม่กล้าแม้แต่มองหน้าเขา

"รู้" เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ

"เมื่อวานฉันไปที่บ้านมา แล้วเจอ......" พอพูดถึงตอนนี้มันเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกอยู่ที่คอของเธอ เธอกลั้นใจมองหน้าเขาด้วยความยากลำบาก หยาดน้ำตาอุ่นๆ ไหลลงอาบแก้มช้าๆ

"สร้อยเส้นนี้" เธอพูดพร้อมชูสร้อยขึ้น "ฉันจำได้ว่า ฉันให้นายไปเมื่อวาน นายไปที่นั่นมา นายไปที่บ้านฉันมาใช่ไหม"

"ใช่" เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ พาลจะทำให้ใจเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะคำพูดของเขา

"นาย....ไปที่นั่น.....ทำไม" เธอถามเสียงสั่น

"ทำไมฉันต้องบอกเธอเกรนเจอร์" เขาพูดเสียงเย็น และเดินผ่านเธอไปที่ประตู

"แค่บอกว่านายไม่ได้ทำ ฉันจะเชื่อ แค่คำเดียวเดรโก บอกว่านายไม่ได้ทำ ได้โปรด บอกสิว่านายไม่ได้ทำ" เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกไปอย่างสิ้นหวัง ท่าทีของเขาบอกอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เธอรู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเธอแน่ บางอย่างที่บอกกับเธอว่าเขาเป็นคนทำ

"ฉันขอโทษ" เขาพูดเบาๆ แล้วเดินจากไป เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่งกับพื่น ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาช้าๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง เขาฆ่าพ่อแม่ของเธอ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น