วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตะเกียงหัวใจ ของนางฟ้าเดินดินเจ้าค่ะ

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ
ลิงค์นี้นะค่ะ

ตะเกียงหัวใจ ของนางฟ้าเดินดินเจ้าค่ะ
ข้อความ :
*********************************

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านจดหมายที่รอนเขียนถึงเธออยู่ในรถ ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปพักผ่อนที่ไร่องุ่นของมิสซิสโซเฟีย เกรนเจอร์ผู้เป็นป้าของเธอ ในจดหมายรอนเขียนมาว่า
“ในวันศุกร์ที่จะมาถึงนี่ ฉันกับพ่อจะไปรับแฮร์รี่มาอยู่ด้วยกันที่บ้านแหล่ะ ฉันหวังว่าเธอคงจะสนุกกับการไปเที่ยวไร่องุ่นของป้าเธอนะ แล้วส่งข่าวมาบ้างล่ะ”
ด้วยรัก รอน วีสลีย์
เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายรอนเก็บไว้ในกระเป๋าพลางอมยิ้ม “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรจ๊ะลูก”นางเกรนเจอร์
หันมาถามลูกสาว
“อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะแม่ จดหมายจากรอนน่ะค่ะ”เด็กหญิงบอกพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเบาะ
รถของนายเกรนเจอร์แล่นเข้ามาในบริเวณไร่แห่งหนึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นองุ่น เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองด้วยความตื่นเต้น”อื้อหือ องุ่นเต็มไปหมดเลย ไร่นี่กว้างชะมัด หนูชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าหนูจะเที่ยวชมทั่วทั้งหมด”
“ลูกจะได้เที่ยวชมทั่วทั้งหมดแน่ ถ้าลูกขี่ม้าเป็น”นายเกรนเจอร์บอก
“ที่นี่มีม้าด้วยเหรอคะ วิเศษไปเลย หนูอยากขี่ม้าเป็นจัง”เฮอร์ไมโอนี่ชะโงกหน้าไปคุยกับพ่อ
“ป้าโซเฟียต้องไม่ปฏิเสธที่จะสอนลูกแน่”นายเกรนเจอร์ลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดู ก่อนที่รถจะหยุดจอดที่หน้าบ้านไม้ขนาดกะทัดรัดหลังหนึ่งภายในบริเวณไร่องุ่น มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอพวกเขาอยู่หน้าบ้าน ป้าโซเฟีย
เป็นหญิงวัยกลางคน ผิวออกสีแทน ผมสีน้ำตาลรวบขึ้นไปเป็นหางม้า
“ว่าไงจ๊ะ น้องรักไม่เจอกันตั้งนาน”ป้าโซเฟียตบบ่าน้องชาย
“นั่นสิฮะ พี่ยังสวยไม่เปลี่ยนเลย”ประโยคนี้ทำเอาคนฟังอมยิ้ม
แล้วป้าโซเฟียก็กอดทักทายกับนางเกรนเจอร์ ก่อนจะหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“หลานสาวของป้าโตขึ้นตั้งเยอะ มาให้ป้ากอดหน่อยสิ”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นป้า
“ฝากเฮอร์ไมโอนี่ด้วยนะฮะพี่ อีก2อาทิตย์เดี๋ยวผมมารับกลับ”นายเกรนเจอร์พูด
“2อาทิตย์เองเหรอ ทิ้งไว้นานๆก็ได้ พี่ก็อยู่ตัวคนเดียว พวกคนงานก็อยู่อีกแถบนึง ให้หลานอยู่นานๆแหล่ะดีแล้ว ป้าจะได้ไม่เหงา”ป้าโซเฟียพูดอย่างใจดี
“เราเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคุณพี่เกินไป”นางเกรนเจอร์พูดอย่างเกรงใจ
“รบกวนอะไรกัน ไม่เลยจ้ะ ดีซะอีกพี่จะได้มีเพื่อนคุย”
“งั้นก็ตามใจแล้วกันฮะ”นายเกรนเจอร์บอก
“เฮอร์ไมโอนี่ เป็นเด็กดีนะลูก”นางเกรนเจอร์พูดกับลูกสาว
“ค่ะแม่”เฮอร์ไมโอนี่กอดพ่อกับแม่ไว้
“โทรหาพ่อบ้างนะ”นายเกรนเจอร์บอกก่อนจะขึ้นรถขับออกไป เฮอร์ไมโอนี่กับป้าโซเฟียยืนโบกมือให้จนรถแล่นไปลับตา
“เข้าไปข้างในเถอะจ้ะ ข้างนอกแดดมันร้อน มาป้าช่วยถือกระเป๋า อุ๊ย!”ป้าโซเฟียอุทานเมื่อเห็นแมวสีส้มขนฟูในอ้อมแขนเฮอร์ไมโอนี่
“มันชื่อครุกแชงก์ค่ะป้า”เฮอร์ไมโอนี่บอก
“มันน่ารักทีเดียวล่ะจ้ะ”ป้าโซเฟียลูบหัวครุกแชงก์เบาๆ ก่อนจะโอบไหล่เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าบ้านไป
+++++..............................................+++++
ในเช้าวันต่อมาป้าโซเฟียพาเฮอร์ไมโอนี่ไปที่คอกม้า และสอนให้เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้าเฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นานนักเธอก็เริ่มขี่ม้าเป็นและชำนาญ
“หัดได้ไม่กี่วันก็เก่งแล้วนี่จ๊ะ”ป้าโซเฟียชม
“หนูขอขี่การ์เวนไปรอบๆไร่องุ่นได้มั้ยคะ”ม้าที่เธอขี่มันชื่อการ์เวน เป็นม้าสีขาว
“ได้สิจ๊ะ แต่ต้องระวังอย่าไปแถวๆท้ายไร่นะ”ป้าโซเฟียเตือน
“ที่ท้ายไร่ มีอะไรหรือคะ”เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“มันมีซากปรักผุพังของปราสาทเก่าๆอยู่น่ะจ้ะ เขาลือกันว่ามีผีสิง 2เดือนก่อนมีคนงานไร่ข้างๆหลงเข้าไป พอกลับออกมาก็เป็นบ้าจำความอะไรไม่ได้เลย”ป้าโซเฟียเล่าด้วยสีหน้าสลดใจ
“ไม่ต้องห่วงนะคะป้า หนูจะระวังไม่ไปเล่นแถวนั้นค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่รีบพูดให้ป้าโซเฟียสบายใจ
“แล้วรีบกลับมานะจ๊ะหลาน มื้อเที่ยงมีพายองุ่นจ้ะ”ป้าโซเฟียบอกหลานสาว
“ค่ะป้า”เฮอร์ไมโอนี่ควบม้าออกไป ก่อนจะหันกลับมาโบกมือให้ผู้เป็นป้า
+++++....................................................+++++
เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้าเที่ยวชมไปรอบๆไร่องุ่น เธอมองดูสองข้างทางด้วยความเบิกบานใจ “อยากให้แฮร์รี่กับรอนมาเห็นจัง 2คนนั้นต้องชอบแน่เลย”เธอคิดในใจ เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้าชมไร่อย่างเพลิดเพลิน จนเลยเข้ามาในเขตท้ายไร่
กว่าเธอจะรู้สึกตัวว่าเข้ามาอยู่ในเขตท้ายไร่ ก็ตอนที่เห็นซากปราสาทอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ตายจริง ลืมไปซะสนิทเลยว่าป้าโซเฟียห้ามไม่ให้เข้ามาบริเวณนี้”แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับมีความรู้สึกว่าซากผุ
พังเหล่านี้ดูไม่ปกติธรรมดา ไม่น่าจะมีผีสิงอย่างที่คนร่ำลือกัน แต่มันดูเหมือนว่าจะพรางตาคนภายนอกเพื่อปกปิด
อะไรบางอย่าง
“ใช่แล้วพรางตาเพื่อปกปิด ใช่หลักการเดียวกับฮอกวอตส์เลยนี่”เฮอร์ไมโอนี่นึกขึ้นมาได้ว่าในโลกพ่อมดแม่มดมักจะมีการพรางตาสถานที่เพื่อปกปิดบุคคลทั่วไปที่เรียกกันว่าพวกมักเกิ้ล
“ข้างในนี้จะมีอะไรนะ”เธอคิด
ในระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลองเข้าไปข้างในดีหรือไม่ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งควบม้าโผล่ออกมาจากอีกด้านหนึ่งของซากปราสาท เฮอร์ไมโอนี่ตกใจรีบบังคับม้าให้หลบหลังต้นไม้ แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่ได้สังเกตเห็นเธอ เขาควบม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ด้วยความอยากรู้เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจควบม้าตามผู้ชายคนนั้นไป เธอขี่ม้าตามเขามาเรื่อยๆจนใกล้ๆจะถึงน้ำตกverdant ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกตัวว่ามีคนตามมา เขาจึงหยุดม้าและบังคับม้าให้หันกลับมา
“ใคร”เขาถามพลางเสยหมวกขึ้น ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ตกใจแทบร่วงจากหลังม้า เขาคือ เดรโก มัลฟอยนั่นเอง
“นาย... มัลฟอย”เธอร้องออกมา
“เธอนั่นเอง เกรนเจอร์ เธอตามฉันมาทำไม”มัลฟอยถามอย่างไม่พอใจ
“ถ้ารู้ว่าเป็นนาย ฉันไม่ตามมาหรอก”เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงสะบัด
“ฮึ ยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก ยัยเลือดสีโคลน”มัลฟอยพูดเสียงดุ
“เลือดสีโคลนแล้วยังไงล่ะ อย่างน้อยพ่อฉันก็ไม่ใช่คนขี้คุก”เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับอย่างเจ็บแสบ
“เกรนเจอร์ หยุดพาดพิงถึงพ่อฉันเดี๋ยวนี้”มัลฟอยตะคอก
“นายก็ต้องหยุดว่าพาดพิงถึงสายเลือดฉันเหมือนกัน”เธอไม่ยอมแพ้
มัลฟอยกัดฟันกรอด ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาแทบจะลงจากม้ามาบีบคอเธอได้เลย แต่มัลฟอยกลับแค่จ้องหน้า
เฮอร์ไมโอนี่ และควบม้าขึ้นโขดหินที่ทอดเป็นทางขึ้นน้ำตกไป เฮอร์ไมโอนี่มองตามด้วยความแปลกใจ
ระหว่างทางที่เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้ากลับ เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับเนวิลล์ ลองบัตท่อมซึ่งกำลังฝึกขี่ม้าอยู่ใกล้ๆกับซากปราสาท โดยมีชายชราคนหนึ่งกำลังสอนเขาขี่ม้าให้อย่างใกล้ชิด
“หวัดดีจ้ะเนวิลล์ ไม่นึกเลยว่าจะเจอเธอที่นี่”เฮอร์ไมโอนี่ทัก
“หวัดดีเฮอร์ไมโอนี่ คุณปู่ฮะ นี่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เพื่อนของผมที่ฮอกวอตส์ ส่วนนี่คุณปู่น้อยอัลจี้ที่แสนใจดีของฉัน”เนวิลล์แนะนำ
เฮอร์ไมโอนี่จับมือทักทายกับคุณปู่ของเนวิลล์
“เธอมาพักที่horse and greenview townเหมือนกันเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นเจอเธอเลย”เนวิลล์
ถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ เปล่าหรอก ฉันพักอยู่กับป้าของฉันที่ไร่องุ่นแถวๆนี้แหล่ะ แล้วhorse and greenview town
นี่มันคืออะไรเหรอ”เธอสงสัย
“เป็นชื่อรีสอร์ทไง ที่นี่เป็นรีสอร์ทสำหรับมาขี่ม้าโดยเฉพาะน่ะ เธอเห็นซากปราสาทนั่นมั๊ย ก็แค่เข้าไปในนั้น แล้วเช็คอินเข้าพักตามปกติ”เนวิลล์อธิบาย เฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าใจ
“ทายสิ ฉันเจอใครที่นี่”เนวิลล์ยักคิ้ว
“ใครเหรอ”เธอถาม
“เดรโก มัลฟอย เขาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่แหล่ะ”เนวิลล์บอก
“ไม่แปลก ฉันเดาว่าครอบครัวเขาคงมีส่วนร่วมในรีสอร์ทนี้ล่ะสิ”เฮอร์ไมโอนี่เบ้ปาก
“ไม่ใช่หรอก แม่เขาเป็นญาติกะเจ้าของรีสอร์ทแน่ะ เลยพาเขามาฝากไว้ที่นี่ ฉันได้ยินข่าวมาว่าตอนนี้บ้านเขา
กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนักเลยล่ะ แต่ดูท่าทางเขาก็ไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่นักหรอก เห็นวันๆเอาแต่ขี่ม้าอย่างเดียว
ไม่พูดไม่จากับใคร ทั้งๆที่มีพวกบ้านสลิธีรินมาพักที่นี่ตั้งหลายคน”เนวิลล์เล่าให้ฟัง
“ก็หยิ่งซะขนาดนั้นนี่”เฮอร์ไมโอนี่ยังยัวะไม่หายที่มัลฟอยชอบดูถูกสายเลือดของเธอ
“อือ เนวิลล์ ฉันคงต้องกลับก่อนล่ะ ป้ารอทานมื้อเที่ยงอยู่น่ะ แล้วจะแวะมาคุยด้วยใหม่นะ”เธอบอก
“ฉันจะออกมาขี่ม้ากับคุณปู่ประมาณเวลานี้แหล่ะ แล้วเจอกันนะ”เนวิลล์พูด
เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้เนวิลล์ ก่อนจะควบม้ากลับไปที่ไร่องุ่นของป้าโซเฟีย
+++++..........................................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่2
.................................................................................................... เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนแต่เช้า เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ จึงลงไปรับประทานอาหารเช้ากับป้าโซเฟียข้างล่าง
“เย็นนี้ป้าอยากทำเดนิชองุ่นจัง แต่ไม่มีผลมัลเบอร์รี่ที่ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญเสียด้วยสิ”ป้าโซเฟียพูดขึ้นมา
“งั้นหนูออกไปหาซื้อให้ที่ตลาดในเมืองมั๊ยคะ หนูจะได้ช่วยป้าทำด้วย”เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างกระตือรือร้น
“มันไม่มีขายในตลาดหรอกจ้ะ หน้านี้มันไม่ใช่หน้าผลมัลเบอร์รี่ เอ..แต่จะว่าไป ที่น้ำตกVerdantมีผล
มัลเบอร์รี่ขึ้นอยู่นี่”ป้าโซเฟียนึกออก
“แล้วน้ำตกVerdantนี่อยู่ที่ไหนคะ”เธอถามอย่างสนใจ
“อยู่ตรงชายป่าใกล้ๆกับภูเขาน่ะจ้ะ”ป้าโซเฟียบอก
“งั้นหนูไปเก็บมาให้นะคะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเดินไปหยิบตะกร้าลงมาจากที่แขวน
“หนูจะไปถูกเหรอจ้ะ”ป้าโซเฟียเป็นห่วง
“เดี๋ยวหนูถามคนแถวนี้ไปเรื่อยๆระหว่างทางก็ได้ค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางยิ้ม
“ก็ได้จ้ะ ตามใจหลาน รีบไปรีบกลับนะเฮอร์ไมโอนี่”ป้าโซเฟียกำชับ
“หนูไปนะคะ”เฮอร์ไมโอนี่คว้าแก้วน้ำองุ่นมาดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะเดินออกไป
เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้ามาเรื่อยๆจนถึงท้ายไร่ เธอมองไปรอบๆเพื่อดูว่าเนวิลล์อยู่แถวนั้นหรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจจะมาชวนเนวิลล์ไปน้ำตกด้วยกัน เนวิลล์เดินจูงม้าออกมาจากซากปราสาทพอดี
“อ้าวเฮอร์ไมโอนี่ มาหาใครเหรอ”เนวิลล์ทัก
“ก็มาหาเธอนั่นแหล่ะ ฉันจะมาชวนเธอไปน้ำตกด้วยกันน่ะ เธอว่างมั๊ยล่ะ”เธอชวน
“ว่างสิ”เนวิลล์พยักหน้าพลางขึ้นขี่ม้า
“แล้วคุณปู่เธอล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อไม่เห็นคุณปู่ของเนวิลล์
“วันนี้ปู่มีนัดดื่มน้ำชากับคุณนายคลอเดียน่ะ”เนวิลล์บอก “ไปกันเถอะ”
“ฉันไปไม่ถูกหรอกน้ำตกเนี่ย เธอนำละกัน”เออร์ไมโอนี่พยักเพยิด
“ได้เลย ตามมานะ”เนวิลล์บังคับม้าให้วิ่งไปข้างหน้า โดยมีเฮอร์ไมโอนี่ตามมาติดๆ
+++++....................................+++++
ทั้งคู่ขี่ม้ามาจนถึงน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ตรงชายป่าใกล้กับภูเขาอย่างที่ป้าโซเฟียบอก
“นี่สินะ น้ำตกVerdant”เธอพูดพลางมองไปที่ป้ายซึ่งตั้งอยู่ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อวานเธอขี่ม้าตาม
มัลฟอยมาจนถึงน้ำตกนี่แหล่ะ แล้ววันนี้เธอจะเจอเขามั๊ยนะ เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจ
“เฮอร์ไมโอนี่ เป็นอะไรรึเปล่าทำไมเงียบไปล่ะ”เนวิลล์ถามเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่นิ่งไป
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นไปข้างบนเถอะ”เธอพูดพลางลงจากม้าและผูกม้าไว้กับโคนต้นไม้ เนวิลล์ทำตามเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นโขดหินซึ่งทอดเป็นทางขึ้นน้ำตกไป
น้ำตกVerdantเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก หินซ้อนกันป็นชั้นๆขึ้นไป เฮอร์ไมโอนี่เดาว่า น้ำที่ไหลลงมาตามชั้นหิน คงมาจากตาน้ำซึ่งอยู่บนภูเขา มีพืชพรรณชนิดต่างๆขึ้นอยู่รอบๆแอ่งน้ำตกชั้นล่าง แล้วยังมีหินที่ก่อตัวขึ้นเป็นน้ำตกชั้นเล็กๆลงไปอีก
“ว้าว สวยจังเลย”เธอมองไปรอบๆอย่างชื่นชม
“จริงด้วย เอ๊ะ! นั่นมันต้นมูนสโตนนี่”เนวิลล์ชี้ไปที่แอ่งน้ำตกซึ่งอยู่ล่างลงไปอีก“เฮอร์ไมโอนี่เธอไปผลมัลเบอร์รี่ก่อนนะ ฉันขอลงไปเก็บต้นมูนสโตนหน่อย จะเอาไปให้ศาสตราจารย์สเปราต์น่ะ เห็นอาจารย์บ่นว่ามันหายาก”เขาบอก
“อืม”เธอยิ้มมองตามเนวิลล์ไป เธอรู้ดีว่าเนวิลล์สนิทกับศาสตราจารย์สเปราต์ และวิชาสมุนไพรศาสตร์ก็เป็นวิชาที่เนวิลล์ได้คะแนนสูงสุด
เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นไปตามโขดหินเพื่อหาต้นมัลเบอร์รี่ ในที่สุดเธอก็หาเจอ เฮอร์ไมโอนี่เก็บผลมัลเบอร์รี่ไปได้ไม่กี่ลูก เธอก็ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายจากทางด้านหลัง เธอจึงหันไปดูก็พบว่ามีก้อนหินก้อนเล็กๆถูกโยนลงมาจากข้างบน ทำให้พวกนกตัวเล็กๆที่บินลงมากินน้ำในแอ่งพากันตกใจและส่งเสียงร้องก่อนจะบินหนีไป
“น่าเกลียดที่สุด ใครกันนะที่ทำเรื่องแย่ๆแบบนี้”เธอโกรธ
เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจเดินขึ้นไปดูข้างบน เพื่อหาว่าต้นตอของเหตุการณ์ และเธอก็พบผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวกนั่งหันหลังอยู่บนโขดหินกำลังโยนก้อนหินลงปในแอ่งน้ำข้างล่าง
“นั่นนายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”เธอตะโกนถาม ผู้ชายคนนั้นหันกลับมา เดรโก มัลฟอยนั่นเอง
“นี่นายเองนะเหรอ มัลฟอย”เธอพูดพลางขมวดคิ้ว
“เธออีกแล้วเหรอ เกรนเจอร์”เขาพูดด้วยเสียงยานคางกวนประสาทอย่างเคย
“นายทำอย่างนี้ทำไม”เธอถาม
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ”เขายักไหล่
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่านายไปโมโหหรือมีปัญหาอะไรมา แต่นายก็ไม่ควรมาระบายด้วยวิธีแบบนี้ ถ้าก้อนหินนั่นไปโดนนกเข้าก็อาจจะทำให้มันบาดเจ็บได้”เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูดถึงเหตุผล
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมาสอนฉัน ฉันไม่ต้องการคำสั่งสอนจากใคร โดยเฉพาะจากเธอ
ยัยเลือดสีโคลน”มัลฟอยตะคอกด้วยความโมโห
“คำก็เลือดสีโคลน สองคำก็เลือดสีโคลน นายมันดีนักนี่ มีอะไรก็มาลงกับสิ่งรอบข้าง แทนที่จะเผชิญกับมัน ขี้ขลาดชัดๆ”เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยว่าฉันมีปัญหาอะไร ฉันรำคาญความรู้มากของเธอเต็มทนแล้ว หุบปากซะ”
มัลฟอยยิ่งโมโหเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดแทงใจดำ
“ฉันไม่หยุด ฉันจะพูดของฉันอย่างนี้แหล่ะ”เธอไม่ยอมแพ้ คราวนี้มัลฟอยโกรธจัด เขาเดินลงมาจากโขดหิน และตรงเข้ามาบีบไหล่เธอ
“แต่ฉันสั่งให้หยุด เธอก็ต้องหยุด อย่ามาทำอวดดีกับฉัน แถวนี้ไม่มีเจ้าพอตเตอร์หรือวีสลีย์ที่จะช่วยอะไรเธอได้”มัลฟอยบีบไหล่เธอแรงขึ้น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย ถ้านายไม่ปล่อย ไม่ต้องแฮร์รี่หรือรอนหรอก ฉันนี่แหล่ะจะจัดการเธอเอง”
เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเฉียบ แต่มัลฟอยไม่ยอมปล่อย พร้อมทั้งยังจ้องหน้าเธออย่างท้าทาย เฮอร์ไมโอนี่จึงก้มลงกัด
เข้าให้ที่ข้อมือมัลฟอยเต็มๆ
“อ๊าก”มัลฟอยร้องด้วยความเจ็บ ปล่อยมือจากไหล่เฮอร์ไมโอนี่ทันที
“คราวหลังอย่าทำอย่างนี้กับฉันอีก”เธอพูดเสียงเข้ม ก่อนจะหันหลังเดินลงไป แต่มัลฟอยคว้าตัวเธอไว้
ดึงเธอให้หันกลับมา และประกบปากเขาลงไป เฮอร์ไมโอนี่ตกใจยืนตัวแข็ง มัลฟอยยิ่งได้ใจ จูบปากเธอไม่ยอมปล่อย เฮอร์ไมโอนี่ได้สติจึงกะทืบเท้ามัลฟอยเต็มแรง พร้อมทั้งผลักไสเขาออกไป และยกมือขึ้นตบหน้าเขาฉาดใหญ่
“เลว”เฮอร์ไมโอนี่ด่าใช้หลังมือเช็ดริมฝีปาก ก่อนจะวิ่งหนีไป
มัลฟอยยกมือขึ้นกุมแก้มมองตามเฮอร์ไมโอนี่ไป เขาเอามือแตะริมฝีมือตัวเองเบาๆ”นี่ฉันจูบยัยเลือดสีโคลนหรือนี่”เขาพึมพำ ความรู้สึกบางอย่างเริ่มเกิดขึ้นมาในหัวใจ มัลฟอยตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆเขาถึงรู้สึกผ่อนคลายความรู้สึกกดดันจากเรื่องต่างๆที่เข้ามารุมล้อมเขาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งลงมาจนถึงแอ่งน้ำตกชั้นล่าง เธอพบเนวิลล์รออยู่พอดี
“กลับกันเถอะเนวิลล์”เธอลากแขนเนวิลล์
“อ้าวทำไมรีบกลับล่ะ ตะกร้าเธอยังไม่เต็มเลย”เนวิล์สงสัย
“เอ่อ.. ฉันขี้เกียจแล้วน่ะ แค่นี้ก็พอแล้วแหล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ดึงเนวิลล์ลงมาจนถึงต้นไม้ที่เธอผูกม้าทิ้งไว้
“กลับก็กลับ”เขาพึมพำขณะขึ้นคร่อมบนหลังม้า “อ้าว เฮอร์ไมโอนี่อย่าไปเร็วนักสิ รอด้วย”เนวิลล์
ร้องพลางรีบควบม้าตามเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งพอขึ้นม้าได้ก็ควบทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
+++++.......................................................+++++
ในคืนนั้นเฮอร์ไมโอนี่นอนไม่หลับ เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่น้ำตกซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบ กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ เช่นเดียวกับมัลฟอย ซึ่งกำลังนอนคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เขาส่ายหัวพยายามไล่ความคิดเรื่องนี้ออกไป
“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับยัยเลือดสีโคลนซักหน่อย” แม้มัลฟอยจะนอนหลับไปในที่สุด แต่ในความฝันเขาก็ยังฝัน
ถึงเฮอร์ไมโอนี่(กับเหตุการณ์ที่น้ำตก)
+++++.........................................++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่3
....................................................................................................เช้าวันต่อมาขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ก็มีนกฮูกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง เธอ
จึงเดินไปดู ที่คอนกฮูกมีป้ายhorse and greenview townติดอยู่
“นกฮูกนี่มาจากรีสอร์ทงั้นเหรอ”เธอพึมพำขณะแกะจดหมายออกจากขาของนกฮูก จดหมายมาจากเนวิลล์
ในจดหมายมีใจความว่า
เฮอร์ไมโอนี่ ฉันอยากชวนเธอมาร่วมดื่มน้ำชาที่horse and greenview ในตอนบ่ายวันนี้ ดีน
ปาราวตี และปัทมา มาพักที่รีสอร์ทแน่ะ ฉันเล่าให้พวกเขาฟังว่าเจอกับเธอที่นี่ พวกเขาเลยอยากเจอเธอ ส่งคำตอบ
มาทางนกฮูกของรีสอร์ทนะ
ด้วยรัก
เนวิลล์ ลองบัตท่อม
ป.ล.มาให้ได้ล่ะเพื่อนๆอยากเจอเธอมาก
เมื่ออ่านจดหมายจบ เฮอร์ไมโอนี่ไม่รอช้าเขียนตอบตกลงไปในจดหมายและผูกไว้กับขานกฮูก ซึ่งพอได้รับจดหมายตอบกลับมันก็บินออกไปทันที
เฮอร์ไมโอนี่ลงมาข้างล่าง ป้าโซเฟียรออยู่แล้วที่โต๊ะอาหาร
“ขอโทษนะคะป้า ที่วันนี้หนูลงมาช้า”เธอพูดขณะนั่งลงบนเก้าอี้
“ไม่เป็นไรจ้ะ เมื่อคืนหลานนอนพักผ่อนเต็มที่รึเปล่าจ๊ะ ป้าเห็นท่าทางหลานเหมือนไม่ค่อยสบายตั้งแต่ตอนกลับมาจากน้ำตกแล้ว”ป้าโซเฟียถามอย่างห่วงใย
“อ๋อค่ะ หนูนอนพักผ่อนเต็มที่เลยค่ะเมื่อคืน ป้าไม่ต้องเป็นห่วง”เธอรีบพูด หน้าเริ่มเป็นสีแดงเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน “เออป้าดะ วันนี้ตอนบ่ายๆหนูขอไปหาเพื่อนที่โรงแรมCislunarที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาหน่อยนะคะ หนูนัดเพื่อนไว้ที่นั่นน่ะค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่อ้างชื่อสถานที่อื่น
“จ้ะ เอ...ว่าแต่หลานไปนัดเจอกับเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ป้ายังไม่เห็นหลานคุยโทรศัพท์กับใครเลยนอกจากพ่อกับแม่”ป้าโซเฟียประหลาดใจ
“หนูเจอกับเพื่อนเมื่อวานที่น้ำตกน่ะค่ะ เขามาเที่ยวกับครอบครัว เขาชวนหนูไปดื่มน้ำชาตอนบ่ายน่ะค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่โกหกอย่างรวดเร็ว ความลับเรื่องที่เธอเป็นแม่มดกับโลกแห่งเวทยมนตร์เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับป้าโซเฟียและญาติคนอื่นๆ มันคงจะเป็นเรื่องน่าช็อกถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า (ไม่แปลกหรอก ครอบครัวอื่นเขาก็ปิดเรื่อง
นี้กับพวกมักเกิ้ลทั้งนั้นแหล่ะ)
“หนูจะขี่ม้าไปเหรอลูก”ป้าโซเฟียถาม
“ค่ะ ตั้งแต่หนูขี่ม้าเป็น หนูก็ชักจะรู้สึกว่าหนูขาดเจ้าการ์เวนไม่ได้ซะแล้วสิ”เธอพูดขำๆ
ป้าโซเฟียยิ้มอย่างเอ็นดูหลานสาว “ทานอาหารเช้าเถอะลูก เดี๋ยวเย็นหมด” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย
+++++........................................................+++++
ในตอนเที่ยงใกล้เวลาบ่าย เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้ามาที่บริเวณท้ายไร่ เพื่อมาหาพวกเนวิลล์ตามนัด เธอขี่ม้าเข้าไปใกล้ๆซากปราสาท
“ฉันมาพบเนวิลล์ ลองบัตท่อม”เธอกระซิบเบาๆ
แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องตกใจเล็กน้อย เมื่อซากก้อนหินที่วางระเกะระกะอยู่แถวนั้นก่อตัวขึ้นมาเป็นซุ้มประตู
หิน พร้อมทั้งมีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากข้างใน “horse and greenview townยินดีต้อนรับค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้าลอดผ่านซุ้มประตูหินเข้าไป แล้วเธอก็พบว่าเธออยู่ในสวนของรีสอร์ท มีผู้ชายคนหนึ่ง
แต่งชุดcowboyใส่หมวกสีน้ำตาล เดินเข้ามาหาเธอ
“มาพบคุณลองบัตท่อมใช่มั๊ยครับ”เขาถาม
“ค่ะ”เธอตอบรับ
“คุณลองบัตท่อมรอคุณอยู่ที่ศาลาริมทะเลสาบครับ”เขาชี้มือ เฮอร์ไมโอนี่มองตามก็พบว่ามีศาลาสีขาวตั้งอยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบ ข้างในมีคน3-4คนนั่งอยู่
“คุณฝากม้าของคุณไว้ที่นี่ก็ได้ครับ ทางรีสอร์ทจะดูแลม้าของคุณให้เป็นอย่างดี”เขาบอก
“ขอบคุณมากค่ะ ฝากด้วยนะคะ”เธอลงจากม้า ชายคนนั้นโค้งศีรษะให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะจูงม้าไปอีกทาง
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาที่ศาลาก็พบว่า เนวิลล์ ดีน ปาราวตี ปัทมา นั่งกันอยู่พร้อมหน้า
“เฮอร์ไมโอนี่ฉันคิดถึงเธอจังเลย”ปาราวตีวิ่งเข้ามากอดเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกันจ้ะ”เธอกอดตอบ ก่อนจะโอบเอวกันเข้ามานั้งในศาลา
“หวัดดีจ้ะปัทมา ดีน เนวิลล์”เธอทัก
“หวัดดีจ้ะ เฮอร์ไมโอนี่”ปัทมาทักตอบ ส่วนดีนยิ้มให้เธอ
“เธอมาได้จังหวะพอดีเลย พวกเรากำลังเมาท์กันด้วยหัวข้อสนทนาสุดเผ็ดร้อนอยู่เลย”ปาราวตีพูดพลางรินน้ำชาให้เฮอร์ไมโอนี่
“เรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอ”เธอถามอย่างสนใจ
“ก็เรื่องของเจ้าหัวกาวเปียกมัลฟอยน่ะสิ”ดีนตอบ ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยกน้ำชาขึ้นจิบถึงกับสำลัก แต่ก็ยังแข็งใจถามออกไป “มีอะไรเหรอ”
“เล่าเลยเนวิลล์ ในฐานะคนได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด”ดีนบุ้ยใบ้ไปทางเนวิลล์
“เขาเรียกว่าแอบได้ยินมากกว่านะดีน”ปัทมาแย้ง
“ยังไงก็เหอะ เล่าสิเนวิลล์ ฉันอยากฟังเต็มแก่แล้ว”ปาราวตีพูด
“คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจะดูพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างที่ฉันจะเดินออกไปที่สวน ฉันต้องเดินผ่านห้องโถงกลางก่อนใช่มั๊ยล่ะ ฉันเห็นแม่ของมัลฟอยนั่งอยู่ในห้องนั้น แล้วมัลฟอยก็เดินลงบันไดมาพอดี
เขางัวเงียอยู่น่ะเลยมองไม่เห็นฉัน ฉันก็เลยเข้าไปหลบหลังผ้าม่าน เขาเดินเข้ามาคุยกับแม่ของเขา เธอรู้เปล่าว่าเขา
คุยเรื่องอะไรกัน”เนวิลล์หยุดเล่าเพื่อหายใจ เพื่อนๆต่างมีสีหน้าอยากรู้อย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเล่าต่อ “เขาดูเคร่ง
เครียดกันทั้งแม่ทั้งลูกเลยล่ะ ฉันได้ยินแม่เขาบอกว่าการพิจารณาคดีครั้งใหญ่ที่จะมาถึงเนี่ย พ่อเขาดิ้นไม่หลุดแน่เพราะหลักฐานมัดตัวแน่นหนามาก แล้วยังจะมาเจอหลักฐานชิ้นสำคัญในบ้านเขาอีก ตอนนี้กระทรวงสั่งปิดคฤหาสน์ตระกูลมัลฟอยแล้วล่ะ แม่เขากำลังเดือดร้อนหนักเลยแหล่ะ เธอต้องไปขออาศัยอยู่กันอันโดรเมดาพี่สาว
ของเธอ แม่ของมัลฟอยท่าจะจนตรอกหนักเลยล่ะคราวนี้ ปกติคนตระกูลมัลฟอยจะไม่ข้องเกี่ยวกับพวกมักเกิ้ล ปู่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าพี่สาวของแม่มัลฟอยแต่งงานไปกับพวกมักเกิ้ล พวกเธอรู้มั๊ยพอมัลฟอยฟังแม่เขาพูดจบ เขาเป็นยังไง เขาดูรับความจริงไม่ได้อย่างหนักเลยล่ะ เขาตะโกนออกมาลั่นห้องว่าไม่ แล้วเขาก็วิ่งขึ้นบันไดไป แม่เขาร้อง
ไห้น่ะ เธอนั่งสะอื้นอยู่พักใหญ่ก็กลับไป”เนวิลล์เล่าจบก็คว้าน้ำชามาซดอึกใหญ่
“กรรมตามสนองล่ะสิ”ปาราวตีพูดอย่างสมน้ำหน้า ปัทมาพยักเพยิดเห็นด้วยกับพี่สาว ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่
เงียบไป เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมท่าทางของมัลฟอยจึงดูเก็บกดซะเหลือเกิน
“เฮอร์ไมโอนี่ ทำไมดูเงียบไปล่ะ เธอไม่ดีใจเหรอที่เจ้านั่นเจอมรสุมชีวิตกระหน่ำใส่ซะขนาดนั้น”ดีนถาม
“เออ..ก็ดี ไม่รู้สิ ช่างเขาเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”เธอลุกขึ้น
“อ้าวทำไมรีบกลับล่ะ ยังคุยกันไปได้ไม่เท่าไหร่เอง”ปาราวตีถามงงๆ
“พอดีฉันนึกขึ้นมาได้น่ะ ว่านัดกับคุณป้าไว้ว่าจะเข้าไปในเมืองด้วยกัน ฉันไปนะ”เธอบอก
“อืม แล้วเจอกันนะ”เนวิลล์พูด เฮอร์ไมโอนี่โบกมือให้เพื่อนๆก่อนจะเดินออกจากศาลาไป
เฮอร์ไมโอนี่ไปรับม้าจากคอกฝากม้า เธอขี่ม้าออกมาจากรีสอร์ท แต่ไม่ได้กลับไปหาป้าอย่างที่บอกกับเพื่อน เธอ
ขี่ม้าเข้าไปในป่า ทางเดิมที่เธอเคยผ่านเพื่อไปน้ำตก เธอตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกเห็นใจ
มัลฟอยแทนที่จะรู้สึกสะใจเหมือนเพื่อนเธอคนอื่นๆ เฮอร์ไมโอนี่ด้ยินเสียงน้ำไหลจากลำธารไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
เธอจึงผูกม้าไว้กับต้นไม้แล้วเดินไปดู ก็พบว่ามีลำธารเล็กๆตั้งอยู่โดยมีน้ำที่ไหลผ่านมาจากน้ำตกVerdant
แล้วเธอก็พบมัลฟอยกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดและสับสน สองมือกำหญ้าที่ขึ้นอยู่บนพื้นแน่น
มัลฟอยได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมาดู ก็พบว่าเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจากเขานัก
“เธออีกแล้วเหรอเกรนเจอร์”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอะไรได้แต่ยืนมองเขานิ่ง
“กลัวว่าฉันจะทำร้ายสัตว์หรือสิ่งรอบข้างอีก รึไงถึงตามมาดู”เขายันตัวลุกขึ้นยืน“หรือว่าติดใจเรื่องเมื่อวาน”
ท้ายประโยคฟังยียวนกวนประสาทเช่นเคย คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบ
“เธอคิดจะเล่นสงครามประสาทอะไรของเธอฮึ ถึงได้เอาแต่เงียบ”มัลฟอยพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ
“ฉันไม่ใช่เธอนี่มัลฟอยที่จะคอยมองอะไรในแง่ร้ายๆ ทั้งๆที่มีปัญหาของตัวเองมากพออยู่แล้ว”เธอพูดขึ้น
“ปัญหา ปัญหางั้นเหรอ อ๋อนี่คงจะรู้เรื่องกันหมดแล้วสิ ก็เลยจะมาเยาะเย้ยฉัน เอาสิ อยากหัวเราะเยาะอะไร
ก็เชิญ”มัลฟอยตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง
“ฉันหัวเราะเยาะอะไรเธอรึยัง ฉันว่าอะไรเธอรึยังมัลฟอย เธอคิดของเธอเอาเอง”เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเมื่อเห็น
ท่าทีของอีกฝ่าย
“เธอทำแน่ เอาสิเอาเรื่องของฉันไปประจานให้เจ้าพอตเตอร์หรือเจ้าวีสลีย์รู้ก็ได้ จะได้มารุมหัวเราะเยาะฉัน
กันให้สะใจ”มัลฟอยยังไม่เลิกตะโกน
“เธออย่าคิดว่าทุกคนจะต้องเป็นเหมือนเธอสิ”เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนบ้าง
“เป็นเหมือนฉัน ใช่สิ ฉันมันเลว ฉันมันไม่ดี คราวนี้ถึงทีเธอแล้วนี่ เหยียบฉันเลยสิ เหยียบให้จมดินไปเลย”
คราวนี้มัลฟอยกระโจนเข้าใส่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด แล้วรัวกำปั้นเข้าใส่ต้นไม้อย่างไม่ยั้งมือ
“มัลฟอยหยุดนะ เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ”เธอร้องห้ามเมื่อเห็นเขารัวหมัดใส่ต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง
“เออใช่ ฉันมันบ้า บ้า บ้า”มัลฟอยยังไม่ยอมหยุดเขาชกต้นไม้แรงขึ้นจนมือแตก
“มัลฟอยหยุดเถอะ ทุกปัญหามันมีทางออกนะ เธอต้องคิอยๆคิดแก้ไขมันสิ ไม่ใช่มาลงกับสิ่งรอบข้าง มันไม่
ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยนะ”เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูดอย่างใจเย็น แต่มัลฟอยก็ไม่ยอมหยุด เลือดที่ไหลจากบาด
แผลเริ่มหยดลงพื้น เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจเข้าไปดึงมือเขาไว้
“พอได้แล้วมัลฟอย ใครจะเหยียบซ้ำเธอยังไงฉันไม่รู้ แต่ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น”เธอพูดทั้งน้ำตา มัลฟอยชะงัก
เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้
“เกรนเจอร์.. เธอ”เขาหยุดชกต้นไม้ มองเฮอร์ไมโอนี่เต็มๆตา เธอควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ
“เลือดออกใหญ่แล้ว”เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่แผลให้เขา มัลฟอยยอมให้เธอทำแผลให้โดยดี
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เฮอร์ไมโอนี่ทำแผลให้มัลฟอยเสร็จ จึงเดินมานั่งที่ริมลำธาร มัลฟอยเดินตามมา เขาทรุด
ตัวลงนั่งข้างๆเธอ
“ทำไมเธอถึงไม่สมน้ำหน้าฉันเหมือนคนอื่น”เขาถามขึ้นมา
“แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ”เธอย้อน
“เพื่อนเธอคงไม่คิดอย่างเธอ”เขาพูด
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครเขาจะคิดยังไง แต่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่มัวแต่มองว่าจะมีใครหัวเราะเยาะ แต่ฉัน
จะคิดแก้ไขปัญหาที่มันเกิดขึ้น”เธอบอกอย่างมีเหตุผล
“มันแย่มากๆสำหรับฉัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจออะไรที่มันเลวร้ายขนาดนี้”มัลฟอยถอนใจ
“ทุกปัญหามีทางออก มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ไขยังไง แต่ปัญหาทุกอย่างมันต้องใช้เวลา”เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เธอรับฟังปัญหาของฉันได้มั๊ย”เขาตัดสินใจถามขึ้นมา
“ว่ามาสิ”เธอตอบพลางมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ
มัลฟอยเล่าเรื่องทุกอย่างที่เขาเจอมาภายในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ แต่มันช่างเลวร้ายเหลือเกิน ให้เฮอร์ไมโอนี่
ฟัง เธอรับฟังเรื่องราวของเขาอย่างตั้งใจ และให้คำแนะนำเขาเท่าที่เธอจะช่วยได้ มัลฟอยเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาเมื่อได้
ระบายเรื่องนี้ให้ใครซักคนฟัง
“ขอบใจมากนะเกรนเจอร์”เขาพูดขึ้นอย่างขัดเขิน ขณะที่เดินออกมาจากบริเวณลำธารด้วยกัน
“อืม”เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับอย่างเขินๆเช่นกัน
“เออ.. พรุ่งนี้ถ้าเธอว่าง มาพบฉันที่น้ำตกตอนเช้าได้มั๊ย”เขาถาม
“เอ่อ.. ก็ได้”เธอก้มหน้างุดตอบตกลง ทั้งคู่เดินมาถึงต้นไม้ที่เฮอร์ไมโอนี่ผูกม้าทิ้งไว้
“แล้วเจอกันนะ”มัลฟอยบอกหลังจากเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นบนหลังม้าเรียบร้อยแล้ว
“อืม”เธอพึมพำตอบเสียงเบา ก่อนจะบังคับให้ม้าวิ่งออกไป มัลฟอยมองตามไป เขายกมือที่เฮอร์ไมโอนี่พันผ้าไว้ให้ขึ้นมาดู แล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
+++++............................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่4
...............................เช้าวันรุ่งขึ้นมัลฟอยมารอเฮอร์ไมโอนี่ที่น้ำตกแต่เช้า เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทันใดนั้นสายตาเขาก็เหลือบไป
เห็นดอกไม้ซึ่งมีกลีบสีขาวราวกับหิมะ ขึ้นอยู่ตรงโขดหินใกล้ๆกับที่เขายืนอยู่ เขาย่อตัวลงเด็ดดอกไม้ขึ้นมาถือไว้
“เธอจะชอบมันมั๊ยนะ เกรนเจอร์”เขาพึมพำ
“มัลฟอย”เสียงเรียกดังมาจากข้างล่าง มัลฟอยรีบเอาดอกไม้ซ่อนไว้ข้างหลังก่อนจะหันไปมองตามเสียง
แล้วเขาก็พบว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินขึ้นมาหาเขา วันนี้เธอดูสวยน่ารักมาก เฮอร็ไมโอนี่อยู่ในชุดกระโปรงแขน
ตุ๊กตาสีขาว ผมหยิกยาวสลวยของเธอปลิวไปตามแรงลมที่พัด
“ขอโทษนะที่มาช้า ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาเร็วขนาดนี้ รอนานมั๊ย”เธอถามอย่างเขินนิดๆ
“ไม่นานหรอก ฉันก็เพิ่งมาถึง”มัลฟอยบอกเขาดูเก้อเขินเช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นมาถึงที่ๆเขายืนอยู่พอดี
มัลฟอยสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“เอ่อ.. เกรนเจอร์ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะชอบมันรึเปล่า แต่ฉันคิดว่ามันเหมาะกับเธอ”เขายื่นดอกไม้ให้เธอ
“ขอบใจนะ”เธอรับมาอย่างเขินๆ“มันสวยมากเลยล่ะ มันคือดอกอะไรเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้ชื่อมันหรอก ดอกไม้ป่าส่วนมากจะไม่มีชื่อ แต่ฉันตั้งชื่อให้มันว่าโพคาราเฟวา”มัลฟอยพูด
“โพคาราเฟวา ฟังดูแปลกดีนี่ มันแปลว่าอะไรเหรอ”เธอถามอย่างสนใจ
“มันเป็นภาษาเนปาลน่ะ ฉันก็ไม่รู้ความหมายจริงๆหรอก ฉันได้ยินประโยคนี้ ตอนไปเที่ยวที่นั่นน่ะ”เขา
ตอบเลี่ยงๆ แน่นอนว่าเขารู้ความหมายของมัน แต่เขาไม่กล้าพูดออกมาตอนนี้หรอก
“อืม”เธอพยักหน้ารับรู้ พลางเดินขึ้นไปบนโขดหินที่ยื่นออกไปในน้ำตก เธอใช้เท้าเขี่ยน้ำเล่นอย่างสบาย
ใจ“สบายดีจัง”
“น้ำเย็นจะตาย”มัลฟอยพูด
“เย็นๆสิดี มันจะได้ทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจทั้งหมด”เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม
“จริงเหรอ”เขาถาม
“ลองลงมาดูสิ”เธอว่า พร้อมทั้งก้าวเท้าลงไปยืนในน้ำตก มัลฟอยทำตาม เขาลงไปยืนในน้ำตกบ้าง แล้ว
เขาก็พบว่าถึงแม้น้ำจะเย็นจัด แต่จิตใจเขาก็ดูเบาสบายอย่างเหลือเชื่อ“จริงด้วย”มัลฟอยเดินลุยน้ำต่อไปอีก ก่อน
จะนั่งลงบนโขดหินที่โผล่ขึ้นมากลางน้ำ แล้วใช้มือวักน้ำเล่น
“ไม่มาเล่นน้ำด้วยกันเหรอ”เขาถามเมื่อเห็นเธอยังยืนอยู่ที่เดิม
“ถ้าเล่นก็เล่นไม่สนุกสิ มีมือเดียวเนี่ย อีกมือต้องถือดอกไม้อยู่อย่างเงี้ย เสื้อก็ไม่มีกระเป๋าซะด้วยสิ”เธอพูด
พลางมองดอกไม้ในมือ ทำให้มัลฟอยอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นของที่เขาให้สำคัญ
“โธ่ มีวิธีอื่นที่จะเก็บดอกไม้นี่อีกตั้งเยอะ”เขาบอก เมื่อเห็นเธอทำหน้างงๆ มัลฟอยจึงพูดว่า“มานี่สิเดี๋ยว
จะทำให้ดู
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาเขา มัลฟอยหยิบดอกไม้จากมือเฮอร์ไมโอนี่ แล้วทัดให้ที่หูเธอ
คราวนี้หน้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีชมพูเข้ม
“นี่ไงล่ะ”เขาพูด พลางลูบผมเธออย่างแผ่วเบา
“ขอบใจ”เธอบอกเบาๆ มัลฟอยมองเธออย่างอ่อนโยน เฮอร์ไมโอนี่เขินจัดจึงแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่น“แผล
ที่มือเธอเป็นยังไงบ้าง”
“มันเริ่มตกสะเก็ดแล้วล่ะ”เขายกมือข้างที่ลูบผมเธอขึ้นมาดู
“ความจริงความจริงเธอให้พยาบาลที่รีสอร์ทเขาใช้เวยทมนตร์รักษาให้หายสนิทเลยก็ได้นี่”เธอพูด
“ฉันอยากเก็บมันไว้อย่างนี้เองแหล่ะ”มัลฟอยบอก เขายังมองเฮอร์ไมโอนี่ไม่วางตา เธอยิ่งเขินหนักกว่า
เก่า ใช้มือม้วนผมแก้เขิน
“เป็นอะไร ยัยหัวฟู หน้าแดงเชียว”เขาล้อ พลางแกล้งวักน้ำใส่เธอ
“โอ๊ย เดี๋ยวเหอะมัลฟอยเล่นทีเผลอเหรอ นี่แน่ะๆ”เธอวักน้ำใส่เขาบ้าง ทั้งคู่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งเคยเห็นมัลฟอยมีท่าทีอ่อนโยนดูมีความสุขเป็นครั้งแรก มัลฟอยเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อน
หวานน่ารักในตัวเฮอร์ไมโอนี่
“ชักจะหิวขึ้นมาแล้วสิ”เขาพูด เนื้อตัวเปียกมัลฟอยเปียกโชกจากการเล่นน้ำ
“งั้นไปหาผลไม้แถวนี้กินกันมั๊ย เฮ้อ รู้งี้เตรียมของกินมาด้วยดีกว่า”เธอบ่น เฮอร์ไมโอนี่เองก็ดูเปียกปอน
ไม่แพ้มัลฟอย
“ก็ดีเหมือนกัน เอ้า”มัลฟอยส่งเสื้อแจ็คเก็ตของเขาให้“คลุมซะหน่อยก็ดีนะ เสื้อเธอเปียกน้ำแล้วมันดู
บางมากเลยล่ะ”
“ขอบใจย่ะ ไม่บอกซะตอนที่จะกลับเลยล่ะ”เธอรับเสื้อมา แต่ไม่วายค้อน มัลฟอยยิ้มขำๆกับท่าทีของ
เธอ ก่อนจะดึงมือเธอให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาของกินด้วยกัน
หลังจากที่หาอะไรกินใส่ท้องจนอิ่มแปร้กันแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากบริเวณน้ำตก
“ม้าของเธออยู่ไหนล่ะ”เขาถาม เมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เห็นม้าของเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันไม่ได้เอาม้ามาหรอก ก็ใส่กระโปรงนี่จะให้ขี่ม้าได้ยังไงล่ะ”เธอบอก เม่อเห็นมัลฟอยมองมางงๆ
“งั้นฉันไปส่ง”เขาจูงมือเฮอร์ไมโอนี่มาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งม้าของเขาถูกผูกไว้ตรงนั้น
“เชิญครับ คุณผู้หญิง”เขายิ้มล้อๆ เฮอร์ไมโอนี่ปีนขึ้นม้าอย่างลำบากเล็กน้อย เนื่องจากใส่กระโปรงอยู่
โดยมีมัลฟอยคอยประคองเธอไว้กันไม่ให้เธอตกลงมา พอเธอขึ้นนั่งไขว้บนหลังม้าแล้วเรียบร้อย มัลฟอยจึง
ขึ้นตามมา สองมือเขาโอบผ่านตัวเธอเพื่อเลื่อนไปกุมบังเ***ยนม้า ลมหายใจของเขาพ่นรดอยู่ใกล้ๆต้นคอเธอ
หน้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีชมพูเข้มอีกครั้ง มัลฟอยบังคับให้ม้าวิ่งออกไป ตอนนี้ทั้งคู่ดูเหมือนเจ้าชายเจ้าหญิงใน
เทพนิยายซะเหลือเกิน
มัลฟอยขี่ม้ามาส่งเธอ จนถึงบริเวณท้ายไร่องุ่น
“ส่งตรงนี้แหล่ะ เดี๋ยวฉันเดินต่อเอง”เธอบอก มัลฟอยจึงลงจากม้า แล้วรับตัวเฮอร์ไมโอนี่ลงมา
“ขอบคุณนะมัลฟอย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้”เธอพูด สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อืม”เขาพยักหน้าเล็กๆ“เออ.. เกรนเจอร์ พรุ่งนี้ฉันอยากชวนเธอขึ้นไปเที่ยวบนภูเขาด้วยกัน เธอจะ
ไปกับฉันมั๊ย”มัลฟอยถาม เขาหมายถึงภูเขาที่อยู่ติดน้ำตก
“ไปสิ”เธอตอบ หน้าเป็นสีแดงระเรื่อ
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะมารับเธอที่นี่ตอน9โมงเช้านะ”เขาบอก
“อืม แล้วเจอกันนะ”เฮอร์ไมโอนี่พูด มัลฟอยขึ้นคร่อมบนหลังม้า แต่ยังไม่ทันจะควบออกไป
เฮอร์ไมโอนี่ก็เรียกเขาไว้ซะก่อน“มัลฟอย”
“หือ”เขาหันกลับมามอง
“ดอกไม้นี่ ฉันชอบมากเลยล่ะ”เธอเลื่อนมือไปแตะดอกไม้ที่มัลฟอยทัดให้ที่หูเบาๆ“โพคาราเฟวา”
เธอทวนชื่อดอกไม้
“ฉันดีใจที่เธอชอบ ฉันตั้งชื่อให้มันซะยาว เธอยังจำได้อีกเหรอ”มัลฟอยพูดยิ้มๆ
“จำได้สิ ชื่อมันเพราะมากเลยล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ”เธอบอกพลางยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไร่องุ่นไป
“โพคาราเฟวา ดวงตากับความรัก”มัลฟอยพึมพำเบาๆ ขณะที่มองตามเฮอร์ไมโอนี่ไปด้วยสายตาที่อ่อนโยน
+++++........................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่5น
.................................................................................................... เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับมาถึงบ้าน เธอก็ตรงขึ้นห้องนอนทันที เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูเข้าไป ครุกแชงก์
นอนอืดอยู่บนเตียง เธอลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ เฮอร์ไมโอนี่กางสมุดบันทึกออก
แล้วเริ่มต้นเขียนบันทึกลงไป
“เรื่องราวเริ่มต้น ในวันปิดเทอมภาคฤดูร้อนวันหนึ่ง...”
ส่วนมัลฟอยเมื่อเขากลับมาถึงที่พัก เขาก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง รอยยิ้มยังคงไม่หายไปจากใบหน้า เขา
หยิบนาฬิกาที่หัวเตียงขึ้นมาดู
“เดินเร็วๆหน่อยเด่ะ เจ้านาฬิกาแอย”เขาใช้นิ้วเคาะนาฬิกาเบาๆ ก่อนจะวางลงที่เดิม แล้วหลับตาลง
ด้วยสีหน้าเป็นสุข
เฮอร์ไมโอนี่เขียนบันทึกเสร็จแล้ว เธอหยิบดอกไม้ที่มัลฟอยทัดให้ที่หู มาวางลงกลางหน้าสมุดบันทึก
แล้วปิดสมุด เออร์ไมโอนี่ใช้หนังสือหนักๆอีกหลายเล่มวางทับสมุดบันทึกไว้อีกที เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่
มัลฟอยให้ยืมคลุมออก แล้วเอาไปแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อ
“เข้าใจเลือกดีนี่”เธอมองเสื้อแล้วนึกไปถึงหน้าเจ้าของ
“เฮอร์ไมโอนี่”เสียงป้าโซเฟียเรียกจากข้างล่าง”พ่อโทรมาจ้ะ”
“ลงไปเดี๋ยวนี้แหล่ะค่ะ”เธอตะโกนตอบ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป แต่ก็ไม่วายหันมามองเสื้อของ
มัลฟอยอีกครั้ง
+++++..................................................................+++++
เช้าวันรุ่งขึ้น มัลฟอยกำลังจะออกไปรับเฮอร์ไมโอนี่ตามนัด ระหว่างทางที่เขาเดินร้านขายของที่รีสอร์ท
เขาก็สะดุดตากับของสิ่งหนึ่งซึ่งตั้งโชว์อยู่ในร้านขายเครื่องประดับ มันคือจี้รูปหัวใจล้อมด้วยดาวครึ่งซีก
ตรงกลางหัวใจทำมาจากพลอยสีกุหลาบ ส่วนตัวดาวทำมาจากเพชรเม็ดเล็กๆ
“สนใจสินค้าชิ้นไหน สอบถามได้นะคะ”เจ้าของร้านออกมาต้อนรับ
“สร้อยเส้นนี่น่ะครับ”เขาชี้มือไปที่จี้รูปหัวใจ คนขายจึงหยิบออกมาจากตู้โชว์ แล้วส่งให้มัลฟอย
“มันชื่อหัวใจแห่งดวงดาวค่ะ ตรงกลางทำมาจากพลอยกุหลาบที่สกัดมาจากหยดน้ำปลายกลีบ
กุหลาบเจราเนียม ส่วนเพชรเม็ดเล็กๆนี่ได้มาจากเกล็ดน้ำตาของดวงดาวค่ะ ชาวเนปาลมีความเชื่อว่าหาก
ชายคนใดมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับผู้หญิงที่เขารักแล้ว อานุภาพของพลอยกุหลาบกับเกล็ดน้ำตาแห่งดวงดาว
ก็จะทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”คนขายเล่าให้เขาฟังด้วยสีหน้าซึ้งๆ
“งั้นผมเอาเส้นนี้แหล่ะ เท่าไหร่ครับ”เขาตัดสินใจ
“9เกลเลียนกับ14ซิกเกิ้ลจ้ะ”เธอบอก มัลฟอยส่งเงินให้เธอ
“ซื้อให้แฟนเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่ม”เธอถาม
“เอ่อ..”มัลฟอยตอบไม่ถูกเหมือนกัน ว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นใครสำหรับเขาในตอนนี้“ก็ไม่เชิงครับ”
“อืม เหรอจ๊ะ”คนขายผงกหัวเล็กน้อย
“ไปนะครับ”มัลฟอยบอกก่อนจะเดินออกจากร้านไป
“โชคดีนะจ๊ะ”เธอพูดไล่หลัง
มัลฟอยหย่อนสร้อยที่เขาซื้อมาลงกระเป๋าเสื้อ เขายกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
“ตายล่ะ เก้าโมงสี่นาที ป่านนี้ยัยหัวฟูคงมารอละ”มัลฟอยวิ่งออกไปทันที เมื่อไปถึงเขาก็พบว่า
เฮอร์ไมโอนี่ยืนรออยู่พอดี
“โทษทีที่มาช้า รอนานมั๊ย”เขาถาม
“ไม่นานหรอก แป๊บเดียวเอง นอนตื่นสายล่ะสิ”เธอพูดล้อๆ
“ก็ประมาณนั้น”มัลฟอยบอก เรื่องอะไรเขาจะบอกเธอตามความจริงล่ะ ว่าเขาไปทำอะไรมา ถึง
ได้มาช้า
“อ่ะ เสื้อที่เธอให้ยืมเมื่อวาน”เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสื้อคืนให้ มัลฟอยรับมา แล้วยกขี้นดม
“ซักให้แล้วย่ะ”เธอค้อน มัลฟอยหัวเราะ ก่อนจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตทับเสื้อยืดอีกที
“ไปกันรึยัง”เขาถาม
“ไปสิ แล้วม้าของเธอล่ะ”เธอมองไปรอบๆไม่เห็นม้าของมัลฟอย
“เมี่อคืนมันไม่ค่อยสบายน่ะ ฉันเลยฝากให้ที่คอกม้าเขาดูแลให้ เธอก็เอาม้าของเธอมานี่ ฉันขี่ไป
ด้วยได้ป่ะ”เขาแกล้งถามซื่อๆ เขาจงใจไม่เอาม้ามาเองแหล่ะ เหตุผลก็เพราะเขาอยากขี่ม้าตัวเดียวกับเธอนี่
“ไม่ให้ขี่ ให้เดินไปเอง”เธอแกล้งตีหน้าดุ
“ใจร้ายจัง”มัลฟอยทำหน้าจ๋อย
“ล้อเล่นน่า”เธอรีบพูด“เมื่อวานนายเป็นคนขี่ วันนี้ตาฉันบ้างนะ”
“อืม”มัลฟอยยิ้ม เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นบนหลังม้าก่อน แล้วมัลฟอยจึงตามขึ้นไป
“เกาะดีๆล่ะ”เธอบอก มัลฟอยจึงโอบเอวเธอไว้แน่น“ไม่ต้องแน่นขนาดนั้นก็ได้”เธอหน้าแดง
“ไม่แน่นได้ไง ถ้าฉันตกไปจะว่าใครล่ะ”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ เฮอร์ไมโอนี่หมั่นไส้จึงแกล้งกระตุกม้าออกตัว
แรงๆ ทำเอามัลฟอยเกือบหงายหลัง
เฮอร์ไมโอนี่ขี่ม้ามาจนถึงบริเวณเชิงเขา
“หยุดตรงนี้ล่ะ”มัลฟอยบอก
“ทำไมล่ะ”เธอถามงงๆ
“เดินขึ้นไปสนุกกว่า”มัลฟอยลงจากหลังม้า
“ภูเขาออกสูง กว่าจะเดินขึ้นไปถึงข้างบน ไม่เหนื่อยแย่เหรอ”เธอว่า แต่ก็ลงจากม้าตามมัลฟอย
“ไม่หรอก เดี๋ยวเล่านิทานให้ฟังระหว่างทาง”เขาพูด
“นิทานอะไรเหรอ”เธอถาม ขณะที่ผูกม้าไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง
“เดินขึ้นไปกันก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”มัลฟอยบอก เฮอร์ไมโอนี่ผูกม้าเสร็จพอดี ทั้งคู่เดินขึ้นภูเขา
ไปด้วยกัน
“นิทานอะไรอ่ะมัลฟอย เล่าให้ฟังหน่อยสิ”เธอหันไปถามเขา
“ขี้เกียจเล่าแล้ว”เขาแกล้งผิวปาก
“ขี้โกง เธอสัญญาแล้วนะ ว่าเดินขึ้นเขามาแล้วจะเล่าให้ฟัง”เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ
“โธ่ อย่าเพิ่งงอนสิ อยากฟังขนาดนั้นเลย เล่าให้ฟังก็ได้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานมากกกก”
เขาลากเสียง
“อย่านานจนจำไม่ได้นะ”เธอดักคอ
“จำได้น่า”เขายิ้มอ่อยๆ เมื่อโดนรู้ทัน ก่อนจะเล่าต่อ“มีเจ้าชายอยู่องค์หนึ่งชื่อคาร์ลกับเจ้าหญิงอีก
องค์หนึ่งชื่อไอรีน อาณาจักรของทั้งสองอยู่ติดกันโดยมีภูเขาลูกหนึ่งคั่นกลางระหว่างอาณาจักร วันหนึ่งทั้ง
คู่ได้ขึ้นมาเจอกันบนภูเขา ทั้งสองต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกันทันที เจ้าชายกับเจ้าหญิงจึงแอบขึ้นมาบน
ภูเขาบ่อยๆเพื่อที่จะได้พบกัน ต่อมาเรื่องราวได้รู้ไปถึงกษัตริย์ผู้เป็นบิดาของเจ้าชายคาร์ล พระราชาโกรธ
มาก เพราะทั้งสองอาณาจักรไม่ถูกกัน ทั้งคู่จึงถูกแยกจากกัน เจ้าหญิงไอรีนถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้าชาย
คนอื่น แต่เจ้าหญิงหนีการแต่งงานขึ้นไปซ่อนตัวบนภูเขา และได้ให้นางกำนัลลักลอบไปส่งข่าวถึงเจ้าชาย
คาร์ล แต่เจ้าชายถูกพระบิดาบังคับให้นำกองทัพออกไปรบ เจ้าหญิงไอรีนจึงรอเจ้าชายอยู่บนภูเขาท่าม
กลางความหนาวเย็นของอากาศในฤดูหนาว เมื่อเจ้าชายกลับมาและทราบข่าว ก็รีบไปหาเจ้าหญิงทันที
แต่ทว่า เมื่อเจ้าชายไปถึงก็สายไปเสียแล้ว เจ้าหญิงไอรีนกำลังจะสิ้นใจ เพราะทนอากาศที่หนาวเย็นไม่ไหว
เจ้าชายคาร์ลบอกรักเจ้าหญิงไอรีนทันลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเจ้าหญิงพอดี เมื่อเห็นผู้หญิงที่ตนรักจาก
ไป เจ้าชายเสียใจมากจึงตัดสินใจปลิดชีพตนเองตายตามเจ้าหญิงไป ร่างของทั้งสองถูกพายุหิมะถล่มทับ
เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป ฤดูใบไม้ผลิเข้ามาแทนที่ ตรงบริเวณที่เจ้าชายกับเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ กลับไม่มี
ร่างของทั้งสอง แต่มีดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่งขึ้นมาตรงนั้นแทน ดอกไม้นั่น..”มัลฟอยหยุดเล่า เมื่อ
เห็นเฮอร์ไมโอนี่น้ำตาคลอ“นี่เธอร้องไห้เหรอ”
“ก็.. ก็มันซึ้งนี่ ต่อสิมัลฟอยดอกไม้นั่น มันคือดอกอะไร”เธอยกมือปาดน้ำตา
“เอ่อ.. ฉันจำชื่อมันไม่ได้แล้วอ่ะ”เขายิ้มแห้งๆ
“โธ่ มัลฟอย อีตาบ้า ดันมาตกม้าตายตอนจบ”เธอโวยวาย
“แหม อุตส่าห์เล่ามาตั้งนาน ลืมนิดหน่อยอย่าว่ากันสิ”มัลฟอยว่า ทำไมเขาจะจำชื่อดอกไม้นั่นไม่
ได้ล่ะ ในเมื่อเขาเพิ่งใช้ตั้งชื่อดอกไม้ที่เขาเก็บให้เฮอร์ไมโอนี่เมื่อวาน แต่เขายังไม่บอกเธอตอนนี้หรอก
“เอาเหอะ ว้าว”เฮอร์ไมโอนี่ร้อง เธอเพิ่งสังเกตว่าเธอกับมัลฟอยเดินขึ้นมาถึงบนยอดเขาแล้ว“ยอด
ไปเลย”เธอมองไปรอบๆ
“ชอบใช่มั๊ยล่ะ”มัลฟอยถาม เขาสูดอากาศบนภูเขาเข้าไปเต็มปอด
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปยืนตรงริมหน้าผา”ที่นี่สวยจัง เธอเข้าใจเลือกที่เที่ยวนี่”
“แน่นอนอยู่แล้ว”เขาพูดพลางเก๊กหล่อ
“หมั่นไส้”เธอเบ้ปาก
“นี่ถ้าเป็นตอนกลางคืน จะสวยกว่านี้อีก มีดาวเต็มท้องฟ้าเลย”มัลฟอยเดินมายืนข้างๆเฮอร์ไมโอนี่
“เธอเคยขึ้นมาบนนี้มั๊ย”เธอถาม
“เคยสิ ตอนฉันมาอยู่ที่นี่แรกๆ ฉันขึ้นมาทุกวันเลย บางที่ก็อยู่บนนี้ทั้งวันทั้งคืน”เขาเล่า
“หิวละ กินนี่มั๊ย”เธอชูตะกร้าอาหารที่ถือขึ้นมาให้ดู“เค้กองุ่น กับพายองุ่น ฉันทำเอง”
“จะท้องเสียมั๊ยเนี่ย”เขาแกล้งพูด
“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องกิน”เธอค้อน เดินกลับมานั่งที่พื้นหญ้า
“ล้อเล่นนิดเดียว ทำงอนไปได้”เขาเดินตามมา นั่งลงใกล้ๆเธอ
“ไหนดูซิ มีอะไรกินบ้าง”เขายื่นหน้าเข้าไปดู หยิบเค้กขึ้นมากัดคำนึง“อร่อยดีนี่”เขาชม ทำเอา
เฮอร์ไมโอนี่เป็นปลื้ม แล้วทั้งคู่ก็กินอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย
“ชิ้นสุดท้าย”เธอพูดพลางหยิบพายองุ่นขึ้นมา มัลฟอยอ้าปาก
“เรื่อง อยากได้ก็ตามมาเอาสิ”ว่าแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกขึ้น แล้ววิ่งไปอีกทาง มัลฟอยรีบลุกขึ้นวิ่ง
ตาม ทั้งคู่วิ่งไล่กันจนเหนื่อย เฮอร์ไมโอนี่จึงนั่งลงบนพื้น
“โอย เหนื่อยไม่ไหวแล้ว ไม่กินแล้วก็ได้”มัลฟอยหอบแฮ่ก ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ
“อ่ะ ให้กิน เห็นว่าวิ่งเหนื่อยนะนี่”เธอยื่นพายองุ่นให้
“ป้อนให้หน่อยสิ วิ่งซะเหนื่อย ไม่มีแรงหยิบกินแล้ว”มัลฟอยพูดอ้าปาก เฮอร์ไมโอนี่ค้อนอย่าง
หมั่นไส้ แต่ก็ยอมป้อนให้
“พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หลับซักงีบนะ”พูดจบมัลฟอยก็ล้มตัวลงนอนบนตักเธอ
“จริงๆเลยนะนายนี่”เธอว่า แต่มัลฟอยหลับเสียแล้ว แถมยังเอามือเธอไปกุมไว้อีก เฮอร์ไมโอนี่
จึงพิงต้นไม้ที่อยู่แถวนั้นแล้วหลับไปเช่นกัน
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่ามัลฟอยหายไป
“มัลฟอยหายไปไหนเนี่ย”เธอพึมพำขณะลุกขึ้นยืน“มัลฟอย มัลฟอย นายอยู่ไหน”เธอตะโกน
เรียก ทันใดนั้น ก็มีมือๆหนึ่งวางอะไรบางอย่างลงบนศีรษะเธอ เฮอร์ไมโอนี่ หันไปมองก็พบว่ามัลฟอย
ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
“อะไรน่ะ”เธอยกมือขึ้นคลำบนศีรษะก็พบว่าเป็นมงกุฎดอกไม้
“ฉันตื่นมาแล้วเห็นเธอยังหลับอยู่น่ะ ก็เลยไปเดินเล่น เห็นดอกไม้สวยดีก็เลยลองเอามาร้อยดู แต่
มันไม่สวยมากหรอก”เขาบอก เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ยิ้มเขิน
“เธอนี่ ช่างประดิดประดอยเหมือนกันนะ ตอนแรกฉันนึกว่าเธอจะทำอะไรอย่างนี้ไม่เป็นซะอีก”
เธอพูดขณะที่เดินลงมาจากภูเขาด้วยกัน
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ”เขาถาม
“ตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนนี้ฉันว่าเธอทำอะไรได้อีกเยอะเลยล่ะ เพียงแต่ฉันยังไม่เห็นมันเท่านั้น”
ทั้งคู่เดินลงมาถึงตรงเชิงเขา ที่เฮอร์ไมโอนี่ผูกม้าทิ้งไว้พอดี
“เธอกลับไปก่อนนะ ฉันขออยู่ที่นี่ต่ออีกซักพัก”มัลฟอยบอก
“อ้าว ทำไมล่ะ”เธอร้องออกมางงๆ
“เหอะน่า เออ..เกรนเจอร์ คืนนี้เธอมาพบฉันที่นี่ตอนค่ำๆได้มั๊ย”เขาถาม“ฉันมีอะไรจะให้เธอดู”
“ก็ได้”เธอตอบตกลง
“งั้นตอนหัวค่ำเธอไปที่รีสอร์ทนะ บอกกับพนักงานที่เคาท์เตอร์ว่านัดกับฉันไว้ แล้วเขาจะให้รถม้า
มาส่งเธอที่เชิงเขา ฉันจะรอเธออยู่ที่นี่ตกลงมั๊ย”เขาอธิบาย
“อืม”เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับรู้ แล้วจึงปีนขึ้นไปบนหลังม้า
“แล้วเจอกันคืนนี้”เขาบอก เธอยิ้มให้เขา ก่อนจะบังคับให้ม้าวิ่งออกไป
+++++.......................................................+++++
ในตอนหัวค่ำเฮอร์ไมโอนี่มาที่รีสอร์ท ตามที่มัลฟอยบอก เธอบอกกับป้าโซเฟียไปว่าเพื่อนที่พักอยู่ที่
โรงแรมชวนเธอไปงานเลี้ยงที่นั่น ทางรีสอร์ทเชิญเธอขึ้นนั่งบนรถม้าสีเงินคันหรู โดยมีม้าที่มองไม่เห็น
(พวกเธสตรอลน่ะแหล่ะ)ขับลากออกไป รถม้าพาเธอมาถึงบริเวณเชิงเขา เธอมองผ่านหน้าต่างออกไปก็
พบมัลฟอยยืนคอยเธออยู่ พอรถม้าหยุด มัลฟอยเดินมาเปิดประตูให้ พร้อมทั้งยื่นมือให้เธอ
“เชิญครับ เจ้าหญิง”เขายิ้ม เฮอร์ไมโอนี่เขินหน้าแดง แต่ก็ส่งมือให้เขา เธอลงจากรถม้าแล้วเดิน
ขึ้นภูเขาไปพร้อมมัลฟอย
“ปิดตาก่อน”เขาบอก เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมให้เขาใช้ผ้าปิดตาเธอ
มัลฟอยจูงมือเธอเดินขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วจู่ๆเขาก็หยุดเดิน แกะผ้าผูกตาเธอออก แล้วกระซิบข้างๆหูเธอว่า
“ลืมตาได้แล้ว”
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้น เธอก็พบว่ามัลฟอยพาเธอขึ้นมาถึงบนยอดเขาแล้ว บนยอดเขาสว่างไสว
ไปด้วยแสงจากเทียนเล่มเล็กๆจำนวนหลายร้อยเล่มที่จุดไว้รอบๆ ดวงดาวบนท้องฟ้าทอประกายสดใส
“สวยจังเลย มัลฟอย”เธออุทาน“ดาวเต็มฟ้าเลย”
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้มั๊ยครับ เจ้าหญิงเฮอร์ไมโอนี่”เขาเรียกชื่อเล่นเธอพลางโค้งให้
“ได้สิคะ เจ้าชายเดรโก”เธอย่อตัว แล้วเรียกชื่อเล่นเขาเช่นกัน
ทั้งสองเต้นรำกันภายใต้แสงดาวจากฟากฟ้าอย่างมีความสุข เวลาผ่านไป ทั้งคู่หยุดเต้นรำแล้วมานั่ง
ดูดาวด้วยกัน
“นั่นกลุ่มดาวรูปหัวใจนี่”มัลฟอยชี้มือไปบนฟ้าอีกด้านหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่จึงหันไปดู
“ไหนอ่ะ ไม่เห็นมีเลย”เธอมองหา
“อยู่นั่นไง”เขาพูด มือแอบหยิบจี้ขึ้นมา
“ไม่เห็นจะมีซักดวง”เธอบอก “มีสิ นี่ไง”มัลฟอยสวมจี้ให้ที่คอเฮอร์ไมโอนี่“หัวใจแห่งดวงดาว
ฉันให้เธอ”เขากระซิบเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองดูสร้อย”มัลฟอย ฉัน..”เธอพูดไม่ออก
“เรียกเดรโกสิ”เขาบอกอย่างอ่อนโยน
“เดรโก ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ”เธอโผเข้ากอดเขา เขากอดเธอตอบ
“สวมมันไว้อย่างนี้ อย่าถอดมันออกนะ”เขามองตาเธออย่างมีความหมาย เฮอร์ไมโอนี่พยัก
หน้าแทนคำตอบ มัลฟอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจุมพิตเธอ เฮอร์ไมโอนี่หลับตาพริ้มยกมือขึ้น
โอบรอบคอมัลฟอย ทั้งจูบกันภายใต้แสงดาวจากฟากฟ้าที่ทอประกายระยิบระยับ
เลยเที่ยงคืนไปแล้ว มัลฟอยขี่ม้ามาส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าบ้านป้าโซเฟีย เขาลงจากม้าก่อนจะหัน
ไปรับตัวเฮอร์ไมโอนี่ลงมาจากม้า
“คืนนี้ฉันมีความสุขที่สุด ฉันจะจดจำมันตลอดไป”เธอบอกพลางเอามือกุมจี้
“ฉันก็จะไม่ลืมมันเช่นกัน”มัลฟอยลูบผมเธออย่างอ่อนโยน”ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ ขอให้ฝันดีเช่นกัน”เธอบอกเบาๆ มัลฟอยโน้มตังลงมาจุมพิตที่หน้าผากเธอ
“ฝันถึงฉันบ้างนะ”เขาพูด ก่อนจะขึ้นขี่บนหลังม้าแล้วบังคับให้วิ่งออกไป เฮอร์ไมโอนี่มอง
ตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
+++++.................................................+++++
เช้าวันรุ่งขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ตื่นแต่เช้า เธอเข้ามาทำขนมในครัว พลางฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี
“อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะจ๊ะ”ป้าโซเฟียทัก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า”เธอยิ้ม
“ตื่นแต่เช้าเชียว วันนี้ป้านึกว่าหลานจะตื่นสายซะอีก แล้วเมื่อคืนหนูกลับมาดึกมั๊ยลูก แล้ว
ใครมาส่ง”ป้าโซเฟียถาม
“ก็ราวๆเที่ยงคืนน่ะค่ะป้า เพื่อนมาส่ง”เธอพูดพลางแบ่งเค้กใส่กล่อง
“เค้กน่ากินเชียว เดี๋ยวนี้ทำเก่งแล้วนี่”ป้าชม
“ขอบคุณค่ะ หนูแบ่งไว้ให้ป้าแล้วค่ะ ส่วนนี่หนูขอเอาไปให้เพื่อนนะคะ”เฮอร์ไมโอนี่บอก
“ตามสบายจ้ะ แล้วหนูไม่ทานอาหารด้วยกันก่อนเหรอลูก”ป้าถาม เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่
เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก
“วันนี้ไม่ล่ะค่ะ หนูนัดเพื่อนไว้ ไปนะคะ”เธอหอมแก้มป้าโซเฟียฟอดใหญ่ก่อนจะเดินออก
ไปอย่างร่าเริง
“พักนี้หลานสาวฉันเป็นอะไรไปนะ”ป้ามองตามงงๆ
+++++......................................................+++++
เฮอร์ไมโอนี่เดินถือกล่องเค้กเข้ามาที่รีสอร์ท เธอเดินไปที่เคาท์เตอร์
“มาพบคุณเดรโก มัลฟอยค่ะ”เธอบอกกับพนักงาน
“คุณมัลฟอยเหรอคะ เอ..คุณมัลฟอยเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ไปตั้งแต่ตี5แล้วนี่คะ”เธอพูด
“อะไรนะคะ”เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ มันจะ เป็นไปได้ยังไง
“คุณมัลฟอยเดินทางออกไปจากที่นี่แล้วล่ะค่ะ คุณนายมัลฟอยเธอมารับลูกชายเธอไปตอน
ตี5น่ะค่ะ”พนักงานบอก
“ขอบคุณมากนะคะ”เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากเคาท์เตอร์ด้วยสีหน้าซีดเผือด มัลฟอยไป
แล้ว เขาไปโดยไม่บอกลาเธอซักคำ
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเรียกคุ้นหูดังมาจากข้างหลังเธอ”เฮอร์ไมโอนี่”เธอหันไปมองก็พบว่า
แฮร์รี่กับรอนกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ
“ดีใจจังที่เจอเธอที่นี่ เห็นเนวิลล์บอกว่าเธอพักอยู่กับป้าที่ไร่องุ่น ฉันกับรอนเลยว่าจะไป
หาเธออยู่พอดี”แฮร์รี่บอก
“หวัดดี แฮร์รี่ รอน”เธอทักทายเพื่อน สีหน้าเธอยังไม่หายเบลอจากเรื่องมัลฟอย
“กล่องอะไรน่ะ”รอนถาม
“เค้กองุ่นน่ะ”เธอบอก
“ดีเลย ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเลย เธอนี่เป็นเพื่อนที่น่ารักจัง รู้ว่าเราพักอยู่ที่นี่ แล้วยังอุตส่าห์
หอบเค้กมาให้กินอีก”รอนลิงโลด
“ไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมทะเลสาบดีมั๊ย พวกเนวิลล์อยู่ที่นั่นน่ะ จินนี่ก็อยู่ด้วย”แฮร์รี่บอก
“ไปสิ”เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ทั้ง3เดินไปด้วยกัน แฮร์รี่กับรอนดูท่าทางมีความสุขที่ได้อยู่กัน
อย่างพร้อมหน้า ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเศร้าใจกับเรื่องมัลฟอย
+++++.....................................................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่6
....................................................................................................2อาทิตย์ต่อมา แฮร์รี่ รอน เนวิลล์ ดีน จินนี่ ปาราวตี และปัทมา กำลังพายเรือแคนูกันอยู่ในทะเลสาบที่horse and greenview town เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ลงไปร่วมสนุกกับพวกเพื่อนๆ เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลา แม้ในมือเธอจะกางหนังสือ แต่จิตใจเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับหนังสือเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังเฝ้าคิดถึงมัลฟอยอยู่ นี่ก็เป็นเวลาร่วม2อาทิตย์แล้วที่เขาหายเงียบไป เธอไม่ได้รับข่าวคราวหรือการติดต่อจากเขาเลย ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นทุกข์มาตลอด2อาทิตย์ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะได้อยู่กับเพื่อนๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้เธอหายเศร้าใจไปได้เลยในใจเธอคิดถึงแต่มัลฟอย พอนึกมาถึงตอนนี้ น้ำตาเธอก็เริ่มคลอเบ้า ก่อนจะหยดลงบนหนังสือที่กางไว้บนตัก
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรน่ะ ร้องไห้ทำไม”แฮร์รี่ถามอย่างตกใจเมื่อขึ้นมาบนฝั่งแล้ว
เห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งร้องไห้อยู่
“เปล่านี่”เธอรีบเช็ดน้ำตา“หนังสือเล่มนี้มันเศร้าน่ะ ฉันเลยร้องไห้”
“หนังสือพันธุ์พืชในป่าต้องห้ามจากทุกมุมโลกเนี่ยนะ อ่านแล้วร้องไห้”รอนมองเธอ
ด้วยความงงสุดขีด
“ก็..ก็ฉันเศร้าของฉันนี่ ฉันรู้สึกปวดหัวน่ะ ขอตัวกลับก่อนนะ”เธอบอกเพื่อนๆ ก่อน
จะปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินแกมวิ่งออกจากศาลาไป เพื่อนๆมองตามด้วยความงง
“เฮอร์ไมโอนี่ เขาเป็นอะไรของเขานะ”เนวิลล์พึมพำ เพื่อนๆอีก6คนพ่กันส่ายหน้าเป็น
เชิงว่าไม้รู้ รอนกับแฮร์รี่สบตากันอย่างไม่สบายใจ
เฮอร์ไมโอนี่กลับมาถึงบ้าน ก็วิ่งขึ้นห้อง เมื่อถึงห้องนอน เธอก็ทิ้งตังลงบนเตียงร้องไห้
สะอึกสะอื้น
“มัลฟอย ฮือ.. เธออยู่ไหน ทำไมเธอไปโดยไม่บอกฉันซักคำ ทำไม ฮือ.. มัลฟอย”เธอ
สะอื้นซบหน้าลงกับหมอน ร้องไห้จนตัวโยน
ไม่กี่วันต่อมานายเกรนเจอร์ก็มารับตัวลูกสาวที่บ้านป้าโซเฟีย
“หนูไปแล้ว ป้าคงจะเหงาน่าดู”ป้าพูดขณะที่กอดเฮอร์ไมโอนี่
“หนูคงคิดถึงป้ามาก แล้วหนูจะโทรมาหานะคะ”เธอบอก
“จ้ะ ป้าจะรอ”ป้าโซเฟียลูบผมหลานสาว
“ขอบคุณมากนะฮะพี่โซเฟีย ที่ช่วยดูแลเฮอร์ไมโอนี่ให้”นายเกรนเจอร์บอกกับพี่สาว
“ไม่เป็นไรจ้ะ ว่างๆมาเยี่ยมพี่บ้างนะ”ป้าโซเฟียพูด
“ฮะพี่ ผมไปนะครับ”นายเกรนเจอร์ร่ำลา ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป เฮอร์ไมโอนี่
หันมาโบกมือให้ป้าโซเฟียจนลับตา รถแล่นผ่านน้ำตกverdantและภูเขา เฮอร์ไมโอนี่นึกถึง
ความทรงจำดีๆระหว่งเธอกับมัลฟอยที่นั่น เฮอร์ไมโอนี่น้ำตารื้นขึ้นมาอีก
+++++........................................................+++++
วันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่มารอแฮร์รี่กับรอนที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว เธอนัดกับเพื่อนทั้งสองไว้ว่า
จะไปซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนที่ตรอกไดแอกอนด้วยกัน เธอเริ่มทำใจเรื่องมัลฟอยได้
บ้างแล้ว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าอีกไม่กี่วันเธอก็จะได้เจอมัลฟอยที่โรงเรียน ซึ่งเธอหวังว่าเขาคงจะ
บอกเหตุผลเธอว่าทำไมเขาถึงเงียบหายไป ไม่นานนักแฮร์รี่กับรอนก็เดินเข้ามาในร้าน
“หวัดดีแฮร์รี่ รอน”เธอทักทายเพื่อนทั้งสอง
“หวัดดีเฮอร์ไมโอนี่ รอพวกเรานานมั๊ย”แฮร์รี่ถามขณะที่เขากับรอนนั่งลงที่โต๊ะ
“ไม่นานหรอก นั่งทานอะไรไปพลางๆน่ะ จินนี่ล่ะรอน”เธอถามเมื่อมองไม่เห็นจินนี่
“เขาไปกับดีนน่ะ เธอรู้มั๊ยว่าหลังจากที่เธอกลับจากบ้านป้าเธอ 2คนนี้เขาก็ตกลงเป็น
แฟนกัน”รอนเล่า
“จริงเหรอ ก็ดีนี่ ฉันว่าดีนเขาก็นิสัยใช้ได้นะ”เฮอร์ไมโอนี่พูด
“นั่นสินะ ไปกันยัง ฉันอยากทานไอศกรีมซันเดย์ของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิว ใจจะขาด
อยู่แล้ว”รอนบอก แล้วทั้ง3คนก็ลุกจากเก้าอี้ เดินไปที่ลานหลังร้านเพื่อเข้าสู่ตรอกไดแอกอน
ตรอกไดแอกอนวันนี้ดูแน่นขนัดเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทั้ง3พบ
เพื่อนนักเรียนที่ฮอกวอตส์หลายคนที่มาซื้อของเช่นกัน
“หนังสือพวกนี้นี่หนักเป็นบ้าเลย”รอนบ่นขณะที่หอบถุงหนังสือถุงใหญ่ออกมาจาก
ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก
“อย่าบ่นเลยน่ารอน เฮอร์ไมโอนี่เขาถือหนักกว่านายอีก เขายังไม่เห็นบ่นอะไรเลย”
แฮร์รี่พยักเพยิดไปทางเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งถือถุงหนังสือขนาดใหญ่กว่าพวกเขาเต็ม2มือ เธอกำลัง
มองหามัลฟอยอยู่ เธอจะมีโอกาสเจอเขาที่นี่มั๊ยนะ
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอมองหาอะไรเหรอ”รอนถามเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังกวาดตามอง
ไปรอบๆ
“อ๋อเปล่า ฉันแค่มองๆดูน่ะ ว่าฉันจะต้องเข้าไปหาซื้ออะไรที่ร้านไหนอีกมั๊ย”เธอรีบ
พูดอย่างรวดเร็ว
ทั้ง3เดินผ่านร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น
“ฉันว่าฉันเข้าไปดูเสื้อคลุมข้างในซักหน่อยดีกว่า เสื้อคลุมฉันมันเริ่มสั้นขึ้นหลายนิ้ว
แล้ว”เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางมองเข้าไปในร้าน
“งั้นเธอเข้าไปก่อนละกัน ฉันกับแฮร์รี่ขอแวะไปหาเฟร็ดกับจอร์จที่ร้านเกมกลวิเศษ
วีสลีย์หน่อย ดูซิว่าจะมีอะไรใหม่ๆให้เอาไปทดลองเล่นที่ฮอกวอตส์บ้าง เอ่อ ฉันไม่ได้หมาย
ความว่าอย่างนั้น เราแค่แวะไปดูเฉยๆน่ะ”รอนรีบบอกเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ตาเขียว
“แล้วไป ฉันรอที่นี่นะ”เธอบอกก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้าน
มาดามมัลกิ้นกำลังวัดขนาดตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่บนแป้น
“ฮอกวอตส์ใช่มั๊ยจ๊ะ”เธอหันมาถามเฮอร์ไมโอนี่
“ค่ะ”เธอพยักหน้า
“นั่งรอก่อนนะจ๊ะ”มาดามมัลกิ้นบอกก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน เฮอร์ไมโอนี่จึงนั่ง
ลงที่เก้าอี้สำหรับรอ ผู้หญิงที่ยืนอยู่บนแป้นหันหน้ามา แพนซี่ พาร์กินสันนั่นเอง
“อุ๊ย หวัดดีเกรนเจอร์”เธอทักด้วยที่น้ำเสียงสุภาพผิดปกติ
“หวัดดี พาร์กินสัน”เธอแปลกใจ แต่ก็ทักตอบตามมารยาท
“เธอมาคนเดียวเหรอ แล้วพอตเตอร์ล่ะ”แพนซี่ถามตาเป็นประกายสดใส(ซึ่งไม่ได้ทำ
ให้เธอดูดีขึ้นมาเลย
“ไปซื้อของกับรอนน่ะ”เธอตอบ
“เอ่อนี่ ได้ข่าวว่าพอตเตอร์เลิกกับแชงแล้วเหรอ”แพนซี่ลงจากแป้นเดินมานั่งข้างๆเธอ
“คงจะอย่างงั้นมั้ง”เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอดูงงๆที่เมื่อเห็นแพนซี่ดีผิดปกติ
“ดีแล้วล่ะ ยัยแชงไม่เหมาะสมกับพอตเตอร์เลยซักนิด แล้วพอตเตอร์มีแฟนใหม่รึยัง”
แพนซี่ถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ยังไม่มีนี่ เธอถามทำไมเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ถามงง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อแพนซี่คว้ามือ
เธอขึ้นมากุม
“เกรนเจอร์ อืม..คือ ฉันรู้ว่าฉันเคยทำไม่ดีกับเธอไว้เยอะ ฉันขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้ว
จริงๆ เธอยกโทษให้ฉันได้มั๊ย”แพนซี่พูดอย่างสำนึกผิดมองเธออย่างวิงวอน
“เอ่อ ก็ได้”เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่หายตกใจพลางนึกในใจ“พาร์กินสันเป็นอะไรมากป่ะ”
“จริงๆนะ งั้นต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนกันนะ”เธอเขย่ามือเฮอร์ไมโอนี่ที่พยักหน้าหงึกๆ
อย่างดีใจ“ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว เธอช่วยอะไรฉันซักเรื่องได้มั๊ย”แพนซี่ทำตาปริบๆ
(ซึ่งดูคล้ายกิ้งก่าซาลาแมนเดอร์กำลังขับถ่าย)
“เรื่องอะไรเหรอ”เธอถาม
“ก็เรื่องพอตเตอร์น่ะ ฉันคิดว่าฉันหลงรักเขาเข้าแน่ะ เขาทั้งเท่ทั้งป๊อปปูล่าร์”แพนซี่
เริ่มเพ้อ
ใช่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่นึกขึ้นมาได้ แพนซี่สนิทกับมัลฟอยนี่ ถ้าลองเลียบๆเคียงๆถามดูน่า
จะได้เรื่องบ้าง
“แล้วมัลฟอยล่ะ ฉันนึกว่าเธอชอบเขาเสียอีก”เฮอร์ไมโอนี่พูดหยั่งเชิง
“มัลฟอย เชอะ ไอ้คนผีทะเลนั่นน่ะเหรอ อย่าไปพูดถึงเลย ทำให้ฉันมีความหวังลมๆ
แล้งๆ แล้วตัวเองก็ไปมีคู่หมั้นซะนี่”แพนซี่พูดฉุนๆ(ใครให้ความหวัง ไปชอบเขาเองนี่)
“คู่หมั้น”เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ อึ้งไปกับคำพูดของแพนซี่ซึ่งเหมือนกับมีใครเอาน้ำกรด
มาสาดหน้าเธอ“คู่หมั้น อะไรเหรอ”เธอแข็งใจถามออกไป
“มัลฟอยมีคู่หมั้นแล้ว เขาเพิ่งหมั้นกันเมื่อเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง รู้สึกว่าแม่ผู้หญิงนั่น
จะชื่อแอนนิต้า เชอร์ม็อค อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ”แพนซี่เล่า“แต่ก็ช่างเขาเถอะ ฉันไม่แคร์
หรอก ฉันชอบพอตเตอร์ดีกว่า”เธอพูด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั่งหน้าซีดเผือด
“มิสพาร์กินสัน เสื้อคลุมได้แล้วจ้ะ”มาดามมัลกิ้นเดินออกมาพอดี แพนซี่จึงเดินไป
รับถุงเสื้อคลุมและจ่ายเงิน
“เสื้อคลุมฉันได้ละ ฉันไปก่อนนะเกรนเจอร์ อย่าลืมเรื่องพอตเตอร์ล่ะ โชคดีนะ”เธอ
หันมาบอก ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
“หนูจ๊ะ มาวัดตัวได้แล้วจ้ะ”มาดามมัลกิ้นบอกกับเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งนั่งแข็งเหมือนถูก
สาปอยู่บนเก้าอี้ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่แป้นเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ
ดึกมากแล้ว ที่ห้องนอนในร้านหม้อใหญ่รั่ว เฮอร์ไมโอนี่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง
“มัลฟอย ทำไมเธอต้องหลอกฉัน”เธอร้องไห้อย่างหนัก มือกุมจี้ที่เขาให้เธอ ก่อนจะ
หลับไปทั้งน้ำตา
เช้าวันรุ่งขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ออกเดินทางไปที่สถานีรถไฟคิงครอสพร้อมกับแฮร์รี่ รอนและ
และจินนี่ โดยมีนายและนางวีสลีย์มาส่งเช่นเคย
“ตั้งใจเรียนกันนะจ๊ะ โดยเฉพาะลูกจินนี่ ปีนี้ลูกต้องสอบว.พ.ร.ส.แล้ว”นางวีสลีย์
บอกเมื่อทั้งหมดวิ่งผ่านแผงกั้นเข้ามาในชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่กันเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะแม่ แล้วหนูจะเขียนจดหมายหาแม่นะคะ”จินนี่ยิ้มพลางกอดแม่ นางวีสลีย์กอด
ลูกทั้ง2 และแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่คนละที ทั้ง4คนเดินขึ้นไปบนรถไฟ แล้วชะโงกหน้าโผล่
มาทางหน้าต่าง
“โชคดีนะ”นายวีสลีย์ตะโกนบอก
รถไฟเริ่มแล่นออกไป ทั้ง4โบกมือให้นายและนางวีสลีย์ จนรถไฟเลี้ยวแล่นลับตาไป
“ไปหาตู้ว่างๆนั่งกันเถอะ”แฮร์รี่บอก
“หนูนัดกับดีนไว้ หนูไปนั่งกับดีนนะ”จินนี่พูด รอนพยักหน้ายิ้มๆ จินนี่จึงแยกตัว
ไปอีกทาง
ทั้ง3เจอตู้ว่างตู้หนึ่งซึ่งอยู่เกือบท้ายขบวน แฮร์รี่เลื่อนประตูเปิดออกก็พบว่าเนวิลล์นั่ง
อยู่ข้างในก่อนแล้ว
“หวัดดี”เนวิลล์ทัก เมื่อทั้ง3นั่งลง“ฉันกำลังป้อนยาให้เทรเวอร์อยู่พอดี มันไม่ค่อย
สบายน่ะ”เขาบอก แฮร์รี่กับรอนจึงยื่นหน้ามาดูอย่างเทรเวอร์ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั่ง
พิงพนักเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
ประตูถูกเลื่อนเปิดออก แพนซี่ยิ้มร่าเข้ามา
“หวัดดีจ้ะ ทุกคน”เธอทักเสียงหวาน แฮร์รี่ รอนและเนวิลล์มองหน้ากันงงๆ
“ฉันมาตามเกรนเจอร์กับวีสลีย์ไปที่ตู้พรีเฟ็คน่ะ”เธอบอก
“ไปสิ”เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืน พลางสะกิดรอน รอนจึงลุกขึ้นแล้วหันไปบอกกับ
แฮร์รี่กับเนวิลล์ว่า“แล้วเจอกันนะ”ก่อนจะเดินออกจากตู้ไปพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่และ
แพนซี่ ซึ่งแพนซี่ได้หันมายิ้มหวานให้แฮร์รี่ก่อนออกไป ทำเอาแฮร์รี่ถึงกับตกใจ(นึกว่า
ตัวพิกซี่แยกเขี้ยวให้)
เฮอร์ไมโอนี่ รอนและแพนซี่เดินมาตามทางเดินในรถไฟ
“เป็นไงบ้างเกรนเจอร์เรื่องที่ฉันขอให้ช่วยน่ะ”แพนซี่ถามอย่างกระตือรือร้น
“ก็..เอ่อ”เธอยังไม่ทันตอบอะไร“ตายจริงฉันลืมเข็มพรีเฟ็คไว้ที่ตู้”เธอนึกขึ้นมา
ได้
“รอน เธอไปที่ตู้พรีเฟ็คกับพาร์กินสันก่อนนะ ฉันขอกลับไปเอาเข็มพรีเฟ็คก่อน
เดี๋ยวตามไป”เธอบอก รอนทำหน้าราวกับว่าเฮอร์ไมโอนี่บอกให้เขาไปกินขี้มูกโทรลล์
หลังจากเฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับมาเอาเข็มพรีเฟ็คที่ตู้แล้ว ระหว่างทางที่เธอจะเดินไป
ที่ตู้พรีเฟ็ค ก็มีตู้ๆหนึ่งเปิดประตูเลื่อนออกมา ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากตู้ แล้วหัน
พูดกับคนข้างในตู้ว่า“แครบ กอยล์ ดูแลแอนนี่ให้ดีๆด้วยล่ะ”เจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร
ไปไม่ได้นอกจากเดรโก มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงตรงนั้น แอนนี่เหรอ คงจะเป็น
คู่หมั้นเขาสินะ มัลฟอยหันมาเห็นเฮอร์ไมโอนี่พอดี เธอมองราวกับจะขอให้เขาอธิบาย
ในเรื่องทุกอย่าง แต่ปฏิกิริยาที่เขาตอบกลับมาทำให้เธอแทบใจสลาย เมื่อเขามองเธอ
ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า พร้อมกับคำพูดดูถูกว่า”มองอะไร ยัยเลือดสีโคลน”แล้วเขาก็
หันหลังเดินไปอย่างไม่สนใจ เฮอร์ไมโอนี่ช็อก แทบล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้น
+++++...........................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่7
....................................................................................................“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรรึเปล่า ฉันเห็นเธอเอาแต่เงียบมาตั้งแต่ตอนประชุมพรีเฟ็คแล้ว”
รอนถามอย่างเป็นห่วง ในขณะที่พวกพรีเฟ็คปี6ลงมายืนคุมเด็กปีอื่นๆให้ขึ้นรถม้าอย่างเป็นระเบียบ
“เธอต้องไม่สบายแน่เลย ฉันไปตามพอตเตอร์ให้นะ”แพนซี่ถามอย่างมีความหวัง
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร”เธอบอก แพนซี่ย่นจมูกด้วยความผิดหวัง
“กรี๊ด ดูยัยแชงนั่นสิ จ้องพอตเตอร์ตาไม่กระพริบเลย”แพนซี่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปทางโช แชง
“เธอดูดีกว่าเขาตั้งเยอะ พาร์กินสัน”รอนรีบกัดฟันพูดเพื่อให้เธอสงบลง(แพนซี่ตื้อขอเป็น
เพื่อนกับรอน จนเขาต้องยอมจำนนให้เธอเป็นเพื่อนแบบ..ก็ได้) มัลฟอยยืนห่างจากพวกเขาไม่กี่ฟุต
“แครบ กอยล์ ฝากดูแลแอนนี่ด้วยนะ”เขาตะโกนบอกเข้าไปในฝูงนักเรียน เฮอร์ไมโอนี่ยิ่งเจ็บ
ปวด
“เชอะ หมั่นไส้ เป็นห่วงเป็นใยกันซะเหลือเกิน”แพนซี่จีบปากจีบคอพูด
“ช่างเขาเถอะ เราทำหน้าที่ของเราดีกว่า”เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอแข็งใจทำหน้าที่พรีเฟ็คต่อไป
พวกพรีเฟ็คเดินเข้ามาที่ห้องโถงเป็นกลุ่มสุดท้าย การคัดสรรเริ่มต้นขึ้น
“ซาร่า เล็กจ์”
“กริฟฟินดอร์”
เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ปรบมือให้ เมื่อซาร่าเดินมานั่งที่โต๊ะ การคัดสรรดำเนินต่อไปเรื่อยๆจน
“ทุกคนฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”ศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์พูดขึ้นมา“เรารับนักเรียน
ใหม่คนหนึ่งเข้ามาเป็นกรณีพิเศษ เธออายุ16ปี พูดง่ายๆก็คือ เธอจะเรียนร่วมชั้นกับนักเรียนปี6 โปรด
ปรบมือต้อนรับ มิสแอนนิต้า เชอร์ม็อค”
เด็กสาวคนหนึ่งตัวสูงโปร่งพอๆกับรอน ผมสีฟางเหยียดยาวตรงถึงเอว ตากลมโตสีเข้ม ก้าว
ออกมายืนข้างหน้า
“โอ้ว สวยเป็นบ้าเลย”รอนตะลึง
แอนนิต้า เชอร์ม็อค ผู้หญิงคนนี้สินะที่เป็นคู่หมั้นของมัลฟอย คนที่มัลฟอยห่วงใยนักหนา
เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจอย่างปวดร้าว
แอนนิต้านั่งลงบนแป้น ศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์วางหมวกคัดสรรลงบนศีรษะเธอ หมวก
ร้องออกมาว่า “สลิธีริน”
นักเรียนบ้านสลธีรินปรบมือให้เธอ เมื่อเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะ กอยล์ก็ขยับตัวไปนั่งเก้าอี้อีกตัวนึง
เพื่อให้เธอได้นั่งข้างๆมัลฟอย มัลฟอยยิ้มให้เมื่อเธอนั่งลงข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอ คู่หมั้นมัลฟอย”ลาเวนเดอร์กระซิบกระซาบ
“หา สาวสวยคนนี้เนี่ยนะ คู่หมั้นไอ้เบื๊อกนั่น”รอนอ้าปาก
“รอน เบาเสียงลงหน่อยก็ได้”ปาราวตีเตือน
“เรื่องมันเป็นยังไงเหรอ ลาเวนเดอร์”เชมัสถามอย่างสนใจ
ลาเวนเดอร์เล่าเรื่องที่เธอรู้มาให้เพื่อนๆฟัง เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นเดินหนีไปหาเออร์นี่ มักมิลกันที่
โต๊ะฮัฟเฟิลพัฟอย่างไม่อยากได้ยิน
“อ้าว พี่เฮอร์ไมโอนี่ไปไหนซะแล้วล่ะ ไม่อยู่ฟังด้วยกัน”จินนี่พูดเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดิน
หนีไปที่อื่น
“เขาคงไม่อยากฟังให้รกสมองละมั้ง เรื่องไอ้หัวน้ำมันหอยนี่”ดีนว่า“เล่าต่อเถอะ”ทุกคน
สุมหัวฟังกันอย่างตั้งใจ ในขณะที่แฮร์รี่สบตากับรอนอย่างไม่สบายใจมากขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ต้องมี
อะไรปิดบังพวกเขาอยู่แน่ๆ
เมื่อนักเรียนทุกคนรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พากันทยอยเดินขึ้นหอตัวเอง
“แฮร์รี่”แฮร์รี่หันไปมองก็พบว่าโชกำลังวิ่งมาหาเขา รอนจึงรีบกวักมือเรียกแพนซี่มากันท่า
ทันที
“แฮร์รี่ พรุ่งนี้เธอ..”โชพูดไม่ทันจบ แพนซี่ก็เดินเข้ามาแทรกกลาง
“เอ พอตเตอร์ ฉันจะมาบอกเธอน่ะว่าให้อ่านวิชาอาจารย์สเนปไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะ พรุ่งนี้
ในคาบเขาต้องเรียกเธอตอบแน่ๆ ฉันไม่อยากให้เขาหาเรื่องหักคะแนนเธอได้”แพนซี่บอกด้วยน้ำ
เสียงอ่อนหวาน
“ฉันว่าพาร์กินสันเขาคงมีธุระพูดกับแฮร์รี่ยาวเลยล่ะ แล้วพรุ่งนี้กริฟฟินดอร์ก็มีเรียนกับ
สลิธีรินคาบแรกด้วย”รอนไล่โชกลายๆ โชมองรอนตาขุ่น และเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่กำลังสนใจกับสิ่งที่
แพนซี่พูดอยู่ เธอจึงสะบัดหน้าเดินกลับไป
เฮอร์ไมโอนี่เพิ่งแยกตัวจากเออร์นี่เดินเข้ามาหาแฮร์รี่กับรอนพอดี
“อ้าวเกรนเจอร์ ฉันกำลังจะกลับพอดี ราตรีสวัสดิ์นะ เธอ2คนด้วยพอตเตอร์ วีสลีย์ แล้วเจอ
กันพรุ่งนี้นะ”แพนซี่มัวแต่บอกลาทั้ง3คน จึงไม่ได้มองทางทำให้ชนกับแอนนิต้าเข้าเต็มๆ “ว้าย”
“ระวังหน่อยพาร์กินสัน เธออาจจะทำแอนนี่บาดเจ็บได้”มัลฟอยดุ ก่อนจะหันมาถามแอนนิต้า
อย่างห่วงใย แอนนิต้าส่ายหน้าพลางยิ้มให้ แพนซี่หมั่นไส้จึงสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง มัลฟอย
ประคองแอนนิต้าเดินไปทางหอสลิธีริน เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่มองตามด้วยความเสียใจ
เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาถึงหอนอน ปาราวตีกับลาเวนเดอร์ยังอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวม เฮอร์ไมโอนี่หยิบ
ดอกโพคาราเฟวาที่เธอใช้กระจกใสสี่เหลี่ยมประกบทับไว้ขึ้นมาดู
“ทำไมเธอถึงใจร้ายกับฉันได้ถึงขนาดนี้นะ มัลฟอย”น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม เธอล้มตัวลงนอน
บนเตียง ในมือกุมดอกโพคาราเฟวาไว้ ร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว
+++++...............................................+++++
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โต๊ะอาหารของบ้านกริฟฟินดอร์ ทุกคนกำลังทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย
โดยเฉพาะรอน ซึ่งในจานของเขาเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด
“อืม อร่อย”รอนยัดเบคอนใส่ปากเคี้ยวแก้มตุ่ย
“มีมื้อไหนบ้างที่นายไม่อร่อย”แฮร์รี่ว่า ทำเอาเพื่อนๆที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเฮลั่น แฮร์รี่หันมา
เห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรรึเปล่า พักนี้ฉันเห็นเธอแปลกๆไป เธอมีอะไรปิดบังฉันกับรอน
อยู่รึเปล่า”เขาตัดสินใจถามเธอ ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสนุกอยู่กับการแซวรอน
“เปล่านี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ฉันก็แค่อารมณ์แปรปรวนเป็นระยะๆเท่านั้น ฉันเครียดน่ะ
เราอยู่ตั้งปี6แล้วนี่ ก็ต้องมีกังวลเรื่องการเรียนบ้างเป็นธรรมดา”เฮอร์ไมโอนี่บอกพลางยิ้มให้แฮร์รี่
สบายใจ เธอตั้งใจไว้แล้วว่า เธอจะพยายามไม่คิดถึงเรื่องมัลฟอย เธอจะตั้งใจเรียนและกลับมาเป็น
เฮอร์ไมโอนี่คนเดิม
“จริงๆนะ”แฮร์รี่ถามย้ำ
“อื้อ ไม่กินใช่ป่ะ สลัดผลไม้เนี่ย มาฉันกินเอง”เฮอร์ไมโอนี่แกล้งตักสลัดขึ้นมาจากจานแฮร์รี่
เขาจึงแย่งขนมปังจากจานเธอบ้าง รอนหันมามอง เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ดูสดใสร่าเริงเป็นปกติดีแล้ว
เขากับแฮร์รี่จึงลอบยิ้มให้กันอย่างโล่งอก
เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมนี่ และเนวิลล์ จึงลุกออกจากโต๊ะ
อาหาร เตรียมเดินทางไปเรียนวิชาปรุงยาที่คุกใต้ดิน พอพวกเขาเดินมาพ้นประตูห้องโถง ทั้ง4ก็ได้
เจอกับแพนซี่ ซึ่งยืนถือหนังสือรออยู่ที่ประตู ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าแฮร์รี่จะต้องเดินผ่านมาทางนี้ จึงมา
ดักรอ
“หวัดดี”เธอทัก“กำลังจะไปเรียนวิชาปรุงยากันใช่มั๊ย ฉันเดินไปด้วยคนสิ”
“แล้วเพื่อนเธอไปไหนกันหมดเหรอ”เนวิลล์ถามซื่อๆ อย่างไม่รู้เรื่องอะไร
“ฉันขี้เกียจรอมิลลิเซนต์น่ะ ยัยนี่ช้าเป็นบ้าเลย”เธอพูด เฮอร์ไมโอนี่กับรอนมองหน้ากันแล้ว
ยิ้มขำ
“งั้นก็ไปด้วยกันสิ”เฮอร์ไมโอนี่บอกพลางขยับตัวไปทางเนวิลล์เปิดทางให้แพนซี่ได้มายืน
ข้างๆแฮร์รี่ แพนซี่ยิ้มร่าคล้องแขนแฮร์รี่ทันที แฮร์รี่ตกใจสุดขีดยืนตัวแข็ง
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวอาจาร์จะหาเรื่องหักคะแนนพวกเธออีก ถ้าไปสาย”แล้วแพนซี่ก็ควงแขน
แฮร์รี่เดินออกไป โดยมีเฮอร์ไมโอนี่กับรอน และเนวิลล์ที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรเดินตาม แฮร์ร์รี่หัน
กลับมามองเฮอร์ไมโอนี่และรอนเป็นเชิงว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ทั้ง5เดินลงบันไดไปยังคุกใต้ดิน
“สเนปยังไม่มาหรือเนี่ย”เนวิลล์พูด ในขณะที่แพนซี่เปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน
“ก็ดีแล้วนี่ ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงเป็นกลุ่มแรก”รอนบอกอย่างลิงโลด“เอ๊ะ ดูเหมือนจะ
ไม่ใช่แล้วสิ”เขามองไปที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวาแถวหน้าของห้องเรียน มัลฟอยนั่งอยู่ตรง
นั้นกับแอนนิต้า เขากำลังลูบผมเธออยู่ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มปวดใจขึ้นมาอีก เขาคงทำอย่างนี้กับผู้หญิงอีก
หลายคน มัลฟอยหันมามองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด
“พาร์กินสัน เธอมาสุงสิงอะไรกับพวกนี้”เขาพูดพลางมองอย่างเหยียดหยาม
“แล้วมันหนักส่วนไหนของนายมิทราบ”แพนซี่กระแทกเสียง
“อ้อ เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้รสนิยมเธอเปลี่ยนไป หันมาควงคนดังเนี่ย”เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
“พวกเราว่ามั๊ย น่าสมเพชจริงๆ พวกที่ชอบอิจฉาตาร้อนเนี่ย อยากเด่นอยากดังบ้าง แต่ก็เป็น
ไม่ได้”รอนว่า
“เตือนตัวเองก่อนเถอะ วีสลีย์”มัลฟอยโต้
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ก่อนจะมีเรื่องมากไปกว่านี้ นักเรียน3-4คนก็เดินเข้า
มาพอดี รอนจึงเดินไปที่โต๊ะทางด้านซ้ายแถวหลังแล้วกระแทกตัวนั่งลง มัลฟอยก็นั่งหน้าบึ้งอย่าง
ไม่สบอารมณ์เช่นกัน
ในคาบนี้สเนปสั่งให้นักเรียนปรุงน้ำยาเกล็ดมรกต ซึ่งเป็นน้ำยาที่มีอานุภาพในการช่วยเยียวยา
รักษาบาดแผล พอๆกับน้ำตาของนกฟีนิกซ์เลยทีเดียว โดยตัวน้ำยาจะมีสีเขียวเหมือนมรกต เมื่อใกล้
หมดคาบสเนปก็ต้องหงุดหงิดเป็นที่สุด เมื่อไม่มีใครปรุงยาตัวนี้ได้ตามที่เขาต้องการเลยทีเดียว
“วันนี้พวกเธอเป็นอะไรไปกันหมด โรคลองบัตท่อมระบาดไปทั้งชั้นเรียนรึไง”เขาตวาด
อย่างโมโห
“แล้วเธอ เชอร์ม็อค เธอไม่เคยเรียนปรุงยามาก่อนเลยเหรอ”สเนปพยายามข่มน้ำเสียงให้
อ่อนลง เมื่อพูดกับนักเรียนบ้านตัวเอง
“ไม่เคยค่ะ”แอนนิต้าตอบ เธอเพิ่งจะเคยเรียนปรุงยาเป็นครั้งแรก น้ำยาในหม้อเธอจึงกลาย
เป็นน้ำใสๆที่ตกตะกอนเต็มไปหมด
“อาจารย์คะ เกรนเจอร์ทำได้ค่ะ”แพนซี่ร้องบอก เมื่อชะโงกหน้าไปดูในหม้อน้ำยาของ
เฮอร์ไมโอนี่ สเนปจึงเดินมาดู น้ำยาในหม้อเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีเขียวมรกต สเนปขบกรามแน่น ก่อน
จะพูดออกมาว่า
“เธอทำพอใช้ได้เกรนเจอร์ ถ้าฉันจะให้เธอมาช่วยสอนเชอร์ม็อค เธอจะว่ายังไง”
“หนูไม่มีความรู้ความสามารถขนาดนั้นค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่บอกเบาๆ
“ฉันต้องการอย่างนั้น สอนเชอร์ม็อคแลกกับการที่ฉันจะพยายามไม่หักแต้มพอตเตอร์”เขา
ยื่นเงื่อนไข
เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนของมัลฟอยนัก แต่ในเมื่อสเนปเอาคะแนนของแฮร์รี่มา
วางเป็นเงื่อนไข เธอก็จำใจต้องรับคำ
“ค่ะ”เธอรับคำ
“ดี เวลาเรียนฉันจะกำหนดให้เอง แล้วฉันจะไปพูดกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลให้ วันนี้
พอแค่นี้ พวกเธอทุกคนทำได้แย่มาก ไปเขียนเรียงความเรื่องน้ำยาเกล็ดมรกต ความยาวทั้งหมด2ม้วน
กระดาษ แล้วส่งฉันพรุ่งนี้”สเนปสั่ง ก่อนจะเดินออกจากชั้นเรียนไป นักเรียนพากันสวดส่งไล่หลัง
ขณะเก็บของ เนวิลล์เผลอปัดข้าวของหล่นกระจายบนพื้น
“แย่จัง”เขาพึมพำขณะย่อตัวลงเก็บของที่หล่น
“แฮร์รี่ รอน เธอ2คนไปเรียนสมุนไพรศาสตร์กันก่อนนะ ฉันจะอยู่ช่วยเนวิลล์เก็บของก่อน
เดี๋ยวตามไป”เธอบอกกับแฮร์รี่กับรอนที่เก็บของกันเสร็จแล้ว
“ก็ได้ งั้นเรา2คนไปเรียนกันก่อนนะ”รอนพูด ก่อนจะเดินออกจากชั้นเรียนไปพร้อมแฮร์รี่
เฮอร์ไมโอนี่ช่วยเนวิลล์เก็บของเสร็จ ทั้งคู่เดินออกมาจากชั้นเรียนในคุกใต้ดิน เนวิลล์ก้าวขึ้น
บันไดนำไปก่อน เฮอร์ไมโอนี่จะก้าวขึ้นบันไดตามไป แต่มีมือๆหนึ่งกระชากตัวเธอลงมาเสียก่อน
“ว้าย”เธอทำท่าจะร้องออกมา แต่มือลึกลับนั่นปิดปากเธอไว้แน่น เฮอร์ไมโอนี่กัดหมับเข้าให้ที่มือ
นั่น เจ้าของมือรีบปล่อยมือจากเธอด้วยความเจ็บ ก่อนจะผลักเธอไปกระแทกกับผนัง มัลฟอยนั่นเอง
“นาย”เธอตกใจ มัลฟอยมีท่าทีดุดัน เขาก้าวเข้ามาหาเธอและบีบแขนเธอแรงๆ
“ฉันขอเตือนเธอนะ ว่าอย่าถือโอกาสที่สเนปให้ช่วยสอนแอนนี่ แตะต้องหรือทำร้ายเธอเป็น
อันขาด”เขาพูดอย่างดุดัน
“แล้วฉันจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไรล่ะ”เธอถามอย่างไม่เข้าใจ
“ใครจะไปรู้ใจเธอ ถ้าเธอคิดอยากจะทำร้ายคนที่อยู่ใกล้ฉันขึ้นมา เธออาจจะทำร้ายแครบ
หรือกอยล์ แต่อย่าแตะต้องแอนนี่เป็นอันขาด ไม่งั้นฉันเอาเธอตาย”เขาขู่ บีบแขนเธอแรงขึ้น
“นายเป็นบ้าอะไร”เฮอร์ไมโอนี่เจ็บจนน้ำตาคลอ
“อย่าบังอาจพูดกับฉันอย่างนี้ นังเลือดสีโคลน จำไว้ ถ้าแอนนี่เป็นอะไรไป ฉันจะเล่นงาน
เธอให้เจ็บถึงตาย”พูดจบ เขาก็ผลักเธอลงไปกองกับพื้น แล้วเดินจากไปอย่างไม่ไยดี เฮอร์ไมโอนี่
เจ็บช้ำทั้งกายและใจ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งขึ้นบันไดไป
โดยไม่รู้ว่าเมื่อมัลฟอยเดินจากมาแล้ว แววตาที่ดุดันของเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับมาที่หอนอน เธอตรงเข้าไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง หยิบดอกโพคาราเฟวาออก
มา แล้วเขวี้ยงทิ้งลงไปทางหน้าต่าง
“พอกันที คนหลอกลวง สารเลว ฉันเกลียดนาย”เธอพูดอย่างชิงชัง ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา
แล้วเดินลงจากหอนอน
+++++..................................................................+++++
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเฮอร์ไมโอนี่ก็พยายามทำใจให้ลืมมัลฟอยให้ได้ ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
ลาเวนเดอร์ชวนเธอลงมาเก็บดอกไม้ที่สวนดอกไม้ริมทะเลสาบเพื่อนำไปปักแจกันบนหอนอน
มัลฟอยกำลังเดินเล่นอยู่กับแอนนิต้าพอดี เมื่อมัลฟอยหันมาเห็นเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็จูงมือลาเวนเดอร์
เดินผ่านเขาไปอย่างไม่สนใจ เธอพาลาเวนเดอร์มาที่พุ่มดอกไม้ต้นหนึ่ง
“ดอกนี้เข้าokมั๊ย กลิ่นหอมดีนะ”เธอถามลาเวนเดอร์
“สวยดีนะ แต่เอ๊ะ นี่ดีกว่า”ลาเวนเดอร์ดึงมือเฮอร์ไมโอนี่มาอีกหนึ่ง ซึ่งมีพุ่มดอกไม้สีขาวอยู่
“ดอกนี้ดีมั๊ย ดอกไม้เนปาลนะนี่”ลาเวนเดอร์พูด เฮอร์ไมโอนี่คอแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำ
ว่าดอกไม้เนปาล
“ฉันเกลียดดอกไม้เนปาล”เธอพูดด้วยเสียงกระด้าง มัลฟอยหันมามองเมื่อได้ยิน
“แต่ฉันว่ามันสวยดีออก ยิ่งดอกสีขาว..”ลาเวนเดอร์จะพูดต่อ แต่เฮอร์ไมโอนี่ขัดขึ้นเสียก่อน
“ดอกไม้สีขาวนั่นแหล่ะยิ่งโสโครก ฉันเกลียดดอกไม้เนปาลทุกชนิด ยิ่งพวกชื่อยาวๆฉันยิ่ง
สะอิดสะเอียน ดอกไม้อุบาทว์ ไม่รู้โรงเรียนเอามาปลูกไว้ทำไม”เธอเน้นเสียงอย่างชิงชัง
“ok เธอว่าไม่ดีก็ไม่ดี ไปดูต้นอื่นต่อกันเถอะ”ลาเวนเดอร์จูงมือเฮอร์ไมโอนี่ไปอีกทาง
“เกลียดฉันแล้วสินะ”มัลฟอยบอกตัวเองในใจ สีหน้าหม่นหมอง
“เดรโก เธอเป็นอะไรรึเปล่า”แอนนิต้าถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นมัลฟอยหน้าขรึมไป
“เปล่า กลับเข้าไปในปราสาทเถอะ”เขาบอก ก่อนจะพาแอนนิต้าเดินกลับเข้าไปในปราสาท
+++++.............................................................+++++
วันต่อมาสเนปฝากแพนซี่มาบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่า ให้ไปพบเขาที่ห้องทำงานตอนเย็น เพื่อที่จะ
ได้ช่วยสอนแอนนิต้าปรุงยา ตามที่เธอตกลงกับเขาไว้ เมื่อถึงเวลานัดเฮอร์ไมโอนี่ลงไปที่คุกใต้ดิน
เธอพบมัลฟอยยืนอยู่หน้าห้องทำงานสเนป เธอทำเป็นไม่สนใจ เดินไปจะเคาะประตูห้อง มัลฟอย
กระชากมือเธอไว้เสียก่อน
“จำไว้นะ ถ้าเธอคิดไม่ดีกับแอนนี่ล่ะก็”เขากระซิบขู่
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องเชื่อฟังนาย”เธอสะบัดแขนออก เคาะประตูห้องทำงานสเนป ก่อนจะ
เปิดเข้าไป
แอนนิต้านั่งรออยู่แล้ว สเนปยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
“เอ้า เธอเริ่มสอนเชอร์ม็อคจากการปรุงยาขั้นพื้นฐานก่อน”เขาส่งหนังสือให้เธอ
“แล้วฉันจะกลับมาอีกที ตอน1ทุ่ม หวังว่าเธอคงสอนเชอร์ม็อคให้รู้จักวิธีปรุงยาขั้นต้นได้
แล้วนะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองเรื่องแต้มพอตเตอร์นะ”เขาพูดชื่อแฮร์รี่อย่างมุ่งร้าย
“ค่ะ”เธอรับคำ เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากให้เพื่อนต้องเดือดร้อน สเนปเดินออกจากห้องทำงาน
ไป
เฮอร์ไมโอนี่ถือหนังสือเดินมาหาแอนนิต้าที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมห้อง เธอกำลังลังเลว่าจะเริ่มพูด
คุยกับเธอยังไง แต่แอนนิต้าทักเธอขึ้นมาเสียก่อน
“หวัดดี ฉันแอนนิต้า เชอร์ม็อคยินดีที่ได้รู้จัก”แอนนิต้าทักทายอย่างเป็นมิตร พลางยื่นมือ
ออกมา
“หวัดดี ฉันเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”เธอทักตอบ พร้อมทั้งยื่นมือไป
จับกับแอนนิต้า
“เธอไม่เคยเรียนวิชาปรุงยามาก่อนเลยเหรอ”เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“ไม่เคย ตอนฉันเรียนอยู่ที่อิตาลี ฉันเลือกลงเรียนวิชาเกี่ยวกับตัวเลขซะส่วนใหญ่น่ะ”เธอ
ตอบ ก่อนจะพูดต่อ“พอมาเรียนที่นี่ ฉันชอบวิชาตัวเลขมหัศจรรย์มากเลยล่ะ”
“เหมือนกันเลย วิชาตัวเลขมหัศจรรย์เป็นวิชาโปรดฉันเหมือนกัน”เฮอร์ไมโอนี่บอก“เรา
มาเริ่มฝึกปรุงยาขั้นแรกกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะอ่านสรรพคุณกับเครื่องปรุงที่ใช้ในการปรุงยาแต่
ละตัวให้ฟังก่อนนะ ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้okมั๊ย”เธอกางหนังสือออก
“อืม”แอนนิต้าพยักหน้า
“งั้นเริ่มจากตรงนี้ก่อนละกัน น้ำยาพองตัว”เฮอร์ไมโอนี่อธิบายเรื่องน้ำยาพองตัวให้
แอนนิต้าซึ่งตั้งใจฟังอย่างละเอียด แอนนิต้าเป็นคนหัวไวใช้ได้ทีเดียว เธอเข้าใจในบทเรียนได้
อย่างรวดเร็ว เพียงเฮอร์ไมโอนี่อธิบายแค่ไม่กี่ครั้ง หรือบางทีก็แค่ครั้งเดียว แอนนิต้าลงมือปรุง
น้ำยาพองตัว โดยมีเฮอร์ไมโอนี่คอยให้คำแนะนำ ในที่สุดแอนนิต้าก็ทำน้ายาพองตัวสำเร็จ
“ข้นขนาดนี้ใช้ได้ยังจ๊ะ”แอนนิต้าเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“อืม.. okแล้วล่ะ มันใช้ได้ทีเดียวสำหรับคนที่เริ่มฝึกทำครั้งแรก”เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างให้
กำลังใจ พลางก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“นี่ก็ใกล้จะ1ทุ่มละ เดี๋ยวสเนปก็คงมา อุ๊ย”เธอทำถาดใส่เครื่องปรุงหล่นจึงก้มลงเก็บ สร้อย
ที่มัลฟอยให้โผล่มาพ้นคอเสื้อ โดยที่เธอไม่ทันมอง
“จี้ที่คอเธอสวยดีนะ”แอนนิต้าชม เฮอร์ไมโอนี่จึงก้มลงมองที่คอ สร้อยคอมัลฟอยให้ นี่เธอ
ยังไม่ได้เขวี้ยงมันทิ้งไปอีกหรือนี่ ดีล่ะ คู่หมั้นเขาก็อยู่ตรงนี้พอดีนี่
“ฉันให้เธอ”เฮอร์ไมโอนี่ถอดสร้อยคอออกมา แล้วยื่นให้แอนนิต้า
“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก ของมีค่าขนาดนี้”แอนนิต้าบอกอย่างเกรงใจ
“มันไม่ได้มีค่าอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก มันคงจะมีค่ามากกว่าถ้าอยู่กับเธอ”เธอพูด
พลางนึกไปถึงมัลฟอย แต่เมื่อเห็นแอนนิต้าทำหน้างง เธอจึงบอกว่า“คือ.. ฉันหมายความว่าสร้อย
เส้นนี้มันดูเหมาะกับเธอมากกว่าฉันน่ะ รับไปเหอะ หรือถ้าเธอไม่ชอบจะเอาไปโยนทิ้งที่ไหนก็
ได้”
“เธอแน่ใจเหรอ”แอนนิต้าถาม เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น เธอจึงตัดสินใจรับ
สร้อยมา
“ขอบใจนะ”เธอบอกพลางยิ้มให้ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตอบ บอกตัวเองในใจอย่างขมขื่น“มัน
สมควรไปอยู่กับคนที่นายรักแล้วล่ะ มัลฟอย”
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดคุยอะไรกันต่อ สเนปก็เปิดประตูขึ้นมาเสียก่อน เขาตรวจสอบน้ำยาเสร็จ
ก็ปล่อยให้ทั้ง2กลับไป โดยนัดให้มาใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลาเดิม
เฮอร์ไมโอนี่กับแอนนิต้าเดินออกมาจากห้องทำงานของสเนป ก็พบว่ามัลฟอยมายืนรออยู่แล้ว
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”แอนนิต้าหันมาบอกเฮอร์ไมโอนี่
“อืม”เธอพยักหน้า แล้วเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่มองมัลฟอยแม้แต่นิดเดียว
“เรียนปรุงยากับเกรนเจอร์เป็นยังไงบ้าง”มัลฟอยถามขณะที่เขากับแอนนิต้าเดินกลับหอ
สลิธีรินด้วยกัน
“เกรนเจอร์เธอดีกับฉันมากเลยล่ะ เธออธิบายให้ฉันเข้าใจในบทเรียนได้ง่ายขึ้น แล้วยังให้
สร้อยเส้นนี้มาอีก”แอนนิต้าหยิบสร้อยออกมาให้มัลฟอยดู เมื่อมัลฟอยเห็นสร้อย เขาก็นิ่งขรึมไป
ทันที ในขณะที่แอนนิต้าเล่าต่อไปว่า“ตอนแรกฉันก็ไม่กล้ารับหรอก แต่เธอก็ยืนยันว่าอยากให้
ฉันจริงๆ”
“แอนนี่ ฉัน..เอ่อ ฉันขอสร้อยเส้นนี้ได้มั๊ย”เขาตัดสินใจเอ่ยปาก
“ขออะไร สร้อยเส้นนี้เนี่ยนะ”แอนนิต้ามองหน้าเขางงๆ แต่มีอะไรบางอย่างในแววตาเขา
ที่ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง
“ก็ได้ เอาไปสิ”
“ขอบใจนะ”เขารับสร้อยมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม ทั้งคู่เดินมาถึงหน้ากำแพงที่ว่างเปล่า
“พาร์เซลเมาท์”มัลฟอยบอกรหัสผ่าน ประตูหินที่ซ่อนตัวอยู่ในกำแพงเลื่อนเปิดออก ทั้งคู่เดิน
เข้าไป
“แอนนี่ ฉันขอขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ”เขาบอก เมื่อเดินมาเข้ามา
ถึงห้องนั่งเล่นรวม
“จ้ะ”แอนนิต้านั่งลงบนเก้าอี้หน้าเตาผิง แครบกับกอยล์ซึ่งนั่งอยู่แถวๆนั้นทำท่าจะลุกขึ้น
เพื่อติดตามมัลฟอยเช่นเคย
“พวกแกไม่ต้องตามฉันขึ้นมาหรอก ฉันอยากอยู่คนเดียว”มัลฟอยพูด ก่อนจะเดินขึ้น
บันไดหอนอนไป แครบกับกอยล์อ้าปากมองตามงงๆ
มัลฟอยขึ้นมาถึงหอนอน เขาเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง หยิบสร้อยขึ้นมาดูด้วยแววตาเศร้าๆ
“เธอคงเกลียดฉันมากเลยสินะตอนนี้”เขาพึมพำเบาๆ“เธอเจ็บแค่ไหน ฉันเองก็ไม่ต่าง
อะไรจากเธอหรอก”
เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบกล่องใบหนึ่งออกมา แล้วหย่อนสร้อยลงไป ก่อนจะเก็บเข้าลิ้นชัก
ตามเดิม มัลฟอยล้มตัวลงนอนบนเตียง เอามือก่ายหน้าผาก เขาหลับตาลงอย่างปวดร้าว
+++++.......................................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่8
....................................................................................................
เช้าวันต่อมาในคาบวิชาดูแลสัตว์วิเศษ กริฟฟินดอร์เรียนรวมกับสลิธีริน แฮกริด(ซึ่งทุกคนลง
ความเห็นว่าเขาต้องเป็นบ้าขนาดหนักไปแล้วแน่ๆ)ได้นำสัตว์ชนิดสุดยอดอันตราย ซึ่งก็คือมังกร
พันธุ์ฮังการีหางหนาม(ที่แฮร์รี่เคยเผชิญในภารกิจ ตอนประลองเวทไตรภาคี) มาให้นักเรียนดู
เจ้ามังกรซึ่งถูกเสกคาถาสะกดให้อยู่นิ่งๆ กำลังส่ายหัวพลางคำรามไปมา นักเรียนหญิงหลายคน
ร้องวี๊ดว้ายอย่างตกใจ
“แฮร์รี่ เธอต้องอยู่ใกล้ๆฉันนะ ฉันกลัว”แพนซี่กอดแฮร์รี่เสียแน่น จนเขาหายใจแทบไม่
ออก เฮอร์ไมโอนี่กับรอนหัวเราะขำกันจนตัวงอ แฮร์รี่ส่งสายตามาเป็นเชิงถามว่า ไม่คิดจะช่วย
กันเลยใช่มั๊ยนี่
“สิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือ”แฮกริดพูดขึ้นมา
“คุณคงไม่ได้บอกให้พวกเราไปตามเก็บไข่ เหมือนที่แฮร์รี่เคยทำใช่มั๊ยฮะ”ดีนถามอย่าง
ระแวง
“ไม่ใช่หรอก ถึงฉันจะอยากให้พวกเธอสนุกกับการเก็บไข่ก็เหอะ แต่ดัมเบิลดอร์บอกว่า
มันอันตรายเกินไป ฉันเลยทำได้แค่ให้พวกเธอสังเกตลักษณะรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหางหนาม
แล้วทำรายงานส่งฉัน”แฮกริดพูดอย่างเสียดาย ในขณะที่นักเรียนทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเธอเข้าไปสำรวจเจ้าหางหนามใกล้ๆนะ ไม่ต้องกลัว
มันถูกเสกคาถาสะกดให้อยู่นิ่งๆแล้ว มันทำอะไรพวกเธอไม่ได้หรอก มันแค่คำรามใส่เท่านั้น”
แฮกริดบอก ก่อนจะเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ ปล่อยให้นักเรียนเดินสำรวจมังกรรอบๆ นักเรียนหลาย
คนหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจดรายละเอียด เฮอร์ไมโอนี่กับรอนจดบันทึกกันอย่างทะมัดทะแมง ใน
ขณะที่แฮร์รี่ทำไม่ได้อย่างพวกเขา เพราะมีแพนซี่คอยกอดแขนและร้องวี้ดว้ายอยู่ข้างหู ในขณะที่
ทุกคนกำลังสำรวจมังกรกันอยู่นั้น เนวิลล์ก็ได้สะดุดก้อนหินล้มลง ไม้กายสิทธิ์ของเขาตกลงบน
พื้น เนวิลล์รีบเก็บขึ้นมา แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อเนวิลล์พลาดเสกประกายไฟพุ่งออกมาจากไม้
กายสิทธิ์ ประกายไฟไปโดนปากมังกรเข้า ทำให้คาถาที่ร่ายกำกับไว้ไม่ให้มันพ่นไฟเสื่อมลง เจ้า
หางหนามพ่นไฟเข้าใส่เนวิลล์ทันที
“เนวิลล์หลบ”เฮอร์ไมโอนี่ร้องเตือน พร้อมทั้งกระโดเข้าผลักเนวิลล์ให้พ้นรัศมีไฟ แม้จะ
หลบลูกไฟได้ก็จริง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ด้รับบาดเจ็บ เนื่องจากข้อเท้าพลิก“โอ๊ย”
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นยังไงบ้าง”รอนวิ่งเข้ามาดู
“สงสัยข้อเท้าจะพลิกน่ะ”เธอบอก สีหน้าเหยเก
“เจ็บมากมั๊ย เฮอร์ไมโอนี่”แฮร์รี่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไปห้องพยาบาลเถอะ”แพนซี่แนะนำ
“เพราะฉันแท้ๆ เธอถึงต้องมาเจ็บตัว”เนวิลล์พูดอย่างรู้สึกผิด
“อย่าคิดมากสิเนวิลล์ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากมายซักหน่อย”เฮอร์ไมโอนี่รีบปลอบ
แฮกริดวิ่งมาถึงพอดี เขาพูดอย่างตกใจ
“เฮอร์ไมโอนี่ ตายละ เธอเจ็บมากเลยนะนี่ ไปห้องพยาบาลเถอะ”
แฮร์รี่กับรอนช่วยกันประคองเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้นยืน แต่เธอลุกไม่ไหว
“ลุกไหวมั๊ย”แฮร์รี่ถาม
“ไม่ไหวน่ะ มันปวดไปหมดเลยทั้งข้อเท้า”เธอส่ายหัว
“งั้นแฮร์รี่ รอน เธอคนใดคนหนึ่งอุ้มเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องพยาบาลที”แฮกริดพูด“เธอดีกว่า
รอน เธอตัวใหญ่กว่าแฮร์รี่ น่าจะอุ้มได้ถนัดกว่า”
รอนช้อนตัวเฮอร์ไมโอนี่ขึ้น“อดทนหน่อยนะ” เธอพยักหน้า รอนอุ้มเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปข้าง
ในปราสาท โดยมีแฮร์รี่ เนวิลล์ และแพนซี่เดินตามเข้าไป มัลฟอยชะเง้อมองตามอย่างเป็นห่วง
ปนหึงเล็กๆ
“เอ้า พวกเธอกลับเข้าไปข้างในก่อนละกัน ฉันจะอยู่จัดการเจ้าหางหนาม ให้ตายสิ”แฮกริด
ว่าก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่คอกหางหนาม
นักเรียนที่เหลือพากันทยอยกลับเข้าไปในปราสาท มัลฟอยยังไม่หายหน้าบึ้งแล้วเขาก็อะไรบาง
อย่างออก
“แอนนี่ ฉันว่าเธอหน้าแดงๆนะ ไปห้องพยาบาลซักหน่อยดีมั๊ย”เขาหันมาทางแอนนิต้า
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่ โดนแดดหน้าก็ต้องแดงเป็นธรรมดา”แอนนิต้าบอก
“แต่ฉันว่าไปซักหน่อยเถอะน่า ไปทานยาบำรุงก็ยังดี ไปนะ”เขารบเร้า
“ไปก็ได้”แอนนิต้ายอมจำนนแบบงงๆ
“แครบ กอยล์ แกไปเรียนวิชาต่อไปก่อนนะ ฉันจะพาแอนนี่ไปห้องพยาบาลหน่อย”เขาหัน
ไปบอกแครบกับกอยล์ ก่อนจะพาแอนนี่เดินขึ้นไปที่ห้องพยาบาล
มัลฟอยพาแอนนิต้ามามาที่ห้องพยาบาล แฮร์รี่ เนวิลล์ แพนซี่เดินออกมาจากห้องพยาบาลพอดี
“อ้อ นี่เจ้าหัวแดงมันอยู่เฝ้าเกรนเจอร์หรือนี่”มัลฟอยยัวะในใจเมื่อไม่เห็นรอนออกมาด้วย
มัลฟอยเปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาล แล้วเขาก็พบว่าเฮอร์ไมโอนี่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง
เธอกำลังพูดคุยอยู่กับรอน ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆเตียง
“เกรนเจอร์”แอนนิต้าเดินเข้าไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่เตียง”เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ มาดามพอมพรีย์ให้ทานยาเชื่อมกระดูกเข้าไปน่ะ เดี๋ยวก็คงหาย”เธอบอก
“เธอมาหามาดามพอมพรีย์เหรอ ไม่สบายเป็นอะไรล่ะ”
แอนนิต้ายังไม่ทันจะตอบ มัลฟอยก็เรียกเธอขึ้นมาเสียก่อน
“แอนนี่ ไปทานยา”เขาจูงมือเธอไปที่ห้องทำงานมาดามพอมพรีย์
“เป็นอะไรจ๊ะ”เธอถาม
“แอนนิต้า เธอร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน่ะครับ มาดามช่วยจัดยาบำรุงให้เธอหน่อยนะครับ”
มัลฟอยบอก
“รอเดี๋ยวนะ ฉันเข้าไปเตรียมยาก่อน”เธอเดินเข้าไปในห้องเก็บยาหลังโต๊ะทำงาน
“ตายจริงเดรโก ฉันลืมสมุดโน้ตไว้ที่โคนต้นไม้น่ะ”เธอนึกขึ้นมาได้“เดี๋ยวกินยาเสร็จค่อย
ลงไปเอาละกัน”
“ฉันลงไปเอาให้ เธอทานยาแล้วรออยู่ที่นี่แหล่ะ ขี้ลืมจริงๆเธอเนี่ย”เขาบ่น เดินออกมาจาก
ห้องทำงานมาดามพอมพรีย์ รอนกำลังห่มผ้าห่มให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่
“เป็นง่อยรึไงนะ”เขาฮึดฮัดในใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องพยาบาลเดินออกไป แล้วปิดประตู
กระแทกดังปัง
“ไอ้เบื๊อกนี่ คำว่าเกรงใจสะกดไม่เป็นหรือไงนะ”รอนด่าไล่หลัง
“ถ้าสะกดเป็นก็ไม่ใช่มัลฟอยสิ”เฮอร์ไมโอนี่ว่า แม้ปากเธอจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจเธอ
ก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้เหมือนกัน เขาดูเป็นห่วงคนรักของเขาเหลือเกิน
มัลฟอยเดินงุ่นง่านลงบันไดมา จินนี่เดินสวนขึ้นบันไดมาพอดี
“นี่เธอ ยัยหัวแดง ถ้าว่างนักละก็ ไปลากพี่ชายเธอออกมาจากห้องพยาบาลแล้วพากลับไป
ผูกขาติดกับเจ้าหัวแผลเป็นซะสิ ไปเป็นผู้ติดตามเจ้าพอตเตอร์อย่างเดิม มันน่าจะดูดีกว่ามาคอยเฝ้า
พะเน้าพะนอยัยเลือดสีโคลนนะ”เขาพาลใส่จินนี่ ก่อนจะเดินลงบันไดไป
“ไอ้บ้าหัวน้ำมันหอยนี่ เห่าเป็นอย่างเดียวรึไงนะ”จินนี่เบ้ปาก แล้วเดินขึ้นบันไดไป
ในห้องพยาบาล เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าข้อเท้าเธอหายเป็นปกติแล้ว เธอจึงหันไปบอกรอน
“รอน ฉันว่าข้อเท้าฉันหายเป็นปกติแล้ว เธอไปถามมาดามพอมพรีย์ให้หน่อยสิ ว่ากลับไป
เรียนได้รึยัง”
“หายใจเข้าออกมีแต่เรื่องเรียนหรือไงนะเธอนี่”รอนว่า ก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานมาดาม
พอมพรีย์ เธอเดินไปเข้าห้องน้ำ รอนจึงพบกับแอนนิต้าแทน
“มาดามไปไหนเหรอ”เขาถามเธอ
“ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”เธอตอบ พลางจิบยาในถ้วยเข้าไปอึกนึง รสชาดมันแย่มาก แอนนิต้าจึง
สำลัก
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า”รอนถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นแอนนิต้าทั้งไอทั้งสำลัก“เอานี่”รอนริน
น้ำใส่แก้วส่งให้เธอ แอนนิต้ารับมาดื่ม เธอหยุดไอ
“ขอบใจนะ”เธอพูดพลางยิ้มให้
“ไม่เป็นไร”รอนบอก ในใจเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเธอช่างดูน่ารักเหลือเกิน
“วีสลีย์ มีอะไรเหรอจ๊ะ”มาดามพอมพรีย์ออกมาจากห้องน้ำพอดี
“เฮอร์ไมโอนี่ให้ผมเข้ามาถามน่ะครับ ว่าเธอกลับไปเรียนได้รึยัง เธอบอกว่าเธอหายเจ็บข้อ
เท้าแล้วครับ”รอนบอก
“เหรอจ๊ะ งั้นฉันไปตรวจดูให้แน่ใจอีกทีดีกว่า”เธอพูด ก่อนจะหันบอกกับแอนนิต้าว่า
“เชอร์ม็อคจ๊ะ เดี๋ยวเธอทานยาถ้วยนี้หมด ก็ไปเรียนได้แล้วนะจ๊ะ”
“ค่ะ”แอนนิต้าพยักหน้า มาดามพอมพรีย์เดินออกไปพร้อมกับรอน เขาอดที่จะหันมามอง
แอนนิต้าอีกครั้งไม่ได้ เธอยิ้มให้เขา รอนยิ้มตอบอย่างเก้อเขิน ก่อนจะเดินตามมาดามพอมพรีย์ไป
เมื่อมาดามพอมพรีย์มาตรวจดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วพบว่าข้อเท้าเธอหยเป็นปกติดีแล้ว
เธอจึงอนุญาตให้เฮอร์ไมโอนี่กลับไปเรียนได้
เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเดินออกมาจากห้องพยาบาล ทั้งคู่เจอกับมัลฟอยพอดี
“ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่งเอาตารางเวรพรีเฟ็คมาให้ วันอาทิตย์นี้เธอต้องออกตรวจเวร
พร้อมฉัน”เขาพูดห้วนๆ พร้อมกับยื่นตารางให้
“รู้แล้ว”เธอตอบเสียงกระด้าง ไม่ยอมรับตารางที่เขายื่นให้
“เอาตารางนี้ไปด้วย”เขาบอกเสียงแข็ง เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมรับตาราง เธอยกมือขึ้น
กอดอกสะบัดหน้าไปอีกทาง
“ฉันรับแทนเอง”รอนดึงตารางจากมือมัลฟอย แล้วจูงมือเฮอร์ไมโอนี่ไปอีกทาง มัลฟอย
มองตามอย่างโกรธๆ
+++++..........................................................+++++
ในเช้าวันอาทิตย์ หลังจากที่รับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว แฮร์รี่ รอน เนวิลล์ และแพนซี่
เดินออกมาส่งเฮอร์ไมโอนี่หน้าปราสาท วันนี้เธอต้องออกตรวจเวรพร้อมมัลฟอย
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอต้องระวังตัวนะ”เนวิลล์พูดอย่างเป็นห่วง
“ถ้ามันทำอะไรเธอ เธอบอกฉันนะ ฉันจะเสกคาถากรีดแทงใส่มัน”รอนทำหน้าขึงขัง
“รอน กว่านายจะเสกคาถาใส่มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ก็คงจะเสกคำสาบพิฆาตใส่มัลฟอยไป
เรียบร้อยแล้วล่ะ”แฮร์รี่ว่า
“ขอบใจนะที่มาส่ง พวกเธอกลับขึ้นข้างบนเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวฉันต้องไปที่
ทะเลสาบ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเขียนไว้ในตารางน่ะ ว่าให้ไปที่นั่น”เธอบอกเพื่อนๆ
“โชคดีนะ”แพนซี่บอก เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าพลางยิ้มให้ เพื่อนๆมองเธออย่างเป็นห่วง
ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในปราสาท
เฮอร์ไมโอนี่เดินมาที่ทะเลสาบ มัลฟอยยืนรออยู่แล้ว
“พวกเด็กปี3 ต้องพายเรือไปเก็บสมุนไพรในทะเลสาบ หน้าที่ของเธอกับฉันก็คือคอยพาย
เรือตรวจตราไปรอบๆ เพื่อคอยดูแลเด็ก”เขาพูดนิ่งๆ เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองรอบๆ พวกเด็กปี3
ยืนเข้าแถวกันอยู่ มีเรือพายหลายลำลอยอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ มัลฟอยหันไปตะโกนบอกเด็กๆว่า
“ลงเรือกันได้ ลำนึงต่อ4คน พวกเธอช่วยปฏิบัติตามคำสั่งอาจารย์และพรีเฟ็คอย่างเคร่งครัด
ด้วย”
เมื่อเด็กปี3ขึ้นนั่งบนเรือและพายออกไปเรียบร้อยแล้ว มัลฟอยเดินนำเฮอร์ไมโอนี่มาที่เรือพาย
ลำเล็กขนาด2คนนั่ง ซึ่งจอดเหลืออยู่ลำเดียว เขาก้าวลงไปนั่งบนเรือ ก่อนจะยื่นมือให้เฮอร์ไมโอนี่
จับ ขณะที่เธอจะก้าวลงเรือ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมส่งมือให้เขา
“นี่เธอ”มัลฟอยชักฉุน ยื่นมือไปดึงเฮอร์ไมโอนี่ให้ลงมานั่งบนเรือ เธอพยายามสะบัดมือ
ออก
“ฉันก็ไม่ได้พิศวาสอยากแตะต้องอะไรเธอนักหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด อ้อ ลืมไป ฉันไม่ใช่
เจ้าหัวแผลเป็นพอตเตอร์หรือเจ้าหน้ากระวีสลีย์นี่”เขาแขวะ
“นี่ ฉันมาปฏิบัติหน้าที่พรีเฟ็คนะ ไม่ได้มาฟังนายหอน”เธอสะบัดเสียง เขาจ้องเธอโกรธๆ
ก่อนจะพายเรือออกไป
ทั้งคู่ทำหน้าบึ้งใส่กันตลอดเวลา ระหว่างที่พายเรือไปรอบๆทะเลสาบ
“พี่เฮอร์ไมโอนี่คะ ใบสีเขียวแก่ขนาดนี้นี่ใช้ได้มั๊ยคะ”เด็กบ้านกริฟฟินดอร์คนหนึ่งซึ่งนั่ง
อยู่กับเพื่อนๆบนเรือถาม ขณะที่เรือของเธอพายมาใกล้ๆ
“ใช้ได้แล้วจ้ะ”เธอบอกกับเด็กคนนั้นพลางยิ้มให้ แต่พอหันกลับมาเจอหน้ามัลฟอย เธอก็
ทำหน้าบึ้งตามเดิม
“คงจะผิดหวังมากล่ะสิ ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าวีสลีย์”เขาว่า
“ก็คงจะพอๆกับนายน่ะแหล่ะ ที่ต้องมาออกเวรกับฉัน แทนที่จะได้อยู่กับคู่หมั้น”เธอตอก
กลับ
“ตอนนี้ก็เหลือวีสลีย์คนเดียวแล้วล่ะสิ เพราะพอตเตอร์ก็มีพาร์กินสัน แย่หน่อยนะ”เขาพูด
เยาะๆ“อ้อ ไม่สิ ยังมีเจ้าบื้อลองบัตท่อมอีกคนนี่”
“ฉันไม่เคยคิดอะไรกับ3คนนั่น อย่างที่นายคิด ฉันไม่ใช่พวกที่นึกสนุก แล้วอยากจะหลอก
ปั่นหัวใครก็ทำ”เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ“ฉันออกจะโง่ซะด้วยซ้ำที่เคยหลงชอบ
คนอย่างนาย”เธอหลุดปากออกมา มัลฟอยอึ้งไป เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเผลอตัวพูดอะไรออกไป
เธอก็ตกใจไม่น้อย มีเรือว่างลำหนึ่งลอยมาใกล้ๆพอดี เธอจึงลุกขึ้นแล้วก้าวข้ามไปที่เรือนั้นทันที
“เกรนเจอร์ เธอจะทำอะไรน่ะ”มัลฟอยร้องถาม เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เมื่อเธอก้าวขาลงไป
ที่เรือ เรือก็เกิดการโคลงเคลงทำให้เธอเสียหลักตกน้ำไป
“เกรนเจอร์”มัลฟอยร้องลั่นด้วยความตกใจ เขากระโดดลงไปช่วยเธอทันที มัลฟอยควาน
หาตัวเธอจนเจอ เฮอร์ไมโอนี่หมดสติไปแล้ว มัลฟอยว่ายน้ำพาเธอขึ้นมาที่ฝั่งอีกฝั่งนึง ซึ่งเด็กปี1
ใช้เป็นที่ขึ้นเรือข้ามฝั่งมาที่ปราสาท
“เกรนเจอร์”เขาเรียกเธอ พลางตบหน้าเธอเบาๆ เพื่อให้เธอได้สติ
“เธอต้องไม่เป็นอะไรนะเกรนเจอร์ เธอพูดกับฉันสิ”มัลฟอยเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่ จนลืมนึก
ไปถึงเรื่องที่เขาต้องเสแสร้งแกล้งทำไม่ดีกับเธอเพื่อให้เธอเกลียดเขา
“เกรนเจอร์”มัลฟอยยกตัวเธอขึ้นพาดบ่า ใช้ศอกกระทุ้งท้องเธอ เพื่อให้สำลักน้ำออกมา แต่
ก็ไม่ได้ผลเขาจึงวางตัวเธอลง แล้วใช้วิธีผายปอด มัลฟอยประกบปากเขาลงไป สักครู่เฮอร์ไมโอนี่
ก็สำลักน้ำออกมา
“เกรนเจอร์”เขาดึงตัวเธอเข้ามากอดอย่างดีใจ เธอปล่อยให้เขากอดอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอได้สติ
คืนมาเธอก็ผลักไสเขาออกไปทันที
“มัลฟอย ปล่อยนะ”
“โอ๊ย นี่ฉันช่วยเธอไว้นะ”เขาว่า
“แล้วใครใช้ให้ช่วยล่ะ ความจริงนายน่าจะปล่อยให้ฉันจมน้ำไปเลย มาช่วยฉันทำไม ถ้าเกิด
นายเป็นอะไรขึ้นมา เดี๋ยวจะไม่ได้เห็นหน้าคู่หมั้นอีก”เฮอร์ไมโอนี่ประชด
มัลฟอยมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เขาทรมานมาเยอะแล้วที่ต้องเสแสร้งแกล้งทำให้เธอเกลียดเขา
แต่ในวันนี้ ที่ตรงนี้ นาทีนี้ ความรักที่เขามีต่อเธออยู่เหนือเหตุผลทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อครู่เขาเกือบ
สูญเสียเธอไป เขาไม่สามารถฝืนทำเป็นใจร้ายเพื่อให้เธอเกลียดเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขารักเธอ
“เกรนเจอร์ ฉันรักเธอ”เขาดึงตัวเธอเข้ามากอดและจูบ เฮอร์ไมโอนี่ดันตัวออก ฟาดฝ่ามือ
ลงไปที่หน้าเขาเต็มๆ
“พอได้แล้ว เลิกโกหกหลอกลวงกันซักที ฉันไม่เชื่อนายอีกแล้ว”เธอตะโกนใส่หน้าเขาทั้ง
น้ำตา
“เกรนเจอร์”เขามองเธออย่างเจ็บปวด“ฟังฉันบ้างเถอะ”
“ฉันไม่ฟัง นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”เธอยกมือขึ้นปิดหู หันหลังให้เขา น้ำตาไหลพราก
มัลฟอยจับมือเธอที่ปิดหูลง ดึงตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา แววตาเขาโศกเศร้าไม่
ต่างจากเธอ
“กลับไปหาคู่หมั้นนายซะเถอะ เชอร์ม็อคเป็นคนดี เปล่าประโยชน์ที่จะมาพูดกับฉัน”เธอ
พูดเสียงขื่น
“ฉันไม่ได้..”มัลฟอยจะอธิบายความจริง แต่เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาเสียก่อน
“อย่าพูดว่านายไม่รักเธอ เพราะฉันจะไม่เชื่อ”
“เกรนเจอร์”เขาเรียกชื่อเธออย่างเสียใจ
“พาฉันกลับไปที่ฝั่ง ได้โปรด”เฮอร์ไมโอนี่พูด แววตาเธอนิ่ง
“ได้สิ ถ้าเธอต้องการ”มัลฟอยมองหน้าเธออย่างสิ้นหวังที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจ เขาพายเรือ
พาเธอกลับไปที่ฝั่งปราสาท เมื่อเรือเทียบฝั่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกขึ้นทันที มัลฟอยจับมือเธอไว้
“เกรนเจอร์ ฉันแค่อยากให้เธอรู้ไว้ เธอปวดร้าวแค่ไหน ให้รู้ฉันไม่ต่างกัน”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาไหลออกมาอีก เธอแกะมือเขาออก พอขึ้นฝั่ง เธอก็วิ่งขึ้น
ปราสาทไปทันที มัลฟอยมองตามเธอไปอย่างเสียใจเป็นที่สุด เขาลุกขึ้นยืน แล้วกระโดดลงไปใน
ทะเลสาบ ปล่อยให้ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าสู่จิตใจที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว
+++++........................................................................+++++
ตะเกียงหัวใจ ตอนที่9
....................................................................................................ฝ่ายเฮอร์ไมโอนี่เมื่อวิ่งขึ้นมาถึงหอนอน เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ก่อนจะหลับไปทั้งน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม เธอหลับไปนาน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่
ปาราวตีขึ้นมาปลุก
“เฮอร์ไมโอนี่ ตื่นได้แล้ว”ปาราวตีเรียกเบาๆ
“หือ”เธองัวเงีย“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย”
“จะทุ่มนึงแล้วจ้ะ”ปาราวตีตอบ
“ตายจริง นี่ฉันเผลอหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”เธอตกใจ“แล้วแฮร์รี่กับรอนล่ะ”
“พวกเขารอเธออยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ เนวิลล์ก็อยู่ด้วย”ปาราวตีบอก“เห็นเธอยังไม่ลงมาซัก
ที เลยให้ฉันช่วยขึ้นมาดูน่ะ เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าจ้ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ลงไปกันเถอะ”เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้มให้ ก่อนจะจูงมือปาราวตี
ลงจากหอนอนไป
เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่ รอน เนวิลล์ และปาราวตีลงมาทานอาหารเย็นกันที่ห้องโถง เฮอร์ไมโอนี่
อดที่จะเหลือบมองไปที่โต๊ะสลิธีรินไม่ได้ แต่มัลฟอยไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะ เก้าอี้ที่เขาเคยนั่งว่างเปล่า
“ไปไหนของเขานะ”เธอคิดในใจอย่างเป็นห่วงอยู่ลึกๆ
“มองหาใครอยู่เหรอ เฮอร์ไมโอนี่”เสียงแหลมๆดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หันไปมอง แพนซี่นั่น
เอง เดี๋ยวนี้เธอกับแพนซี่สนิทกัน จนเรียกชื่อเล่นกันแล้ว
“อ๋อ เปล่าจ้ะ เธอมาพอดี รอนกำลังรออยู่เลย”คืนนี้แพนซี่ต้องออกตรวจเวรพรีเฟ็คพร้อม
กับรอน
“ต้องเรียกกินรอถึงจะถูก”แฮร์รี่ว่า
“อ่าแอวอ่า(อย่าแซวน่า)”รอนพูดทั้งที่เคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก
“นายก็กินให้มันเร็วๆหน่อยสิรอน ให้ผู้หญิงเขารอนี่มันดูแย่นะ”เฮอร์ไมโอนี่พูด
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องรีบ นานๆก็ได้จ้ะ”แพนซี่บอกพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม(เยี่ยงขี้มูก
โทรลล์)ไปทางแฮร์รี่ ซึ่งเริ่มทานไม่ลงแล้วในเวลานี้
รอนเริ่มรู้สึกเห็นใจเพื่อน จึงบอกว่า
“ไปกันเถอะ ฉันอิ่มพอดีเลย”เขาลากแขนแพนซี่ที่หน้าตาไม่เต็มใจนักออกไปจากห้องโถง
ทั้งคู่เดินมาด้วยกันตามระเบียงทางเดิน
“ไปเดินตรวจที่ไหนก่อนดี”แพนซี่ถาม
“รอบๆทะเลสาบดีมั๊ย”รอนเสนอ
“ก็ดีนะ”แพนซี่เห็นด้วย“ว้าย ตายละ”
“หะ อะไร ร้องซะตกใจ”รอนสะดุ้ง
“ฉันนึกขึ้นมาได้น่ะ ว่าลืมเข็มพรีเฟ็คไว้ที่หอนอน นายล่วงหน้าไปก่อนละกัน เดี๋ยวฉันตาม
ไป”แพนซี่บอก
“อืม แล้วตามมานะ”รอนพูดก่อนจะเดินออกไปที่ทะเลสาบ
บริเวณริมทะเลสาบในตอนค่ำมืดพอสมควร มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมา ทำ
ให้รอบๆทะเลสาบดูสว่างขึ้นเล็กน้อย แล้วรอนก็สังเกตเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ
กับทะเลสาบ เขาจึงเข้าเดินไปดู พร้อมทั้งพูดเสียงดุ
“นี่เธอ เอ่อ..เชอร์ม็อค”แอนนิต้านั่นเอง ดูเหมือนว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
“เธอเองเหรอ”แอนนิต้ารีบใช้หลังมือช็ดน้ำตา รอนตกใจนิดๆเมื่อเห็นคราบน้ำตาบน
แก้มเธอ เขาตัดสินใจยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ
“เอ่อ.. ขอบใจนะ”เธอรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
“ฉันนั่งเป็นเพื่อนมั๊ย”รอนเอ่ยถาม แอนนิต้าพยักหน้าเล็กๆ รอนจึงนั่งลงข้างๆเธอ
“ทะเลาะกับมัลฟอยมาเหรอ”เขาถามเมื่อเห็นเธอหยุดร้องไห้แล้ว
“ไม่ใช่หรอก ฉันคิดถึงบ้านน่ะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไม เวลาคนอื่นเขาเห็นฉัน
ร้องไห้ เขาถึงต้องคิดเหมือนกันหมด ว่าฉันทะเลาะกับเดรโกมา”เธอพูด
“ก็มัลฟอยเขาเป็นคู่หมั้นเธอไม่ใช่เหรอ แล้วเธอก็อยู่กับเขาตลอดเวลา”รอนพูดไปตาม
ที่เห็น
“ฉันกับเดรโกเป็นเพื่อนกัน เรื่องหมั้นมันเป็นความเห็นชอบและต้องการของผู้ใหญ่ทั้ง
นั้น”แอนนิต้าโพล่งขึ้นมาอย่างอึดอัดใจ
“หมายความว่าเธอโดนบังคับเหรอ”รอนประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ น่าแปลกที่จู่ๆเขา
ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ประมาณนั้น คุณพ่อกับคุณแม่ท่านตามใจฉันมาตลอด ท่านขอให้ฉันตามใจท่านบ้างใน
เรื่องนี้”เธอเล่าอย่างเศร้าๆ
“แล้วเธอรักมัลฟอยรึเปล่า”รอนถาม แอบมีความหวังอยู่ในใจลึกๆ แอนนิต้าพยักหน้า
รอนผิดหวัง แต่เขาก็ยิ้มได้เมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“รัก เพราะเขาเป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายที่ดีของฉัน”
“มัลฟอยเขารักเธอมั๊ย”รอนยังไม่หายคาใจ
“เขารักฉันแบบน้องสาวคนนึง เขาเคยบอกกับฉันว่า เรา2คนน่าจะเกิดมาเป็นพี่น้องกัน
จริงๆ เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีน้องสาว แต่เขาคงจะมีความสุขมาก ถ้ามีน้องสาวแบบฉัน ฉันก็คิด
อย่างนั้นเหมือนกัน ฉันเองก็คงจะมีความสุขมาก ถ้ามีพี่ชายที่น่ารักแบบนั้น”แอนนิต้าเล่าอย่าง
ภูมิใจ
“ตอนแรกฉันก็นึกว่า เธอกับเขารักกันแบบคู่รักซะอีก เห็นเขาดูเป็นห่วงเป็นใยเธอเหลือ
เกิน”รอนว่า
“เราเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่น้องกัน ก็ต้องห่วงใยกันเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
หรอก แล้วอีกอย่างเดรโกเขาก็มีผู้หญิงที่เขารักอยู่แล้วด้วย”เธอบอก
“จริงดิ ฉันอยากรู้จังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”รอนพูดอย่างสนใจ พลางคิดในใจ“หรือ
พูดให้ถูกใครคือผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้น”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเคยถามเขาตั้งหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมบอก เขาพูดแค่ว่า เรื่อง
ของเขากับผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้ เขาดูเศร้าทุกทีเวลาพูดถึงเรื่องนี้”แอนนิต้าพูด
อย่างเห็นใจ
“รอน นายอยู่ไหน”เสียงแพนซี่เรียกหารอนดังขึ้น
“แพนซี่มาละ ฉันต้องออกไปเดินตรวจเวรพรีเฟ็คแล้วล่ะ”รอนลุกขึ้นยืน แอนนิต้าก็ลุก
ขึ้นยืนเช่นกัน
“ขอบคุณนะที่นั่งอยู่เป็นเพื่อน”แอนนิต้าบอกพลางยิ้มให้
“ไม่เป็นไร เอ่อ. ถ้าเธอไม่รังเกียจ เราเป็นเพื่อนกันได้มั๊ย”รอนตัดสินใจถามออกไป
“ได้สิ แล้วฉันเรียกเธอว่ารอนได้มั๊ย”แอนนิต้ายิ้มกว้าง
“ได้เลยครับ คุณแอนนี่”เขายิงฟันให้
ทั้งคู่หัวเราะให้กันกับมิตรภาพใหม่ที่เกิดขึ้น
“ฉันกลับขึ้นข้างบนก่อนนะ”เธอบอก
“อืม ราตรีสวัสดิ์นะ”รอนพูด
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกัน”เธอยิ้มให้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในปราสาท รอนมองตามยิ้มอย่าง
อย่างมีความสุข แพนซี่เดินมาหาเขาพอดี
“คุยกับใครเหรอรอน”แพนซี่ถาม
“แอนนิต้า เชอร์ม็อค”เขาตอบพลางยิ้ม
“แอนนี่น่ะเหรอ เขาก็นิสัยดีนะ”เธอพูด
“เธอดีมากเลยล่ะ”รอนบอก ยิ้มกว้างกว่าเก่า“นั่นแฮกริดนี่ เขาถืออะไรมานะ สงสัยจะ
เป็นสัตว์ประหลาดที่เอามาให้พวกเราเรียนในชั้นแน่เลย ไปดูกันเถอะ”รอนว่าก่อนจะลาก
แพนซี่ไปหาแฮกริดด้วยกัน
แอนนิต้าเดินกลับเข้ามาที่หอสลิธีรินด้วยสีหน้าเป็นสุข แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นมัลฟอย
นอนกองอยู่ใกล้ๆเตาผิง ข้างๆตัวมีเขาเต็มไปด้วยขวดวิสกี้ไฟ
“เดรโก นายทำอะไรเนี่ย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวสเนปมาเห็นก็เป็นเรื่องหรอก”แอนนิต้า
เขย่าตัวมัลฟอย
“หือ”มัลฟอยหรี่ตาขึ้นมามอง“เธอม่ายร้ากฉันแล้วใช่มั๊ย”เขาพูดเสียงป้อแป้ เห็นหน้า
แอนนิต้าเป็นหน้าเฮอร์ไมโอนี่
“นายพูดอะไรเนี่ยเดรโก”แอนนิต้างง
“ทำไม เกรนน..เจอร์ เธอบอกฉ้านสิ”มัลฟอยยังคงเมาไม่ได้สติ
“เกรนเจอร์”เธอทวนชื่อเบาๆ“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ผู้หญิงคนนั้นคือเกรนเจอร์เหรอ
เดรโก”แล้วแอนนิต้าก็ได้คำตอบที่ชัดเจน เมื่อเห็นในมือมัลฟอยกุมสร้อยเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“เข้าใจละ เดรโกรักเกรนเจอร์น่ะเอง เอาไงต่อดีล่ะทีนี้ จะช่วยยังไงดี”แอนนิต้าขบคิด
“นึกออกละ”
แล้วเธอก็วิ่งขึ้นไปที่หอนอน หยิบม้วนกระดาษออกมา ลงมือเขียนจดหมายหารอนทันที
รอน
พรุ่งนี้ตอนค่ำ เธอออกมาพบฉันที่ใต้ต้นไม้ริมทะเลสาบ ที่เดิมที่เราเจอกัน
ได้มั๊ย ฉันมีเรื่องสำคัญมาก มาให้ได้นะ
แอนนี่
แอนนิต้าเขียนจดหมายเสร็จ เธอเดินไปที่กรงนกฮูกของเธอ ผูกจดหมายไว้ที่ขานกฮูก
เจ้านกฮูกบินออกไปทันที
+++++........................................................+++++
ในวันรุ่งขึ้น ดูเหมือนรอนจะไม่ค่อยสนใจเรียนหนังสือนัก เขาชำเลืองมองนาฬิกาบ่อยครั้ง
แน่นอนว่าเขากำลังเฝ้าคอยเวลาที่จะได้พบกับแอนนิต้าอยู่
แล้วในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เขาก็ลงไปที่
ทะเลสาบทันที รอนยืนรอแอนนิต้าอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่นานนักแอนนิต้าก็เดินออกมาจากปราสาท
เธอไม่ได้มาคนเดียว แต่เธอพาคนอีกคนนึงมาด้วย แพนซี่นั่นเอง
“รอนานมั๊ยรอน”แอนนิต้าถาม
“ไม่นานหรอก ฉันก็เพิ่งมาถึง”รอนตอบพลางมองไปที่แพนซี่งงๆ
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ฉันพาแพนซี่มาด้วย ฉันเพิ่งเล่าเรื่องสำคัญที่ว่าให้แพนซี่ฟัง”
แอนนิต้าบอก
“แล้วเรื่องสำคัญนั่นมันคืออะไรเหรอ”รอนถามอย่างอยากรู้เต็มที
แอนนิต้ากับแพนซี่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า
“ทำใจดีๆไว้ล่ะรอน”แพนซี่พูด แล้วแอนนิต้าก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้รอนฟัง
“ฮ้า ไม่นะ เธอล้อฉันเล่นใช่มั๊ย”รอนรับไม่ได้(เพราะเขาไม่ใช่พี่แบงค์วงแคลชนี่)
“แต่มันคือเรื่องจริงรอน ทำใจหน่อย”แพนซี่ว่า รอนพยายามสูดลมหายใจเข้า
“เธอจะช่วยให้เขา2คน คืนดีกันมั๊ย”แอนนิต้าถาม เมื่อเห็นรอนยังยืนนิ่ง เธอจึงพูดต่อไป
ว่า“ฉันรู้ว่าเดรโกเขาเคยทำไม่ดีกับพวกเธอไว้เยอะ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีมากเลยนะ แล้ว
ที่สำคัญเขารักเกรนเจอร์จริงและรักมากด้วย มันเป็นการช่วยเพื่อนเธอเองนะรอน”
“ถ้าเขา2คนคืนดีกันได้ เฮอร็ไมโอนี่ก็จะมีความสุข ไม่ดีเหรอรอน”แพนซี่ช่วยพูดอีกคน
รอนมองหน้าแอนนิต้ากับแพนซี่อย่างชั่งใจ เขาคิดถึงเรื่องที่มัลฟอยเคยทำร้ายๆกับเขาและ
แฮร์รี่ รอนขบกรามแน่น เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนรักของเขา แน่นอนเขาอยากเห็นเธอมีความสุข
แล้วเขาจะเลือกอะไรดีล่ะ ระหว่างเรื่องของเขากับความสุขของเพื่อน
“ก็ได้ ฉันจะช่วยด้วย”รอนตัดสินใจ แอนนิต้ากับแพนซี่ยิ้มให้กันอย่างดีใจ
“แต่”รอนนึกขึ้นมาได้ “แล้วแฮร์รี่ล่ะ เขารู้เรื่องนี้หรือยัง ฉันไม่รู้นะว่าเขาจะยอมช่วย
ด้วยรึเปล่า เพราะเขาเองก็เกลียดขี้หน้ามัลฟอย”
“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าฉันเกลียดมัลฟอย แต่ถ้ามันเป็นความสุขของเฮอร์ไมโอนี่ล่ะ
ก็ ฉันก็ยินดีช่วย”เสียงแฮร์รี่ดังขึ้นจากข้างหลัง ทุกคนหันไปมอง ก็พบว่าแฮร์รี่กำลังดึงผ้าคลุม
ล่องหนออก
“นายได้ยินหมดเลยเหรอ”รอนอ้าปาก
“ฉันบอกให้แฮร์รี่มายืนฟังเองแหล่ะ ฉันคิดว่าเธอ2คนเป็นเพื่อนรักของเฮอร์ไมโอนี่ทั้ง
คู่ เพราะฉะนั้นเธอควรจะรับรู้พร้อมๆกันไม่ใช่เหรอ”แพนซี่พูด“เธอคงไม่โกรธฉันนะแอนนี่
ที่ฉันเรียกแฮร์รี่มาฟังโดยไม่ได้บอกเธอก่อนน่ะ”
“ฉันว่ามันเป็นความคิดที่ฉลาดมากเลยล่ะ”แอนนิต้ายิ้มให้
“แล้วเธอจะทำยังไงที่จะให้2คนนั้นคืนดีกันได้”แฮร์รี่ถาม
“ก็ที่ฉันลองๆคิดไว้นะ แผนการก็เป็นแบบนี้..”แอนน้าอธิบายแผนที่เธอคิดไว้ให้ทั้ง3 ฟังอย่างละเอียด
มัลฟอยนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นรวม แอนนิต้าเดินมายืนอยู่ตรงหน้า
“อ้าวแอนนี่มีอะไรเหรอ”เขาเงยหน้าขึ้นมา
“มากับฉันเถอะ”เธอดึงมือมัลฟอยให้ลุกขึ้น
“เธอจะพาฉันไปไหน”มัลฟอยถาม แต่แอนนิต้าไม่ตอบ เธอจูงมือมัลฟอยเดินออกมาจาก
ห้องนั่งเล่นรวม
แอนนิต้าพามัลฟอยมาที่หน้าตู้เก็บของใต้บันได แฮร์รี่ รอน และแพนซี่ยืนอยู่ตรงนั้น
“เธอพาฉันมาหาพวกนี้ทำไม แอนนี่”มัลฟอยถามอย่างไม่พอใจ
“พวกเขาจะช่วยเธอได้เรื่องเกรนเจอร์”แอนนิต้าบอก
“เรื่องเกรนเจอร์ นี่เธอรู้เรื่องนี้ได้ไงแอนนี่”เขาตกใจ
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เอาเป็นว่าฉันรู้ละกัน”เธอพูด
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น โดยเฉพาะจากคนพวกนี้”เขาพูดหยิ่งๆ
พลางยักไหล่ ก่อนจะเดินกลับไปทางเดิม
“เดี๋ยวสิ เดรโก”แอนนิต้าวิ่งตามไป
“หน็อย ไอ้กร๊วกนี่ จะช่วยแล้วยังมาทำหยิ่งอีก ***น้ำยาปลูกกระดูกกรอกปากจริงๆ”
รอนยัวะ
“เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้แหล่ะ อย่าโมโหไปเลย”แพนซี่บอก
“เย็นไว้รอน อย่าลืมสิว่าเราทำเพื่อเฮอร์ไมโอนี่นะ”แฮร์รี่เตือน รอนจึงยอมสงบลงได้
แอนนิต้าวิ่งจนตามมัลฟอยทัน
“เดรโก เดี๋ยวก่อนสิ”
“เธอไปตาม3คนนั่นมาทำไม”เขามองหน้าเธอโกรธๆ
“ก็เพื่อช่วยนายยังไงล่ะ พวกเขารู้ว่านายรักเกรนเจอร์ เขาก็จะช่วยให้นายได้ปรับความ
เข้าใจกับเธอยังไงล่ะ”แอนนิต้าอธิบาย
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ฮึ เจ้าพอตเตอร์กับเจ้า
วีสลีย์น่ะเหรอจะช่วยฉัน ไม่มีทาง”มัลฟอยบอกฉุนๆ
“นายมันก็เป็นซะอย่างเงี้ย รอนตกับแฮร์รี่เขาอุตส่าห์ยอมช่วยเพื่อให้นายได้คืนดีกับ
เพื่อนเขา แต่นายก็มัวแต่ถือทิฐิบ้าบออะไรอยู่ได้ ถ้านายยังมัวแต่ถือทิฐิอยู่อย่างนี้นายก็ไม่มี
วันมีความสุขหรอก และที่สำคัญนายก็จะไม่ได้คนที่นายรักกลับคืนมาด้วย”แอนนิต้าตะโกน
ใส่ ก่อนจะเดินกลับไป มัลฟอยอึ้งไปกับคำพูดของแอนนิต้า ในที่สุดด้วยความรักที่เขามีต่อ
เฮอร์ไมโอนี่ ทำให้เขายอมทิ้งทิฐิทั้งหมด และเดินตามแอนนิต้าไป
“แอนนี่”เขาเรียก แอนนิต้าหันมามอง“3คนนั่นยังไม่เปลี่ยนใจที่จะช่วยฉันใช่มั๊ย”เขา
ถามอย่างเก้อเขิน ทำให้แอนนิต้ายิ้มออกมาได้
ทั้งคู่เดินกลับมาหาพวกแฮร์รี่ที่หน้าตู้เก็บของ
“นายจะช่วยฉันใช่มั๊ย”เขาตัดสินใจถามขึ้นก่อน
“อืม”แฮร์รี่พยักหน้า“ถ้าเฮอร์ไมโอนี่เขารักนายแล้วมีความสุข ในฐานะเพื่อนฉันก็ไม่
ขัดอะไร แล้วก็ดีใจกับเขาด้วย”
“ฉันหวังว่านายคงจะไม่ทำให้เพื่อนฉันเสียใจอีกนะ”รอนพูด“เพราะถ้านายทำ
เฮอร์ไมโอนี่เสียใจอีกละก็ นายจะไม่มีวันได้เข้าใกล้เธออีกเลย”
“ฉันรักเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ฉันก็รักผู้หญิงคนนี้มาก”มัลฟอยพูดอย่างหนักแน่น
“พวกเราเชื่อนาย”แฮร์รี่บอก
“เอ่อ..”มัลฟอยพูดขึ้นมาอย่างลำบากเล็กน้อย“ขอบใจนะที่จะช่วย”เขายื่นมือให้ แฮร์รี่
พยักหน้าเล็กๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับกับมัลฟอย เขายื่นมือมาทางรอน รอนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็
ตัดสินใจยื่นมือไปสัมผัสกับมัลฟอย แอนนิต้ากับแพนซี่บีบมือกันอย่างดีใจกับภาพที่เห็นตรง
หน้า แล้วทั้ง5ก็สุมหัววางแผน“ปฏิบัติการขอนิ้วก้อย”กัน

+++++.........................................................+++++



ตะเกียงหัวใจ ตอนที่10(ตอนจบ)
ข้อความ : come backจ้า หลังจากดองเค็มมาเป็นเวลาร่วมอาทิตย์ ก็ได้เวลา
วางแผงซักที นับไปนับมาเวลารวมที่เขียนฟิคทั้งหมดก็ได้เดือนเศษแล้วมั้ง จบตอนที่10พอดี ดารินขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากนะคะที่คอยติดตามและให้กำลังใจมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ ไม่พูดมากละ ปายอ่านตอนจบกันเลยค่ะ
....................................................................................................
แฮร์รี่กับรอนเดินนำมัลฟอยและแพนซี่มาที่ชั้น7 ตรงข้ามกันม่านปักของบาร์นาบัสจอม
เพี้ยน
“เอาล่ะทีนี้”แฮร์รี่หันหน้ากลับมา“นายก็ต้องเดินผ่านกำแพงนี่ไปมา3หน แล้วนึกถึงสิ่ง
ที่นายต้องการ”
มัลฟอยทำตามที่แฮร์รี่บอก เขาหลับตาตั้งสมาธิ แล้วเดินผ่านกำแพงไปมา3รอบ เมื่อครบ3
ก็ปรากฏประตูไม้ขัดเงาอยู่ตรงกำแพง
“ลองเปิดเข้าไปดูสิ”รอนบอก มัลฟอยเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไป แฮร์รี่ รอน และแพนซี่
เดินตามเข้ามา แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่า พวกเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางน้ำตกขนาดใหญ่
“ที่นี่มัน”รอนทำท่านึก
“น้ำตกVerdant”มัลฟอยตอบให้แทน
“เอาล่ะตอนนี้อะไรๆ ก็พร้อมหมดแล้ว ขาดก็แต่ตัวเฮอร์ไมโอนี่ ไม่รู้ว่าแอนนี่จะตามมา
ได้สำเร็จรึเปล่า”แพนซี่พูด
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ปัญหามันอยู่ที่ว่ามัลฟอยจะพูดให้เฮอร์ไมโอนี่
เข้าใจได้รึเปล่า”แฮร์รี่บอก ในขณะที่มัลฟอยมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
+++++.......................................................+++++
ทางด้านแอนนิต้า เธอเดินตามหาเฮอร์ไมโอนี่ไปทั่วปราสาท จนในที่สุดเธอก็พบ
เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด
“เกรนเจอร์”แอนิต้าเรียก
“อ้าว เชอร์ม็อค มีอะไรหรือจ๊ะ”เธอเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อ่านอยู่
“คืออย่างงี้จ้ะ เมื่อ2วันที่แล้วฉันเจอห้องๆหนึ่ง พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นมีพวก
สมุนไพรหายากขึ้นอยู่เต็มไปหมดเลย ฉันก็เลยจะมาชวนเธอไปดูด้วยกันน่ะ เธอว่างไปกับ
ฉันมั๊ย”แอนนิต้าพูดตามที่เตรียมการไว้กับพวกแฮร์รี่
“ไปสิ ดีเหมือนกัน เผื่อเจอชนิดที่น่าสนใจจะได้เก็บมาเป็นตัวอย่าง”เธอปิดหนังสือ
ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดไปพร้อมแอนนิต้า
แอนนิต้าพาเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาที่ชั้น7
“เอ๊ะ ที่นี่มัน”เฮอร์ไมโอนี่อุทานงงๆ เมื่อแอนนิต้าพาเธอมาหยุดที่กำแพงตรงข้ามกับม่าน
ปักรูปบาร์นาบัสจอมเพี้ยน ซึ่งเธอรู้ดีว่าเป็นที่ตั้งของห้องต้องประสงค์
“คือเมื่อ2วันก่อน ฉันรู้สึกกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องวิชาปรุงยาน่ะ ก็เลยขึ้นมาเดินสงบจิตใจ
แถวนี้ ระหว่างที่ฉันเดินคิดไปคิดมา จู่ๆก็มีประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้นที่กำแพงนี่ ฉันก็เลย
เปิดเข้าไปดู แล้วก็เจออย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหล่ะจ้ะ”แอนนิต้ารีบบอก เมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่
ทำหน้าสงสัย
แอนนิต้าเดินวนไปวนมา3รอบ เมื่อครบ3รอบประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
“เข้าไปข้างในกันเถอะจ้ะ”เธอบอกพร้อมกับจูงมือเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปข้างใน
“น้ำตกVerdant”เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างประหลาดใจ แอนนิต้าพาเธอเดินขึ้นมา
ที่โขดหินใกล้น้ำตก
“ที่นี่น่ะเหรอ ที่เธอบอก”เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะที่มองไปรอบๆ แต่ไม่มีเสียงตอบจาก
แอนนิต้า เธอจึงหันกลับไปมอง แล้วเธอก็พบมัลฟอยยืนอยู่
“นี่นาย”เธอตกใจ“เชอร์ม็อคเธออยู่ไหนน่ะ”
“เกรนเจอร์”เขาเรียกเธอ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเชอร์ม็อคไปไหน”เฮอร์ไมโอนี่มองเขา
อย่างไม่ไว้ใจ
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจหรอก”เขาบอก
“ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”เธอพูดเสียงเข้ม พร้อมทั้งเดินหนี แต่มัลฟอยจับแขนเธอไว้เสีย
ก่อน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”เธอดิ้น แต่มัลฟอยไม่ยอมปล่อย แววตาเขาดูวิงวอนและจริงจัง
เฮอร์ไมโอนี่หยุดยืนนิ่งๆ แต่ก็ยังปากแข็ง ตีหน้าดุใส่
“ก็ได้ ฉันจะฟัง รีบๆพูดล่ะ ฉันไม่มีเวลามาก”
มัลฟอยยิ้มอย่างดีใจ เขาจับมือเธอให้นั่งลงบนโขดหิน เฮอร์ไมโอนี่สะบัดเล็กๆ แต่ก็
ยอมนั่งลง
“เธอคงจะเข้าใจว่าฉันหลอกเธอ”เขาพูดขึ้น
“แล้วจะให้ฉันเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ”เธอย้อนถาม
“ฉันกับแอนนี่..”มัลฟอยจะพูดต่อ แต่เฮอร์ไมโอนี่ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เป็นคู่หมั้นที่รักกันมาก”
“มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเอาเอง โดยที่ฉันและแอนนี่ไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย”
มัลฟอยอธิบาย
“นี่นายกำลังจะเล่านิยายน้ำเน่าให้ฉันฟังอยู่รึไง”เธอถามเสียงขม อย่างไม่อยากเชื่อ
“เธออาจจะไม่เชื่อฉัน แต่ฉันขอร้องให้เธอฟังเรื่องทั้งหมดให้จบเสียก่อนจะได้มั๊ย แล้ว
หลังจากนั้น ถึงเธอจะไม่เชื่อฉัน ฉันจะไม่ว่าเธอเลย เพราะฉันถือว่า ฉันได้พูดความจริง
ทั้งหมดกับเธอแล้ว”เขาขอร้อง
“ก็ว่ามาสิ”เธอพูดเสียงแผ่ว
“ก็อย่างที่เธอรู้ ว่าพ่อฉันถูกจับเข้าคุก สถานการณ์ณ์ในบ้านฉันย่ำแย่ลงทุกวัน แล้ววัน
หนึ่งแม่ก็ได้พบกับคุณเชอร์ม็อค พ่อของแอนนี่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงในกระทรวง
ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่ลอนดอน แม่รู้มาว่าคุณเชอร์ม็อคกำลังต้องการเส้นสายในการลงทุน
ทำธุรกิจ แม่ก็เลยยื่นข้อเสนอในเรื่องธุรกิจ แลกกับการที่คุณเชอร์ม็อคจะวิ่งเรื่องพ่อให้
ซึ่งคุณเชอร์ม็อคก็ตอบตกลง แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังดำเนินการแลกเปลี่ยนกันอยู่ ต่าง
คนก็ต่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำตามสัญญา เขาก็เลยหาหลักประกันโดยให้ฉันหมั้นกับ
แอนนี่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์ การผูกมัดระหว่างฉันกับแอนนี่
ก็จะจบลงด้วย ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เราจะหลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆนี่”เขาเล่าทุก
สิ่งทุกอย่างให้เธอฟัง
เฮอร์ไมโอนี่ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกราวกับว่า ในใจเธอที่เคยมืดมนค่อยๆสว่างไสว
ขึ้นอีกครั้ง
“แล้วนายรักเธอรึเปล่า”เธอตัดสินใจถามในสิ่งที่ยังค้างคาใจ แม้จะกลัวคำตอบจับใจ
“อย่าบอกนะว่านายไม่ได้รักเธอ เพราะฉันคงไม่เชื่อ”
“ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันรักแอนนี่”มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ใจหายวาบ“แอนนี่เป็นคน
ที่น่ารักและจิตใจดี ฉันก็เลยรักน้องสาวคนนี้มาก”
“น้องสาว”เธอทวนคำเบาๆ
“อือหือ”เขาพยักหน้า
“แล้วเขารักเธอแบบพี่ชายรึเปล่า”เฮอร์ไมโอนี่อดที่จะถามต่อไม่ได้
“แอนนี่พูดอยู่เสมอว่า เธออยากให้ฉันเกิดมาเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ ฉันเองก็อยาก
ให้เราเกิดมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ”มัลฟอยเล่า“เกรนเจอร์ ฉันถามอะไรเธอหน่อยได้มั๊ย”
“ก็ถามมาสิ แต่ไม่รับปากว่าจะตอบ ถ้าฉันไม่อยากตอบ”เธอพูดรวนๆ ดีใจอยู่ลึกๆ
“เธอเชื่อฉันมั๊ย”เขาถามอย่างอ่อนโยน แน่นอนว่าเธอเชื่อเขา แต่ก็ไม่ยอมตอบ ทำ
เป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปซะอย่างนั้น มัลฟอยถอนใจอย่างผิดหวัง
“งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้ เธอจะยกโทษให้ฉัน กับสิ่งที่ฉันเคยทำกับเธอจะได้มั๊ย”
“นายทำฉันทั้งเจ็บทั้งเสียใจ แล้วจะมาขอให้ยกโทษให้ง่ายๆอย่างงี้เหรอ”เธอว่า
ก่อนจะพูดต่อ“นายช่วยพูดให้ฉันเข้าใจทีได้มั๊ยว่าทำไมนายถึงต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้เธอต้องมารับรู้หรือเสียใจกับเรื่องบ้าๆเหมือนกับฉัน ฉันไม่
อยากให้เธอเจ็บ ฉันก็เลยตั้งใจจะทำทุกทางเพื่อให้เธอเกลียดฉัน”เขาพูดอย่างหม่นหมอง
“จะทางไหนฉันก็เจ็บอยู่ดี ทำไมนายไม่คิดบ้าง”เธอตัดพ้อ น้ำตาเริ่มคลอ
“เคยได้ยินมั๊ย เกรนเจอร์”เขาเลื่อนมือมากุมมือเธอไว้“เรื่องบางเรื่อง ไม่มีคนเจ็บ
ไม่มีทางจบ”
“แล้วเรื่องนี้ล่ะ”เธอถามเสียงสั่นเครือ
“เราเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ต่างคนต่างเจ็บ”เขาพูดน้ำเสียงสะเทือนใจไม่แพ้กัน“ให้มัน
ผ่านไปได้มั๊ย ผ่านไปพร้อมๆกับความเจ็บปวดทั้งหมด”
เฮอร์ไมโอนี่มองตาเขานิ่ง
“ฉันถามเธอมา3คำถามแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ตอบฉันซักคำถาม เธอตอบฉันได้มั๊ย
ทั้ง3คำถาม เพียงแค่เธอพยักหน้าหรือส่ายหน้า”มัลฟอยถามเศร้าๆเตรียมใจกับคำตอบ
ที่จะได้รับ เฮอร์ไมโอนี่มองสบตาเขาใจอ่อนยวบ กำแพงที่เธอเคยสร้างกั้นกลางพังทลาย
ลงในนาทีเดียว เธอพยักหน้าพร้อมๆกับน้ำตาที่หยดลงมา
“เกรนเจอร์”มัลฟอยดีใจจนพูดไม่ออก เขาดึงเธอเข้ามากอด เฮอร์ไมโอนี่กอดเขา
ตอบ
“มีอีกเรื่องนึง ที่ฉันอยากให้เธอรับรู้มากที่สุด”มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าที่
ซบไหล่เขาขึ้นมามอง มัลฟอยก้มลงกระซิบข้างๆหูเธอ
“ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู เธอยิ้มทั้งน้ำตา มัลฟอยค่อยๆก้มลงจุมพิตเธอ เฮอร์ไมโอนี่
หลับตาพริ้ม นานพอสมควรกว่ามัลฟอยจะถอนริมฝีปากออกอย่างแผ่วเบา ทั้งคู่สบตา
กันอย่างลึกซึ้ง
“เย้!”มีเสียงเฮดังขึ้นจากน้ำตก“จูบอีกๆ”ทั้งคู่หันไปมองก็พบว่าแฮร์รี่ รอน
แอนนิต้า และแพนซี่ซึ่งนั่งอยู่บนเรือแคนู กำลังส่งเสียงเชียร์กันใหญ่
“พวกเธอ”เฮอร์ไมโอนี่งง หันมามองมัลฟอยเห็นเขายิ้มเจ้าเล่ห์ยักคิ้วให้ เธอก็เดา
เรื่องออกทันที“อ้อ”
“นี่แน่ะ”เธอหยิกหมับเข้าให้ที่แขนมัลฟอย“เจ้าเล่ห์นัก”
“โอ๊ย”เขาร้องลั่น
“นี่สมรู้ร่วมคิดกันหมดเลยใช่มั๊ยนี่ อย่างนี้ต้องโดน”พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินลุย
ลงไ ปในน้ำ พอไปถึงเรือเธอก็จัดการโคลงเรือทันที
“เฮ้ย/ว้าย”ทั้ง4ร้องอย่างตกใจ
“นี่แน่ะๆ โทษฐานรู้เห็นเป็นใจ”เธอมันเขี้ยวโคลงเรือไปมา จนในที่สุดเรือก็คว่ำ
ทั้ง4คนเลยลงไปลอยคอในน้ำ
“สมน้ำหน้า”
“เล่นงี้เหรอ อย่างงี้ต้องเอาคืน”แพนซี่พูด ก่อนจะแกล้งวักน้ำใส่เฮอร์ไมโอนี่
“อ๋อ เล่นงี้หรอ ได้เลย”เฮอร์ไมโอนี่วักน้ำใส่บ้าง มัลฟอยกระโจนลงมาเล่น
ด้วยอีกคน ทั้ง6คนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
+++++...................................................+++++
เมื่อทั้ง6คนเล่นน้ำจนตัวซีดไปตามๆกันแล้ว ก็พากันขึ้นจากน้ำ ใช้คาถาทำให้ผม
และเสื้อผ้าที่เปียกน้ำแห้ง แล้วจึงเดินออกมาจากห้องต้องประสงค์
“ให้ตายสิ ไม่ได้เล่นอะไรสนุกๆอย่างนี้มาชาติเศษแล้ว”รอนพูดอย่างสบาย
อารมณ์“เอ้อ ว่าแต่นี่มันกี่ทุ่มแล้วอ่ะ”
แฮร์รี่ก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วก็ต้องตาเหลือก
“เฮ้ย นี่มัน4ทุ่มแล้วนี่”
“หา 4ทุ่ม”อีก5คนร้องออกมาอย่างตกใจ และแล้วเสียงที่พวกเขาอยากได้ยินน้อย
ที่สุดในโลกก็ดังขึ้น
“นั่นใครอยู่ตรงนั้นน่ะ พวกนักเรียนแอบลุกจากเตียงอีกล่ะสิ จับได้คาหนังคาเขา
แน่ๆคราวนี้”เสียงฝีเท้าฟิลซ์ดังใกล้เข้ามา
“ตายยากชิบ ยังไม่ทันพูดถึงก็โผล่มาเลย”มัลฟอยบ่น
“เอาไงดีล่ะ”แพนซี่ร้อนใจ
“ก็เผ่นเด่ะ”รอนบอกแล้วทั้ง6คนก็แยกย้ายกันหนีไปเป็นคู่ๆ เฮอร์ไมโฮนี่กับ
มัลฟอย รอนกับแอนนิต้า แฮร์รี่กับแพนซี่
“อย่าหนีนะ”เสียงฟิลซ์ตะโกนไล่หลังมา
แฮร์รี่กับแพนซี่หนีลงบันไดมา ทั้งคู่เจอกับโชซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องทำงาน
ของศาสตราจารย์ซินิสตร้าพอดี
“แฮร์รี่ หวัดดี”โชยิ้มอย่างดีใจเมื่อเจอแฮร์รี่
“เอ่อ หวัดดีฮะ”เขาทักตอบ แพนซี่รีบคล้องแขนแฮร์รี่แสดงความเป็นเจ้าของ
ทันที โชหมั่นไส้แต่พยายามทำเป็นไม่สนใจ
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเธอที่สนามควิชดิชเลย”
“ก็เพราะเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับฉันน่ะสิ”แพนซี่แทรกขึ้นมา“แล้วอีกอย่าง
เขาคงรู้แหล่ะ ว่าถ้าลงไปที่สนามคงจะเจอบุคคลที่ไม่พึงประสงค์บางคน เลยไม่อยาก
ลงไป”
“นี่หล่อนว่าใคร ยัยหน้าหมาจู”โชตาลุก
“ต๊าย แฮร์รี่ดูซิ นังนี่มันว่าฉัน”แพนซี่หันมาฟ้องแฮร์รี่ ก่อนจะก้าวฉับๆไปเผชิญ
หน้ากับโช“แกว่าใครหะ นังผีแบนซีจมูกแหว่ง”
“ก็ว่าแกนั่นแหล่ะ นังหน้าคางคกราดยางแอลฟัดจ์โรยกรวด”โชเต้นผาง
“แกสิ นังอูฐกะหลาป๋า นังกิ้งกือนรก”แพนซี่ด่ากลับ สงครามปะทะฝีปากจึง
ระเบิดขึ้นตรงนั้น โดยที่แฮร์รี่พยายามห้ามทัพแต่ไม่สำเร็จ
“โอ๊ย พวกผู้หญิงอะไรกันนักกันหนา ไม่รู้ด้วยแล้ว”พูดจบแฮร์รี่ก็เดินหนีไป
โดยที่ทั้งแพนซี่และโชยังไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่สาดน้ำลายใส่กันอย่างเมามันส์
+++++.........................................................+++++
ทางด้านรอนกับแอนนิต้า ทั้งคู่ได้หลบฟิลซ์มาซ่อนตัวอยู่ที่ซอกเล็กๆ ข้างหลัง หุ่นในชุดเกราะ ทั้งคู่โชคร้ายเล็กน้อยเพราะฟิลซ์เลือกที่จะวิ่งตามทั้งคู่มา รอนกับ แอนนิต้ายืนเบียดกันอยู่ในซอกแคบๆ แอนนิต้าหน้าแดงเล็กๆเมื่อลมหายใจรอน ปะทะกับใบหน้าของเธอ

“เขาจะจับเราได้มั๊ยนะ”เธอพูดกลัวๆ

“อย่ากลัวไปเลย ฉันอยู่ด้วยทั้งคน”รอนบอก แอนนิต้ามองตาเขา รอนจึงรีบ พูดแก้เก้อว่า“ฉันหมายถึงว่าถ้าโดนจับได้ ฉันก็โดนเป็นเพื่อนเธอนี่แหล่ะ”

เสียงฝีเท้าฟิลซ์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แอนนิต้าเผลอซุกหน้าลงกับไหล่รอนด้วย ความกลัว รอนตัวแข็งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นแตะหลังเธออย่างแผ่วเบา ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของทั้งคู่

“ว่าไง ยาหยีจ๋า เจออะไรมั๊ย”เสียงฟิลซ์ถามคุณนายนอริส แมวสุดเลิฟของ เขา รอนเดาว่าคุณนายนอริสคงจะไม่เจออะไรผิดปกติ เพราะเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ของทั้งคู่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

“ปลอดภัยแล้วล่ะ”รอนบอก ทั้งวคู่จึงออกมาจากที่ซ่อน

“ขอบคุณนะ”แอนนิต้าพูดเขินๆ

“เรื่องอะไรเหรอ”เขาถามเก้อๆ

“ก็..”แอนนิต้าพูดไม่ออก

“แอนนี่ เธอคบกับฉันได้มั๊ย”รอนรวบรวมความกล้าถามออกไป

“อะไรนะ”เธอถามย้ำ

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย”รอนรีบบอก นึกโมโหตัวเองที่พูดอะไร ไม่เข้าท่าออกไป

“ถ้าคำถามเธอเมื่อตะกี้ใช่คำถามเดียวกับที่ฉันได้ยินล่ะก็ คำตอบของฉันก็คือ ได้”แอนนิต้าพูดอย่างเขินจัด

รอนอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหยิกตัวเองทีนึง ก่อนจะมองแอนนิต้าเต็มๆ

“เธอตกลงจะคบกับฉันจริงๆเหรอ”เขาถามให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป แอนนิต้า พยักหน้ายิ้มๆ รอนเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่เขาอุ้มเธอตัวลอยหมุนไปมาอย่างมีความสุข

+++++.....................................................+++++

มัลฟอยเดินมาส่งเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าหอกริฟฟินดอร์

“ขอบคุณนะที่เดินมาส่ง ราตรีสวัสดิ์”เธอบอกเขา เมื่อเดินมาถึงหน้ารูปภาพ สุภาพสตรีอ้วน

“อืม”มัลฟอยพยักหน้า เฮอร์ไมโอนี่หันหลังจะเดินไปที่รูปภาพ แต่มัลฟอยเรียกเธอไว้เสียก่อน

“เกรนเจอร์”

เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามอง มัลฟอยหยิบสร้อยจี้หัวใจแห่งดวงดาวออกมาชูตรงหน้าเธอ

“หัวใจแห่งดวงดาว”เธอพึมพำเบาๆ มัลฟอยสวมสร้อยให้ที่คอเธอ

“อย่าถอดมันออกอีกล่ะ”เขากระซิบเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม ใช้มือกุมจี้ไว้อย่างทะนุถนอม

“นอนหลับฝันดีนะ”เขาก้มมลงจุมพิตเธอที่หน้าผาก เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง ซ่าน มัลฟอยหมุนตัวจะเดินกลับไป แต่เฮอร์ไมโอนี่กอดเขาไว้เสียก่อน

“คิดยังไงถึงกอดฉันก่อน”เขามองหน้าเธออย่างแสนรัก

“ฉันแค่อยากจะแน่ใจว่านี่เป็นความจริงไม่ใช่ความฝัน ฉันกลัวว่าถ้าหลับไป แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป”เธอบอกเขา

“ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนไปอีกแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน ฉันก็ จะยืนอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหน ฉันจะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป ฉันสัญญา”มัลฟอยบอก อย่างอ่อนโยน กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ซุกหน้าลงกับอกเขาอย่างสุขใจ

แม้อากาศข้างนอกจะหนาวเย็น แต่ไออุ่นแห่งความรักที่แผ่มาจากหัวใจของทั้งคู่มีพลัง อยู่เหนือสิ่งใด

*****The End*****

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น