วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

สองคนสามขา



สองคนสามขา 1-7 The end.....
fic by..tom_emma
ฟิคคู่ D/Hr

ตอนที่1 เหตุเกิดเพราะ....


วันนี้ เป็นวันที่ปลอดโปร่งสดใสอีกวันหนึ่ง ที่หอนอนหญิงกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ เด็กสาวผมหยิกฟูสีน้ำตาลผู้ได้ชื่อว่า ปราดเปรื่องที่สุดในระดับชั้น ลืมตาตื่นขึ้น เธอลุกขึ้นนั่งและบิดขี้เกียจพลางมองลอดเสาของเตียงที่มีผ้ามม่านสีแดงผูกรวบไว้อยู่ ตรงไปที่หน้าต่างในห้องนอนเธอ แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา เด็กสาวลุกเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่าง
“ อื้มมม วันนี้อากาศดีจัง “ เธอพูดพลางสูดหายใจลึกแล้วปล่อยออกมาทางปากเป็นควันบางๆ บ่งบอกว่าฤดูหนาวยังไม่ผ่านไป เฮอร์ไมโอนีเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่เธอก็เห็นว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำอยู่ก่อนแล้ว
“ อ้าว ... แอนเจลินา..ตื่นเช้าจังนะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เฮอร์ไมโอนีเอ่ยปากทักทายแอนเจลินาที่ดูท่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอกำลังอยู่ในชุดคลุมสีแดง
“อ้าวเฮอร์ไมโอนี..อรุณสวัสดิ์... วันนี้อากาศดีนะ ชั้นว่าจะลงไปเล่นหิมะซักหน่อย เธอว่าไง” แอนเจลินาตอบกลับอย่างสนิทสนมพลางเอาผ้าเช็ดผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำของเธอ
“อืมมมไม่ล่ะค่ะ ... ว่าจะไปห้องสมุดซักหน่อย วันนี้อากาศดี คงอ่านได้หลายเล่มแน่เลย..” เฮอร์ไมโอนีตอบอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่กำลังถูตัวด้วยสบู่วิเศษแบบใหม่ล่าสุดที่เฟร็ดและจอร์จประดิษฐ์ขึ้น มันเป็นสบู่ที่เมื่อถูจะเกิดฟองหลากสี และมีกลิ่นหอมหวนอบอวล มีทั้งฟองเล็กฟองใหญ่เวลาสัมผัสถูกตัว จะรู้สึกนุ่มๆเหมือนได้นอนอยู่บนเตียงสำลีสบายๆ
“เธอนี่ขยันจริงๆเลยนะ ... บางทีก็น่าจะพักผ่อนซะบ้าง เดี๋ยวก็เครียดตายพอดี” แอนเจลินาตอบพลางส่ายหัวเล็กๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ... แฮรรี่กับรอนเองก็พูดแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ก็ไม่เห็นจะตายซักทีเลยนี่นา จริงมั๊ย” เฮอร์ไมโอนีพูดติดตลกเล็กๆแล้วก็เดินขึ้นจากอ่าง
“งั้นชั้นไปก่อนนะ...” แอนเจลิน่าเอ่ยขึ้นแล้วหยิบหวีไปหวีผมของเธอขณะเดินออกจากห้องอาบน้ำ ไม่นานนัก เฮอร์ไมโอนีก็เดินออกจากห้องอาบน้ำกลับห้องของเธออย่างเงียบเชียบ เพื่อไปหยิบกระเป๋าหนังสือและผ้าพันคอของเธอ เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนของเธอที่ดูท่าจะกำลังหลับสบายตื่นขึ้นมา เฮอร์ไมโอนีลงมาจากหอนอนหญิง ตอนนี้ห้องนั่งเล่นรวมของหอนอนเธอ ไม่มีใครอยู่เลย คงเป็นเพราะตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่และอากาศวันนี้ก็แสนจะสบายน่านอนอยู่ในที่นอนอุ่นๆ เธอจึงเดินลอดช่องรูปภาพออกไป
“อูยยยย หนาวไปหน่อยนะเนี่ย” เธอร้องขึ้นเมื่อลอดออกมาจากช่องรูปภาพและมีสายลมเย็นๆยามฤดูหนาวพัดมากระทบร่างของเธอ
“ แหม ไม่หน่อยล่ะจ๊ะ ชั้นอยากให้จิตรกรวาดรูปให้ชั้นใส่เสื้อโค้ทอุ่นๆมั่งจังเลยนะ” สุภาพสตรีอ้วนพูดขึ้นพลางเหล่มองลงมาที่เธอ แต่เฮอร์ไมโอนีก็ไม่ได้พูดตอบอะไร เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปยังห้องสมุด ระหว่างทาง เธอมองออกไปนอกปราสาททุกอย่างเป็นสีขาวโพลนไปด้วยหิมะสวยสะอาดตา แม้แต่ต้นไม้ในป่าต้องห้ามที่ว่าน่ากลัว เมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว กลับดูงดงามอย่างอัศจรรย์ เธอเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องสมุด ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องสมุดเลย เธอจึงเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะตัวในสุดที่โปรดของเธอ และไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือเล่มหนามาประมาณสองสามเล่ม
“ หืมมม ฟรารี่สโนว์ ? อะไรน่ะ?” เฮอร์ไมโอนีอ่านชื่อหนังสือเล่มนั้นแล้วเปิดออกอ่านช้าๆด้วยความข้องใจ
“อืมๆ ฟรารี่สโนว์ ถูกบัญญัติให้เป็นสัตว์วิเศษที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ พบเห็นได้ยากในเขตที่มีอากาศหนาว ว่ากันว่า ฟรารี่สโนว์ ไม่มีถิ่นที่อยุ่ที่แน่นอน มักจะปรากฏตัวเมื่อมีอากาศหนาว หรือหลังหิมะตก ฟรารี่สโนว์ มีลักษณะคล้ายมนุษย์ รูปร่างเล็กจิ๋วจนเกือบเท่าแมลง มีปีกเรืองแสงสีฟ้าจนถึงสีเขียวขึ้นอยู่กับชนิดและเพศ และเนื่องจากพบเห็นได้ยาก จึงมีพ่อมดแม่มดบางคนเชื่อว่า หากพบเห็นฟรารี่สโนว์ จะทำให้สมหวังในสิ่งที่ต้องการ” เมื่อเฮอร์ไมโอนีอ่านจบยอหน้าแรก เธอก็เริ่มขมวดคิ้ว
“ ดูไร้สาระจริงๆเลย ...อืม แต่ถ้าเป็นจริงก็ดูโรแมนติกดีนะเนี่ย” เธอพูดกับตัวเองพลางยิ้มนิดๆ
“ ไร้สาระชะมัด” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบในห้องสมุดยามเช้าของฤดูหนาว มันเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและเกลียดมาตั้งแต่ปี1 ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเธอก็รู้ว่าเขาคือใคร เฮอร์ไมโอนีปิดหนังสือดังปังใหญ่
“ แล้วมันเรื่องอะไรของนายด้วย” เธอพูดเสียงดังพลางลุกขึ้นยืน
“ ชั้นก็ไม่ได้อยากยุ่งด้วยหรอก ก็แค่ผ่านมาเห็นพวกเลือดสกปรกกำลังนั่งเพ้ออยู่น่ะสิ เห็นแล้วมันรำคาญตา” เด็กหนุ่มผมทองบลอนด์หวีเรียบยังคงพูดจาถากถางแฝงด้วยความดูถูกให้เธอไม่เปลี่ยน เมื่อสิ้นประโยคของเขา ความหงุดหงิดและความโมโหของเฮอร์ไมโอนีก็พุ่งขึ้นทันที เธอจ้องเขาด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ
“ ชั้นก็ไม่ได้อยากให้นายยุ่งกับชั้นนักหรอก พวกเลือดบริสุทธิ์นิสัยชั้นต่ำ “ เธอตอบด้วยเสียงเขียวพลางเชิดหน้าและเดินจากไป แต่แล้วมีมือหนึ่งมาฉุดเธอไว้
“ เธอยังไปไหนไม่ได้” มัลฟอยผลั่กเธอไปชนกบตู้หนังสืออย่างแรงจนเฮอร์ไมโอนีเกือบเสียหลักล้มแต่เธอก็ยังกัดฟันสู้
“ทำไมชั้นจะไปไม่ได้ นายมีสิทธิ์อะไรมาห้าม อ้อ.. หรือคุณหนูเลือดบริสุทธิ์จะร้องไห้ไปฟ้องพ่อให้มาจัดการกับมักเกิ้ลอย่างชั้นกัน” เฮอร์ไมโอนีพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยขณะที่ยังคงจ้องลงไปในดวงตาสีซีดอย่างมั่นคง
มัลฟอยหน้าแดงขึ้นมานิดๆด้วยความโกรธ ถึงตอนนี้ เฮอร์ไมโอนีก็เริ่มกลัวและเริ่มสั่นขึ้นมาบ้างแล้ว มัลฟอยเอามือข้างหนึ่งตบลงไปที่ชั้นหนังสือข้างๆใบหน้าของเธอดังโครม มีหนังสือบางเล่มสั่นเล็กน้อย
“ เธออย่ายั่วโมโหชั้นดีกว่าเกรนเจอร์...เธออย่าลืมว่า ตอนนี้ เราอยู่กันแค่ สอง – คน “ เขาคำรามเสียงเขียวและยังคงพูดต่อ “ แล้วก็อย่างเธอ ไม่จำเป็นต้องให้พ่อชั้นหรอก แค่ชั้นคนเดียวเธอจะทำอะไรได้ ถ้าไม่มีไม้กายาสิทธิ์” เด็กหนุ่มพูดขึ้นพลางชูไม้กายาสิทธิ์ของเออร์ไมโอนีขึ้นมาด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง มีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยบ่งบอกว่า เขากำลังเป็นต่อ เฮอร์ไมโอนีตาค้างทันทีที่เห็นไม้กายาสิทธิ์ในมือของมัลฟอย เธอไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“เอาคืนมานะมัลฟอย “ เธอร้องขึ้นทันทีพลางเอามือฉวยคว้าไม้กายาสิทธิ์คืน แต่มัลฟอยก็หลบพ้น
“ ได้โปรด.... หรือพวกเลือดสีโคลนชั้นต่ำอย่างเธอพูดไม่เป็น “ มัลฟอยเริ่มพูดจาถากถางเธอต่อ
เฮอร์ไมโอนีจ้องเขาตอบเขม็ง ในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเริ่มมีน้ำคลอขึ้นมา
“ทำไมชั้นต้องขอร้องคนปากเสียอย่างนายด้วย” เฮอร์ไมโอนีเถียงต่อเพราะตอนนี้ ฟิวส์ในตัวเธอคงขาดผึงไปแล้ว
“ก็ชั้นก็ว่าแล้วว่า พวก เลือด –โสโครก คงพูดคำสุภาพอย่างคนอื่นเค้าไม่เป็นหรอก” มัลฟอยพดได้แค่นั้นก็ต้องเงียบค้างไปเพราะตอนนี้หน้าของเขาหันไปตามแรงฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนีแล้ว มัลฟอยเอามือกุมใบหน้าตนแล้วหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี แต่เธอก็คว้ากระเป๋าวิ่งออกไปจากห้องสมุดเสียก่อน และเขาก็เห็นเหมือนมีน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่น้ำตาลของเธอด้วย
“ ให้ตายสิ ทำไมชั้นต้องเจอคนแบบนั้นด้วยนะ เสียอารมณ์จริงๆ” เฮอร์ไมโอนีร้องกับตัวเองอย่างหัวเสียพลางเอามือปาดน้ำตาออก เธอเตะก้อนหินเล็กๆไปยังทะเลสาบ
“ แก๊ง ง แก๊ก กกกกก” เสียงก้อนหินกระทบผิวน้ำที่ใสเหมือนกระจกสะท้อนตัวปราสาทอยู่
“ เป็นน้ำแข็งหมดเลยหรอเนี่ย แล้วงี้พวกสัตว์ที่อยู่ที่นี่จะเป็นยังไงเนี่ย” เฮอร์ไมโอนีพึมพำกับตัวเองพลางเอานิ้วจิ้มลงไปที่ทะเลสาบเป็นการลองเชิงดูว่า น้ำแข็งจริงๆรึเปล่า
“ อยากรู้มั๊ยล่ะว่ามันแข็งจริงมั๊ย ชั้นจะได้สงเคราะห์ถีบเธอลงไปดู” เสียงยานคางพูดขึ้นจากข้างหลังเธอ ภาพของเด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ สะท้อนอยู่บนผิวน้ำแข็งที่เฮอร์ไมโอนีกำลังมองลงไปอยู่ เธอถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“นายจะมาทำไมอีก ชั้นขี้เกียจเถียงกับนายแล้ว” เธอพูดขึ้นขณะที่ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งหันออกหาทะเลสาบอยู่
มัลฟอยใช้หางตาเหล่มองลงมาที่เธอแล้วเริ่มร้องบ้าง
“น้ำตาสีโคลนหยดใส่ทะเลสาบ พวกสัตว์คงได้ตายหมดมั้ง” เขาพูดลอยๆขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนักแต่เสียดสีเฮอร์ไมโอนี ทำให้เด็กหญฺงลุกขึ้นแล้วหันมาสวนกลับทันที
“ชั้นไม่ได้ร้อง!!!!”เธอร้องด้วยความโมโหเลือดทั่วร่างเธอสูบฉีดขึ้นมาด้วยความโกรธ มัลฟอยยังคงใช้หางตาชำเลืองมองเธออย่างเหยียดหยาม ก่อนที่เค้าจะโยนบางอย่างให้เธอ
“เอาคืนไป .. ชั้นไม่อยากมีของสีโคลนติดมือ เพราะชั้นอาบน้ำแล้ว...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกแล้วหันหลังเดินกลับปราสาทไป เมื่อเฮอร์ไมโอนีรับมันมาเธอก็พบว่ามันคือไม้กายาสิทธิ์ที่มัลฟอยแย่งเธอไปนั่นเอง แต่เธอก็ยังอดโมโหกับท่าทางการส่งของคืนให้เธอของมัลฟอยไม่ได้ เธอเริ่มเดินปึงปังไปยังโถงใหญ่ที่ตอนนี้เริ่มมีคนทยอยลงมากันบ้างแล้ว เธอนั่งลงที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์แล้วเริ่มทำการตักข้าวโอ๊ตต้มเข้าปากเธออย่างเบื่อๆเธอชำเลืองไปมองที่โต๊ะของสลิธีริน เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทองยังคงมองเธอด้วยสายตาดูถูก เขาขยับปากเป็นคำพูดว่า “เลือดสีโคลน” แล้วส่งยิ้มล้อเลียนและเหยียดหยามมาให้เธอ นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนีอยากจะเอาชามข้าวโอ๊ตต้มของเธอ
เขวี้ยงใส่หน้าของเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป เธอเริ่มตักข้าวโอ๊ตต้มเข้าปากเธออย่างรุนแรง
“เฮอร์ไมโอนี ... เธอไปโมโหอะไรมาน่ะ” เสียงแฮรรี่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มเดินมาพร้อมกับรอนเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังทึ่งกับการกินของเฮอร์ไมโอนีที่คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว เพื่อนสนิททั้งสองนั่งลงตรงข้ามเธอเพื่อที่จะลงมือกินอาหารบ้าง
“ ก็...นิดหน่อย... ว่าแต่ ทำไมพวกเธอตื่นช้าจัง” เธอย้อนถามกลับบ้าง
“เธอต่างหากที่ตื่นเช้าเกินไปน่ะ....แล้วเธอไปไหนมาน่ะ อย่าบอกนะว่า...” รอนพูดขึ้นพลางเบ้หน้าเมื่อเขาพูดจวนจะจบประโยค
“ อ๋อ ใช่ อย่างที่เธอเข้าใจนั่นล่ะรอน ชั้นไปห้องสมุดมา มีปัญหาอะไรมั๊ย” เฮอร์ไมโอนีตอบพลางส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้รอน เนื่องจากเธอยังไม่หายหงุดหงิดจากเรื่องของมัลฟอย ทำให้เธอระเบิดง่ายเป็นพิเศษในวันนี้ แฮรรี่ดูเหมือนจะรู้ถึงภัยอันตรายดีหากรอนยังคงเถียงเฮอร์ไมโอนีต่อ เขาจึงพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ เออใช่ ปีนี้เค้าเลื่อนการแข่งควิดดิชออกไปแหละ พวกนายรู้ยัง” แฮรรี่พูดขึ้นก่อนที่จะเกิดสงครามกลางโต๊ะกริฟฟินดอร์
“หา???ทำไมล่ะ” รอนร้องขึ้นขณะกลืนเบคอน แฮม ไส้กรอกและไข่ดาวลงท้องจนเกือบสำลัก ทำให้เฮอร์ไมโอนีเบ้หน้ารังเกียจมาทางรอนทันที
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่าจะมีกิจกรรมอื่นน่ะ” แฮรรี่พูดต่อ “เธอรู้รึเปล่าล่ะเฮอร์ไมโอนี เธอเป็นพรีเฟคนี่”
“ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีใครบอกอะไรเลยนี่นา” เฮอร์ไมโอนีตอบพลางยักไหล่ และเป็นการจบการสนทนาของทั้งสามลงทันทีเมื่อมีเสียงเคาะแก้วเป็นสัญญาณดังมาจากศาสตราจารย์มักกอนากัล นักเรียนทุกคนที่บัดนี้มาพร้อมกันที่ห้องโถงใหญ่ ต่างเงียบและหันมาฟังอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นว่านักเรียนสงบเรียบร้อยดีแล้ว ศาสตราจารย์มักกอนากัลก็พยักหน้าเล็กน้อยพลางหันไปมองศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ที่ยิ้มรับ
“ เอาล่ะ ก่อนจะลงมือทานอาหารกัน ชั้นมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ..” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นยืนแล้วพูดต่อ
“ปีนี้ อย่างที่บางคนรู้กันแล้ว การแข่งขันควิดดิช เราได้ทำการเลื่อนเวลาออกไป ซึ่งชั้นได้แจ้งให้กับทีมของแต่ละบ้านแล้ว ... “ เมื่อพูดจบแค่นี้ ก็เริ่มมีเสียงคุยกันดังขึ้นมาเล็กน้อยจากนักเรียนที่ยังไม่รู้เรื่องแล้วเสียงก็เงียบลงเพื่อรอฟังต่อ
“ในช่วงนี้ เราจะมีกิจกรรมให้สำหรับนักเรียนปีห้า ปีหกและปีเจ็ด ...แน่นอน ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ใครๆต่างก็อยากจะนอนอยู่ในที่นอนอุ่นๆ คณะอาจารย์จึงได้จัดกิจกรรมให้แก้อาการเบื่อของพวกเธอ...” เมื่อศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หยุดพูดสักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกระรอก เป็นเสียงแสดงความตื่นเต้นจากนักกเรียนปีห้า ปีหกและปีเจ็ด แต่ก็มีเสียงแสดงความผิดหวังที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้จากนักเรียนปีอื่นๆเช่นกัน จนศาสตราจารย์มักกอนากัลป์ต้องเกาะแก้วเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบอีกครั้งหนึ่งเพื่อฟังต่อให้จบ
“ เอาล่ะ เราจะมีการจัดกิจกรรมให้ใช้ชีวิตโดยที่จะมีการสลับบ้านและเน้นในเรื่องของการรวมเป็นกลุ่มด้วยแน่นอน... เริ่มจาก นักเรียนชั้นปีเจ็ด ...ในวันพรุ่งนี้ เราจะจัดให้มีการแบ่งกลุ่มและร่วมกันเดินสำรวจและสร้างทางลับในฮอกวอตส์” เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “ทางลับ” ในฮอกวอตส์ แน่นอน ทางลับนั้น ไม่ได้สามารถพบเห็นกันง่ายๆ มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่รู้เส้นทางลับในโรงเรียน แน่นอน รวมถึงเฟร็ดและจอร์จ ผู้ซึ่งเคยมีแผนที่ตัวกวนไว้ในครอบครอง นักเรียนต่างเงียบลงอีกครั้งเพื่อฟังต่อ
“เรื่องการแบ่งกลุ่มและรายละเอียด ศาสตราจารย์มักกอนากัลจะชี้แจงอีกที ส่วนนักเรียนชั้นปีห้าและหก จะให้มีการจับคู่ออกค้นหาทาลับด้วยเช่นกัน เพียงแต่ มันไม่ใช่แค่จับคู่ธรรมดา เพราะพวกเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับคู่ของเธอหนึ่งเดือนเต็ม ...” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดพลางมองมาทางศาสตราจารย์มักกอนากัลแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นก็นั่งลง ศาสตราจารย์มักกอนากัลป์ลุกขึ้นพูดบ้าง
“ ต่อไปนี้ชั้นจะแจ้งรายละเอียด ถ้านักเรียนบ้านไหนไม่อยู่ในระเบียบ จะถูกหักคะแนน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดด้วยความรำคาญที่นักเรียนจะต้องส่งเสียงดังคั่นการพูดทุกครั้งไป ทำให้เด็กๆกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วนั่งฟังกันนิ่งแทบไม่ขยับ เมื่อศาสตราจารย์มักกอนากัลป์เห็นว่านักเรียนสงบดีแล้วจึงเริ่มต้นพูดขึ้น
“ สำหรับนักเรียนปีเจ็ด เนื่องจาก เนื้อหาวิชาเรียนไม่ว่าจะเป็นวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ ที่จะเรียนถึงเรื่องประวัติฮอกวอตส์ หรือวิชาคาถา ที่จะเรียนในเรื่องของคาถาอำพลางและประกอบกับเนื้อหาวิชาที่เคยเรียนมาแล้ว ทางคณะอาจารย์จึงจะจัดให้มีการจับกลุ่มสำรวจทางลับทั่วทั้งฮอกวอตส์ แน่นอน ทุกอย่างล้วนเป็นคะแนนบ้านทั้งนั้น แต่ละกลุ่มต้องทำรายงานส่งระบุว่ามีทางลับอะไรบ้างในโรงเรียน และที่สำคัญ แต่ละกลุ่มต้องสร้าง ทางลับชั่วคราวขึ้นมากลุ่มละหนึ่งทางด้วย กำหนดส่งรายงานอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า...” ศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดแล้วเหลือบมองอาการของนักเรียนที่เริ่มกระสับกระส่ายอยากจะคุยกัน แต่ก็อดที่จะนั่งนิ่งไม่ได้จากการเตือนของเธอ ขณะที่เธอม้วนกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาอ่าน
“ สำหรับนักเรียนปีห้าและปีหก เราจะมีการเล่นเกม สองคนสามขากัน....แน่นอน อย่างที่รู้ก็คือ จับคู่และมัดขาติดกันไว้ไม่ระบุบ้าน และไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น...แต่ละคู่ ต้องทำการสำรวจทางลับในโรงเรียนเช่นกัน แต่ให้สำรวจมาแค่สามทาง จะเป็นทางลับที่มีอยู่เดิม หรือเป็นทางลับที่นักเรียนปีเจ็ดทำขึ้นก็ได้ และทำรายงานส่งก่อนสิ้นเดือนนี้ สำหรับการจับคู่ จะมีการอธิบายเพิ่มเติมอีกทีในตอนอาหารมื้อเย็น” เมื่อศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดจบ ก็เกิดเสียงฮือฮาอย่างมากขึ้นในหมู่นักเรียนทุกๆบ้าน และโดยเฉพาะในหมู่นักเรียนตั้งแต่ชั้นปีห้าขึ้นไป
“นายว่าไงแฮรรี่” รอนร้องถามขณะที่พวกเขาทั้งสามกำลังเดินไปเรียนวิชาปรุงยาที่แสนจะน่าเบื่อที่สุด
“อะไร?” แฮรรี่ถามพลางขมวดคิ้วแสดงความไม่เข้าใจ
“ ก็เรื่องจับคู่ไง...คิดว่าจะได้คุ่ใครล่ะ”รอนถามต่อพลางมองไปยังเพื่อนรักอย่างใคร่รู้
“อืม..ก็ถ้าได้คู่กับคนรู้จักก็ดีน่ะนะ แต่ถ้าจะให้เดาว่าใครนี่ก็ไม่รู้สิ” แฮรรี่ตอบพลางเหล่ตามองเพดานครุ่นคิดเล็กน้อย
“ใช่แล้วรอน ... ชั้นว่า ศาสตราจารย์ต้องให้ร่ายมนต์จับคู่แน่ๆเลยล่ะ “ เฮอร์ไมโอนีพูดเสริมอย่างมั่นใจ
“เธอจะมั่นใจได้ไงกัน” รอนร้องถามด้วยความไม่เชื่อ แต่เฮอร์ไมโอนีไม่ได้พูดอะไร เธอเชิดหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังจะบอกว่า “อย่าดูถูกความคิดของชั้นซิ ชั้นน่ะ เป็นท็อปของชั้นเชียวนะ” แล้วทั้งสามก็เงียบลงเมื่อเดินมาถึงคุกใต้ดิน ทั้งสามเดินไปนั่งที่ แต่พวกเขามาสายไปหน่อย ที่นั่งนั้นถูกเด็กสลิธีรินจับจองไปเกือบหมดแล้ว แฮรรี่กับรอนจึงเลือกนั่งที่ติดกัน ส่วนเฮอร์ไมโอนีก็ไปนั่งข้างเนวิลล์ที่นั่งถัดมาจากมัลฟอยไม่ไกลนัก ซึ่งในคาบเรียนนี้ เนวิลล์เองก็เห็นเฮอร์ไมโอนีเหมือนนางฟ้าที่มาโปรดก็ไม่ปาน ถึงแม้เฮอร์ไมโอนีอยากจะช่วยเนวิลล์ แต่เธอก็ต้องทำใจอยู่นานที่ต้องมานั่งใกล้ๆมัลฟอยที่เธอเพิ่งมีปากเสียงด้วยเมื่อเช้า ไม่นานนัก ประตูคุกใต้ดินก็เปิดออกเสียงดัง ศาสตราจารย์เสนปก้าวเดินเข้ามาด้วยเสียงอันดัง
“ วันนี้ชั้นจะสอนให้พวกเธอปรุงยา ‘ดูดจับ’เป็นน้ำยาที่ใช้ในสมัยโบราณในการจับนักโทษ น้ำยานี้ ไม่สามารถแก้ด้วยเวทย์มนต์ได้ ต้องรอจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์ไปเอง ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน และเนื่องจากความไม่สะดวกนี้ ปัจจุบัน ยาตัวนี้จึงเลิกใช้ไป และหันมาใช้คาถาพันธนาการแทน .... ลองบัตท่อม” เสนปจ้องมองเนวิลล์ที่ตัวสั่นริกๆอยู่ด้วยสายตาเย็นชาหลังจากคำอธิบายยาวเหยียด
“ ยาตัวนี้ ต้องใส่ใบเมิร์กวู้ดหั่นะเอียดกี่ช้อน” หลังจบคำถาม สายตาของเสนปก็ไปหยุดลงที่เฮอร์ไมโอนีเป็นการจับผิดทันที เพราะเขารู้ดีว่า เฮอร์ไมดอนี ต้องพยายามบอกเนวิลล์แน่ๆ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้น เฮอร์ไมดอนีจึงหมดหนทางช่วยเนวิลล์
“ว่าไง...” เสนปถามอีกครั้ง และเมื่อไม่ได้คำตอบใดๆเขาก็ร้องขึ้น “ หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนนฐานไม่สามารถตอบคำถามได้” เขาพูดด้วยเสียงเรียบแฝงไปด้วยความสะใจเล็กๆที่ได้แกล้งบ้านกริฟฟินดอร์
“ เอาล่ะ จดส่วนผสมแล้วเริ่มลงมือทำได้..” เสนปหันไปจดส่วนผสมบนกระดานแล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ส่วนเธอลองบัตท่อม ถ้าทำไม่สำเร็จ เธอต้องถูกกักบริเวณ โดยการมาปรุงยาที่ห้องทำงานชั้นจนกว่าจะทำได้”เสนปพูดขู่เนวิลล์จนเขาแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร เนื่องจากมือไม้เขาสั่นไปหมด ทุกคนเริ่มต้นปรุงยาของตนเองระหว่างการปรุง เสนปก็มักจะเดินไปข้างๆเนวิลล์และจ้องเขม็งมาที่เขาเป็นการขู่ จนทำให้เนวิลล์หยิบของผิดบ้าง เผลอใส่เยอะเกินไปบ้าง เฮอร์ไมโอนีรู้สึกว่าจะต้องแย่แน่ๆเมื่อเธอเหลือบมองเห็นน้ำยาของเนวิลล์กลายเป็นสีม่วงข้นเป็นเมือก แทนที่จะเป็นสีแดงใส เหมือนอย่างเธอและคนอื่นๆ เธอจึงพยายามหาทางส่งวิธีแก้ไปให้เนวิลล์ตอนที่เสนปหันหลังให้ รอนและแฮรรี่เองก็เห็นเหตุการณ์นั้น จึงพยายามช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเสนป
“เคร้งงงงงง” ช้อนคนส่วนผสมที่วางบนโต๊ะรอนหล่นลงพื้นจากการจงใจปัดของแฮรรี่ ทำให้เสนปหันมามองที่เขาตาขวาง
“ขอโทษครับ” แฮรรี่พูดขึ้นทันทีในขณะที่รอนก้มลงเก็บช้อนคนของเขา พลางเหล่มองมาที่เฮอร์ไมโอนี แต่มันก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเสนปเลย
“ชั้นไม่เข้าใจว่าในวิชานี้ ใครเป็นคนสอนกันแน่ ชั้นหรือว่า เธอมิสเกรนเจอร์ ...” เสนปพูดเสียงเฉียบพลางจ้องลงมาที่เฮอร์ไมโอนีอย่างเอาเรื่อง
“หักกริฟฟินดอร์10คะแนน ฐานสอดรู้สอดเห็นและอวดเก่ง” เสนปพูดต่อตามมาด้วยเสียงหัวเราะจากบ้านสลิธีริน ทำให้เฮอร์ไมนีหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอายและความโกรธ เสนปดูจะไม่พอใจกับท่าทางของเฮอร์ไมโอนี เขากำลังจะอ้าปากเพื่อหักคะแนนอีกก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเนวิลล์ ทำหม้อที่ต้มยาสีม่วงข้นจนกลับเป็นสีแดงใสแล้วระเบิดขึ้น น้ำยาของเขากระเด็นไปทั่ว เด็กๆทุกคนกรีดร้องและแตกตื่นหลบน้ำยาของเขากัน น้ำยาบางส่วนกระเด็นมาถูกแขนของเฮอร์ไมโอนี แล้วเธอก็ถูกเด็กบ้านสลิธีรินเบียดจนล้มลง เสนปเข้ามาจัดการปัญญหาวุ่นวายนั้นและเดินเข้ามาหาเนวิลล์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดจนเนวิลล์แทบจะถอยหลังติดกำแพง แต่แล้ว
“กรี๊ดดดดดด” เสียงของเฮอร์ไมโอนีดังขึ้น ทำเอาทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“ ยัยเลือดสีโคลน ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงยานคางอีกเสียงดังขึ้น ภาพที่ทุกคนเห็นตอนนี้คือภาพที่เฮอร์ไมโอนีล้มทับร่างของเด็กหนุ่มผิวซีดผมทองบรอนด์หวีเสยขึ้น และที่แขนของทั้งสองคน ดูเหมือนมียางหรืออะไรซัก
อย่างสีแดงใสกำลังยึดแขนของทั้งสองคนติดกันอยู่...
“นายนั่นแหละ อย่ามาถูกตัวชั้นนะ!!!....” เฮอร์ไมโอนีพูดพร้อมกับพยายามดันตัวของมัลฟอยออกไปด้วยท่าทางแสดงถึงความรังเกียจเห็นได้ชัด และดูเหมือนทั้งมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี จะยังไม่ได้สังเกตที่แขนของตนเอง เมื่อเฮอร์ไมโอนีดันตัวเขาออกเธอก็รีบลุกขึ้นเพื่อถอยหนีออกทันทีแต่แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนถูกฉุดแขนและล้มลงมาทับมัลฟอยอีกครั้ง
“โอ๊ยยยยย!!! นี่เธอจะทับชั้นอีกนานมั๊ยฮะ” มัลฟอยร้องอย่างหัวเสียเมื่อเขาต้องลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง
“ ก็แล้วนายจะฉุดชั้นไว้ทำไมกันล่ะ “ เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นบ้างด้วยเสียงดังไม่แพ้มัลฟอยขณะพยายามลุกขึ้นอีก
“ใครเค้าจะไปอยากถูกตัวพวกเลือดสีโคลนอย่างเธอกัน!!!” มัลฟอยพูดเสียงดังด้วยความดูถูก จนเฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธ
“ หยุด!!! ทั้งคู่นั่นล่ะ หักกริฟฟินดอร์ 10 คะแนน ฐานทำให้ชั้นเรียนชั้นวุ่นวาย” เสนปโพล่งขึ้นมาขัดการทะเลาะกันของมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี พลางเหลือบมองเนวิลล์ที่เป็นต้นเหตุแล้วหันกลับมาพูดต่อ
“มิสเตอร์มัลฟอย และมิสเกรนเจอร์ ไปห้องพยาบาลซะ” เขาพูดเสียบเย็นชาแล้วทำท่าจะหันมาสอนต่อ ตอนนี้มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีเพิ่งจะสังเกตว่า แขนของทั้งสองคนติดกัน และมีบางอย่างสีแดงๆติดอยู่ ทั้งสองคนเดินออกจากคุกใต้ดินเพื่อจะไปห้องพยาบาล แฮรรี่และรอนรีบลุกตามไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“ชั้นว่าชั้นก็สั่งชัดเจนว่าเฉพาะ มิสเตอร์มัลฟอยและมิสเกรนเจอร์นะ” เสนปพูดเสียงเรียบขณะกำลังหันไปเขียนกระดานอยู่ ทำให้แฮรรี่และรอนชะงักและกลับไปนั่งที่อย่างจำใจ
“หันหลังอยู่แท้ๆยังทำเป็นตาดีอีก เฮอะ!!” รอนพูดเสียงกระซิบกับแฮรรี่ และก็ไม่วายที่เสนปจะได้ยิน
“หักกริฟฟินดอร์อีก 5 คะแนน ฐานหมิ่นประหม่าครูผู้สอน” เขาพูดพลางจ้องมาที่รอนด้วยสายตาน่ากลัว


สองคนสามขา ตอนที่2 เมื่อเราต้องติดกัน

“นี่นาย... ไปเดินห่างๆชั้นหน่อยได้มั๊ย” เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“ ชั้นก็ไม่ได้พิศวาสอะไรกับพวกเลือดเน่าๆนักหรอกนะ ถ้าแขนชั้นไม่ได้ติดกับอะไรโสโครกๆน่ะ” มัลฟอยพูดเบ้หน้ารังเกียจพลางยกแขนขึ้นมาเพื่อให้เธอเห็นได้ชัดๆว่า มันไม่ใช่แค่มือที่ติดกัน แต่มันติดกันตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงข้อศอก ซึ่งเฮอร์ไมโอนีเองก็เถียงไม่ออกกับข้อนี้ แล้วเธอก็จำใจต้องเดินไปกับเขาอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งสองเดินมาถึงห้องพยาบาล มาดามพรอมฟรีย์ตกใจกับภาพตรงหน้ามาก เขารีบให้ทั้งสองนั่งลงบนเตียงและตรวจดูทันที
“นี่มันน้ำยาดูดจับ ไม่ใช่หรือ? “ มาดามร้องถาม ซึ่งเฮอร์ไมโอนีกับมัลฟอยก็พยักหน้ารับ มาดามพรอมฟรีย์ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ
“ถ้างั้นพวกเธอก็คงรู้สินะว่า ไม่มีคาถาใดจะปลดน้ำยาตัวนี้ได้” มาดามพูดพลางส่ายหัวเล็กๆด้วยความไม่พอใจ
“ มาดามช่วยไม่ได้เลยหรือคะ” เฮอร์ไมโอนีร้องถามเสียงหวั่นๆ
“ชั้นเสียใจจ๊ะ ...” มาดามหันมาพูดกับทั้งสองแล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาล ตอนนี้ เฮอร์ไมโอนีรู้สึกว่าเธอเหมือนตกนรกทั้งเป็น เธอจึงลุกขึ้นแล้วออกเดิน แต่แล้วเธอก็หยุดเดินทันทีพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันกลับมาที่ตัวต้นเหตุ
“ลุกซะทีได้มั๊ย” เธอร้องถามอย่างหัวเสีย
“ ไม่ ..ชั้นอยากนอน...” เขาพูดพลางล้มตัวลงนอนที่เตียงในห้องพยาบาล ทำให้เฮอร์ไมโอนีต้องโน้มตัวลงไปด้วยเพราะแขนของเธอติดกับแขนของเขา
“ นี่นาย ... ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ...ชั้นมีเรียนต่อ!!!”เธอยังคงตะคอกเสียงดัง
“งั้นหรือ แต่น่าเสียดายนะ ชั้นไม่มีเรียน และชั้นก็ไม่ขยันขนาดต้องหอบสังขารไปเรียนวิชาที่ไม่ได้ลงเรียนด้วย” มัลฟอยพูดขณะที่หลับตาอย่างเฉยเมย เมื่อเฮอร์ไมโอนีเห็นเช่นนั้นเธอก็เริ่มฉุนขาด
“นายจะมีเรียนหรือไม่เรียน ชั้นไม่สน แต่ชั้นไม่ยอมขาดเรียนแน่ๆ!!!!” เฮอร์ไมโอนีพูดพลางใช้มืออีกข้างดึงที่เสื้อคลุมของเขาเพื่อที่จะให้เขาลุกขึ้น
“ ปล่อยชั้นนะยัยเลือดโสโครก .... ใครอนุญาตให้เธอมาจับเสื้อผ้าชั้นกัน” เขาร้องขึ้นพลางปัดเสื้อคลุมเขาตรงที่เฮอร์ไมโอนีจับอย่างรังเกียจ แล้วพึมพำเบาๆว่า “ ฮึ มีก้อนโคลนติดมารึเปล่าไม่รู้” เมื่อเฮอร์ไมโอนีเห็นอาการดูถูกเหยียดหยามเขาเธอก็เริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมา และเงื้อมืออีกมือขึ้นมาเตรียมที่จะฟาดลงที่ใบหน้าสีซีดอันเกลี้ยงเกลาของเขา แต่มัลฟอยก็คว้ามือนั้นไว้ได้ทัน เขาจ้องมองมาที่เธออย่างเย็นชา
“ ชั้นไม่ยอมให้เธอตบชั้นซ้ำสองในวันเดียวกันหรอกนะ” เขาพูดเสียงเบาที่ยังแฝงไปด้วยความแค้นที่เมื่อเช้าเธอตบหน้าเขา แต่แล้วมัลฟอยก็ต้องอึ้งไปเมื่อเขาเห็นหยดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าเธอ และรังเกียจที่เธอเป็นเลือดสีโคลน แต่ตระกูลผู้ดีอย่างเขาได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีว่าการทำให้ผู้หญิงร้องไห้ เป็นสิ่งไม่ควร แต่ถึงกระนั้น มัลฟอยก็ยังหยิ่งเกินกว่าที่จะเอ่ยคำขอโทษออกมา เขาจึงลุกขึ้นแล้วหันหลังออกเดินไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนักโดยมีเฮอร์ไมโอนีติดไปด้วย เฮอร์ไมโอนีเอามือปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว
“ นายจะไปไหนน่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจที่มัลฟอยเดินอย่างไม่ใส่ใจเธอ เพราะตอนนี้ เหมือนเธอกำลังถูกลากไปเพราะแขนที่ติดกันมากกว่าเดินตาม มัลฟอยได้ยินเสียงไม่พอใจของเธอก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยความไม่พอใจบ้างพลางถอนใจแรง
“ตกลงเธอจะให้ชั้นไปเรียนรึไม่ไปกันแน่ฮะ!!!!” เขาตะคอกถามเธอ
“ แล้วทำไมจะต้องตะคอกด้วยเล่า!!!!” เฮอร์ไมโฮนีตวาดกลับแล้วออกเดินปึงปังไปที่ห้องเรียนประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ทันทีโดยมีมัลฟอยเชื่อมติดไปด้วย เมื่อมาถึงห้องเรียนประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ เธอก็มาสายไป10นาที
“ ขอโทษค่ะศาสตราจารย์ หนูมาสาย..” เฮอร์ไมโอนีพูดอย่างสุภาพ ศาสตราจารย์บินส์หันมามองเฮอร์ไมโอนี
“ อ้อ มิสเกรนเจอร์ ... ไม่เป็นไร คราวหน้าก็อย่าให้สายล่ะ ไปนั่งที่ได้แล้ว..” ศาสตราจารย์พูดขึ้น เฮอร์ไมโอนีพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังที่นั่งตนโดยมีมัลฟอยพ่วงไปด้วยอย่างไม่เต็มใจเท่าไร
“ อ้าว..แล้วเธอ ...มิสเตอร์มัลฟอย เธอมาทำไมน่ะ ? “ ศาสตราจารย์บินส์ ถามพลางมองไปที่มัลฟอยซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับมัลฟอยอย่างมาก เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเขา เขาจึงชูแขนข้างที่ติดกับเฮอร์ไมโอนีให้ศาสตราจารย์ดูโดยไม่พูดอะไร
“ เอ่อ เราเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยในชั่วโมงปรุงยาน่ะค่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบแทนพลางชักมือข้างที่ติดกับมัลฟอยลงแล้วมองค้อนเขาเล็กน้อยเชิงว่า “นั่นมันไม่สุภาพนะ!!” แต่มัลฟอยก็เบ้หน้าแล้วหันไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ
เมื่อทั้งสองคนนั่งที่เรียบร้อยศาสตราจารย์บินส์ก็เริ่มต้นการสอนอีกครั้งมัลฟอยหันไปดูรอบตัวเขา นักเรียนแทบทุกคนดูเหมือนหัวจะหนักขึ้นทันที บางคนก็ฟุบหลับ บางคนก็นั่งเท้าคางฟังอย่างเบื่อหน่าย จะมีก็แต่คนข้างๆเขา ที่ตั้งใจเรียนเกินไปจนสร้างความรำคาญให้เขา
“ นี่เกรนเจอร์ ... เธอจะช่วยหยุดเขียนซักนาทีได้มั๊ย” มัลฟอยถามเธอเสียงเบาด้วยความรำคาญพลางเหลือบมองไปที่มือของเขาที่ต้องขยับตามไปทุกครั้งที่เธอเขียน
“ แล้วนายจะให้ชั้นเรียนยังไงถ้าชั้นไม่จด” เธอพูดโดยไม่ได้หันมามองเขาแต่ยังคงจดต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้าเธอจะจด แต่บังเอิญว่าชั้นเมื่อย....” เขาพูดขึ้นอีกพลางมองไปที่มือของเขาอีกครั้งที่ยังคงขยับไปตามแรงเขียนของเฮอร์ไมโอนี เฮอร์ไมโอนีถอนหายใจหนักแล้วหันมาถาม
“ แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไงไม่ทราบ” เธอเริ่มถามด้วยเสียงไม่พอใจที่มัลฟอยมาขัดการเรียนของเธอ มัลฟอยล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วหยิบปากกาขนนกออกมาด้ามหนึ่งแล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยๆไปให้เฮอร์ไมโอนีด้วยความรังเกียจ ซึ่งเธอไม่พอใจกับท่าทางของเขา แต่เธอก็เงียบไว้เพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับมัลฟอยในชั่วโมงนี้อีก เพราะกลัวว่าครั้งนี้ ศาสตราจารย์บินส์อาจจะทำโทษโดยการเสกให้เธอติดกับมัลฟอยทั้งตัวก็ได้
“ เอาไปใช้ซะ... มันจะเขียนให้เธอเองโดยไม่ต้องขยับมือเน่าๆของเธอนื่ ...” เขาพูดโดยไม่ได้มองหน้าเธอ
“ แล้วมันใช้ยังไงล่ะ” เธอถามเสียงหงุดหงิดเพราะคำพูดของมัลฟอย มัลฟอยจึงหันกลับมามองเธอด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ นึกว่าพวกเด็กดีเด่นจะรู้ไปหมดซะอีกนะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงเยาะเย้ย พลางใช้มืออีกข้างล้วงหยิบไม้กายาสิทธิ์ขึ้นมาแล้วพึมพำบางอย่าง
“ ไรท์” เขาพูด แล้วปากกาขนนกก็ลุกขึ้นมาเหมือนมีชีวิตและลงมือจดตามคำพูดของศาสตราจารย์บินส์ทุกคำ เฮอร์ไมโอนีอึ้งกับปากกานี่และเผลอพูดดีกับมัลฟอยเข้า
“ โหหห ดีจัง เธอไปซื้อปากกานี่ที่ไหนมาน่ะ “ เฮอร์ไมโอนีร้องถามเสียงอ่อนพลางยิ้มนิดๆด้วยความเผลอตัวและใช้อีกมือเขย่าเสื้อคลุมเขาถามเบาๆ มัลฟอยแปลกใจกับอาการของเธอและเลิกคิ้วขึ้นมองเธออย่างงงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเฮอร์ไมโอนียิ้มให้เขาทำให้มัลฟอยหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปทางอื่นก่อนที่จะตอบ
“ ชั้นซื้อที่ร้านซองโก้ตอนไปฮอกมีดส์ครั้งก่อน” เขาตอบเสียงเบาและหันมาถามต่อเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“แล้วเธอจะจับชั้นอีกนานมั๊ย” เขาถามโดยที่เหลือบๆมองมาที่มือของเธอที่ยังคงจับที่เสื้อคลุมเขาอยู่ เฮอร์ไมโอนีรีบปล่อยมือและหันกลับทันทีผิวขาวนวลของเธอเริ่มเป็นสีชมพูเล็กน้อย
“คะ..ใครเค้าอยากจะจับนายกัน..” เธอพูดโดยไม่ได้มองหน้าเขา ไม่รู้ว่าทำไมเธอจะต้องตื่นเต้นกับคำพูดเขาเมื่อกี๊ด้วย แล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนหมดชั่วโมงเฮอร์ไมโอนีเก็บของลงกระเป๋าอันพองโตของเธอแล้วทั้งเธอและมัลฟอยก็ลุกเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ เฮอร์ไมโอนีรีบเดินไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ทันที แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดเดินเมื่อคนอีกคนไม่ยอมเดินตามมา
“ เป็นอะไรของนายอีกล่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามด้วยความหงุดหงิด มัลฟอยชายตามามองเธอ
“เธอคงไม่คิดจะให้ชั้นไปนั่งที่โต๊ะพวกพ่อมดแม่มดชั้นต่ำอย่างงั้นหรอกนะ” เขาพูดพลางเบ้หน้ารังเกียจไปที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนีไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ แล้วนายจะเอายังไง!!!” เธอถามกลับขณะที่พยายามกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่
“ สลิธีริน” เขาพูดเสียงเฉียบ
“ไม่มีทาง ชั้นไม่มีทางไปนั่งที่โต๊ะเลือดบริสุทธิ์นิสัยชั้นต่ำนั่นเด็ดขาด “ เฮอร์ไมโอนียื่นคำขาดบ้าง
“ เธอจะนั่งรึไม่ชั้นไม่สน แต่ชั้นจะไปสลิธีริน” มัลฟอยพูดจบก็เริ่มต้นออกเดินกลับโต๊ะของตนโดยมีเฮอร์ไมโอนีที่พยายามดิ้นแต่ก็ไม่สำเร็จเธอจึงต้องจำใจเดินไปโดยดี
“ อุ๊ยย มีเลือดสีโคลนหลุดมาโต๊ะเราคนนึงด้วยล่ะ” เสียงแหลมของแพนซี่ พากินสันดังขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะล้อเลียนของเด็กบ้านสลิธีริน ทำให้รอนและแฮรรี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์เงยหน้าขึ้นมามองทันทีและเห็นเฮอร์ไมโอนีกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนสลิธีริน ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความโกรธและเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาแล้ว
แฮรรี่และรอนรีบลุกขึ้นจะเดินออกไปช่วยเพื่อนสาว แต่เฮอร์ไมโอนีก็ส่งสายตาปรามพวกเขาไว้ก่อน เธอรีบปาดน้ำตาออกแล้วนั่งลงที่โต๊ะพลางก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจรอบข้าง รอนและแฮรรี่ ก็ได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนีมาให้
“ ต๊ายยย นั่นใครใช้ให้เลือดสีโคลนอย่างเธอกินน่ะ....” แพนซี่แหวออกมาอีก แต่เฮอร์ไมโอนีไม่สนใจและกินต่อไป
“ ทำเป็นเมินหรือ ...อย่านึกว่าติดเดรโกไปไหนต่อไหนแล้วเค้าจะเห็นใจเธอนะ” แพนซี่พูดน้ำเสียงแสดงถึงความหึงหวงมัลฟอยอย่างเห็นได้ชัด
“ เพิ่งรู่ว่าพวกเลือดบริสุทธิ์นี่เค้าจะคอยหาเรื่องให้คนอื่นขณะกินข้าวเป็นอย่างเดียวนะ อาจเพราะว่าสมองคิดอะไรมากกว่านั้นไม่เป็นล่ะมั้ง ” เฮอร์ไมโอนีพูดประชดโดยไม่มองหน้าแพนซี่
“ กรี๊ดดดด นี่เธอล้าว่าชั้นหรอ!!!!” แพนซี่กรีดร้องเสียงแหลมพลางคว้าแก้วทองที่ใกล้มือที่สุดสาดน้ำฟักทองใส่เฮอร์ไมโอนี ซึ่งรอนและแฮรรี่เองก็เห็นเหตุการณ์และลุกเดินมายังโต๊ะสลิธีรินทันที น้ำตาของเฮอร์ไมโอนีไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลของเธอทันที
“ ต๊าย! น้ำตาสีโคลน อย่าให้มันหยดโดนโต๊ะเชียวนะ” แพนซีร้องด้วยความสะใจ
“ หยุดเดี๋ยวนี้นะพากินสัน!!!” มัลฟอยร้องเสียงดุ ทำให้แพนซีหน้าเจื่อนลงไปทันที เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี
“ เอ้า ลุกซะทีซิ จะได้ไปล้างหน้าล้างตา!!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เฮอร์ไมโอนีไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่ลุกขึ้นเดินตามมัลฟอยพลางเช็ดน้ำตาออก
“ หยุดนะมัลฟอย!!” เสียงแอรรี่ดังขึ้นแล้วรอนก็เดินมาสมทบ
“ จะพาเธอไปไหนน่ะ!!” รอนถามขึ้นบ้าง เฮอร์ไมโอนีดีใจมากที่เพื่อนของเธอมาหา
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย พอตเตอร์!!!” มัลฟอยพูดด้วยเสียง***มเกรียม
“ เฮอร์ไมโอนีเป็นเพื่อนเรา ทำไมพวกนายต้องแกล้งเธอด้วย” แฮรรี่ร้องเสียงหนัก ทำให้มัลฟอยเริ่มหงุดหงิด
“ เฮอะ ชั้นก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกะยัยเลือดเน่านี่หรอกนะ ถ้าชั้นไม่บังเอิญต้องไปติดกับยัยนี่” เขาพูดพลางชูแขนข้างที่ติดกันให้ดู แล้วพูดต่อ “ความจริงเมื่อกี๊ก็กะจะพาไปล้างหน้า แต่ชั้นว่าไม่แล้วจะดีกว่ามั้ง” เขาพูดพลางหรี่ตาลงและมองมาทางแฮรรี่กับรอนที่ดูเหมือนรอนจะกำหมัดแน่นเตรียมที่จะปล่อยออกไปได้ทุกเวลา
“ พอเถอะ แฮรรี่ รอน ...ชั้นไม่เป็นไร..พวกเธอไปเถอะ อย่ามีเรื่องกับพวกนี้เลยนะ” เฮอร์ไมโอนีเข้ามาปรามไว้ก่อนที่จะเกิดอะไรรุนแรงขึ้นไปกว่านี้ แล้วเธอก็ลากมัลฟอยออกเดินไป ทำให้แฮรรี่และรอนต้องจำใจกลับไปนั่งที่
เมื่อมัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนีมาถึงก๊อกน้ำข้างๆปราสาทที่พวกเขาใช้ทำความสะอาดหลังซ้อมควิดดิชเป็นประจำ แล้วเขาก็พูดขึ้น
“ ใช้ก๊อกตรงนี้แหละ เพราะชั้นไม่มีวันเข้าไปใช้ในห้องน้ำหญิงเด็ดขาด” เขาพูดขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าเธออย่างหงุดหงิด เฮอร์ไมโอนีจึงเปิดน้ำล้างหน้าและมือบริเวณที่โดนน้ำฟักทองสาดใส่ มัลฟอยเหลือบตามองดูเธอ พลางคิดว่า ทำไมเขาต้องรู้สึกใจอ่อนเวลาที่เฮอร์ไมโอนียิ้มหรือร้องไห้ด้วยนะ เฮอร์ไมโอนีเห็นมัลฟอยเหลือบมองเธอ เธอจึงพูดออกมาเบาๆด้วยความไม่พอใจ
“คงสะใจนายมากซินะ...” เธอพูดขณะที่ยังล้างหน้าของเธออยู่ ด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“ เออ คงงั้นมั้ง แต่เธอช่วยถกแขนเสื้อข้างนั้นชั้นขึ้นก็ดีนะ ก่อนที่มันจะเปียกไปมากกว่านี้”เขาไม่ได้สนใจตอบคำถามเฮอร์ไมโอนี ดูเหมือนเขาจะสนใจแขนเสื้อข้างซ้ายเขาที่ติดกับเธอมากกว่า เฮอร์ไมโอนีหันไปพับแขนเสื้อของมัลฟอยขึ้นอย่างรำคาญใจ เมื่อเฮอร์ไมโอนีล้างหน้าเสร็จ เธอก็ล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเพื่อจะเช็ดหน้าเธอ แต่ผ้าเช็ดหน้าเธอก็เปื้อนน้ำฟักทองไปหมด
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เฮอร์ไมโอนีบ่นพึมพำ มัลฟอยเหลือบมองเธอแล้วก็ถอนใจหนัก แล้วเขาก็ใช้มือข้างที่ติดกันนั้นออกแรงดึงให้เฮอร์ไมโอนีหันมาใกล้ๆเขา แล้วใช้เสื้อคลุมของเขาเช็ดหน้าที่ขาวเนียนของเธอให้ เฮอร์ไมโอนีหน้าเป็นสีจัดและตกใจในการกระทำของมัลฟอย บนใบหน้าสีซีดของมัลฟอยก็ปรากฏรอยสีชมพูเช่นกันเขารีบหันหน้ากลับ
“ บังเอิญชั้นไม่ได้เอาผ้าเช็ดหน้ามาวันนี้... ใช้เสื้อคลุมไปก่อนละกัน ...ไปกันได้แล้ว” เขาพูดแล้วเริ่มออกเดินพลางคิดถึงการกระทำอันเหลือเชื่อของเขาเมื่อครู่ เฮอร์ไมโอนีเองก็เดินตามไปด้วยใบหน้าสีเข้ม ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรจนถึงโถงใหญ่ เมื่อมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนีนั่งลงที่โต๊ะสลิธีรินไม่นานก็มีเสียงเคาะแก้วของศาสตราจารย์มักกอนากัลดังขึ้นนักเรียนต่างเงียบลง
“ เอาล่ะ จากที่เมื่อเช้าได้ประกาศไปแล้ว จากนี้ไปเราจะแบ่งกลุ่มกัน... ปี 5-7 เอาไม้กายาสิทธิ์ออกมา...” เด็กๆต่างทำตามและศาสตราจารย์มักกอนากัลก็พูดต่อ
“แมทซิเทอเรีย .... คือคาถาจับคู่ให้พวกเธอ จะมีชื่อคนที่เธอจะคู่ด้วยสำหรับนักเรียนปี5-6และ สำหรับปี7 จะขึ้นรูปภาพของสมาชิกกลุ่มของเธอขึ้นมา..” เมื่อพูดจบ นักเรียนต่างก็ร่ายคาถา
“ แฮรรี่ นายเป็นไงมั่งน่ะ..”รอนถามด้วยสีหน้าเบิกบาน
“ ก็... ไม่ได้แย่มากเท่าไรนักหรอก ชั้นได้คู่เนวิลล์น่ะ แล้วนายล่ะ” แฮรรี่ถามกลับบ้าง
“ เฮอร์ไมโอนีน่ะ... เจ๋งมั๊ย” รอนตอบพลางยิ้มแก้มปริ เฮอร์ไมโอนีเองก็โล่งใจที่จะได้คู่กับรอน เพราะอย่างน้อย ทั้งสองก็สนิทกัน ส่วนมัลฟอยได้แต่เบ้หน้าในความซวยที่ต้องจับคู่กับ แพนซี่ พากินสัน ในขณะที่แพนซี่เริ่มที่จะกรี๊ดกร๊าดว่าเป็นเพราะเธอดวงสมพงษ์กับมัลฟอย
“ เอาล่ะ สำหรับนักเรียนปีเจ็ด เราอนุญาตให้สร้างห้องลับในตอนกลางคืนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กคนอื่นรู้....ส่วนตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป เราจะเริ่มกิจกรรมของปีห้าและหกกัน โดยที่เมื่อพวกเธอมารวมกันที่ห้องโถง เราจะเสกเชือกรัดที่ขาของแต่ละคู่ และจะอธิบายอย่างละเอียดอีกที ...” เมื่อศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดจบนักเรียนทุกคนก็ส่งเสียงคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ คู่วีสลีย์รึ...พวกชั้นต่ำคู่กันก็สมควร” มัลฟอยพูดเสียดสีมาทางเฮอร์ไมโอนี
“ มันก็ยังดีกว่าคู่กับพวกเลือดบริสุทธิ์นิสัยน่ารังเกียจอย่างพากินสันหรือนายก็แล้วกัน”เฮอร์ไมโอนีเถียงด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้บ้าง แล้วพวกเขาก็ต้องหยุดเถียงกันทันทีเมื่อเสียงของศาสตราจารย์มักกอนากัลดังขึ้นอีกครั้ง
“ มิสเตอร์มัลฟอย มิสเตอร์ โรนัลด์ วีสลีย์ มิสเกรนเจอร์และมิสพากินสัน มาพบชั้นที่ห้องทำงานด่วน” ทั้งสี่คนเลิกลั่กทันทีด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อทั้งสี่ไปที่ห้องของศาสตราจารย์มักกอนากัล
“ คือว่า ในการจับคู่เมื่อกี๊นี้ ชั้นจะขอเปลี่ยนคู่ให้กับพวกเธอก่อน คือมิสเกรนเจอร์ เธอมาคู่กับมิสเตอร์มัลฟอย และมิสเตอรืวีสลีย์ เธอต้องคู่กับมิสพากินสัน ...เข้าใจมั๊ย” ศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดเสียงเฉียบ
“แต่..ทำไมกันคะ?” เฮอร์ไมโอนีร้องถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ เพราะยาดูดติดของเธอน่ะ มันไม่สามารถที่จะทำให้แยกกันได้น่ะสิ...” ศาสตราจารย์มักกอนากัลอธิบายและพยักหน้าเป็นเชิงว่าจบธุระแล้ว แต่นั่นทำให้แพนซี่แทบจะกรี๊ดออกมายกใหญ่ เมื่อทั้งสี่ออกมาจากห้องทำงานศาสตราจารย์มักกอนากัลแล้ว
“ เอาล่ะ กลับหอได้แล้ว...” มัลฟอยพูดกับพากินสันแล้วลากเฮอร์ไมโอนีไปด้วย
“ ทำไมชั้นต้องไปหอสลิธีรินด้วย!!” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นทันที
“ใช่ เฮอร์ไมโอนีต้องกลับหอกริฟฟินดอร์กับชั้น” รอนเสริมขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้มัลฟอยอย่างเอาเรื่อง
“ ไม่ใช่ธุระของนายวีสลีย์... เพราะชั้นไม่มีวันไปนอนในหอนอนพวกชั้นต่ำเด็ดขาด” มัลฟอยพูดเสียงเขียวใส่รอนที่จ้องหน้าเขาตอบ แล้วเขาก็เริ่มต้นลากเฮอรไมโอนีกลับหอสลิธีริน
“หยุดนะมัลฟอย ...ชั้นอุตส่าห์ยอมไปนั่งโต๊ะนายแล้วนะ ชั้นไม่ไปหอนายแน่ๆ” เฮอร์ไมโอนีพยายามดิ้นและกระชากเขากลับ มัลฟอยหันกลับมามองเธอตาขวาง
“ เธฮกำลังทำให้ชั้นหมดความอดทนนะ เกรนเจอร์ ถ้าเธออยากกลับหอนัก เธอก็ตัดแขนเธอแล้วกลับไปซะซิ” เขาพูดเสียงเย็นชาลอดไรฟันออกมา เฮอร์ไมโอนีจึงต้องจำใจไป เพราะเธอไม่มีทางสู้แรงมัลฟอยได้อยู่แล้ว เธอจึงหันมามองรอนเชิงว่า “ชั้นไม่เป็นไรหรอกรอน...” แล้วก็เดินตามมัลฟอยไป


สองคนสามขา ตอนที่ 3 หอสลิธีริน

เมื่อรอนกลับมาที่หอกริฟฟินดอร์ ก็อาระวาดยกใหญ่ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้แฮรรี่และเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วย

“ ทำไมชั้นต้องไปคู่กับยัยพากินสันนั่นด้วยนะ!!!” รอนพูดอย่างหัวเสีย

“ เอาน่ารอน... ยังไงนายก็เหนือกว่าพากินสันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง...ชั้นว่าที่น่าห่วงน่ะ เฮอร์ไมโอนีมากกว่า” แฮรรี่พูดขึ้น

“ นั่นสิ... เราจะทำอะไรได้มั่งมั๊ยเนี่ย” รอนพูดพลางล้มตัวลงพิงกับโซฟาสีแดงตัวใหญ่ ในห้องนั่งเล่นรวมตอนนี้เงียบกว่าปกติ เพราะเด็กปีเจ็ดได้ออกไปสร้างห้องลับตอนกลางคืนกันเกือบหมด

“ อย่าคิดมากน่า... เฮอร์ไมโอนีน่ะ เอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะ” ปาราวตีพูดขึ้นพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไปจากรอน

“ จริงด้วย เฮอร์ไมโอนีฉลาดจะตายไป” เนวิลล์เสริมขึ้นเพื่อให้แฮรรี่และรอนรู้สึกดีขึ้นแต่เขาเองกลับมีท่าทีกระสับกระส่ายยิ่งไปกว่าแฮรรี่และรอนเสียอีก

“ ชั้นว่านายสองคนไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องใช้แรงเยอะนะ...” ลาเวนเดอร์พูดขึ้นบ้าง แล้วรอนกับแฮรรี่ก็เดินขึ้นหอชายไปพร้อมๆกับเนวิลล์และเชมัส

ทางด้านหอสลิธีริน แน่นอนไม่มีใครอยากจะต้อนรับเฮอร์ไมโอนีที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกเลือดสีโคลนอยู่แล้ว เมื่อเธอก้าวเข้าไปในหอก็โดนถังน้ำที่ใช้คาถาทำให้ลอยอยู่เหนือหัวเธอตกลงมาใส่เธอ เรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันให้คนในสลิธีรินอย่างมาก

“ แหมมม ดูทุกคนจะต้อนรับเธออย่างดีเลยนะ” เสียงแหลมๆของแพนซี่เดินมาเยาะเย้ยเธอ “น่าสงสารจัง เปียกหมดเลย....” เธอยังคงพูดต่อ

เฮอร์ไมโอนีรู้สึกโมโหอย่างมาก และเธอก็หนาวเพราะนี่เป็นตอนกลางคืนในหน้าหนาวที่ฮอกวอตส์ และตัวเธอยังเปียกน้ำอีก เธอเริ่มสั่นด้วยความหนาว ริมฝีปากเริ่มซีดและมือเธอก็เริ่มเย็นเป็นน้ำแข็ง มัลฟอยเห็นดังนั้นจึงออกเดินเพื่อเลี่ยงความรำคาญ พอเฮอร์ไมโอนีจะก้าวเดิน แพนซี่ก็ขัดขาเธอล้ม แต่มัลฟอยใช้มืออีกข้างรับเธอไว้

ตอนนี้เฮอร์ไมโอนีอยู่ในอ้อมแขนอันแข็งแรงของมัลฟอย และเริ่มที่จะใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ ทุกคนในห้องนั่งเล่นรวมสลิธีรินเงียบกริบ กับการกระทำของมัลฟอย

“ เธอหยุดทำตัวน่ารำคาญซักทีได้มั๊ยพากินสัน!! ถ้ายัยนี่ล้ม ชั้นก็ต้องเซไปด้วยเข้าใจมั๊ย..” เขาพูดกระแทกเสียงแล้วพาเฮอร์ไมโอนีเข้าไปที่หอนอนเขา และก็ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งลูกสมุนร่างยักษ์ของเขาทั้งสอง

“ คืนนี้พวกนายไปนอนที่อื่น เข้าใจมั๊ย” พูดจบเขาก็ปิดประตูดังปัง โดยที่แครบและกอยล์ไม่กล้าที่จะเปิดปากเถียงแม้แต่น้อย

มัลฟอยเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนของเขาให้เธอยืม

“ เอ้า เอาไปเปลี่ยนซะ ... คงไม่ต้องอาบน้ำแล้วมั้ง เมื่อกี๊ก็อาบเต็มที่แล้วนี่” เขาพูดประชดเธอเล็กๆถึงเรื่องที่เธอโดนน้ำสาดถึงสองครั้งแล้วส่งเสื้อผ้าให้เธออย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“ แล้วจะให้ชั้นเปลี่ยนยังไงล่ะก็แขนมันติดกันน่ะ” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงดังบ้าง

“ ก็ฉีกๆมันไปนั่นแหละ แล้วค่อยใช้คาถาทำให้เป็นเหมือนเดิมก็ได้” มัลฟอยตอบอย่างเบื่อๆพลางเบ้หน้ารำคาญ แล้วเขาก็หันหลังให้เธอ

“ เร็วๆเข้า ชั้นไม่อยากจะมองนักหรอก” เขาพูดเสียงเย็น เฮอร์ไมโอนีเห็นดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนชุดให้เร็วที่สุดและระวังที่สุดเช่นกันเธอเหลือบมองมัลฟอยเป็นระยะๆอย่างระแวง เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่า พวกสลิธีริน ไม่เคยไว้ใจได้ซักคน เมื่อเธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เธอก็ก้มลงดูสภาพตัวเอง เสื้อของมัลฟอย ตัวใหญ่กว่าเธอมาก และเธอต้องพับขากางเกงขึ้นไปหลายตลบทีเดียว เฮอร์ไมโอนีถูกลากเดินไปยังเตียงสี่เสาที่มีม่านคลุมสีเขียว แล้วมัลฟอยก็ล้มตัวนอนบนเตียงเขาโดยมีเฮอร์ไมโอนีพ่วงไปด้วย

“นี่นาย!!! คงไม่คิดจะให้ชั้นนอนเตียงเดียวกับนายนะ” เฮอร์ไมโอนีพูดตวาดด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น

“ ชั้นให้เธอนอนกับชั้นนี่บุญแค่ไหนแล้วรู้มั๊ยเกรนเจอร์ ถ้าเป็นเจ้าแครบกับกอยล์ล่ะก็ ชั้นจะไล่พวกมันไปนอนในถังขยะโน่น “ เขาลืมตาขึ้นมาพูดกับเฮอร์ไมโอนีพลางเพยิดหน้าไปที่ถังขยะที่อยู่มุมห้องฝั่งตรงข้ามที่มีผ้าม่านสีเขียวของเตียงแครบโบกสะบัดตามแรงลมอ่อนๆอยู่ด้านข้าง

“ และความจริงชั้นก็ไม่ได้อยากจะนอนข้างๆพวกเลือดสีโคลนเท่าไรนักหรอกนะ” เขาพูดพลางเหลือบมองมาที่เธออย่างรังเกียจ

“ ชั้นเองก็ไม่ได้อยากนอนข้างคนเฮงซวยอย่างนายนักหรอกนะ ถ้าแขนชั้นไม่ได้ติดกับพวกไร้สมองน่ะ” เธอตอบเสียงดังบ้างพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มัลฟอยยันตัวขึ้นมา ดวงตาสีซีดฉายแววเย็นชาของเขาจ้องลงไปในตากลมโตใสของเฮอร์ไมโอนีอย่างเอาเรื่อง

“ ถ้าเธอไม่พอใจล่ะก็ จะให้ชั้นสงเคราะห์ตัดแขนเธอมั๊ยล่ะ เธอจะได้กลับไปหาพอตเตอร์กับวีสลีย์แฟนเธอไง” มัลฟอยพูดด้วยเสียงเบาแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว

“สองคนนั้นไม่ใช่แฟนชั้น!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงดัง แล้วทั้งสองก็ยังคงจ้องประชันสายตาxxx;มเกรียมอย่างดุเดือดโดยไม่มีฝ่ายไหนยอมลดสายตาลงก่อนพลางหอบหายใจเบาๆเนื่องจากความเหนื่อยที่ต้องออกแรงเถียงกันมาครู่ใหญ่ มีสายลมหนาวๆพัดลอดช่องบานหน้าต่างเข้ามาปะทะร่างของทั้งสอง มัลฟอยจึงเป็นฝ่ายยอมเอนตัวนอนลงก่อน เฮอร์ไมโอนีเห็นดังนั้นจึงเบ้หน้าเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงเดียวกับเขาด้วยความรังเกียจและพยายามขยับตัวออกห่างให้มากที่สุด ทั้งสองหันหน้าไปคนละทางและพลิกตัวนอนตะแคงไปคนละทางอย่างพร้อมเพรียงแต่แล้วแขนข้างที่ติดกันก็ทำให้ทั้งสองไม่สามารถหันตะแคงคนละด้านได้ เฮอร์ไมโอนีหันหน้ามาจ้องเขาอย่างหงุดหงิด

“นี่นาย !!! ชั้นง่วงแล้วนะ หยุดดึงชั้นซะทีได้มั๊ย” เฮอร์ไมโอนีโพล่งออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

“ ฮึ !! ใครอยากจะดึงเธอกัน เธอนั่นแหละ หยุดนอนตะแคงไปทางนั้นได้มั๊ย ชั้นจะนอนหันไปทางนี้” เขาพูดพลางชี้มือไปทางฝั่งที่เขาจะนอนเป็นเชิงสั่งว่าห้ามหันไปทิศตรงข้างกับเขา

“ แต่ชั้นไม่ชอบนอนหันไปทางนั้นนี่ ชั้นจะนอนหันทางนี้” เธอระเบิดอารมณ์ใส่เขาแล้วชี้ไปในทิศที่เธอต้องการ เกิดการจ้องตากันอีกครั้งอย่างดุเดือดไม่ยอมลดละ มัลฟอยถอนใจหนักแล้วพลิกตัวนอนหงายอย่างเบื่อหน่ายเพื่อตัดปัญหาเพราะตอนนี้เขาง่วงนอนมาก และขี้เกียจจะเถียงกับเฮอร์ไมโอนีเพราะไม่งั้น คืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนแน่ มัลฟอยยกแขนอีกข้างขึ้นมาหนุนที่หัวซึ่งตอนนี้ ผมของเขาไม่ได้ถูกหวีเสย แต่ถูกปล่อยพลิ้วลงมาประตาเขาเป็นประกายสีทองสะท้อนกับแสงจันทร์ยามราตรี เขาถอนใจอย่างรำคาญและพึมพำเบาๆว่า

“ฮึ..พวกผู้หญิง....”พลางเบ้หน้าเซ็งก่อนจะหลับตาลงนอน

เฮอร์ไมโอนีจึงจำต้องนอนหงาย แต่เธอก็ยังนอนไม่หลับเพราะตอนนี้ใจเธอเต้นแรงมาก จนเธอกลัวว่ามัลฟอยอาจจะได้ยินก็ได้ เพราะเธอไม่เคยนอนใกล้ผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อน เฮอร์ไมโอนีเหลือบตามองไปที่มัลฟอย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าเขาชัดๆ และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้ายามหลับของเขา เธอมองไปที่ดวงตาที่ปิดสนิทของเขายามหลับ เขาก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดา เพียงแต่เมื่อเขาตื่นขึ้นก็จะกลายเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ที่น่ารังเกียจสำหรับเธอ แล้วเธอก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อดวงตาสีซีดค่อยๆเปิดขึ้นและเหลือบมามองเธอ

“ นี่เธอจะหยุดจ้องชั้นซักทีได้มั๊ย ... ชั้นนอนไม่หลับ!!” เขาบ่นเสียงงัวเงียด้วยความอ่อนเพลีย แต่ถ้าในห้องนี้มีแสงไฟมากกว่านี้ เฮอร์ไมโอนีคงจะได้เห็นว่า ใบหน้าของมัลฟอยในตอนนี้ คงแดงไม่แพ้ผมของรอนแล้ว เฮอร์ไมโอนีเองก็ใจเต้นรัว และเริ่มร้อนบนใบหน้า

“ ทะ..ทำไมชั้นต้องมองนายด้วย...อย่าหลงตัวเองนักเลย!!!” เธอพูดแล้วหลับตาลงทันที เธอรู้สึกร้อนที่ใบหน้ามากๆ นี่เธอกำลังใจเต้นแรงกับเขาหรือ? ทำไม? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวเธอ และเธอก็รู้สึกถึงลมอุ่นๆที่ใบหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนีค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมัลฟอยค่อยๆโน้มตัวมาจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา และไม่รู้เพราะอะไร เธอจึงไม่ปฏิเสธเขา ทั้งที่ในใจของเธออยากจะเงื้อมือตบเขาตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ร่างกายเธอไม่ยอมทำตาม เฮอร์ไมโอนีรู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนจากริมฝีปากเขา เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็จ้องเธอด้วยดวงตาสีซีดที่ดูอบอุ่นในเวลานี้

“ ทำไมเธอถึงไม่ปฎิเสธล่ะ” เขาถามขึ้น ทำให้เฮอร์ไมโอนีสะดุ้งเล็กน้อย และเธอก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มัลฟอยล้มตัวลงนอนข้างๆเธอแล้วหลับสนิทไปด้วยความอ่อนเพลียและใบหน้ายังคงเป็นสีชมพูอยู่ เฮอร์ไมโอนียังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนนี้หัวใจเธอแทบจะออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนีดันตัวมัลฟอยให้นอนลงข้างๆเธอแต่ก็อดที่จะตื่นเต้นกับใบหน้าเขายามหลับไม่ได้ เธอเพิ่งจะรู้ว่า มัลฟอยเองก็หน้าตาดูดีเหมือนกัน เมื่อเธอได้นอนมองเขาใกล้ๆบนเตียงเดียว กัน...คิดได้ถึงตรงนี้เลือดในร่างเธอก็สูบฉีดขึ้นมาทันที ตอนนี้เฮอร์ไมโอนีสับสนมาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงไม่ปฏิเสธเขาเมื่อครู่ ทำไมเธอจึงไม่รู้สึกรังเกียจเขา และที่สำคัญ ทำไมมัลฟอยจึงจูบเธอ? เพราะเขาชอบเธอหรือ? เฮอร์ไมโอนีสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปทันที เพราะไม่มีทางที่คนที่คอยดูถูกว่าเธอเป็นเลือดสีโคลนอย่างเขาจะมาชอบเธอได้...เฮอร์ไมโอนีคิดวนไปเรื่อยๆจนหลับไปข้างๆมัลฟอยที่นอนหลับสนิท......

ในตอนเช้าตรู่อากาศสดใสหนาวเย็น ลมเย็นๆพัดลอดช่องหน้าต่างผ่านผ้าม่านสีเขียวโบกสะบัดเข้ามาปะทะร่างที่หลับสนิทของเฮอร์ไมโอนี ด้วยสัญชาตญาณ เธอจึงคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามาซุกกอด สายลมหนาวยังคงพัดเข้ามาเป็นละรอก ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มผมทองยุ่งเหยิงจากการนอนค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดจากอากาศที่หนาวเหน็บทำให้เขาไม่สามารถทนนอนต่อไปได้ เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็สะดุดตากับร่างของเด็กสาวผมน้ำตาลหยิกฟูที่กำลังนอนอยู่ข้างกายเขาอย่างแนบสนิท เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆจากเธอ มือข้างหนึ่งของเธอกำเสื้อของเขาแน่น พลางซุกตัวเข้ามาใกล้เขาเพราะอากาศที่หนาวเย็น มัลฟอยมองดูใบหน้าขาวเนียนสดใสยามหลับของเธออย่างพิจารณา แล้วใช้มือเขาค่อยๆลูบไล้ลงบนแก้มที่เป็นสีชมพูระเรื่อของเธอ เฮอร์ไมโอนียังคงนอนหลับสนิทเนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น มัลฟอยโน้มตัวเข้าไปจูบลงที่หน้าผากของเธอเบาๆ แล้ว

เฮอร์ไมโอนีก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ และก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อใบหน้าของมัลฟอยอยู่ห่างจากเธอแค่ไม่กี่เซ็นฯ เธอหน้าแดงขึ้นมาทันทีอย่างช่วยไม่ได้

“ นะ..นายทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นพลางรีบก้มหลบสายตาเขาทันที แต่ในท่านอนแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอซบลงที่อกของเขา เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงยิ่งขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังอยู่ใกล้ชิดเขามากขนาดไหน

“ เกรนเจอร์ ... ก่อนจะว่าคนอื่น เธอน่าจะดูตัวเองก่อนนะ” มัลฟอยพูดขึ้นพลางเหลือบสายตาไปที่มือเธอที่ยังคงจับเสื้อของเขาแน่น เฮอร์ไมโอนีรีบชักมือกลับทันทีและยันตัวลุกขึ้น

“ ชั้น...จะลงไปกินข้าวแล้ว...” เธอรีบพูดกลบเกลื่อนความอายของเธอทันที แต่แล้วมือของมัลฟอยข้างที่ติดกันก็ฉุดเธอลงมาทับร่างของเขาที่ยังคงนอนหงายอยู่บนเตียง

“ เกรนเจอร์ ..ความจริงถ้าเธออยากกอดชั้นขนาดนั้นล่ะก็ บอกชั้นก็ได้นะ จะได้กอดให้” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วใช้สองมือโอบกอดร่างเธอเข้ามาแนบสนิทลงในอ้อมกอดของเขาแล้วพลิกตัวดันเธอกดลงไปบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมเธอ

“ นายจะทำอะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นพร้อมใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม

“ อย่าร้องไปสิ อย่าลืมว่านี่เป็นหอสลิธีรินนะ” มัลฟอยพูดด้วยรอยยิ้มมุมปากเช่นเคย เฮอร์ไมโอนีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำให้มัลฟอยอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงดึงเธอขึ้นมานั่งอย่างเสียอารมณ์ มัลฟอยลุกเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เฮอร์ไมโอนีต้องเดินติดมาด้วย เขาเปิดตู้แล้วหยิบชุดนักเรียนของตัวเองและของเฮอร์ไมโอนีออกมา เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อเขาแล้วเขาก็ชะงักแล้วหันมามองที่เฮอร์ไมโอนีที่ยืนจ้องเขาอยู่ข้างๆ

“ เธอช่วยหันไปทางอื่นก่อนได้มั๊ยเกรนเจอร์...ถึงชั้นจะหุ่นดีแค่ไหนชั้นก็ไม่ชอบให้คนมองเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้านะ” เขาพูดอย่างอวดดีพร้อมรอยยิ้มตามแบบฉบับของเขา เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้นทันที

“ใครอยากจะมองนายไม่ทราบ” เธอพูดเสียงสั่นเล็กๆพลางสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างเมินๆ

มัลฟอยโบกไม้กายาสิทธิ์ร่ายคาถาเพื่อให้เสื้อผ้าใส่ให้เขาเองซึ่งเฮอร์ไมโอนีเองก็ทำเช่นเดียวกัน เพราะในขณะที่แขนยังติดกัน พวกเขาไม่สามารถที่จะถอดเสื้อผ้าหรือใส่เสื้อผ้าเองได้

“ นี่นาย ...เร็วๆหน่อยได้มั๊ย ชั้นมีเรียนตอนเช้า...” เฮอร์ไมโอนีพูดโดยไม่ได้มองหน้าเขาในขณะที่กำลังจัดกระเป๋าเรียนของเธออยู่

“ใช่ ชั้นก็มีเรียนเหมือนกัน...” มัลฟอยตอบเธออย่างไม่ใส่ใจอะไรเช่นกัน แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปทำให้เฮอร์ไมโอนีเกือบเสียหลักล้มเพราะเธอโดนลากออกไปโดยที่เกือบคว้าหยิบกระเป๋าไม่ทัน ทั้งสองคนเดินลงไปทานข้าวเช้าที่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งแฮรรี่และรอนก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์อยู่แล้ว

“ เอาล่ะ...วันนี้นายต้องไปโต๊ะกริฟฟินดอร์” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงเฉียบขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่

“ไม่...ทำไมชั้นต้องไปที่นั่นด้วย” มัลฟอยตอบพลางเดินลากเธอไปที่โต๊ะสลิธีริน เฮอร์ไมโอนียื้อตัวสุดแรงและจ้องมัลฟอยด้วยสายตาขุ่นเขียวทันที

“ เมื่อวานชั้นยอมไปทั้งโต๊ะสลิธีรินและหอนอนสลิธีริน ถ้านายเป็นลูกผู้ชาย วันนี้นายต้องไปกริฟฟินดอร์!!” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงดังด้วยความหงุดหงิดจนมัลฟอยต้องยอมมานั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์อย่างไม่พอใจและหงุดหงิดที่ต้องมานั่งโต๊ะพวกชั้นต่ำสำหรับเขา

“ เฮอร์ไมโอนี ...เธอไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย...มันทำอะไรเธอรึเปล่า” รอนร้องถามทันทีที่เฮอร์ไมโอนีนั่งลงที่โต๊ะพลางเบ้หน้าไปทางมัลฟอยที่กำลังนั่งลง

“ หึ ...หรือนายอยากให้ชั้นทำดีล่ะวีสลีย์... ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะชั้นไม่ได้อยากใกล้พวกโคลนซักเท่าไรหรอก” มัลฟอยพูดพลางหยิบขนมปังปิ้งบนโต๊ะขึ้นมาดูและเบ้หน้าด้วยความรังเกียจเพราะถึงมันจะมาจากครัวเดียวกัน แต่มันก็เป็นอาหารจากโต๊ะของพวกที่เขามองว่า เป็นพวกต่ำชั้นกว่าเขาทั้งนั้น แล้วเขาก็ต้องจำใจกินเข้าไปอย่างสะอิดสะเอียน แฮรรี่และรอนมองหน้ากันอย่างหมั่นไส้แล้วพยายามสงบอารมณ์ไว้

“ เฮอร์ไมโอนี แล้ววันนี้เธอจะกลับหอนอนเรารึเปล่าน่ะ” แฮรรี่ถามบ้าง

“ ชั้นจะพยายามกลับแฮรรี่...” เธอตอบพลางเบ้หน้าไปทางมัลฟอยเล็กน้อยเป็นเชิงว่า เขาล่ะตัวปัญหา

“ เสียใจนะเกรนเจอร์... เพราะชั้นไม่ไปหอเน่าๆนั่นหรอก” มัลฟอยพูดพร้อมรอยยิ้มหยิ่งยะโสบนใบหน้าขาวซีด นั่นทำให้รอนแทบจะกระโดดเข้าไปอัดหน้ากวนๆของเขาซักสองสามหมัด

“ เฮอร์ไมโอนี ชั่วโมงแรกเราเรียนแปลงร่างนะ อย่าสายล่ะ เอ่อ..เราไปก่อนนะ” แฮรรี่บอกเด็กสาวแล้วลากรอนที่กำลังหัวเสียและพร้อมกระโจนเข้าไปหามัลฟอยได้ทุกเมื่อออกจากโต๊ะ เพื่อกันไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น

“ อืม แล้วเจอกัน” เฮอร์ไมโอนีพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วก็เหลือบสายตามองอย่างหงุดหงิด

“ เอ้า ลุกซะที” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

“ ลุกน่ะลุกได้ แต่ชั้นไม่ไปเรียนแปลงร่างหรอกนะ เพราะชั่วโมงนี้ชั้นมีเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนต์” มัลฟอยพูดเรียกร้องบ้าง

“ อะไรกัน วิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนต์เมื่อวานนายก็เรียนไปพร้อมกับชั้นแล้วนั่นไง”เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นบ้างเพราะเธอไม่มีทางขาดเรียนวิชาเธอเด็ดขาด

“ก็นั่นมันไม่เหมือนกัน..” เขาเถียงขึ้นอีกด้วยความไม่พอใจ

“ ไม่เหมือนยังไง!!” เด็กสาวร้องเสียงดังด้วยความหงุดหงิดในความน่ารำคาญของเขาที่มักจะขัดเธอไปทุกเรื่อง

“ ก็เมื่อวานเธอเป็นคนเรียน แต่ชั้นไม่ได้เรียน และชั้นก็ไม่ได้จำและก็จำไม่ได้ด้วย” มัลฟอยเถียงต่อ

“ แต่เมื่อวานนายก็ได้ฟังศาสตราจารย์สอนนี่นา!!!” เฮอร์ไมโอนีที่ตอนนี้เริ่มอารมณ์เสียและหน้าแดงด้วยความโกรธร้องออกมาอย่างพยายามสงบอารมณ์ที่สุด

“ แต่มันไม่เมือนกันนี่!!”มัลฟอยยังคงยืนกรานซึ่งความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากเรียนวิชานี้ เพียงแต่ต้องการแกล้งเฮอร์ไมโอนีเท่านั้น เฮอร์ไมโอนีจึงต้องยอมไปเรียนวิชาประวัติศาสตรืเวทย์มนต์ของมัลฟอย

ในชั่วโมงของศาสตราจารย์บินส์ยังคงน่าเบื่อไม่เปลี่ยน นักเรียนแทบทุกคนนั่งสัปหงกกันรวมทั้งมัลฟอยด้วย

“ นี่นาย ... ถ้านายจะมานั่งหลับอย่างนี้ล่ะก็ ให้ชั้นไปเรียนวิชาแปลงร่างยังดีซะกว่า!!” เฮอร์ไมโอนีแหวออกมาเสียงเบาแต่แฝงไปด้วยตวามหงุดหงิด

“ อะไรกันเกรนเจอร์ ชั่วโมงนี้น่ะเป็นชั่วโมงพักผ่อนสำหรับชั้นนะ... เพราะฉะนั้นชั้นจึงขาดไม่ได้” มัลฟอยพูดพลางยิ้มเหยียดมาให้เธอขณะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนอย่างสบายใจ เฮอร์ไมโอนีส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้เขาอย่างไม่พอใจที่เธอต้องขาดเรียนวิชาแปลงร่างโดยไร้ประโยชน์แบบนี้ มัลฟอยยังคงนอนเล่นอยู่จนจบชั่วโมง ช่างเป็นชั่วโมงที่ไร้สาระที่สุดในความคิดของเฮอร์ไมโอนี เมื่อหมดชั่วโมง เธอก็เก็บของอย่างหงุดหงิดแล้วเดินปึงปังออกจากห้องเรียนโดยมีมัลฟอยตามติดไปด้วยความสะใจที่ได้แกล้งเธอให้ขาดเรียนวิชาสำคัญๆ....


สองคนสามขา ตอนที่4


เมื่อจบชั่วโมงในช่วงเช้าแล้วอย่างไม่สบอารมณ์ของเฮอร์ไมโอนี เธอเดินกระแทกเท้าไปห้องสมุดอย่างรวดเร็วเพื่อไปยืมหนังสือมาทำการบ้านวิชาแปลงร่าง และทบทวนในส่วนที่เธอขาดเรียนไป เมื่อเดินมาถึงระเบียงด้านนอกปราสาทที่มองเห็นหิมะขาวสะอาดโปรยปรายลงมาเบาๆ เฮอร์ไมโอนีก็ต้องเบนหน้ากลับมาด้วยความเบื่อหน่ายอีกครั้ง
“ จะเอาไงอีก?...” เธอพูดอย่างใจเย็นในขณะที่คำพูดของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความหนาวเย็น พลางจ้องลงไปในดวงตาสีซีดที่เย็นชาดูกลมกลืนไปกับหิมะด้านหลัง
“ ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะถ้าเธอจะไปห้องสมุด...” มัลฟอยตอบอย่างรู้ทันเธอแล้วพูดต่อ
“ แต่ชั้นจะแวะล้างหน้าหน่อย เพราะชั้นง่วง....” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรแล้วเดินนำเธอออกนอกปราสาทไปยังก๊อกน้ำที่เดิมที่เค้าเคยใช้หลังซ้อมควิดดิช โดยไม่สนใจว่าเฮอร์ไมโอนีจะยินยอมหรือไม่ เพราะแม้ตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอกำลังถูกลากอยู่ตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนีเดินหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจที่มัลฟอยไม่ยอมฟังคำตอบเธอก่อน และเธอก็ยังหนาวมากอีกด้วย เพราะเธอไม่ได้เอาผ้าพันคอลงมาจากหอนอนสลิธีริน เนื่องจากเมื่อเช้า เธอโดนมัลฟอยลากลงมา มัลฟอยเปิดก๊อกน้ำ ที่บริเวณปลายก๊อกเป็นน้ำแข็งบางๆ แล้วลงมือล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
“โอ้โฮ... น้ำเป็นน้ำแข็งเต็มไปหมด” เฮอร์ไมโอนีร้องออกมาพลางมองดูบริเวณอ่างน้ำที่มีน้ำแข็งเกาะใสแวววาวเต็มไปหมด เธอใช้มืออีกข้างค่อยๆกะเทาะลงไปบนแผ่นน้ำแข็งบางให้มันแตกออกดัง “กร็อบบ” อย่างเพลินใจ
มัลฟอยเบ้หน้ามองลงมาที่เธอแล้วพึมพำเบาๆ
“ ปัญญาอ่อน...” เขาพูดแทบจะเป็นเสียงกระซิบแล้วเบ้ปากไปทางอื่น แต่ก็ไม่พ้นรัศมีการได้ยินของเฮอร์ไมโอนีที่หันขวับไปมองมัลฟอยด้วยพร้อมแยกเขี้ยวใส่ เธอเปิดน้ำจากก๊อกตัวใกล้เธอแล้วใช้นิ้วมืออุดตรงปากก๊อกบังคับให้น้ำเย็นๆในวันหนาวๆอย่างนี้พุ่งตรงไปปะทะร่างของมัลฟอยเต็มๆ
“ เฮ้ยยยยย !!! หยุดนะเกรนเจอร์!!!” มัลฟอยร้องเสียงสะดุ้งพร้อมริมฝีปากที่สั่นกระทบกันด้วยความหนาว
“ ไง คราวนี้สดชื่นขึ้นเป็นกองเลยว่ามั๊ย?” เฮอร์ไมโอนีร้องถามพลางเหยียดยิ้มเยาะเย้ยและเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
แต่เธอก็พูดได้ไม่นานนักเมื่อจู่ๆก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้ๆเธอสองสามก๊อกก็พ่นน้ำออกมาสาดโครมลงมาที่เธอ ทำให้เฮอร์ไมโอนีในตอนนี้ เหมือนไปดำน้ำที่ทะเลสาบมาก็ไม่ปาน
“นะ..นาย” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงสั่นพลางมองไปยังตัวต้นเหตุที่ยื่นไม้กายาสิทธิ์ออกมา มัลฟอยนั่นเองที่ใช้คาถาเสกน้ำมาใส่เธอ เฮอร์ไมโอนีเริ่มสั่นด้วยความหนาวเย็น
“ หึ ตัวเธอคงสะอาดขึ้นมากเลยนะ ยัยเลือดสีโคลน” มัลฟอยร้องขึ้นด้วยความหยิ่งและดูถูกเธอ พลางโบกไม้กายาสิทธิ์ทำเสื้อผ้าของตนให้แห้ง ลมหนาวๆพัดเข้ามาปะทะร่างทั้งสองจนหนาวเข้าถึงกระดูกดำ ยิ่งเฮอร์ไมโอนีแล้ว เธอรู้สึกเหมือนโดนฝังด้วยน้ำแข็งซักสิบปีได้ มือของเธอชาจนไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ มัลฟอยเหลือบมองเธอด้วยหางตาก่อนจะโบกไม้กาสิทธิ์ทำเสื้อผ้าเฮอร์ไมโอนีให้แห้ง อย่างไม่สนใจเท่าไร
“ ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ ชั้นแค่สงเคราะห์พวกชั้นต่ำน่ะ” เขาพูดพลางเก็บไม้กายาสิทธิ์ลงในเสื้อคุมแล้วออกเดินไปยังห้องสมุด โดยยังคงลากเฮอร์ไมโอนีไปด้วยอย่างเฉยชา เมื่อทั้งสองเดินมาจนถึงห้องสมุด เฮอร์ไมโอนีเดินเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อที่จะไปหาหนังสือสำหรับรายงานวิชาแปลงร่าง แต่มัลฟอยเดินไปทางขวา เพื่อหาข้อมูลวิชาปรุงยาแล้วทั้งสองคนก็..
“ โอ๊ยยยย!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้น เนื่องจากแรงดึงของน้ำยาดูดจับที่แขนทั้งสองคน แล้วหันกลับมากุมแขนข้างที่ติดกันนั้นทันทีพลางมองค้อนมัลฟอยเขม็ง
“ เธอจะมาโทษชั้นไม่ได้นะเกรนเจอร์ เพราะชั้นก็มีสิทธิ์มาหาหนังสือของชั้นเหมือนกัน”มัลฟอยตอบด้วยสีหน้ายียวนโดยไม่สนใจว่าเฮอร์ไมโอนีจะเจ็บแค่ไหน เขารู้สึกดีด้วยซ้ำที่ยั่วโมโหเธอได้
“ ใช่ แล้วชั้นก็มีสิทธิ์หาหนังสือของชั้นเหมือนกัน!!! อย่าลืมว่านายเป็นคนทำให้ชั้นขาดเรียนวิชานี้เองนะ” เธอร้องบ้างพลางมองค้อนเขาต่ออย่างไม่ลดละ
“ ใครสนล่ะ..” เขาพูดอย่างสบายอารมณ์พลางเหยียดยิ้มให้เธอเล็กน้อยแล้วหันเดินไปทางขวาทันทีโดยที่เฮอร์ไมโอนีก็ต้องยอมเดินตามไปอีกครั้ง มัลฟอยก้มลงหาหนังสือทีละเล่มๆอย่างใจเย็นและสำราญใจ เขายืนอ่านทีละเล่มที่ชั้นหนังสือจนแทบจะหยิบออกมาอ่านครบทุกเล่ม แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้สนใจหนังสือเท่าไร เพราะเขาสนใจอาการหงุดหงิดที่ทวีคูณเรื่อยๆทุกครั้งที่เขาหยิบหนังสือเล่มใหม่ออกมาของเฮอร์ไมโอนี เขาเหลือบมองเธอแล้วยิ้มเยาะๆมาให้เธอ ซึ่งเฮอร์ไมโอนีเองก็รู้มาตั้งแต่ต้นว่าเขาพยายามถ่วงเวลาเธอ
“นี่นาย... จะเอาเล่มไหนก็หยิบๆเอามาซักทีได้มั๊ย!! ชั้นมีเรียนช่วงบ่ายนะ!!!” เฮอร์ไมโอนีตะคอกออกมาด้วยความหงุดหงิดและโมโห นั่นทำให้มาดามพินซ์มองมาที่เธอด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไร ทำให้เธอต้องเงียบลง
“ นายแทบจะค้นหมดทุกเล่มของวิชาปรุงยาแล้วนะ” เธอพูดต่อด้วยเสียงที่เบาลงแต่ยังบ่งบอกถึงความไม่พอใจเห็นได้ชัด
“ ก็แต่ชั้นยังหาเล่มที่ถูกใจไม่ได้นี่นา..” มัลฟอยยิ้มกวนประสาททำให้เฮอร์ไมโอนีฉุนขึ้นทันที เธอก้มหน้าลงเงียบๆแล้วเอามือขึ้นมาสัมผัสที่ใบหน้าตน เธอนิ่งไปพักหนึ่ง มัลฟอยสะดุ้งอีกครั้ง
“ กะ..เกรนเจอร์... เอาล่ะๆ ไปก็ได้ โอเค... อย่าร้องไห้นะ” มัลฟอยรีบร้องบอกเธออย่างตะกุกตะกักพลางหันหน้าล่อกแลก
“ฮิฮิฮิ...” เสียงหัวเราะแหลมดังมาเบาๆ ทำให้มัลฟอยก้มลงมองทันที
“ ถูกหลอกแล้วววว...คุณหนูจอมหยิ่ง....ฮ่าๆๆๆๆ” เฮอร์ไมโอนีระเบิดหัวเราะออกมาทำให้มัลฟอยเสียหน้าเป็นอย่างมาก
“ เฮอะ...ยายเลือดสีโคลน สมองระดับท็อบอย่างเธอคิดได้แค่นี้รึไง” มัลฟอยร้องขึ้นแล้วเบนหน้าไปทางอื่นอย่างหงุดหงิดที่เขาโดนหลอก
“ ยังไงชั้นไม่สน ชั้นสนแค่ตะกี๊นายว่าจะไปหาหนังสือกับชั้น ... ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว” เฮอร์ไมโอนีพูดอย่างอารมณ์ดีพลางลากมัลฟอยไปทางฝั่งซ้าย โดยที่มัลฟอยแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเด็ดขาด แต่เขาก็ได้แต่จำใจต้องไป ระหว่างทางเขาก็บ่นพึมพำ
“ ยัยตัวแสบ...” เขาร้องเสียงเบาพลางเบ้หน้าหงุดหงิด เมื่อหาหนังสือเสร็จ เฮอร์ไมโอนีก็ลากเขาไปนั่งทำการบ้านที่มุมหนึ่งในห้องสมุด ซึ่งเป็นมุมที่เธอจะมานั่งเป็นประจำ
“ไหนว่าจะไปเรียนไม่ใช่รึไง” มัลฟอยถามโดยไม่ได้มองหน้า เขานั่งเท้าคางอย่างเบื่อๆ สายตามองออกไปนอกปราสาทที่หิมะเพิ่งจะหยุดตก
“ อ๋อ ... นั่น ชั้นโกหกน่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบยิ้มๆให้ตัวเองกับชัยชนะที่เหนือกว่าเขา มัลฟอยเหล่มองเธออย่างไม่พอใจ แต่เขาก็ถอนใจแล้วหันกลับไปมองนอกปราสาทต่อ แต่เขาก็สะดุดตากับบางอย่างที่เรืองแสงเล็กๆ อยู่ที่ขอบหน้าต่างที่มีหิมะเกาะอยู่
“ นั่นอะไรน่ะ..” เขาพูดขึ้นพลางเพ่งมองไปยังวัตถุนั้น เฮอร์ไมโอนีเงยหน้าจากกองหนังสือที่ท่วมหัวเธอแล้วพยายามชะเง้อมองผ่านกองหนังสือเล่มหนาเหล่านั้น ทำให้มัลฟอยหันมาเบ้หน้าด้วยความหงุดหงิด
“ ถ้ามันมองยากนักก็เอาหนังสือไปเก็บซักเล่มสองเล่มซิ” มัลฟอยพูดประชดเธอเล็กๆ ซึ่งเธอก็มองค้อนเขา
“ ก็ยังดีกว่าใครบางคนที่ไปยืนอ่านจนแทบครบทุกเล่มล่ะน่า” เธอแหวกลับบ้าง มัลฟอยไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาลุกขึ้นเดินไปโดยลากเฮอร์ไมโอนีมาด้วย
“ โอ๊ย!! เบาๆได้มั๊ย “ เธอร้องด้วยความหงุดหงิด มัลฟอยเดินมาที่ขอบหน้าต่างแล้วเก็บบางสิ่งที่เรืองแสงสีเขียวเล็กๆมา เขามองอย่างสงสัยพลางยื่นมันไปที่หน้าของเฮอร์ไมโอนีเพื่อรอฟังคำตอบ
“ ว่าไง?” มัลฟอยร้องถามเสียงเรียบ
“ เดี๋ยวสิ!!” เธอร้องตอบเสียงดังแล้วก้มลงพิจารณาดู เฮอร์ไมโอนีรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน... เธอต้องเคยเห็นมันแน่ๆ
“ ใช่แล้ว!!!”เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นแล้วเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมา มันเขียนหน้าปกด้วยสีทองว่า
“ ฟรารี่สโนว์?...ไอ้เรื่องปัญญาอ่อนที่เธอบ่นเมื่อวันก่อนน่ะนะ” มัลฟอยเบ้หน้าร้องถามอย่างเบื่อหน่าย เขาวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงใกล้ๆเฮอร์ไมโอนี ซึ่งเธอก็เหล่ตามองเขาอย่างหวาดๆ
“ ไปไกลๆชั้นหน่อยได้มั๊ย?” เฮอร์ไมโอนีร้องถามพลางเหลือบมองหน้าเขาอย่างเกรงกลัว ซึ่งมัลฟอยเองก็เบ้หน้าด้วยความไม่พอใจอีกครั้งพลางชูแขนข้างที่ติดกันของเขาขึ้น
“ ชั้นหมายความว่า ไม่ต้องเข้ามาเบียดขนาดนี้ก็ได้!!” เธอร้องตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้มหน้าลงเปิดหนังสืออ่าน โดยที่มัลฟอยก็ขยับตัวออกห่างเธอเล็กน้อย
“ นี่ไง!!นี่คงจะเป็นปีกของตัวฟรารี่สโนว์น่ะ ปีกสีเขียว...สีเขียว...” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นและยังคงไล่สายตาไปกับหนังสืออยู่มัลฟอยเองก็ดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไว้เชิงอยู่โดยการนั่งเท้าคางหันหน้าไปทางอื่นแต่ก็เหลือบมามองเป็นระยะๆ
“ ปีกสีเขียว คือเพศผู้ หมายถึง ‘คำอธิฐานและความคาดหวัง’ ส่วนสีฟ้า คือเพศเมีย หมายถึง ‘จุดสิ้นสุด ’ ว่ากันว่า หากพบฟรารี่สโนว์เพศผู้ และอธิฐานพร้อมกันกับคนรักโดยไม่ได้นัดหมาย จะได้พบฟรารี่สโนว์เพศเมียด้วยล่ะ” เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นในขณะที่สายตายังคงไม่ละออกจากหนังสือ มัลฟอยหันมามองเธอแล้วเบ้หน้า
“ คงมีแต่พวกสมองไอคิวระดับต่ำกว่าพื้นดินที่เชื่อเรื่องพวกนี้ ไร้สาระชะมัด” เขาพูดขณะที่นั่งเท้าคางแล้วเหลือบมามองเธออย่างเซ็งๆ เฮอร์ไมโอนีคิ้วขมวดแล้วจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง
“ไม่มีใครเค้าอยากให้นายเชื่อนี่นา ... ถ้านายไม่สนใจก็เงียบๆไป” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นบ้าง แล้วหันกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้า มัลฟอยหยิบปีกเรืองแสงนั้นขึ้นมามองอย่างพิจารณา ทำให้เฮอร์ไมโอนีต้องมองตามอย่างงงๆ
“ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย... แล้วทำไมต้องอยากเจอไอ้เฟเร็ตสโนว์เพศเมียบ้าๆนี่ด้วย” เขาร้องถามเสียงยานคางพลางขมวดคิ้วจ้องมองไปยังปีสีเขียวอร่ามนั้น
“ ฟรา-รี่-ส-โนว์ ไม่ใช่เฟเร็ต !!” เฮอร์ไมโอนีเน้นเสียงให้ถูก แล้วพูดต่อ “ถ้านายเคยอ่านหนังสือซะบ้างนะ .. ฟรารี่สโนว์ตัวผู้ สำหรับอธิฐาน แต่เพศเมียก็หมายถึงจะทำให้ความหวังประสบผลน่ะสิ “ เฮอร์ไมโอนีพูดพลางเชิดหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงอวดภูมิ ทำให้มัลฟอยเบ้หน้าเป็นการใหญ่ แต่จู่ๆเฮอร์ไมโอนีก็ร็สึกเวียนหัวเล็กๆ เธอปิดหนังสือลงแล้วเอามือกุมที่ศรีษะ
“ อะไรอีกล่ะเกรนเจอร์... จะมามุขเดิมไม่สำเร็จหรอกนะ” มัลฟอยร้องพลางเหล่ตาลงมองเธออย่างไว้เชิง แต่เฮอร์ไมโอนีไม่ได้ตอบอะไร เธอก้มหน้าซบลงกับมือตัวเองนิ่ง เธอรู้สึกปวดหัวตุ้บๆและร้อนไปทั้งตัว แต่มือและเท้ากลับเย็นเฉียบแทบจะเป็นน้ำแข็ง แต่เธอก็พยายามสะบัดหัวไล่อาการออกไป และทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“ เอ่อ.. ชั้น...อยากกลับหอ...” เฮอร์ไมโอนีพูดออกมาด้วยเสียงเบาแทบจะไม่ได้ยิน ทำให้มัลฟอยเบ้หน้างง
“ หา? กลับหอ? ตอนนี้เนี่ยนะ?” เขาร้องถามออกมา ซึ่งเฮอร์ไมโอนีก็พยักหน้ารับ มัลฟอยก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้พิศวาสห้องสมุดซักเท่าไรอยู่แล้ว เขาโบกไม้กายสิทธิ์เพื่อเก็บหนังสือให้เข้าที่แล้วลุกเดิน เมื่อเฮอร์ไมโอนีลุกขึ้นยืน เธอก็ทรุดฮวบลงทันที
“ เกรนเจอร์!!” มัลฟอยร้องด้วยความตกใจ เขาเข้าคว้าร่างเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้นหินที่เย็นเฉียบ
“ เฮ้!!! นี่เธอตัวร้อนนี่นา..” มัลฟอยพูดกับเธออย่างรัวเร็ว เขาเอามือทาบกับหน้าผากที่ร้อนแดงของเธอ
“ ไข้สูงด้วยสิ... เกรนเจอร์...เฮ้!!” มัลฟอยร้องเรียกเธอ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่เสียงลมหายใจร้อนๆหอบถี่ เฮอร์ไมโอนีใบหน้าแดงก่ำจากพิษไข้ มัลฟอยรีบรวบตัวเธอแล้วอุ้มไปที่ห้องพยาบาลอย่างยากลำบาก เพราะแขนข้างหนึ่งของเขาติดกับเธอ
“ มาดามครับ!!!!” มัลฟอยร้องเรียกเสียงดังไปทั่วห้องพยาบาล
“ อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น !!! ไม่รู้หรือไงว่านี่ที่ไหน เสียงดังอะไรกัน!!!” มาดามพรอมฟรีย์เดินปึงปังออกมาแล้วก็ต้องตกใจ
“ ตายแล้ว !!!วางเธอลงตรงนี้เร็วเข้า แล้วเธอออกไปรอข้างนอกก่อน” มาดามพูดรัวเร็วเมื่อมัลฟอยวางเฮอร์ไมโอนีลง เขาก็ชี้ไปที่แขนของเขาที่ติดอยู่กับแขนเฮอร์ไมโอนี แล้วมาดามก็พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ
“ ถ้างั้นอย่าเกะกะชั้นละกัน” พูดจบมาดามก็ลงมือตรวจเฮอร์ไมโอนีอย่างละเอียด
“ มีไปโดนน้ำมาบ้างรึเปล่าเนี่ย?” มาดามถามเสียงเรียบ มัลฟอยพยักหน้ารับอย่างหวั่นๆ
“ เฮ้อ.. ชั้นล่ะเชื่อจริงๆ โตจนป่านนี้ยังไม่รู้จักคิดกันมั่งว่าโดนน้ำหน้าหนาวมันจะเป็นยังไง!!”มาดามพูดเสียงดุซึ่งก็กระทบมัลฟอยทางอ้อม ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้เถียงอะไร เพราะที่เฮอร์ไมโอนีป่วย ก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุจริงๆ
“ แล้ว...เธอเป็นอะไรมากมั๊ยครับ” มัลฟอยถามด้วยเสียงยานคางเช่นเดิม
“ แค่ไข้หวัดน่ะ ดื่มยานี่ พรุ่งนี้ก็กระโดดได้แล้ว” มาดามพูดพลางหยิบยามาป้อนเฮอร์ไมโอนี โดยที่มัลฟอยแอบถอนใจอย่างโล่งอกอยู่ใกล้ๆ
“เอาล่ะ มิสเกรนเจอร์ต้องพักผ่อน เธอกลับ.. . เอ้อ..ชั้นลืมไป งั้นเธอคอยเฝ้ามิสเกรนเจอร์ละกันนะ อีกซักพักเอายานี่ให้เธอกินตามลงไปอีกครั้งนะ” มาดามอธิบาย แล้ววางขวดยาไว้ใกล้ๆเตียงเฮอร์ไมโอนี แล้วเดินออกจากห้องพยาบาลไป มัลฟอยหันมามองเฮอร์ไมโอนีแล้วเขาก็นั่งลงข้างเตียงเธอ พลางจ้องมองใบหน้าสีชมพูของเด็กสาว ก่อนที่จะใช้มือขยับผ้าห่มขึ้นมากระชับร่างเธอ มัลฟอยเอามือลูบผมเธอเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้เฮอรไมโอนีรู้สึกตัวและลืมตาสีน้ำตาลใสของเธอขึ้นมองชายหนุ่ม
“ ขอโทษ.... ถ้าทำให้เธอตื่น” มัลฟอยพูดขึ้นพลางจ้องมองลงด้วยดวงตาที่อบอุ่นต่างจากที่เขาเคยเป็น เฮอร์ไมโอนีเห็นดังนั้น เธอก็รู้สึกร้อนในอก “ นี่ชั้นกำลังไข้ขึ้นอีกรึไง” เธอคิดพลางใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ เอ่อ..ไม่เป็นไร” เธอตอบเสียงเบาแล้วหลบสายตาเขา ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมเธอต้องใจเต้นเวลาอยู่กับเขาสองคนด้วย เฮอร์ไมโอนีเริ่มหน้าแดงขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะพิษไข้ แต่เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเท่าไร แต่เธอก็ไม่โง่ “ นี่ชั้นกำลังสนใจนายนี่อยู่งั้นรึ” เธอคิดถึงแค่นี้หัวใจเธอก็แทบวายเมื่อมันเต้นเป็นจังหวะแร็บ แต่แล้วมัลฟอยก็ทำลายความเงียบลงก่อน
“ เธอ...ป่วยเพราะชั้น...” เขาพูดเสียงเบาด้วยสายตาสำนึกผิด ทำให้เฮอร์ไมโอนียิ้มออกมานิดๆ
“ นั่นก็ส่วนนึง ... แต่เมื่อคืนชั้นก็โดนพากินสันสาดน้ำใส่ด้วยนี่นา...นั่นก็อีกส่วนนึง” เธอตอบยิ้มๆแล้วมองลึกลงไปในดวงตาสีซีด ที่เธอข้องใจมานาน ว่า ดวงตาที่อบอุ่นนี้ หรือดวงตาที่เย็นชายามปกติของเขา อันไหนเป็นของจริงกันแน่
“ มัลฟอย...” เฮอร์ไมโอนีร้องเรียกเสียงเบา เขาหันมามองเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ คือว่า... อยู่เป็นเพื่อนชั้นได้มั๊ย...” เธอถามเสียงเบา แต่นั่นทำให้มัลฟอยขมวดคิ้วลง แล้วมองลงไปที่แขนข้างที่ติดกัน เป็นเชิงว่า ถึงอยากไปก็ไปไม่ได้อยู่ดี... เฮอร์ไมโอนีก็หัวเราะออกมาเบาๆ ตอนนี้ห้องพยาบาลค่อยๆมืดลงคงเป็นเพราะหน้าหนาว จะมืดเร็วเป็นธรรมดา แต่นั่นก็ทำให้มัลฟอยสังเกตเห็นแสงเรืองๆสีเขียวอ่อนๆที่เขาหยิบติดมือมาด้วย เมื่ออยู่ในที่มืด แสงเรืองๆกลับมองดูสว่างสดใส
“ไหนว่าไม่สนใจไง” เฮอร์ไมโอนีถามเบาๆพลางเหลือบตามองไปที่มัลฟอย
“ มีเรื่องอยากจะขอมันซักหน่อยน่ะ” เด็กหนุ่มตอบพลางยิ้มเล็กๆ ไปให้เฮอร์ไมโอนีที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเล็กๆ
“ ถ้าชั้นขอให้คนๆนึงคิดอย่างที่ชั้นคิด จะเป็นจริงรึเปล่า” มัลฟอยถามเบาๆพลางจ้องลงไปในตาของเด็กสาวอย่างมีความหมาย ซึ่งนั่นทำให้เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
“ เอ้อ..ชั้นว่าเธอกินยาก่อนดีกว่านะ” มัลฟอยพูดพลางหันไปหยิบขวดยามารินยาใส่แก้วให้เธอ เฮอร์ไมโอนีเบ้หน้าทันที
“ อี๋ ยานี่ขมจะตาย ... ไม่เอาหรอก” เธอร้องพลางเบ้หน้าเป็นการใหญ่ มัลฟอยจ้องลงในยาแก้วที่เขารินแล้วยิ้มนิดๆอย่างเจ้าเล่ห์
“ งั้นชั้นทำให้มันหวานขึ้นดีมั๊ยล่ะ” เขาพูดแล้วเหลือบมองเฮอร์ไมโอนีพลางยิ้มที่มุมปากนิดๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก
“ ไม่คัดค้านใช่มั๊ย?” เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เฮอร์ไมโอนียังคงนิ่งอยู่ แต่ในอกเธอมันช่างปั่นป่วนเหลือเกิน หัวใจเธอแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก เลือดในตัวเธอสูบฉีดรุนแรงขึ้น มัลฟอยยกแก้วขึ้นดื่มแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆเฮอร์ไมโอนี ลมหายใจอุ่นๆของทั้งสองปะทะกัน เฮอร์ไมโอนีค่อยๆหลับตาลงช้าๆ มือข้างหนึ่งของมัลฟอยประคองที่หลังคอเด็กสาวไว้แล้วเขาก็ค่อยๆสัมผัสริมฝีปากนุ่มของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ยารสขมค่อยๆไหลผ่านคอของเธฮลงไป แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่า รสขมมันเปลี่ยนเป็นรสหวานอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้เธอจะกลืนยาลงไปหมดแล้ว แต่มัลฟอยก็ยังคงจูบเธออยู่อย่างอบอุ่นนุ่มนวล ทั้งสองค่อยๆล้มลงบนเตียง โดยที่มัลฟอยก็ขึ้นคร่อมเธอ มัลฟอยค่อยๆจูบเธอเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือข้างเดิมค่อยๆเลื่อนลงจากหลังคอมาจนถึงอกและค่อยๆปลดกระดุมออก แล้วก็มีเสียงดังขึ้น
“ ทั้งสองคนเป็นยังไงบ้าง?” มาดามพรอมฟรีย์เดินเข้ามาเพื่อดูอาการ ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที พลางหอบหายใจถี่เบาๆ
“ นั่นเธอดูอาการแย่ลงนะมิสเกรนเจอร์” มาดามพรอมฟรีย์เดินเข้ามาดูเธอที่หน้าแดงก่ำ และหายใจถี่รัว
“ อ๋อ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะมาดาม หนูดีขึ้นมากแล้วค่ะ.. .” เธอพูดแทบจะทันทีแล้วพูดต่อ “ หนูออกไปได้รึยังคะ” มาดามมองทั้งสองคนที่พยายามหลบตากันอย่างงงๆ แล้วก็หันมาพูดกับเด็กสาว
“ ชั้นก็จะมาบอกว่าเธอออกจากที่นี่ได้ตอนนี้ เพราะเค้ากำลังจะเรียกประชุมกันที่โถงใหญ่ แต่คืนนี้เธอต้องกลับมานอนที่ห้องพยาบาล ตกลงมั๊ย” มาดามพูดพลางเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอ แล้วหันกลับมารอฟังคำตอบ
เฮอร์ไมโอนีพยักหน้ารับแล้วทั้งสองก็พากันออกจากห้องพยาบาลไป....




สองคนสามขา ตอนที่ 5

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ของค่ำวันนี้ เต็มไปด้วยความคึกคักสนุกสนานดังมาจากเด็กๆโดยเฉพาะนักเรียนชั้นปี 5ขึ้นไป ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงของนักเรียนที่คุยกันอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะคืนนี้ ศาสตราจารย์มักกอนากัลจะทำการอธิบายการเล่นเกม สองคนสามขา ที่พวกเขาตั้งตารอคอยมานาน และมีเด็กจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่กำลังคุยกันเรื่องคู่ของพวกเขา ในขณะเดียวกันนั้น เด็กปีเจ็ด ต่างก็พรรณนาถึงความสุดยอดของห้องลับที่ตนสร้างขึ้น กลุ่มนักเรียนปีเจ็ดของสลิธีรินกำลังขู่รุ่นน้องถึงความน่าสะพรึงกลัวของห้องลับกลุ่มตน
“ เฮ้ เฟร็ด..หวังว่าพวกนายคงไม่ได้ทำห้องลับอะไรประหลาดๆหรอกนะ” รอนร้องถามขณะที่นั่งอยู่ในกลุ่มของบ้านกริฟฟินดอร์ เพราะเขารู้นิสัยพี่ชายฝาแฝดของเขาดี
“ โธ่ไอ้น้อง!! มันไม่ใช่ประหลาดหรอก แต่ต้องเรียกว่า สุดยอดนวัตกรรมใหม่ของโลกเวทย์มนต์เลยตะหาก” จอร์จแทรกเข้ามาโดยที่เฟร็ดเองก็ยิ้มจนแก้มแทบปริเพื่อยืนยันในสิ่งที่จอร์จพูด
“มะ..หมายความว่าไงน่ะ นายสร้างอะไรไว้กันแน่” แฮรรี่พูดเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะเขาเองก็รู้ว่า พวกแฝดคงต้องคิดอะไรพิสดารไว้แน่ๆ
“ โธ่เอ๊ย...บอกให้โง่สิ ชั้นไม่บอกพวกนายหรอก ไว้ให้พวกนายเจอเองดีกว่า ว่ามั๊ย?”จอร์จพูดขึ้นแล้วหันหน้าไปหาเฟร็ดที่พยักหน้ารับพลางหัวเราะเยาะๆเบาๆ ในตอนนี้ แฮรรี่และรอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วหันมองหน้ากันอย่างหวาดๆ ซึ่งจินนี่เองก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเธอเองก็กำลังนั่งฟังอยู่ในกลุ่มกริฟฟินดอร์เหมือนกัน ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบข้างจะเสียงดังอื้ออึงกลบเสียงของแฝดลงไปบ้างแต่เธอก็ยังได้ยินอยู่ดี นั่นทำให้กลุ่มๆเด็กปี5 หน้าซีดลงทันทีอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่แล้วโต๊ะกริฟฟินดอร์ก็เงียบลง เมื่อผู้มาเยือนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกชะตาเดินมาถึงที่โต๊ะ
“ เฮอร์ไมโอนี!! เธอหายไปไหนมาตั้งนานแน่ะ เราตามหาเธอกันซะทั่ว” รอนร้องออกมาด้วยความโมโหเล็กน้อย พลางเบ้หน้ารังเกียจชายหนุ่มที่เดินติดมาด้วย
“ อ๋อ...ชั้นไปห้องพยาบาลมาน่ะ” เธอตอบสั้นๆพลางนั่งลงที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ โดยที่เด็กหนุ่มผมทองบลอนด์เหลือกดวงตาสีซีดของเขาพร้อมเบ้ปากเป็นเชิงสะอิดสะเอียนก่อนจะเอามือปัดที่เก้าอี้เขาก่อนนั่งลงอย่างรังเกียจ
“ ห้องพยาบาล? เป็นอะไรน่ะ เป็นไข้หรอ? “ แฮรรี่ร้องถามด้วยความเป็นห่วงแล้วพูดต่อ”หรือโดนใครทำอะไร?” แฮรรี่พูดเสียงเรียบแล้วหรี่ตาลงจ้องไปที่มัลฟอยเขม็ง เฮอร์ไมโอนีและมัลฟอย เมื่อได้ยินคำว่า
“ โดนใครทำอะไร?” ก็หน้าแดงขึ้นพร้อมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอนนี้ทั้งสองกำลังคิดถึงตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลเมื่อครู่ รอนและแฮรรี่มองหน้ากันงงๆ
“ เธอโอเครึเปล่าน่ะ หน้าแดงๆนะ” รอนถามขึ้นอีกด้วยความเป็นห่วง
“ มะ...ไม่เป็นไร..ชั้นเป็นไข้หวัดน่ะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” เธอตอบตะกุกตะกักแล้วยิ้มฝืนๆเล็กน้อยพลางหลบสายตาจากเพื่อนทั้งสอง
“ แก๊งๆๆๆๆ” เสียงสัญญาณดังขึ้นจากศาสตราจารย์มักกอนากัล นักเรียนในห้องโถงใหญ่เงียบเสียงลงในทันทีแล้วตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
“ เอาล่ะ ชั้นจะขออธิบายเกมการเล่นล่ะนะ... เดี๋ยวเราจะเสกเชือกเวทย์มนต์ขึ้นมารัดขาของพวกเธอแต่ละคู่ และพวกเธอจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคู่ของเธอโดยการสำรวจเส้นทางลับในฮอกวอตส์ให้ได้อย่างน้อยสามทาง แล้วเขียนเป็นรายงานส่งชั้น คู่ละสามม้วนกระดาษ “ ศาสตราจารย์หยุดพักหนึ่งเพื่อดูอาการของนักเรียนที่กำลังเริ่มต้นจะคุยกัน แต่แล้วเสียงก็เงียบลงอีกครั้งเธอจึงอธิบายต่อ
“ ทางลับทั้งสามที่จะเขียนมาส่ง จะเป็นทางลับเก่าแก่ หรือเป็นทางลับของนักเรียนปีเจ็ดก็ได้ ระยะเวลาในการค้นหาทางลับนั้น ให้เวลาหนึ่งเดือน และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคู่ ให้ไปตกลงกันเอง โดยที่เนื้อหาการเรียนการสอนในช่วงนี้ เราจะไม่นำไปออกสอบ เพื่อความยุติธรรมกับคนที่ไม่ได้เข้าเรียน ...จากนี้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จะกล่าวเสริมอะไรนิดหน่อย” ศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดจบแล้วก็หันไปพยักหน้าให้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์เป็นเชิงรับรู้
“ เอาล่ะ” เสียงทุ้มต่ำแลดูใจดีของชายชราร่างสูงมีเคราเงินยวงดังขึ้น แล้วพูดต่อด้วยสายตาอบอุ่น
“ เนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นช่วงหน้าหนาวและก็ใกล้คริสมาสแล้วด้วย ชั้นเลยจะทำให้เกมของเราดูน่าสนุกขึ้นอีกหน่อย ...” ว่าแล้วศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ปรบมือครั้งหนึ่ง ทำให้ห้องโถงใหญ่ที่พวกเขาอยู่ บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสระยิบระยับสะดุดตาไปหมด แม้แต่โต๊ะและเก้าอีกก็เปลี่ยนไป ห้องทั้งห้องเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง โต๊ะประจำบ้านของพวกเขาเอง บริเวณหัวโต๊ะแต่ละบ้านก็มีน้ำแข็งที่แกะสลักเป็นรูปสัญลักษณ์แต่ละบ้าน แลดูเหมือนปราสาทน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย เทียนหลายร้อยเล่มที่ลอยอยู่บนเพดานเวทย์มนต์ บัดนี้เปลี่ยนเป็นโคมประทีปรูปดอกบัวน้ำแข็งหลายร้อยโคม ต่างจุดเปลวไฟสีฟ้าสาดส่องสว่างไปทั่ว และเพดานเวทย์มนต์บัดนี้ ก็มีหิมะตกลงมาเบาๆเป็นปุยขาวๆสะท้อนกับแสงประทีปแวววาว ตอนนี้ทั่วทั้งห้อง ดูไม่ออกเลยว่าคือปราสาทเวทย์มนต์เก่าแก่ ฮอกวอตส์ หากแต่แลดูสวยงาม เป็นสีฟ้าอร่ามเงางามอาบไปด้วยแสงสะท้อนของน้ำแข็งจากเปลวไฟสีฟ้า นักเรียนทุกคนตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้ามากพร้อมกับเสียงฮือฮาที่เกิดขึ้น
“ เอาล่ะ นี่อาจเห็นเป็นแค่เพื่อสร้างสีสันให้เข้ากับบรรยากาศเท่านั้น แต่ความจริง พื้นและห้องทุกห้องในปราสาทกลายเป็นน้ำแข็งไปหมด มันก็คงยากขึ้น ถ้าจะเดินติดกันโดยไม่ให้ล้มนะ” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี แลดูอบอุ่นใจดี แล้วพูดขึ้นต่อ
“ เอาล่ะ ขอให้พวกเธอเดินไปหาคู่ของเธอได้แล้ว” ชายชราพูดขึ้นพลางอมยิ้มนิดๆมาให้เด็กๆ เมื่อทุกคนลุกขึ้นเดินก็ต้องขาสั่นไปตามๆกัน เพราะ เห็นอย่างนี้ แต่พื้นที่เคยเป็นหินขัดมัน บันนี้กลายเป็นน้ำแข็งที่เย็นจนสามารถสัมผัสความรู้สึกได้ที่ปลายเท้า อีกทั้งความลื่นของมัน ทำให้กว่านักเรียนแต่ละคนจะเดินไปถึงคู่ตนเองก็เล่นเอาหอบกันไปตามๆกัน เมื่อนักเรียนตั้งแต่ปีห้าขึ้นไปจับคู่กันแล้วทุกคน ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ปรบมืออีกครั้ง
คราวนี้ มีเชือกเส้นบางๆสีเรืองแสงอ่อนๆมามัดไว้ที่ขาของแต่ละคู่ รอนสังเกตว่า ถึงเชือกจะดูบางเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าถูกรัด แต่มันกลับเหนียวและแข็งแรง จนยากที่จะหลุดออกจากพันธนาการได้
“ เอาล่ะ เป็นอันเสร็จสิ้นการเตรียมความพร้อม ขอให้ทุกคนสนุกกับเกมและอาหารค่ำในคืนนี้ ..อ้อ แล้วก็ อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่การเล่นเกมเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ชั้นไม่อยากเห็นการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ...คงเข้าใจนะ” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดแล้วมองลงมาที่นักเรียนแต่ละคนผ่านแว่นตารูปจันทร์เสี้ยวของเขา จากนั้นอาหารมากมายก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะแต่ละบ้าน บรรยากาศวันนี้ดูแปลกใหม่ เพราะที่โต๊ะของแต่ละบ้านนั้น มีนักเรียนมากมายไม่ซ้ำบ้านกำลังนั่งร่วมกันอยู่ บรรดาศาสตราจารย์ต่างมองอย่างพึงพอใจ จะมีก็แต่เสนป ที่ดูเหมือนจะไม่พอใจที่เด็กนักเรียนบ้านอื่นมานั่งที่โต๊ะประจำบ้านตน โดยเฉพาะนักเรียนกริฟฟินดอร์ รอนแฮรรี่และเฮอร์ไมโอนี ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์เช่นเดิมโดยพ่วงคู่ของพวกเขามาด้วย รอนตักสเต็กเนื้อแกะราดครีมซอสชิ้นใหญ่เข้าปาก ตามด้วยเนื้อวัวอบชีสเนยแข็ง และไก่รมควันเข้าปากอย่างต่อเนื่องและมูมมามเต็มปากอย่างหิวโหย นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนีมองรอนแหยๆ อย่างขยะแขยงเล็กน้อย แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนีจะอ้าปากพูดเตือน
“ ฮึ... ชั้นลืมไปว่าเวลาปกตินายคงจะขาดแคลนอาหารกินสินะ วีสลีย์” มัลฟอยเอ่ยเสียงยานคางออกมาด้วยความดูถูกพลางเบ้หน้าอย่างรู้สึกรังเกียจ
“ จริงด้วย!! ถึงชั้นจะเห็นใจว่าปกตินายไม่มีกินนะ แต่ก็ให้มันน้อยๆหน่อย เสื้อคลุมชั้นเปื้อนหมดพอดี!!!” เสียงแหลมๆของแพนซี่โวยวายขึ้นมาสมทบมัลฟอยขณะที่เธอทำสีหน้าขยะแขยงเต็มที่พลางใช้มือปัดเศษอาหารที่กระเด็นมาที่เสื้อคลุมเธอ เพราะเธอต้องมาจับคู่กับรอน เธอจึงต้องนั่งใกล้รอนที่สุด รอนหน้าแดงด้วยความโกรธ เขากลืนทุกอย่างในปากลงคออย่างฝืดๆแล้วยกน้ำฟักทองดื่มตามลงไปก่อนจะร้องออกมาด้วยความฉุน
“ บ้านชั้นไม่ได้ขาดแคลน!!!” รอนร้องอย่างเดือดดาน แฮรรี่เองก็หันมาจ้องมัลฟอยด้วยสายตาของคู่อริ
“ใช่ ถึงบ้านรอนจะไม่ใหญ่โตเหมือนบ้านพวกนาย แต่บ้านของเขาก็อบอุ่นและทุกคนก็เป็นคนดี ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้อดอยาก!!!!” แฮรรี่ตะโกนร้องขึ้นสมทบรอนด้วยความโกรธ
“ เฮอะ ที่บ้านมันไม่ใหญ่น่ะ ไม่ใช่เพราะไม่มี ปัญ-ญา สร้างหรอกเรอะ?” มัลฟอยตอบกลับเน้นเสียงด้วยความเหยียดหยามแล้วเหลือบมองรอนด้วยหางตา เกิดรอยยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงล้อเลียนตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างดูถูกจากแพนซี่ที่นั่งข้างรอน ความโกรธของรอนพุ่งปะทุขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นแล้วเงื้อหมัดเตรียมจะปล่อยมันออกไป แต่แฮรรี่และเฮอร์ไมโอนียั้งทั้งสองไว้ได้ก่อน
“ ปล่อยชั้นนะ!!!เจ้านี่ ชั้นจะฆ่ามัน...” รอนตอบอย่างฉุนเฉียวโดยมีแฮรรี่ล็อกที่คอของเขากลับมาแล้วยันตัวให้เขานั่งลงสงบอารมณ์
“ รอน...ใจเย็นๆ จะไปมีเรื่องกับมันทำไม...ไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอก” แฮรรี่พยายามปลอบโลมเพื่อนเขาจนรอนสงบลงได้ แต่มัลฟอยกำลังพยายามจะพูดอะไรต่อ แล้วเขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นลงเมื่อไม้กายาสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนีชี้มาที่คอของเขา
“ ถ้านายยังไม่เลิกล่ะก็..อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน ..แล้วก็อย่าลืมว่าชั้นสามารถหักคะแนนบ้านเธอได้นะ” เฮอร์ไมโอนีพูดพลางชี้ไม้กายาสิทธิ์ตรงมาที่เขา ความจริง มัลฟอยเองก็สามารถหักคะแนนเฮอร์ไมโอนีได้เช่นกัน เพราะเขาก็เป็นพรีเฟ็ค แต่ในภาวการณ์นี้ เขากำลังเสียเปรียบ จึงยอมจำนนอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรแล้วทั้งหมดก็ลงมือทานอาหารโดยไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย เมื่อทานอาหารเสร็จ
“ คืนนี้เธอจะไปนอนที่ไหนเฮอร์ไมโอนี “ แฮรรี่หันหน้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเธอพลางชำเลืองมองมัลฟอยด้วยความไม่ไว้ใจ
“ มาดามพรอมฟรีย์ให้ชั้นกลับไปนอนที่ห้องพยาบาลน่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย “ชั้นไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเธอนั่นแหละ พยายามเข้านะ ถ้ามีอะไรก็ส่งนกฮูกมาถามชั้นก็ได้นะ” เธอตอบยิ้มๆพลางเป็นห่วงการทำรายงานของเพื่อนทั้งสองของเธอ โดยเฉพาะแฮรรี่ที่คู่กับเนวิลล์ เพราะเนวิลล์นั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับการทำรายงานเท่าไรนัก แฮรรี่พยักหน้ารับแล้วทั้งหมดก็ลุกออกจากโต๊ะตนเอง แต่แล้ว
“ พลั่กกกกกก!!!” เสียงล้มลงของทั้งหกคนดังขึ้น
“ โอ๊ยยยยยย”แฮรรี่ครางออกมาเป็นคนแรกเพราะตอนที่เขาลุก ขาของเนวิลล์ทำให้เขาสะดุดล้มและกระแทกลงกับเก้าอี้
“ กรี๊ดดดดดด ออกไปนะ ไอ้บ้า!!!!” แพนซี่กรีดร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บที่รอนล้มลงทับเธอติดพื้น
“ โอ๊ยยยย เธอจะกรี๊ดดดไปหาซากอะไรนะ!!! ชั้นก็เจ็บเหมือนกันนะ!!” รอนร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดทันที
“ นี่นาย จะลุกออกไปได้รึยัง?!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องออกมาบ้าง เพราะตอนนี้เธอกำลังถูกมัลฟอยทับอยู่ ทั้งสามคู่ค่อยๆพยายามลุกขึ้นใหม่ แฮรรี่พยายามดึงเนวิลล์ที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ ลุกขึ้นยืน ในขณะที่รอนและแพนซี่ยังคงเถียงกันไม่เลิก
“ ทำไมนายมันซุ่มซ่ามอย่างงี้นะ!! “ แพนซี่แหวออกมาอีกครั้งเมื่อเธอลื่นล้มอีกทีเพราะก้าวผิดจังหวะทำให้ไป สะดดุขารอนหน้าคะมำกับพื้น
“ ให้มันน้อยๆหน่อย !!!ใครกันแน่? เธอมาสะดุดขาชั้นเองนะ” รอนร้องพลางเบ้หน้ากับความงี่เง่าของเธอ โดยที่ไม่ได้ยื่นมือไปช่วยหรืออย่างใด
“ชั้นเพิ่งจะรู้ว่าพวกกริฟฟินดอร์แล้งน้ำใจขนาดไม่ยอมช่วยผู้หญิงที่ล้ม” แพนซี่พูดเสียดสีใส่หน้ารอนพลางมองด้วยสายตาขุ่นเขียว
“ อ้าว ก็ไหนว่ารังเกลียดพวกชั้นต่ำนักไงล่ะ ถ้างั้นก็ลุกขึ้นมาเองซิ” รอนแหวกลับด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเหนือชั้นกว่าและหัวเราะเบาๆเยาะเย้ยเธอ ทำให้แพนซี่หน้าแดงด้วยความโกรธ แล้วพยายามยันตัวเองลุกขึ้นเพื่อมาประชันหน้ากับรอนอีกที การเถียงกันของรอนและแพนซี่ยังคงดำเนินต่อไปไม่ต่างกับอีกคู่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“ โอ๊ยยยยย ชั้นเพิ่งจะรู้ว่าพวกท็อปของชั้นเรียนนี่ สมองทึบยิ่งกว่าแครบหรือกอยล์ซะอีกนะ!!!”มัลฟอยร้องออกมาด้วยความเจ็บและหงุดหงิดเมื่อทั้งสองคนสะดุดล้มลงอีกครั้งหลังจากพยายามจะเดินไปได้ไม่ไกลนัก และเข่าของเฮอร์ไมโอนีก็กระแทกเข้ากับท้องของเขาอย่างจัง
“ อะไรล่ะ ก็ชั้นบอกแล้วไงว่าให้เริ่มขาขวาก่อน!!! “ เฮอร์ไมโอนีแหวกลับบ้างขณะที่พยายามยันตัวขึ้นอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด เพราะสำหรับเธอถือเป็นการดูหมิ่นมากที่หาว่าเธอโง่กว่า แครบและกอยล์
“ ก็แล้วเธอจะเอาขวาของชั้นหรือขวาของเธอกันล่ะ!!!” มัลฟอยเถียงขึ้นมาทันทีอย่างไม่รอช้าด้วยความไม่พอใจ
“ ทำไมนายถึงโง่ขนาดนี้นะ!! ชั้นเป็นคนพูดนะ มันก็ต้องขวาของชั้นน่ะซิ!!!” เธอแหวขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่พอใจเช่นกัน แต่ด้วยพื้นที่เป็นน้ำแข็งลื่นเย็นเฉียบจนฝ่าเท้าแทบชาอย่างนี้ มันทำให้การเดินยากขึ้นเป็นเท่าตัว คนรอบข้างเองก็ประสบปัญหาไม่ต่างไปกับพวกเขา ตอนนี้ แทบจะยังไม่มีใครเดินออกจากห้องโถงได้เลยซักคน
พวกเขายังคงล้มลงอีกหลายต่อหลายรอบ
“ อูยยยย ชั้นหนาวชะมัดเลย” เนวิลล์ร้องออกมาขณะที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น โดยที่แฮรี่พยายามฉุดให้เขาลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
“ เฮ้ แฮรรี่!!ชั้นว่าคลานไปอย่างงี้เร็วกว่านะ “ รอนร้องบอกขณะที่เขากำลังคลานไปกับพื้นน้ำแข็งที่เย็นเฉียบอย่างง่ายดาย แต่คู่ของเขาดูจะไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ทำไมชั้นต้องมาคลานสี่ขาด้วย!! ชั้นน่ะไม่ได้ชั้นต่ำขนาดพวกนายนะ” แพนซี่กรีดร้องโวยวายยกใหญ่ขณะที่เธอกำลังโดนลากไปกับพื้นน้ำแข็งด้วยแรงจากการคลานไปของรอนที่ดูจะหงุดหงิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่แพนซี่โวยวายออกมา แฮรรี่เองก็ส่ายหน้าปวดหัวและเริ่มคิดว่า การเล่นเกมนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว
แฮรรี่หันไปมองรอบๆห้องโถง เริ่มมีคนทยอยออกไปบ้างแล้ว รวมทั้งเฮอร์ไมโอนีกับมัลฟอย เพราะเขาไม่เห็นเธออยู่ในห้องโถงนี้
เฮอร์ไมโอนีกับมัลฟอย พยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อไปที่ห้องพยาบาล จนเด็กสาวเริ่มรู้สึกเหนื่อยเหมือนเดินรอบปราสาทซัก10รอบก็ไม่ปาน ทั้งที่ระยะทางที่เธอเดินมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของการเดินไปห้องพยาบาลเลย เธอจึงหยุดพักหอบหายใจ ทำให้มัลฟอยเกือบจะสะดุดล้มเนื่องจากเสียหลัก
“ อะไรของเธออีกฮะ!!!” มัลฟอยหันขวับกลับมามองอย่างหงุดหงิดพลางหอบเล็กน้อย
“ ขอพักหน่อย ชั้นเหนื่อย ...” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงเบาแล้วทิ้งน้ำหนักพิงกำแพงหิน มัลฟอยเองก็รู้สึกอยากจะพักเช่นกัน แต่เขายังคงวางฟอร์มไว้เช่นเคย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“ ถ้าเรายังเดินอยู่แบบนี้ วันนี้เราคงเดินไม่ถึงห้องพยาบาลแน่” เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้น พลางเหลือบไปมองมัลฟอยหวั่นๆ อย่างถามความเห็น มัลฟอยถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะล้วงเอาไม้กายาสิทธิ์ออกมา ซึ่งนั่นทำให้เฮอร์ไมโอนีสะดุ้งเฮือกใหญ่และถอยห่างเขาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ มัลฟอยนึกขำในอาการของเธอแล้วพูดขึ้น
“ ชั้นไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ยัยฟู... ชั้นแค่จะเสนอวิธี ...” พูดจบเขาก็สะบัดไม้ของเขา แล้วรองเท้าของพวกเขาก็มีใบมีดเหล็กบางๆงอกออกมาที่พื้นรองเท้า ตามแนวยาว แล้วมัลฟอยก็เก็บไม้กายาสิทธิ์ของเขาลง
“ เอ้า ไปกันได้แล้ว” เขาพูดเสียงยานคางเหมือนเดิม โดยไม่ได้หันมามองเฮอร์ไมโอนีที่กำลังลอกแล่ก และมีสีหน้ากังวลแปลกๆ มัลฟอยไถลเท้าของเขาไปตามทางโดยที่มีเด็กสาวพ่วงมาด้วย เฮอร์ไมโอนีรู้สึกหวาดๆเล็กน้อย ขาเธอสั่นเทา เธออยากจะร้องบอกมัลฟอยให้หยุด แต่เธอก็พูดไม่ออก จนกระทั่งถึงหัวมุมทางเดินที่จะไปห้องพยาบาล พวกเขาต้องเลี้ยวขวาไป มัลฟอยเตรียมไถลไปทางขวาแต่แล้ว
“ กรี๊ดดดดด ชั้นเลี้ยวไม่เป็นนนน” เฮอร์ไมโอนีร้องด้วยเสียงตกใจ ในขณะที่ขาเธอยืนแข็งโดยที่ร่างของเธอลื่นต่อไปบนทางเดินน้ำแข็งด้วยแรงจากการที่ไถลมาตอนแรก แต่ด้วยแขนที่ติดกัน ทำให้มัลฟอยก็ต้องถูกล่ามติดไปกับเธอด้วย ข้างหน้าเธอตอนนี้เป็นกำแพง!!!
“ว้ายยยยยย” เฮอร์ไมโอนีร้องแล้วหลับตาปี๋ในขณะที่กำแพงเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ โครมมมม!!” ร่างของทั้งสองชนกำแพงเข้าอย่างจัง
เฮอร์ไมโอนีค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วเธอก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของมัลฟอยที่ดึงเธอมากอดไว้โดยใช้ตัวเขาเข้ามารับกำแพงแทน เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ อูยยยย..ยัยฟู.. นี่เธอไม่เคยเล่นสเก็ตรึไงกันนะ ทำไมชั้นต้องมาเจ็บตัวด้วยเนี่ย” มัลฟอยบ่นขึ้นมาทันทีที่เขารู้สึกตัว เขาค่อยๆลืมตามองลงมาที่เด็กสาว ตอนนี้ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จนทั้งสองคนสังเกตได้ถึงใบหน้าที่เริ่มเป็นสีจัดของอีกฝ่าย ดวงตาสีซีดดูเยือกเย็นของมัลฟอยจับจ้องลงมาที่ดวงตาสีน้ำตาลใสของเด็กสาว ช่วงเวลานี้ เฮอร์ไมโอนีกลับรู้สึกว่า เด็กชายผมบลอนด์ทองคนนี้ ช่างน่าอบอุ่นเหลือเกิน มัลฟอยยังคงใช้มือของเขาโอบร่างอันบอบบางของเธอไว้อยู่ และเฮอร์ไมโอนีก็รู้สึกเหมือนใบหน้าของเขาค่อยๆโน้มลงมาหาเธอ แต่แล้วเขาก็ชะงักแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยไม่ได้สบตาเธอ มัลฟอยนิ่งอยู่พักหนึ่งก็ต้องหันมามองเด็กสาวอย่างหน่ายๆอีกครั้งพลางถอนหายใจหนัก
“อะไรอีกล่ะ ยืนไม่ได้อีกสิ? เพิ่งจะรู้ว่าพวกเด็กท็อบของชั้นจะเล่นสเก็ตไม่เป็น” เขาพูดพลางยิ้มเยาะๆมาที่เธอ
ตอนนี้ เด็กชายที่ดูอ่อนโยนคนนั้นหายไปอีกแล้ว มัลฟอยยามปกติ ทำให้เฮอร์ไมโอนีอยากจะกระโดดตบเข้าที่ใบหน้าเย่อหยิ่งของเขาจริงๆ เฮอร์ไมโอนีส่งสายตาค้อนเขาก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เธอก็ลื่นล้มแผละลงกับพื้น ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างสะใจของมัลฟอยที่กำลังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงเล็กๆด้วยความอาย แล้วเธอก็เริ่มฉุนหนักขึ้นอีก
“ ถ้านายจะช่วยก็รีบๆช่วย ถ้าไม่ช่วยก็เงียบๆไป!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องด้วยความหงุดหงิดก่อนจะพยายามยืนขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอยืนขึ้น มัลฟอยก็ใช้มืออีกข้างรวบตัวเธอไว้อย่างแนบแน่นในอ้อมแขนเขา เฮอร์ไมโอนีตกใจมากและทำอะไรไม่ถูก
“ นะ..นาย ทำอะไรน่ะ” เธอร้องขึ้นมาตะกุกตะกักด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย แล้วรีบดิ้นออกจากแขนเขา
“ ทำอะไร? ก็ช่วยเธอให้ยืนขึ้นน่ะสิถามได้...” มัลฟอยตอบด้วยเสียงเรียบเหมือนปกติ
“ ชั้นให้นายช่วยชั้นก็จริง แต่ไม่ได้ให้นายมาฉวยโอกาส” เธอร้องขึ้นอีกครั้ง
“ อย่าสำคัญตัวผิดไปนักเกรนเจอร์ ใครเค้าอยากจะกอดเธอกัน “ มัลฟอยพูดแล้วก็หันขวับไปเพื่อที่จะไปยังห้องพยาบาล แต่เฮอร์ไมโอนีก็สังเกตว่า ถึงมัลฟอยจะว่ายังไงก็ตาม ดูเหมือนเขาจะจงใจค่อยๆไถลบนทางเดินน้ำแข็งนี่ช้าลง เพื่อให้เธอง่ายต่อการควบคุมเท้าของเธอ เมื่อทั้งสองมาถึงห้องพยาบาล มาดามพรอมฟรีย์ก็เดินออกมาดูทันที
“ ทำไมถึงได้มาช้ากันนัก... “ มาดามร้องขึ้นพลางเดินอย่างรวดเร็วมาที่ทั้งสองคน เธอตรวจเฮอร์ไมโอนีอย่างละเอียดอีกครั้ง
“ เอาล่ะ ไข้ก็ลดแล้ว เดี๋ยวกินยานี่อีกครั้ง พรุ่งนี้ก็คงหายดีแล้วล่ะ “ มาดามพูดพลางจัดแจงยามาให้เฮอร์ไมโอนี ซึ่งกำลังเบ้หน้ากับรสชาติของยาที่เธอต้องกิน เมื่อเธอดื่มยาเรียบร้อย มาดามพรอมฟรีย์รีบจัดแจงและพยายามให้เธอขึ้นนอนพักบนเตียงทันทีก่อนที่จะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาสั่งว่า
“ มิสเตอร์มัลฟอย เธอดูอาการของมิสเกรนเจอร์ให้ด้วยนะ ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบมาเรียกชั้นทันที” มาดามสั่งแล้วก็เดินจากไปด้วยท่าทีเร่งรีบเพราะเธอต้องรีบไปทำงานของเธอต่อ มัลฟอยหยิบไม้กายาสิทธิ์เขาขึ้นมา
“ เก้าอี้ แอ๊กซีโอ” เขาพูดด้วยเสียงเรียบแล้วเก้าอี้ไม้ตัวสีน้ำตาลที่มีพนักพิงไม่สูงมากนัก ก็เคลื่อนเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว มัลฟอยจัดเก้าอี้ให้อยู่ข้างเตียงของเฮอร์ไมโฮนีแล้วนั่งลงทันที เขานั่งเท้าคางอยู่ที่ข้างเตียงเธอพลางจ้องมองไปที่เฮอร์ไมโอนีนิ่ง
“ อะ...อะไรของนาย...จ้องทำไมกัน” เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้นมาทันทีอย่างช่วยไม่ได้ มัลฟอยยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างไม่รู้สึกอะไร
“ถ้าชั้นจำไม่ผิด มาดามสั่งให้เธอกินยานั่นไม่ใช่รึ ... แล้วเธอจะมัวนั่งบื้ออยู่อีกนานมั๊ย ... หรือว่า ฟังภาษาคนไม่ออก?” มัลฟอยเลิกคิ้วขึ้นถ้าโดยที่ยังคงใช้มือหนึ่งนั่งเท้าคางตนเองอยู่
“แล้วไง ? มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย... รึว่า... เป็นห่วงชั้นด้วยรึไง” เฮอร์ไมโอนีพูดด้วยความหงุดหงิดที่เขาว่าเธอแล้วถามกลับด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้และเชิดค้างขึ้นเล็กน้อย มัลฟอยขมวดคิ้วลงทันที และถ้าในตอนนี้เป็นตอนเช้า เฮอร์ไมโอนีอาจจะสังเกตเห็นรอยสีชมพูที่ปรากฏขึ้นบนแก้มของเขา
“ อย่าหลงตัวเองนัก เกรนเจอร์ ... ชั้นก็แค่ถูกมาดามใช้ให้ดูแลเธอก็เท่านั้น ดังนั้นชั้นจึงต้องคุมการกินยาของเธอด้วย ...อ้อ...จริงสิ ยานี่มันขมมากสินะ หรือต้องให้ชั้นทำให้มันหวานขึ้นอีกที...ว่าไง?” มัลฟอยตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่มุมปากแกมเจ้าเล่ห์ พลางจ้องลงไปในดวงตาคู่น้ำตาลใสที่หลบสายตาเขาทันที พร้อมใบหน้าที่เป็นสีแดงของเด็กสาว เฮอร์ไมโอนีไม่ได้พูดอะไร หรือจะเรียกได้ว่า พูดไม่ออกนั่นเอง เธอรีบยกแก้วยาที่เธอถืออยู่ในมือขึ้นดื่มทันที แล้วเบ้หน้าด้วยความขมก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียงของเธอ แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนเมื่อมัลฟอยเห็นท่าทางของเธอเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ ยิ้มอะไรของนาย...” เฮอร์ไมโอนีร้องถามพลางเหลือบสายตามามองเขาเล็กน้อย
“ เปล่านิ...” เด็กชายตอบแล้วก็ฟุบตัวลงนอนข้างเตียงของเด็กสาวอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบกริบ มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาตามร่องผ้าม่านสีขาวสะอาดของห้องพยาบาล มัลฟอยนอนฟุบอยู่กับเตียงโดยไม่ได้พูดอะไรอยู่นานแต่เขาก็คอยเหลือบมองเฮอร์ไมโอนีอยู่เป็นช่วงๆไม่ขาดสาย เมื่อเขาเห็นเธอหลับดีแล้วเขาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีซีดที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลที่สะท้อนแสงจันทร์เป็นสีน้ำตาลทองสดใส แล้วค่อยๆขยับตัวเข้าใกล้เธอ เขากระชับผ้าห่มขึ้นที่คอเธอเบาๆ แล้วค่อยๆเลื่อนมือลงมาลูบไล้ที่แก้มสีชมพูนวลขาว แล้วกระซิบออกมาเบาๆ
“ เกรนเจอร์... ชั้นอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันให้มากกว่านี้...ชั้นอยากให้เธออยู่ใกล้ๆ... เธอ...เพียงคนเดียว..” มัลฟอยกระซิบเสียงเบาแล้วค่อยๆก้มหน้าลงมาที่เธอจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน แล้วเขาก็จูบลงบนริมฝีปากเรียวบางของเด็กสาวที่ดูเหมือนเจ้าหญิงนิทราก็ไม่ปาน เขาจูบอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนนุ่มนวลอยู่เนิ่นนานแล้วจึงถอนริมฝีปากออกแต่แล้ว เฮอร์ไมโอนีกลับเป็นฝ่ายยกแขนข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการติดกับเขาขึ้นมาวางพาดไว้ที่ไหล่ของเขาเบาๆ เธอลืมตากลมโตของเธอขึ้นมาเล็กน้อยแล้วมองลงในดวงตาสีซีดที่แลดูอบอุ่นของเขา ที่ดูเหมือนกำลังตกใจอยู่มากที่เธอไม่ได้หลับอยู่ ทั้งสองจ้องมองกันอยู่พักหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไร แต่หากสายตาของทั้งสอง ดูเหมือนกำลังพยายามสื่อความรู้สึกบางอย่างให้แก่กัน เฮอร์ไมโอนีดึงเสื้อคลุมของมัลฟอยลงมาใกล้เธอเบาๆ จนแนบชิดก่อนที่จะบรรจงจูบลงบนริมฝีปากบางของเขาบ้างอย่างอบอุ่น มัลฟอยค่อยๆขยับริมฝีปากเล็ก
น้อย จนเด็กสาวรู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย ทั้งสองผละออกจากกันเล็กน้อยพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่
“ทำไมเธอถึงจูบชั้น...ทั้งครั้งนี้และที่ผ่านมา ...มันหมายความว่ายังไง” เฮอร์ไมโอนีถามเสียงเบาในขณะที่ใบหน้ายังคงอยู่ใกล้จนแทบจะแนบชิดกัน
“ ถ้างั้น ทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธล่ะ เธอกำลังหมายความว่ายังไง?” มัลฟอยถามกลับเขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะบนใบหน้าเขา
“ชั้น...ชั้นไม่รู้...ชั้นรู้แต่ว่าตอนนี้...ชั้นอยากให้เธอ...กอดชั้น..” เด็กสาวพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ และร้อนไปทั่วร่าง หัวใจเธอเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ แล้วมัลฟอยก็ก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อนเฮอร์ไมโอนีเอามือโอบรอบคอเขา ปลายนิ้วเรียวยาวสัมผัสกับเส้นผมสีบลอนด์ทองนุ่มสลวย เธอยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มัลฟอยโอบกอดร่างเธอไว้แนบแน่น เธอรู้สึกถึงปลายลิ้นของเขาที่สัมผัสกับลิ้นของเธออย่างร้อนรุ่ม แล้วมัลฟอยก็เป็นฝ่ายผละออกจากเธอเอง โดยที่ทั้งสองฝ่ายหายใจเหนื่อยหอบและหน้าแดงก่ำ
“ พอก่อนเถอะ ... ถ้ามากไปกว่านี้ ...ชั้น...คงจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว..” มัลฟอยพูดด้วยเสียงเหนื่อยพลางหายใจถี่รัวโดยที่สายตายังคงนิ่งอยู่กับเธอ

สองคนสามขา ตอนที่ 6

ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์ยามเช้าของกลางฤดูหนาวสาดส่องแสงอ่อนๆเข้ามาตามช่องของผ้าม่านสีขาว และสายลมเย็นๆยามเช้าที่พัดเข้ามากระทบร่างของเด็กทั้งสองในห้องพยาบาล ทั้งสองคนค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ แล้วก็ต้องหลบสายตากันอย่างรวดเร็วเมื่อ ใบหน้าของพวกเขา อยู่แทบจะชิดกันเลยเชียว เฮอร์ไมโอนีรีบลุกขึ้นมานั่งทันที แต่ยังไม่มีใครได้เอ่ยอะไรขึ้นมาก็มีเสียงดังขึ้น
“ อรุณสวัสดิ์ทั้งสองคน ตื่นแล้วหรืองั้นชั้นขอเช็คหน่อยนะ...” มาดามพรอมฟรีย์เดินเข้ามาทำลายความเงียบลงพลางลงมือตรวจเฮอร์ไมโอนีอย่างละเอียด
“ เอาล่ะ ยินดีด้วย พวกเธอออกจากห้องพยาบาลได้แล้วล่ะ” มาดามพูดพร้อมส่งยิ้มมาให้เด็กสาว ที่รีบตอบขอบคุณกลับทันที ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากห้องพยาบาลไป
เฮอร์ไมโอนียังคงไม่ชินกับรองเท้าสเก็ตอยู่ดี แต่เมื่อลองมองไปยังคู่อื่นๆ ก็มีบางคู่ที่ใช้วิธีเสกรองเท้าสเก็ตขึ้นมาเหมือนกัน บางคู่ก็เสกให้ตะปูเหล็กแหลมงอกขึ้นที่พื้นรองเท้า เพื่อให้สามารถเกาะบนน้ำแข็งได้ บางคุ่ก็เสกให้แผ่นยางงอกหุ้มรองเท้า เฮอร์ไมโอนีมองรอบๆเพลินจนเธอลืมมองทางทำให้เธอเกือบสะดุดล้มอีกครั้ง
“ นี่ เกรนเจอร์...บอกไว้ก่อนนะว่าชั้นไม่อยากจะลงไปกองกับพื้นกับเธอหรอกนะ อย่าลืมว่าแขนเราติดกัน ถ้าเธอซุ่มซ่าม ชั้นก็พลอยซวยไปด้วย” มัลฟอยหันมาบ่นกันเธอยืดยาว
“ ถ้างั้นนายก็ลากชั้นไปก็แล้วกัน เป็นไง?” เฮอร์ไมโอนีพูดจบก็ใช้แขนอีกข้างมาเกาะเสื้อคลุมเขาแน่น
“ เอ้า เร็วสิ!!” เฮอร์ไมโอนีเร่งอีกครั้ง ทำให้เด็กหนุ่มเลิกคิ้วไม่พอใจ
“ ชั้นไม่ใช่คนใช้!! ไม่จำเป็นที่ชั้นต้องมานั่งลากใครต่อใครบนน้ำแข็งนี่” มัลฟอยตอบอย่างฉุนๆที่เธอคิดจะใช้เขา
“ นายอย่าเรื่องมากนักได้มั๊ย เรายังต้องไปหาทางลับที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของฮอกวอตส์อีกนะ นายน่ะ ...มีหน้าที่คอยพาชั้นเดินไปก็พอแล้ว..” เฮอร์ไมโอนีพูดอย่างหงุดหงิดบ้าง มัลฟอยถอนใจเฮือกใหญ่ แต่เขาก็ต้องให้เธอเกาะแขนแล้วพาเธอลื่นไปเพราะถ้าปล่อยให้เฮอร์ไมโอนีลื่นเอง เขาอาจจะต้องลงไปกองกับพื้นด้วยความซุ่มซ่ามของเธอได้เป็นแน่ เขาจึงต้องคอยดึงเธอไปตามเขาอย่างไม่พอใจเท่าไร
“ แล้วไง ...จะไปที่ไหนล่ะ?” มัลฟอยถามด้วยเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“ อืมมมม ก็คงเป็นที่ๆมีห้องลับ...” เฮอร์ไมโอนีพูดแล้วครุ่นคิดต่อ
“ แล้วมันตรงไหนล่ะ ไอ้ที่มันมีห้องลับน่ะ” มัลฟอยขมวดคิ้วแล้วหันมาถามเธอเสียงดัง
“ แล้วนายจะตะโกนไปหาซากอะไรกันล่ะ!!ชั้นกำลังคิดอยู่นี่ไงล่ะ...” เฮอร์ไมโอนี่แหวกลับทันที แต่ระหว่างทางพวกเขาก็เดินผ่านโถงใหญ่ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องแหลม
“ กรี๊ดดดดด ยัยเลือดสีโคลน กล้าดียังไงมาเกาะแขนเดรโกของชั้น!!!” แพนซี่เดินมาคู่กับรอนที่ทำสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเพราะแพนซี่กำลังลากรอนเข้าไปหาเรื่องเฮอร์ไมโอนีอย่างรวดเร็ว
“ นี่!!หยุดลากซักทีได้มั๊ย!!ยัยโรคจิต” รอนร้องขึ้นด้วยความรำคาญในตัวแพนซี่
“ นี่นาย ... นายมันก็แค่พวกขยะวีสลีย์ !! อย่ามาออกคำสั่งกับชั้นนะ” แพนซี่หันมาแหวกลับ
“ ชั้นสั่งเธอได้มากกว่านี้อีกรู้ไว้ซะด้วย!! เมื่อคืนก็นอนกรนซะหนวกหูไปหมด ชั้นได้คู่กับเธอนี่ ซวยนรกแตกจริงๆ!!!” รอนระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ จนแพนซี่ถึงกับอายหน้าแดงและโกรธมากๆเช่นกัน
“ รอน... ใจเย็นๆหน่อยสิ ... อย่าไปอารมณ์เสียกับคนแบบนี้เลย เธออยากให้ชั้นช่วยอะไรมั๊ย” เฮอร์ไมโอนีพูดปลอบรอนแล้วถามเขา รอนส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดไม่หาย ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนีถอนใจเบาๆ
“เฮอะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดแล้วยังจะไปช่วยคนอื่นอีกนะ” มัลฟอยพึมพำออกมาเบาๆแต่ก็ไม่พ้นหูของเด็กสาวที่หันไปมองค้อนด้วยสายตาขุ่นเขียว
“ งั้น ชั้นไปก่อนนะรอน...” เฮอร์ไมโอนีบอกพลางสะกิดมัลฟอยเป็นเชิงว่า “ไปกันได้แล้ว” ทำให้มัลฟอยมองมาที่เธออย่างหงุดหงิด แล้วเริ่มลื่นออกไปด้วยความไม่พอใจ ในฮอกวอตส์ตอนนี้ มองไปทางไหนก็แทบจะเต็มไปด้วยกลุ่มเด็กนักเรียนที่สเก็ตกันอยู่ตามระเบียงทางเดินน้ำแข็งใสสะอาด ด้านนอกปราสาท หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาเบาๆ ระหว่างทางเดินบนระเบียงน้ำแข็งที่ทั้งสองผ่าน จู่ๆเฮอร์ไมโอนีก็เอะใจอะไรบางอย่าง
“ มัลฟอย รอเดี๋ยว!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องเรียกพลางฉุดเสื้อคลุมเขาอย่างแรงจนเขาเกือบล้ม มัลฟอยหันมามองเฮอร์ไมโอนีอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง
“ คราวนี้อะไรอีกล่ะ จะไปทักเพื่อนหัวแผลเป็นรึไง” มัลฟอยถามประชด ทำให้เฮอร์ไมโอนีฉุนขึ้นมาทันที
“ ชั้นไม่ได้จะไปไหนทั้งนั้น ชั้นหมายถึงรูปนี้ต่างหาก!!” เออร์ไมโอนีตอบอย่างอารมณ์เสีย พลางชี้มือไปที่รูปที่ติดอยู่ริมผนังทางเดิน มัลฟอยนิ่วหน้ามองตามพลางขมวดคิ้วแล้วร้องถาม
“แล้วไง? อย่าบอกนะว่าคราวนี้เกิดอยากจะยืนดูรูปน่ะ” มัลฟอยร้องถามด้วยเสียงเย็น
“ นายจะบ้าหรอ!! ชั้นหมายถึงรูปเนี้ย ปกติมันต้องเป็นรูปของพ่อมดผมทองยืนอ่านหนังสืออยุ่ข้างหิ้งหนังสือไม่ใช่หรือ แล้วทำไมมันกลายเป็นรูปพ่อมดใส่เสื้อสเวทเตอร์นั่งอยู่หน้าเตาผิงล่ะ?” เฮอร์ไมโอนีถามกลับอย่างไม่พอใจเล็กน้อย มัลฟอยเองเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เริ่มจะเอะใจขึ้นมาบ้าง
“ เป็นไปได้มั้ยว่า จะเป็นฝีมือของพวกเด็กปีเจ็ดที่ทำขึ้นมา...” มัลฟอยเอ่ยถามพลางใช้มือลูบไปบนกรอบรูปสีทองขนาดใหญ่อย่างพิจารณา
“ ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนี่...” เฮอร์ไมโอนีตอบเสียงประชดเล็กๆแต่ก็ไม่ได้สบตาเขา ทำให้มัลฟอยหันมาเหลือบสายตามองเธออย่างหงุดหงิด เขาหันหน้ากลับไปสำรวจที่รูปอีกครั้ง แต่พ่อมดในรูปภาพนั้นหายไปแล้ว ซึ่งเป็นปกติสำหรับรูปภาพในฮอกวอตส์ที่มักจะไปไหนต่อไหนตามกรอบรูปภาพทั่วปราสาท แล้วมัลฟอยก็เอะใจบางสิ่ง เขาเห็นเสื้อสเว็ทเตอร์ที่พ่อมดในภาพเมื่อครู่ใส่กำลังแขวนอยู่ที่ข้างเตาผิงในภาพ เขารู้สึกสะกิดใจแปลกๆ จึงลองจับลงไปที่เสื้อตัวนั้นดู
“ ว้ายยยยยย !!” เสียงร้องของเฮอร์ไมโอนีดังขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกแรงบางอย่างผลักเหวี่ยงเธอล้มลง
“ โอ๊ยยย อะไรกันเนี่ย...” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นแล้วค่อยๆลืมตามองรอบๆตัวเธอ แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่ เพราะที่นี่ ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดมิด หนาวเย็น ดูอึมทึมอับชื้นและชวนขนลุก ด้วยสัญชาตญาณ เธอรีบคว้าไม้กายาสิทธิ์ขึ้นมาทันที
“ ลูมอส” เธอร้องด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อแสงสว่างขึ้นจาไม้กายาสิทธิ์เธอรีบมองไปรอบตัวเธอ
“ กรี๊ดดดดดด” เฮอร์ไมโอนีกรีดร้องอย่างสุดเสียงเมื่อเธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้นที่เธอล้มอยู่
“ โอ๊ยยยยยยย จะร้องหาอะไรของเธอเกรนเจอร์!!!” มัลฟอยร้องขึ้นด้วยเสียงไม่พอใจดังมาจากด้านล่าง เมื่อ เฮอร์ไมโอนีเหลือบตาลงมองก็พบว่า เขากำลังถูกเธอทับอยู่นั่นเอง
“ ตาบ้า ... นายจะทำให้ชั้นหัวใจวายตายนะ!!” เฮอร์ไมโอนีร้องพลางขยับตัวลงมาจากตัวของมัลฟอยแล้วช่วยฉุดเขาลุกขึ้น
“ เห็นอย่างงี้เธอนี่ก็หนักใช่เล่นนะ” มัลฟอยพูดด้วยเสียงขุ่นเพราะความหงุดหงิดที่เขาโดนเฮอร์ไมโอนีทับ เขาเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวบ้าง
“ เอาล่ะ ตามชั้นมาสิ...” มัลฟอยพูดแล้วดึงแขนข้างที่ติดกันกับเธอมาเบาๆ แล้วรีบพูดต่อ
“ ชั้นจะก้าวเท้าซ้ายของชั้นก่อน เข้าใจนะ ชั้นขี้เกียจลงไปนอนกับพื้นด้วยความไม่ฉลาดของพวกหนอนหนังสือ”มัลฟอยหันมาพูดกับเธออย่างเยาะๆ ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนีฉุนหนักแล้วกระแทกเท้าเดินตามมัลฟอยไปอย่างไม่พอใจเท่าไร
“ แล้วนายมั่นใจได้ยังไงว่านายมาถูกทางน่ะ...” เฮอร์ไมโอนีถามในขณะที่มองไปรอบๆที่มือมิดชวนขนลุก
“ เพราะชั้นเคยใช้ทางนี้น่ะสิ ดูเหมือนทางเข้านี้จะเชื่อมกับทางเข้าอีกทางที่อยู่ด้านข้างหอสลิธีริน” เขาพูดเรียบๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ นายหมายความว่าไง?” เฮอร์ไมโอนีหันมาถามงงๆ
“ ชั้นน่ะรู้จักทางลับของฮอกวอตส์มากกว่าที่เธอคิดนะเกรนเจอร์...” มัลฟอยพูดแล้วเดินนำต่อไปจนเด็กสาวเริ่มสังเกตเห็นแสงสว่างของทางออกมาแต่ไกล
“ ยินดีต้อนรับสู่ ตรอกน็อกซ์เทิร์น” มัลฟอยพูดและเหยียดยิ้มมาที่เธอ บรรยากาศของที่นี่ ไม่ได้ต่างจากในทางลับเท่าไรนัก ตรอกน็อกซ์เทิร์น มีหิมะปกคลุมบางๆ และมืดสลัว ร้านต่างๆดูเก่าโทรมและสกปรก ผู้คนมองมาที่พวกเธออย่างไมเป็นมิตร เฮอร์ไมโอนีเริ่มรู้สึกขนลุกขนพองและขาเริ่มสั่นจากความหนาวและความกลัว มัลฟอยมองอาการของเธอก็รู้ได้ว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะตรอกน็อกซ์เทิร์น ไม่ใช่สถานที่ๆเหมาะกับพวกกริฟฟินดอร์เท่าไรนักมัลฟอยใช้มือข้างที่ติดกันฉุดตัวเฮอร์ไมโอนีให้เดินตามเขาไป
“ เอ่อ... ชะชั้นว่า..เรากลับกันเถอะ...ดูพวกเขาไม่ค่อยจะต้อนรับเลยนะ” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงหวาดๆจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ ชั้นก็กำลังพาเธอออกไปอยู่นี่ไง...เพราะถ้าออกทางเดิมได้ ชั้นคงไม่ต้องมาคอยพาเธอออกทางอื่นหรอก” มัลฟอยตอบพลางเบ้หน้าไปที่ทางเข้า เพราะทางที่พวกเขามา ตอนนี้มันหายไปแล้ว ทำให้เด็กสาวตกใจมาก
“ แล้วเราจะออกไปได้ใช่มั๊ย” เธอรีบถามทันที แต่แล้ว ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบก็มีมือหนึ่งมาฉุดเธอไว้
“ หนู หลงทางหรือจ๊ะ มากับเรามั๊ยล่ะ”เสียงแหบแห้งของหญิงชราเนื้อตัวมอมแมมดูน่ารังเกียจเข้ามาคว้ามือเธอแล้วพยายามฉุดให้เธอไปด้วยกันกับหล่อน เฮอร์ไมโอนีทำอะไรไม่ถูก เพราะถึงเธอจะกลัวแค่ไหนแต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรคนแก่ได้
“ ขอโทษนะครับ ... ผู้หญิงคนนี้เป็นของผม...” เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นมาจากมัลฟอย เขาจ้องมองหญิงชราด้วยสายตาเย็นชามืออีกข้างรวบตัวเด็กสาวมาใกล้แล้วรีบพาเธอเดินออกไป
เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของมัลฟอย เธอบ่นอุบอิบคนเดียว
“ ใครเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไรกัน” เธอพึมพำเบาๆอย่างแน่ใจว่าเขาจะไม่ได้ยิน แต่ก็อดใจเต้นแรงกับคำพูดของเขาไม่ได้จนเธอเผลอยิ้มออกมาโดยที่พยายามไม่ให้มัลฟอยเห็น มัลฟอยพาเธอเดินมาจนถึงซอกแคบๆที่หนึ่ง ดูแล้วน่าจะพอให้แค่สำหรับคนๆเดียวเข้าไปด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ทังแขนและขาของทั้งสองคนติดกัน จึงดูท่าจะเป็นเรื่องลำบากที่จะเดินในซอกแคบๆแห่งนี้
“ ไม่มีทางอื่นแล้วหรือไงน่ะ” เฮอร์ไมโอนีถามพลางเบ้หน้าอย่างหมดหวัง
“ไม่ อย่างเรื่องมากน่า “ พูดจบเขาก็ดึงเธอเข้าไปในซอกๆนั้นเฮอร์ไมโอนีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆจากเด็กหนุ่ม คิดได้แค่นั้นเธอก็หน้าแดงขึ้นมาอีก
“ อะ...ออกไปหน่อยได้มั๊ย” เฮอร์ไมโอนีพูดพลางผลักเขาออกนิดๆด้วยใบหน้าแดงจัด
“ ชั้นก็ไม่อยากถูกตัวเธอนักหรอกนะ อย่างหลงตัวเองไปนัก...” มัลฟอยมองมาที่เธออย่างหงุดหงิด ทั้งสองค่อยๆผ่านซอกนั้นจนมาทะลุออกที่ด้านข้างของหอสลิธีริน แท่นวางแจกันใหญ่ที่ด้านข้างหอสลิธีรินค่อยๆเคลื่อนออกแล้วมัลฟอยก็โผล่ออกมาจากช่องนั้น แต่ในขณะที่เขากำลังหันไปช่วยเฮอร์ไมโอนีออกมา ก็มีเสียงกำแพงเคลื่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขาดัง ครืดดดดดด เด็กหนุ่มผมแดงเพลิงที่ดูยุ่งเหยิงโผล่ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบสกปรก
“ ที่ไหนอีกล่ะเนี่ย!!!” รอนร้องออกมาอย่างอารมณ์เสีย ตามมาด้วยแพนซี่ที่ค่อยๆขยับตัวออกตามมาพร้อมกับเสียงโวยวาย
“ อีตาบ้านี่ เป็นเพราะนายเชียว เสื้อผ้าของชั้นเปื้อนหมดแล้ว!!!” แพนซี่แหวออกมาทันทีพลางก้มลงปัดเสื้อผ้า
“น้อยๆหน่อย เธอต่างหากที่เป็นคนเสนอให้เข้าทางลับนี้น่ะ!!” รอนเถียงบ้าง พลางปัดหยากไย่บนเส้นผมเขาออก
“รอน...” เฮอร์ไมโอนีร้องเรียกด้วยความตะลึงเล็กๆ
“ เฮอร์ไมโอนี!!” รอนร้องออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆพลางหันมามองเธอ แต่ก็ไม่วายที่จะเหลือบมองมัลฟอยด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจ เฮอร์ไมโอนีเห็นดังนั้นจึงรีบตัดบทก่อนที่จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
“ เป็นไงมั่งล่ะรอน ไปทำอะไรมาถึงมอมแมมอย่างงั้นล่ะ” เธอร้องถามอีก
“ ก็จะอะไรอีกล่ะ ก็ยัยงี่เง่านี่น่ะสิ !!ดันพาเข้าไปในทางลับแย่ๆ มีแต่หยากไย่เต็มไปหมด แถมยังอาแต่ใจตัวเอง!!” รอนร้องออกมาอย่างหงุดหงิด “ ให้ตายสิ ชั้นจะยอมนับถือนายซักครั้งเลยนะมัลฟอย ที่ทนคบกับผู้หญิงแบบนี้ได้”
“ ระวังปากหน่อยวีสลีย์... ชั้นไม่เคยคบและไม่เคยคิดจะคบกับยัยพากินสันหรอกนะ” มัลฟอยพูดด้วยเสียงเย็นชาพลางใช้หางตาเหลือบมองแพนซี่อย่างเอือมระอา ไม่รอช้า เสียงกรีดร้องของแพนซี่ก็ดังขึ้น
“เดรโก เธอพูดอย่างงี้ไม่ได้นะ ...” แพนซี่รีบลากรอนเข้าไปแล้วควงแขนอีกข้างของมัลฟอยท่าทีออดอ้อนทันที รอนมีท่าทีเหนื่อยหน่ายและหงุดหงิดกับเสียงกรีดร้องของแพนซี่เต็มที เขาพยายามยืนให้ห่างจากมัลฟอยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในทางกลับกัน เฮอร์ไมโอนีกลับรู้สึกแปลกๆ เธอรู้ว่าเธอกำลังหึงเขาอยู่ เธอไม่พอใจที่มัลฟอยปล่อยให้แพนซี่มาตอแยแบบนี้ เพราะถึงแม้หน้าตาของเด็กหนุ่มจะแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไล่หรือเดินหนีจากแพนซี่แต่อย่างใด ยิ่งคิด เฮอร์ไมโอนีก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
“ รอน...ชั้นคงต้องไปก่อนนะ เพิ่งจะสำรวจได้แค่ทางลับเดียว ถ้าเธอเจอแฮรรี่ก็ฝากทักทายเขาแทนชั้นด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนีกล่าวกับรอนเสียงเขียวด้วยความหงุดหงิดแล้วสะบัดหน้าเดินจากไปโดยลากมัลฟอยติดไปด้วย
“ หยุดนะ ยัยสกปรก เธอจะพาเดรโกไปไหนน่ะ!!!” แพนซี่เริ่มโวยวายทันทีที่เฮอร์ไมโอนีและมัลฟอยเดินติดไปด้วยกัน
“ ให้ตายสิ ... ทำยังกะเป็นเจ้าของไปได้...” เฮอร์ไมโอนีบ่นอุบอิบคนเดียวเบาๆและยังคงเดินปึงปังต่อไปอย่างยากลำบากเล็กน้อยเพราะขาของทั้งสองติดกัน วันนี้ทั้งวัน นักเรียนหลายคนวุ่นอยู่กับการหาทางลับจนหมดแรงไปตามๆกัน ในตอนเย็น ทุกคนก็มารวมกันที่ห้องโถงใหญ่เพื่อมาทานอาหาร ห้องโถงใหญ่วันนี้ มีนักเรียนจากบ้านต่างๆกันนั่งอยู่ตามโต๊ะดูครึกครื้น บางคนก็เล่าถึงห้องลับที่ตนเองไปเจอมา บางคนก็เนื้อตัวมอมแมม บางคนก็ถึงกับหมอบลงกับโต๊ะด้วยความล้า ทางด้านแฮรรี่และเนวิลล์เองก็ดูจะสาหัสเช่นกัน สังเกตได้จากที่เสื้อผ้าของแฮรรี่มีโคลนเปรอะเลอะเทอะเป็นหย่อมๆ แต่ก็ยังดูดีกว่าเนวิลล์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยข่วนและรอยช้ำเป็นแห่งๆ ทั้งสองอยู่ในสภาพปางตาย หมดเรี่ยวแรง ส่วนรอนกับแพนซี่ก็ดูย่ำแย่เช่นกัน แต่สองคนนี้นั่งเชิดหน้าใส่กัน ปลายเสื้อคลุมของแพนซี่แหว่งไปเล็กน้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ส่วนรอนก็ดูท่าจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเวลาหากมีใครไปรบกวนเขาในตอนนี้ เฮอร์ไมโอนียืนมองดูเพื่อนทั้งสองจากทางเข้าห้องโถงอย่างเหนื่อยอ่อน เธอยังคงไม่ได้พูดกับมัลฟอยตั้งแต่ที่เธอหงุดหงิดเขาที่แพนซี่มาตามจอแจด้วย ซึ่งเธอก็รู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นความผิดของมัลฟอยเลย แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอจึงรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่มัลฟอยถูกแพนซี่ตามเกาะแกะ เฮอร์ไมโอนีเดินกลับหลังเพื่อมุ่งไปยังหอกริฟฟินดอร์
“นั่นเธอจะไปไหนน่ะ...” มัลฟอยร้องถามทันทีด้วยเสียงหงุดหงิด เพราะเขาทั้งเหนื่อยและหิว
“ กลับหอ!” เธอพูดสั้นๆแต่ยังคงไม่หยุดเดิน ซึงทำให้มัลฟอยต้องเดินตาม
“ เธอยังกลับไม่ได้ ชั้นไม่อนุญาต !! ชั้นจะไปกินข้าว” มัลฟอยเถียงต่อ
“ แต่ชั้นไม่หิว!!” เฮอร์ไมโอนีร้องตอบในขณะที่เดินลากมัลฟอยอย่างไม่สบอารมณ์มาจนถึงรูปสุภาพสตรีอ้วน
“ เปิดหน่อย...” เธอพูดขึ้นมา ทำให้มัลฟอยหันมามองเธออย่างไม่พอใจทันที
“ ชั้นไม่ยักรู้ว่าไปเป็นคนใช้เธอตั้งแต่เมื่อไร จะได้มานั่งเปิดประตูให้เธอ อีกอย่างนะ ชั้นจะไปร็รหัสหอต่ำๆของพวกเธอได้ไงกัน” มัลฟอยพูดด้วยเสียงเรียบดังพลางจ้องมองเธออย่างหงุดหงิด เฮอร์ไมโอนีหันขวับมามองเขาทันทีก่อนที่จะพูดตอบเขาเสียงดัง
“ ถ้าไม่รู้ก็จำไว้ประดับสมองกลวงๆของนายหน่อยนะ ว่ารหัสของหอนี้คือ เปิดหน่อย...และที่นี่ก็ไม่ได้เป็นหอชั้นต่ำอย่างที่นายกำลังเข้าใจด้วย ถ้านายไม่อยากมีปัญหาก็อยากปากเสียนัก เพราะเราคงต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน” เฮอร์ไมโอนีเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่ามีอะไรจะถามอีกมั๊ย เมื่อมัลฟอยไม่ได้ตบอะไร เธอจึงปีนเข้าไปในหอ หลังจากทีรูปภาพเปิดออก และนั่นก็ทำให้มัลฟอยเลิกคิ้วเชิงงงๆ ว่า นั่นแน่ใจนะว่ารหัสผ่าน งี่เง่าสิ้นดี....เมื่อทั้งสองลอดรูปภาพเข้ามาโดยที่มัลฟอยไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ หยุดนะ!! เธอไม่มีสิทธิ์ให้ชั้นมานอนหอต่ำๆแบบนี้ แล้วเธอก็ต้องไปกินข้วกับชั้นเดี๋ยวนี้ด้วย!!” มัลฟอยพูดเสียงเขียวพลางรั้งแขนข้างที่ติดกับเธอเข้ามา
“ ฟังนะ !! วันนี้ชั้นเหนื่อยมาก อยากนอนพักแล้ว อีกอย่างนะ นายไม่มีสิทธิ์สั่งชั้น !!ชั้นไม่ใช่พากินสันนะจะได้คอยทำตามทุกอย่างที่นายต้องการ!!” เฮอร์ไมโอนีระเบิดทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจเธอออกมาอย่างลืมตัว ทั้งสองคนโชคดีมากที่ในเวลานี้ เด็กในหอทุกคนลงไปอยู่ที่ห้องโถงกันหมดแล้ว มัลฟอยยังคงยืนอึ้งเล็กน้อยกับคำพูดของเด็กสาวเมื่อครู่ แต่เฮอร์ไมโอนีก็รีบหันหน้าหนีทันทีแล้วพยายามลากเขาให้เดินตามไปที่ห้อง ทั้งสองคนยังคงเงียบริบไม่มีใครพูดอะไร ซึ่งมัลฟอยก็ยอมเดินตามเฮอร์ไมโอนีไปที่ห้องแต่โดยดี
“ชั้นบอกไว้ก่อนนะ ถ้านายทำอะไรชั้นแม้แต่ปลายก้อยล่ะก็ ชั้นจะสาปให้นายเป็นตัวเฟเร็ตที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย” เฮอร์ไมโอนีพูดเสียงเรียบขึ้นมาทันทีที่เธอปิดประตูห้องนอนแล้ว แต่ดูมัลฟอยจะไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย เขากลับยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ เธอ...โกรธชั้นเรื่องพากินสันรึไง?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพลางเดินเข้ามาใกล้
“ ทะ..ทำไมชั้นจะต้องโกรธนายด้วย ไม่ใช่ธุระชั้นซักหน่อย” เฮอร์ไมโอนีตอบหลบสายตาเขา ดวงตาสีซีดคู่นั้น มักจะทำให้ใจเธอหวั่นไหวเสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่เขาสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่แบบนี้ แล้วเฮอร์ไมโอนีก็สะดุ้งเฮือก เมื่อมือข้างที่เป็นอิสระของเด็กหนุ่มผมบรอนด์โอบตัวเธอเข้าไปติดกับเขาแนบแน่น
“ เธอ..กำลังหึงหรือ...” มัลฟอยกระซิบถามเธอ เฮอร์ไมโอนีหน้าเป็นสีจัด เธอรู้ว่าตัวเธอกำลังหึงเขา แต่เธอก็ยังคงวางฟอร์มไว้อยู่ แต่ไม่ทันได้พูดตอบอะไร เขาก็สัมผัสริมฝีปากเธออย่างอ่อนนุ่ม แล้วทั้งสองก็ล้มไปที่เตียงสี่เสาข้างๆ มัลฟอยยังคงจูบเธอและค่อยๆจูบเธอร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วริมฝีปากเรียวบางของเขาก็ค่อยๆเลื่อนไปที่แก้มสีชมพูของเธอ และเลื่อนลงมาที่ซอกคอ เฮอร์ไมโอนีใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจหนักหน่วงขึ้น ตอนนี้ เธอรู้สึกว่า เธอต้องการเขา เธออยากให้เขากอดเธอแนบแน่น แต่แล้วเสียงในสมองเธอก็เรียกเตือนขึ้นมาว่า เธอยังไม่พร้อม.... และที่สำคัญ ทำไมเขาไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ ...
“ ไม่...อย่านะมัลฟอย...ปะ..ปล่อยชั้น..” เฮอร์ไมโอนีครางออกมาด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน แล้วออกแรงผลักเขาออกห่างเธอเล็กน้อย แต่ใบหน้าทั้งสองก็ยังคงใกล้ชิดกันอยู่ เฮอร์ไมโอนีรีบติดกระดุมเสื้อเธอที่หลุดเรียงกันลงมาเป็นแถวยาว และชายเสื้อที่หลุดออกมาจากกระโปรง ใบหน้าสีแดงจัดของเด็กสาวเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมาเล็กน้อย มัลฟอยสะดุ้งทันทีที่เห็นเธอร้องไห้
“ เกรนเจอร์... ร้องไห้ทำไมน่ะ!!” เขาร้องด้วยเสียงตกใจไม่น้อย เฮอร์ไมโอนีนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขา ดวงตากลมโตสีน้ำตาล ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา จ้องไปที่ดวงตาสีซีดแลดูอ่อนโยนของเขาด้วยความเจ็บปวด
“ ชั้น... ไม่เข้าใจเลย... ที่ผ่านมา นายเห็นชั้นเป็นอะไรกันแน่.... ทั้งๆที่นายมีพากินสันอยู่แล้ว ... ทำไมถึงจูบชั้น...” เฮอร์ไมโอนีพูดด้วยเสียงสั่นเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แล้วเธอก็ล้มตัวลงบนเตียงสี่เสาโดยที่หันหน้าไปทางอื่น ที่ตรงข้ามกับมัลฟอยแล้วหลับตาลง เมื่อมัลฟอยเห็นท่าทางของเฮอร์ไมโอนี เขาก็ถอนใจยาว แล้วล้มอนลงที่ข้างเด็กสาวโดยใช้แขนข้างที่ไม่ได้ติดกับเธอหนุนศีรษะแล้วมองขึ้นไปบนเพดานอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก
“ ชั้นเคยบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับยัยนั่น!! แล้วถ้าเธอจะคิดว่าชั้นเที่ยวจูบผู้หญิงไปทั่วงั้นก็ตามใจเธอแล้วกัน!!!” เด็กหนุ่มผมทองพูดประชดเธอเสียงเรียบคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะข่มตาหลับลง .....

สองคนสามขา ตอนที่7 อวสาน

เช้าวันต่อมาที่ห้องโถงใหญ่ เด็กๆลงมาทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย นักเรียนส่วนใหญ่นั้นเริ่มจะชินกับการเดินบนน้ำแข็งบ้างแล้ว แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับคู่ของแฮรรี่ที่ตกบันไดลงมาแต่เช้าด้วยความซุ่มซ่ามของเนวิลล์ในชั่วโมงแรกของวันนี้เป็นวิชาปรุงยา ซึ่งปกติก็เป็นชั่วโมงที่ยากต่อการปฏิบัติอยู่แล้ว และก็ดูจะยิ่งสาหัสขึ้นเมื่อเด็กๆต้องอยู่ติดกัน แน่นอนว่าวันนี้คงจะเป็นวันที่สเนปมีความสุขที่สุดเมื่อ เนวิลล์ นักเรียนที่เขาคิดว่าสมองนิ่มเป็นที่สุด ได้มาจับคู่กับแฮรรี่ นักเรียนที่เขาตีตราว่าน่ารังเกียจเป็นที่สุดเช่นกัน
“ พอตเตอร์ ลองบัตทอม ชั้นไม่เคยนึกเลยนะว่าพวกกริฟฟินดอร์จะสมองน้อยเช่นนี้ ชั้นบอกให้เอาผลของต้น
เมิร์กวู้ด มาหั่นจนละเอียดและใส่หลังขี้ตาตั๊กแตน ไม่ใช่ให้หั่นผลต้นเมิร์กวู้ดขนาดเท่าฝ่ามือแล้วใส่หลังขี้ตา”
สเนปร้องขึ้นในทันทีที่เขาหาเรื่องจับผิดคู่ของแฮรรี่ได้
“ หักกริฟฟินดอร์ 20คะแนน และชั้นหวังว่าน้ำยาของพวกเธอจะเป็นสีแดงเลือดได้ก่อนหมดชั่วโมง ไม่ใช่สีเขียวน่าสะอิดสะเอียนนี่” เขายังคพูดต่อไปด้วยใบหน้าเยาะเย้ยและดูถูก ทำให้เด็กสลิธีรินคนอื่นๆพากันหัวเราะเยาะ รวมทั้งมัลฟอยด้วย เฮอร์ไมโอนีหันขวับไปมองค้อนเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ เธอพยายมหาทางช่วยแฮรรี่กับเนวิลล์โดยไม่ให้เสนปเห็น แต่ก็เป็นการยากมาก เพาะเธอนั่งห่างจากแฮรรี่ไปหลายแถว และดูเหมือนสเนปจะรู้ทันเธอและคอยเหลือบมามองเธอเป็นระยะๆ ถ้าการเสกให้อาจารย์ประจำวิชาตาบอดไปไม่ผิดกฎล่ะก็ เธอจะไม่ลังเลที่จะใช้มันกับเสนปเลย
“ ฮึ ! เป็นห่วงเป็นใยเหลือเกินนะ แฟนเธอน่ะ ไม่ตายง่ายๆหรอก...” มัลฟอยพูดรอดไรฟันออกมาอย่างไม่พอใจด้วยเสียงเบา โดยไม่ได้หันมามองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
“ แฮรรี่ – ไม่-ใช่-แฟน-ชั้น!!” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงขุ่นเขียวและจ้องมัลฟอยด้วยความโกรธ
“ และถึงใช่ ชั้นก็ว่าแฮรรี่เขาดูดีกว่านายหลายร้อยเท่า!!!” เฮอร์ไมโอนีตวาดเสียงเบา เธอกำลังโกหก เธอเองก็ไม่ปฏิเสธที่ว่าแฮรรี่เป็นคนดีกว่ามัลฟอยมากกว่าร้อยเท่าจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอจึงตกหลุมรักมัลฟอยเข้า
อย่างจัง แล้วตอนนี้เธอก็คิดว่าเธออาจจะพูดแรงเกินไป เพราะตอนนี้มัลฟอยหันมามองเธอด้วยสายตาไม่
เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เธออารมณ์เสียขนาดนี้ก็น่าจะเป็นเพราะ เธอยังไม่หายโกรธมัลฟอยเรื่องแพนซี่ก็ เป็นได้ และเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่า เพียงแค่แพนซี่มาคอยวอแวเขา ทำไมเธอจึงต้องโกรธขนาดนี้ด้วย เฮอรไมโอนีรู้สึกสับสนในตัวเองมาก ในชั่วโมงนี้ทั้งชั่วโมง เธอไม่ได้คุยกับมัลฟอยอีกเลย เมื่อหมดเวลา มัลฟอยก็กระแทกเท้าปึงปังออกไปจากคุกใต้ดินทันทีอย่างโมโห ทำให้เฮอร์ไมโอนีเกือบจะสะดุดล้มที่ขั้นบันได
“ มัลฟอย!! ชั้นยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยนะ !!” เฮอร์ไมโอนีร้องออกมาอย่างหงุดหงิด แต่มัลฟอยก็ไม่ได้ฟังเธอแต่อย่างใด เขาลากเธอออกไปยังนอกปราสาทที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน ในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ นอกปราสาท จึงเป็นสถานที่ปลอดผู้คนโดยสิ้นเชิง
“ นั่นนายจะไปไหนน่ะ ปล่อยนะ!!” เฮอร์ไมโอนีกรีดร้องขึ้นด้วยความเจ็บที่เขากระชากเธอมาตลอดทาง เมื่อเขาพาเธอมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาก็เหวี่ยงเธอไปชนกับลำต้นอย่างแรงจนหิมะบนใบไม้ร่วงลงมาเล็กน้อย และเขาก็ใช้สองมือคร่อมใบหน้าเธอ เขาจ้องมองเธออย่างกินเลือดกินเนื้อ ดวงตาสีซีดในตอนนี้ ดูน่ากลัวสำหรับเธอ เขาดูเหมือนปีศาจก็ไม่ปาน เย็นชาราวกับน้ำแข็งเช่นเดียวกับหิมะที่หนาวเหน็บ มัลฟอยก้มลงจนใบหน้าชิดกับเธอมาก แต่เฮอร์ไมโอนียังคงจับจ้องไปที่ดวงตาเขาอย่างแข็งใจสู้
“ นะ นายจะทำอะไร...” เธอตอบเสียงสั่นด้วยความกลัวและความหนาวเย็น
“ ต้องเป็นพอตเตอร์เท่านั้นหรือไงที่ทำได้? “ เขาคำรามรอดไรฟันออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวด
“ อย่างน้อย เขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากกว่านาย!!” เฮอร์ไมโอนีตวาดใส่เขาเสียงดัง ตอนนี้ใบหน้าของมัลฟอยแดงขึ้นด้วยความโกรธจัด
“ งั้นคงต้องขอโทษเจ้าพอตเตอร์ล่ะนะ เพราะเธอจะต้องเป็นของชั้นตอน –นี้!!” เขาพูดเน้นเสียงสองพยางค์สุดท้ายและไม่รอช้า เขาโถมตัวเขาจูบเธออย่างรุนแรง ในขณะที่เฮอร์ไมโอนีพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อหลุดจากตัวเขา แตไม่เป็นผล เพราะมัลฟอยในตอนนี้ แข็งแรงและไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น เขา ไม่ใช่มัลฟอยคนที่เธอรักและต้องการเลย ริมฝีปากเขาค่อยๆเคลื่อนลงมาที่ซอกคออย่างรุนแรง และเลื่อนลงไปเรื่อยๆ มืออีกข้างที่เป็นอิสระของเขาก็กำลังลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอ กระดุมหลายเม็ดหลุดเรียงกันเป็นแนวยาว เขากดเธอให้ล้มลงไปนอนราบกับพื้นที่เย็นจัดไปด้วยหิมะสีขาวโพลน โดยมีเขาขึ้นคร่อมเธอ
“ ปล่อยนะ !! มัลฟอย ปล่อยชั้น!!!!” เฮอร์ไมโอนีพยายามกรีดร้องและดิ้นสุดแรง ในขณะที่มัลฟอยยังคงจูบและสัมผัสร่างกายเธออย่างไม่ฟังใคร ตอนนี้เขาค่อยๆล่วงล้ำเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนีสะดุ้งเฮือก
“ ไม่!!ปล่อยชั้น ปล่อยยยยยยยย!!!” เฮอร์ไมโอนีกรีดร้องพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรูออกมาจากดวงตาคู่สวย เธอกัดลงที่ไหล่เขาอย่างแรงจนเขี้ยวเธอฝังลงไปในเนื้อเขาลึกทีเดียว
“ โอ๊ยยยยยย” มัลฟอยร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่จะผละตัวออกจากเธอเล็กน้อย
“เพี๊ยะ!!!” ฝ่ามือของเฮอร์ไมนีหวดลงที่ใบหน้าของเขาอย่างแรงทันที
“ นายมัน ... เลว..ต่ำช้าที่สุด... ชั้นเกลียดเธอ!!!!” เฮอร์ไมโอนีร้องเสียงดังด้วยใบหน้าตื่นกลัวและเจ็บปวดที่สุด มือของเธอสั่นเทาและรีบจัดแจงเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่อย่างยากลำบากเพราะมืออีกข้างของเธอที่ติดกับเขา มัลฟอยใจเย็นลงบ้างและมองไปที่เฮอร์ไมโอนีอย่างนึกรังเกียจตัวเองที่ทำตัวแบบนั้น เขาหยิบไม้กายาสิทธิ์ขึ้นมาโบกให้เสื้อผ้าของเธอเข้าที่อย่างรวดเร็ว แต่เฮอร์ไมโอนีก็ไม่ได้เอ่ยขอบคุณเขา แน่นอน เพราะเธอโกรธเขามากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เธอไม่แม้จะมองเขาที่ตอนนี้เลือดไหลออกจากแผลที่ไหล่(ที่เธอกัด)มาก และหยดลงบนพื้นสีขาวของหิมะ ....
หลายวันผ่านไป เฮอร์ไมโอนียังคงไม่พูดกับมัลฟอย และถึงแม้มัลฟอยจะอยากขอโทษเธอก็ตาม แต่เขาก็รู้ว่า ไม่ควรจะพูดเรื่องนั้นในขณะที่เธอยังอารมณ์เสียแบบนี้ เพราะมันคงไม่จบลงด้วยดีแน่ ทั้งสองคนยังคงค้นหาห้องลับอยู่โดยไม่พูดกัน ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆบางกลุ่มนั้น หาห้องลับเจอครบสามแห่งแล้ว และเริ่มจะไปห้องสมุดเพื่อลงมือเขียนรายงานส่ง ตอนนี้คู่ของเฮอร์ไมโอนีก็เหลืออีกห้องลับเดียวเท่านั้นก็จะเสร็จสิ้นการสำรวจ เฮอร์ไมโอนีดูเหมือนจะพยายามหาให้เร็วที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมัดขาติดกับมัลฟอยอีกต่อไป
“ เอ่อ..เกรนเจอร์ ชั้นมีเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ในอีกสิบนาทีนี้ ถ้าเธอไม่ว่าอะไร...” มัลฟอยพยายามพูดให้ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เออร์ไมโอนีก็เดินหันขวับตรงไปที่เรือนกระจกทันทีโดยไม่มองหน้าหรือพูดกับเด็กหนุ่มเลย ที่เธอทำเช่นนี้ เพราะเธอไม่อยากต่อร้องต่อเถียงหรือแม้จะคุยกับมัลฟอยก็ตามเลย
มัลฟอยถอนใจเฮอือกใหญ่แล้วเดินตามเธอมาจนถึงเรือนกระจก
“ เอ้า เงียบๆหน่อย!!” มาดามสเปร้าท์ ร้องขึ้น นักเรียนทุกคนจึงเงียบเสียงและหันมามองเธออย่างสนใจ
“วันนี้เราจะเรียนวิธีการอาบน้ำให้ต้นฟรีกซ์ ใครจะบอกชั้นได้บ้างว่าต้นฟรีกซ์มีลักษณธอย่างไร” มาดามถามต่อ
เหมือนเช่นทุครั้ง เฮอร์ไมโอนียกมือขึ้นทันทีที่มาดามถามจบ
“ ต้นฟรีกซ์ เป็นต้นไม้ที่สูงประมาณเข่า แต่มีความแข็งแรง ทุกวันจะสร้างเมือกคล้ายเกล็ดน้ำแข็งมาหุ้มตัว ดังนั้นทุกๆปีจะต้องนำไปอาบน้ำเพื่อล้างเมือกออกจากตัว และต้นฟรีกซ์ก็ชอบอากาศหนาว จึงมักจะอาบน้ำให้ในช่วงหน้าหนาวค่ะ” เฮอร์ไมโอนีตอบอย่างเชี่ยวชาญ
“เยี่ยมมากจ๊ะ 15คะแนนสำหรับกริฟฟินดอร์” มาดามกล่าว
“เอาล่ะ ทุกๆคู่แยกย้ายไปรอบๆเรือนกระจกได้ เพราะต้นฟรีกซ์ จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากพอสมควรเวลาอาบน้ำ แต่ว่า ระวังเมือกมันหน่อยนะ มันมีพิษ วิธีอาบนั้น ให้ล้างจากส่วนรากขึ้นไปหายอดนะ และอย่าใช้น้ำเยอะจนเกินไป” มาดามอธิบาย แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติ ในขณะที่อายน้ำมัลฟอยเป็นคนจับต้นไม้ไม่ให้ดิ้น ส่วนเฮอร์ไมโอนีก็เป็นคนขัดเมือกออก แต่ต้นไม้นี่พิษสงเอาการเพราะมันจะสะบัดตัวอย่างแรงตลอดเวลาหากมีใครมาแตะต้องมัน จนมัลฟอยแทบจะล็อคไว้ไม่อยู่ ระหว่างที่เฮอร์ไมโอนีกำลังเช็ดขึ้นมาถึงกิ่งไม้ เจ้าต้นฟรีกซ์ก็สะบัดกิ่งไม้หนึ่งหลุดจากมัลฟอยได้ แล้วหวดใส่แขนเขาหนึ่งที ทำให้เขาชะงักไปด้วยความเจ็บก่อนที่ต้นฟรีกซ์จะดิ้นอีกครั้งเพื่อให้หลุดจากมือมัลฟอย แต่แล้วกิ่งไม้ก็ปัดถูกแก้มขงเด็กสาว
“โอ๊ย!!” เฮอร์ไมโอนีเอามืออีกข้างขึ้มากุมใบหน้าเธอมัลฟอยรีบเข้าหาทันที
“เป็นไรรึเปล่า” เขาถามพลางเอื้อมมือไปที่แก้มเธอ แต่แล้วเฮอร์ไมโอนีก็ปัดมือนั้นออกอย่างแรงพร้อมกับส่งสายตาขุ่นเขียวกลับมาให้เขา ทำให้มัลฟอยชะงักไปเฮือกใหญ่ แล้วมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด แต่เฮอร์ไมโอนีก็ไม่ใสใจอะไร เธอรีบลุกขึ้นแล้วจัดแจงเช็ดตัวให้ต้นไม้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในช่วงบ่าย ขณะที่เธอและมัลฟอยเดินหาห้องลับทางด้านหอตะวันตก พวกเขาเดินลอดไปในประตูที่น่าจะเป้นทางผ่านไปห้องเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ แต่เมื่อพวกเขาลอดเข้ามา สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นที่กว้างที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน มีทะเลสาบที่แข็งเป็นน้ำแข็ง และยังปราสาทน้ำแข็งที่ตั้งอยู่เด่นเป็นสง่า ด้านตะวันตกมีป่าใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะดูเวิ้งว้าง แล้ว ตอนนี้เหมือนพวกขำลังอยู่นอกปราสาทฮอกวอตส์เลย แต่ถ้าพวกเขาอยู่ข้างนอกจริง ก็ต้องเป้นตอนกลางวันสิ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้ มีบรรยากาศสลัวในช่วงพลบค่ำหิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาเบาๆ ทำให้ดูบรรยากาศช่างแสนสงบเงียบเยือกเย็น มัลฟอยกระชับผ้าพันคอเข้าหาตัวในขณะที่เฮอร์ไมโอนีเอามือปล้องปากด้วยความหนาวเพราะเธอไม่ได้เอาผ้าพันคอลงมา
“สวยจัง” เฮอร์ไมโอนีกล่าวขึ้นลอยๆพลางมองไปบนท้องฟ้าที่มีเกล็ดหิมะขาวค่อยๆร่วงลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่แสนหนาว ทำให้มัลฟอยรีบหันมามองเธอทันที
“ เธอ..ยอมพูดกับชั้นแล้วหรอ” มัลฟอยเอ่ยถาม แต่เฮอร์ไมโอนีก้ยังคงเงียบอยู่ มัลฟอยหมุนตัวเธอให้หันมาหาเขาแล้วเขาก็เอาผ้าพันคอของตัวเองมาคล้องที่คอของเธอ
“ ชั้น...ขอโทษนะ... ที่วันนั้นชั้น...เอ่อ...คือ...ชั้นมันบ้าเอง” มัลฟอยก้มหน้าขอโทษเธออย่าสำนึกผิด
เด็กสาวยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่นิ่งไม่ได้พูดตอบอะไร ทำให้มัลฟอยรู้สึกเหมือนว่าเธอคงไม่มันยกโทษให้เขาอีกตลอดชีวิตแน่ แล้วจู่ๆเฮอร์ไมโอนีก็พูดขึ้นมาเบาๆว่า
“ทำไม... ทำไมถึงทำแบบนั้น...” เธอถามขึ้นเบาๆโดยไม่ได้มองหน้าเขา แต่กลับมองออกไปที่ทะเลสาบกว้างสุดลูกหูลูกตาที่แข็งเป็นน้ำแข็งด้วยความหนาวเย็น
“ เอ่อ....” มัลฟอยชะงักเล็กน้อย ถ้าตอนนี้เธอหันมามองหน้าเขา คงไม่ยากที่จะเห็นว่า หน้าของเขาเป็นสีจัดแล้ว มัลฟอยตะกุกตะกักอยู่ไม่นาน เฮอร์ไมโอนีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ หิมะสีเขียว....สวยจัง....”เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้นเบาๆในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับน้ำตาใสๆที่ค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มที่กลายเป็นสีชมพูด้วยความหนาวเย็น
“กะ...เกรนเจอร์! เธอ ร้องไห้ทำไม...” มัลฟอยร้องด้วยความตกใจแล้วรีบเอามือปาดน้ำตาจากแก้มเธออย่างเบามือ
เฮอร์ไมโอนีก้มหน้าหลบสายตาเขาเพราะเธอไม่อยากให้เขาเห็นเธอกำลังร้องไห้ ใบหน้าของเธอตอนนี้คงดูไม่ดีแน่ มัลฟอยเข้ามาใกล้เธอแล้วก้มลงมองเธออย่างอบอุ่นอ่อนโยนท่ามกลางแสงสีเขียวที่ส่งประกายรอบตัว มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองแสงสีเขียวที่ส่องประกายแสงอ่อนๆระยิบระยับทั่วท้องฟ้า เขาเพิ่งสังเกตว่าหิมะนั้นหยุดตกไปแล้ว
“ฟรารี่ สโนว์...มีจริงๆรึเนี่ย” เขาพึมพำเสียงเบาแล้วหันกลับมามองเด็กสาวที่อยู่ข้างกายเขาไม่ห่างกำลังก้มหน้าน้ำตาคลออยู่ เธอเองก็เริ่มสังเกตเห็นแสงสีเขียวที่ลอยต่ำลงมาอยู่ข้างตัวเธอมากมาย แม้เธอจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองก็ตาม เฮอร์ไมโอนีคว้าเสื้อคลุมมัลฟอยไว้แน่นก่อนจะร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกับกำลังระบายความรู้สึกที่อัดั้นอยู่ในใจมานานให้กับเขา
“ ทำไม...มัลฟอย...ชั้นไม่เข้าใจเธอเลย!!! เธอกำลังคิดอะไรกันแน่... เธอเห็นชั้นเป็นอะไร ไม่เข้าใจเลย...ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา เธอเห็นมันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเธอถึงจูบชั้น ชั้นไม่เข้าใจว่าเธอคิดอะไรอยู่ ขอร้องล่ะ.... อย่าให้ชั้นต้องรู้สึกกับเธอเพียงคนเดียว!!!” เธอร้องออกมารัวเร็ว เสียงของเธอค่อยๆหายไปท่ามกลางความหนาวเย็นพร้อมเสียงหอบหายใจจากการตะเบ็งเสียง แสงสีเขียวยังคงส่องประกายและบางส่วนนั้นก็ลอยมารายล้อมรอบตัวเฮอร์ไมโอนีเกิดเป็นแสงสีเขียวประกายเจิดจ้า เฮอร์ไมโอนีลืมตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้น
“ ถ้า ‘ความปรารถนา’ ตามตำนานนั่นเป็นจริง ... ชั้น...ก็อยากจะขอสิ่งนั้นกับมัน...” เฮอร์ไมโอนีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น ก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดต่อ
“ ชั้น...ปรารถนาเธอ...มัลฟอย...” เด็กสาวพูดพลางสบดวงตาสีซีดที่บัดนี้มีแต่ความอบอุ่นอ่อนโยน
มัลฟอยดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนอย่างอบอุ่นทันทีที่เธอพูดจบ เขากอดเธอแน่นราวกับจากกันไปสิบปี
“ เธอได้ยินมั๊ย ...เสียงจากตัวชั้น..” มัลฟอยร้องบอก ตอนนี้ใบหน้าเขาเป็นสีแดง และหัวใจเขาก็เต้นระรัว
“ชั้น...เป็นแบบนี้เฉพาะกับเธอเท่านั้นรู้มั๊ย...” มัลฟอยร้องบอกก่อนที่เขาจะจับมือเธอขึ้นมาแนบอกเขาเพื่อให้เธอได้รับรู้ถึงจังหวะหัวใจเขาที่เต้นแรงไม่เป็นท่า เฮอร์ไมโอนีหน้าแดงขึ้น มัลฟอยโอบกอดเธอแล้วโน้มตัวลงมาข้างหูเธอ
“ ชั้น...รักเธอนะ..” มัลฟอยกระซิบ พ้อมๆบน้ำตาของเด็กสาวที่ไหลลงมาเงียบๆ มัลฟอยเอานิ้วขาวซีดของเขาปาดน้ำตาออกทั้งสองสบตากันอยู่พักหนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆโน้มหน้าลงมาเขาชะงักอยู่นิดหนึ่งก่อนเพื่อลองใจเธอ เฮอร์ไมโอนีใช้สองมือโอบรอบคอของมัลฟอยปลายนิ้วสัมผัสเส้นผมสีบลอนด์ทองนุ่มสลวย เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ปะทะกันเป็นไออุ่น ก่อนที่เธอจะค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เมื่อมัลฟอยเห็นดังนั้น เขาก็โน้มตัวเข้าไปใกล้อีก
“อย่ากัดไหล่ชั้นอีกล่ะ...” พูดจบเขาก็สัมผัสลงบนริมฝีปากบางสีชมพูอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม เขากระชับตัวของเด็กหญิงให้อยู่ในอ้อมแขนเขาแน่นขึ้น ตอนนี้เหล่าฟรารี่สโนว์ตัวน้อยนั้น จากที่เคยเป็นสีเขียว ตอนนี้สีของมันเปลี่ยนไปกลายเป็นสีฟ้าสว่างสดใส และมันก็ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดทุกอย่างก้เป็นสีขาวไปหมด
ทั้งสองคนลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่ากำลังยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินที่หอตะวันตก ที่เดิมโดยที่ประตูทางที่พวกเขาเข้าไปเมื่อกี๊ก็หายไปด้วย เฮอร์ไมโอนีก้มลงดูเวลาที่ข้อมือ
“ นี่มันเพิ่งผ่านไปแค่ 1นาทีเองหรือ?” เฮอร์ไมโอนีร้องขึ้น ทำให้มัลฟอยหันมามองเธอทันที
“ เธอก็ฝันหรือ?” มัลฟอยหันมาถามเธอ ใบหน้าเหมือนกำลังรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เขาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยซึ่งเฮอร์ไมโอนีเองก็เช่นกัน เธหลบตาเขาแล้วกำลังจะหันหลังเดินไปแต่มัลฟอยก็ใช้แขนข้างที่ติดกันดึงเธอเอาไว้ก่อน
“ แล้วเธอล่ะ..เธอ...คิดยังไง...” มัลฟอยถามตะกุกตะกัก เฮอร์ไมโอนีสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นหน้าเขาตอนเขินจัดชัดๆขนาดนี้ที่ไหนมาก่อนเลย เธอเริ่มหน้าแดงจัดบ้าง
“ ชั้น...เอ่อ...” เธอพูดเสียงเบาจนแทบกระซิบ มัลฟอยจึงก้มลงมาเล็กน้อย
“ว่าไงนะ...” เขาถามย้ำ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเฮอร์ไมโอนีหอมแก้มเขาอย่างแผ่วเบาไปหนึ่งที มัลฟอยเอามือข้างหนึ่งขึ้นมาจับที่แก้ม แล้วก็เกิดรอยยิ้มเล็กๆขึ้น เฮอร์ไมโอนีก้มหน้าหลบสายตาเขาเพราะตอนนี้เธอคงสามารถแดงชนะมะเขือเทศได้แล้ว เธอตั้งท่าจะหันหลังเดินหนีอีกครั้ง แล้วมัลฟอยก็ต้องดึงเธอกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาดึงเธอมาและรวบเอวเธอมากอดแน่นพร้อมกับบรรจงจูบเธอย่างดูดดื่มและอบอุ่นทันที เฮอร์ไมโอนีตกใจมาก ในขณะที่มัลฟอยค่อยๆขยับริมฝีปากอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอค่อยๆหลับตาลงช้าๆและเริ่มที่จะขยับริมฝีปากตามเขา มัลฟอยกระชับตัวเธอแน่นขึ้น เขาผละออกเล็กน้อย
“ อย่าไปไหนอีกเลยนะ... อยู่กับชั้น...ได้มั๊ย” เธอกระซิบถามเสียงเบา ในขณะที่ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันไม่กี่เซ็นต์ นักเรียนคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และจำนวนนักเรียนที่ยืนดูก็เพิ่มขึ้นอีก”เล็กน้อย พวกเขายืนดูด้วยความเขินรวมๆกับความงงเล็กน้อยที่มัลฟอยเด็กบ้านสลิธีรินจูบกับเด็กบ้านกริฟฟินดอร์
“ชั้น...จะอยู่กับเธอนะ...” มัลฟอยกระซิบบอกก่อนที่จะดันเธอไปชิดกำแพงปราทแล้วโน้มลงจูบเธออีกครั้งอย่างแผ่วเบา เข่าค่อยๆบรรจงจูบเธอทั้งริมฝีปากและแก้มสีชมพู สองแขนโอบกอดกันแน่น ลมหายใจที่เริ่มหอบแห้งด้วยความอบอุ่น เฮอร์ไมโอนีรู้สึกถึงเส้นผมที่อ่อนนุ่มของเขา กับความอบอุ่นร้อนผ่าวที่ไหลผ่านเข้ามา ทั้งสองจูบกันดูดดื่มจนคนรอบข้างต้องหน้าแดงไปตามๆกัน แล้วแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปโดยที่เด็กทั้งสองยังคงจูบกันอยู่เนิ่นนาน

- - - - - end - - - - -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น