ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.212cafe.com/board/group/group_id/138/forumId/276/page/1
JE TE VEUX chapter 15 : โซ่พันธนาการ
chapter 15 : โซ่พันธนาการ
นิ้วแข็งแกร่งสางผมสีเพลิงเล่น ในขณะที่เจ้าของผมนอนซบอกเปลือยของเขาอยู่
ในความมืดสลัวนั้นแฮร์รี่มองไม่เห็นอะไรเลย...เหมือนกับหนทางข้างหน้าของเขา
ซึ่งเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจเต็มร้อยว่าหญิงสาวที่นอนหนุนอกเขาอยู่หลังจากภารกิจในคืนแต่งงานคนนี้คือผู้หญิงที่เขาต้องการมากที่สุดในชีวิต และปรารถนาเหลือเกินที่จะได้เธอเป็นภรรยา
แล้วตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของเขาสมบูรณ์แบบแล้วด้วย
แล้วทำไมตอนนี้เขาเกิดรู้สึกผิดพลาดอย่างมหันต์!
มันผิดพลาดตั้งแต่เมื่อบ่ายวันนี้ ซึ่งเขาได้เห็นภาพบาดใจอย่างแสนสาหัส
ภาพองเฮอร์ไมโอนี่แสนสวยได้ตกเป็นภรรยาของผู้ชายคนอื่นไปแล้ว... ‘ภรรยา’ ของ ‘ผู้ชายอื่น’ พระเจ้า!
เขาอยากตะโกนร้องอย่างคนบ้าแล้ววิ่งเข้าไปปลิดชีวิตมัลฟอยซะ
สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นใดๆในอดีต แต่เป็นเพราะเขา ‘ได้’ เฮอร์ไมโอนี่ไป
และเขา ‘ไม่ได้’ เขาจึงอยากจะตรงเข้าไปฆ่าไอ้บ้านั่นนัก
ทำไมเขาต้องรู้สึกหึงหวงเฮอร์ไมโอนี่ด้วย...ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
เธออยู่กับเขามาตั้งเจ็ดปี และเขาไม่เคยสนใจในตัวเธอเลย
แต่วันนี้เขากลับรู้สึกโหยหาเธอเหมือนเธอเป็นสิ่งเขาขาดไม่ได้ในชีวิต
ร้ายกว่านั้น...เขารู้สึกว่าเขาไม่อยากได้จินนี่เป็นภรรยา
แต่เขาอยากได้เฮอร์ไมโอนี่ต่างหาก
แม้แต่ในคืนแต่งงาน...เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องหอ
เมื่อเขาเริ่มจูบจินนี่...เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นเลือดร้อนเหมือนครั้งก่อนๆ
จูบครั้งนี้ช่างชืดชาและไร้ความรู้สึก
แต่เมื่อเขาหลับตาลง...คิดว่าริมฝีปากจืดชืดที่เขาลิ้มรสอยู่นี่คือริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่
ริมฝีปากที่เขาลิ้มลองอยู่กับนุ่มและหวานขึ้นอย่างน่าใจหาย
ความคิดที่ว่าเฮอร์ไมโอนี่คือคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา
...หลังจากนั้นเขาก็หลับตา และคิดว่าร่างที่เขากอดอยู่คือร่างนุ่มๆของเฮอร์ไมโอนี่
แฮร์รี่รู้สึกคุ้มคลั่งเหลือเกินในตอนนี้
ชายหนุ่มดีใจที่จินนี่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าที่เหมือนจะฆ่าคนได้ของเขา
เพราะตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่เปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอย
เมื่อคิดว่าเจ้าสารเลวนั่นจะได้เธอ แฮร์รี่อยากตรงไปที่คฤหาสน์มัลฟอยแล้วกระชากไอ้หมอนั่นลงมาจากเตียง
จากนั้นก็สังหารมันอย่างไม่ใยดี
แฮร์รี่ค่อยๆขยับออกจาจินนี่ ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงและเดินอย่างงุ่นง่านไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม
จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งให้จินนี่นอนอย่างเปล่าเปลี่ยวอยู่บนเตียง
เขาตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
และหยิบเสื้อเชิ้ตของเขา...เสื้อที่เฮอร์ไมโอนี่สวมในวันที่เธอวิ่งมาชนเขาและหมดสติไป
แฮร์รี่กอดเสื้อเชิ้ตตัวนั้นเอาไว้แน่นราวกับว่าเขาได้กอดร่างของคนที่เคยสวมมัน
ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกอยากได้ผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้ แล้วเขาเพิ่งมานึกบ้าอะไรได้ตอนนี้!
มันสายไปแล้ว ทั้งเขาและเธอต่างก็มีพันธะกันแล้ว เขาไม่มีวันได้เธอมาเป็นของเขา...
แค่คิดว่าเขาจะไม่มีวันได้เธอมา แฮร์รี่ก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน
“เฮอร์ไมโอนี่...” แฮร์รี่พึมพำ เขาซุกจมูกลงบนเสื้อ หวังให้กลิ่นของเธอยังติดเสื้อตัวนี้อยู่...
“มัลฟอย...พอเถอะ” เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกล่าวห้าม
มือบางดันไหล่กำยำของเขาออกเบาๆอย่างอ่อนแรง
ขณะที่เจ้าของไหล่กำยำเคลื่อนขยับกายอยู่บนร่างของเธออย่างรุนแรง
“ไม่! ยังไม่พอ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
เขาทำโทษเธอที่กล่าวให้เขาหยุดด้วยการขยับกายรุนแรงขึ้น
ส่งผลให้เสียงครางอย่างอ่อนระโหยของเธอดังขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
“อ๊ะ มัลฟอย...”
“ฉันบอกให้เรียกว่าเดรโกไงล่ะ” เขากระซิบที่ข้างหู แล้วลงโทษเธออีกอย่างรุนแรงขึ้นอีก
“ถะ...ถ้าฉันเรียก แล้วเธอจะหยุดได้รึยัง” เธอถามอย่างอ่อนแรง
ชายหนุ่มมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายริบหรี่ เธอดูเหนื่อยล้าเต็มที...
แต่เขายังไม่พอ
“ก็ได้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาขยับถาโถมใส่ร่างของเธอด้วยจังหวะที่ช้าลง “เรียกชื่อฉันสิ”
เขากระซิบอย่างโหยหา ก่อนจะก้มลงกัดริมฝีปากบางเหมือนเป็นการทวงสัญญา
“ดะ...เดรโก หยุดเถอะ” เธอร้องอย่างทุรนทุรายขณะที่ร่างของเธอเหมือนจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ
เขารีบขยับกายเร็วขึ้น เพราะรู้ว่าหลังจากเสร็จสิ้นครั้งนี้แล้วคงจะต้องหยุดพัก
ชายหนุ่มจึงรีบตักตวงเอาความสุขไว้ให้ได้มากที่สุด
จนในที่สุด...ร่างของทั้งสองก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อา...” เขาคำรามอย่างแสนสุข ใบหน้าของเขาเหยเกขณะที่รับเอาความหฤหรรษ์รอบสุดท้าย
เมื่อความรู้สึกนั้นค่อยๆมลายหายไป ชายหนุ่มจึงก้มลงมองคนที่อยู่ใต้ร่างของเขา
มัลฟอยจูบที่หน้าผากเปียกเหงื่อของเฮอร์ไมโอนี่ จากนั้นเขาจึงจูบที่เปลือกตาปิดสนิทของเธอ
จูบที่หว่างคิ้วที่ขมวดนิ่ว จูบที่ติ่งหูอ่อนนุ่ม จูบที่แก้มโชกเหงื่อ
และจูบอย่างดูดดื่มที่ริมฝีปากบวมช้ำ
มัลฟอยไม่อยากหยุดเลย...ตอนนี้เขาอยากจะทำอีก
แต่คงต้องคำนึงถึงร่างกายของคนซึ่งเป็นผู้ตอบสนองความต้องการของเขาด้วย
เธอสลบไปแล้วครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่อ่างน้ำ
เมื่อมัลฟอยอุ้มเธอมานอนลงบนเตียงและคอยอย่างกระวนกระวายให้เธอตื่นขึ้นมา และเมื่อเธอตื่นขึ้น
เขาจึงเริ่มภารกิจมาราธอนหลายชั่วโมงติดต่อกัน จนตอนนี้เธอสลบไปอีกแล้ว...
ก็ความรู้สึกที่ได้มีเซ็กส์กับภรรยา ‘ของ’ ตัวเองมันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เฮอร์ไมโอนี่ทำให้เขาเป็นสุขมากพออยู่แล้วตอนที่เธอไม่ได้เป็นของเขา
แต่เมื่อตอนนี้เธอได้เป็นของเขาจริงๆ มัลฟอยก็ไม่คิดจะมีใครอื่นที่ไหน
เพราะมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมอบความสุขให้เขาได้มากเท่ากับภรรยาของเขาอีกแล้ว
“รีบตื่นเร็วๆ” มัลฟอยขู่อย่างหงุดหงิดก่อนก้มลงจูบเปลือกตาเธอแรงๆหมายจะให้เธอตื่น
ด้วยความเหนื่อยล้าจากภารกิจมาราธอนเช่นนั้นเธอยังไม่ฟื้น มัลฟอยถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
เขาใช้ช่วงเวลานี้สำรวจใบหน้าของภรรยา...
เธอสวยเหลือเกิน สวยจนอยากที่จะพรรณาพร่ำบอกได้
มัลฟอยไม่เคยดื่มด่ำกับความสวยของผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน
อะไรเปลี่ยนยัยผมฟูบ้าเรียนให้กลายเป็นสาวสวยขนาดนี้ได้
แล้วตอนเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์เขามัวแต่ไปมองอะไรอยู่นะ ถ้ารู้ว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมาเธอจะสวยขนาดนี้
เขาจะไม่ใช่เวลาในช่วงวัยรุ่นนั้นสำมะเลทะเมาไปกับผู้หญิงคนไหนเลย
“ตื่นได้รึยัง...”
“อืม...” เฮอร์ไมโอนี่ครางตอบอู้อี้ เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้เธอยังนอนไม่สนิทดีนัก
แล้วยังมีนายบ้าพลังมานอนทับเธอแบบนี้อีก จะให้เธอนอนหลับสนิทได้ยังไง
“ตื่นรึยัง...” เขาถามอย่างขี้อ้อนก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบางเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“ฉันยังไม่ได้นอนเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามผลักเขาออก
แต่เขากลับดึงมือบางของเธอมาจูบตั้งหลายครั้งจนเธอรู้สึกจั๊กจี้
“ไม่ต้องนอนหรอก ฉันอยาก...”
“ไม่เอาแล้ว ฉันเหนื่อย” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างหงุดหงิดแล้วผลักร่างของเขาออก คราวนี้เธอทำสำเร็จ
เฮอร์ไมโอนี่จึงพลิกตัวหนีและตั้งใจจะหลับจริงๆเสียที
“เธออย่าใจร้ายกับเจ้าบ่าวใหม่นักสิ” มัลฟอยพูดด้วยเสียงงอนเหมือนเด็กๆ จะว่าเขาเป็นเด็กก็ช่าง
ถ้าความเป็นเด็กของเขาจะได้อีกซัก...รอบหนึ่ง
“ไปไกลๆเลยไป ฉันจะหลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรำคาญเต็มที
และยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าบ่าวใหม่ดึงร่างของเธอมากอดจากด้านหลัง
ก่อนจะก้มลงฟัดซอกคอของเธออย่างเมามัน หวังจะกระตุ้นอารมณ์ของเธออีกครั้ง
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตะคอกใส่เขาอย่างหงุดหงิดแล้วพยายามใช้มือบางดันใบหน้าของเขาออก
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว...” มัลฟอยพูดอย่างกระหาย ผิวนุ่มและกลิ่นกายของเธอทำให้อารมณ์พิศวาสของเขาครุโชน
เขาต้องการเธอเหลือเกิน...ต้องการจนทนไม่ไหวแล้ว
“ไม่เอา! ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ปล่อยฉันนะ!”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องคำรามเมื่อมัลฟอยพลิกกายขึ้นมาอยู่บนร่างของเธอ แล้วเริ่มบังคับจูบเธออย่างรุนแรง
มือของเขาบีบเค้นไปทุกส่วนของร่างกายเพื่อที่จะให้เธอมีอารมณ์ร่วม แต่...
“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยอุทานอย่างตกใจ มือที่ควานสะเปะสะปะไปทั่วต้องหยุดชะงัก
ริมฝีปากที่กำลังทำตามใจตัวเองต้องหยุดทำงาน
เมื่อเขาเห็นน้ำตาของภรรยา...มัลฟอยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้งั่ง
“เธอ...เธอร้องไห้ทำไมน่ะ” มัลฟอยถามอย่างกระอักกระอ่วน โธ่!
ทำไมเขาต้องรู้สึกตกใจกับน้ำตาของเธอด้วยเล่า
ทั้งที่เขาเคยมีเซ็กส์จนทำให้เธอร้องไห้มาตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว
“ฉันบอกว่าฉันเหนื่อยไงล่ะ! ไม่เข้าใจรึไง ทำไมเธอถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้นะ
ฉันเกลียดเธอที่สุด! ทำไมเธอถึงไม่ฟังฉันบ้าง!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างโมโหก่อนจะระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดด้วยการปล่อยโฮออกมา
มัลฟอยรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนเงอะงะขึ้นมาทันที จะให้เขาทำยังไงล่ะ โธ่!
เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอเลย ถึงอยากจะเห็นก็อยากจะเห็นเฉพาะเวลาแบบนั้นมากกว่า
“เธอหยุดร้องเถอะ...ฉันไม่ทำแล้วก็ได้” มัลฟอยกล่าวอย่างปลอบประโลมแล้วจูบซับน้ำตาให้หญิงสาว
เขาพลิกกายลงนอนข้างๆเธอ ก่อนจะดึงร่างที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นเข้ามากอด
“อย่าร้องนะ...ฉันไม่ทำแล้ว” มัลฟอยจูบปอยผมของเธออย่างปลอบใจ
...แต่ถึงทำอย่างนั้นเธอก็ยังไม่หยุดร้องไห้เสียที เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรเธอจะหยุดร้องไห้
แต่ที่รู้ตอนนี้ก็คือ...
เขาจะตายอยู่แล้ว!!!
“แฮร์รี่ ที่รัก...เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ” จินนี่เขย่าร่างของสามีอย่างร้อนรน
เธอตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า และเมื่อเธอลองเดินค้นหาดู
เธอก็พบร่างของสามีนั่งคุดคู้อยู่ข้างตู้เสื้อผ้า กอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองเอาไว้จนยับย่น
แฮร์รี่ค่อยๆลืมตาขึ้นมองภรรยาหมาดๆของเขา แค่ได้เห็นหน้าเธอหัวใจของเขาก็เต้นช้าลงไปอีกมาก
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะขยี้ตาเพื่อไล่ทั้งความง่วงและความรู้สึกผิดหวังออกไป
“ทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” จินนี่มองสามีของเธอค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างง่วงงุน
แฮร์รี่ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้แล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่...มาดูว่ามีชุดสำหรับใส่ทำงานรึเปล่า แล้วก็นั่งคิดอะไรเพลินก็เลยหลับไป”
เขาโกหกโดยภาวนาขออย่าให้จินนี่เก่งเรื่องคาถาสะกดใจ
แต่ภรรยาของเขากลับยิ้มให้แล้วโอบแขนรอบคอของเขาอย่างอารมณ์ดี
“คิดเรื่องของฉันด้วยรึเปล่าคะ” เธอถามอย่างฉอเลาะ แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วพยักหน้า
‘คิดสิ...ฉันคิดเรื่องเธอเยอะมากเลยล่ะ แต่คิดในด้านที่...’ เขาอยากจะตอบออกไป
แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้เธอเท่านั้น
“เช้านี้เธอตะไปทำงานรึเปล่า” จินนี่ถามเสียงหวาน
“ไปสิ” แฮร์รี่ตอบเบาๆ
ดวงตาสีฟ้าปรายไปที่เสื้อเชิ้ตในมือของชายหนุ่ม “เธออยากให้ฉันรีดเสื้อตัวนั้นให้รึเปล่า”
แฮร์รี่ผละออกจากจินนี่ราวกับเธอเป็นของร้อน เขาก้าวถอยหลังไปยังตู้เสื้อผ้า
กระชากประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออกแล้วดึงไม้แขวนเสื้อออกมา แฮร์รี่เก็บเสื้อเชิ้ตตัวนั้นอย่างทะนุถนอม
เขาก้าวกลับมาหาจินนี่แล้วก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอก” เขากล่าวและผละจากไป ทิ้งให้ภรรยาของเขามองตามเขาไปด้วยแววตาครุ่นคิดสงสัย
…แสงของยามอรุณรุ่งปลุกให้หญิงสาวตื่นจากการหลับใหล
เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากตื่นเลย...เพราะในเช้านี้ดูเหมือนเอจะเหนื่อยล้าไปเสียหมด ทั้งกาย...และใจ
เช้าวันแรกของการเป็นมิสซิสมัลฟอย มันช่างเป็นเช้าที่หดหู่ยิ่ง
เฮอร์ไมโอนี่อยากเรียกนามสกุลของตนเองกลับมาเหลือเกิน แต่มันเป็นเหมือนความฝันเท่านั้น
ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
‘จนกว่าจะตายจากกัน’ ใช่...จนกว่าจะตายเท่านั้น และหากเธอตายจริงๆ
เธอจะไม่ลืมให้หลวงพ่อจารึกป้ายหน้าหลุมศพของเธอว่า ‘เฮอร์ไมโอนี่ เจน เกรนเจอร์’ และเน้นคำว่า
‘เกรนเจอร์’ ให้ตัวโตๆไปเลย
เสียงฝีเท้าอาดย่ำเดินมาทางเตียง เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
เธอยกแขนข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก และเหล่มองคนที่เดินเข้ามาจากใต้แขน
“อรุณสวัสดิ์ ที่รัก” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดีและนั่งลงที่ปลายเตียง
เช้านี้ดูเขาจะสดชื่นผิดกับเธอเหลือเกิน หยดน้ำใสส่องประกายแวววาวอยู่ตามปลายผมยุ่งๆสีบลอนด์ของเขา หยดน้ำเล็กๆกระจัดกระจายตั้งแต่หน้าผากไล่ลงไปถึงพื้นที่ใต้เสื้อคลุม รอยยิ้มส่องประกายสดใส ดูเขาช่างสดชื่นผิดกับเธอเหลือเกิน
“ช่วยเรียกชื่อของฉันได้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างไม่ชอบใจที่เขาเรียกเธอว่าที่รัก
มันเหมือนกับเป็นการตอกย้ำบางสิ่งที่เธอเกลียด
“ไม่มีสามีภรรยาคู่ไหนเรียกชื่อกันหรอก เธอก็ควรจะหัดเอาไว้บ้างนะ...ที่รัก”
เขาโน้มกายลงมาและจูบที่ท่อนแขนของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะบัดแขนหนีอย่างรังเกียจและตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมกายไปถึงคางมน
“อย่าทำยุ่มย่ามนะมัล...”
“เดรโก”
“มัลฟอย...”
“เดรโก” เขาก้มลงจูบริมฝีปากเธอเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ
แต่เมื่อเขาทำท่าจะไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ เธอจึงยอมแพ้อย่างจำนน
“ก็ได้ เดรโก อย่ามาทำยุ่มย่ามนะ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างอึดอัดและเบี่ยงหน้าหนีจูบซุกซนของเขา
มัลฟอยชะงักใบหน้าไว้แล้วผุดยิ้มบางๆ จากนั้นเขาจึงถอยออกมา
“ฉันมีของขวัญแต่งงานจะให้เธอด้วย” เขากล่าวเรียบๆ แต่สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจจนเฮอร์ไมโอนี่นึกหมั่นไส้
“เอาของพวกนั้นไปลงนรกซะ” เธอคำราม
“โอ้! ไม่หรอก เธอจะต้องไม่อยากให้มันไปลงนรกแน่ๆ” มัลฟอยทำท่ายกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ
ก่อนที่เขาจะยื่นซองสีน้ำตาลให้เธอ
“อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างห้วนๆและระแวง มัลฟอยยิ้มกริ่ม
เขาดึงมือของเธอออกมาและวางซองสีน้ำตาลลงบนมือของเธอ
“เปิดดูสิ ฉันคิดว่ามันเป็นของที่เธออยากได้มากที่สุดรองลงมาจากตัวฉัน”
เขาแกล้งพูดเหมือนกับว่าเธอต้องการเขาตลอดเวลา
เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาที่บอกว่าเขาช่างเป็นคนหลงตัวเองให้ เธอมองซองสีน้ำตาลในมือ
ก่อนจะแกะมันอย่างเสียมิได้
เอกสารหลายแผ่นอยู่ในซองนั้น เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันขึ้นมาอ่าน...
“มันเป็นของที่เธอค้องการใช่มั้ย”
มัลฟอยชะโงกมากระซิบข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้นิ่งอึ้งและตกตะลึง...
เอกสารฉบับนั้น บ่งบอกว่าธนาคารของมัลฟอยได้โอนกรรมสิทธิ์บริษัทผลิตยาเกรนเจอร์
ให้เป็นของเฮอร์ไมโอนี่ เจน มัลฟอย เรียบร้อยโดยไม่ติดค้างหนี้สิน...
ตราบเท่าที่ยังเป็นเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอย...
“เธอชอบมันใช่มั้ยล่ะ” มัลฟอยยิ้ม “มันจะเป็นโซ่ล่ามเธอไว้ ไม่ให้เธอหนีจากฉันไป...”
มัลฟอยจูบหัวไหล่ที่สั่นระริกของเฮอร์ไมโอนี่
เธอแทบจะไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ...
บริษัทของพ่อและแม่ที่เธอตั้งใจจะปกป้องมันไว้ให้ได้ เวลานี้เธอทำได้แล้ว...
แต่เธอต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปชั่วชีวิต
ดวงตาสีน้ำตาลมองชายหนุ่มอย่างตกใจ เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความชั่วร้ายของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณเขาหรือควรจะเกลียดเขามากขึ้นดี
แล้วเธอมีทางเลือกมั้ย... คำตอบคือไม่
“อย่าร้องไห้สิ” มัลฟอยทำเสียงดุเบาๆขณะใช้นิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่เริ่มเออคลอของเฮอร์ไมโอนี่
“ถ้าเธอไม่ทำท่าจะหนีฉันไปตลอดเวลา...” มัลฟอยว่าก่อนจะจูบริมฝีปากที่เม้มแน่นเบาๆ
“ฉันก็ไม่ต้องผูกเธอไว้กับฉันแบบนี้หรอก”
แฮร์รี่ไม่ได้ไปทำงานอย่างที่เขาได้บอกกับ ‘ภรรยา’ เอาไว้ ตอนนี้เขายืนอยู่ในโถงของคฤหาสน์มัลฟอย
สถานที่ที่หากไม่ใช่ที่อยู่ของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้ เขาสาบานว่าจะระเบิดมันให้เป็นจุล
แฮร์รี่กวาดตามองไปทั่วโถงที่ตกแต่งอย่างหรูหราและโอ่อ่า
แต่มันเงียบเชียบและเงียบสงบเสียจนน่าจะเป็นถ้ำมากกว่าบ้าน
ใครจะรู้ว่าท่ามกลางความสงบนี้อาจจะมีบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้
“มาหาใครคะ” แม่บ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหุ่นยนต์มากกว่ามนุษย์เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
แฮร์รี่สะดุ้งนิดหนึ่งขณะมองแม่บ้านผู้เหมือนเครื่องกลคนนั้น
“เอ่อ... ผมมาหาเกรน... เอ้อ! มาหามิสซิสมัลฟอยครับ”
สรรพนามหลังนั้นกว่าจะเค้นออกมาจากปากของเขาได้ต้องอาศัยความอดทนมากพอดู
“มิสเตอร์มัลฟอยสั่งห้ามใครรบกวนในเช้านี้ค่ะ” น้ำเสียงเรียบเย็นนั้นกลับทำให้แฮร์รี่ลุกเป็นไฟ
สามีภรรยาในเช้าวันหลังแต่งงานจะทำอะไรกันได้...
แค่คิดแฮร์รี่ก็รู้สึกอยากลากมัลฟอยออกมาแล้วสาปเขาให้กลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
“บอกมิสซิสมัลฟอยว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์มาหา” แฮร์รี่ขบกรามแน่นย่างเคียดแค้น
“ไม่ได้ค่ะ มิสเตอร์มัลฟอยสั่งว่าห้ามให้ใครขึ้นไปรบกวน” แม่บ้านจักรกลผู้นั้นพูดอย่างเงียบเฉย
“งั้นเลือกเอาว่าระหว่างคุณจะขึ้นไปบอกนายของคุณดีๆหรือว่าจะให้ผมขึ้นไปเชิญนายของคุณลงมาจากห้องด้วยตัวเอง”
“โอ้โห! นี่ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามือปราบมารของกระทรวงเวทมนตร์จะมีอำนาจมากขนาดนี้”
น้ำเสียงเย้ยหยันที่แกล้งทำเป็นประหลาดใจดังขึ้นขณะที่ผู้พูดพาตัวเองลงมาจากบันไดโค้งอย่างสง่างาม
แฮร์รี่จับจ้องผู้ที่กำลังเดินลงมาจากบันไดนิ่ง ดวงตาสีเขียวเหมือนกับจะร่ายคาถาออกมาได้
เมื่อแฮร์รี่หันกลับไปมองแม่บ้านผู้นั้น ตำแหน่งที่เธอเคยยืนอยู่กลับเหลือแต่ความว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์เช้าหลังแต่งงานนะคุณพอตเตอร์” มัลฟอยพูดขณะที่เขาก้าวลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย
สายตาของเขาส่อแววเจ้าเล่ห์ชัดเจน มือของเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีดำ
สภาพของเขาไม่เรียบร้อยนักเมื่อสวมเพียงเสื้อเชิ้ตบางสีขาวที่ะปลดกระดุมเกือบหมด
“เช่นกันมัลฟอย” แฮร์รี่คำราม
“มีธุระอะไรไม่ทราบ ถึงได้มารบกวนคู่แค่งงานในเช้าวันหลัง...เข้าห้องหอ”
น้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำคุดท้ายชัดเจน แฮร์รี่แทบจะตรงเข้าไปเค้นคอคนที่ยืนส่งสายตาเจ้าเล่ห์นั่น
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเฮอร์ไมโอนี่”
“เอ... นั่นใช่ชื่อของภรรยาฉันรึเปล่าเนี่ย” เห็นได้ชัดว่ามัลฟอยกำลังแกล้งยั่วเย้าแฮร์รี่
แท้จริงแล้วเขากำลังประกาศชัยชนะของเขาต่างหาก เฮอร์ไมโอนี่เป็นของเขา... ของเขาโดยสมบูรณ์แบบ
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธอ” แฮร์รี่เน้นย้ำอีกครั้ง และคราวนี้เขาพยายามจะเดินผ่านมัลฟอยไป
แต่กลับถูกเจ้าจอมเจ้าเล่ห์นั่นขวางเอาไว้ และตอนนี้แฮร์รี่กำลังถูกจ้องมองด้วยแววตาเคร่งเครียด
“เผอิญฉันไม่อนุญาตว่ะ” มัลฟอยพูดเสียงเครียด
..........................................................................
ชายหนุ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นตามอารมณืที่พลุ่งพล่านของเขา
“อา...อา...มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ครางไม่ได้สติ
เธอโอบแขนบางรอบคอของชายหนุ่มและซุกหน้าลงกับบ่ากว้างนั้น
ผิวหนังร้อนผ่าวของเขาเปียกชื้นยิ่งทำให้เขาดูสมเป็นชาย เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเจ็บใจ
“อา...เฮอร์ไมโอนี่ แฮ่กๆ เรียกฉันว่า...เดรโก...สิ” มัลฟอยหอบอย่างเร่าร้อน
เขาต้องการให้เธออ้อนวอนเรียกชื่อเขาเพื่อให้เขาทำสิ่งนั้นให้เธอ
แต่คนที่ซุกหน้าอยู่กับบ่าของเขาก็ยังไม่ยอมพูด มีแต่เสียงครางของเอเท่านั้นที่เขาได้ยิน
“ไม่...ฉัน...อา...พูดไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธเสียงสั่น มัลฟอยสบถอย่างกราดกริ้วในลำคอ
เขาดันร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับขอบสระ เขาเป็นฝ่ายโน้มกายหาเธอ
และขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังงงงันกับสิ่งที่เขาทำ มัลฟอยก็โถมร่างกระแทกใส่เธออย่างไม่หยุดยั้ง
“อ๊า อ๊า...มะ...มัลฟอย...อา” เฮอร์ไมโอนี่ครางไม่เป็นภาษา เสียงหวานของเธอก้องไปทั่ว
ผสมกับเสียงน้ำที่แตกกระจายกับเสียงครางดังลั่นของชายหนุ่ม
“เรียกฉันว่า...เดรโกสิ” มัลฟอยกัดฟันแน่นระหว่างที่พูด เขาจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลหยาดเยิ้ม
เธอจ้องมองเขาตอบแต่ยังคงมีแต่เสียงครวญครางเท่านั้นที่เล็ดลอดออกมา
“ไม่เรียกใช่มั้ย” มัลฟอยฟูดอย่างหงุดหงิด เขาถอนกายออกจากร่างของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่ทำเสียงไม่พอใจที่เขาขัดอารมณ์ปรารถนาของเธอ
มัลฟอยยิ้มแหบแห้ง เขาถอนกายออกมาจนสุด ก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปอย่างแรงและไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
“เดรโก!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนจนเกือบจะเป็นเสียงหวีดร้อง
เธอเกาะไหล่เขาแน่นเมื่อเขายังคงทำเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า มัลฟอยรู้สึกว่าความพอใจของเขาล้นปี่
เขาจึงตอบแทนเธอด้วยการถาโถมใส่เธออย่างรุนแรง
“เดรโก...อ๊า...อ๊ะ! เดรโก...เดรโก!” เฮอร์ไมโอนี่พร่ำเรียกชื่อเขาไม่หยุด
มัลฟอยรู้สึกสั่นไหวกับความแปลกใหม่นี้ เขาก้มลงที่ริมหูของเธอ
ขบเม้มติ่งหูนั้นนิดหนึ่งก่อนจะกระซิบเรียกชื่อเธอบ้าง
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นของฉัน...เธอต้องลืมพอตเตอร์!” เสียงของเขาสั่นพอๆกับเสียงครางของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่เกาะเกี่ยวมัลฟอยแน่นขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังจะมาถึง
“ดะ...เดรโก ฉันจะ...อ๊า” เฮอร์ไมโอนี่ร้องลั่นและหลับตาแน่น มัลฟอยเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ
ดังนั้นเขาจึงรั้งสะโพกของเธอเข้ามา
และโถมกายรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อจะตักตวงความสุขไวให้ได้มากที่สุด
“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยร้องลั่นและแหงนหน้าขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องสนั่นและเกาะเกี่ยวมัลฟอยแนบแน่น มัลฟอยปลดปล่อยความปรารถนาใส่กายเธอ
เขาซึมซาบความสุขนั้นเข้าไปทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกาย
ชายหนุ่มก้มลงมองร่างอ่อนปวกเปียกของภรรยา ใบหน้าสวยน่ารักบิดเบี้ยว
คิ้วบางขมวดแน่นอย่างเคร่งเครียดและเหนื่อยล้า
เธอสลบไปแล้ว...
มัลฟอยเอนศีรษะของเธอให้มือใหญ่โตของเขารองรับ เขาก้มลงจูบริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างสั่นไหว
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา... เขาจึงพูดกับคนที่สลบไสลอยู่ในอ้อมแขน
“เธอเป็นของฉัน...เธอเป็นของฉันเท่านั้นเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอย่างโหยหา
ก่อนจะกอดร่างไร้สติของเธออย่างหวงแหน....
................................................................
chapter 15 : โซ่พันธนาการ
นิ้วแข็งแกร่งสางผมสีเพลิงเล่น ในขณะที่เจ้าของผมนอนซบอกเปลือยของเขาอยู่
ในความมืดสลัวนั้นแฮร์รี่มองไม่เห็นอะไรเลย...เหมือนกับหนทางข้างหน้าของเขา
ซึ่งเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจเต็มร้อยว่าหญิงสาวที่นอนหนุนอกเขาอยู่หลังจากภารกิจในคืนแต่งงานคนนี้คือผู้หญิงที่เขาต้องการมากที่สุดในชีวิต และปรารถนาเหลือเกินที่จะได้เธอเป็นภรรยา
แล้วตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของเขาสมบูรณ์แบบแล้วด้วย
แล้วทำไมตอนนี้เขาเกิดรู้สึกผิดพลาดอย่างมหันต์!
มันผิดพลาดตั้งแต่เมื่อบ่ายวันนี้ ซึ่งเขาได้เห็นภาพบาดใจอย่างแสนสาหัส
ภาพองเฮอร์ไมโอนี่แสนสวยได้ตกเป็นภรรยาของผู้ชายคนอื่นไปแล้ว... ‘ภรรยา’ ของ ‘ผู้ชายอื่น’ พระเจ้า!
เขาอยากตะโกนร้องอย่างคนบ้าแล้ววิ่งเข้าไปปลิดชีวิตมัลฟอยซะ
สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นใดๆในอดีต แต่เป็นเพราะเขา ‘ได้’ เฮอร์ไมโอนี่ไป
และเขา ‘ไม่ได้’ เขาจึงอยากจะตรงเข้าไปฆ่าไอ้บ้านั่นนัก
ทำไมเขาต้องรู้สึกหึงหวงเฮอร์ไมโอนี่ด้วย...ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
เธออยู่กับเขามาตั้งเจ็ดปี และเขาไม่เคยสนใจในตัวเธอเลย
แต่วันนี้เขากลับรู้สึกโหยหาเธอเหมือนเธอเป็นสิ่งเขาขาดไม่ได้ในชีวิต
ร้ายกว่านั้น...เขารู้สึกว่าเขาไม่อยากได้จินนี่เป็นภรรยา
แต่เขาอยากได้เฮอร์ไมโอนี่ต่างหาก
แม้แต่ในคืนแต่งงาน...เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องหอ
เมื่อเขาเริ่มจูบจินนี่...เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นเลือดร้อนเหมือนครั้งก่อนๆ
จูบครั้งนี้ช่างชืดชาและไร้ความรู้สึก
แต่เมื่อเขาหลับตาลง...คิดว่าริมฝีปากจืดชืดที่เขาลิ้มรสอยู่นี่คือริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่
ริมฝีปากที่เขาลิ้มลองอยู่กับนุ่มและหวานขึ้นอย่างน่าใจหาย
ความคิดที่ว่าเฮอร์ไมโอนี่คือคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา
...หลังจากนั้นเขาก็หลับตา และคิดว่าร่างที่เขากอดอยู่คือร่างนุ่มๆของเฮอร์ไมโอนี่
แฮร์รี่รู้สึกคุ้มคลั่งเหลือเกินในตอนนี้
ชายหนุ่มดีใจที่จินนี่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าที่เหมือนจะฆ่าคนได้ของเขา
เพราะตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่เปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอย
เมื่อคิดว่าเจ้าสารเลวนั่นจะได้เธอ แฮร์รี่อยากตรงไปที่คฤหาสน์มัลฟอยแล้วกระชากไอ้หมอนั่นลงมาจากเตียง
จากนั้นก็สังหารมันอย่างไม่ใยดี
แฮร์รี่ค่อยๆขยับออกจาจินนี่ ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงและเดินอย่างงุ่นง่านไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม
จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งให้จินนี่นอนอย่างเปล่าเปลี่ยวอยู่บนเตียง
เขาตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า
และหยิบเสื้อเชิ้ตของเขา...เสื้อที่เฮอร์ไมโอนี่สวมในวันที่เธอวิ่งมาชนเขาและหมดสติไป
แฮร์รี่กอดเสื้อเชิ้ตตัวนั้นเอาไว้แน่นราวกับว่าเขาได้กอดร่างของคนที่เคยสวมมัน
ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกอยากได้ผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้ แล้วเขาเพิ่งมานึกบ้าอะไรได้ตอนนี้!
มันสายไปแล้ว ทั้งเขาและเธอต่างก็มีพันธะกันแล้ว เขาไม่มีวันได้เธอมาเป็นของเขา...
แค่คิดว่าเขาจะไม่มีวันได้เธอมา แฮร์รี่ก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน
“เฮอร์ไมโอนี่...” แฮร์รี่พึมพำ เขาซุกจมูกลงบนเสื้อ หวังให้กลิ่นของเธอยังติดเสื้อตัวนี้อยู่...
“มัลฟอย...พอเถอะ” เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกล่าวห้าม
มือบางดันไหล่กำยำของเขาออกเบาๆอย่างอ่อนแรง
ขณะที่เจ้าของไหล่กำยำเคลื่อนขยับกายอยู่บนร่างของเธออย่างรุนแรง
“ไม่! ยังไม่พอ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
เขาทำโทษเธอที่กล่าวให้เขาหยุดด้วยการขยับกายรุนแรงขึ้น
ส่งผลให้เสียงครางอย่างอ่อนระโหยของเธอดังขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
“อ๊ะ มัลฟอย...”
“ฉันบอกให้เรียกว่าเดรโกไงล่ะ” เขากระซิบที่ข้างหู แล้วลงโทษเธออีกอย่างรุนแรงขึ้นอีก
“ถะ...ถ้าฉันเรียก แล้วเธอจะหยุดได้รึยัง” เธอถามอย่างอ่อนแรง
ชายหนุ่มมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่องประกายริบหรี่ เธอดูเหนื่อยล้าเต็มที...
แต่เขายังไม่พอ
“ก็ได้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาขยับถาโถมใส่ร่างของเธอด้วยจังหวะที่ช้าลง “เรียกชื่อฉันสิ”
เขากระซิบอย่างโหยหา ก่อนจะก้มลงกัดริมฝีปากบางเหมือนเป็นการทวงสัญญา
“ดะ...เดรโก หยุดเถอะ” เธอร้องอย่างทุรนทุรายขณะที่ร่างของเธอเหมือนจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ
เขารีบขยับกายเร็วขึ้น เพราะรู้ว่าหลังจากเสร็จสิ้นครั้งนี้แล้วคงจะต้องหยุดพัก
ชายหนุ่มจึงรีบตักตวงเอาความสุขไว้ให้ได้มากที่สุด
จนในที่สุด...ร่างของทั้งสองก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อา...” เขาคำรามอย่างแสนสุข ใบหน้าของเขาเหยเกขณะที่รับเอาความหฤหรรษ์รอบสุดท้าย
เมื่อความรู้สึกนั้นค่อยๆมลายหายไป ชายหนุ่มจึงก้มลงมองคนที่อยู่ใต้ร่างของเขา
มัลฟอยจูบที่หน้าผากเปียกเหงื่อของเฮอร์ไมโอนี่ จากนั้นเขาจึงจูบที่เปลือกตาปิดสนิทของเธอ
จูบที่หว่างคิ้วที่ขมวดนิ่ว จูบที่ติ่งหูอ่อนนุ่ม จูบที่แก้มโชกเหงื่อ
และจูบอย่างดูดดื่มที่ริมฝีปากบวมช้ำ
มัลฟอยไม่อยากหยุดเลย...ตอนนี้เขาอยากจะทำอีก
แต่คงต้องคำนึงถึงร่างกายของคนซึ่งเป็นผู้ตอบสนองความต้องการของเขาด้วย
เธอสลบไปแล้วครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่อ่างน้ำ
เมื่อมัลฟอยอุ้มเธอมานอนลงบนเตียงและคอยอย่างกระวนกระวายให้เธอตื่นขึ้นมา และเมื่อเธอตื่นขึ้น
เขาจึงเริ่มภารกิจมาราธอนหลายชั่วโมงติดต่อกัน จนตอนนี้เธอสลบไปอีกแล้ว...
ก็ความรู้สึกที่ได้มีเซ็กส์กับภรรยา ‘ของ’ ตัวเองมันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เฮอร์ไมโอนี่ทำให้เขาเป็นสุขมากพออยู่แล้วตอนที่เธอไม่ได้เป็นของเขา
แต่เมื่อตอนนี้เธอได้เป็นของเขาจริงๆ มัลฟอยก็ไม่คิดจะมีใครอื่นที่ไหน
เพราะมั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมอบความสุขให้เขาได้มากเท่ากับภรรยาของเขาอีกแล้ว
“รีบตื่นเร็วๆ” มัลฟอยขู่อย่างหงุดหงิดก่อนก้มลงจูบเปลือกตาเธอแรงๆหมายจะให้เธอตื่น
ด้วยความเหนื่อยล้าจากภารกิจมาราธอนเช่นนั้นเธอยังไม่ฟื้น มัลฟอยถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
เขาใช้ช่วงเวลานี้สำรวจใบหน้าของภรรยา...
เธอสวยเหลือเกิน สวยจนอยากที่จะพรรณาพร่ำบอกได้
มัลฟอยไม่เคยดื่มด่ำกับความสวยของผู้หญิงคนไหนเท่านี้มาก่อน
อะไรเปลี่ยนยัยผมฟูบ้าเรียนให้กลายเป็นสาวสวยขนาดนี้ได้
แล้วตอนเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์เขามัวแต่ไปมองอะไรอยู่นะ ถ้ารู้ว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมาเธอจะสวยขนาดนี้
เขาจะไม่ใช่เวลาในช่วงวัยรุ่นนั้นสำมะเลทะเมาไปกับผู้หญิงคนไหนเลย
“ตื่นได้รึยัง...”
“อืม...” เฮอร์ไมโอนี่ครางตอบอู้อี้ เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้เธอยังนอนไม่สนิทดีนัก
แล้วยังมีนายบ้าพลังมานอนทับเธอแบบนี้อีก จะให้เธอนอนหลับสนิทได้ยังไง
“ตื่นรึยัง...” เขาถามอย่างขี้อ้อนก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากบางเพื่อเค้นเอาคำตอบ
“ฉันยังไม่ได้นอนเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามผลักเขาออก
แต่เขากลับดึงมือบางของเธอมาจูบตั้งหลายครั้งจนเธอรู้สึกจั๊กจี้
“ไม่ต้องนอนหรอก ฉันอยาก...”
“ไม่เอาแล้ว ฉันเหนื่อย” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างหงุดหงิดแล้วผลักร่างของเขาออก คราวนี้เธอทำสำเร็จ
เฮอร์ไมโอนี่จึงพลิกตัวหนีและตั้งใจจะหลับจริงๆเสียที
“เธออย่าใจร้ายกับเจ้าบ่าวใหม่นักสิ” มัลฟอยพูดด้วยเสียงงอนเหมือนเด็กๆ จะว่าเขาเป็นเด็กก็ช่าง
ถ้าความเป็นเด็กของเขาจะได้อีกซัก...รอบหนึ่ง
“ไปไกลๆเลยไป ฉันจะหลับแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรำคาญเต็มที
และยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าบ่าวใหม่ดึงร่างของเธอมากอดจากด้านหลัง
ก่อนจะก้มลงฟัดซอกคอของเธออย่างเมามัน หวังจะกระตุ้นอารมณ์ของเธออีกครั้ง
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตะคอกใส่เขาอย่างหงุดหงิดแล้วพยายามใช้มือบางดันใบหน้าของเขาออก
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว...” มัลฟอยพูดอย่างกระหาย ผิวนุ่มและกลิ่นกายของเธอทำให้อารมณ์พิศวาสของเขาครุโชน
เขาต้องการเธอเหลือเกิน...ต้องการจนทนไม่ไหวแล้ว
“ไม่เอา! ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ปล่อยฉันนะ!”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องคำรามเมื่อมัลฟอยพลิกกายขึ้นมาอยู่บนร่างของเธอ แล้วเริ่มบังคับจูบเธออย่างรุนแรง
มือของเขาบีบเค้นไปทุกส่วนของร่างกายเพื่อที่จะให้เธอมีอารมณ์ร่วม แต่...
“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยอุทานอย่างตกใจ มือที่ควานสะเปะสะปะไปทั่วต้องหยุดชะงัก
ริมฝีปากที่กำลังทำตามใจตัวเองต้องหยุดทำงาน
เมื่อเขาเห็นน้ำตาของภรรยา...มัลฟอยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้งั่ง
“เธอ...เธอร้องไห้ทำไมน่ะ” มัลฟอยถามอย่างกระอักกระอ่วน โธ่!
ทำไมเขาต้องรู้สึกตกใจกับน้ำตาของเธอด้วยเล่า
ทั้งที่เขาเคยมีเซ็กส์จนทำให้เธอร้องไห้มาตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว
“ฉันบอกว่าฉันเหนื่อยไงล่ะ! ไม่เข้าใจรึไง ทำไมเธอถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้นะ
ฉันเกลียดเธอที่สุด! ทำไมเธอถึงไม่ฟังฉันบ้าง!”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างโมโหก่อนจะระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดด้วยการปล่อยโฮออกมา
มัลฟอยรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนเงอะงะขึ้นมาทันที จะให้เขาทำยังไงล่ะ โธ่!
เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอเลย ถึงอยากจะเห็นก็อยากจะเห็นเฉพาะเวลาแบบนั้นมากกว่า
“เธอหยุดร้องเถอะ...ฉันไม่ทำแล้วก็ได้” มัลฟอยกล่าวอย่างปลอบประโลมแล้วจูบซับน้ำตาให้หญิงสาว
เขาพลิกกายลงนอนข้างๆเธอ ก่อนจะดึงร่างที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นเข้ามากอด
“อย่าร้องนะ...ฉันไม่ทำแล้ว” มัลฟอยจูบปอยผมของเธออย่างปลอบใจ
...แต่ถึงทำอย่างนั้นเธอก็ยังไม่หยุดร้องไห้เสียที เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรเธอจะหยุดร้องไห้
แต่ที่รู้ตอนนี้ก็คือ...
เขาจะตายอยู่แล้ว!!!
“แฮร์รี่ ที่รัก...เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ” จินนี่เขย่าร่างของสามีอย่างร้อนรน
เธอตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า และเมื่อเธอลองเดินค้นหาดู
เธอก็พบร่างของสามีนั่งคุดคู้อยู่ข้างตู้เสื้อผ้า กอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองเอาไว้จนยับย่น
แฮร์รี่ค่อยๆลืมตาขึ้นมองภรรยาหมาดๆของเขา แค่ได้เห็นหน้าเธอหัวใจของเขาก็เต้นช้าลงไปอีกมาก
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะขยี้ตาเพื่อไล่ทั้งความง่วงและความรู้สึกผิดหวังออกไป
“ทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” จินนี่มองสามีของเธอค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างง่วงงุน
แฮร์รี่ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้แล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่...มาดูว่ามีชุดสำหรับใส่ทำงานรึเปล่า แล้วก็นั่งคิดอะไรเพลินก็เลยหลับไป”
เขาโกหกโดยภาวนาขออย่าให้จินนี่เก่งเรื่องคาถาสะกดใจ
แต่ภรรยาของเขากลับยิ้มให้แล้วโอบแขนรอบคอของเขาอย่างอารมณ์ดี
“คิดเรื่องของฉันด้วยรึเปล่าคะ” เธอถามอย่างฉอเลาะ แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วพยักหน้า
‘คิดสิ...ฉันคิดเรื่องเธอเยอะมากเลยล่ะ แต่คิดในด้านที่...’ เขาอยากจะตอบออกไป
แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้เธอเท่านั้น
“เช้านี้เธอตะไปทำงานรึเปล่า” จินนี่ถามเสียงหวาน
“ไปสิ” แฮร์รี่ตอบเบาๆ
ดวงตาสีฟ้าปรายไปที่เสื้อเชิ้ตในมือของชายหนุ่ม “เธออยากให้ฉันรีดเสื้อตัวนั้นให้รึเปล่า”
แฮร์รี่ผละออกจากจินนี่ราวกับเธอเป็นของร้อน เขาก้าวถอยหลังไปยังตู้เสื้อผ้า
กระชากประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออกแล้วดึงไม้แขวนเสื้อออกมา แฮร์รี่เก็บเสื้อเชิ้ตตัวนั้นอย่างทะนุถนอม
เขาก้าวกลับมาหาจินนี่แล้วก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอก” เขากล่าวและผละจากไป ทิ้งให้ภรรยาของเขามองตามเขาไปด้วยแววตาครุ่นคิดสงสัย
…แสงของยามอรุณรุ่งปลุกให้หญิงสาวตื่นจากการหลับใหล
เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากตื่นเลย...เพราะในเช้านี้ดูเหมือนเอจะเหนื่อยล้าไปเสียหมด ทั้งกาย...และใจ
เช้าวันแรกของการเป็นมิสซิสมัลฟอย มันช่างเป็นเช้าที่หดหู่ยิ่ง
เฮอร์ไมโอนี่อยากเรียกนามสกุลของตนเองกลับมาเหลือเกิน แต่มันเป็นเหมือนความฝันเท่านั้น
ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
‘จนกว่าจะตายจากกัน’ ใช่...จนกว่าจะตายเท่านั้น และหากเธอตายจริงๆ
เธอจะไม่ลืมให้หลวงพ่อจารึกป้ายหน้าหลุมศพของเธอว่า ‘เฮอร์ไมโอนี่ เจน เกรนเจอร์’ และเน้นคำว่า
‘เกรนเจอร์’ ให้ตัวโตๆไปเลย
เสียงฝีเท้าอาดย่ำเดินมาทางเตียง เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
เธอยกแขนข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก และเหล่มองคนที่เดินเข้ามาจากใต้แขน
“อรุณสวัสดิ์ ที่รัก” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดีและนั่งลงที่ปลายเตียง
เช้านี้ดูเขาจะสดชื่นผิดกับเธอเหลือเกิน หยดน้ำใสส่องประกายแวววาวอยู่ตามปลายผมยุ่งๆสีบลอนด์ของเขา หยดน้ำเล็กๆกระจัดกระจายตั้งแต่หน้าผากไล่ลงไปถึงพื้นที่ใต้เสื้อคลุม รอยยิ้มส่องประกายสดใส ดูเขาช่างสดชื่นผิดกับเธอเหลือเกิน
“ช่วยเรียกชื่อของฉันได้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างไม่ชอบใจที่เขาเรียกเธอว่าที่รัก
มันเหมือนกับเป็นการตอกย้ำบางสิ่งที่เธอเกลียด
“ไม่มีสามีภรรยาคู่ไหนเรียกชื่อกันหรอก เธอก็ควรจะหัดเอาไว้บ้างนะ...ที่รัก”
เขาโน้มกายลงมาและจูบที่ท่อนแขนของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะบัดแขนหนีอย่างรังเกียจและตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมกายไปถึงคางมน
“อย่าทำยุ่มย่ามนะมัล...”
“เดรโก”
“มัลฟอย...”
“เดรโก” เขาก้มลงจูบริมฝีปากเธอเบาๆ เฮอร์ไมโอนี่ทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ
แต่เมื่อเขาทำท่าจะไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ เธอจึงยอมแพ้อย่างจำนน
“ก็ได้ เดรโก อย่ามาทำยุ่มย่ามนะ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างอึดอัดและเบี่ยงหน้าหนีจูบซุกซนของเขา
มัลฟอยชะงักใบหน้าไว้แล้วผุดยิ้มบางๆ จากนั้นเขาจึงถอยออกมา
“ฉันมีของขวัญแต่งงานจะให้เธอด้วย” เขากล่าวเรียบๆ แต่สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจจนเฮอร์ไมโอนี่นึกหมั่นไส้
“เอาของพวกนั้นไปลงนรกซะ” เธอคำราม
“โอ้! ไม่หรอก เธอจะต้องไม่อยากให้มันไปลงนรกแน่ๆ” มัลฟอยทำท่ายกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ
ก่อนที่เขาจะยื่นซองสีน้ำตาลให้เธอ
“อะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างห้วนๆและระแวง มัลฟอยยิ้มกริ่ม
เขาดึงมือของเธอออกมาและวางซองสีน้ำตาลลงบนมือของเธอ
“เปิดดูสิ ฉันคิดว่ามันเป็นของที่เธออยากได้มากที่สุดรองลงมาจากตัวฉัน”
เขาแกล้งพูดเหมือนกับว่าเธอต้องการเขาตลอดเวลา
เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาที่บอกว่าเขาช่างเป็นคนหลงตัวเองให้ เธอมองซองสีน้ำตาลในมือ
ก่อนจะแกะมันอย่างเสียมิได้
เอกสารหลายแผ่นอยู่ในซองนั้น เฮอร์ไมโอนี่หยิบมันขึ้นมาอ่าน...
“มันเป็นของที่เธอค้องการใช่มั้ย”
มัลฟอยชะโงกมากระซิบข้างหูของเฮอร์ไมโอนี่ที่ตอนนี้นิ่งอึ้งและตกตะลึง...
เอกสารฉบับนั้น บ่งบอกว่าธนาคารของมัลฟอยได้โอนกรรมสิทธิ์บริษัทผลิตยาเกรนเจอร์
ให้เป็นของเฮอร์ไมโอนี่ เจน มัลฟอย เรียบร้อยโดยไม่ติดค้างหนี้สิน...
ตราบเท่าที่ยังเป็นเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอย...
“เธอชอบมันใช่มั้ยล่ะ” มัลฟอยยิ้ม “มันจะเป็นโซ่ล่ามเธอไว้ ไม่ให้เธอหนีจากฉันไป...”
มัลฟอยจูบหัวไหล่ที่สั่นระริกของเฮอร์ไมโอนี่
เธอแทบจะไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ...
บริษัทของพ่อและแม่ที่เธอตั้งใจจะปกป้องมันไว้ให้ได้ เวลานี้เธอทำได้แล้ว...
แต่เธอต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ไปชั่วชีวิต
ดวงตาสีน้ำตาลมองชายหนุ่มอย่างตกใจ เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความชั่วร้ายของเขา
เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณเขาหรือควรจะเกลียดเขามากขึ้นดี
แล้วเธอมีทางเลือกมั้ย... คำตอบคือไม่
“อย่าร้องไห้สิ” มัลฟอยทำเสียงดุเบาๆขณะใช้นิ้วเช็ดหยาดน้ำตาที่เริ่มเออคลอของเฮอร์ไมโอนี่
“ถ้าเธอไม่ทำท่าจะหนีฉันไปตลอดเวลา...” มัลฟอยว่าก่อนจะจูบริมฝีปากที่เม้มแน่นเบาๆ
“ฉันก็ไม่ต้องผูกเธอไว้กับฉันแบบนี้หรอก”
แฮร์รี่ไม่ได้ไปทำงานอย่างที่เขาได้บอกกับ ‘ภรรยา’ เอาไว้ ตอนนี้เขายืนอยู่ในโถงของคฤหาสน์มัลฟอย
สถานที่ที่หากไม่ใช่ที่อยู่ของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้ เขาสาบานว่าจะระเบิดมันให้เป็นจุล
แฮร์รี่กวาดตามองไปทั่วโถงที่ตกแต่งอย่างหรูหราและโอ่อ่า
แต่มันเงียบเชียบและเงียบสงบเสียจนน่าจะเป็นถ้ำมากกว่าบ้าน
ใครจะรู้ว่าท่ามกลางความสงบนี้อาจจะมีบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้
“มาหาใครคะ” แม่บ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหุ่นยนต์มากกว่ามนุษย์เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
แฮร์รี่สะดุ้งนิดหนึ่งขณะมองแม่บ้านผู้เหมือนเครื่องกลคนนั้น
“เอ่อ... ผมมาหาเกรน... เอ้อ! มาหามิสซิสมัลฟอยครับ”
สรรพนามหลังนั้นกว่าจะเค้นออกมาจากปากของเขาได้ต้องอาศัยความอดทนมากพอดู
“มิสเตอร์มัลฟอยสั่งห้ามใครรบกวนในเช้านี้ค่ะ” น้ำเสียงเรียบเย็นนั้นกลับทำให้แฮร์รี่ลุกเป็นไฟ
สามีภรรยาในเช้าวันหลังแต่งงานจะทำอะไรกันได้...
แค่คิดแฮร์รี่ก็รู้สึกอยากลากมัลฟอยออกมาแล้วสาปเขาให้กลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
“บอกมิสซิสมัลฟอยว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์มาหา” แฮร์รี่ขบกรามแน่นย่างเคียดแค้น
“ไม่ได้ค่ะ มิสเตอร์มัลฟอยสั่งว่าห้ามให้ใครขึ้นไปรบกวน” แม่บ้านจักรกลผู้นั้นพูดอย่างเงียบเฉย
“งั้นเลือกเอาว่าระหว่างคุณจะขึ้นไปบอกนายของคุณดีๆหรือว่าจะให้ผมขึ้นไปเชิญนายของคุณลงมาจากห้องด้วยตัวเอง”
“โอ้โห! นี่ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามือปราบมารของกระทรวงเวทมนตร์จะมีอำนาจมากขนาดนี้”
น้ำเสียงเย้ยหยันที่แกล้งทำเป็นประหลาดใจดังขึ้นขณะที่ผู้พูดพาตัวเองลงมาจากบันไดโค้งอย่างสง่างาม
แฮร์รี่จับจ้องผู้ที่กำลังเดินลงมาจากบันไดนิ่ง ดวงตาสีเขียวเหมือนกับจะร่ายคาถาออกมาได้
เมื่อแฮร์รี่หันกลับไปมองแม่บ้านผู้นั้น ตำแหน่งที่เธอเคยยืนอยู่กลับเหลือแต่ความว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์เช้าหลังแต่งงานนะคุณพอตเตอร์” มัลฟอยพูดขณะที่เขาก้าวลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย
สายตาของเขาส่อแววเจ้าเล่ห์ชัดเจน มือของเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีดำ
สภาพของเขาไม่เรียบร้อยนักเมื่อสวมเพียงเสื้อเชิ้ตบางสีขาวที่ะปลดกระดุมเกือบหมด
“เช่นกันมัลฟอย” แฮร์รี่คำราม
“มีธุระอะไรไม่ทราบ ถึงได้มารบกวนคู่แค่งงานในเช้าวันหลัง...เข้าห้องหอ”
น้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำคุดท้ายชัดเจน แฮร์รี่แทบจะตรงเข้าไปเค้นคอคนที่ยืนส่งสายตาเจ้าเล่ห์นั่น
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเฮอร์ไมโอนี่”
“เอ... นั่นใช่ชื่อของภรรยาฉันรึเปล่าเนี่ย” เห็นได้ชัดว่ามัลฟอยกำลังแกล้งยั่วเย้าแฮร์รี่
แท้จริงแล้วเขากำลังประกาศชัยชนะของเขาต่างหาก เฮอร์ไมโอนี่เป็นของเขา... ของเขาโดยสมบูรณ์แบบ
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธอ” แฮร์รี่เน้นย้ำอีกครั้ง และคราวนี้เขาพยายามจะเดินผ่านมัลฟอยไป
แต่กลับถูกเจ้าจอมเจ้าเล่ห์นั่นขวางเอาไว้ และตอนนี้แฮร์รี่กำลังถูกจ้องมองด้วยแววตาเคร่งเครียด
“เผอิญฉันไม่อนุญาตว่ะ” มัลฟอยพูดเสียงเครียด
..........................................................................
chapter
16 : ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
...คฤหาสน์หลังนี้หนาวอย่างกับถ้ำ แต่รอบกายของแฮร์รี่กลับร้อนระอุด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมของคนตรงหน้า
ชายหนุ่มทั้งสองจ้องตากันราวกับว่าหากใครถอนสายตาออกก่อนจะเป็นผู้แพ้... และแฮร์รี่ก็ไม่ต้องการแพ้
โดยเฉพาะแพ้มัลฟอย!
“แกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันพบเฮอร์ไมโอนี่” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดกล่าวถามอย่างท้าทาย
มัลฟอยขบกรามแน่น เขาอยากจะฆ่าไอ้บ้าที่อยู่ตรงหน้าเขานัก
“ก็มีสิทธิ์ในความเป็น...”
“แฮร์รี่!” ก่อนที่จะมีใครสักคนสิ้นใจตายด้วยฝีมือของอีกคนอยู่ตรงนั้น
เสียงใสที่ราวกับเสียงระฆังสันติภาพดังขึ้นจากชั้นบน
ชายหนุ่มทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่สามพร้อมกัน แต่คนหนึ่งมีสีหน้าเบิกบาน
และสีหน้าของอีกคนเหมือนอยากจะฆ่าคนใจจะขาด
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่พึมพำเบาๆอย่างปลื้มปีติ มัลฟอยมองทั้งสองอย่างเกรี้ยวกราด เชอะ!
ทำยังกับเป็นโรมิโอ แอนด์ จูเลียตไปได้
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งลงบันไดมาอย่างรีบร้อน
มัลฟอยเพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อนุ่มเท่านั้น! ให้ตายสิวะ!
ยัยนี่ไม่เคยระวังตัวเลยรึไง
“แฮร์รี่!” รอยยิ้มเกลื่อนอยู่บนใบหน้าซีดเซียวของเฮอร์ไมโอนี่
แต่ขณะที่เธอกำลังจะวิ่งผ่านมัลฟอยไปหาคนที่เธอถวิลหา
ท่อนแขนกำยำก็กางออกและตะครุบเอวบางจนน่ากลัวของหญิงสาว ดึงตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“มัลฟอย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
เฮอร์ไมโอนี่ขู่ฟ่อขณะดิ้นรนขัดขืนอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแรงราวโซ่พันธนาการของเขา
“เดรโก!” เขาก้มหน้าลงใกล้ๆเธอและกระซิบอย่างดุเดือด พร้อมกับลงโทษคนขี้ลืมด้วยการกอดรัดเธอแน่นขึ้น
ภาพทั้งหมดไม่ได้เล็ดลอดจากสายตาของแฮร์รี่เลย เขาเผลอกำหมัดแน่นและปรารถนาให้มันกระแทกหน้าใครสักคน
เฮอร์ไมโอนี่ที่ดูอ่อนแอพยายามขัดขืนดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของคนร้าย...
ภาพนั้นทำให้เขาอยากจะระเบิดโลกออกให้เป็นจุล
“มัลฟอย แกปล่อยเฮอร์ไมโอนี่เดี๋ยวนี้นะ!” แฮร์รี่คำรามลั่น
แม้สีหน้าจะดุดันแต่เขาก็ยังมีสายตาห่วงใยอาทรให้กับเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเขาอย่างวิงวอน
“แกอย่ามาบังอาจออกคำสั่งในบ้านของฉันนะ ถ้าฉันไม่พอใจฉันก็จะเหวี่ยงแกออกจากบ้านทันที!”
มัลฟอยส่งสายตาดุดันให้แฮร์รี่ และก้มลงส่งสายตาเดียวกันนั้นให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ยอมหยุดดิ้น
“แกจะได้โดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวน่ะสิ!” แฮร์รี่โต้
“ยัยนี่เป็นเมียฉัน!”
มัลฟอยยืนยันคำกล่าวนั้นด้วยการกอดเฮอร์ไมโอนี่แนบตัวจนเธอแทบจะลงไปอยู่ใต้ผิวหนังร้อนระอุของเขา
“ฉันต้องการจะคุยกับเฮอร์ไมโอนี่ และในเมื่อเธอต้องการพบฉันเช่นเดียวกัน แกไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง!”
“ใช่!” เฮอร์ไมโอนี่ออกเสียงสนับสนุน
“เงียบ!” มัลฟอยตะคอกใส่เธออย่างดุดัน
เขาสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะรวบร่างในอ้อมแขนขึ้นมาและเดินตรงไปที่บันได
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ร้องและก้าวเข้าไปเพื่อจะหยุดยั้งมัลฟอย
“ส่งแขก!” มัลฟอยแผดเสียงลั่น
และในทันใดนั้นคนรับใช้ชายที่มีท่าทางแข็งกระด้างก็กรูกันออกมาดักอยู่ตรงหน้าแฮร์รี่
ชายหนุ่มพยายามดันตัวเขาไปแต่กลับถูกคนรับใช้สองคนจับแขนกันไว้คนละข้าง
“แฮร์รี่! กลับไปก่อน เราจะได้คุยกันแน่ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างร้อนรนขณะมัลฟอยอุ้มเธอเดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นบนสุด
แฮร์รี่มองภาพมัลฟอยที่มีใบหน้าโกรธขึงอุ้มเฮอร์ไมโอนี่หายขึ้นไปบนชั้นสอง
ก่อนที่เขาจะคำรามลั่นอย่างโกรธแขน
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!” แฮร์รี่สบถเสียงลั่นสะท้อนไปโถงอันกว้างใหญ่นั้น
เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของคนรับใช้ชายสองคนนั้นและเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากคฤหาสน์มัลฟอย
สักวัน! สักวันหนึ่งเขาจะพาเฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากขุมนรกนี่! เขาสาบานว่าเขาจะต้องทำให้ได้
ต่อให้ต้องฆ่าใครที่มาขัดขวางก็ตาม และแฮร์รี่ภาวนาขอให้คนคนนั้นคือเดรโก มัลฟอย!
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ยังร้องไม่หยุดแม้ว่ามัลฟอยจะพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว
เขาวางเธอลงอย่างรวดเร็วและเดินไปปิดประตูด้วยอากัปกิริยาที่แทบจะทำให้ประตูหลุดออกมาทั้งบาน
ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอด้วยแววตาดุดัน เขาหยุดอยู่ห่างจากเธอประมาณห้าก้าว
“เธอทำแบบนั้นได้ยังไงน่ะ! แฮร์รี่เป็นเพื่อนของฉัน และเธอกีดกันไม่ให้เขากับฉันพบกัน
แถมเธอยังให้คนรับใช้บ้าๆของเธอทำแบบนั้นกับเขา!”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถข่มอารมณ์โกรธที่ครุโชนราวกับเปลวไฟในกายตัวเธอได้
เฮอร์ไมโอนี่สั่นไปทั้งตัวเพราะความโกรธเกรี้ยวนั้น เธออยากจะร้องกรี๊ดและกระโจนเข้าทำร้ายมัลฟอย
แต่เขาดูน่ากลัวกว่าเธอมากด้วยท่าทีเงียบๆนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่เห็นพายุอยู่ในดวงตาของเขา
ซึ่งมันน่ากลัวกว่าการที่เขาจะแสดงความโกรธออกมาตรงๆ
เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเห็นเปลวไฟแล่บเลียอยู่ในดวงตาของเขา
“แล้วไอ้ที่มันมาเหยียบจมูกฉันถึงในบ้านมันหมายความว่ายังไง!!!!”
เขาแผดเสียงดังก้องจนทำให้ขนที่คอของเฮอร์ไมโอนี่ลุกกชัน เธอขยับเท้าก้าวไปข้างหลังอย่างตกใจ
และเฝ้ามองมัจจุราชก้าวย่างสามขุมเข้ามาหาเธออย่างมีโทสะ
“เธอชอบนักใช่มั้ย! ชอบให้มันดูถูกฉัน เธอชอบให้มันเข้ามาหยามเกียรติฉันถึงในบ้านแบบนี้!
เธอชอบให้มันลักลอบเข้ามาหาเธอแบบนี้ใช่มั้ย!!!”
มัลฟอยตะครุบร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจนร่างของเธอชนกับแผ่นอกหนาแข็งแรงของเขา
เขาใช้มือข้างหนึ่งดันแผ่นหลังให้ร่างของเธอประชิดติดกับเขา
และมืออีกข้างหนึ่งเขาดึงผมที่ด้านหลังของเธอ
บังคับให้เธอแหงนหน้าตกตะลึงขึ้นมองดวงตาที่ครุโชติของเขา
“เธอชอบมันใช่มั้ย! เธอรักมันใช่มั้ย!” เขาคำรามใส่ใบหน้าซีดเผือดที่อยู่ตรงหน้า
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลแข็งกร้าว แต่ที่จริงแล้วเธอกำลังกลัว...
และเธอพยายามที่จะไม่ให้เขารู้
“มันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้ชื่นชมมันนัก! ทำไมทุกคนถึงรักมัน และแม้แต่เธอ...!”
ดวงตาของเขามีแววเจ็ยช้ำ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สังเกตเห็น
“เธอเองก็รักมัน” น้ำเสียงเย็นชนปรารภก่อนที่จะผลักคนที่กักไว้ออก
เฮอร์ไมโอนี่เซไปด้านหลังก่อนจะทรงตัวได้ด้วยการเกาะหน้าต่างบานใหญ่ที่เธอเซไปปะทะ
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างมองมัลฟอยผ่านม่านผมที่ลงมาปรกใบหน้า
“ฉันเป็นสามีของเธอนะ!” เขาคำรามขณะเยื้องกรายราวหมาป่าย่างเข้าหาเหยื่อ
“เธอไม่มีสิทธิ์รักผู้ชายคนอื่นทั้งนั้น!” เพียงก้าวเดียวเขาก็กระโจนถึงตัวเธอ
เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องลั่นเมื่อมัลฟอยกระชากไหล่ของเธอและก้มลงบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือด
เสียงร้องห้ามอื้ออึงอยู่ในลำคอ มือบางที่สั่นเทาขยุ้มเสื้อเชิ้ตเนื้อบางของมัลฟอยจนมันแทบจะขาดคามือ
“ฉันเป็นสามีของเธอ...” เขาพึมพำบนเนื้อปากนุ่มที่แดงช้ำ
เพียงพริบตาเดียวเขาก็กระชากเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ลงมากองอยู่ที่เอวคอด
ทรวงอกเต่งตึงงามตาเผยกระจ่างอยู่ตรงหน้า
“มัลฟอย!” เธอพยายามจะร้องห้ามเขา แต่เสียงเล็กๆ ตื่นตระหนกที่เรียกเขาว่า ‘มัลฟอย’
กลับยิ่งโหมอารมณ์โกรธของเขาให้ดรุยิ่งขึ้น
“และนั่นคือข้อผิดพลาด... เพราะสามีของเธอชื่อเดรโก!”
เขาก้มสีรษะลงและครอบครองทรวงอกอิ่มด้วยริมฝีปากที่ร้อนผ่าว เฮอร์ไมโอนี่ผวาเฮือก
ตกใจกับสัมผัสหนักหน่วงที่เขากระหน่ำใส่เธอด้วยปลายลิ้นของเขา
เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนมือไปจับที่ขอบหน้าต่างเพื่อพยุงกายไว้ไม่ให้ทรุดลงกับพื้นเพราะความเข่าอ่อน
ริมฝีปากบางถูกฟันขาวกัดจนซีดจัดเพื่อสะกดกลั้นเสียงร้องแห่งความรัญจวนที่ได้รับ
มัลฟอยใช้ลิ้นตวัดเลยไล้ยอดอกสีชมพู อีกมือหนึ่งของเขากอบกำทรวงอกเต็มมืออีกข้างไว้
...เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับความรุนแรงของมัลฟอย แม้ครั้งก่อนๆเขาก็ยังไม่รุนแรงดุเดือดเช่นนี้
มัลฟอยสัมผัสเนื้อตัวของเธอด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอเป็นของเขา...
เขาไม่ยอมให้คนอื่นแย่งเธอไป
มัลฟอยใช้ฟันขบกัดที่ต้นคอข่าว... ไล่ลงมาถึงทรวงอก
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเบาๆอย่างเจ็บปวด
ดวงตาที่ปริ่มน้ำตาของเธอมองผิวขาวของตัวเองทิ้งรอยฟันและรอยจูบสีแดงของเขา
แต่นี่คือสิ่งที่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น... เมื่อมัลฟอยใช้เข่าดันแยกขาของเฮอร์ไมโอนี่ออก
และแทรกตัวผ่านเข้าไปอย่างรุนแรงจนทำให้เฮอร์ไมโอนี่ผวา เรียวของของเธอตวัดรัดรอบเอวกำยำของเขา
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นขณะรองรับการกระแทกกระทั้นของมัลฟอย
“เธอเป็นของฉัน... คนเดียวเท่านั้น” เขาคำรามใส่หูเธอ เฮอร์ไมโอนี่นาบใบหน้าซีกหนึ่งกับกระจกหน้าต่าง
เล็บจิกลงไปในเนื้อมือของตัวเอง ดวงตาปิดสนิทแต่ยังมีน้ำตาเล็ดลอดออกมา
“นี่คือสิ่งที่จะเตือนให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉัน...”
มัลฟอยกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าก่อนจะรั้งสะโพกของเฮอร์ไมโอนี่และเร่งจังหวะยิ่งขึ้น
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ผวาเรียกชื่อเขาอีก
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไม่คุ้นกับสัมผัสรุนแรงดุเดือดเช่นนั้น
มัลฟอยมองภาพที่เฮอร์ไมโอนี่รองรับอารมณ์ของเขาอย่างสาแก่ใจ
ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากของเขานอกจากคำพูดแสดงความเป็นเจ้าของตัวเธอและเสียงครางเบาๆอย่างอึดอัดของเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น
ร่างทั้งสองชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ มัลฟอยตาพร่าขณะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นของเขา
จังหวะที่เร็วและแรงอยู่แล้วทวีมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาจวนเจียนจะปลดปล่อยเต็มที
เมื่อเริ่มเสียการควบคุมตัวเขาจึงซบหน้าลงกับซอกคอชุ่มเหงื่อของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อเพิ่มจังหวะในการสอดใส่
จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแทบจะทนกับความดุเดือดเร่าร้อนนั้นไม่ได้จึงขบฟันลงบนไหล่หนั่นแน่นของเขา
มัลฟอยรู้สึกถึงความเจ็บนิดๆจากฟันของเธอที่ขบลงบนเนื้อของเขา นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาเดือดพล่าน
จนในที่สุดเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาคำรามราวสัตว์ร้ายอยู่กับลำคอของเธอขณะปลดปล่อยสายธารแห่งความปรารถนาใส่ร่างของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นอยู่กับไหล่ของมัลฟอยเมื่อเธอก็ถึงจุดนั้นเช่นเดียวกัน
มีเสียงครางหอบถี่ๆกับเสียงสะอื้นของมัลฟอยเท่านั้นที่ทำลายความเงียบในห้องนั้น
มัลฟอยทำใจอยู่นานก่อนจะค่อยๆผละจากร่างปวกเปียกของเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเขาขยับออกจากเธอ
ร่างบางก็ลงไปทรุดอยู่บนพื้นทันที ดวงตาของเธอปิดสนิทขณะที่น้ำตาหลั่งริน
ลมหายใจหอบหระชั้นและมีเสียงสะอื้นตามออกมา ร่างของเธอสั่นระริก และรอยจ้ำสีแดงกระจายไปทั่วผิวนวล
มัลฟอยมองร่องรอยที่เขาจารึกไว้ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขากำหมัดแน่น...
ขบริมฝีปากล่างอย่างสุดกลั้นก่อนจะเดินปึงปึงออกจากห้องไป
ในห้องทำงานที่มืดครึ้ม ร่างสูงในสภาพสะบักสะบอมเดินเข้ามา
เขาตรงไปที่ตู้ติดผนังและหยิบขวดบรรจุน้ำสีอำพันเต็มขวดออกมา
ชายหนุ่มกระชากจุกออกและปามันลงไปกระแทกอยู่บนพื้น เขายกมันกรอกใส่ปากราวกับกระหายมานาน
ทำให้น้ำสีอำพันไหลลงมาตามแนวกรามแข็งแรง... ทอดลงสู่แผงอกกว้างกำยำและเปยีกแนบเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อบาง
เพียงรวดเดียวเขาก็จัดการน้ำสีอำพันนั้นหมดภายในการกระดกครั้งเดียว
เมื่อหยดสุดท้ายไหลลงคอเขาก็เขวี้ยงขวดแก้วข้ามห้อง มันกระแทกกับผนังและลงมาแตกละเอียดอยู่บนพื้น
ชายหนุ่มหยิบอีกขวดออกมาและทำเช่นเดียวกับขวดแรก
แต่คราวนี้เขาดื่มหมดไปเพียงครึ่งขวดก่อนจะเขวี้ยงมันออกไป และทิ้งให้มันอยู่ในสภาพเหมือนกับขวดแรก
“โว้ย!” เขาคำรามอย่างน่ากลัวก่อนจะทุบกำปั้นทั้งสองข้างลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี
ชายหนุ่มแหงนศีรษะไปทางด้านหลังและหลับตาแน่น
รับรู้ถึงไอร้อนที่กระจายอยู่ในตัวเพราะฤทธิ์ของน้ำสีอำพันที่ดื่มไปเมื่อครู่
...แต่มันก็ไม่ร้อนเท่ากับไฟที่สุมอยู่ในอกเขา
“ทำไม! ถ้าเธอไม่รักมัน! มันก็จะไม่เป็นแบบนี้!”
เขาตะโกนสุดเสียงแต่คงไม่ดังขนาดจะให้คนที่เขาคิดถึงได้ยิน ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบที่หว่างคิ้ว...
ภาพของเธอผู้แสนสง่าถูกเขาทำลายย่อยยับลงเมื่อครู่ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกรีดแทง
...แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม
ทำไมเขาจะต้องไม่พอใจที่เธอรักพอตเตอร์
ทำไมเขาต้องไม่พอใจที่เธอเกลียดเขา
เขาจะไม่มีวันลืม...
ภาพของเจ้าหญิงผู้แสนสง่างามที่ถูกเขาทำลายราวกับดอกไม้ถูกขยี้ใต้ฝ่าเท้าในวันนี้เลย
และเขาจะไม่มีวันลืม... ความรู้สึกที่เขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบประโลมร่างที่บอบช้ำนั้น
ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่า... ทำไม
..................................
�ว�t2���8���และซอกคอของเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้อนรน
ชายหนุ่มทั้งสองจ้องตากันราวกับว่าหากใครถอนสายตาออกก่อนจะเป็นผู้แพ้... และแฮร์รี่ก็ไม่ต้องการแพ้
โดยเฉพาะแพ้มัลฟอย!
“แกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันพบเฮอร์ไมโอนี่” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดกล่าวถามอย่างท้าทาย
มัลฟอยขบกรามแน่น เขาอยากจะฆ่าไอ้บ้าที่อยู่ตรงหน้าเขานัก
“ก็มีสิทธิ์ในความเป็น...”
“แฮร์รี่!” ก่อนที่จะมีใครสักคนสิ้นใจตายด้วยฝีมือของอีกคนอยู่ตรงนั้น
เสียงใสที่ราวกับเสียงระฆังสันติภาพดังขึ้นจากชั้นบน
ชายหนุ่มทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่สามพร้อมกัน แต่คนหนึ่งมีสีหน้าเบิกบาน
และสีหน้าของอีกคนเหมือนอยากจะฆ่าคนใจจะขาด
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่พึมพำเบาๆอย่างปลื้มปีติ มัลฟอยมองทั้งสองอย่างเกรี้ยวกราด เชอะ!
ทำยังกับเป็นโรมิโอ แอนด์ จูเลียตไปได้
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งลงบันไดมาอย่างรีบร้อน
มัลฟอยเพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเนื้อนุ่มเท่านั้น! ให้ตายสิวะ!
ยัยนี่ไม่เคยระวังตัวเลยรึไง
“แฮร์รี่!” รอยยิ้มเกลื่อนอยู่บนใบหน้าซีดเซียวของเฮอร์ไมโอนี่
แต่ขณะที่เธอกำลังจะวิ่งผ่านมัลฟอยไปหาคนที่เธอถวิลหา
ท่อนแขนกำยำก็กางออกและตะครุบเอวบางจนน่ากลัวของหญิงสาว ดึงตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“มัลฟอย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
เฮอร์ไมโอนี่ขู่ฟ่อขณะดิ้นรนขัดขืนอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแรงราวโซ่พันธนาการของเขา
“เดรโก!” เขาก้มหน้าลงใกล้ๆเธอและกระซิบอย่างดุเดือด พร้อมกับลงโทษคนขี้ลืมด้วยการกอดรัดเธอแน่นขึ้น
ภาพทั้งหมดไม่ได้เล็ดลอดจากสายตาของแฮร์รี่เลย เขาเผลอกำหมัดแน่นและปรารถนาให้มันกระแทกหน้าใครสักคน
เฮอร์ไมโอนี่ที่ดูอ่อนแอพยายามขัดขืนดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของคนร้าย...
ภาพนั้นทำให้เขาอยากจะระเบิดโลกออกให้เป็นจุล
“มัลฟอย แกปล่อยเฮอร์ไมโอนี่เดี๋ยวนี้นะ!” แฮร์รี่คำรามลั่น
แม้สีหน้าจะดุดันแต่เขาก็ยังมีสายตาห่วงใยอาทรให้กับเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเขาอย่างวิงวอน
“แกอย่ามาบังอาจออกคำสั่งในบ้านของฉันนะ ถ้าฉันไม่พอใจฉันก็จะเหวี่ยงแกออกจากบ้านทันที!”
มัลฟอยส่งสายตาดุดันให้แฮร์รี่ และก้มลงส่งสายตาเดียวกันนั้นให้เฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ยอมหยุดดิ้น
“แกจะได้โดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวน่ะสิ!” แฮร์รี่โต้
“ยัยนี่เป็นเมียฉัน!”
มัลฟอยยืนยันคำกล่าวนั้นด้วยการกอดเฮอร์ไมโอนี่แนบตัวจนเธอแทบจะลงไปอยู่ใต้ผิวหนังร้อนระอุของเขา
“ฉันต้องการจะคุยกับเฮอร์ไมโอนี่ และในเมื่อเธอต้องการพบฉันเช่นเดียวกัน แกไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง!”
“ใช่!” เฮอร์ไมโอนี่ออกเสียงสนับสนุน
“เงียบ!” มัลฟอยตะคอกใส่เธออย่างดุดัน
เขาสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะรวบร่างในอ้อมแขนขึ้นมาและเดินตรงไปที่บันได
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ร้องและก้าวเข้าไปเพื่อจะหยุดยั้งมัลฟอย
“ส่งแขก!” มัลฟอยแผดเสียงลั่น
และในทันใดนั้นคนรับใช้ชายที่มีท่าทางแข็งกระด้างก็กรูกันออกมาดักอยู่ตรงหน้าแฮร์รี่
ชายหนุ่มพยายามดันตัวเขาไปแต่กลับถูกคนรับใช้สองคนจับแขนกันไว้คนละข้าง
“แฮร์รี่! กลับไปก่อน เราจะได้คุยกันแน่ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างร้อนรนขณะมัลฟอยอุ้มเธอเดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นบนสุด
แฮร์รี่มองภาพมัลฟอยที่มีใบหน้าโกรธขึงอุ้มเฮอร์ไมโอนี่หายขึ้นไปบนชั้นสอง
ก่อนที่เขาจะคำรามลั่นอย่างโกรธแขน
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!” แฮร์รี่สบถเสียงลั่นสะท้อนไปโถงอันกว้างใหญ่นั้น
เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของคนรับใช้ชายสองคนนั้นและเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากคฤหาสน์มัลฟอย
สักวัน! สักวันหนึ่งเขาจะพาเฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากขุมนรกนี่! เขาสาบานว่าเขาจะต้องทำให้ได้
ต่อให้ต้องฆ่าใครที่มาขัดขวางก็ตาม และแฮร์รี่ภาวนาขอให้คนคนนั้นคือเดรโก มัลฟอย!
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่ยังร้องไม่หยุดแม้ว่ามัลฟอยจะพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว
เขาวางเธอลงอย่างรวดเร็วและเดินไปปิดประตูด้วยอากัปกิริยาที่แทบจะทำให้ประตูหลุดออกมาทั้งบาน
ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอด้วยแววตาดุดัน เขาหยุดอยู่ห่างจากเธอประมาณห้าก้าว
“เธอทำแบบนั้นได้ยังไงน่ะ! แฮร์รี่เป็นเพื่อนของฉัน และเธอกีดกันไม่ให้เขากับฉันพบกัน
แถมเธอยังให้คนรับใช้บ้าๆของเธอทำแบบนั้นกับเขา!”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถข่มอารมณ์โกรธที่ครุโชนราวกับเปลวไฟในกายตัวเธอได้
เฮอร์ไมโอนี่สั่นไปทั้งตัวเพราะความโกรธเกรี้ยวนั้น เธออยากจะร้องกรี๊ดและกระโจนเข้าทำร้ายมัลฟอย
แต่เขาดูน่ากลัวกว่าเธอมากด้วยท่าทีเงียบๆนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่เห็นพายุอยู่ในดวงตาของเขา
ซึ่งมันน่ากลัวกว่าการที่เขาจะแสดงความโกรธออกมาตรงๆ
เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเห็นเปลวไฟแล่บเลียอยู่ในดวงตาของเขา
“แล้วไอ้ที่มันมาเหยียบจมูกฉันถึงในบ้านมันหมายความว่ายังไง!!!!”
เขาแผดเสียงดังก้องจนทำให้ขนที่คอของเฮอร์ไมโอนี่ลุกกชัน เธอขยับเท้าก้าวไปข้างหลังอย่างตกใจ
และเฝ้ามองมัจจุราชก้าวย่างสามขุมเข้ามาหาเธออย่างมีโทสะ
“เธอชอบนักใช่มั้ย! ชอบให้มันดูถูกฉัน เธอชอบให้มันเข้ามาหยามเกียรติฉันถึงในบ้านแบบนี้!
เธอชอบให้มันลักลอบเข้ามาหาเธอแบบนี้ใช่มั้ย!!!”
มัลฟอยตะครุบร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจนร่างของเธอชนกับแผ่นอกหนาแข็งแรงของเขา
เขาใช้มือข้างหนึ่งดันแผ่นหลังให้ร่างของเธอประชิดติดกับเขา
และมืออีกข้างหนึ่งเขาดึงผมที่ด้านหลังของเธอ
บังคับให้เธอแหงนหน้าตกตะลึงขึ้นมองดวงตาที่ครุโชติของเขา
“เธอชอบมันใช่มั้ย! เธอรักมันใช่มั้ย!” เขาคำรามใส่ใบหน้าซีดเผือดที่อยู่ตรงหน้า
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลแข็งกร้าว แต่ที่จริงแล้วเธอกำลังกลัว...
และเธอพยายามที่จะไม่ให้เขารู้
“มันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้ชื่นชมมันนัก! ทำไมทุกคนถึงรักมัน และแม้แต่เธอ...!”
ดวงตาของเขามีแววเจ็ยช้ำ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สังเกตเห็น
“เธอเองก็รักมัน” น้ำเสียงเย็นชนปรารภก่อนที่จะผลักคนที่กักไว้ออก
เฮอร์ไมโอนี่เซไปด้านหลังก่อนจะทรงตัวได้ด้วยการเกาะหน้าต่างบานใหญ่ที่เธอเซไปปะทะ
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างมองมัลฟอยผ่านม่านผมที่ลงมาปรกใบหน้า
“ฉันเป็นสามีของเธอนะ!” เขาคำรามขณะเยื้องกรายราวหมาป่าย่างเข้าหาเหยื่อ
“เธอไม่มีสิทธิ์รักผู้ชายคนอื่นทั้งนั้น!” เพียงก้าวเดียวเขาก็กระโจนถึงตัวเธอ
เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องลั่นเมื่อมัลฟอยกระชากไหล่ของเธอและก้มลงบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือด
เสียงร้องห้ามอื้ออึงอยู่ในลำคอ มือบางที่สั่นเทาขยุ้มเสื้อเชิ้ตเนื้อบางของมัลฟอยจนมันแทบจะขาดคามือ
“ฉันเป็นสามีของเธอ...” เขาพึมพำบนเนื้อปากนุ่มที่แดงช้ำ
เพียงพริบตาเดียวเขาก็กระชากเสื้อคลุมของเฮอร์ไมโอนี่ลงมากองอยู่ที่เอวคอด
ทรวงอกเต่งตึงงามตาเผยกระจ่างอยู่ตรงหน้า
“มัลฟอย!” เธอพยายามจะร้องห้ามเขา แต่เสียงเล็กๆ ตื่นตระหนกที่เรียกเขาว่า ‘มัลฟอย’
กลับยิ่งโหมอารมณ์โกรธของเขาให้ดรุยิ่งขึ้น
“และนั่นคือข้อผิดพลาด... เพราะสามีของเธอชื่อเดรโก!”
เขาก้มสีรษะลงและครอบครองทรวงอกอิ่มด้วยริมฝีปากที่ร้อนผ่าว เฮอร์ไมโอนี่ผวาเฮือก
ตกใจกับสัมผัสหนักหน่วงที่เขากระหน่ำใส่เธอด้วยปลายลิ้นของเขา
เฮอร์ไมโอนี่เลื่อนมือไปจับที่ขอบหน้าต่างเพื่อพยุงกายไว้ไม่ให้ทรุดลงกับพื้นเพราะความเข่าอ่อน
ริมฝีปากบางถูกฟันขาวกัดจนซีดจัดเพื่อสะกดกลั้นเสียงร้องแห่งความรัญจวนที่ได้รับ
มัลฟอยใช้ลิ้นตวัดเลยไล้ยอดอกสีชมพู อีกมือหนึ่งของเขากอบกำทรวงอกเต็มมืออีกข้างไว้
...เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับความรุนแรงของมัลฟอย แม้ครั้งก่อนๆเขาก็ยังไม่รุนแรงดุเดือดเช่นนี้
มัลฟอยสัมผัสเนื้อตัวของเธอด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอเป็นของเขา...
เขาไม่ยอมให้คนอื่นแย่งเธอไป
มัลฟอยใช้ฟันขบกัดที่ต้นคอข่าว... ไล่ลงมาถึงทรวงอก
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเบาๆอย่างเจ็บปวด
ดวงตาที่ปริ่มน้ำตาของเธอมองผิวขาวของตัวเองทิ้งรอยฟันและรอยจูบสีแดงของเขา
แต่นี่คือสิ่งที่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น... เมื่อมัลฟอยใช้เข่าดันแยกขาของเฮอร์ไมโอนี่ออก
และแทรกตัวผ่านเข้าไปอย่างรุนแรงจนทำให้เฮอร์ไมโอนี่ผวา เรียวของของเธอตวัดรัดรอบเอวกำยำของเขา
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นขณะรองรับการกระแทกกระทั้นของมัลฟอย
“เธอเป็นของฉัน... คนเดียวเท่านั้น” เขาคำรามใส่หูเธอ เฮอร์ไมโอนี่นาบใบหน้าซีกหนึ่งกับกระจกหน้าต่าง
เล็บจิกลงไปในเนื้อมือของตัวเอง ดวงตาปิดสนิทแต่ยังมีน้ำตาเล็ดลอดออกมา
“นี่คือสิ่งที่จะเตือนให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉัน...”
มัลฟอยกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าก่อนจะรั้งสะโพกของเฮอร์ไมโอนี่และเร่งจังหวะยิ่งขึ้น
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ผวาเรียกชื่อเขาอีก
ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไม่คุ้นกับสัมผัสรุนแรงดุเดือดเช่นนั้น
มัลฟอยมองภาพที่เฮอร์ไมโอนี่รองรับอารมณ์ของเขาอย่างสาแก่ใจ
ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากของเขานอกจากคำพูดแสดงความเป็นเจ้าของตัวเธอและเสียงครางเบาๆอย่างอึดอัดของเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น
ร่างทั้งสองชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ มัลฟอยตาพร่าขณะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นของเขา
จังหวะที่เร็วและแรงอยู่แล้วทวีมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาจวนเจียนจะปลดปล่อยเต็มที
เมื่อเริ่มเสียการควบคุมตัวเขาจึงซบหน้าลงกับซอกคอชุ่มเหงื่อของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อเพิ่มจังหวะในการสอดใส่
จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแทบจะทนกับความดุเดือดเร่าร้อนนั้นไม่ได้จึงขบฟันลงบนไหล่หนั่นแน่นของเขา
มัลฟอยรู้สึกถึงความเจ็บนิดๆจากฟันของเธอที่ขบลงบนเนื้อของเขา นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาเดือดพล่าน
จนในที่สุดเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาคำรามราวสัตว์ร้ายอยู่กับลำคอของเธอขณะปลดปล่อยสายธารแห่งความปรารถนาใส่ร่างของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นอยู่กับไหล่ของมัลฟอยเมื่อเธอก็ถึงจุดนั้นเช่นเดียวกัน
มีเสียงครางหอบถี่ๆกับเสียงสะอื้นของมัลฟอยเท่านั้นที่ทำลายความเงียบในห้องนั้น
มัลฟอยทำใจอยู่นานก่อนจะค่อยๆผละจากร่างปวกเปียกของเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเขาขยับออกจากเธอ
ร่างบางก็ลงไปทรุดอยู่บนพื้นทันที ดวงตาของเธอปิดสนิทขณะที่น้ำตาหลั่งริน
ลมหายใจหอบหระชั้นและมีเสียงสะอื้นตามออกมา ร่างของเธอสั่นระริก และรอยจ้ำสีแดงกระจายไปทั่วผิวนวล
มัลฟอยมองร่องรอยที่เขาจารึกไว้ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขากำหมัดแน่น...
ขบริมฝีปากล่างอย่างสุดกลั้นก่อนจะเดินปึงปึงออกจากห้องไป
ในห้องทำงานที่มืดครึ้ม ร่างสูงในสภาพสะบักสะบอมเดินเข้ามา
เขาตรงไปที่ตู้ติดผนังและหยิบขวดบรรจุน้ำสีอำพันเต็มขวดออกมา
ชายหนุ่มกระชากจุกออกและปามันลงไปกระแทกอยู่บนพื้น เขายกมันกรอกใส่ปากราวกับกระหายมานาน
ทำให้น้ำสีอำพันไหลลงมาตามแนวกรามแข็งแรง... ทอดลงสู่แผงอกกว้างกำยำและเปยีกแนบเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อบาง
เพียงรวดเดียวเขาก็จัดการน้ำสีอำพันนั้นหมดภายในการกระดกครั้งเดียว
เมื่อหยดสุดท้ายไหลลงคอเขาก็เขวี้ยงขวดแก้วข้ามห้อง มันกระแทกกับผนังและลงมาแตกละเอียดอยู่บนพื้น
ชายหนุ่มหยิบอีกขวดออกมาและทำเช่นเดียวกับขวดแรก
แต่คราวนี้เขาดื่มหมดไปเพียงครึ่งขวดก่อนจะเขวี้ยงมันออกไป และทิ้งให้มันอยู่ในสภาพเหมือนกับขวดแรก
“โว้ย!” เขาคำรามอย่างน่ากลัวก่อนจะทุบกำปั้นทั้งสองข้างลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี
ชายหนุ่มแหงนศีรษะไปทางด้านหลังและหลับตาแน่น
รับรู้ถึงไอร้อนที่กระจายอยู่ในตัวเพราะฤทธิ์ของน้ำสีอำพันที่ดื่มไปเมื่อครู่
...แต่มันก็ไม่ร้อนเท่ากับไฟที่สุมอยู่ในอกเขา
“ทำไม! ถ้าเธอไม่รักมัน! มันก็จะไม่เป็นแบบนี้!”
เขาตะโกนสุดเสียงแต่คงไม่ดังขนาดจะให้คนที่เขาคิดถึงได้ยิน ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบที่หว่างคิ้ว...
ภาพของเธอผู้แสนสง่าถูกเขาทำลายย่อยยับลงเมื่อครู่ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกรีดแทง
...แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม
ทำไมเขาจะต้องไม่พอใจที่เธอรักพอตเตอร์
ทำไมเขาต้องไม่พอใจที่เธอเกลียดเขา
เขาจะไม่มีวันลืม...
ภาพของเจ้าหญิงผู้แสนสง่างามที่ถูกเขาทำลายราวกับดอกไม้ถูกขยี้ใต้ฝ่าเท้าในวันนี้เลย
และเขาจะไม่มีวันลืม... ความรู้สึกที่เขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบประโลมร่างที่บอบช้ำนั้น
ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่า... ทำไม
..................................
ชายหนุ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นตามอารมณืที่พลุ่งพล่านของเขา
“อา...อา...มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ครางไม่ได้สติ
เธอโอบแขนบางรอบคอของชายหนุ่มและซุกหน้าลงกับบ่ากว้างนั้น
ผิวหนังร้อนผ่าวของเขาเปียกชื้นยิ่งทำให้เขาดูสมเป็นชาย เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเจ็บใจ
“อา...เฮอร์ไมโอนี่ แฮ่กๆ เรียกฉันว่า...เดรโก...สิ” มัลฟอยหอบอย่างเร่าร้อน
เขาต้องการให้เธออ้อนวอนเรียกชื่อเขาเพื่อให้เขาทำสิ่งนั้นให้เธอ
แต่คนที่ซุกหน้าอยู่กับบ่าของเขาก็ยังไม่ยอมพูด มีแต่เสียงครางของเอเท่านั้นที่เขาได้ยิน
“ไม่...ฉัน...อา...พูดไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธเสียงสั่น มัลฟอยสบถอย่างกราดกริ้วในลำคอ
เขาดันร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้แผ่นหลังของเธอแนบชิดกับขอบสระ เขาเป็นฝ่ายโน้มกายหาเธอ
และขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังงงงันกับสิ่งที่เขาทำ มัลฟอยก็โถมร่างกระแทกใส่เธออย่างไม่หยุดยั้ง
“อ๊า อ๊า...มะ...มัลฟอย...อา” เฮอร์ไมโอนี่ครางไม่เป็นภาษา เสียงหวานของเธอก้องไปทั่ว
ผสมกับเสียงน้ำที่แตกกระจายกับเสียงครางดังลั่นของชายหนุ่ม
“เรียกฉันว่า...เดรโกสิ” มัลฟอยกัดฟันแน่นระหว่างที่พูด เขาจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลหยาดเยิ้ม
เธอจ้องมองเขาตอบแต่ยังคงมีแต่เสียงครวญครางเท่านั้นที่เล็ดลอดออกมา
“ไม่เรียกใช่มั้ย” มัลฟอยฟูดอย่างหงุดหงิด เขาถอนกายออกจากร่างของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่ทำเสียงไม่พอใจที่เขาขัดอารมณ์ปรารถนาของเธอ
มัลฟอยยิ้มแหบแห้ง เขาถอนกายออกมาจนสุด ก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปอย่างแรงและไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
“เดรโก!!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนจนเกือบจะเป็นเสียงหวีดร้อง
เธอเกาะไหล่เขาแน่นเมื่อเขายังคงทำเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า มัลฟอยรู้สึกว่าความพอใจของเขาล้นปี่
เขาจึงตอบแทนเธอด้วยการถาโถมใส่เธออย่างรุนแรง
“เดรโก...อ๊า...อ๊ะ! เดรโก...เดรโก!” เฮอร์ไมโอนี่พร่ำเรียกชื่อเขาไม่หยุด
มัลฟอยรู้สึกสั่นไหวกับความแปลกใหม่นี้ เขาก้มลงที่ริมหูของเธอ
ขบเม้มติ่งหูนั้นนิดหนึ่งก่อนจะกระซิบเรียกชื่อเธอบ้าง
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นของฉัน...เธอต้องลืมพอตเตอร์!” เสียงของเขาสั่นพอๆกับเสียงครางของเธอ
เฮอร์ไมโอนี่เกาะเกี่ยวมัลฟอยแน่นขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังจะมาถึง
“ดะ...เดรโก ฉันจะ...อ๊า” เฮอร์ไมโอนี่ร้องลั่นและหลับตาแน่น มัลฟอยเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ
ดังนั้นเขาจึงรั้งสะโพกของเธอเข้ามา
และโถมกายรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อจะตักตวงความสุขไวให้ได้มากที่สุด
“เฮอร์ไมโอนี่!” มัลฟอยร้องลั่นและแหงนหน้าขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องสนั่นและเกาะเกี่ยวมัลฟอยแนบแน่น มัลฟอยปลดปล่อยความปรารถนาใส่กายเธอ
เขาซึมซาบความสุขนั้นเข้าไปทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกาย
ชายหนุ่มก้มลงมองร่างอ่อนปวกเปียกของภรรยา ใบหน้าสวยน่ารักบิดเบี้ยว
คิ้วบางขมวดแน่นอย่างเคร่งเครียดและเหนื่อยล้า
เธอสลบไปแล้ว...
มัลฟอยเอนศีรษะของเธอให้มือใหญ่โตของเขารองรับ เขาก้มลงจูบริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างสั่นไหว
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา... เขาจึงพูดกับคนที่สลบไสลอยู่ในอ้อมแขน
“เธอเป็นของฉัน...เธอเป็นของฉันเท่านั้นเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอย่างโหยหา
ก่อนจะกอดร่างไร้สติของเธออย่างหวงแหน....
................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น