วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์ 16...ดวงดาวกับความรัก (Next meeing)

ซีรี่ย์ 16...ดวงดาวกับความรัก (Next meeing)

fic by..Peterpan

นำมาจาก : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=icu11&topic=22&Cate=11

ปราสาทเก่าแก่หลังใหญ่ของตระกูลมัลฟอยตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากบ้านของผู้อาศัยคนอื่นในละแวกนั้น ไม่มีใครอยากย่างกรายเข้ามาใกล้ปราสาทมืดมนหลังนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวคนที่อาศัยอยู่ในนั้น แต่เป็นเพราะพวกเขารังเกียจนิสัยและความยิ่งใหญ่ของตระกูล
เดรโก มัลฟอย ลูกชายคนเดียวของนายลูเซียส มัลฟอย เดินอยู่บนระเบียงของปราสาท หรือที่ถูกก็คือ “บ้าน” ของเขา พื้นทางเดินนั้นสะอาดเอี่ยม หน้าต่างทุกบานไม่มีฝุ่นจับ เอลฟ์ประจำบ้านนับสิบตัวของที่นี่ตั้งอกตั้งใจทำงานกันอย่างดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรที่พวกเขาเสีย ด๊อบบี้ - - เอลฟ์ผอมแห้งเพียงตัวเดียวให้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์ พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินในสายตาของพ่อมดและแม่มดคนอื่น ๆ
เด็กชายผมสีบลอนด์มองออกไปนอกหน้าต่างของระเบียง เขาเห็นหลังคาของบ้านหลังที่อยู่ไกลออกไปเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น - - นั่นคือเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอกว่าคนพวกนั้นจะรังเกียจบ้านของเขาสักแค่ไหน
เดรโกหยุดที่หน้าประตูไม้ของห้อง ๆ หนึ่ง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจเคาะสองสามครั้งเพื่อขออนุญาตผู้ที่อยู่ภายใน
“เข้ามา” น้ำเสียไม่ค่อยพอใจนักดังขึ้น เขาจึงเปิดเข้าไปช้า ๆ
นายลูเซียสมัลฟอยยืนอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ ในห้องค่อนข้างมืด มีกลิ่นกำยานฉุนจมูกอบอวลไปทั่ว แต่เด็กชายก็เริ่มชินกับกลิ่นนี้แล้ว เพราะพ่อของเขาบอกว่ากลิ่นนี้จะช่วยกันแมลงที่จะมากัดกินหนังสือเล่มสำคัญ
“ฉันเคยบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าถ้าฉันอยู่ในห้องนี้ก็ห้ามเข้ามารบกวน!”
นายมัลฟอยกระแทกเสียง เขาไม่สนใจจะมองหน้าลูกชายตัวเองเลยสักนิด
“นกฮูกของพ่อ - - “ เดรโกพูด แต่สายตากลับมองไปรอบ ๆ ห้อง - - เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้ แต่เมื่อเขามีโอกาสเขาก็อยากจะสำรวจในห้องให้รู้ว่ามีอะไรบ้าง
“มันไม่ยอมบินมาที่นี่ มันเกาะอยู่ตรงหน้าต่างห้องโถง” เขาบอกแล้วเลื่อนสายตามามองที่ชั้นวางขวดยาในห้อง ขวดยานับร้อย ๆ ที่มีขนาดและสีสันต่างกันแทบทุกขวด มีฉลากปิดบอกสรรพคุณไว้อย่างชัดเจนทุกขวด
แล้วเขาก็เห็นฉลากของขวดยาสีดำใบเล็ก ๆ ที่เขียนไว้วา”น้ำยาฝันร้าย”
เขาหรุบตาลงมองพื้นแล้วหัวเราะในลำคอ เพราะภาพของใครอีกคนปรากฏขึ้นมาในความคิด นายมัลฟอยสังเกตเห็นท่าทางของลูกชาย จึงถามด้วยสีหน้าสงสัย
“มีอะไรน่าขำ”
“เปล่าครับ” เดรโกตอบ - - เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาให้พ่อรู้ไม่ได้เด็ดขาด
นายลูเซียสหันไปมองบนชั้นบ้างเพราะพิรุธของลูกชาย แล้วเขาก็นึกออกเมื่อเห็นขวดยาที่คุ้นตา
“น้ำยาฝันร้ายรึ จะว่าไปแล้วฉันเคยให้เจ้าไปใช้เมื่อนานมาแล้วนี่ บอกมาซิว่าผลเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อถูกพ่อถาม เดรโกก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“วิเศษครับ”
นายมัลฟอยท่าทางพอใจ เขาตีความหมายรอยยิ้มนั้นไปว่าลูกชายคงทำเรื่องร้ายกายสำเร็จเป็นแน่
“ฉันดีใจนะที่เห็นเจ้าสามารถใช้ของพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ได้”
“ผมก็ดีใจครับที่ทำให้พ่อพอใจ” เดรโกพูดและยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
*************
รถไฟด่วนพิเศษคันสีแดงสดที่จะมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์จอดอยู่ที่ชานชลาหมายเลขเก้าเศษสามส่วนสี่เหมือนกับทุกปี เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวบนรถไฟ เธอเท้าคางกับหน้าต่างแล้วเหม่อมองออกไปข้างนอก เสียงคุยจ้อกแจ้กของบรรดาเด็กนักเรียนหรือเสียงxxxบที่ถูกลากไปบนพื้นไม่สามารถแทรกเข้าไปในความคิดของเธอได้เลยในตอนนี้
ฉันรักเธอ - - ยายเลือดสีโคลน คำพูดของมัลฟอยเมื่อครั้งนั้นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท เธอจำใบหน้าของเขาในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเขาจะเคยพูดกับใครบ้างหรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มออกมาก่อนจะลดมือที่เท้าคางลงแล้วโน้มศรีษะพิงกับกรอบหน้าต่างแทน
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้น รอน วิสลีย์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนอยู่ ต่างฝ่ายต่างมีกระเป๋าสะพายคล้องไหล่อยู่
“หวัดดีรอน” เฮอร์ไมโอนี่ทักก่อนเพราะต้องการกลบเกลื่อนอาการของตัวเองเมื่อครู่
“หวัดดี” เพื่อนทั้งสองทักพร้อมกันแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
“นั่งคิดอะไรอยู่เหรอ” รอนถามขณะวางกระเป๋าลงข้างตัว
“เปล่านี่” เด็กหญิงยิ้ม
“อย่ามาปิดบังกันหน่อยเลย มีความลับอะไรแน่ ๆ” รอนพูด
“ถ้าเป็นความลับฉันยิ่งต้องไม่บอกพวกเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางยิ้ม แต่เธอก็ไม่ได้โกรธที่รอนจะละลาบละล้วงเรื่องของเธอ เพราะรู้ดีว่าเพราะเขาเป็นห่วงต่างหาก
“อย่ามาทำนิสัยเหมือนมัลฟอยไปหน่อยเลย เธอนี่ไปเหมือนหมอนั่นได้ยังไงนะ” รอนพูดเล่น ๆ แต่นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย
“พวกเธอเองก็คงมีความลับที่ไม่บอกฉันเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” เธอกลบเกลื่อน
แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน - - ก็จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ถาม แฮร์รี่ไม่กล้าบอกใครต่อใครเรื่องที่เขาปิ๊งโช แชงเข้าให้ ส่วนรอนนั้นยิ่งต้องการปิดความรู้สึกให้สนิทมากกว่าแฮร์รี่ เพราะเขากำลังมีบางอย่างในใจกับเฮอร์ไมโอนี่ แต่เขากำลังพยายามจะไม่สนใจกับความรู้สึกนั้น แม้มันจะออกมาอย่างชัดเจนแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นเธอกับวิกเตอร์ ครัม ในงานเต้นรำตอนปีสี่
“ก็มีนิดหน่อยมั้ง - - ว่าแต่เธอไม่ติดต่อกับเราเลยนะตอนปิดเทอม” แฮร์รี่เปลี่ยนเรื่อง
“ขอโทษที พอดีฉันไปฝรั่งเศสกับที่บ้านอีกน่ะ แล้วพ่อกับแม่ก็ไม่อยากให้ฉันใช้นกฮูกบ่อย มันเด่นเกินไป - - อ้อ นั่นเสื้อคลุมใหม่นี่ รอน” เฮอร์ไมโอนี่ทักเมื่อสังเกตเห็น
“สวยไหมล่ะ เฟร็ดกับจอร์จซื้อให้ฉัน” รอนยืดอกอวด ส่วนแฮร์รี่แอบยิ้มเพราะเขารู้ว่าทำไมพี่ชายฝาแฝดของรอนจึงมีเงินพอที่จะซื้อให้เขา
“แต่สองคนนั่นก็ยังแซวอยู่ดีว่าฉันสูงขึ้น เสื้อคลุมเลยแพงเพราะใช้ผ้าเยอะ” รอนยืนขึ้นเพื่อปัดเสื้อคลุม เฮอร์ไมโอนี่จึงมีโอกาสได้เห็นชัด ๆ ว่าเขาสูงขึ้นมากจริง ๆ และแม้แต่แฮร์รี่ก็ดูเหมือนจะมีไหล่ที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
“อ้อ เราเจอปารวตีข้างล่าง เขาถามถึงเธอแน่ะ” รอนบอก
“เขามีธุระอะไรกับฉันล่ะ” เด็กหญิงถาม รอนทำท่าคิด
“ไม่รู้เหมือนกัน ไปหาเขาสิ คงอยู่ตู้หน้า ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพร้อม ๆ เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากชานชลา เธอเดินมองทิวทัศน์อีกด้านของรถไฟจากหน้าต่างด้านนอกขณะที่เดินไปที่อีกตู้ของขบวนรถ เมื่อไปถึงเธอไม่ได้เคาะห้องเพราะคิดว่าถึงผิดก็คงเป็นคนรู้จักแน่
“ปาราวตี” เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตู แล้วก้าวเข้าไปแต่เธอก็ต้องชะงัก
เดรโก มัลฟอยนั่งอยู่ตรงนั้น
******2*********
“มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูทันที ก็เมื่อกี้เธอยังนึกถึงเขาอยู่เลยนี่นา น่าแปลกที่วันนี้เธอเห็นเขานั่งอยู่คนเดียวโดยไม่มีแครบกับกอยล์ขนาบข้าง
เด็กชายผมสีบลอนด์เพียงแต่กลอกตามามองเธอแล้วก็หันไปมองจุดเดิมเหมือนไม่สนใจ
“ผิดห้องแล้ว ยายหัวฟู”
นั่นคือคำทักของเขา! เฮอร์ไมโอนี่นึกโมโหขึ้นมาทันที นิสัยแย่ ๆ อันนี้ของมัลฟอยคงแก้ไม่หายแน่
“ขอโทษที” เด็กหญิงกัดริมฝีปากแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่ - -
ปัง!
ประตูเลื่อนปิดโครมต่อหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เธอสะดุ้งโหยง
“นาย!”
เฮอร์ไมโอนี่หันมาหาต้นเหตุที่นั่งหมุนไม้กายสิทธิ์ในมืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างไม่พอใจ มัลฟอยพูดขึ้นก่อน
“ฉันชินคาถานี้แล้ว ไม่เหมือนตอนโฮมเสตย์หรอก ตอนนั้นไม่รู้ว่าใช้ได้จริง ๆ ” เขาพูดเท้าความถึงตอนที่ใช้คาถานี้เป็นครั้งแรก เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง
“ฉันจะออกไป! อย่ามาทำเอาแต่ใจตัวเองกับฉันนะ!”
“บังเอิญว่า - - “ มัลฟอยควงไม้ในมือ เขาพูดโดยไม่ได้หันหน้ามามองอีกฝ่าย แต่กลับมองไม้กายสิทธิ์ของตัวเอง
“เธอชอบคนเอาแต่ใจคนนี้ซะด้วยสิ”
เลือดในตัวฉีดขึ้นสู่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่ทันที เขาทำให้เธอหน้าแดงได้บ่อยเหลือเกินราวกับว่าอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างของเธอที่มีต่อหน้าเขาเป็นเพราะเขาทำให้เธอเป็น
“พูดเอาเอง!” เด็กหญิงไม่ยอมลดความดังของเสียงลง
“ปฏิเสธสิ” มัลฟอยพูดเสียงเรียบ มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาแล้วในตอนนี้ เขาเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ในเสื้อตามเดิม เด็กชายลุกขึ้นยืนในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่จึงได้เห็นชัด ๆ ว่า เขาสูงขึ้นมาเหลือเกิน เด็กชายก้าวเข้ามาใกล้เธอช้า ๆ จนเฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เธอโกรธตัวเองที่ลืมหยิบไม้กายสิทธิ์มาด้วย แต่นั่นเป็นเพราะเธอคิดว่าจะมาเจอปาราวตีจึงไม่จำเป็นต้องใช้
“อย่านะมัลฟอย ไม่งั้นฉันร้องจริง ๆ ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงขู่
มัลฟอยหรี่ตาลงแล้วถามเธอ ด้วยน้ำเสียงเหมือนทุกครั้งที่ต้องการจะยั่วอีกฝ่าย
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรกัน”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัดอีกครั้ง ดวงตาสีซีดของมัลฟอยไม่เคยไว้ใจได้เลยแม้กระทั่งเดียวนี้ เธอภาวนาไม่ให้เขาเลื่อนสายตาไปมองตัวเธอจนทั่ว ถึงตอนนั้นเลือดทั้งตัวของเธอคงมารวมกันที่หน้าแน่ ๆ
แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาไม่เป็นผล มัลฟอยมองเธอแต่หัวจดเท้าสองสามครั้งแล้วก็พูดขึ้น
“เปลี่ยนไปนิดหน่อย…” เขาว่า
“น่ากอดขึ้นว่าเดิมเยอะ” มัลฟอยไม่พูดเปล่า เขากางแขนออกเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองเจอกัน และตอนนั้น เขาบอกรัก - - รัก ยายเลือดสีโคลน
“มันก็มุขเก่านั่นแหละ มาเร็ว”
“ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง เลือดคงมารวมกันที่หน้าเธอเรียบร้อยแล้ว
“แน่ใจเหรอที่พูดว่าไม่ ฉันขี้โมโหนะ” มัลฟอยขยับแขน ประโยคเหมือนขู่แต่เขากลับยิ้มกวน ๆ ราวกับว่าที่พูดนั้นแค่ต้องการจะแกล้งเธอเท่านั้น
“สนุกนักเหรอที่ทำให้ฉันกลัว!” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมแพ้
“ไม่เห็นสนุกตรงไหนนี่ ฉันแค่ - - อยากให้เธอกอดฉันเท่านั้นเอง”
เฮอร์ไมโอนี่อึ้งกับคำพูดของเขา ถ้าไม่ตาฝาดเธอก็เห็นรอยสีแดงบนแก้มซีดเซียวของเขาเช่นกัน เด็กชายลดแขนลง แล้วถามพูด
“โอเค ไม่ก็ไม่ แต่มานั่งกับฉันก่อนไหมล่ะ ฉันนั่งคนเดียวเบื่อจะตาย”
“แครบกับกอยล์ไปไหนล่ะ” เธอถาม
“ฉันให้พวกมันอยู่อีกห้อง” มัลฟอยยกกุญแจขึ้นดอกหนึ่ง
“ไม่ให้ออกมา”
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
“นายขังแครบกับกอยล์!”
“ก็ฉันรำคาญพวกมันนี่ เดินตามอยู่ได้ - - เชื่อเถอะ สมมุติว่า ถ้าพวกมันต้องอยู่ถ้ำแค่มีน้ำกับขนมพอพวกมันก็อยู่ได้เป็นปี ๆ“ มัลฟอยบอก
เขาเดินผละไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน เฮอร์ไมโอนี่เดินตามไปจะนั่งตรงข้ามเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปังพร้อม ๆ กับตัวเซนทอร์เล็ก ๆ ตัวหนึ่งปรากฎตัวขึ้นบนเก้าอี้
“กรี๊ด!”
เด็กหญิงร้องลั่น กระโดดออกห่างจากเก้าอี้ทันที พอเธอหันไปมองมัลฟอยก็เห็นเขาถือไม้กายสิทธิ์ชี้มาที่เก้าอี้
เซนทอร์น้อยตัวนี้ฝีมือเขาแน่ ๆ!
“ทำอะไรของนาย! บ้าที่สุด!” เธอพูดเสียงดัง
“มานั่งตรงนี้” มัลฟอยพูดเสียงเฉียบขาดแล้วชี้ที่เก้าอี้ตัวเอง
เฮอร์ไมโอนี่มองเขาราวกับจะหาเรื่อง แต่มัลฟอยก็สู้สายตาของเธอได้อย่างเหนือกว่า เมื่อเธอตั้งท่าจะไม่ยอมเซนทอร์ตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นก็โตขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอสังเกตเห็นว่ามันมีเขี้ยวงอกออกมาและ - - เริ่มคำราม!
เฮอร์ไมโอนี่แทบกระโดดไปนั่งตักมัลฟอย โชคดีที่เก้าอี้กว้างพอเธอจึงได้นั่งในที่ที่ควรจะนั่งแทนที่จะเป็นตักของเขา มัลฟอยแกว่งไม้กายสิทธิ์อีกครั้งเซนทอร์ตัวนั้นก็หายวับไป
“ใช้วิธีที่แย่มาก!” เฮอร์ไมโอนี่อยากจะทุบเขาสักที
“ใช้วิธีอื่นก็ไม่ใช่ฉันสิ” เด็กชายไหวไหล่ เขาเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าที่เดิม เขาถามเหมือนต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง
“เธอไปไหนมาตอนปิดเทอม”
“ฉันเดินทางกับครอบครัว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ น้ำเสียงห้วนเพราะยังโกรธเขา
มัลฟอยเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่นุ่มนวลนัก เขาถามต่อ
“คิดถึงฉันไหมล่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับประโยคที่ไม่อยากจะเชื่อหูว่าได้ยินจากเขา เด็กหญิงรีบสวนกลับด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโกหกครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตออกไป
“ไม่!”
“งั้นเหรอ ผิดกับฉันเลยนะ” มัลฟอยยักไหล่ แล้วมองเธอเต็มตา
“ฉันคิดถึงเธอแทบตาย”
แล้วเขาก็ดึงเธอมาใกล้ดังเช่นทุกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่หน้าเม้มปาก ใบหน้าเป็นสีชมพู
“คราวนี้ฉันจะไม่ถามอีกแล้วนะว่าจะขัดขืนรึเปล่า” มัลฟอยบอกแล้วโน้มหน้าลงมาหา
เฮอร์ไมโอนี่หรุบตาลงต่ำ ไม่ช้าดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ปิดสนิท
********3********
“ฮูกกกกก!”
นกฮูกสีน้ำตาลตัวหนึ่งร้องเสียงดังขณะบินโฉบเข้ามาทางหน้าต่าง มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เมื่อนกตัวนั้นบินลงมาตรงกลางระหว่างพวกเขา
“นกใครกัน! “ มัลฟอยโมโหแล้วปัดมันออกไปเต็มแรง นกฮูกตัวนั้นจิกมือเขาสู้
“ไอริช!” เฮอร์ไมโอนี่คว้ามันมาก่อนที่มัลฟอยจะเอามันไปกระทืบ
“ไอริชเรอะ มันจะได้เปลี่ยนเป็นพรมเช็ดเท้าฉันแน่!” เขาจะกระชากนกฮูกไป
“อย่านะ! นี่นกของยาช่า!” เด็กหญิงพูดแล้วยกมันไปกอด
นั่นไม่ได้ทำให้มัลฟอยหายโกรธแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟเสียมากกว่า มัลฟอยยิ่งโกรธมากขึ้นจนหน้าซีดเซียวของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เด็กชายตะโกนก้อง
“เอามานี่!”
“ไม่ - - ไม่! เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญนะ!” เฮอร์ไมโอนี่กระโดดหลบเมื่อมัลฟอยถลาเข้าใส่
“ช่างหัวมันสิ! เอามา!”
“ไม่!”
“ฮูก! ฮูก!”
คราวนี้ทั้งคนทั้งนกวิ่งวนกันไปจนทั่วในห้อง ขนของไอริชปลิวกระจายเต็มห้องขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยามยกมันหลบเพราะมัลฟอยต้องหักคอมันแน่ถ้าเขาจับมันได้ ในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็ไปยืนหอบแฮ่ก ๆ กันคนละมุม
“ใจ…ดำ” เฮอร์ไมโอนี่พูดทุกคำอย่างลำบากเพราะหายใจไม่ทัน
“ถ้าเขา…กำลัง…มีอันตรายล่ะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าช่างเจ้าหมาป่านั่น!” มัลฟอยยังไม่ยอมตั้งท่าจะกระโจนมาอีก
“อย่านะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วกอดนกฮูกในวงแขนแน่นขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางเฮอร์ไมโอนี่ที่คงไม่ยอมง่าย ๆ เขาก็เดินไปนั่งโครมบนเก้าอี้ ดวงตาสีซีดมีแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เฮอร์ไมโอนี่เดาว่าเขาคงยอมให้เธออ่านได้ แต่ก็ยังขยับตัวอย่างระแวง เธอไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วปัดขนนกที่ร่วงอยู่ให้ออกไปก่อนจะนั่ง เด็กหญิงแกะจดหมายออกจากขานกฮูกตัวนั้นแล้วคลี่ออก
“ก่อนอื่น ผมไม่รู้ว่านกของผมจะยอมเอาจดหมายไปส่งผู้รับโดยดีหรือเปล่า ถ้าใครได้รับจดหมายฉบับนี้แต่คุณไม่ใช่ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ล่ะก็ ผมรบกวนฟาดเจ้านกเกเรตัวนี้ของผมสักที่แล้วเอาจดหมายผูกคืนให้มันไปส่งให้ถูกที่ด้วยนะครับ ขอบคุณมาก...
“แต่ถ้าคุณใช่ เฮอร์ไมโอนี่ก็หวัดดีครับ หวังว่าคุณคงสบายดีเหมือนผม ตอนนี้ผมกับครอบครัวมาเยี่ยมบ้านญาติบนภูเขาหิมะ อยากให้คุณมาเห็นสีหน้ากวางมูสตอนที่มันเห็นผม มันวิ่งร้อยเมตรได้ในเวลาห้าวินาที แทบไม่น่าเชื่อเลย”
เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นมัลฟอยกำลังจ้องเขม็งมาไม่วางตาเธอก็รีบหุบยิ้มทันที แล้วค่อย ๆ ถอยห่างให้พ้นจากรัศมีเขาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะกระชากมันไปฉีก เด็กหญิงอ่านจดหมายต่อ
“อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกให้คุณรู้ รายงานที่ผมทำที่ฮอกวอตส์ได้รับคำชมจากอาจารย์ครับ โรงเรียนเลยจะส่งผมไปที่ฮอกวอตส์อีก ผมได้รับจดหมายจากกาเบรียลด้วย เธอเองก็จะไปเหมือนกัน แล้วเจอกันที่ฮอกวอตส์ครับ ยาช่า”
“ยาช่าจะมา!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาด้วยความดีใจ มัลฟอยตาเบิกกว้างขึ้น เขากัดฟันกรอดโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเธอดีใจจนออกนอกหน้า
นกฮูกสีน้ำตาลตัวน้อยนั่งมองทั้งสองคนตาปริบ ๆ เฮอร์ไมโอนี่อุ้มมันขึ้นมาวางไว้บนตัก ยาช่าเคยบอกไว้ว่านกของเขาตัวนี้เชื่องกับทุกคนยกเว้นตัวเขาเอง แต่ก็โทษมันไม่ได้ไอริชถือว่ากล้าหาญมากแล้วที่ยอมอยู่กับยาช่ามาจนถึงทุกวันนี้
“เดี๋ยวฉันค่อยตอบเจ้านายแกก็แล้วกันนะ” เด็กหญิงบอกนกแล้วลูบตัวมันเบา ๆ เธอยืนขึ้นแล้วส่งนกฮูกตัวนั้นออกไปทางหน้าต่าง มันทำท่างง ๆ ที่ไม่ได้รับจดหมายตอบแต่ก็ยอมบินไปโดยดี เธอมองมันบินห่างไปจนลับตา
เฮอร์ไมโอนี่หมุนตัวกลับ แต่มัลฟอยยืนขึ้นแล้วผลักตัวเธอ จนกระแทกกับกระจกด้านหลัง
“ทำอะไรของนาย!” เธอร้องเสียงดัง แต่เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวของคนที่กำลังประจันหน้าด้วยเฮอร์ไมโอนี่ก็เงียบลงทันทีและกลืนน้ำลาย
มัลฟอยก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วหรี่ตามองเธอ
"ต่อหน้าต่อตาฉันเลยนะ เธอพอใจที่ได้รับจดหมายจากหมอนั่นใช่ไหม" เขากัดฟันพูด
"มัลฟอย ทำไมเธอพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้!" เด็กหญิงมีสีหน้ารำคาญใจ
“เกรนเจอร์ ฟังฉันนะ” คำพูดนั้นดูเยียบเย็นเหมือนจะขู่ เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างตกใจเธอเบียดหลังตัวเองชิดกับกระจกหน้าต่างเย็นเฉียบ
“ถ้าปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง” เขาพูดต่อ
“ทำไม - - จะมีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูด เลือดในตัวเริ่มฉีดขึ้นมาที่แก้ม แต่เธอกลับรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา เหมือนที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะถ้ามีเหตุการณ์เหมือนตอนที่เธอไปอยู่หอนอนฉันอีก...” เขายังไม่ลดความเยียบเย็นของเสียงลง
“ปีนี้ - - ไม่มีทาง! ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเธอไปอีก!”
เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายอีกครั้ง ดวงตาสีซีดของมัลฟอยดูจริงจังจนเธอนึกกลัว เธอตัดสินใจผลักเขาให้ห่างจากตัวสุดแรง ก่อนจะกระชากประตูเปิดแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง
เมื่อมัลฟอยไม่ได้ตามออกมาเฮอร์ไมโอนี่หยุดวิ่งแล้วหอบฮัก ทั้งที่ไม่ได้วิ่งมาไกล แต่อาจจะเป็นเพราะหัวใจที่เต้นแรงมาตั้งแต่แรกทำให้เธอเหนื่อย เด็กหญิงยกมือขึ้นจับใบหน้าของตัวเอง - - มือของเธอเย็นเฉียบ แก้มร้อนผ่าว เด็กหญิงมองออกไปนอกหน้าต่างตรงทางเดินเพื่อสงบสติอารมณ์
ถึงตอนนี้เธอก็ยังกลัวมัลฟอย กลัวว่าเขาจะทำอะไรตามใจตัวเองกับเธอมากเกินไป
เด็กหญิงสะบัดศรีษะไล่ภาพของมัลฟอยออกไป คำพูดของมัลฟอยยังคงก้องอยู่ในหู
ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเธอไปอีก!
*******4*******
รถไฟสายด่วนของฮอกวอตส์จอดเทียบชานชลาในเวลาเดิมเช่นปีก่อน ๆ นักเรียนทุกคนสวมเสื้อคลุมสีดำของโรงเรียนเรียบร้อยแล้วและลงมาตั้งแถวในสถานีก่อนจะขึ้นเรือบดลำเล็กซึ่งจะพาพวกเขาไปยังโรงเรียนสอนเวทมนตร์ฮอกวอตส์
ปีนี้รูบิอัส แฮเกร็ดก็ออกมารับเด็ก ๆ เช่นเคย ดูเขาภาคภูมิใจในตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ อาจจะเป็นเพราะเขาได้เป็นอาจารย์เต็มตัวแล้วและเขาก็พอใจกับงานตรงนี้อย่างมาก
“ปีหนึ่งมาทางนี้” แฮกริดตะโกนบอกเด็กปีหนึ่งที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
“หวัดดีฮะ แฮกริด” แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ทักพร้อมกัน
“หวัดดีเด็ก ๆ อ้อ ไม่ใช่สิ เป็นหนุ่มน้อยสาวน้อยกันหมดแล้ว” แฮกริดทักตอบอย่างอารมณ์ดี
“ปีนี้ท่าทางเด็กเยอะกว่าทุกปีนะครับ” แฮร์รี่สังเกตจำนวนนักเรียนชั้นปีหนึ่งซึ่งแถวยาวกว่าทุกครั้ง
“เยอะสิ นี่ก็นับเป็นเรื่องดีนะ เอาไว้ค่อยคุยกัน” แฮกริดพูดแล้วเลี่ยงไปด้านหน้า
“เอาล่ะ! ออกเดินทางกันดีกว่า ตามฉันมา”
แต่ที่ยังเหมือนกันทุกปีก็คือพิธีเลือกนักเรียนเข้าประจำบ้านต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่านักเรียนที่สนุกและตื่นเต้นกับขั้นตอนนี้ก็คือเด็กปีหนึ่งเท่านั้น
รอนนั่งหาวอยู่ที่โต๊ะอาหารขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลคลี่ม้วนกระดาษออกและอ่านชื่อเด็กทีละคนให้ออกมาจากแถวเพื่อสวมหมวกคัดสรร
“แอนน์, ลูซี่” ศาสตราจารย์เริ่มเรียกชื่อเด็กคนแรก เด็กผู้หญิงผมสีทองเดินออกมาจากแถวอย่างประหม่า
“ปีนี้นายไม่บ่นว่าหิวเหรอรอน” แฮร์รี่เอาข้อศอกสะกิดเพื่อนเบา ๆ แล้วพูดแซว
“ไม่หิวเท่าไหร่” รอนบอก
แฮร์รี่ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะกระเป๋าใบที่เขาหิ้วมาด้วยบนรถไฟบรรจุขนมหลายอย่าง รอนนั่งกินขนมมาตลอดทางชนิดที่เรียกว่าห่อกระดาษที่ห่อขนมของเขามาสามารถเอาไปวางเรียงรอบ ๆ ต้นวิลโลว์จอมหวดได้รอบหนึ่งพอดี
“เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่” รอนเรียกเพื่อนที่นั่งเหม่ออยู่ตรงกันข้าม เด็กหญิงรู้สึกตัว
“เอ่อ - - มีอะไร” เธอถาม
“ฉันเจอปาราวตีตอนตั้งแถวเมื่อกี้ เขาว่าฉันใหญ่เลยว่าไม่ได้บอกเรื่องที่เขาถามหาเธอ เธอไปไหนมาน่ะ” รอนบ่นเสียงค่อยเพราะไม่อยากให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้ยิน
“ฉัน - - เข้าห้องผิด แต่ไปเจอคนรู้จักที่เรียนอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ เลยนั่งคุยกันนาน ขอโทษที” เธอโกหก เด็กหญิงพยายามไม่หันไปมองทางโต๊ะของสลิธีรินเพราะกลัวจะสบตากับมัลฟอยเข้า
“คนรู้จักที่เรียนอยู่ฮัฟเฟิลพัฟเหรอ” รอนขมวดคิ้ว
“ซาบริสกี้, จูดิธ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกชื่อเด็กคนสุดท้ายแล้วม้วนกระดาษเก็บ (หมวกตะโกนว่า”เรเวนคลอ!)
“ฉันเริ่มหิวแล้วสิ หวังว่าคงไม่นานนะ” รอนกระซิบกับแฮร์รี่
นักเรียนปีหนึ่งทุกคนประจำที่โต๊ะของบ้านตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็ลุกขึ้นยืนและจะอะไรเล็กน้อยเหมือนทุกปี - - เล็กน้อยในที่นี้ก็หมายถึง “เล็กน้อย” จริง ๆ เพราะเขาตะโกนแค่เพียงว่า
“ลงมือได้!”
แล้วอาหารก็ปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้าของทุกคน ดูเหมือนว่าขนมที่รอนกินมาตลอดทางนั้นถูกย่อยไปหมดแล้ว เขาตักมันฝรั่งใส่ชามใบใหญ่จนเต็มและลงมือกินอย่างไม่รอช้า
“เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าแหยง ๆ บอกเพื่อน
“ไม่ต้องห่วงหรอกถ้าจะติดก็ติดไปนานแล้ว” แฮร์รี่ไม่สนใจ
เฮอร์ไมโอนี่ชะเง้อคอไปที่โต๊ะของอาจารย์เพื่อหาใครคนหนึ่งที่บอกว่าจะมา แต่เธอก็ไม่เห็นใครอีกแล้ว
“มองหาใครเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม ส่วนรอนนั้นไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขาปากไม่ว่างเพราะกำลังเคี้ยวเนื้ออบ
“ยาช่าบอกฉันว่าจะมาฮอกวอตส์อีก” เด็กหญิงบอก
“จริงเหรอ” แฮร์รี่แปลกใจ เพราะศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ไม่ได้บอกกับทุกคนเหมือนครั้งก่อน
“รีบกินดีกว่าน่า เดี๋ยวก็คงรู้เรื่อง” รอนบอกกับเฮอร์ไมโอนี่
เด็กหญิงหันกลับมาที่เดิม แล้วเสี้ยววินาทีนั้นเธอก็สบตากับมัลฟอยที่นั่งอยู่อีกโต๊ะเข้าอย่างจัง เธอรีบหลบตาสีซีดคู่นั้นที่จ้องเขม็งมาทันที เขาดูเหมือนจะรู้ว่าเธอมองหาใครอยู่ แครบกับกอยล์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มัลฟอยถามอย่างแปลกใจที่เห็นเพื่อนเอาแต่จ้องไปที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้นั่ง
“มีอะไรเหรอ มัลฟอย” แครบถาม เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อเพื่อนคนนี้ว่า “เดรโก”
มัลฟอยไม่ตอบ แต่แครบกับกอยล์ก็รู้แล้วว่าไม่ควรถามมากไปกว่านี้จึงลงมือกินอาหารของตัวเองต่อ ไม่นานจานทองของบ้านทุกบ้านก็ว่างเปล่า ขนมหวานก็หมดตามไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย…อิ่ม!” รอนรวบช้อนส้อมแล้วลูบท้องตัวเอง แฮร์รี่เองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากินจนเกือบจุก เด็กบางคนเริ่มลุกจากเก้าอี้ไปนั่งคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ
“กินเสร็จแล้วก็นอน เธอสองคนได้กลายเป็นหมูซักวันแน่” เฮอร์ไมโอนี่บ่น
“เป็นก็เป็นสิ ยังไงก็เป็นสัตว์ไม่มีพิษภัย” รอนว่าแล้วโยกเก้าอี้สองขาดูเพดานอย่างไม่สนใจ
“แล้วถ้ามีพิษภัยจะเป็นสัตว์ยังไงครับ”
รอนแทบตกเก้าอี้ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ยืนก้มหน้ามองมาที่เขาอยู่ข้างหลัง เขาทิ้งเก้าอี้ลงสี่ขาดังโครมใหญ่ ผลก็คือตัวไปกระแทกกับโต๊ะอย่างจัง
“ยาช่า” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างดีใจ เด็กชายร่างสูงยิ้มให้เธอเช่นทุกครั้ง ยาช่าที่ตัวสูงมาตั้งแต่แรกดูเหมือนจะสูงขึ้นกว่าเดิมอีก ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับมันจะบ่งบอกใครต่อใครว่าตัวเขานั้นยังมี “อีกสิ่งหนึ่ง” ที่อยู่ภายใน เด็กชายดูเหมือนได้รับอนุญาตให้สวมเครื่องแบบของฮอกวอตส์เพื่อให้กลมกลืนกับเด็กคนอื่น ๆ
รอนหอบแฮ่ก ๆ แล้วต่อว่า
“หัวใจจะวาย! นายจะบ้ารึไง โผล่มาเงียบ ๆ“
“ขอโทษครับ แค่อยากให้ประหลาดใจ” ยาช่าพูดแล้วเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างรอน
“ฉันนึกว่าเธอไม่มาซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยดวงตาเป็นห่วง
“ผมต้องมาสิ แต่แปลกใจที่เห็นคุณไม่ตอบจดหมายไปกับไอริช”
“คือ - - ขอโทษ เรื่องมันยาวน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วเหลือบ ๆ มองมัลฟอยที่โต๊ะสลิธีริน ดูเหมือนว่ายิ่งเขาเห็นยาช่าดวงตาของเขาก็ส่งกระแสความร้อนมาได้แล้วในตอนนี้
ยาช่าหันไปมองตามแล้วหันกลับมาหัวเราะให้เธอ
“เขายังเหมือนเดิมนะครับ”
“ทำไมเธอไม่มาทานอาหารพร้อมกับเราล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่กลบเกลื่อน
“ผมเพิ่งมาถึง แล้วอีกอย่างปีนี้ไม่ได้เป็นพิธีการเหมือนปีก่อนด้วย เขาให้ผมเลือกบ้านได้เองไม่ต้องสวมหมวกเพราะตอนที่ผมทำรายงานเมื่อปีก่อน ๆ ผมทำเกี่ยวกับบ้านกริฟฟินดอร์ ปีนี้อาจารย์อยากให้ผมทำเกี่ยวกับศาสตร์ของพ่อมดและแม่มดด้านมืดบ้าง ผมก็เลยเลือกบ้านให้ตรงกับหัวข้องาน” เขาอธิบาย
“อย่าบอกนะว่า” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
ยาช่ายิ้มแล้วล้วงมือไปหยิบผ้าพันคอผืนเขียวสลับเทาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมออกมาให้เธอเห็น
“สลิธีรินครับ”
********5********

“อะไรนะ!”
เฮอร์ไมโอนี่มองผ้าพันคอที่เป็นเครื่องยืนยันของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ยาช่ายิ้มแล้วเก็บผ้าพันคอไว้ในเสื้อตามเดิม เด็กหญิงละล่ำละลักพูดต่อ
“ทำไมล่ะ ฉันนึกว่า - - ”
“กริฟฟินดอร์น่ะ ฉันต่างหาก”
รอนแทบตกเก้าอี้อีกครั้งเมื่อเสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้นข้างหลัง พอเขาจะหันไปต่อว่าว่าทำไมถึงชอบโผล่มาเงียบ ๆ ข้างหลังเขากันนัก อ้าปากค้างแทนเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงที่เขาคุ้นตายืนอยู่ เธอมีผิวขาวนวล ผมสีเงินยาวสลวยถึงเอวเหมือนวีล่าแสนสวย
“เฟลอร์ เดอลากูร์” รอนคราง ดวงตาเบิกกว้าง
“ผิดแล้ว!” กาเบรียลหันไปพูดกับรอนอย่างไม่พอใจ เธอมักจะโกรธทุกครั้งที่มีใครทักว่าเธอเป็นพี่สาว รอนถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอก ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ หันมามองเธอเช่นกันเพราะความสวยที่เกินมนุษย์และสเน่ห์ของวีล่าที่ปนมาในสายเลือด มันยิ่งทำให้ดูราวกับว่าตัวเธอส่องประกายออกมาได้
เด็กหญิงเดินมายืนข้าง ๆ ยาช่า
“ฉันต่างหากที่จะมาอยู่กริฟฟินดอร์” กาเบรียลพูดซ้ำแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่เต็มตา เธอขยับตัวชิดกับยาช่าที่นั่งอยู่เหมือนจะประกาศความเป็นเจ้าของให้เธอได้เห็น
เฮอร์ไมโอนี่อมยิ้มพลางนึกในใจว่ากาเบรียลคงเป็นลูกคนเล็กในบ้านแน่ ๆ นิสัยจึงยังคงเอาแต่ใจตัวเองและทำตัวเป็นเด็กกว่าคนอื่นที่อายุเท่ากัน ยาช่าหันมายิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่ราวกับรู้ว่ากำลังคิดคล้าย ๆ กัน
เฮอร์ไมโอนี่แกล้งไม่สนใจกาเบรียลเธอส่งสายตาให้ยาช่าแล้วพูด
“น่าเสียดายเหมือนกันนะ นึกว่าจะได้อยู่ใกล้เธอซะอีก”
ยาช่ารู้ว่าเธอแค่ต้องการจะแกล้งกาเบรียลเท่านั้น เด็กชายเบือนหน้าไปทางอื่นขณะที่ตัวสั่นเพื่อกลั้นหัวเราะเต็มที่ กาเบรียลเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันทีแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา
“ไปอยู่สลิธีรินแหละดีแล้ว!”
ทั้งกลุ่มหันไปมองเจ้าของเสียงทันที คน ๆ นั้นก็คือ - - รอน!
เด็กชายกำลังกัดฟันแล้วเม้มปากเหมือนรู้สึกตัวที่เผลอพูดเสียงดังคั่นกลางขึ้นมา และมันก็เป็นความในใจที่ไม่เข้าท่า ทั้งที่สมองของเขาต้องการจะปฏิเสธว่าเขาเองก็ “หึง” เฮอร์ไมโอนี่เหมือนกัน!
ทางบ้านโต๊ะสลิธีรินก็กำลังเอะอะ แครบกับกอยล์กำลังโวยวายเช็ดน้ำฟักทองออกจากเสื้อของตัวเองเพราะมัลฟอยกระแทกแก้วทองในมือกับโต๊ะจนน้ำฟักทองหกกระเด็นออกมาเต็มโต๊ะ จริงอยู่ที่เขาไม่ได้ยิน แต่ในระยะนี้เขาเห็นสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งให้ยาช่าอย่างชัดเจน
“ไอ้หมาป่าไม่เจียมตัว!” มัลฟอยกัดฟันกรอด
รอนทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสีหน้าท่าทางตกอกตกใจที่เพื่อนทุกคนที่ยังคงมองเขา เด็กชายรีบกลบเกลื่อน
“จะได้ทำรายงานได้ถูกหัวข้อไง”
ทั้งหมดถอนใจออกมา เพราะต่างก็นึกว่ารอนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่างเป็นแน่ กาเบรียลดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าจะพูดว่าอะไร เธอจึงพูดเรื่องอื่นแทน
“ฉันได้อยู่ห้องเดียวกับเธอนะ” เด็กหญิงมีท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก
“จริงเหรอ ดีจัง” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม
เสียงเคาะแก้วของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้นขัดจังหวะเป็นสัญญาณให้เด็ก ๆ นั่งประจำที่กันตามปกติ แล้วพรีเฟ็กของแต่ละบ้านก็เดินมาที่หัวโต๊ะเพื่อนำนักเรียนของบ้านตัวเองไปส่งที่หอนอน เด็กทุกคนยืนขึ้นแล้วเดินออกไปตั้งแถว รอนกับแฮร์รี่เองก็เช่นกัน พวกเขากล่าวลายาช่าก่อนจะเดินไปที่แถวของตัวเอง
“เอาไว้เราค่อยเจอกันนะ แต่ฉันไม่ค่อยชอบเด็กสลิธีรินเท่าไหร่หรอก” รอนแซว
“ผมรู้ครับ แต่เด็กกริฟฟินดอร์ก็ชอบเด็กสลิธีรินได้นะฮะ” ยาช่าพูดพลางยิ้ม เขาหันมามองเฮอร์ไมโอนี่แวบหนึ่งโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น มีรอยสีชมพูปรากฏที่แก้มของเธอ
แถวของเด็กแต่ละบ้านครบแล้ว ยาช่าโบกมือลาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจะเดินตามรอนและแฮร์รี่ไป
“ตามมาเร็ว กาเบรียล” เธอบอกแล้ววิ่งนำไปก่อน
กาเบรียลไม่ได้ตามเฮอร์ไมโอนี่ทันที เด็กหญิงอ้าปากจะพูดบางอย่างกับยาช่า เด็กชายจึงชะงักหยุดเพื่อฟังเธอด้วยหน้าประหลาดใจ
“ระวังตัวนะ” กาเบรียลพูดด้วยใบหน้าสีชมพู
“สุดชีวิตเลยครับ” ยาช่าหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาจับปลายผมของกาเบรียล แล้วเขาก็ปล่อยผมสีเงินสลวยนั้นลื่นหลุดจากมือพลิ้วลงบนตัวของเธอตามเดิม
กาเบรียลหน้าเป็นสีชมพูเข้มขณะมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินจากไป
เด็กของบ้านสลิธีรินเดินอย่างรวดเร็วและไม่สนใจใคร ยาช่าเดินตามมาข้างหลังแต่เขาช้ากว่าเด็กคนอื่นอยู่ดีเพราะเขาไม่ชินกับทางและบางทีบันไดก็เลื่อนหนีเขาโดยที่เด็กคนอื่น ๆ ไม่รอหรือหันมามองเขาเลย ดังนั้นเมื่อยาช่าเดินมาถึงรูปภาพทางเข้าบ้านสลิธีริน เด็กคนอื่นก็เข้ากันไปหมดแล้ว มีเพียงพรีเฟ็กหน้าตาดุร้ายยืนกอดอกรออยู่
“ช้ามาก!” พรีเฟ็กคนนั้นตวาด
“เดินยังไง หรือคลานสี่ขามา!”
ยาช่าอดโมโหไม่ได้ที่ถูกดุอย่างรุนแรงขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่สนใจจะเถียงกับอีกฝ่าย
“ถึงมาจากโรงเรียนอื่นก็ต้องเคารพกฎที่นี่ เข้าใจไหม!” พรีเฟ็กหน้ายักษ์ยังไม่หยุด
“รหัสผ่านอะไรครับ” เขาตัดสินใจไม่มีเรื่องดีกว่า
“ไร้เลือดสีโคลน!” อีกฝ่ายกระชากเสียง แล้วเดินจากไปทางอื่นโดยที่ไม่เข้าไปก่อน
ยาช่าเอ่ยรหัสผ่านกับรูปภาพชายหน้าถคุณทึงที่อยู่หน้าบ้านสลิธีริน เขาส่ายศรีษะกับรหัสผ่านที่ฟังดูแบ่งแยกชนชั้นอย่างระอา ชายในภาพเชิดหน้าขึ้นแล้วรูปของเขาก็เหวี่ยงออก ยาช่าปีนผ่านเข้าไปก็เห็นว่าในห้องนั่งเล่นรวมของบ้านสลิธีรินนั้นไม่มีใครอยู่เลย เขาเดาว่าคงจะเข้าห้องกันหมดแล้ว เพราะเขามัวแต่เสียเวลาอยู่กับพรีเฟ็กคนนั้น แต่ - -
“สงสัยต้องรับน้องกันหน่อยแล้วมั้ง”
เสียงห้าว ๆ ของเด็กคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน เด็กผู้ชายผมดำตัวใหญ่เหมือนหมียักษ์เดินออกมากับเด็กชายอีกสองสามคน ทุกคนกอดอกและมีสีหน้าท่าทางขุ่นเคือง
“ผมยาช่า - - ” เขาจะแนะนำตัว
“ใครถามนายกัน!” เด็กร่างยักษ์คนนั้นกอดอกตวาด
“ใช้วิธีไหนดีแบดด็อก” อีกคนที่เดินมาด้วยกันของเขาถาม
“เด็กใหม่ไม่มีห้องนอนให้ ต้องนอนห้องนั่งเล่น!” เด็กชายที่ชื่อแบดด็อกพูดเสียงกร้าว
“ผมมีห้องนะ อยู่ห้อง - - ” ยาช่าจะอธิบาย
“หุบปาก!” อีกฝ่ายตวาดซ้ำ
เด็กร่างจ้อยผอมแห้งอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่ม พยายามกอดอกและยืดตัวสู้กับยาช่าทั้งที่ส่วนสูงยังไม่พ้นอกเขาด้วยซ้ำไป
“ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับมัลคล์อม แบดด็อก ลูกพี่ฉัน” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก
ลูกพี่พยักหน้ารับอย่างพออกพอใจกับคำสรรเสริญนั้นก่อนจะตะโกนสั่งลูกน้อง
“จับมันมัดแล้วให้นอนตรงนี้!”
เด็กที่เหลือเฮโลเสียงดังตรงไปหายาช่า เด็กชายถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วคำรามเสียงดังเพื่อป้องกันตัว และตั้งท่าจะกระโจนสู้
บรรดาลูกน้องของแบดด๊อกชะงักกึก
“อะไรกัน...” เด็กชายร่างเล็กคนนั้นตกตะลึง
ทุกคนผงะถอยหลังกันหมดเมื่อเห็นท่างทางของอีกฝ่าย ม่านตาของยาช่าเปลี่ยนเป็นเรียวเล็ก และมีประกายออกมาเพราะสะท้อนแสงไฟจากเตาผิงในห้องนั้น
ดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถสะท้อนแสงได้!
“อ๊าาาากกกกกกกกก!!!!!!”
ทั้งหมดร้องเสียงดังลั่นจนฝุ่นจากเพดานร่วงพรูลงมา ยาช่าเห็นว่าผมของแบดด็อกตั้งขึ้นราวกับโดนผีหลอกต่อหน้า แล้วเด็กชายหัวโจกก็วิ่งหนีไปทางด้านหลังก่อนใคร บรรดาลูกน้องก็วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ตามไปทันที
ยาช่าได้ยินเสียงปิดประตูหนีดังโครมครามดังขึ้น เขาถอนใจและรู้สึกไม่พอใจกับตัวเอง เขาน่าจะควบคุมร่างกายได้และใช้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้ เพราะจากวันนี้ไปเขาต้องเป็นที่สงสัยมากแน่ ๆ
“สนุกนักหรือไงที่แกล้งคนแบบนั้น”
เสียงยานคางคุ้นหูดังมาข้างหลังยาช่า เด็กชายหันไปมองทันทีก็เห็นเดรโก มัลฟอยยืนกอดอกพิงด้านหลังของรูปภาพตรงทางเข้าอยู่ แต่วันนี้ไม่มีแครบกับกอยล์ขนาบข้างดังเช่นทุกครั้ง สำหรับยาช่าแล้วมัลฟอยมีเพียงดวงตาและสีผิวซีดเซียวเท่านั้นที่เหมือนเดิม ส่วนอื่นของร่างกายก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกับเขา
“หวัดดีครับ” ยาช่าทัก
มัลฟอยมองอีกฝ่ายนิ่ง
“เคยมีคนบอกนายบ้างไหม ว่าขยะแขยงที่ได้ยินนายแทนตัวเองว่า “ผม” ลงท้ายด้วย “ครับ” ทุกครั้งที่พูด” เขาบอกเสียงเบื่อแล้วเดินมาตรงหน้ายาช่า
“ไม่เคย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าใคร….ครับ!” เขาตอบเหมือนประชด
มัลฟอยหรี่ตากับคำพูดของคนตรงหน้า - - บทหมอนี่จะกวนก็ทำได้นี่!
เด็กชายเดินมาหาอีกฝ่ายช้า ๆ เขาอ้อมไปทางด้านซ้ายของยาช่าแล้วหยุดเดินตรงด้านหลัง ยาช่าหมุนตัวตามอย่างระวังตัว
“ฉันว่าฉันจำอะไรได้นะ” มัลฟอยพูดเสียงเย็น เขาถลกเสื้อคลุมแล้วดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้น มีรอยแผลจาง ๆ ยังปรากฏอยู่ บาดแผลที่ยาช่าเคยฝากคมเขี้ยวไว้และมัลฟอยไม่มีวันลืม เขายกแขนข้างนั้นขึ้นให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ
“นายรู้ไหม พอพ่อรู้ว่าฉันถูกหมาป่ากัดพ่อทำยังไง ”
ยาช่าเม้มปาก เขาจำความผิดที่เคยก่อไว้ได้แต่ในครั้งนั้นเป็นเพราะเขาไม่รู้สึกตัว
“พ่อลงมือบีบแผลให้เลือดที่เขาคิดว่าติดน้ำลายหมาป่าออกด้วยตัวเองเลยนะ ตอนแรกพ่อบอกฉันว่ามันจะไม่เจ็บ” มัลฟอยเว้นวรรคเพื่อมองหน้ายาช่าให้เต็มตา
“แต่มันเจ็บ” เขาพูดสั้น ๆ
“เจ็บ….จนเหลือเชื่อเลยล่ะ!”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง ยาช่าพูดขึ้นก่อน
“ผมขอโทษ”
มัลฟอยดึงแขนเสื้อกลับเข้าที่อย่างไม่สนใจ แล้วพูดต่อ
“อย่าเข้าใกล้เกรนเจอร์”
“อะไรนะ” ยาช่าขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นมัลฟอยก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุมของตัวเองได้เร็วเกินกว่าที่ยาช่าจะตั้งตัว ปลายไม้ชี้ไปที่ปลายจมูกของอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ถ้าแกเข้าใกล้เขา - - ” มัลฟอยขู่เสียงเย็น เขาขยับไม้กายสิทธิ์ให้เข้าไปชิดจมูกยาช่ามากขึ้น
“ฉันจะหักเขี้ยวแก!”
ยาช่ากัดฟันแน่นเพราะไม้กายสิทธิ์ที่ชี้มาที่เขาตอนนี้ทำให้เขาหมดสิทธิ์ต่อสู้
มัลฟอยสะบัดไม้กายสิทธิ์ แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันกลับมา ยาช่ายืนนิ่งอยู่เป็นครู่ เขาหอบหายใจแล้วใช้แขนยันตัวเองกับโต๊ะในห้องนั่งเล่น เหงื่อเต็มหน้าผากของเขาแต่เด็กชายกลับมีสีหน้าพอใจ
“เขารักคุณได้น่ากลัวเหลือเกินนะฮะ เฮอร์ไมโอนี่”
*********6*********
หลังจากเปิดเทอมมาได้ราวหนึ่งสัปดาห์แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่ามันนานราวกับว่าถ้าเธอจะเรียนจบวันนี้ก็ไม่แปลก เพราะเธอต้องคอยระมัดระวังตัวตลอดเวลาไม่ให้เผลอโบกมือให้ยาช่าตอนที่เขาเดินอยู่กับเด็กสลิธีรินคนอื่น ๆ นอจากเพื่อไม่ให้ใครสงสัยแล้วอีกเหตุผลหนึ่งก็คือมัลฟอยจะได้ไม่ฆ่ายาช่าทิ้งเสียต่อหน้าเธอ
ส่วนกาเบรียลนั้นแรก ๆ อาจจะตั้งท่าไม่พอใจเฮอร์ไมโอนี่นัก แต่ระยะหลัง ๆ เธอก็รู้ว่ากาเบรียลต่างจากเฟลอร์พี่สาวของเธอมากพอสมควร เพราะถึงแม้จะเหมือนกันเท่าใดแต่ก็ยังเป็นคนละคน
วันนี้คาบเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ของศาสตราจารย์สเปราต์ดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ได้ข่าวมาว่าผลแห่งความฝันซึ่งจะออกผลเพียงปีละครั้งสุกแล้วและบ้านที่ได้รับเลือกให้ใช้ประโยชน์จากมันในปีนี้ก็คือบ้านของพวกเขา
“ผลแห่งความฝันมีประโยชน์ในการสกัดไปปรุงยาที่ดื่มแล้วสามารถทำให้ไม่ฝันเลย เป็นการพักผ่อนที่ดีมากจึงเป็นที่ต้องการของทุกคน แต่ที่โรงเรียนปลูกไว้เพียงจำนวนน้อยเพราะต้นของมันดูแลรักษายากมากและจำกัดให้มีโรงเรียนละไม่เกินห้าสิบต้น” ศาสตราจารย์สเปราต์บอกกับนักเรียน ขณะแจกชามอ่างใบเล็กและถุงมือให้กับเด็กทุกคนเพื่อเก็บผล
“นายเคยกินนี่แฮร์รี่ เห็นแม่บอก” รอนกระซิบกับแฮร์รี่ เขานึกถึงตอนที่แฮร์รี่เผชิญหน้าและปะทะกับลอร์ดวอลเดอร์มอร์ ถึงแม้เขาจะรอดมาได้แต่ความทรงจำอันแล้วร้ายที่ติดตาทำให้เขาจำเป็นต้องใช้ยาชนิดนี้เพื่อพักผ่อน
“ใช่ ฉันไม่ยักรู้เลยนะว่ามันเป็นผลหน้าตาอย่างนี้” แฮร์รี่มองต้นไม้ที่ปลูกในกระถางใบใหญ่ซึ่งตั้งเรียงอยู่รอบเรือนกระจก แต่ละต้นมีความสูงแค่ศรีษะเท่านั้น ใบเขียวจัด และมีผลเหมือนลูกเชอร์รี่สีแดงสดเป็นพวงเต็มต้น
“รสชาติมันเป็นไงล่ะ” รอนถามอีก เขาหยิบถุงมือขึ้นมาสวม
“จำไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนั้นฉันรีบดื่ม” แฮร์รี่บอกแล้วลงมือเก็บผลแห่งความฝันใส่ชามของตัวเอง
ศาสตราจารย์สเปราต์มองดูเด็ก ๆ ขะมักเขม้นเก็บผลให้เต็มชามของตัวเอง ขณะที่เธอพูดต่อไปเรื่อย ๆ
“ผลของต้นแห่งความฝันสวยมาก มีสีสันและกลิ่นหอมล่อแมลงให้มากัดกิน แต่รสชาติของมันนั้น…”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงสำลักอย่างรุนแรงดังมาจากแถวด้านหลัง เนวิลล์กำลังเอามือกุมคอตัวเองและไอจนหน้าแดงให้ผลแห่งความฝันที่เขาแอบกินเข้าไปออกมา
“ขมจัดและเฝื่อนจนกินดิบไม่ได้” ศาสตราจารย์สเปราต์พูดเสียงหน่าย ปาราวตีรีบช่วยตบหลังเนวิลล์
“มีแมลงที่ถูกล่ออยู่นี่ตัวนึง” รอนนินทากับแฮร์รี่จนเขาต้องกลั้นหัวเราะเต็มที
ไม่ช้าผลแห่งความฝันสีแดงก็เต็มชามของทุกคน ศาสตราจารย์สเปราต์มีท่าทางพอใจมาก
“เราจะเอามันไปให้ศาสตราจารย์สเนปปรุงเหรอครับ” ดีน โทมัสยกมือถาม
“ผลแห่งความฝันสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำยาที่ทำให้ไม่ฝันก็จริง แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการปรุงมันให้ออกมาในรูปแบบของอาหารและขนม” ศาสตราจารย์สเปราต์หยิบผลแห่งความฝันขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วอธิบาย
“ลองนึกภาพสเนปคาดผ้ากันเปื้อน สวมหมวกพ่อครัวดูสิ” รอนกระซิบกับแฮร์รี่อีก คราวนี้เขาต้องเม้มปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะดังออกมา
“วันนี้ฉันก็ขอทดสอบความสามารถเวทมนตร์การทำอาหารของพวกเธอหน่อยก็แล้วกันนะ อันที่จริงฉันก็ไม่ใช่อาจารย์ที่จะมาสอนเรื่องพวกนี้ แต่ก็คงดีกว่าเรียนการปรุงให้มันเป็นยากับศาสตราจารย์สเนปใช่ไหมล่ะ” ศาสตราจารย์กล่าวอย่างอารมณ์ดี แล้วพูดต่อ
“ฉันขอยืมห้องครัวใต้ดินจากพวกเอลฟ์ไว้ ให้แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละสามคน ทำขนมมาตามแบบที่จับฉลากได้”
เด็กนักเรียนชายครางออกมาอย่างหดหู่ พวกเขาเกลียดการทำอาหารที่สุด โดยเฉพาะรอนกับแฮร์รี่กำลังเห็นภาพตัวเองใส่ชุดที่จินตนาการไว้สักครู่แทนที่จะเป็นสเนป
“เอาล่ะ ตามฉันมา”
ศาสตราจารย์สเปราต์เดินนำเด็กทุกคนไปยังห้องครัวใต้ดิน บรรดาเอลฟ์จัดห้องครัว อุปกรณ์และเตาไว้ให้เรียบร้อยสำหรับนักเรียนทุกกลุ่มแล้ว แฮร์รี่รู้สึกกังวลเพราะตัวเขาเองนั้นนอกจากเคยทอดไส้กรอกกับไข่ดาวให้ดัดลีย์แล้วก็ไม่เคยทำอาหารอะไรเลย ป้าเพ็ดทูเนียไม่ไว้ใจให้เขาแตะต้องอะไรทั้งสิ้นเพราะกลัวว่าหม้อจะบุบหรือแก๊สระเบิด หลังจากจับฉลากแล้วแฮร์รี่ก็รู้สึกโล่งอกที่ได้จับคู่กับรอนแต่เขาก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่อเนวิลล์เดินมาบอกว่าเขาได้อยู่ในกลุ่มเช่นกัน
ขนมที่พวกเขาได้รับมอบหมายก็คือเค้กผลแห่งความฝัน - - หน้าตาเหมือนกับเค้กผลไม้ทั่วไป เพียงแต่ขั้นตอนลดความขมของผลแห่งความฝันนั้นยากมากและต้องใช้เครื่องปรุงพิเศษหลายอย่าง
“ฉันชักสงสารแม่แล้วสิที่เคยบ่นว่าเค้กของแม่แข็งไป” รอนตอกไข่ใส่ลงไปในชามอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ไม้กายสิทธิ์บังคับให้ไม้ตีมาตีไข่ ส่วนแฮร์รี่กำลังบังคับตะแกรงให้ร่อนแป้งอย่างช้า ๆ ตอนแรกเขาคิดว่านางวิสลีย์แม่ของรอนเป็นคนทำอาหารเก่ง รอนก็น่าจะได้เรียนรู้จากแม่มาบ้าง แต่ความจริงไม่ใช่เลยเพราะนางวิสลีย์ก็กลัวเช่นเดียวกับที่ป้าของเขากลัว
“ถ้าเธอกลัวว่าผลแห่งความฝันจะช้ำอาจจะทำให้รสขมของมันไม่ลดลงนะ ใช้น้ำที่สกัดจากต้นสนแดงอยู่ในตู้ชั้นบนนะ แช่ไว้ก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ค่อยนำออกมาใช้ - - เนวิลล์นั่นมันน้ำจากต้นสนดำยิ่งใส่ยิ่งขมนะ”
เสียงของศาสตราจารย์สเปราต์ดังประสานไปกับเสียงถาด ตะแกรง และเสียงตีไข่จากบรรดาอุปกรณ์ทำขนมของนักเรียน ทุกคนพยายามใช้เวทมนตร์ให้มากที่สุดเพราะกลัวว่าถ้าทำด้วยมือแล้วคงไม่มีทางออกมาน่าอร่อยได้
“มีดบาดมือเธอเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อเห็นเลือดไหลจากนิ้วของกาเบรียล
“นิดหน่อย ฉันใช้เวทมนตร์แล้วแต่มันหั่นชิ้นใหญ่เกินไป” เด็กหญิงทำหน้าเหยเก ขณะผ่าผลแห่งความฝันให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ลาเวนเดอร์ บราวน์วางไม้กายสิทธิ์แปะลงกับโต๊ะแล้วลงมือเอาเนยขาวทาที่พิมพ์ของขนมเค้กเองด้วยมือเพราะไม่ทันใจเธอ
“ถ้าทำเสร็จแล้วฉันจะไม่แบ่งใครเลยคอยดู!” เด็กหญิงประกาศิต
เด็กคนอื่นก็วุ่นวายพอกัน
“มันหายขมหรือยังเซมัส” ดีนล้วงมือลงไปในอ่าง
“เฮ้! ห้ามกินนะ!” เขายกอ่างหลบแต่ไม่ทันดีนเอาเอาผลแห่งความฝันเข้าปากแล้วถ่มออกมา
“ขมยิ่งกว่าเดิมซะอีก”
“ดีน! เซมัส! ไฟไหม้เตาของพวกนายแน่ะ”
“เฮ้ย! อย่าผสมชอกโกแลต ฉันเกลียด ไม่รู้เรื่องหรือไง”
“น้ำตาลถ้วยเดียวพอ! ดูปริมาณแป้งสิ!”
ศาสตราจารย์สเปราต์ถอนใจเหนื่อยกับนักเรียนที่วุ่นวาย หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงห้องครัวก็เต็มไปด้วยแป้ง เศษช็อกโกแลต กระปุกแยมว่างเปล่า และชามอ่างสกปรก ขนมของนักเรียนทุกคนถูกนำมาวางไว้บนถาด แฮร์รี่นึกขำเพราะขนมในถาดของเซมัสและดีนออกมาหน้าตาเหมือนถูกทับจนแบน ถึงอย่างนั้นก็ยังหัวเราะไม่ได้เพราะขนมของพวกเขาเองก็เหมือนเป็นอีสุกอีไส
“เอาล่ะจ้ะ! ดีมากทุกคน เอาขนมแบ่งใส่กล่องกระดาษที่เตรียมไว้นะ วันนี้เอลฟ์คงทำงานหนักน่าดู” เธอมองสภาพพื้นครัวแล้วส่ายศรีษะ ก่อนจะพูดต่อ
“หวังว่าพวกเธอจะแบ่งให้กับนักเรียนบ้านอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับเลือกในปีนี้ได้ใช้ประโยชน์จากผลแห่งความฝันบ้าง เพื่อแบ่งปันการพักผ่อนที่ดีให้กับทุกคนนะ” ศาสตราจารย์พูดอย่างหนักแน่น
“ใครจะไปอยากกิน” รอนมองเค้กของตัวเองขณะตัดมันใส่กล่องเพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะฝันร้ายในคืนนี้เสียมากกว่ามานั่งกินขนมที่อาจจะทำให้เขาปวดท้องจนนอนไม่หลับทั้งคืน
“น่ากินนี่ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ชมเค้กของกลุ่มเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ข้าง ๆ
“เธอตั้งใจจะแบ่งใครล่ะ” รอนถาม
“ฉันคงกินเอง ไม่แบ่งใครหรอก” เด็กหญิงบอกแล้วปิดกล่อง แต่ในใจตอนนี้เธอคิดเพียงว่าถ้าแบ่งให้มัลฟอยเขาจะยอมกินไหม
“กรี๊ด!”
กาเบรียลกรีดร้องเมื่อเนวิลล์เหยียบไข่ไก่ที่ตกแตกอยู่บนพื้นจนล้มคะมำมาถูกกล่องเค้กที่เธอวางไว้บนโต๊ะ และเหมือนแกล้งเพราะเขาเหยียบมันซ้ำเข้าไปอีก
“ลองบัตท่อม!” ศาสตราจารย์สเปราต์ร้อง
“เป็นอะไรหรือเปล่า เนวิลล์” แฮร์รี่ กับรอนมาช่วยกันพยุงเขาขึ้นเพราะดูเหมือนว่าขาของเขาจะแพลงเพราะล้มไปโดยแรง ทั้งสองทำหน้าแหยง ๆ เพราะเมื่อเนวิลล์ลุกขึ้นก็เห็นครีมสีน้ำนมทะลักออกมาจากมุมกล่องเค้กของกาเบรียล
“ฉัน - - ฉันขอโทษ” เนวิลล์ละล่ำละลักยกกล่องบู้บี้ใบนั้นขึ้น
กาเบรียลเม้มปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอ ขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงตกใจอยู่ เนวิลล์ไม่กล้าเปิดกล่องนั้นออกดู
“ฉันขอโทษจริง ๆ” เด็กชายหน้าซีดเผือด ดูเหมือนเขาจะตัวหดเล็กลงเพราะสำนึกผิด แล้วเขาก็ยื่นกล่องใบนั้นให้กาเบรียล เมื่อเด็กหญิงรับไปเปิดออกก็เห็นว่าของภายนั้นนั้นแบนเช่นเดียวกับสภาพกล่อง
กาเบรียลร้องไห้แล้ววิ่งออกไปจากห้องท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“กาเบรียล!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเธอแต่ไม่ทัน
ทุกคนเงียบกันไปพักหนึ่งจนในที่สุดเนวิลล์ก็พูดขึ้นอย่างสำนึกผิด
“เพราะฉันคนเดียว”
“ใจเย็นน่า ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ” แฮร์รี่รีบตบไหล่เนวิลล์ปลอบ
“แต่เพราะฉันไม่ระวัง” เขาก้มหน้า
“ไม่เป็นไรเนวิลล์ ฉันว่ากาเบรียลเขาเข้าใจ แต่อาจจะเสียใจบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่ช่วยปลอบเขาอีกคน เธอหันไปมองทางที่กาเบรียลวิ่งออกไปแล้วถอนใจ
“ฉันรู้ว่าเขาอยากให้ใครคนหนึ่งได้กินมาก”
**********
ยาช่าเสยผมที่เปียกทั้งน้ำและเหงื่ออย่างรำคาญ วันนี้เขาลองเล่นควิดดิชเป็นครั้งแรกแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ถนัดเอาเสียเลย บางทีผู้เล่นควิดดิชนอกจากต้องฝึกฝนอย่างหนักแล้วอาจจะต้องมีพรสวรรค์ด้วยกระมัง
เด็กชายเดินเข้ามาในสนามหญ้าที่ติดกับระเบียงทางเดินของตึกเรียน เฮอร์ไมโอนี่เคยเล่าให้ฟังว่ารอนเคยแหวะทากออกมาที่นี่ตอนมีเรื่องกับมัลฟอยตอนปีสอง ถึงจะเห็นใจแต่พอเขานึกถึงแล้วก็เกือบหัวเราะออกมาทุกที วันนี้ระเบียงทางเดินดูเอะอะกว่าทุกครั้ง นักเรียนหลายคนดูเหมือนกำลังวิ่งไล่จับกัน
“พวกอดอยากกำลังขอขนมบ้านกริฟฟินดอร์กินกันใหญ่” เด็กบ้านสลิธีรินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลเกือบดำในสนามพูดอย่างหมั่นไส้กับเพื่อนอีกคน
ยาช่าหันไปมองเด็กคนนั้นแล้วถาม
“ขนมอะไรครับ”
เด็กคนนั้นมองยาช่าตั้งแต่หัวจดเท้า แต่พอเห็นเครื่อหมายของบ้านสลิธีรินอยู่บนอกเขาก็พอมีสายตาเป็นมิตรขึ้นมาบ้าง
“ไม่รู้รึไง ปีนี้บ้านกริฟฟินดอร์ได้รับเลือกให้ใช้ประโยชน์จากผลแห่งความฝัน” เขาบอก
“ผลแห่งความฝัน” ยาช่าขมวดคิ้ว
“เฮ้! ไปอยู่ที่ไหนมา - - ผลแห่งความฝันมีฤทธิ์ทำให้ไม่ฝันและหลับสบาย ไอ้พวกเห็นแก่นอนก็อยากกินทั้งนั้นแหละ” เขาอธิบายอย่างรำคาญ แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันมองตาละห้อยไปที่กลุ่มเด็กที่ได้รับขนมจากเพื่อนและกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยพูดขึ้น
“ปีที่แล้วบ้านเราได้รับเลือก ฉันอยากกินอีก”
เด็กคนแรกเอาศอกกระทุ้งเพื่อนอย่างแรงแล้วกระซิบเสียงดุ
“หุบปากน่า ทิม! ปีทีแล้วนายไม่ได้แบ่งใครซักคนปีนี้ใครเขาจะมาแบ่งให้นายกัน!”
ยาช่าหันกลับไปมองที่ทางเดินอีกแล้วก็นึกอยากลองกินขึ้นมาบ้าง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งของกริฟฟินดอร์เอากล่องสีขาวทูนไว้บนหัวและกำลังวิ่งหนีเด็กผู้ชายสองคนจากเรเวนคลอที่วิ่งไล่หลังมาพร้อมกับร้องว่า “ขอกินหน่อย! - - ขอกินหน่อย!”
ยาช่าเดินผละจากเด็กสองคนนั้น แล้วก็แปลกใจที่เห็นเด็กผู้หญิงผมสีเงินคุ้นตานั่งอยู่ที่มุมเงียบ ๆ ตรงสนาม เขาเดินไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าเป็นกาเบรียล
“ทำอะไรอยู่ครับ” เขาถามด้วยสีหน้าแปลกใจ แล้วก็เห็นเด็กหญิงปาดน้ำตา
“เปล่า - - เปล่าหรอก”
“ผมได้ยินวันนี้เด็กของกริฟฟินดอร์วุ่นน่าดู” ยาช่าชวนคุยเมื่อเห็นท่าทางของเธอไม่แจ่มใส เขาเห็นเด็กชายจากเรเวนคลอสองคนเมื่อสักครู่แย่งขนมเด็กผู้หญิงคนนั้นมาได้สำเร็จและกำลังวิ่งหนีเจ้าของที่ถือไม้กายสิทธิ์ไล่หลังมาอย่างเอาเรื่อง
“ผลแห่งความฝันสุกแล้ววันนี้เราเลยทำขนมกัน” กาเบรียลอธิบาย
“แล้วคุณไม่ได้ทำเหรอครับ” เขาถาม ไม่ได้มีเจตนาจะจี้ใจดำของเธอ
กาเบรียลกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที แล้วเธอก็โกหก
“ไม่ พอดีมันออกผลน้อยไม่พอสำหรับทุกคน ฉันเลยอด - - เธออยากกินเหรอ”
“ผมว่าผมกลับไปกินที่โรงเรียนผมดีกว่า หรือไม่ปีหน้าค่อยกินก็ได้” เขาตอบ
กาเบรียลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่ทันไรน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ยาช่าตกใจ แล้วกาเบรียลก็ยืนขึ้นช้า ๆ เธอหยิบกล่องสีขาวที่ซ่อนไว้ในเสื้อคลุมออกมา
“ความจริงฉันทำนะ” มือของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเปิดกล่องบู้บี้นั้นออก ยาช่าเห็นนิ้วของเธอมีรอยแดง ๆ เต็มไปหมด
“แต่เนวิลล์หกล้มแล้ว - - แล้วเหยียบมันเข้าพอดี แต่ฉันก็คิดว่ามันคงรสชาติไม่ได้เรื่องอยู่แล้ว ฉันทำไม่เก่งหรอก - - ที่บ้านฉันมีเอลฟ์ตั้งหกตัว”
ยาช่ามองของที่อยู่ในกล่อง มันยังพอบอกได้ว่าเป็นเค้กก็จริงอยู่แต่มันก็บี้แบนจนไม่เป็นรูป ครีมสีน้ำนมและผลแห่งความฝันสีแดงที่ปนอยู่เหมือนถูกละเลงไปทั่ว เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อว่าเธอน่ะหรือจะทำ แต่ที่เขาเห็นก็คือกาเบรียลกำลังร้องไห้
เด็กหญิงเช็ดน้ำตาแล้วจะปิดกล่องนั้นลง ในเสี้ยววินาทีนั้นเด็กชายก็คว้าเค้กขึ้นมาคำหนึ่งแล้วโยนใส่ปากตัวเอง
“ยาช่า!” กาเบรียลร้องอย่างตกใจ
เด็กชายเคี้ยวอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อรับรส เค้กคำนั้นแล้วกลืนลงไปต่อหน้า กาเบรียลตกตะลึงอยู่เป็นครู่ ไม่นานเธอก็เห็นเขายิ้มออกมา
“อร่อยครับ”
กาเบรียลร้องไห้โฮแล้วโผเข้ากอดยาช่าแน่น
**********7************
เฮอร์ไมโอนี่เดินถือกล่องขนมของตัวเองมาตามทางกลับหอ เธอแยกกับแฮร์รี่และรอนเพราะทั้งสองต้องไปเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ แต่คาบเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์ของเธองดเพราะอาจารย์ต้องไปประชุมเรื่องหลักสูตรวิชานี้กับอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่กระทรวงเวทมนตร์
เด็กหญิงเดินวนไปวนมาไปทั่วโรงเรียน เธอก้าวช้ากว่าปกติเพราะลังเลว่าจะเอาไปให้มัลฟอยดีไหม และจะเอาไปให้เขาวิธีไหนดี จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าหอนอนของกริฟฟินดอร์โดยไม่รู้ตัว
“รหัสผ่านล่ะ” สุภาพสตรีอ้วนถาม
“เอ่อ - - หนู…” เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าหอไปเลยและกินขนมนี้คนเดียวดีไหม ไม่ทันไรเธอก็เห็นคน ๆ หนึ่งกำลังเดินมา
รอนเดินหน้าหมองมาจากทางไปคุกใต้ดิน เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจที่เห็นเขาเดินกลับมาเพียงคนเดียว
“รอน แล้วแฮร์รี่ล่ะ” เธอถาม นึกในใจว่านี่เธอเดินวนไปวนมานานจนคาบเรียนของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เลิกเลยหรือเนี่
“โดนสเนปกักตัวไว้นะสิ” รอนตอบอย่างฉุนจัด
“อะไรนะ!” เด็กหญิงร้อง
“แฮร์รี่จะเอาเค้กนั่นไปให้แฮกริดหลังจบคาบพยากรณ์ศาสตร์ แต่ระหว่างทางเราเจอสเนปซะก่อน”
“แล้วไงต่อล่ะ” เธอถาม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลย เพราะการเจอสเนปก็ไม่ต่างจากการเจอสุนัขสามหัวตรงทางเดินเท่าใดนัก
“ก็อย่างเคยแหละ! เขาก็หาทางยัดข้อหาให้เราน่ะสิ หาว่าพวกเราจะมาเดินกินขนมตรงระเบียบ ฉันไม่มีขนมเหลือแล้วเลยรอด แต่แฮร์รี่โดนเต็ม ๆ เลยเพราะมีของในมือ เราอธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง” เด็กชายพูดหงุดหงิด
“หมายความว่าตอนนี้ แฮร์รี่ - - ” เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง
“สเนปขู่ว่าถ้าแฮร์รี่ไม่ตรงไปหาเขาหลังเลิกเรียนทันทีล่ะก็จะหักคะแนนกริฟฟินดอร์ห้าสิบคะแนนน่ะสิ! ตอนนี้แฮร์รี่อยู่กับสเนปคนเดียวด้วย” รอนเน้นแล้วพูดต่อเหมือนตัดใจ
“ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องรอให้เขากลับมา”
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก เป็นห่วงแฮร์รี่จับใจ รอนถามเธอ
“แล้วนี่เธอทำไมไม่เข้าหอไปล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันว่าจะเข้าก็มาเจอเธอพอดี” เด็กหญิงโกหก
“เธอยังไม่ได้กินขนมเหรอ” รอนมองกล่องเค้กในมือของอีกฝ่าย
“เธอกินของตัวเองหมดไปแล้วสิ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“ใครบอก ฉันยังไม่ได้กินซักคำ” เขาบ่น เด็กหญิงเลิกคิ้ว
“เธอไม่รู้เหรอ ผลแห่งความฝันน่ะมีพอสำหรับปีเราเท่านั้นแหละ ปีอื่น ๆ ไม่ได้ทำ ฉันเจอเฟร็ดกับจอร์จก่อนคาบเรียนพยากรณ์ศาสตร์พอดีก็เลยยกให้ไป - - ก็พวกนั้นทวงว่าซื้อเสื้อคลุมใหม่ให้เลยให้ฉันตอบแทนน่ะสิ”
“เธอให้ไปหมดเลยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ไม่ค่อยเชื่อ
“ฉันเจอจินนี่อีกคน” รอนพูดถึงน้องสาวคนสุดท้องของตัวเอง
“ฉันเลยให้ชิ้นสุดท้ายไป บอกเธอไปว่าฉันกินแล้วเพราะจินนี่ทำท่าจะไม่รับถ้าฉันยังไม่ได้กิน”
เฮอร์ไมโอนี่เปิดกล่องขนมของตัวเองออก ข้างในมีเค้กอยู่สามชิ้น
“กินของฉันสิ ฉันจะแบ่งให้ - - ชิ้นเดียวนะ”
“จริงเหรอ เยี่ยม!” รอนว่าแล้วเอื้อมมือลงมาในกล่อง
“ชิ้นเดียวนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ย้ำ
เสียงฝีเท้าของคน ๆ หนึ่งหยุดไม่ไกลจากทั้งสองคน เมื่อเฮอร์ไมโอนี่และรอนหันไปมองเจ้าของเสียง พวกเขาก็เห็นเด็กชายผิวซีดเซียวยืนอยู่ - - เดรโก มัลฟอย!
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วปิดกล่องขนมทันที
เด็กชายผมสีบลอนด์หรี่ตามองภาพตรงหน้านิ่ง เขาเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไม่ยาก รอนกำลังเคี้ยวของในปากขณะที่กล่องในมือของเฮอร์ไมโอนี่เปิดอยู่ เขากัดฟันเหมือนทุกครั้งที่กำลังโกรธจัด
“อ้อ - - ขอโทษทีที่ขัดจังหวะ แต่นี่มันทางเดินสาธารณะซะด้วยสิ” มัลฟอยพูดเสียงเรียบ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาต้องบังคับตัวเองแค่ไหนให้น้ำเสียงออกมาเป็นปกติ
รอนเช็ดครีมตรงปากออก แม้จะไม่ได้มีเรื่องกัน แต่สำหรับเขาแล้วมัลฟอยเป็นศัตรูตลอดกาลที่ไม่ต้องรอให้มีเรื่องกันก่อน เขาหันไปพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วนายเดินมาหน้าหอกริฟฟินดอร์ทำไม จะมาทำอะไรบ้า ๆ แถวนี้รึไง”
“รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้าม
มัลฟอยกัดฟันแน่นอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาใกล้ทั้งคู่มากขึ้นก่อนจะพูดเสียงเย็น
“อะไรบ้า ๆ ของแกคงเป็นยืนกินขนมตรงทางเดินสินะ วิสลีย์”
“มันไม่ใช่ขนมที่ใครจะกินก็ได้นะ!” รอนโต้
“อย่างนายคงไม่มีใครแบ่งให้กินหรอก ผลแห่งความฝันน่ะ”
“รอน - - พอที” เฮอร์ไมโอนี่ขอร้อง แล้วหันไปมองมัลฟอย เธออยากให้เขาคิดว่ามันเป็นขนมธรรมดาเสียดีกว่าจะให้เขาเข้าใจว่ามันเป็นของมีค่าและเธอแบ่งให้รอนคนเดียว
มัลฟอยกำหมัดแน่นแล้วมองเธอตอบอย่างผิดหวัง เขาเองก็รู้จักผลแห่งความฝันดี
“ฉันไม่เห็นจะอยากกิน!” มัลฟอยตะโกนก้อง
“ที่เห็นแต่กินกับนอนอย่างแกนี่ คงเป็นกันทั้งบ้านสิ”
รอนแทบจะถลาไปชกหน้ามัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่ดึงแขนเขาไว้ แต่รอนไม่ยอมหยุดง่าย ๆ
“ถ้าขืนแกพูดอะไรถึงบ้านฉันอีกคำเดียว ฉันจะเล่นงานแกแน่!” เด็กชายตวาด
มัลฟอยส่ายหน้าแล้วถอนใจหน่าย เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมออกมา แล้วมองหน้ารอนอย่างมุ่งร้าย
“ให้เร็วกว่าฉันก็แล้วกัน!”
มัลฟอยขยับข้อมือเพื่อตวัดไม้กายสิทธิ์ ทันใดนั้น - -
“เอ็กซ์เพลลิอาร์มัส!”
ปัง!
ไม้กายสิทธิ์กระเด็นออกจากมือของเขาแล้วตกลงกระทบกับพื้นเสียงดังแกร๊ก รอนและมัลฟอยหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนชี้ไม้กายสิทธิ์สั่นระริกมาที่มัลฟอย เด็กหญิงปากสั่น น้ำตาเอ่อคลอกับการกระทำของตัวเอง
มัลฟอยกุมมือข้างที่ถือไม้กายสิทธิ์เมื่อสักครู่ แรงกระแทกที่เกิดจากคาถาปลดอาวุธทำให้มือของเขาชาและเป็นรอยเขียวคล้ำ รอนได้สติก่อน เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกมาแล้วรีบเดินไปยืนข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่
มัลฟอยเงยหน้าขึ้นจากไม้กายสิทธิ์ของตัวเองที่ตกอยู่ เขาหันไปมองทั้งคู่ด้วยดวงตาสีซีดที่ว่างเปล่า หลังจากที่ตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไปชั่วขณะ
“ปกป้องกันเข้าไป” เขาพูดเสียงเรียบราวกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย
มัลฟอยเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองที่ตกอยู่ เมื่อหยิบมันขึ้นเขาก็สบตากับดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเจ็บปวด เด็กหญิงเม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“พอกันที…”
มัลฟอยหันหลังให้ทั้งสอง เขาสะบัดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วพูดเสียงดังเป็นครั้งสุดท้าย
“ที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไร!”
แล้วเด็กชายผมสีบลอนด์ก็ก้าวจากไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย รอนงงกับคำพูดของมัลฟอยขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
พอกันที! ที่ผ่านมามันไม่มีค่าอะไร!

******

ยาช่าเดินกลับหอของสลิธีรินมาในตอนเย็น หลังจากกินเค้กในกล่องของกาเบรียลจนหมด อันที่จริงเขาไม่ได้โกหกเรื่องรสชาติของมัน
กาเบรียลอดล้อเขาไม่ได้ ขณะมองเขาก้มหน้าก้มตากิน
“เพิ่งเคยเห็นหมาป่าชอบกินเค้กเนี่ยแหละ”
“ผมตะกละฮะ” ยาช่าพูด เด็กหญิงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ
เมื่อกล่องเค้กว่างเปล่า (อันที่จริงก็ไม่ใช่ “ว่าง” เพราะมีครีมที่เละเทะไปหมด) ยาช่าก็พูดกับเธอ
“อร่อยครับ - - ผมไม่ได้โกหกใช่ไหมล่ะ”
“เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่มีคนกินขนมของฉันแล้วฉันอยากจะตอบแทนเขามากกว่า” เด็กหญิงพูด
“ได้ตอบแทนแน่ครับ” ยาช่าพูดพลางหัวเราะ แล้วมองเด็กหญิง
“ผมคุณสวยจัง”
หลังจากที่แยกจากกาเบรียลมาที่หอนอนของสลิธีรินแล้ว ยาช่าก็บอกรหัสผ่านกับรูปภาพชายหน้าตาถคุณทึง รูปภาพเหวี่ยงออกแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน
บรรยากาศดูน่ากลัวเพราะเงียบกว่าทุกวัน เด็กชายขมวดคิ้วแล้วเดินลึกเข้าไปที่เตาผิง เขาสวนกับแครบและกอยล์ที่ตาเขียวปั๊ด สองคนนั้นมองเขาแล้วเดินไปที่รูปภาพตรงทางเข้าออกก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีมัลฟอย ยาช่าประหลาดใจที่เห็นสองคนนั้นดูเงียบกว่าทุกครั้ง เด็กชายคนหนึ่งเดินสวนมา เขาจึงถาม
“มีอะไรข้างในครับ”
เด็กคนนั้นทำท่ากระอักกระอ่วนใจแล้วพูดเหมือนกระซิบ
“มัลฟอยกำลังหงุดหงิดมาก เพิ่งอาละวาดใส่แครบกับกอยล์ไปเมื่อกี้ คนอื่น ๆ ก็เข้าใกล้เขาไม่ได้ เลยเผ่นออกจากบ้านไปหมด” เขาพูดจบก็เดินออกไปอีกคน ยาช่าขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นรวม
มัลฟอยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอาเท้าพาดกับโต๊ะตรงหน้าแล้วจ้องเตาผิงที่มีไฟลุกอยู่ ถึงเขาจะเงียบแต่ยาช่าก็รู้ว่ามันเป็นความเงียบที่น่ากลัว
“ไม่พอใจอะไรครับ” ยาช่าถาม
“ไปให้พ้น” มัลฟอยพูดแค่นั้น
“คุณหงุดหงิดเรื่องเฮอร์ไมโอนี่สินะ” เด็กชายไม่ได้ทำตามที่มัลฟอยบอก เขาก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก
“ฉันบอกให้…..” มัลฟอยพูดช้า ๆ แล้วยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“ไสหัวไป!”
ฉับพลันเขาก็ตวัดไม้กายสิทธิ์มาที่ยาช่า เกิดเสียงดังปังราวกับปืนลั่นตรงเท้าของยาช่าจนเขาต้องถอยหลังหนี
ยาช่ากำหมัด
“คุณทำอย่างอย่างนี้กับเฮอร์ไมโอนี่หรือเปล่า! ถ้าใช่ - - ผมไม่แปลกใจถ้าเธอจะโกรธคุณบ้าง”
มัลฟอยกัดฟันกรอดแล้วลุกขึ้น เขาเดินมาหายาช่าอย่างโกรธจัด
“รู้ดีเหลือเกินนะ”
มัลฟอยหรี่ตามองอีกฝ่าย
“รู้มากจนน่าหมั่นไส้! - - งั้นบอกซิว่าทำไมยายนั่นถึงทำอย่างนี้กับฉัน! เจ้าหัวแดงนั่นมันดีตรงไหน!” มัลฟอยกระชากคอยาช่ามาแล้วตะคอกใส่หน้าอย่างเดือดดาล
“ตรงที่เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้ไง!” ยาช่าเหลืออด เขาสะบัดแขนอีกฝ่ายออกเต็มแรง
มัลฟอยกัดฟันแล้วเขาก็เดินตรงไปที่โต๊ะใหญ่ในห้อง ก่อนจะกวาดข้าวของและหนังสือทุกอย่างที่วางอยู่หล่นลงพื้นดังโครมคราม ยาช่าปล่อยให้เขาระบายอารมณ์จนกว่าจะพอใจโดยไม่ห้าม
ในที่สุดมัลฟอยก็หยุด เขาหอบหายใจหนักและมีเหงื่อเต็มหน้า เด็กชายทุบโต๊ะดังโครมสนั่น
“พอกันที!”
มัลฟอยกำหมัดแน่นและมองไปข้างหน้า ดวงตาคู่นั้นปวดร้าวและฝืนทน ภาพของเฮอร์ไมโอนี่และเรื่องราวของพวกเขาที่ผ่านมาโดยตลอดผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้งทำให้เขามีเรี่ยวแรงมหาศาลพอที่จะเหวี่ยงโต๊ะตรงหน้ากระเด็นไปกระแทกกับเสาภายในห้องเสียงดังราวกับฟ้าผ่า
“ให้มันรู้ไปสิ! ถ้าไม่มีเธอแล้วฉันจะอยู่ไม่ได้!!”
*********8**********
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาดูเหมือนว่าความรู้สึกที่มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่มีให้กันมาเป็นเวลานานนั้นได้จบลงอย่างที่มัลฟอยพูดไว้จริง ๆ เด็กชายไม่ได้แกล้งหรือหาเรื่องทะเลาะกับแฮร์รี่และรอนอีก หรือที่จริงคือ เขาไม่ได้เฉียดกรายเข้าใกล้กลุ่มของทั้งสามคนนี้อีก แฮร์รี่กับรอนนึกสงสัยแต่อีกใจหนึ่งก็โล่งใจที่ไม่ถูกระรานเหมือนเมื่อก่อน
เฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่เสียใจอย่างหนัก แม้ว่าจะพยายามปิดบังไม่ให้ใครรู้ แต่เพื่อนทั้งสองของเธอก็รู้สึกว่าเธอต้องปิดบังอะไรไว้สักอย่าง
“เธอมีอะไรไม่สบายใจเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามเธอขณะที่พวกเขานั่งรับประทานอาหารเย็นที่ห้องโถงกลางร่วมกับเด็กบ้านอื่น ๆ ด้วยกัน และพวกเขาก็เห็นเธอเอาแต่เหม่อลอย
“เปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ เธอเงยหน้าขึ้นจากชามซุป - - ตอนนี้เธอเกลียดซุป มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่แครบกับกอยล์แอบเอาน้ำยาฝันร้ายมาใส่ลงไป และครั้งนั้นเธอได้เจอมัลฟอยเป็นครั้งแรกในฝัน ตอนนี้เธอหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นอีกครั้งแม้ผลของน้ำยาจะทำให้เธอฝันร้ายและเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ตาม
“ให้มันจริงเถอะ” รอนพูดเหนื่อย ๆ แล้วส่ายศรีษะขณะคนชามของตัวเอง
มัลฟอยอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก แน่นอนว่าเวลาอาหารเช่นนี้คือช่วงเวลาที่ทุกบ้านจะได้มาเจอกัน แต่ว่าทั้งมัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีใครคิดจะสบตาอีกฝ่ายให้ได้เหมือนเมื่อก่อน ตรงกันข้ามพวกเขาหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด
คนที่มองเฮอร์ไมโอนี่แทนกลับเป็นยาช่า
"แกอยากจะจ้องยายหัวฟูนั่นนักก็เชิญ!" มัลฟอยพูดกับอีกฝ่ายขณะตักซุปเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างไม่สนใจ
ยาช่าถอนใจหน่าย วันนี้เขาได้มานั่งข้างมัลฟอยแทนที่แครบเพราะเจ้าตัวปวดท้องเนื่องจากสวาปามแซนวิชวิซซิ่งวิซบี้เข้าไปถึงห้าสิบชิ้น
“คุณพูดอย่างนั้นทั้งที่คุณเองต่างหากที่อยากเห็นเธอสักนิด”
มัลฟอยชะงักแล้วกำช้อนทองในมือแน่น เขาหันมามองยาช่าอย่างโมโหจัด
"ถ้าแกพูดถึงยายนั่นอีกคำเดียว ฉันจะทำให้แกเคี้ยวนกซักตัวก็ไม่ได้!" พูดจบเขาก็กระแทกช้อนในมือกับชามแล้วหยิบขนมปังขึ้นมากินแทน
ยาช่าถอนใจอย่างเบื่อหน่ายกับความใจแข็งของมัลฟอย อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวอะไรมัลฟอยนักหนา แต่การทะเลาะกันที่โต๊ะอาหารก็ไม่ใช่เรื่องดี
หลังเวลารับประทานอาหารเย็น เด็กทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่หอนอนของตัวเอง กาเบรียลกับยาช่าเดินแยกออกมาจากเด็กคนอื่น ๆ เพื่อไปพบศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพราะเธอเรียกพบพวกเขาทั้งสองที่ห้องทำงาน
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านระเบียงโล่ง ๆ ไปยังห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัลด้วยกันกาเบรียลก็หันไปมองยาช่าที่เดินมาด้วยกันแล้วพูดขึ้น
“ฉันเห็นเธอมองเฮอร์ไมโอนี่"
"อ๋อ ตอนนั้น….” ยาช่านึกออก แต่เมื่อเขาหันไปเห็นว่ากาเบรียลหน้างอเขาก็พูดต่อ
"เฮอร์ไมโอนี่เขามีปัญหาอยู่นิดหน่อยครับ”
เด็กหญิงขมวดคิ้วแล้วนึกถึงเพื่อนร่วมห้อง
“ปัญหาอะไรเหรอ - - แต่จะว่าไป ฉันก็เห็นเขาแปลก ๆ ไปเหมือนกัน” เธอคิดถึงภาพเฮอร์ไมโอนี่เอาแต่นั่งกอดเข่าอยู่ในห้อง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เอาแต่ตอบว่าเปล่าทุกครั้งเมื่อถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ให้เจ้าตัวเขาบอกดีกว่าฮะ” ยาช่าพูดเหมือนตัดบท เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากบอกให้ใครรู้แน่ ๆ
ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัล แต่ว่าภายในห้องยังไม่มีคนอยู่ นกฮูกของศาสตราจารย์มักกอนากัลนอนซบหน้าอยู่กับปีกของตัวเองในกรงไม้ที่สลักอย่างสวยงาม พวกเขาเคยมาที่นี้ด้วยกันเมื่อครั้งที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนครั้งแรก
ยาช่าหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น
“คุณบอกให้ผมอยู่ห่าง ๆ คุณไว้ตอนเรามาที่นี่ครั้งแรก จำได้ไหมฮะ”
กาเบรียลหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดเสียงค่อย
“เธอยังโกรธฉันอยู่เหรอ”
“เปล่าครับ แต่สงสัยว่าคุณรู้เรื่องผมได้ยังไง” เขาถาม
“ฉันเห็นอาการของนกฉันตอนที่เจอเธอในร้านรักษาสัตว์แล้วเธอก็บอกเองว่ามันกลัวเธอ ฉันกลับไปบ้านบอกพี่ พี่ก็ตกอกตกใจอธิบายให้ฟัง” กาเบรียลหมายถึงเฟลอร์ เดอ ลากูร์
“คุณหน้าเหมือนพี่คุณเปี๊ยบเลยเหรอครับ”
“ไม่เหมือนนะ!” กาเบรียลปฏิเสธเสียงเขียว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ค่อยมีใครแยกเธอกับพี่ออกนักหรอก
“ผมเห็นคนดูผิดกันเยอะมากนะครับ ครั้งแรกก็เฮอร์ไมโอนี่ แล้วก็รอน - - ถ้าผมเจอพี่คุณ ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะดูออกหรือเปล่า” เด็กชายว่า
กาเบรียลเม้มปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ยาช่ารู้ว่าเธอกำลังน้อยใจเพราะหวังว่าเขาจะจำเธอได้อย่างน้อยก็คนหนึ่ง
“ล้อเล่นครับ - - ผมต้องจำได้สิ” เขาว่า
กาเบรียลยิ้มออกแล้วกระโดดกอดเด็กชายอย่างดีใจ ยาช่าเม้มปากพยายามบังคับร่างกายเหมือนทุกครั้ง เขาพูดเสียงฝืนกับอีกฝ่ายที่ยิ้มอยู่อย่างมีความสุข
“ถ้าคุณไม่เลิกกอดผมในเร็ววันนี้ล่ะก็ ผมคงได้กัดลิ้นตัวเองตายซักวันแน่”
กาเบรียลหัวเราะแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ยาช่าอึกอักไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดีแต่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกระแอมขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเสียก่อน

วันรุ่งขึ้นโรงเรียนฮอกวอตส์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นหลังจากที่ฟิลช์ติดประกาศไว้ที่ห้องโถงกลางของโรงเรียน นักเรียนหลายคนรีบวิ่งมามุงดูหลังจากที่ฟิลช์เดินหิ้วถังกาวและป้ายที่เหลือไปติดที่อื่น ("ทำไมเขาไม่ใช่คาถาติดของแทนนะ" เฟร็ดนินทาลับหลัง)
ภาพที่ปรากฏบนป้ายทำให้เด็กหลายคนตื่นเต้นเมากพราะเป็นภาพทะเลที่ถูกวาดด้วยลายเส้นอย่างบรรจง
“ทัศนศึกษาที่ทะเล - - เยี่ยม!" รอนดีดนิ้วขณะดูป้ายอยู่กับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่
เด็กคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางยินดีเช่นเดียวกับรอน ทั้งที่มันไม่ได้เขียนว่าทัศนศึกษาแต่เขียนว่า “การเข้าค่ายเพื่อฝึกฝน” ต่างหาก ทว่าเพียงแค่ได้ไปที่อื่นนอกจากโรงเรียนมันก็เป็นข่าวดีทั้งสิ้น
“สองวันหนึ่งคืนที่เกาะเมอร์แลงก์ เกาะสำหรับพ่อมดและแม่มด” แฮร์รี่อ่านไปพลางกวาดสายตาไปบนป้าย
รอนเอาศอกกระทุ้งแฮร์รี่เมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้สนใจป้ายนั้นเลย แฮร์รี่จึงหันไปพูดกับเด็กหญิง
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” เขาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเธอเอาแต่เหม่อลอย
“ฉันไม่เป็นไร” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ คิดว่ามันคงดีกว่าคำว่า “เปล่า”
“เธอทำให้พวกเราเป็นห่วงขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ” รอนพูดอย่างจริงจัง
“มีอะไรก็รีบบอกมาเถอะน่า หรือเธอเห็นว่าเราไม่ใช่เพื่อนเธอซะแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก เธอจะบอกทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร เรื่องที่เธอกำลังมีปัญหากับมัลฟอย!
ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นมัลฟอยแครบและกอยล์เดินตรงมาที่ป้ายนี้เช่นกัน ทั้งสามคนหันไปเห็นพวกเขาพร้อม ๆ กันแต่เฮอร์ไมโอนี่รีบขยับถอยหลังก่อน
“ฉัน - - ไปก่อนนะ” เด็กหญิงหันหลังเดินหนีไปทันที
รอนมองอาการของเธอแล้วพูดกับแฮร์รี่
“นายรู้สึกเหมือนฉันไหม แฮร์รี่ ว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องมีเรื่องอะไรกับมัลฟอยแน่ ๆ”
*********9*********
นับตั้งแต่วันปิดประกาศเป็นต้นมา นักเรียนทุกคนต่างรอคอยการเดินทางไป”ทัศนศึกษา” กันอย่างใจจดใจจ่อ - - คำนี้กระจายไปอย่างรวดเร็วแทนคำว่า”การไปเข้าค่ายเพื่อฝึกฝน” แน่นอนว่าคนที่ไม่พอใจคือศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพราะเธอดูเหมือนจะเป็นคนคิดชื่อที่ถูกต้องขึ้นมา
เวลาอาหารเย็นในวันนั้นเอง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เคาะแก้วเหมือนทุกครั้งที่มีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนได้ทราบ เด็กทุกคนเงียบเสียงลงขณะที่ศาสตราจารย์ยืนขึ้น
“พวกเธอคงได้อ่านประกาศที่ติดไว้ตรงทางเข้าห้องโถงกลางและตามที่ต่าง ๆ แล้ว” เธอเว้นวรรคนิดหนึ่งเพื่อดูว่ามีเด็กคนไหนทำหน้าตาเลิกลั่กหรือกระซิบถามเพื่อนบ้างหรือเปล่า
“ฉันขอเตือนทุกคนว่า นี่ไม่ใช่การไปเที่ยวเล่นอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะถึงแม้สถานที่ที่เราจะไปคือเกาะกลางทะเล แต่มีกฎห้ามทุกคนลงเล่นน้ำเด็ดขาด”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นด้วยความเสียดาย เด็กหลายคนเริ่มพึมพำกันจนศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องเคาะแก้วอีกครั้ง เมื่อทุกคนเงียบเสียงลงเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นกว่าเดิม
“เหตุผลก็คือ - - ข้อแรก เรามีเวลาไม่มากพอที่จะปล่อยให้พวกเธอเล่นได้ สองคือเพื่อความปลอดภัยของพวกเธอเองเพราะถ้าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นแม้แต่เวทมนตร์ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
พูดจบศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็นั่งลง และอาหารเย็นนานาชนิดก็ปรากฏขึ้นบนจานทองตรงหน้า รอนถอนใจอย่างเบื่อ ๆ แล้วหยิบช้อนส้อมขึ้นมาถือ ส่วนแฮร์รี่นั้นเสียดายมากว่ารอนเป็นเท่าตัวเพราะครอบครัวเดอร์สลีย์ไม่เคยพาเขาไปเที่ยวเล่นน้ำทะเลมาก่อน หรือที่ใกล้ที่สุดก็คือพาไปประภาคารกลางทะเลเพื่อหนีจดหมายจากฮอกวอตส์จำนวนนับไม่ถ้วนที่เทลงมาจากปล่องไฟของบ้านเพื่อตามแฮร์รี่มาเรียนหนังสือที่นี่
“งั้นเราจะไปกันถึงทะเลทำไมกัน ไปก็เหมือนไม่ได้ไป” รอนบ่นแล้วเอาช้อนกดก้อนมันฝรั่งบดในชาม
“บางที่มันอาจจะเกี่ยวกับอากาศและอุปกรณ์”
แฮร์รี่และรอนเงยหน้าขึ้นจากชามอาหารแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างแปลกใจ
“พูดได้แล้วเหรอ ฉันนึกว่าเธอพูดได้แต่คำว่า “เปล่า” กับ “ไม่เป็นไร” ซะอีก” รอนประชดเพราะเขาได้รับคำตอบแบบนี้เป็นประจำเมื่อตั้งคำถามที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ
เฮอร์ไมโอนี่ฝืนยิ้ม
“ขอโทษ ช่วงนี้ฉันเมีเรื่องต้องคิดมากน่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” เด็กหญิงตอบ
“พอจะบอกได้หรือยังว่าเรื่องอะไร” รอนว่า
“เรื่องมันผ่านไปแล้วล่ะ ผ่านไปแล้วจริง ๆ” เธอตักอาหารใส่ปากเงียบ ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามของรอน
แฮร์รี่กับรอนส่ายหน้าเล็กน้อย ดูจากสีหน้านั้นแล้ว พวกเขารู้ว่าเธอไม่ได้ ”ไม่เป็นไร” อย่างที่พูดหรอก
กระทั่งวันออกเดินทางจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น นักเรียนทุกคนก็ต้องอัศจรรย์ใจเมื่อในตอนเช้า เรือใบลำยักษ์หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ จำนวนสามลำเหาะมาจากท้องฟ้าแล้วจอดลงที่ลานโล่ง ๆ ของโรงเรียนโดยพร้อมเพรียงกัน งานนี้ฟิลช์ - - ภารโรงของโรงเรียนก็ต้องยอมให้หญ้าบนลานมีรอยบ้าง เพราะเขาไม่กล้าหาญพอที่จะไปกระโดดขวางเรือลำใหญ่เกือบเท่าตึกเหล่านี้
“เฮ้! แฮร์รี่ ดูสิ” รอนสะกิดเพื่อน
“เรือเหาะของแท้เลยล่ะ” เขาพูดอย่างตื่นเต้นขณะมองเรือเหล่านั้นจากมุมสูงของปราสาท พวกเขาเดินอยู่บนระเบียงเพื่อย้ายไปเรียนคาบประวัติศาสตร์เวทมนตร์ เด็กหลายคนที่กำลังเดินอยู่บนระเบียงเช่นกันก็มาเกาะหน้าต่างมองกันเป็นทิวแถว เรือทุกลำถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ มีใบขนาดเหมาะสมสีขาวกางไว้ด้านบน แฮร์รี่นึกถึงเรือในเทพนิยายเกี่ยวกับการเดินทางของเจ้าชายที่เขาเคยได้ยินเมื่อสมัยเด็ก
“มีข่าวล่าสุดด้วย” เฟร็ดกับจอร์จที่เดินผ่านมาพอดีตรงมาคุยกับพวกเขา
“อะไรเหรอ” รอนถาม
“ไม่เห็นเหรอว่าเรือมีแค่สามลำ” ฝาแฝดพูดพร้อมกัน
“เด็กที่ได้ไปมีแค่สามชั้นปีเท่านั้น โชคดีที่มีปีฉันกับปีนายด้วยนะ” จอร์จอธิบาย
“ปีอื่น ๆ ไม่ได้ไปเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“สามชั้นปีก็พอแล้วน่า” รอนพูด
“เกาะเมอร์แลงก์จะใหญ่ซักเท่าไหร่กัน พวกมักเกิ้ลยังไม่เห็นนี่แสดงว่าคงเล็กจนไม่ปรากฏในแผนที่”
“ผิด - - เจ้าทึ่ม” ฝาแฝดประสานเสียงกันแล้วโห่น้องชาย
“มันก็ใช้ทฤษฎีเดียวกับการซ่อนสถานที่อื่น ๆ นั่นแหละ เกาะเมอร์แลงก์มีหมอกคลุมอยู่ภายนอก แค่นั้นมักเกิ้ลก็ไม่เห็นแล้วขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญซักหน่อย”
รอนหน้าเป็นสีชมพูเพราะลืมข้อนี้ไป
เมื่อวันออกเดินทางมาถึง เด็กทุกคนเก็บของใส่กระเป๋าเท่าที่จำเป็นซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่เกินคนละสองใบ พวกเขาพูดคุยกันเสียงดังขณะเดินไปตามทางที่ทอดยาวมาจากท้องเรือ
“เจ๋งจริง ๆ” รอนพูดอย่างตื่นเต้นเพราะภายในท้องเรือมีห้องกว้างพอ ๆ กับห้องโถงกลางของโรงเรียนและมีทางเดินสี่ทางที่มีเครื่องหมายประจำบ้านอยู่ดานบน ทางเดินเหล่านี้จะเชื่อมต่อไปยังห้องของนักเรียนแต่ละบ้านอยู่
“กริฟฟินดอร์มาทางนี้” พรีเฟ็กตะโกนเรียก แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่จึงรีบเดินไปรวมตัวกับเด็กคนอื่น ๆ ที่กำลังตั้งแถว พรีเฟ็กบ้านอื่น ๆ ก็ตะโกนเรียกเด็กของบ้านตัวเองเช่นกัน
เด็กของกริฟฟินดอร์ถูกเดินนำมายังด้านหนึ่งของเรือที่มีห้องเล็ก ๆ เรียงรายอยู่เหมือนกับภายในรถไฟด่วนฮอกวอตส์ ตลอดทางอีกด้านมีหน้าต่างเรียงกันเป็นแถวพอมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งมีเด็กนักเรียนชั้นปีอื่น ๆ กำลังมองมาอย่างอิจฉา
สามสหายได้นั่งอยู่ห้องเดียวกัน
“เดี๋ยวฉันไปหาเฟร็ดกับจอร์จก่อนนะ เธอไปด้วยกันไหมล่ะ” รอนวางกระเป๋าลงแล้วถามเฮอร์ไมโอนี่
“ไม่ไปหรอก พวกเธอไปกันเถอะ” เธอส่ายศีรษะ
รอนกับแฮร์รี่ถอนใจออกมาพร้อมกัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมบอกพวกเขาเลยจริง ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเพื่อนทั้งสองเดินออกไปแล้ว เด็กหญิงก็เท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างเรือลำมโหฬารที่จะพานักเรียนทุกคนไปยังเกาะเมอร์แลงก์ เธอเม้มปากกลั้นน้ำตา - - ถ้าการนึกถึงมัลฟอยนั้นผิดกฎโรงเรียนล่ะก็ กริฟฟินดอร์ก็ไม่เหลือแม้แต่คะแนนเดียวแล้วในตอนนี้
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วก็เปิดออก เฮอร์ไมโอนี่หวังว่าจะเป็นมัลฟอยในตอนแรก แต่เขาเป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลที่เธอคุ้นเคย
“ยาช่า…” เธอเรียกชื่ออีกฝ่าย น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้
เด็กชายเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามแล้วพูดด้วยน้ำเสียงท้อใจและสงสาร
“มัลฟอยก็ไม่ต่างอะไรจากคุณนักหรอก เพียงแต่เขาไม่ได้ร้องไห้”
เฮอร์ไมโอนี่เช็ดน้ำตาออกแล้วพูดกับอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธ”
“เขาไม่ได้โกรธคุณ” ยาช่าพูด
“เขาแค่น้อยใจเท่านั้น”
“ต่อไปเขาก็จะเลิกนึกถึงฉันไปเอง ฉันเองก็คงเหมือนกัน” เธอพูดเหมือนตัดใจ
ยาช่าถอนใจหน่าย เขารู้ดีว่าสภาพของมัลฟอยที่เขาเห็นอยู่ทุกวันนี้นั้นไม่มีทางจะเป็นอย่างที่เธอพูดได้ และสภาพของเฮอร์ไมโอนี่ตอนนี้ก็ไม่ต่างจากมัลฟอยสักเท่าไหร่อย่างที่เขาพูดไว้ในตอนแรก
“ผมไม่ได้มาเกลี้ยกล่อมให้คุณคืนดีกับเขาหรอกนะ ผมไม่เห็นว่าเรื่องนี้ใครจะผิดสักคน” เด็กชายบอก
“แต่อยากให้คุณถามตัวเองให้ดีก่อนว่าคุณแน่ใจเหรอว่าต้องการจะให้มันจบแบบนี้ ผมไม่อยากเห็นคุณทุกข์ใจ”
เฮอร์ไมโอนี่เงียบไป ยาช่าจึงลุกขึ้น
“ผมไม่กวนคุณดีกว่า ตอนนี้คุณคงอยากคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว”
เด็กชายเดินไปที่ประตู ก่อนที่เขาจะเลื่อนประตูเดินออกไปเฮอร์ไมโอนี่ก็เรียกเขาไว้ก่อน
“ยาช่า”
เด็กชายหมาป่าหันมามองเพื่อน เขาเห็นเธอฝืนยิ้มให้
“ขอบใจมากนะ”
ยาช่าเดินกลับมายืนตรงหน้าเธอแล้วยิ้ม ดูเหมือนเขาจะดีใจที่เธอไม่เอาแต่นั่งเงียบฟังเขา
“คุณเชื่อไหม ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจแทบบ้าถ้าคุณกับเขาทะเลาะกันได้”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูขึ้น ยาช่าจำเมื่อครั้งที่เขากับเธอเจอกันครั้งแรกได้ดี เด็กชายย่อเข่าลงตรงหน้าเธอเพื่อจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ๆ แล้วพูดต่อ
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วฮะ ผมรู้ว่าคุณจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้อยู่กับใครที่ไม่ใช่ผม”
เสียงเลื่อนประตูดังครืดทำให้ทั้งสองคนหันไปมองพร้อม ๆ กัน เด็กหญิงผมสีเงินยืนอยู่ตรงนั้น เธอมีท่าทางตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งสนิท
“กาเบรียล” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่ออีกฝ่าย
เด็กหญิงหันไปมองยาช่าอย่างน้อยใจแล้วหันหลังกลับเดินไปทันที ยาช่าถอนใจออกมา
“ผมมีปัญาหาของผมซะแล้ว”



********10*********

ในที่สุดเรือทั้งสามลำก็ลอยขึ้นจากฮอกวอตส์พร้อม ๆ กัน แฮร์รี่กับรอนมองทิวทัศน์ที่เป็นเมฆอยู่ภายนอกอย่างเพลิดเพลินขณะที่เรือกำลังแล่นไปอย่างราบรื่น พวกเขานึกถึงการเดินทางโดยรถเหาะของนายวิสลีย์ตอนที่พวกเขาอยู่ปีสอง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว พวกเขาบินอยู่ก็จริงแต่ก็มีขนมแสนอร่อยทุกอย่าง น้ำฟักทองเย็นฉ่ำ และอากาศเย็นสบายเพราะสายลมที่พัดมาทางหน้าต่าง
หลายชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับกองห่อขนมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพดานบินของเรือเริ่มลดต่ำลงเป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาถึงที่หมายแล้ว แฮร์รี่กับรอนรีบที่กำลังนั่งดื่มน้ำฟักทองและกินขนมรีบวางมือแล้วมายืนชะโงกศรีษะออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูหน้าตาของเกาะเมอร์แลงก์จากด้านบน
“สุดยอด!” รอนร้อง สายลมที่เกิดจากการบินต่ำลงของเรือพัดมาปะทะหน้าเขาและแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ก็เลื่อนตัวมานั่งชิดหน้าต่างเพื่อดูเช่นกัน
หาดทรายสีขาวสะอาดตาสะท้อนแสงอาทิตย์มาแต่ไกลเข้าตาทั้งสองคน พวกเขานึกเสียดายจับใจที่ไม่มีโอกาสได้ลงเล่นน้ำทะเลเบื้องล่างที่สวยราวกับกระจกนี้
เฮอร์ไมโอนี่เองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปด้วย - - ถ้ามาแบบมักเกิ้ลคงไม่มีทางได้สัมผัสกับการเดินทางโดยเรือเหาะและแล่นลงจอดที่ชายหาดโดยตรงแบบนี้หรอก
สายลมพัดเข้ามาที่หน้าต่างแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉะ - - ฉันว่า” รอนเริ่มพูดเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าเรือแล่นต่ำลงเร็วมาก ผมสีแดงของเขาปลิวไปด้านหลังจนไม่เป็นทรง แฮร์รี่ต้องจับแว่นตาเอาไว้ไม่ให้หลุดออกจากจมูก
“มันลงเร็วเกินไปแล้วนะเนี่ย!” เด็กชายร้องออกมาเมื่อเห็นพื้นน้ำห่างจากหน้าต่างไม่มากผิดกับเมื่อครู่ที่ดูห่างหลายกิโลเมตร เสียงลมที่แหวกผ่านดังเข้ามาในหู เฮอร์ไมโอนี่รีบหลบเข้าไปนั่งกลางเก้าอี้ตัวเองและรู้สึกว่าอากาศที่เกิดจากการดิ่งลงอย่างรวดเร็วกำลังดันหน้าอกเธอไว้จนอึดอัด เด็กหญิงคว้าเก้าอี้ไว้แน่น
“อ๊ากกกกกกกก!!!“ รอนตะโกนสุดเสียง มือของเขาที่พยายามยึดขอบหน้าต่างไว้หลุดออก
“ระวัง!” แฮร์รี่ร้อง แล้วเด็กชายทั้งสองก็ถลาไปหาเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งหันหน้าไปทางหัวเรือและกำลังถูกแรงดันอากาศกดให้ติดกับเก้าอี้ ตอนนี้พวกเขาแทบจะนั่งตักกันเองอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวของเธอ
“ลงไปนะรอน!” เด็กหญิงร้องเมื่อขาของรอนพาดอยู่บนตักเธอ ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างแรงราวกับพายุ
“ให้เรารอดไปก่อนแล้วฉันจะขอโทษ!” รอนพูดเสียงดัง เขาเหนี่ยวที่วางแขนไว้แน่น ห่อขนมปลิวมาหาพวกเขา
แฮร์รี่ยึดขอบหน้าต่างเอาไว้พยายามขยับตัวออกห่างเฮอร์ไมโอนี่เพราะกลัวว่าเธอจะถูกพวกเขาอัดจนตัวแบนติดเก้าอี้
เรือกำลังดิ่งลงน้ำ!
ทันใดนั้นเองเรือก็หักหัวให้ลำตัวขนานกับผิวน้ำฉับพลันในเสี้ยววินาที ลำเรือกระแทกกับพื้นน้ำดังตูมใหญ่ รอนกับแฮร์รี่หล่นโครมจากเก้าอี้ไปนอนกองบนพื้น รอนก้นกระแทกอย่างจัง ขณะที่ศรีษะของแฮร์รี่กระแทกกับขอบที่นั่งจนเห็นดาวระยิบระยับ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ไม่เป็นไรเพราะนั่งอยู่บนเก้าอี้ในท่าปกติมาตั้งแต่แรก
ทุกอย่างเงียบสนิท สามสหายหอบแฮ่ก ๆ และกำลังคิดว่าพวกเขาอยู่บนสวรรค์แล้วหรือยัง แต่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติรอนก็ยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วพูด
“เรา - - เรารอดแล้วใช่ไหม”
“คงใช่นะ” แฮร์รี่ว่าแล้วยืนขึ้นบ้าง
รอนเดินโซเซไปเกาะขอบหน้าต่างแล้วมองไปข้างนอก เพื่อสำรวจสถานการณ์ แล้วเขาก็ร้องอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เรือกำลังแล่นอยู่บนผิวน้ำทะเลอย่างช้า ๆ
“แฮร์รี่! มาดูนี่เร็ว”
เกาะเมอร์แลงก์ตรงหน้าของพวกเขาช่างน่าอัศจรรย์ ต้นไม้บนเกาะเขียวครึ้มดูสดชื่น หาดทรายที่อยู่ไม่ไกลดูสวยมากขึ้นเมื่อเข้ามาใกล้ น้ำทะเลสีเข้มเปลี่ยนเป็นอ่อนลงเรื่อย ๆ เมื่อใกล้ชายหาด ปลาโลมาฝูงหนึ่งว่ายอยู่ไม่ห่างจากเรือของพวกเขา นกนางนวลบินโฉบผ่านหน้าต่างไป แฮร์รี่ตื่นเต้นกับการมาทะเลครั้งแรกของตัวเอง - - พวกเดอร์สลีย์ไม่มีทางได้มาเที่ยวสถานที่แบบนี้แน่ ตราบใดที่ดัดลีย์ชอบจะดูทีวีมากกว่ามาเห็นจริง ๆ
“เสียดายที่เราเล่นน้ำไม่ได้” รอนบ่น น้ำทะเลใสแจ๋วราวกับกวักมือเรียกพวกเขาให้ลงไป
“ทำไมเขาต้องลงจอดแบบนี้ด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา เธอปัดเศษเข้าโพดคั่วออกจากเส้นผม
“หลบสายตาพวกมักเกิ้ลมั้ง เห็นเฟร็ดกับจอร์จว่ามีหมอกคลุมก็จริงแต่ฉันเดาว่าถ้าลงจอดช้าก็ถูกสังเกตพอดี” รอนว่า ไม่นานพวกเขาก็ได้ยินพรีเฟ็กตะโกนอยู่นอกห้อง
“กริฟฟินดอร์มาทางนี้! กระเป๋าไม่ต้องหิ้วออกมา จะมีคนมาเอาไปให้เอง” พรีเฟ็กคนเดิมกำลังเดินไปตามทางเพื่อเรียกเด็กของบ้านตัวเองมารวมตัวกัน
แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินตัวเปล่าออกไปจากห้อง พวกเขาเห็นเด็กคนอื่น ๆ มารวมตรงทางเดินกันแล้ว แฮร์รี่พยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเนวิลล์ตัวเปียกโชก เขาเดาว่าเนวิลล์คงกำลังดื่มน้ำฟักทองตอนที่เรือกำลังลงจอดแน่ ส่วนพรีเฟ็กของบ้านก็มีเศษมันฝรั่งกรอบติดอยู่ที่ผม เมื่อเขาเห็นเด็กมากันครบแล้วก็ให้สัญญาณเด็กทุกคนให้ออกเดิน
บรรดาเด็กนักเรียนของแต่ละบ้านทยอยเดินออกมารวมกันที่ห้องกลาง เฮอร์ไมโอนี่เห็นมัลฟอยเดินออกมาพร้อมกับแครบและกอยล์ เธอพยายามไม่สบตาเขาจึงไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองมาที่เธอเช่นกัน
“ครบกันทุกคนแล้วใช่ไหม”
แฮกริดตะโกนอยู่ตรงทางเข้าออก เมื่อพรีเฟ็กทุกคนพยักหน้าเขาก็ทำสัญญาณให้ออกเดินมาตามทางเข้าออกของเรือที่ทอดยาวรออยู่แล้ว
เมื่อเด็กทุกคนเห็นบรรยากาศของเกาะที่ปรากฎตรงหน้าซึ่งแสนจะงดงามและอุดมสมบูรณ์พวกเขาก็ร้องออกมาพร้อมกันอย่างดีใจและรีบเดินลงไปที่ชายหาด เท้าของแฮร์รี่สัมผัสกับพื้นทรายละเอียดที่แสนนุ่ม เขาเคยคิดว่าเกาะกลางทะเลคงไม่มีอะไรนอกจากต้นมะพร้าว ก้อนหิน และชายหาดที่อาจจะสกปรกบ้างสะอาดบ้าง แต่ที่นี่ทั้งร่มรื่นเย็นสบายและแสงแดดก็ไม่จัดจนเกินไป
“พวกมักเกิ้ลจะต้องเสียใจที่ไม่เคยเห็นที่นี่!” รอนพูดออกมาขณะมองไปในน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาดจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง
“กระเป๋าของพวกเธออยู่ตรงนี้นะ” แฮกริดตะโกนเรียก เขาชี้ให้เห็นกระเป๋าที่กองรวมกันอยู่สี่กอง
“กริฟฟินดอร์กองนี้ ฮัฟเฟิลพัฟกองที่สอง เรเวนคลอ…แล้วก็สลิธีริน ได้ครบแล้วมาตั้งแถวตรงนี้”
เด็ก ๆ ต่างกรูกันไปหากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใช้เวลาอยู่บนเกาะนี้ให้คุ้มค่าที่สุด รอนกับแฮร์รี่แปลกใจที่เห็นเฟร็ดกับจอร์จตรงมาพร้อมกับเขา
“ไม่ได้แยกชั้นปี - - ฉันคิดว่าพวกที่มาขับเรือกับบริการเราเนี่ยคงไม่พอใจกับค่าจ้างแน่ ๆ” เฟร็ดบ่นขณะปัดทรายออกจากกระเป๋า เสื้อของเขามีครีมคีรีบูนติดอยู่
อีกด้านหนึ่งมัลฟอยกำลังถอนใจอย่างรำคาญที่เด็กคนอื่น ๆ พยายามรุมหากระเป๋าของตัวเอง เขาจึงรอจนกระทั่งเหลือของเขาเป็นใบสุดท้ายดีกว่า แครบกับกอยล์ใช้แขนและหน้าท้องอ้วน ๆ ดันคนอื่น ๆ ออกไปให้พ้นทาง เมื่อบรร***ระเป๋าแต่ละใบอยู่กับเจ้าของจนหมด มัลฟอยก็เดินไปหยิบของตัวเอง แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นกระเป๋าเหลืออยู่สองใบ
“ของใคร” เด็กชายยกกระเป๋าสะพายหลังสีดำขึ้น - - ใบนี้ไม่ใช่ของเขา
เด็กคนอื่น ๆ หันมามองแล้วส่ายศรีษะ มัลฟอยตั้งท่าจะทิ้งกระเป๋านั่นลง พรีเฟ็กของบ้านก็ร้องห้าม
“หิ้วไปก่อน แล้วจะหาเจ้าของทีหลัง”
มัลฟอยกลอกตามองฟ้าหน่าย ๆ แล้วคล้องกระเป๋าใบนั้นไว้ที่ไหล่ขวาแล้วเอาของตัวเองสะพายไว้ที่ไหล่ซ้าย พร้อม ๆ กับพรีเฟ็กของแต่ละบ้านตะโกนเรียกให้เด็กทุกคนเดินตามมาโดยมีแฮกริดยืดอกนำขบวนทุกบ้านไป
ระยะทางระหว่างบ้านพักกับชายหาดอยู่ไกลกันพอสมควร มีทางเดินกว้างทอดยาวจากชายหาดตัดผ่านป่าโปร่ง ๆ บนเกาะซึ่งจะพาพวกไปเขายังที่พัก แฮร์รี่กับรอนเงยหน้ามองต้นไม้สูง ๆ ที่ขึ้นอยู่ตลอดสองข้างทาง แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาพร้อมกับเสียงนกเล็ก ๆ ที่ร้องประสานเสียงกัน
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงบ้านพักที่มีป้ายเขียนไว้ตรงทางเข้าว่า “กริฟฟินดอร์” ซึ่งเป็นอาคารไม้หลังใหญ่แต่อย่างไรก็ตามดูจากภายนอกแล้วก็ไม่น่าจะบรรจุเด็กนักเรียนได้ครบ
“กริฟฟินดอร์ตามมา”
พรีเฟ็กของบ้านเรียกแล้วเดินนำเข้าไป นักเรียนบ้านอื่น ๆ ต้องเดินตามแฮกริดต่อไปยังบ้านของตัวเองที่ตั้งอยู่ในที่ต่างกัน
เมื่อเด็ก ๆ ของกริฟฟินดอร์เข้าไปในบ้านพัก พวกเขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดไปว่าบ้านพักหลังนี้จะทำให้พวกเขาต้องอยู่กันอย่างแออัดเพราะภายในมีห้องกว้างขวางไม่แพ้ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านอยู่ด้านหน้าและทั้งห้องก็สว่างไสวไปด้วยแสงแดดธรรมชาติที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างทุกบาน และทางเดินไปยังห้องพักชั้นต่าง ๆ
“คงใช้หลักการเดียวกับเต็นท์ตอนที่เราไปดูควิดดิชเวิร์ดคัพ” รอนพูดกับแฮร์รี่เมื่อเดินเข้ามาในห้องที่จัดไว้เป็นห้องพักสำหรับแต่ละคนโดยให้นักเรียนอยู่ร่วมกับคนที่ปกติก็นอนหอด้วยกันอยู่แล้ว
“ฉันมองเห็นทะเลด้วย” แฮร์รี่บอกกับเพื่อน รอนและเนวิลล์วิ่งมามุงตรงหน้าต่างห้อง
“ไกลลิบ ไม่ดีเลย ไม่ได้เล่นน้ำแค่เห็นก็ยังดี ฉันว่าบ้านเราต้องได้มุมที่แย่ที่สุดแน่ ๆ “ รอนบ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ
บ้านพักของสลิธีรินอยู่ห่างจากบ้านพักอื่น ๆ และมองไม่เห็นทะเลเพราะอยู่ลึกที่สุด ด้านหลังไม่ไกลมีหมู่ต้นไม้เขียวครึ้มร่มรื่น และยังมีสระน้ำธรรมชาติที่ใสสะอาด แต่ก็แน่นอนว่าห้ามลงเล่นน้ำเช่นกัน
มัลฟอยโยนกระเป๋าที่เป็นของตัวเองและไม่ใช่ของตัวเองลงบนที่นอน เด็กชายทิ้งตัวลงนอนมองเพดานห้องอย่างเซ็งจัด แครบกับกอยล์ที่ตามมาถือมะพร้าวเข้ามาในห้องอย่างดีอกดีใจ
“ที่ห้องนั่งเล่นมีของกินเยอะแยะ นายจะเอาบ้างไหมมัลฟอย” กอยล์ยืนมะพร้าวในมือให้
“พวกแกกินกันเองเถอะ ฉันไม่หิว” เด็กชายพลิกตัวมองไปที่หน้าต่างห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงของเขา ภายนอกไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้
มัลฟอยถอนหายใจแล้วลุกขึ้นนั่ง เขาดึงกระเป๋าสะพายสีดำที่ไม่รู้เจ้าของมาเปิด
“ไม่เห็นมีเด็กคนไหนบอกว่ากระเป๋าหายเลย” แครบว่า
“ฉันก็เปิดมันไม่ออก” มัลฟอยพูดแล้วกระชากล็อกออกโดยแรงแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไหน ให้ฉันดูบ้างซิ” กอยล์อาสาแล้วมาช่วยดึง มัลฟอยปล่อยให้ทั้งสองจัดการหาทางเปิดโดยไม่สนใจวิธีการ หลังจากที่พยายามแกะล็อกด้านหน้ากันอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่ากระเป๋าใบนี้จะสะดุ้งสะเทือน
กอยล์นวดปลายนิ้วของตัวเองที่เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเจ็บใจ เขาตั้งท่าจะทุ่มกระเป๋าลงกับพื้นมันวับของห้อง
“ไม่ต้อง!” มัลฟอยกระชากกระเป๋าคืน
“ฉันจะเอามันไปทิ้งเอง สมน้ำหน้าเจ้าของมัน อยากปล่อยให้ฉันหิ้วดีนัก!” เด็กชายโยนกระเป๋าใบนั้นไว้บนที่นอนของตัวเองแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจ

********11******

เด็กทุกคนมารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่บ้านพักของอาจารย์เพราะที่นี่เท่านั้นที่มีห้องโถงใหญ่เหมือนที่ฮอกวอตส์ อาหารมื้อแรกเป็นอาหารทะเลที่เด็กหลายคนชื่นชอบ แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นสำหรับบางคนที่แพ้เช่นกัน
รอนกับแฮร์รี่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินยิ่งนักกับการกิน ปาราวตี พาติลกับน้องสาวแพ้กุ้งและปลาหมึกจึงได้แต่มองทั้งสองและคนอื่น ๆ อย่างอิจฉา เนวิลล์นั้นไม่ได้แพ้แต่ก็ไม่สามารถกินได้อย่างรวดเร็วนัก เพราะเขาแกะปูไม่เก่งและคนที่ได้รับผลกระทบนี้คือดีน โธมัสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งมักจะโดนก้ามปูที่เนวิลล์พยายามแกะกระเด็นมาถูกศรีษะทุกที
"กินเอาแรง บ่ายนี้เราต้องไปหาพืชกับศาสตราจารย์สเปราต์นะ” รอนพูดกับแฮร์รี่ แต่มองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งอาการเซื่องซึมยังไม่ดีขึ้น และเอาแต่เขี่ยของในจาน เธอพยายามไม่เงยหน้าขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงตาสีซีดของมัลฟอยซึ่งนั่งอยู่ห่าง ๆ
ข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่นั้นมีเด็กผู้หญิงผมสีเงินนั่งอยู่ เธออาการต่างจากเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อยคือก้มหน้ากินอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจ “จนเกินไป” - - หรือก็คือเธอเองก็ไม่อยากสบตากับเด็กชายผมสีน้ำตาลอีกคนที่นั่งอยู่สลีธีรินเหมือนกัน
รอนกับแฮร์รี่มองอาการของเด็กหญิงทั้งสองอย่างงงงวย พวกเขามองหน้ากันแล้วยักไหล่เป็นเชิงบอกว่า "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเธอเป็นอะไร"
“มัลฟอย นายกินกุ้งจานนี้สิ อร่อยเป็นบ้า” แครบพูดทั้งที่ของเต็มปาก แต่พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาดุดันเพราะความรำคาญเขาก็ถอยจานกลับ
“วันนี้ไม่กล่อมฉันอีกรึไง” มัลฟอยพูดกับยาช่าซึ่งนั่งข้าง ๆ แต่เขาไม่สนใจจะมองหน้าอีกฝ่ายสักนิด
เด็กชายชะงักช้อนในมือ คนอื่น ๆ กำลังสนใจกับอาหารมากกว่าจึงไม่ได้ยินที่มัลฟอยพูดเมื่อครู่
“เอาตัวให้รอดก่อนเถอะนะ หมาป่า” เขายิ้มเยาะ แค่เห็นอาการของกาเบรียลเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น
ยาช่าเม้มปาก

ในวันนั้นกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นก็ไม่ได้ต่างกับที่โรงเรียนเท่าใดนัก เพียงแต่ต่างสถานที่และต่างสภาพอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกไว้
พวกเขาได้เห็นพืชหน้าตาแปลก ๆ ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนเกาะ และเรียนรู้สรรพคุณของพวกมันจากศาสตราจารย์สเปราต์เหมือนในคาบเรียนวิชาสมุนไพร ศาสตราจารย์ฟลิตวิกสอนให้พวกเขาใช้คาถาจัดการกับสัตว์บางชนิดที่มีอยู่บนเกาะด้วยวิธีที่ถูกต้อง ส่วนศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็มีคำสั่งให้เด็ก ๆ เปลี่ยนปลาหมึกที่เตรียมมาแล้วให้กลายเป็นนกนางนวลสีขาว
“ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไม ทรมาณมันเปล่า ๆ” รอนเอาไม้กายสิทธิ์เขี่ยหนวดมันให้เข้าไปอยู่ในถาดรอง ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่บนพื้นทรายใต้ร่มไม้บริเวณชายหาด ซึ่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลเป็นคนพาพวกเขามาฝีกที่นี่ ทั้งที่เด็ก ๆ อยากลงไปเล่นน้ำทะเลที่ห่างไปมีกี่ก้าวนี้ใจจะขาด
“เดี๋ยวมันก็กลับร่างเองมั้ง” แฮร์รี่บอกเพื่อน แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันเกิดกลับร่างตอนบินอยู่กลางอากาศขึ้นมาจะทำยังไง
เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่กับกาเบรียล (อีกคนที่ร่วมกลุ่มคือปาราวตีซึ่งตอนนี้ไปล้างหมึกที่ถูกพ่นใส่ออกจากเสื้อ) บนถาดของเธอมีนกนางนวลกำลังทำท่างง ๆ กับปีกและขนตามตัว เพราะเมื่อประมาณนาทีก่อนมันยังเป็นปลาหมึกที่มีหนวดให้ภูมิใจอยู่หยก ๆ
“เธอโกรธยาช่าอยู่เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเด็กหญิงผมสีเงินที่นั่งตรงข้าม
“ฉันมีสิทธิ์โกรธเขาด้วยเหรอ” กาเบรียลพูดห้วน ๆ พลางเอาไม้กายสิทธิ์เขี่ยเจ้านกนางนวล(ที่เมื่อครู่เป็นปลาหมึก) ให้ออกบินไปเสียที
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ ยาช่าไม่ได้ชอบฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูด เธอพอจะแน่ใจกับความรู้สึกของเด็กชายที่เธอกำลังพูดถึง แต่ดูเหมือนว่ากาเบรียลจะไม่รู้
“เขาไม่เคยบอกฉัน ไม่เคยบอกอะไรเลย มีแต่เธอกับคนอื่น ๆ บอกเท่านั้นว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ” กาเบรียลตวัดไม้ฟาดลงบนตัวนกนางนวล มันร้องเสียงดังแล้วพรวดพราดบินไปออกในที่สุด
“กาเบรียล!” เฮอร์ไมโอนี่คว้าไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายไว้ เด็กหญิงผมสีเงินคนนี้เป็นคนขี้โมโหไม่ใช่เล่น แล้วเธอก็ตกใจเมื่อเห็นกาเบรียลน้ำตาเอ่อ
“ฉันชอบเขา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะขอร้องให้เฮอร์ไมโอนี่เข้าใจ
“ให้ตายสิ- - ฉันชอบเขา!” กาเบรียลร้องไห้ออกมา
เฮอร์ไมโอนี่ลูบไหล่อีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน...

คืนนั้นหลังจากที่เด็กทุกคนทำกิจกรรมกันจนครบแล้วและตัวดำเกรียมเพราะโดนแดดเผาจนหมด เวลารับประทานอาหารเย็นจึงเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย บรรดาเด็ก ๆ ได้รับข่าวดีว่าอีกไม่นานพวกเขาจะได้กลับมาที่นี่อีกเพราะศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์มีโครงการจะพาพวกเขามาเข้าค่ายแบบครบวงจรมิใช่แค่เพียงมาและทำได้แค่จ้องทะเลเฉย ๆ แบบนี้
เด็กทุกคนโห่ร้องและตบมือด้วยความยินดี
“นายต้องลดพุงหน่อยนะเนวิลล์” รอนหยอกหลังจากที่ร่วมตบมือ เป่าปากไปกับคนอื่น ๆ
“นายก็เหมือนกันแหละ” อีกฝ่ายย้อนเข้าให้
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วเด็กแต่ละคนก็แยกย้ายเข้าบ้านพักเพื่อเตรียมตัวกลับในวันรุ่งขึ้น แฮร์รี่กับรอนพบเกมใหม่นั่นก็คือไพ่แบบมักเกิ้ลที่พวกเขายืมมาจากเด็กคนอื่นที่มาจากครอบครัวมักเกิ้ล แม้ภาพบนไพ่จะเคลื่อนไหวไม่ได้แต่พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนานร่วมกับเนวิลล์อีกคน
ทางฝ่ายหอนอนสลิธีรินก็ไม่ต่างกันนัก เพียงแต่มัลฟอยไม่ได้อยู่ร่วมกับแครบและกอยล์ หรือเด็กคนอื่น ๆ ที่หากิจกรรมทำกันเอง เพราะหลังจากอาหารเย็น เขาก็หิ้วกระเป๋าลึกลับใบนั้นเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของเพื่อนทั้งสองว่าเขากำลังจะไปไหน
ยาช่าเองก็เช่นกัน เด็กชายแยกตัวมาจากคนอื่นแล้วเดินเรื่อย ๆ มาจากบ้านพักของสลิธีริน เขาไม่ต้องกลัวสัตว์อะไรทั้งสิ้นเพราะป่านนี้พวกมันคงหนีไปไหนต่อไหนกันหมดแล้วทันทีที่เห็นเขา
ยาช่าหยุดเดินเมื่อมาถึงสระน้ำเล็ก ๆ ที่ใครต่อใครพูดถึงด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ลงเล่น เขาทรุดตัวลงนั่งแล้วมองผิวน้ำนิ่งตรงหน้า เด็กชายคิดว่าคำสั่งที่ไม่อนุญาติให้เด็ก ๆ ลงเล่นน้ำทะเลนั้นครอบคลุมมาถึงสระนี้ด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะสระน้ำแห่งนี้มีตลิ่งที่สูงชันมากทีเดียว
แสงสีเงินจากพระจันทร์สะท้อนมาเข้าตาของเขาทำให้เขานึกถึงเจ้าของเส้นผมสีเดียวกันนี้ เด็กชายพลอยนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาระหว่างเขากับเธอไปด้วย
การพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับกาเบรียลมันเลวร้ายพอสมควรเพราะการตั้งท่ารังเกียจเขาจนออกนอกหน้าของเธอจนทำให้ตอนนั้นเขานึกโกรธ นอกจากนี้ ตอนนั้นเขานึกถึงแต่เฮอร์ไมโอนี่
แต่ว่าทำไมตอนนี้เขาจึงเลิกคิดถึงกาเบรียลไม่ได้ - - หรือที่ผ่านมา เขาโกหกตัวเองไปว่าไม่ได้ชอบเธอแม้สักนิด!
เขานึกถึงแก้มใส ๆ ของเธอที่มักจะเปลี่ยนสีทุกครั้งที่พบกับเขา จะมีสักกี่คนในโลกใบนี้ที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วไม่วิ่งหนีหรือทำท่ารังเกียจเสียเหลือเกิน
สายลมพัดมาเอื่อย ๆ ขณะที่พระจันทร์ยามค่ำคืนลอยลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่เหนือผิวน้ำ ยาช่าหันซ้ายหันขวา เมื่อไม่เห็นใครอยู่แถวนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วลงมือถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก - - คงไม่เป็นไรถ้าเขาจะลงเล่นน้ำในร่างหมาป่า ถ้ามีใครมาเจอก็ไม่เป็นไรเพราะคงคิดว่าเขาเป็นหมาป่าที่อาศัยอยู่แถวนี้ ขืนลงทั้งชุดเสื้อผ้าต้องเปียกหมดแน่ คิดได้ดังนั้นเขาก็ถอดชุดออกเหมือนทุกครั้งที่เขากลายร่างเพื่อไม่ให้มันสกปรก
เด็กชายกระโดดตูมลงไปในสระ ไม่นานหมาป่าขนสีน้ำตาลโผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันสะบัดศรีษะไปมาแล้วดำขึ้นดำลงในสายน้ำเย็นอย่างสนุกสนาน แม้จะเพียงลำพังแต่เขาก็ชินแล้วกับการอยู่คนเดียว
แต่ว่า…
"ยาช่า"
เด็กหญิงผมสีเงินยืนทำหน้างง ๆ อยู่ขอบสระ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเขาและไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าจะพบเขาที่นี่
หมาป่าสะดุ้งสุดตัวแล้วผงะถอยหลัง กาเบรียลหัวเราะออกมา - - เขาไม่เห็นต้องอายอะไรเลยในเมื่อเป็นหมาป่าอยู่ทั้งตัวแล้วในตอนนี้
"แอบมาเล่นน้ำเหรอ ถ้าอาจารย์เห็นล่ะก็โดนลงโทษแน่ ๆ ขึ้นมาเร็ว" เธอหยอก
หมาป่าส่ายศรีษะจนหัวคลอน แล้วพยักเพยิดให้เธอเห็นกองเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ เธอ กาเบรียลหันไปมองตามแล้วก็หน้าแดง
"นี่ชุดของเธอเหรอ"
หมาป่าแทบดำน้ำหนีด้วยความอับอาย ขณะที่กาเบรียลหน้าแดงขึ้นราวกับกำลังเดินอยู่ท่ามกลางแดดจัดจ้า หมาป่าอาจจะไม่ต้องอายกับร่างกายที่เต็มไปด้วยขน แต่เขาที่มีสำนึกของเด็กชายอยู่เต็มเปี่ยมนั้นรู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้สวมแม้แต่ถุงเท้าสักคู่
หมาป่าขนสีน้ำตาลว่ายน้ำถอยห่างจากตัวเธอให้มากที่สุด เมื่อพอที่จะแน่ใจได้ว่าเธอจะไม่เห็นอะไรมันก็กลายร่างเป็นเด็กชาย
"ผมจะขึ้นครับ หันไปทางอื่นก่อน" ยาช่าตะโกนบอกเธอ
กาเบรียลรีบทำตามที่เขาบอกทั้งที่ใบหน้าแดงยังก่ำ เมื่อเห็นเธอหันไปแล้วยาช่าจึงกลับร่างเป็นหมาป่าอีกแล้วว่ายกลับเข้ามา พอมาถึงฝั่งเขาก็คว้ากางเกงมาสวมอย่างรวดเร็วที่สุด
เด็กหญิงผมสีเงินเม้มปาก เธอทั้งนึกขำและใจเต้นโครมครามเมื่อได้ยินเสียงกุกกักข้างหลัง ไม่นานยาช่าก็พูดขึ้น
“เสร็จแล้วครับ”
กาเบรียลหันกลับไปก็เห็นว่าเขาสวมเสื้อกับกางเกงเรียบร้อยแล้ว เส้นผมสีน้ำตาลแบบหมาป่านั้นเปียกชุ่มและมีรอยชื้น ๆ ตามตัวเขาเพราะไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง
เด็กหญิงรีบพูด
“ขอโทษนะ ฉัน - - ฉันแค่เดินผ่านมา ไม่นึกว่าจะเจอเธอ”
“ผมก็ไม่นึกว่าจะมีใครเดินมาแถวนี้เหมือนกัน” ยาช่าพูด
แล้วเด็กชายก็ชะงักและขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย
“คุณกำลังโกรธผมไม่ใช่เหรอ”
กาเบรียลทำท่านึกขึ้นได้ เธอหันหลังให้เขาทันที ท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ของเธอทำให้เขาแทบหัวเราะออกมา
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ แต่คุณเข้าใจผิด” ยาช่าพูดกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด!” กาเบรียลหันหลังกลับแล้วพูดโต้ตอบ
“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอชอบเฮอร์ไมโอนี่
ดวงตาสีฟ้าใส่แจ๋วของเด็กหญิงจ้องเขม็งมาที่เขาราวกับจะเค้นความจริง ยาช่าเห็นสีหน้าของเธอชัดเจนแม้ในความมืด เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่มันเก็ป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว..."
สีหน้าของอีกฝ่ายค่อยคลายลง เด็กชายจึงพูดต่อ
"ตอนแรก ผมอาจจะ...ยังไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง ไม่รู้ว่าคุณเห็นผมเป็นคนสำคัญ"
ยาช่าพูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกาเบรียลนั้นเธอยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากอย่างประหลาดใจกับคำพูดของเขา
ยาช่ายกแขนขึ้นกางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ว่าจะทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า
"ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง แต่..."
เขาพูดทีละคำอย่างยากเย็นและระมัดระวัง
“ถ้าคุณอยากกอดผม - - เอ่อ ไม่ใช่....ผม.... ผมไม่รู้ว่าเขาต้องพูดกันยังไง!” ยาช่าโมโหตัวเอง
กาเบรียลหน้าแดงก่ำ แต่ก็ตั้งใจฟังเขาพูดต่อ
“ถ้าผมเป็นหมาป่าคุณจะลูบตัวผมก็ได้ แต่เป็นคนแบบนี้ผมไม่เคยเชิญใคร - - ให้มาถูกตัว”
เด็กชายเว้นวรรคเพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไปและเธอจะวิ่งหนีเขาไปด้วยความโมโห (หรือร้ายกว่านั้นคือตบหน้าเขาสักฉาด) แต่เมื่อเห็นเธอยังคงยืนฟังอยู่เขาจึงพยายามพูดต่อ
“ไม่….ไม่ใช่ เชิญใคร - - ผม ผมหมายถึง ผมเองต่างหาก…” เด็กชายอึกอัก
เขาเม้มปากแล้วสูดลมหายใจเต็มปอดเพื่อพูดให้จบประโยค
“ผมอยากกอดคุณฮะ!”
กาเบรียลวิ่งไปหาเด็กชายทันที ยาช่ากอดเธอไว้อย่างแนบแน่น

อีกด้านหนึ่ง….
มัลฟอยถอนหายใจมองท้องทะเลในยามค่ำคืนอย่างท้อแท้ใจ
นี่มันอะไรกันนักหนา! - - เขามีปัญหากับเฮอร์ไมโอนี่จนยากที่จะให้กลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ ตอนนี้เธออยู่กับเจ้าหัวแดงวิสลีย์ แล้วนี่เขาต้องมาแบกกระเป๋าของใครก็ไม่รู้ ยังดีที่ไม่หนักแต่เขากำลังหมดความอดทนแล้ว อยากจะโยนมันทิ้งทะเลไปซะเดี๋ยวนี้ แล้วเขาก็นึกออก ก็เขามาที่นี่เพื่อทิ้งมันอยู่แล้วนี่นา คิดได้ดังนั้นเขาก็เอากระเป๋าที่คล้องไหล่ไว้ออกมาถือ เด็กชายยกมันขึ้นเหนือหัวและตั้งท่าจะเหวี่ยงมันลงทะเลไป
เสียงพื้นทรายถูกย่ำดังขึ้นข้างหลังเขา มัลฟอยหันไปมองก็เห็นเด็กผู้หญิงผมฟูที่เขาคุ้นตายืนอยู่

*******12*****

“เกรนเจอร์”
เด็กชายแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมาพบเธอที่นี่ เขาลดกระเป๋าสีดำนั้นลง
“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขาเช่นกัน ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูจาง ๆ
เด็กหญิงเม้มริมฝีปาก เธอคิดว่าเวลานี้คงไม่เหมาะจะเรียกเพียงแค่ชื่อของเขา แม้จะทะเลาะกันอยู่แต่การพูดกับเขาสักประโยคอาจจะดีกว่าเดินหนีไปเฉย ๆ
“เธอจะทิ้งกระเป๋านั่นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดในที่สุด เพราะเห็นท่าทางของเขาเมื่อสักครู่
“ก็มันไม่ใช่ของฉัน” มัลฟอยเขย่า แล้วโยนกระเป๋าโครมลงบนพื้นทรายตรงเท้าของตัวเองอย่างไม่สนใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มาทำอะไรแถวนี้คนเดียว” มัลฟอยพูด
เขาพูดเพราะเป็นห่วงเธอก็จริง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังไม่พอใจเธอเพราะเรื่องอะไรและเพราะใครก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“วิสลีย์ไม่มาด้วยเหรอ อ้อ หรือเจ้าพอตเตอร์ดี”
เฮอร์ไมโอนี่นึกฉุน เธอคิดว่าจะได้พูดดี ๆ กับเขาสักทีหลังจากที่ไม่ได้คุยหรือแม้แต่มองหน้ากันมานาน
“มันไม่เกี่ยวกับพวกเขา!”
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง เห็นสนิทแนบแน่นกันเหลือเกินนี่” เด็กชายโต้
“นายจะมายัดเยียดสองคนนั่นให้ฉันทำไม!”
“เพราะฉันเห็นเต็มตาน่ะสิ!”
มัลฟอยระเบิดอารมณ์ใส่ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“ทำไมถึงคิดว่าตัวเองรู้ดีนัก!” เธอพูดเสียงดัง
“เรื่องแค่นี้เจ้าซื่อบื้อลองบัตท่อมยังรู้เลย!”
“อย่าพาลไปถึงคนอื่นนะ!”
แล้วทั้งสองก็หยุดและหอบหายใจเพราะเถียงกันอยู่นาน มัลฟอยกัดฟันและก้มลงหยิบกระเป๋าตรงเท้าขึ้นมาแต่แล้วก็มีกล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งซึ่งเหน็บไว้ส่วนไหนของกระเป๋าไม่มีใครรู้ได้หล่นลงมากระทบกับพื้นทรายตรงหน้าทั้งสองคน และ…เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
ถุงยาง!
มัลฟอยถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นชัด ๆ ว่ามันคืออะไร เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันทีที่เห็นของสิ่งนั้นและกำลังมองเขาเช่นกัน เด็กชายพูดอย่างรู้ทันความคิดเธอ
“นี่ อย่าคิดอกุศลนะ มันไม่ใช่ของฉันหรอก”
“แต่มันหล่นมาจากกระเป๋านายนะ!”
“ฉันเพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่า - - นี่!” เขาพูดเหมือนตะโกนแล้วเขย่ากระเป๋าในมืออย่างโมโหจัด
“ไม่ใช่กระเป๋าของฉัน!”
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแล้วเงียบลงเพราะลืมไป
“ขอโทษที” เธอคิดว่าคำนี้คงดีที่สุด
มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วเดินมาหยิบกล่องใบนั้นขึ้น เขาขว้างมันสุดแรงให้เข้าไปในหมู่ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ไกล ๆ ซึ่งตอนนี้มืดมิดอย่างไม่สนใจ เมื่อเขาหันกลับมาก็สบตากับดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งสองมองตากันนิ่ง
มัลฟอยเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะเดินแยกจากเธอตรงไปที่ชายหาด แล้วหยุดตรงที่คลื่นซัดมาถึงพอดี
“มาทะเลแต่ให้มานั่งจ้องมันอยู่ได้ บ้าเอ๊ย!”
เด็กชายสบถอย่างหงุดหงิดแล้ววางกระเป๋าลึกลับใบนั้นลงกับพื้นทราย เขาถอดเสื้อคลุมของโรงเรียนออกวางไว้ข้างกันโดยไม่กลัวว่าคลื่นจะซัดมาถูกเข้า เฮอร์ไมโอนี่ที่ยืนอยู่ไกล ๆ อ้าปากค้าง
“เดี๋ยวก็เปียกหมดหรอก”
“ช่างมันเถอะ” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้าวลงไปที่ทะเล เด็กหญิงร้อง
“มัลฟอย! เธอจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าเล่นน้ำ”
เขายักไหล่ เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ
“เธอลืมแล้วเหรออาจารย์สั่งห้ามเราเล่นน้ำ”
“แล้วคิดว่าฉันสนรึไง” เด็กชายว่า - - อย่างเขาน่ะหรือต้องมาสนใจกฎระเบียบอะไร
“จะยืนอยู่ก็ตามใจ” เด็กชายพูดจบก็เดินลงไปทั้งชุดเต็มยศ ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น
พอเดินไปจนน้ำลึกถึงเอว มัลฟอยก็หันกลับมาที่ฝั่ง
“ลงมาสิเกรนเจอร์ น้ำไม่เย็นสักหน่อย”
“ไม่เอาหรอก ถ้าใครมาเห็น! - - “ เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง
“เห็นก็ช่างหัวมันปะไร!” มัลฟอยพูดเหมือนตะโกน
“ถ้าเธอกลัวใครจะรู้เรื่องของเรานักล่ะก็กลับไปนอนซะเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว!”
เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก มองมัลฟอยที่สะบัดหน้ากลับและเดินลงน้ำลึกลงไปอีกตามลำพัง
“กลัว กลัว กลัว! กลัวเจ้าวิสลี่ย์มันรู้มากนักใช่ไหม!” เขาพึมพำอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วชกน้ำทะเลตรงหน้าอย่างหงุดหงิด
“ทำไมต้องกลัวอะไรนักหนา!” เด็กชายรู้สึกว่าความโกรธที่พลุ่งพล่านในใจตอนนี้คงไม่มีวันสงบลง และอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงอะไรให้เขาเห็นเลยว่าเธอนั้นอยากคืนดีด้วย
“ไม่ใช่สักหน่อย”
เสียของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นจากข้างหลังเขา มัลฟอยหันไปมองทันที เสียงพื้นน้ำที่กระเพื่อมอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกล เขาอุทานชื่อเธอออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
“เกรนเจอร์”
เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เธอลงน้ำมาทั้งชุดเหมือนกัน ปลายผมพองฟูพลิ้วอยู่ในน้ำทะเล
“ถ้าเธอไม่กลัว” เด็กหญิงหน้าเป็นสีชมพู แล้วเดินมาใกล้เขามากขึ้นเพื่อสบตาอีกฝ่าย
“ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเหมือนกัน”
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เขย่งเท้าขึ้น มัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาหาเธอ ต่างฝ่ายต่างรู้สึกราวกับจากกันไปนานเหลือเกิน
ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันดังเช่นทุกครั้งที่ต้องการจะสื่อความในใจให้อีกคนรู้ แต่ในครั้งนี้เหมือนมีทั้งความคิดถึงและความรู้สึกผิดต่อกันเจือมาในเรียวปาก
ไม่ว่าใครในโลก…ไม่มีใครรู้เรื่องของเราทั้งนั้น

“พวกเธอรู้ไหมว่าเฮอร์ไมโอนี่หายไปไหน”
ปาราวตีมาเดินมาเคาะห้องถามหาเพื่อนกับแฮร์รี่และรอนซึ่งทั้งสองกำลังเล่นเกมไพ่แสนประเบิดปังกันอยู่บนที่นอน หลังจากที่สนุกสนานกับไพ่มักเกิ้ลกันไปแล้ว เนวิลล์ที่ร่วมห้องด้วยกันคอยลุ้นอยู่ไกล ๆ เพราะเฟร็ดกับจอร์จเติมแรงระเบิดเพิ่มเข้ามาในไพ่นี้เพราะคิดว่ามันจะเพิ่มความสนุกได้ แต่คนอื่น ๆ คิดว่ามันเพิ่มเรื่องเจ็บตัวมากกว่า
“เขาบอกว่าลืมของไว้ที่ริมหาดตอนเรียนคาบวิชาแปลงร่าง” แฮร์รี่บอกกับปาราวตี
“กาเบรียลก็หายไปนะ” น้ำเสียงของเด็กหญิงเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวก็มา” รอนตัดบทสั้น ๆ จนอีกฝ่ายแบะปากที่เขาไม่เห็นความสำคัญของคำถามเธอก่อนจะเดินออกไป
“เขาไปคนเดียวรึเปล่าก็ไม่รู้” รอนว่าหลังจากที่เด็กหญิงปิดประตูเดินออกไปแล้ว แม้จะดูเหมือนไม่กังวล แต่ใจจริงแล้วเขาก็ห่วงเฮอร์ไมโอนี่ไม่น้อยเพียงแต่ไม่ต้องการให้ใครมารู้
แฮร์รี่วางไพ่ลงแล้วตอบ
“มันจะมีอะไรอันตรายได้ยังไง ยกเว้นถ้าไปเจอมัลฟอย - - ”
ไพ่แสนประเบิดตูมขึ้นมาจนแว่นตาของแฮร์รี่กระเด็นออกจากจมูก
“ลางไม่ดีนะเนี่ย”
รอนหัวเราะเสียงดังแล้วมองแฮร์รี่ลูบผมที่ไหม้หงิกของตัวเองให้ลงมาตามเดิม

คลื่นยังคงม้วนตัวเข้าหาฝั่งเหมือนกันทุกวัน ดูราวกับว่าท้องทะเลช่างขยันและไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยที่จะสร้างมันขึ้นมา เฮอร์ไมโอนีที่ตัวเปียกชุ่มนั่งกำลังอยู่บนพื้นทราย ขณะที่มัลฟอยนอนประสานมือขึ้นหนุนศรีษะอยู่ไม่ห่างกัน ทั้งสองกำลังมองไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับนั้นด้วยใจที่สงบนิ่ง
“ฟ้าสวยจัง” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นแล้วหันไปมองมัลฟอย
“อืม - - ใช่ ฉันไม่ได้แหงนหน้าดูนานแล้ว” เขาบอก
ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง มัลฟอยจึงพูดต่อ
“เคยคิดบ้างไหมว่าสักวันเราอาจจะต้องแยกจากกันจริง ๆ”
“เธอคิดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างแปลกใจ
“ตั้งแต่เห็นวิสลีย์มันหึงเธอตอนนั้น” เขาหมายถึงตอนงานเลี้ยงเปิดเทอมและรอนแสดงท่าทางออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ใช่สิ ตั้งแต่ตอนปีสี่ เรื่องของเธอกับวิกเตอร์ ครัม ตอนคาบชั่วโมงปรุงยา”
มัลฟอยหยัดตัวขึ้นนั่งบ้าง แล้วมองอีกฝ่ายเหมือนต้องการคำตอบ
“ฉัน…ไม่ได้คิดอะไรกับรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดแล้วหรุบตาลงเพื่อระลึกเรื่องระหว่างเธอกับรอนที่ผ่านมา
“ฉันว่าวิสลีย์มันเริ่มคิดแล้วล่ะ” มัลฟอยจ้องเธอเต็มตา
“ปล่อยให้เขาคิดไปก่อนก็ได้” เด็กหญิงแกล้งพูดพลางหัวเราะ ท่าทางทีเล่นทีจริง
“มันต้องเลิกคิด” มัลฟอยพูดเสียงเฉียบขาด แววตาของเขาแสดงให้เห็นว่าเอาจริง
เฮอร์ไมโอนีหน้าเป็นสีชมพูขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของเขา
“ฉันยืนยันนะว่าฉันไม่รู้เรื่องที่รอนคิดหรอก ถ้าเธอไม่บอก” เธอพูดอย่างเกรง ๆ
“ตอนนี้เธอก็รู้แล้ว จะทำยังไงต่อไปล่ะ”
“จะให้ทำยังไงล่ะ ฉันห้ามความคิดเขาไม่ได้นี่นา”
มัลฟอยละสายตาจากอีกฝ่าย แล้วมองท้องฟ้าตามเดิม เขาถอนใจลึกแล้วมองท้องฟ้า เด็กชายเหยียดขาและยื่นแขนทั้งสองไปไว้ด้านหลังเพื่อยันตัวเองไว้ เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ
“เธอกังวลเหรอ”
“นิดหน่อยมั้ง ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไง”
“เป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างจริงจัง
มัลฟอยหันกลับมามองหน้าเธอ
“ไม่กลัวอนาคตใช่ไหม”
“ไม่เลยสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่มองอีกฝ่ายนิ่ง
มัลฟอยโน้มหน้ามาใกล้แล้วจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายถอยตัวออกไปห่าง เธอพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
“มัลฟอย เธอใส่น้ำหอมเหรอ”
“หือ - - เปล่านี่” เขาขมวดคิ้วบ้าง
“แต่ฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ”
มัลฟอยทำท่าคิด แล้วเอานิ้วแตะที่คางของตัวเอง
“กลิ่นน้ำยาโกนหนวดมั้ง”
“เธอโกนหนวดด้วยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างประหลาดใจ
มัลฟอยเลิกคิ้วราวกับว่าอีกฝ่ายถามว่าอย่างเขานี่ต้องดื่มน้ำด้วยเหรอ เขาพูดงง ๆ
“ถามแปลก ๆ ฉันก็ต้องโกนสิจะปล่อยให้มันยาวได้ยังไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกว่ามัลฟอยเปลี่ยนไปแล้ว เธอกับเขาอยู่ใกล้ชิดกันมานานโดยที่ไม่มีใครรู้ตั้งแต่ตอนปีสาม มาจนบัดนี้มัลฟอยกลายเป็นหนุ่มน้อยที่เธอผูกพันอย่างมากมาย
มัลฟอยรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไหวไหล่
“ฉันไม่ได้เป็นเด็กตลอดไป เธอเองก็เหมือนกัน ไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเธอก็น่ากอดขึ้นกว่าเดิมเยอะจริง ๆ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงจัด มัลฟอยพูดต่อ
“พิสูจน์ดีกว่า”
เขาเอื้อมมือไปหากระเป๋าลึกลับไปนั้นที่ตอนนี้เปื้อนทั้งน้ำทะเลและทราย เขาพยายามพลิกหาว่าเปิดตรงไหนได้บ้างนอกจากล็อกด้านหน้าที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเปิดได้ เฮอร์ไมโอนี่สงสัย
“หาอะไรเหรอ ไหนเธอบอกว่าไม่ใช่กระเป๋าของเธอไง”
“จะดูว่ายังมีไอ้นั่นเหลืออยู่อีกสักกล่องไหม”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดยิ่งกว่าเก่า เธอพูดเสียงเขียว
“ไม่ต้องเลยนะ!”
มัลฟอยหัวเราะ
“ฉันล้อเล่นน่า แต่ว่าฉันยอมครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นเด็ดขาด
“ครั้งไหนก็ไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังและเด็ดขาดยิ่งกว่า
“โอเค โอเค” มัลฟอยยอมแพ้
“ว่าแต่ว่า” เขาหันมองกระเป๋าในมืออย่างสงสัย เฮอร์ไมโอนี่เองก็เช่นกัน ทั้งสองมีคำถามเดียวกันขณะที่มองกระเป๋าสีดำซึ่งตอนนี้เปื้อนทรายและน้ำทะเลเต็มไปหมด
“นี่มันกระเป๋าของใครกันเนี่ย”

**********13********

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ ท้องฟ้ายามเช้าของทะเลดูสวยงามเหมือนภาพวาด บรรดานักเรียนแต่ละบ้านต่างก็เก็บข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋ากันอย่างเรียบร้อยเพื่อเดินทางกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ทุกคนหวังอย่างเดียวกันว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้เพื่อจะได้เล่นน้ำให้สนุกกันเสียที และวันนี้ก็เป็นวันที่อากาศดีเหมาะกับการเล่นน้ำทะเลหลือเกิน
“ทุกคนออกมาเข้าแถวข้างนอก”
พรีเฟ็กคนเดิมของกริฟฟินดอร์ตะโกนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้านก่อนจะเดินนำออกไปที่ลานกว้างด้านหน้าบ้านพัก เด็ก ๆ กริฟฟินดอร์เดินคุยเสียงดังกันมาตอลดทางออกจนพรีเฟ็กคนเดิมต้องตะเบ็งเสียงแข่ง
“อย่าเสียงดัง - - ตรวจดูด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า เราจะไม่มีการกลับมาเอาของนะ”
นักเรียนทุกคนตรวจสัมภาระของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็เกิดความชุลมุนเล็กน้อยเพราะเด็กหลายคนวิ่งกลับเข้าไปหยิบของที่ลืมไว้ในบ้านพัก จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าไม่มีใครวิ่งไปไหนกันอีกพรีเฟ็กชายคนนั้นก็บอกให้ทุกคนเงียบและเดินตามเขามา
แถวของเด็กแต่ละบ้านมาเจอกันก่อนที่จะเดินไปถึงชายหาด เฮอร์ไมโอนี่มองเห็นมัลฟอยในแถวบ้านของสลิธีริน แต่เด็กชายมีมาดเกินกว่าจะทำอย่างอื่นได้มากกว่าสบตาเธอตอบ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอยิ้มให้เขา
เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เธอได้คุยกับมัลฟอยเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้น เด็กชายว่าถึงไม่มีเจ้าของออกมาแสดงตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ตอนแรกก็คงลืมจริง ๆ ตอนหลังสงสัยจะกลัวว่าฉันพังล็อกด้านหน้าแล้วเปิดดูของข้างในแล้ว”
มัลฟอยเว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ให้เธอเข้าใจตรงกันว่าของข้างในคืออะไร ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ไม่หน้าแดงแต่เธอต้องปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะแทน เด็กชายพูดต่อ
“ก็เลยไม่กล้าตามมาเอาคืน”
“แล้วทำไมเธอถึงอุตส่าห์สะพายมันมาถึงที่นี่ล่ะ”
“ฉันจะทิ้งมันน่ะสิ ทีเจ้าของเห็นไม่สนใจ แล้วทำไมฉันต้องสนด้วย” มัลฟอยพูดอย่างไม่แยแส เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ เพราะรู้นิสัยอีกคนดี
“ทีนี้จะเอามันไปไหนล่ะ” เธอถามซ้ำ
“คงให้พรีเฟ็กมั้ง - - ถ้าไม่ติดว่าฉันจะแก้แค้นเจ้าของมันก็คงส่งไปตั้งแต่แรกแล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่ยันตัวเองขึ้นยืนช้า ๆ แล้วพูด
“กลับกันเถอะ เดี๋ยวใครต่อใครจะแห่กันมาตามเรา”
มัลฟอยยืนขึ้นบ้าง เขาเหวี่ยงกระเป๋าลึกลับใบนั้นไปคล้องไหล่ แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมออกมาร่ายเวทมนตร์สั้น ๆ ไม่ช้าเสื้อผ้าของเขาและเฮอร์ไมโอนี่ก็แห้งสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เธอเคยใช้เวทมนตร์นี้ตอนที่เราเจอโอวีล่าแล้วตกลงไปในสระของพรีเฟ็คนะ ฉันจำได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดถึงอดีต
“อย่าเอ่ยชื่อนั้นได้ไหม” มัลฟอยพูดหงุดหงิด
“เธอไม่ชอบหรือกลัวเขาล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“ฉันไม่เคยกลัวสาวเซ็กซี่ที่เรียกฉันว่า “สุดที่รัก” ซะด้วย” มัลฟอยแหย่กลับแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่
“แต่ฉันอยากให้ผู้หญิงธรรมดา ๆ ตรงหน้าเรียกฉันอย่างนั้นมากกว่า”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู
“มากันครบแล้วใช้ไหม”
เสียงตะโกนของแฮกริดดังเข้ามาในความคิดจนเฮอร์ไมโอนี่ตื่นจากภวังค์ บรรดาพรีเฟ็กที่นำพวกเขามาเดินไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ยืนรออยู่กับอาจารย์คนอื่น ๆ เพื่อรายงานว่ามีเหตุการณ์อะไรผิดปกติและนักเรียนอยู่ครบหรือเปล่า
เงาสีดำสี่จุดบนท้องฟ้าเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณแสดงว่าพวกมันกำลังร่อนลงต่ำ เมื่ออยู่ในระยะที่สามารถมองได้ชัด เด็กทุกคนก็เห็นเรือลำเดิมลอยลงมาจากท้องฟ้าและไม่นานพวกมันก็ลงจอดอย่างนุ่มนวลบนชายหาดชนิดน้ำทะเลแทบจะไม่กระเพื่อม
“ทีตอนมีคนนั่งอยู่ไม่เห็นจอดดีขนาดนี้” รอนบ่นออกมาดัง ๆ เฟร็ดกับจอร์จที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กอดอกพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย (น้อยครั้งที่จะได้เห็นสองคนนี้ไม่ต่อปากต่อคำ)
เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในห้องโดยสารส่วนตัวเช่นเดียวกับขามา แต่ที่ต่างไปจากเดิมก็คงเป็นตรงที่เธอมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
รอนกับแฮร์รี่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นเฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ เธอทักเพื่อนทั้งสอง
“มาแล้วเหรอรอน แฮร์รี่”
เด็กชายทั้งสองมองหน้ากัน
“ท่าทางกลับเป็นปกติแล้วนี่ เอ๊ะ - - หรือว่าดีขึ้นกว่าเดิม”
รอนพูดอย่างแปลกใจขณะเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ แฮร์รี่เองก็อดสงสัยไม่ได้
“เปล่านี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสดชื่น
“น่าเชื่ออยู่หรอก” รอนประชด
“ถ้าที่ผ่านมาฉันเชื่อว่าเธอไม่มีอะไรกลุ้มใจจริง ๆ ก็คงไม่แปลถ้าฉันจะเชื่อว่าเฟร็ดกับจอร์จจะไปทำงานที่กระทรวงเวทมนตร์กับเพอร์ซี่ - - ”
แฮร์รี่เผลอหัวเราะออกมาทั้งที่ควรจะรีบสนับสนุนความคิดของรอนเพื่อจะได้รู้สักทีว่าที่ผ่านมานั้นเฮอร์ไมโอนี่กลุ้มใจอะไร
รอนทำหน้าขุ่นเคือง
“คราวนี้เธอแก้ปัญหาได้แล้วล่ะสิ ถึงได้ไม่บอกพวกเรา คราหน้าถ้ามีอะไรกลุ้มใจแล้วเธอไม่บอกเราสองคนบ้างล่ะก็ฉันจะถือว่าเธอไม่เห็นเราเป็นเพื่อน - - ”
เสียงเรือเริ่มขยับลำขึ้นสู่ท้องฟ้า แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ฉวยเก้าอี้ไว้ตามสัญชาตญาณ - - เป็นสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นใหม่หลังจากขึ้นเรือลำนี้ว่าถ้าเรือขยับเมื่อไหร่อาจจะเกิดเหตุการณ์ดียวกันกับตอนที่ลงจอดก็ได้ แต่ปรากฏว่าผิดคาดเรือแล่นขึ้นอย่างนุ่มนวลกว่าที่คิด
“สงสัยศาสตราจารย์มักกอนนากัลไปขึ้นค่าตอบแทนให้กับคนขับ”
รอนพูดขึ้นขณะปล่อยมือจากที่วางแขน แฮร์รี่เห็นด้วยกับรอนอย่างเต็มร้อย

อีกด้านหนึ่งของเรือ กาเบรียลหลับสนิทกับไหล่ของยาช่าอยู่ในห้อง พวกเขาจะไปถึงฮอกวอตส์อีกไม่ช้าเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น ๆ ความจริงอีกอย่างก็คือหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันไป กาเบรียลต้องกลับไปโบซบาตง และยาช่าเองก็กลับโรงเรียนของตัวเองเหมือนกัน
ห้อง ๆ นี้เป็นห้องอาจารย์จัดให้เขาแยกจากเด็กคนอื่น ๆ เหมือนเมื่อก่อนโดยให้อยู่ห้องนี้ลำพัง ไม่ใช่ว่ารังเกียจเขาแต่การที่จะให้เด็กชายซึ่ง“เคย”เป็นหมาป่ามาก่อนอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ ก็อาจจะเกิดปัญหาจากผู้ปกครองซึ่งไม่เคยไว้วางใจคนลักษณะพิเศษเช่นนี้ขึ้นได้
กาเบรียลนั้นหลบบรรดาอาจารย์และเด็กบ้านสลิธีรินมาพบเขาที่นี่ แต่พอคุยกันได้ไม่นานเธอก็งัวเงียและหลับไป เด็กชายหมาป่ามองออกไปนอกหน้าต่าง ปุยเมฆข้างนอกลอยอยู่โดยรอบดูราวกับเป็นทะเลสีขาวสะอาดตา
กาเบรียลขยับตัวเล็กน้อย ยาช่าหันไปมองแล้วยกแขนขึ้นจับศรีษะเธอให้อยู่ถูกที่ เมื่อแน่ใจว่าเธอยังคงหลับเขาก็ค่อย ๆ วางมือลงบนไหล่ของเธอ เด็กชายมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง แต่แล้วจิตใต้สำนึกก็พูดขึ้นเหมือนยุเขา
จูบเธอสิ - - เธอไม่ว่าหรอก!
ริมฝีปากของกาเบรียลอยู่ใกล้แค่นี้อย่างที่ใจว่าจริง ๆ เด็กชายเม้มปากแน่นเหมือนรวบรวมความกล้าแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปหาเธอ เขาแทบกลั้นหายใจไม่ให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากะทันหัน
คำภาวนาดูเหมือนไม่เป็นผล กาเบรียลตื่นขึ้นแทบจะทันทีที่เขานึก แม้จะมีท่าทางตกใจแต่คงน้อยกว่ายาช่าที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ ๆ ก็ลืมตาแป๋วขึ้น
“ผม - - ไม่ได้ตั้งใจ” เด็กชายลดมือลงจากไหล่ของเธอแล้วรีบร้อนลุกไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
กาเบรียลหน้าเป็นสีชมพู เธอลูบผมสีเงินของตัวเองให้แนบศรีษะตามเดิมหลังจากที่มันยุ่งเหยิงเพราะพิงเขาอยู่นาน
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้โกรธ”
ดวงตาสีฟ้าใสแจ๋วของอีกฝ่ายดูจริงจังจนเขาอยากจะชกหน้าตัวเองสักที กาเบรียลรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของเขา
“พอถึงฮอกวอตส์ - - เราก็ต้องจากกัน ฉันคงจะคิดถึงเธอมาก” มีแววเศร้าเจือในน้ำเสียงของเด็กหญิง
“ผมต้องการให้คุณนึกถึงผมฮะ” ยาช่าพยายามเลือกคำพูดอย่างระมัดระวังที่สุด
“แล้วเธอก็ต้องคิดถึงฉันนะ” กาเบรียลพูดพลางหัวเราะราวกับต้องการจะขู่เขาเล่น ๆ
“ถึงตอนนี้คุณจะห้ามผมคิดถึงคุณ” ยาช่าเว้นวรรคเพื่อมองอีกฝ่ายให้เต็มตา
”ก็ช้าไปแล้วครับ”
เมื่อสบตากันอยู่เป็นครู่ ต่างฝ่ายต่างยืนขึ้นและเดินเข้ามาหากัน ยาช่ายกมือขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะทำยังไงดี กาเบรียลยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลที่อยู่ข้างศรีษะของเขา เด็กชายมองหน้าแดงจัดของกาเบรียลแล้วก็รั้งตัวเธอเข้ามาแนบอกก่อนจะก้มลงมาหา
“ยาช่า” กาเบรียลเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่วเมื่อใบหน้าต่างฝ่ายแนบชิดกัน ตอนนี้แก้มของเธอคงแดงมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กหญิงค่อย ๆ ปิดตาสนิทก่อนจะพูดขึ้นหยอก ๆ
“จูบแรกหรือเปล่านี่”
“เดาดูสิฮะ” ยาช่าหัวเราะ
ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันในที่สุด กาเบรียลยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่าย ขณะที่ยาช่าเองก็กอดเธอตอบอย่างแนบแน่นเช่นกัน

เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวอยู่บนเรือ ถ้าจะให้นั่งอยู่แต่ในห้องกับเพื่อนสองคนที่เอาแต่กินเธอคงได้กินไปด้วยกันตลอดทางแน่ การออกมาเดินเล่นดูทิวทัศน์จากหน้าต่างทรงกลมของเรือนั้นเป็นเรื่องเพลิดเพลินเท่าที่พอจะหาได้และเธอก็จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย
ตามทางเดินที่ทำด้วยไม้เงาวับนั้นว่างเปล่า เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกตัวว่าเดินเข้ามาในเขตของห้องพักเด็กสลิธีรินโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเครื่องหมายงูสีเขียวสลับเงินติดอยู่ตรงทางเดิน เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าตัวเองเดินมาในถิ่นที่ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว เพราะนอกจากเด็กสลิธีรินไม่ชอบหน้าเธอกันทุกคนแล้ว ยังมีศัตรูที่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำอย่างจำเพาะเจาะจงอย่างแพนซี่ พาร์คินสัน
เมื่อรีบหันหลังกลับเสียงประตูของห้องด้านหลังของเธอก็เลื่อนออกดังครืด เด็กหญิงยังไม่ทันได้หันไปดูว่าเป็นใคร เจ้าของห้องก็คว้าเธอไว้ทั้งตัวก่อนจะดึงเธอเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดปากแน่น
เธอกำลังจะถูกทำร้าย!
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นสุดกำลังแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลกว่ามากนัก วิธีสุดท้ายที่เธอนึกได้คือขอความช่วยเหลือจากใครสักคน!
“มัลฟอย!....” เฮอร์ไมโอนี่ร้องชื่อคนที่เธอคิดว่าจะช่วยได้ในตอนนี้ออกมาสุดเสียง
“อะไร”
เด็กชายผมสีบลอนด์เจ้าของชื่อปล่อยปากเธอทันที มีรอยยิ้มพอใจที่ได้ยินเธอเรียกชื่อเขา เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกค้างเมื่อเห็นว่าคนที่เธอต้องการให้ช่วยคือคนที่ลากเธอเข้ามาในนี้ซะเอง เมื่อตั้งตัวได้แล้วเด็กหญิงก็โวยวายเสียงดัง
“นายทำฉันตกใจนะ!”
“ฉันต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” เขายักไหล่ยียวน
“แครบกับกอยล์ไปเดินไถขนมเด็กคนอื่นกินถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันกำลังเซ็ง ๆ ก็เห็นเธอเดินมาพอดี”
เฮอร์ไมโอนี่ตัวสั่นด้วยความโกรธที่ถูกเขาทำตามใจและอายที่เมื่อครู่เผลอเรียกชื่อของเขาไป มัลฟอยพูดต่ออย่างไม่สนใจ
“ฉันชอบห้องแบบนี้” เขามองไปรอบ ๆ ห้องโดยสารของตัวเอง แล้วมาหยุดสายตาที่เฮอร์ไมโอนี่
“นอกจากเงียบแล้วยังไม่มีใครมากวนอีกต่างหาก”
“แต่มันไม่เก็บเสียงหรอก!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังเพื่อจะขู่ว่าถ้าเธอร้องออกไปก็ต้องมีใครได้ยินแน่ ๆ
“แล้วเธอจะส่งเสียงอะไรออกไปให้คนเขาสงสัยกันล่ะ” เด็กชายหรี่ตาแล้วเว้นวรรค
“หรือว่าเสียงแห่งความพอใจ” เขาพูดเสียงยั่ว ๆ ในตอนท้าย นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดเพราะรู้ว่ามัลฟอยหมายถึงเสียงในตอนไหน!
“พูดจาน่าเกลียดที่สุด! นายมัน - - ”
“คิดไปถึงไหนกัน” มัลฟอยหัวเราะ แล้วท่าทางก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“แต่ลองซักหน่อยก็ดี”
เมื่อเขาก้าวเข้ามาหา เฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่อีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ผิดไปหน่อย คราวนี้ฉันมีไม้กายสิทธิ์!”
ท่าทางของเด็กหญิงพร้อมสู้เต็มที่ มัลฟอยถอนใจหน่ายแล้วกลอกตามองเพดานอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องของเรามันน่าจะคืบหน้ากว่านี้ได้แล้วนะ”
“นี่มันบนเรือโดยสารนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเหมือนตะโกนแต่น่าแปลกที่ไม่มีใครโผล่เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในนี้ หรือว่าความเชื่อที่ว่าห้องนี้ไม่เก็บเสียงนั้นไม่จริง!
เด็กชายเลิกคิ้ว
“หมายความว่า ที่อื่นถึงจะได้งั้นสิ”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากสนิททันที ใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่การตอบรับแต่เด็กหญิงคิดว่าถึงจะเถียงอะไรออกไปอีกเขาก็หาช่องทางวกกลับมาเรื่องเดิมได้อยู่ดี
มัลฟอยมองเธอด้วยดวงตาสีซีดที่คุ้นเคยดี แล้วเขาก็พูด
“ตอนนี้แค่นิดหน่อยได้ไหมล่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายไม่ว่าอะไรนอกจากใบหน้าเป็นสีจัดขึ้นอีก มัลฟอยเดินเข้ามาประชิดแล้วจับปลายไม้กายสิทธิ์ของเธอไว้ เฮอร์ไมโอนี่ผงะถอยหลัง มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“คราวนี้อยากจูบฉันเองไหมล่ะ เกรนเจอร์ ให้เวลาคิดไม่นานนะ ฉันยิ่งไม่ค่อยยอมให้ใครจูบง่าย ๆ อยู่ด้วย”
“ไม่เห็นต้องคิด! ฉันไม่อยาก!” เด็กหญิงตอบอย่างหนักแน่น
“ถ้างั้นให้ฉันจูบเธอละกัน” มัลฟอยกดไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ลงแล้วรวบตัวเธอมาหาอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงดังเมื่อเข้าก้มหน้าลงมา
“นั่นไม่ใช่ชื่อฉันสักหน่อย” เด็กชายบ่น
“ฉันบอกให้เธอเลิกเรียกฉันอย่างนั้นไปตั้งนานแล้ว”
“ฉันก็เคยเรียกนะ” เฮอร์ไมโอพูดกับมัลฟอยที่ใบหน้าอยู่ห่างแค่คืบ
เขาทำท่าคิด
“นับครั้งได้เลยมั้ง ต่อไปเธอก็เรียกชื่อฉันสิ”
“ถ้าเธอเต็มใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“แล้วก็บอกความรู้สึกของเธอได้หรือยัง” มัลฟอยแตะริมฝีปากับแก้มอีกฝ่าย
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแล้วหรุบตาลงต่ำ เธอพูดประโยคทีเขารอคอยมานานอย่างแผ่วเบา
“ฉัน…รักเธอ - - เดรโก”
“ดีมาก เด็กดี” มัลฟอยพูดอย่างพอใจแล้วก้มหน้าลงมาหาเธออีกครั้ง
ริมฝีปากของทั้งสองคนสัมผัสกันในที่สุด มัลฟอยคล้องแขนไว้รอบตัวของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เด็กหญิงเองก็คล้องแขนไว้รอบคอเขาเช่นกัน - - ไม่นานพวกเขาจะไปถึงฮอกวอตส์ โรงเรียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดและจะเป็นที่ที่จะดำเนินเรื่องราวระหว่างเขาสองคนต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของพวกเขาตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ
หรือเรื่องราวอันแสนยาวนานที่ผ่านมานี้ซึ่งไม่มีใครรู้ก็จะไม่มีใครได้รู้ต่อไป ตลอดกาล

The end.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น