วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ซีรี่ย์ 11...ฉันและเธอ (At the beginning)

ซีรี่ย์ 11...ฉันและเธอ (At the beginning)

fic by..Peterpan

นำมาจาก : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=icu11&topic=26&Cate=11

“เราโดนแย่งสนามซ้อมอีกแล้ว!!”
โอลิเวอร์ วู้ด ระเบิดอารมณ์บอกลูกทีม ก่อนจะส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้เฟร็ดกับจอร์จที่ทำท่าโล่งอก
นักกีฬาควิดดิชของบ้านกริฟฟินดอร์มีนัดซ้อมกันตอนบ่ายนี้ เพราะวู้ด(ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนดียว)คิดว่าพวกเขาซ้อมกันน้อยเกินไป แต่เมื่อวู้ดเดินลงมาที่สนามเป็นคนแรก มาร์คัส ฟลินต์ที่เป็นกับตันทีมควิดดิชของสลิธีรินก็ยืนรออยู่แล้ว เขายื่นแบบฟอร์มพร้อมลายเซ็นของศาสตราจารย์สเนปที่เขียนว่าอนุญาติให้ทีมสลิธีรินได้ใช้สนามแทนกริฟฟินดอร์
วู้ดโกรธจัดจนดูเหมือนตัวของเขาพองขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่า เขาเดินกลับมาหาลูกทีมของตัวเองขณะที่บรรดาผู้เล่นของสลิธีรินพากันหัวเราะเยาะไล่หลังมา
“พรุ่งนี้ค่อยซ้อมก็ได้นี่นา นายรู้ไหม หมู่นี้เราอยู่บนไม้กวาดนานกว่าอยู่บนพื้นแล้ว” เฟร็ดประชด คนอื่น ๆ พากันหัวเราะชอบใจ
“นี่ไม่ตลกเลยนะ!” วู้ดบ่นเสียงดัง
“ถ้าขืนบ้านสลิธีรินเอาไอ้แบบฟอร์มบ้า ๆ นั่นมาอ้างว่าสเนปขอสนามไว้ก่อนทุกครั้ง เราจะทำยังไง”
แฮร์รี่มองวู้ดอย่างเห็นใจ -- -- เขาเป็นกับตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ที่ออกจะทุ่มเทกับงานมากจนน่ากลัว
“แต่เราก็มีมักกอนากัล…” จอร์จเสริม
“อาจารย์ไม่มีทางยอมตลอดไปหรอก”
นั่นจริงทีเดียว……วู้ดจึงสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้วบอกให้ลูกทีมทุกคนกลับไปพักได้ แฮร์รี่ที่สวมเครื่องแบบควิดดิชเต็มยศเดินมาหารอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้างสนาม
“โดนแย่งสนามอีกแล้วเหรอ” รอนบ่น
“ฮื่อ” แฮร์รี่ที่สวมเครื่องแบบควิดดิชเต็มยศตอบ แล้วหันไปมองผู้เล่นของทีมสลิธีรินที่สวมชุดสีเขียวและกำลังรวมตัวกันอยู่กลางสนาม
“น่าโมโหจริง ๆ “ เฮอร์ไมโอนี่พลอยโกรธไปด้วย
ผู้เล่นของทีมสลิธีรินยังไม่เริ่มซ้อม มัลฟอยเดินแยกตัวออกมาแล้วตรงมาหาเด็กทั้งสาม
“ประทานโทษทีเถอะ คนไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด” เขาพูดแล้วยิ้มเหยียด
“เราก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก” รอนพูดห้วน ๆ
มัลฟอยหรี่ตามองรอนราวกับว่าเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างหนึ่ง
“วิสลีย์ นายน่าจะอยากอยู่ต่อนะ ในเมื่อไม่ได้เป็นคนเล่น ก็รับจ้างเก็บกวาดสนามซักหน่อยเป็นไง”
มีเสียงหัวเราะดังมาจากผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่เริ่มเงี่ยหูมาฟัง -- -- ใบหน้าของรอนเป็นสีแดงก่ำ เขากำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น แฮร์รี่จับมือข้างนั้นไว้เพื่อไม่ให้รอนทำร้ายมัลฟอย
“ไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ดึงรอนกับแฮร์รี่ให้ออกจากสนามไปด้วยกันโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะเยาะของผู้เล่นสลิธีรินที่ดังตามหลังมาตลอดทาง
“ฉันอยากจะฆ่ามันนัก!” รอนพูดลอดไรฟันออกมาขณะที่พวกเขาทั้งสามเดินไปที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านตัวเอง
“คงมีซักวันหรอก” แฮร์รี่พูดแล้วนั่งลง เขาชวนรอนให้เล่นหมากรุกพ่อมดด้วยกัน
“ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะได้ซ้อมกันจริง ๆ หรอก” รอนยังไม่หยุดบ่น
“คงเอาแต่เล่นสนุกกันมากกว่า”
………………
ความคิดของรอนผิดไปถนัด การฝึกซ้อมควิดดิชของบ้านสลิธีรินไม่ได้สบายอย่างที่คนอื่นคิด มาร์คัส ฟลินต์เข้มงวดกับลูกทีมเหมือนกับหัวหน้าทีมของบ้านอื่น ๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินและท้องฟ้ามืดมิดจนแทบมองอะไรไม่เห็นแล้ว ฟลินต์ก็บอกให้มัลฟอยกลับไปได้เพียงคนเดียว
แต่กว่าจะเป็นที่พอใจของฟลินต์ มัลฟอยก็ปวดเมื่อย เหงื่อท่วมตัว เสื้อผ้าและรองเท้าเต็มไปด้วยโคลน มัลฟอยเดินเข้าไปในห้องพักสำหรับผู้เข้าแข่งขัน แต่พอเขาเปิดก๊อกน้ำของอ่างล้างหน้ากลับไม่มีน้ำไหลออกมา เขาบิดก๊อกไปมาอย่างขุ่นใจ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลเขาก็ถือไม้กวาดเดินกลับมาที่สนามอีก
“น้ำไม่ไหล” เขาตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีม
“เออ จริงสิ เขาซ่อมท่อน้ำ” เซสเซอร์ของทีมตะโกนกลับมาแล้วเอาไม้ตีลูกบลัดเจอร์ที่พุ่งมาหาเขา
“แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะ”
“ไปใช้ที่หอสิ… - - เฮ้ย! ระวังหน่อย!” เขาเอาไม้ฟาดลูกบลัดเจอร์ที่มาข้างหลังอีกลูก
“เดินขึ้นไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ - - ฟิลช์จะได้ฆ่าฉันน่ะสิ” มัลฟอยชี้ไปที่เท้าซี่งเต็มไปด้วยโคลน
เซสเซอร์คนนั้นหันมาหาแล้วอ้าปากจะพูดต่อ แต่ลูกบลัดเจอร์ที่ย้อนกลับมาพุ่งกระแทกเข้ากับหน้าอย่างจังจนเขาร่วงลงมาพร้อมไม้กวาด ฟลินต์ตะโกนมาว่ามัลฟอยกำลังกวนสมาธิของคนอื่น
“ไปใช้ก๊อกที่เรือนกระจกสิ” ฟลินต์บอกแล้วหมุนไม้กวาดกลับไป
มัลฟอยเดินไปที่เรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้ของวิชาสมุนไพรศาสตร์ อ่างสำหรับล้างมือตั้งเรียงอยู่ เขาวางไม้กวาดด้ามสำคัญไว้ข้างตัวแล้วลงมือล้างหน้าและล้างโคลนออกจากรองเท้า -- -- ทันใดนั้นเองก็มีเงาสีขาวปลิววูบมาทางด้านหลังของมัลฟอย
“พิพส์!” เขาร้อง
“ไอ้เด็กผมบลอนด์! ไอ้ซีดผีดิบ!” พิพส์แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก มันฉวยไม้กวาดของมัลฟอยไปถือไว้ได้
“เอาคืนมานะ! พิพส์!” เด็กชายตะโกนก้อง
“แน่จริงก็ตามมา - - ฮ่า! ฮ่า! ไอ้เด็กผีดิบ!” พิพส์พูดจบก็แลบลิ้นใส่จะบินหนีไปพร้อมไม้กวาด
“แก…!” มัลฟอยโมโหจนคุมสติไม่อยู่ เขาวิ่งตามพิพส์ไปทันที
ผีเกเรม้วนตัวหลบเข้าไปในเรือนกระจก เด็กชายกระโจนตามเข้าไป
ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งด้ามเป็นเงาวับตั้งอยู่กลางหมู่กระถางต้นไม้ มัลฟอยเอื้อมไปหยิบมาได้ แต่พอเขาจะเดินออก…
“จ๊ะเอ๋!” พิพส์โผล่มาตรงประตู มันปิดประตูเรือนกระจกโครมแล้วลงกลอนข้างนอกปิดเสียงดังสนั่น
“พิพส์! แก!” มัลฟอยกระแทกประตูให้เปิดออก
“เปิด…ม่าย…ออก…! - - ฮ่า ฮ่า!” พิพส์หัวเราะแล้วบินหนีไปพร้อมกับร้องเพลงล้อเลียนอย่างมีความสุข
มัลฟอยทุบประตูเรือนกระจกอย่างโกรธเกรี้ยว
“โธ่เว้ย!” เขาหยุดทุบแล้วถอนใจเฮือกอย่างหมดหนทาง เหงื่อที่มีมากอยู่แล้วยิ่งไหลออกมาอีกจนชุ่มไปทั้งเสื้อ เด็กชายหันไปดูภายในพร้อมกับที่มีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างในอยู่ก่อนแล้วเดินออกมา
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“เกรนเจอร์” มัลฟอยตกใจเช่นกัน เขามองเด็กหญิงผมฟูที่ถือหนังสือเล่มใหญ่อยู่อย่างประหลาดใจ

**************2*************
“มาทำอะไรในนี้ไม่ทราบ” มัลฟอยขมวดคิ้ว
เฮอร์ไมโอนี่แบะปากแล้วซ่อนหนังสือที่ลืมไว้ข้างหลัง เธอยังโมโหที่มัลฟอยพูดจาดูถูกรอนจึงตั้งใจว่าจะไม่ตอบอะไรเขาทั้งนั้น
“ไม่ตอบก็ตามใจ!” มัลฟอยตัดบทแล้วเดินไปคลำที่ประตูทางออก มันลงกลอนไว้แน่นทีเดียว
“เอาไม้กายสิทธิ์มาซิ” เขาพูดเหมือนสั่งพร้อมกับแบมือมา
“ทำไมฉันต้องให้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง
มัลฟอยหรี่ตาแล้วก้าวเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ เด็กหญิงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อเดินเข้ามาประชิดกัน เขาก็พูดเสียงเย้ยหยัน
“หรืออยากอยู่ในนี้กับฉันทั้งคืน”
เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้วบอกเขา
“ฉันไม่ได้เอาลงมา”
“โกหก!” มัลฟอยตวาด
“ทำไมฉันต้องโกหกด้วยล่ะ! ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่ในนี้นักหรอกนะ” เธอโต้ เสียงดังไม่แพ้กัน
ทั้งสองคนเงียบเสียงลง เพราะเริ่มรู้สึกว่าป่วยการที่จะทะเลาะกันเอง มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วเดินไปพิงไม้กวาดต้นเหตุที่ทำให้เขามาติดอยู่ในนี้กับชั้นวางกระถาง
“ช่างเถอะ ช่วยไม่ได้!”
เฮอร์ไมโอนี่หันซ้ายหันขวาหาทางออก - - แฮร์รี่กับรอนจะรู้ไหมว่าเธออยู่ที่นี่
มัลฟอยเดินไปรอบ ๆ เรือนกระจก เขาขยับคอเสื้อที่ชุ่มเหงื่ออย่างรำคาญตัวแล้วถาม
“ในนี้มีก๊อกน้ำไหม”
“มีสิ” เธอชี้ไปที่ท้ายเรือนกระจก
“ฉันเหนียวตัวจะตายอยู่แล้ว” เด็กชายเดินไปตามที่เธอบอก พอเขาจะบิดก๊อกน้ำก็หันมามองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังมองเขม็งมาอย่างระแวง
“ช่วยหันไปทางอื่นก่อนได้ไหม - - ฉันไม่แก้หมดตัวก็จริง แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมายืนจ้องอยู่หรอกนะ”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูอีกครั้ง เธอหันหลังให้มัลฟอยขณะที่ได้ยินเสียงน้ำและเสียงกุกกักเมื่อมัลฟอยถอดรองเท้าและถุงมือเปื้อนโคลนออก เสื้อคลุมสีเขียวของทีมสลิธีรินถูกพาดไว้บนชั้น ทันใดนั้น….
“เขาเป็นเพศผู้ใช่เปล่า แล้วคนนี้ก็เพศเมีย”
“น่าสนใจดีฉันอยากรู้เรื่องพวกเขาบ้างจัง”
“น่าจะลองถามดูได้นะ”
เสียงซุบซิบเบา ๆ ลอยมาเข้าหูของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กหญิงปากคอสั่นหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียงเหล่านั้น แต่มัลฟอยที่ดูเหมือนเสียงน้ำจะกลบไปหมดจึงยังล้างเนื้อล้างตัวอยู่เหมือนเดิม เด็กหญิงพยายามคิดว่าเธอคงจะหูฝาดไป แต่…..
“พวกเขาจะย้ายไปอยู่กระถางเดียวกันแบบเราหรือเปล่า”
เฮอร์ไมโอนี่ร้องกรี๊ดลั่นแล้วกระโจนเข้าไปหามัลฟอย เขาแทบหงายหลัง
“เป็นอะไรของเธอน่ะ!” เด็กชายไขก๊อกปิดอย่างร้อนรน แต่กว่าน้ำจะหยุดทั้งสองคนก็ตัวเปียกปอนไปตาม ๆ กัน
“ฉันได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงสั่น เธอเขย่าแขนมัลฟอยให้ฟังตาม
“เสียง? มีคนมาตามเรารึไง”
เขาเงี่ยหูฟังบ้าง แต่เหมือนจงใจแกล้ง ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทเหมือนเดิม มัลฟอยขมวดคิ้วแล้วหันมามองเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันพูดจริง ๆ นะ” เธอรีบยืนยัน
“ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่าเธอโกหกนี่” มัลฟอยมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่ายืนชิดเขาเกินไปแล้ว เธอปล่อยแขนมัลฟอยแล้วรีบถอยหลังออกห่าง เด็กหญิงสะดุ้งเฮือกเมื่อมัลฟอยยกแขนขึ้นโอบไว้รอบตัวเธอพร้อมกับรั้งให้เข้ามาใกล้
“นาย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“เธอเริ่มก่อนนะ” มัลฟอยว่าแล้วก้มหน้าลงมาชิด
***********3*************
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลัก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยและดูเหมือนจะรัดแน่นขึ้นอีกด้วยซ้ำ
"ดิ้นไปทำไมกัน!" เขาบ่นอย่างรำคาญ
เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากของเขาแล้วพูดเสียงดัง
"เหม็นสาบที่สุด!!" เธอเบ้หน้าแล้วดันเขาให้ห่างอีก
ใบหน้าของมัลฟอยเป็นสีชมพูจาง ๆ - - เหงื่อท่วมตัวขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอก
"อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า" เขาโน้มหน้าลงมาอีก
เฮอร์ไมโอนี่อยากจะแย้งว่าต่อให้เขาไม่เหม็นสาบเหมือนตอนนี้เธอก็ไม่มีทางยอมเขาหรอก แต่ทันใดนั้นก็เองก็มีแสงจากตะเกียงสาดมาเข้าตาของมัลฟอย เขาหันไปดูก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินมาที่เรือนกระจกนี้…. เสียงแมวร้องดังมาพร้อมกัน
“ฟิลช์!” มัลฟอยร้อง
เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองทันที ตั้งท่าจะร้องเรียกภารโรงขี้หงุดหงิดคนนั้น
“อย่าเรียกมัน!” มัลฟอยตะปบลงมาปิดปากเธอไว้แน่น แล้วลากให้ไปหลบอยู่ข้างชั้นวางกระถางสูง ๆ ในมุมมืดด้วยกัน
เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกโพลงและพยายามดิ้น -- --ทำไม? หรือมัลฟอยไม่อยากให้ใครมาช่วย
“อย่ากัดมือฉันนะเกรนเจอร์!” เขาพูดเสียงเฉียบขาดแววตาข่มขู่ เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องไห้
คุณนายนอร์ริสเป็นแมวสีดำ ดูขี้โมโหพอ ๆ กับฟิลช์ที่เป็นเจ้าของ มันเดินดมตามพื้นเข้ามาใกล้เรือนกระจกทุกที ๆ
“แม่หวานใจสุดที่รัก มีใครอยู่แถวนี้อีก” ฟิลช์พูดแล้วหันตะเกียงไปมา
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวจะออกไปหาฟิลช์ มัลฟอยเบียดตัวเข้าไปชิดเธออีก เฮอร์ไมโอนี่พยายามดันเขาออกแต่อีกฝ่ายไม่ขยับสักนิดและไม่ได้สนใจเธอเลย เด็กชายจ้องไปที่ฟิลช์ด้วยหัวใจเต้นระรัว
แมวสีดำร้องเมี้ยวแล้วเดินมาทีเรือนกระจกช้า ๆ ….
“มีไหม มีไหม” ฟิลช์ถามสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของตัวเอง
คุณนายนอร์ริสเดินผ่านเรือนกระจกไป ฟิลช์ทำท่าผิดหวังที่ไม่พบคนอยู่แถวนี้จึงเดินต่อไป เขาชอบที่จะลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงเสมอ
พอเสียงฝีเท้าของฟิลช์เงียบไป เฮอร์ไมโอนี่ก็ผลักมัลฟอยออกให้ห่างจากตัวเต็มแรง
“นายทำให้เราต้องติดอยู่ในนี้!” เธอพูดเหมือนตะโกน
“แทนที่จะให้เขาช่วย!” เฮอร์ไมโอนี่กลั้นน้ำตา ความโมโหมีมากเกินกว่าจะร้องไห้ในตอนนี้
มัลฟอยดูโกรธจัด เขาพูดเสียงดัง
“คิดว่าไอ้ซอมบี้เดินได้กับแมวโรคจิตนั่นจะปล่อยให้เรากลับไปนอนที่หอเฉย ๆ งั้นเหรอ!”
เฮอร์ไมโอนี่เงียบไป - - ถ้าเป็นฟิลช์ ก็คงไม่ผิดอะไรกับที่มัลฟอยพูด ฟิลช์คงจะหาทางลงโทษพวกเขาแน่ และเรื่องที่เธอติดอยู่ในนี้กับมัลฟอยคงได้กระจายไปทั่ว (ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่) พร้อมกับคะแนนที่อาจจะต้องเสียไปคนละยี่สิบคะแนน เด็กชายเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่คงใช้ความคิดพอแล้ว เขาลุกขึ้นไปเดินรอบเรือนกระจก
“มันก็ยังไม่คุ้มอยู่ดี!” เฮอร์ไมโอนี่ว่า ดินและทรายที่เธอนั่งทับอยู่สู้ที่นอนหนาบนหอไม่ได้เลยซักนิด
“นั่นมันก็เรื่องของเธอ แต่ฉันไม่ยอมถูกจับไปกับเธอด้วยแน่” มัลฟอยพูด แต่ตายังคงมองไปรอบเรือนกระจก เฮอร์ไมโอนี่โกรธจัดกับคำตอบ
“นายมันแย่มาก!” เธอโวยเสียงดังสนั่น
มัลฟอยหันกลับมามองเด็กหญิง เขากัดฟันแน่นแล้วย่างสามขุมมาหาอีกฝ่ายที่ยังไม่ยอมลุกก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้า
“อย่าพูดกับฉันอย่างนั้น - - อย่าลืมว่าเราอยู่กันสองคน”
น้ำเสียงนั้นเหมือนเตือนและข่มขู่ เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายแต่ก็ยังสู้สายตาเย็นเยียบของเขา
“ฉันอยากรู้นักว่าถ้าเธอตะโกนให้ใครช่วย จะมีไอ้หน้าไหนโผล่มาบ้าง….”
สีเลือดบนใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่หายไปสนิท มัลฟอยแค่นเสียงในลำคอแล้วกระชากแขนเฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับบีบแน่น
“ฉันเจ็บนะ!” เธอร้องแล้วพยายามแกะแขนมัลฟอยออก
“อย่าเสียงดังไป…” มัลฟอยพูดเสียงเย้ยหยัน แล้วยกมือขึ้นปิดปากเฮอร์ไมโอนี่ช้า ๆ ราวกับจะท้าทาย
“อยากให้คนอื่นรู้หรือไงว่าเธออยู่กับฉัน”
เฮอร์ไมโอนี่ตาเบิกโพลง -- -- หรือว่าจะหมดหนทางหนีแล้ว ทันใดนั้นเอง...
“อย่าบังสิ!”
“ฉันอยากเห็นชัด ๆ นี่”
“ให้ฉันดูบ้าง”
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลาย
“ได้ยินไหม” มัลฟอยถามเสียงตื่น
“ได้ยิน”
เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยหันควับไปมองหมู่กระถางต้นเมนเดรกราวร้อยกระถางที่ตั้งเรียงอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่กลางเรือนกระจก ต้นในกระถางแถวที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดสั่นยุกยิก มัลฟอยผละจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วเดินเข้าไปเพ่งใกล้ ๆ
“อะไรน่ะ…อ๊ะ!!” เด็กชายสะดุ้งจนตัวลอย
ต้นเมนเดรกต้นหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากกระถาง - - มันมีรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเด็กทารกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่หน้าตาก็ยังคงน่าเกลียดเหมือนเดิม
“หวัดดี” ต้นเมนเดรกต้นหนึ่งทัก แล้วต้นอื่น ๆ อีกราวสิบต้นก็โผล่หน้าออกมาบ้าง
“ฉันไม่ยักรู้ว่าพวกนายพูดได้” มัลฟอยแปลกใจ
“ต้องพูดได้สิ ในเมื่อตอนเป็นเด็กเราร้องได้ - - เสียงดังด้วย” อีกต้นบอกแล้วหัวเราะคิกคัก
“ฉันไม่เคยคุยกับต้นเมนเดรกมาก่อนเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างทึ่ง ๆ แล้วเดินมาดูใกล้ขึ้นกว่าเดิม
“เราไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูพวกเธอนะ” เมนเดรกต้นแรกแก้ตัว
“แต่เรากำลังจะย้ายไปหากระถางอื่นเมื่อเราโตเต็มที่ ก็เลยอยากรู้ว่าเธอจะเหมือนพวกเราหรือเปล่า”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอรีบพูด
“ไม่เหมือนหรอก อีกอย่างถ้าเทียบกับพวกเธอแล้วฉันก็ยังเด็กเกินไป”
“เหรอ แต่เราว่าเขาไม่ใช่นะ” เมนเดรกตอบซื่อ ๆ ชี้ไปที่มัลฟอย หน้าซีดเซียวของเขาเป็นสีชมพูจาง ๆ
***********4***********
เฮอร์ไมโอนี่คุยกับต้นเมนเดรกอย่างอยากรู้อยากเห็น ข้อสงสัยที่มีมาก็ถูกขยายความให้ฟังจนหมด
“นี่! เมื่อไหร่เธอจะมาช่วยกันหาทางออกไปจากที่นี่ซักที” มัลฟอยเริ่มหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเดือดเนื้อร้อนใจที่จะหาทางออก
“เราจะออกไปยังไงล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่หันไปแย้ง
“ทางออกหรือ” เมนเดรกต้นหนึ่งพูด
“เราสองคนถูกขังอยู่ในนี้” เด็กหญิงพูดเสียงเศร้าแล้วเล่าสาเหตุที่ต้องมาติดอยู่ในนี้ให้พวกมันฟัง
เมนเดรกทุกต้นมองหน้ากันด้วยความรู้สึกสงสารเฮอร์ไมโอนี่
“ไอ้ผีเกเรตัวนั้นน่ะเหรอ” เมนเดรกต้นหนึ่งพูดขึ้น เด็กหญิงพยักหน้า
“ฉันเห็นมันเข้ามาในนี้ตอนเย็น ๆ แล้วปากระถางใส่กระจกตรงท้ายเรือนแตก”
“บ้าเอ๊ย! มันเลยล่อฉันเข้ามาในนี้จะได้โทษว่าฉันทำล่ะสิ” มัลฟอยเข้าใจสาเหตุแล้วก็โมโห - - แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องมาติดอยู่ในนี้ด้วยเป็นเพราะเธอโชคร้ายจริง ๆ
“เราเองก็ไม่รู้ทางออกอื่นซะด้วยสิ” เมนเดรกพูด ทั้งสองคนถอนใจ….
เป๊าะ!
“กรี๊ด!”
“โอ๊ย! อะไร!” มัลฟอยร้อง
เฮอร์ไมโอนี่หวีดร้องเมื่อหันไปเห็นดวงตาสีเขียวโปน ๆ เหมือนลูกเทนนิสปรากฎขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลันหลังเกิดเสียงเหมือนมีอะไรแตก - - ด๊อบบี้นั่นเอง แต่กว่าเธอจะตั้งสติได้ว่าเป็นมัน เฮอร์ไมโอนี่ก็กระโจนไปกอดมัลฟอยแน่นแล้ว
“ด๊อบบี้! ฉัน…ฉันตกใจหมด!” เด็กหญิงพูดเสียงตื่น
“ขวัญอ่อนเหลือเกิน ยายกระต่ายตื่นตูม!” มัลฟอยว่าแต่ก็กอดตอบไว้แน่น - - คงไม่มีมีอีกหรอก ที่ยายนี่จะกอดเขา
“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่นี่เอง ด๊อบบี้ออกมาตาม” เอลฟ์ประจำบ้านที่มาทำงานในฮอกวอตส์มองมาที่เด็กทั้งสอง มันตกใจเมื่อเห็นมัลฟอย
“นายน้อยเดรโก!”
“เออ ฉันเอง แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าอย่างนั้นได้แล้ว แกไม่ได้เป็นคนใช้บ้านฉันแล้ว” มัลฟอยพูดหงุดหงิด เขารู้สาเหตุที่เสียคนใช้ไปเพราะแฮร์รี่
“คุณสองคนอยู่ในนี้ด้วยกัน คุณสองคนอยู่ในนี้ด้วยกัน” ด๊อบบี้มีท่าทางแปลกใจ
ทั้งสองคนหน้าเป็นสีชมพูแล้วรีบแยกออกจากกัน เฮอร์ไมโอนี่บอกด๊อบบี้
“บังเอิญน่ะ แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
“ด๊อบบี้ไปเยี่ยมแฮร์รี่ พอตเตอร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์บอกว่าเพื่อนของเขายังไม่กลับมา เขาเป็นห่วงมาก ออกมาตามไม่ได้ ด๊อบบี้เลยอาสา - - อาสาออกมาตาม”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจที่รู้ว่าแฮร์รี่เป็นห่วง แต่มัลฟอยไม่สนใจจะฟังเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ด๊อบบี้เที่ยวตามจนทั่วแล้วก็เจอจนได้ แต่ด๊อบบี้ยังพาคุณกลับหอไม่ได้เพราะมีคนเดินเฝ้าไป ๆ มา ๆ อยู่”
“ฟิลช์อีกแล้ว” มัลฟอยบ่น
“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณไปที่พักของด๊อบบี้ ด๊อบบี้อยากให้พวกคุณให้เกียรติ”
เอลฟ์พูดอย่างนอบน้อมพร้อมกับค้อมตัวลง มันหมายถึงห้องพักที่ครัวชั้นใต้ดินที่เฮอร์ไมโอนี่เคยไปเยี่ยมมันกับแฮร์รี่และรอน มัลฟอยตอบก่อน
“เออ ดี ไปสิ”
“ได้ยังไงกัน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“ขอฉันไปอาบน้ำหน่อยเถอะ เหนียวไปทั้งตัวแล้ว” เขาบ่น
เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจหนักแล้วรับคำเชิญของด๊อบบี้ด้วยคน เอลฟ์ตัวจ้อยดูดีใจมาก มันรีบพูด
“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณออกไปครับ” มันพูดจบก็หายตัววับไปโผล่นอกเรือนกระจก
เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยแทบกระโจนออกจากเรือนกระจกที่แสนอึดนี้ทันทีที่ประตูเปิดออก แต่เด็กหญิงก็ไม่ลืมที่จะโบกมือให้ต้นเมนเดรกทุกตันที่ยอมเป็นเพื่อนคุย พวกมันโบกมือตอบอย่างดีใจที่เห็นว่ามีคนมาช่วยทั้งสอง
“เดินระวังหน่อยนะครับ อาจจะมีคนมาเห็นเราได้” ด๊อบบี้เตือนให้ทั้งสองคนเดินหลบไปตามเงามืดของตึก
ไม่ช้าพวกเขาก็เดินลงมาถึงห้องใต้ดินที่เฮอร์ไมโอนี่ กับแฮร์รี่ และรอนเคยลงมาเยี่ยมด๊อบบี้ เอลฟ์ราวสี่สิบตัวยังคงทำงานกันอยู่ ทั้งเตรียมอาหาร หอบเสื้อผ้าไปซัก บางตัวเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดและจุดเตาผิงมาพร้อมกัน ทุกตัวดูดีใจมากที่เห็นคนลงมา
“ด๊อบบี้จะพาพวกคุณไปห้องด๊อบบี้” มันพูดแล้วก็เดินผ่านกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ขะมักเขม้นเม้นทำงานกันอยู่ไปเปิดประตูห้องที่อยู่ตอนท้ายห้องครัว
เอลฟ์ทุกตัวดูเหมือนจะนอนรวมกัน เพราะด้านหลังประตูเหล็กเป็นห้องโถงกว้างมาก เพดานอยู่สูงลิบทำให้อากาศเย็นสบาย มีเตียงเหล็กราวสี่สิบตัว ปูด้วยผ้าลินินสีขาวสะอาด เรียงสองแถว
“ด๊อบบี้จะพาไปห้องเก่าของด๊อบบี้” มันพูด มีความเศร้าเจืออยู่ในน้ำเสียง
“เธอไม่ได้นอนกับเพื่อน ๆ ที่นี่เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ แล้วก็สะดุ้งเมื่อด๊อบบี้ร้องไห้โฮ
“ตอนแรกไม่มีใครยอมนอนกับด๊อบบี้ครับ” มันสะอื้น เอลฟ์ทุกตัวรังเกียจเอลฟ์ที่เป็นไทแก่ตัว
“ตอนหลังด๊อบบี้ค่อย ๆ ย้ายออกมานอนข้างนอก ไม่ให้ใครสังเกต” แล้วมันก็ชี้ไปที่เตียงที่อยู่ท้ายแถวพร้อมกับยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสงสารมันมากเธอจึงลูบหลังลูบไหล่ปลอบมัน ขณะที่มัลฟอยพึมพำอย่างรำคาญ
“ขี้แงไม่เปลี่ยน”
เมื่อด๊อบบี้หายโศกเศร้าแล้วมันก็พาทั้งสองไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน ห้องขนาดเล็กมีเตียงเหล็กตั้งอยู่ตรงกลาง มีxxxบใส่ของและของใช้อีกนิดหน่อย เฮอร์ไมโอนี่สังเกตว่าของทุกอย่างล้วนเป็นของที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ ทั้งสิ้น ของตกแต่งหรือของไม่มีประโยชน์ไม่มีอยู่ให้ห้องนี้เลย เอลฟ์ตัวน้อยเชิญให้เฮอร์ไมโอนี่บนเตียงของมัน(ในห้องไม่มีเก้าอี้)
“ด๊อบบี้จะไปยกน้ำชามาให้ รอสักครู่นะครับ” มันพูดจบก็กระโดดหย็องแหย็งออกไปจากห้อง เฮอร์ไมโอนี่มองตามมันไปด้วยความซาบซึ้งและสงสาร….
มัลฟอยถอดเสื้อคลุมแล้วโยนลงมาบนเตียงที่เธอนั่งอยู่
“ถอดทำไม!” เด็กหญิงร้องอย่างตกใจ
“ฉันจะอาบน้ำ!” มัลฟอยพูดเสียงดังบ้าง
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เถียงอะไรกัน ด๊อบบี้ก็เข็นรถที่มี กาน้ำชาควันกรุ่น ถ้วยชาสองถ้วยและถาดใส่ขนมปังกรอบกับน้ำผึ้งเข้ามา
“น้ำชาครับ แล้วนี่ก็ผ้าเช็ดตัวกับชุดเปลี่ยนของนายน้อย”
มันยื่นผ้าขนหนูสีขาวกับชุดใหม่ให้มัลฟอย เขารับผ้าเช็ดตัวกับชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“เธอยังเรียกเขาว่านายน้อยอยู่” เฮอร์ไมโอนี่ถามด๊อบบี้อย่างแปลกใจ
ด๊อบบี้ยกกาน้ำชาขึ้นรินชาใส่ถ้วยให้อีกฝ่ายแล้วพูด
“นายน้อยไม่รักด๊อบบี้ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายด๊อบบี้ครับ”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม แล้วชวนด๊อบบี้คุยเรื่องชีวิตที่นี่ (เพื่อโครงการส.ร.ร.ส.อ.ไปในตัว) แต่ไม่ช้าด๊อบบี้ก็ขอตัวไปช่วยเพื่อน ๆ ทำงาน
“คุณจะหลับไปก่อนก็ได้นะครับ ถ้าบนตึกไม่มีใครเดินเฝ้าอยู่ด๊อบบี้จะมาปลุกให้คุณกลับได้”
เฮอร์ไมโอนี่ขอบใจมันแล้วดื่มชาต่ออีกนิดหน่อย เด็กหญิงเริ่มง่วงเพราะตอนนี้คงเป็นกลางดึกแล้ว เธอเอนตัวนอนตะแคงซบศรีษะกับหมอนก่อนจะหลับไปด้วยความง่วง
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับไอน้ำร้อน ๆ กระจายออกมาพร้อมกัน…
***********5***********
มัลฟอยขยี้ผมเปียก ๆ ของตัวเองด้วยผ้าขนหนูเดินออกมา เขาชะงักเมื่อเห็นอีกคนหลับไปแล้ว
“หลับซะแล้ว หลับง่ายจริง” เขาพึมพำ
มัลฟอยเดินมารินน้ำชาใส่ถ้วยว่างเปล่าอีกใบ ไม่มีเก้าอี้นั่ง เขาจึงนั่งที่ปลายเท้าของเฮอร์ไมโอนี่แทนแล้วดื่มชากับขนมปังกรอบทาน้ำผึ้ง ทั้งห้องเงียบสนิท
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวเล็กน้อยขาของเธอจึงไปโดนตัวอีกฝ่าย ลมหายใจของมัลฟอยกระชั้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาวางถ้วยลงแล้วเอื้อมมือไปลูบผมของเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยน
“นาย!” เด็กหญิงสะดุ้งตื่นแล้วยันตัวขึ้นทันที ใบหน้าเป็นสีจัด
มัลฟอยหน้าเป็นสีชมพูเช่นกัน เขามองเธอนิ่งแล้วกัดริมฝีปาก
“ไม่ได้เหรอ” เด็กชายเอื้อมมือมาอีก
“ไม่ได้!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง
“วิสลีย์ไม่รู้หรอกน่า” มัลฟอยพูดเหมือนเตือนความจำ
“ไม่เกี่ยวกับรอน!” เธอพูดเหมือนตะโกน
“แล้วทำไม - -“
เฮอร์ไมโอนี่คว้าถาดใส่ขนมปังกรอบใบใหญ่บนรถขึ้นมาถือ
“ถ้านายไม่หยุดพูดเพ้อเจ้อล่ะก็ ฉันจะฟาดนายด้วยถาดอันนี้!”
มัลฟอยลดมือลง แต่ก็ยังคงจ้องเธอเขม็ง เฮอร์ไมโอนี่ต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดไปขณะมองดวงตาสีซีดที่ดูเจ็บปวดของอีกฝ่าย
“ไม่ชอบฉันสักนิดเลยเหรอ ฉันก็เป็นผู้ชายนะ”
เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของมัลฟอยเป็นสีชมพูเข้มขึ้นอีก
“เหมือนวิสลีย์ เหมือนพอตเตอร์…ทุกอย่าง”
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาบีบเข้าที่หัวใจ เธอลดถาดในมือลงอย่างไม่รู้ตัวขณะที่มัลฟอยโน้มหน้าเข้ามาใกล้ เขาพูดเสียงเบาแต่ดูเศร้าสร้อย
“คงไม่มีอีกแล้ว”
แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา อาจจะจริงของมัลฟอย - - คงไม่มีอีกแล้ว เมื่ออีกฝ่ายไม่ขัดขืน เด็กชายก็ยกแขนของเฮอร์ไมโอนี่ไปวางไว้บนไหล่ของเขา
“เพื่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์กลับหอได้แล้วครับ”
เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยผงะแยกจากกันทันที โชคดีที่ด๊อบบี้ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองมัลฟอยอีกเลย เขาถอนหายใจยาวขณะก้มหน้าดูพื้นห้องเหมือนจะสงบสติอารมณ์
“นายน้อยเป็นอะไรครับ” ด๊อบบี้เดินมาถามมัลฟอยอย่างเป็นห่วง
“แกรู้อะไรไหม…” มัลฟอยพูดแล้วเงยหน้าขึ้นจากพื้นมาจ้องด๊อบบี้อย่างเอาเรื่อง
“ถ้าแกยังทำงานอยู่บ้านฉันล่ะก็ ไม่ต้องพึ่งพอตเตอร์หรอก ฉันจะไล่แกออกเอง!”
…………………
“ถึงแล้วครับ” ด๊อบบี้บอกกับเฮอร์ไมโอนี่ หลังจากที่พวกเขาเดินขึ้นมาบนตึกและหันซ้ายหันขวาว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว ด๊อบบี้ก็บอกให้ทั้งสองคนเดินตามมาได้
“เดี๋ยวผมจะไปส่งนายน้อยต่อ”
“ไม่ต้องหรอกฉันไปเองได้” มัลฟอยตัดบท
ด๊อบบี้ค้อมตัวลงเพื่อลาเด็กทั้งสอง
“ขอบใจเธอมากนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด เอลฟ์ตัวจ้อยยิ้มอย่างดีใจ มันค้อมตัวลงอีกครั้งก่อนจะหายวับไปเป็นควันเส้นจาง ๆ
มัลฟอยหันหลังเดินจากเฮอร์ไมโอนี่ไปโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เฮอร์ไมโอนี่มองแผ่นหลังที่เริ่มกว้างขึ้นของมัลฟอยก็ถอนใจ เด็กหญิงส่ายศรีษะไล่ความรู้สึกออกไปแล้วกลับไปมองที่ประตูทางเข้า - - เอ…รหัสอะไรนะ?
“เกรนเจอร์” เสียงมัลฟอยดังขึ้นอีก เฮอร์ไมโอนี่หันไปก็เห็นเขายืนอยู่
“หนังสือเธอ” มัลฟอยเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นให้ เธอจึงนึกออกว่าตอนที่เดินออกมาจากห้องของด๊อบบี้ เธอรีบร้อนเกินไปจนลืม ดูเหมือนว่ามัลฟอยต่างหากที่ลืมไม้กวาดไว้ที่ห้องใต้ดิน
“ขอบใจ” เด็กหญิงบอกแล้วรับมา
ทั้งสองคนมองหน้ากันพักหนึ่ง มัลฟอยเม้มริมฝีปากแล้วก้มหน้าลงมาหา เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าเหมือนจะหลบเรียวปากซีดคู่นั้น เขาจึงถอนใจแล้วพูด
“ลืมมันซะเถอะ”
มัลฟอยหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่เหมือนกับที่เขาทำให้ทุกครั้งตอนที่ไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกไป
“มัลฟอย”
เขาชะงัก แต่ก็ไม่ยอมหันมามอง
“เกรนเจอร์ ฟังฉันนะ!” เด็กชายพูดเสียงเข้ม
“ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นฉันจะลากเธอไปห้องฉัน!”
เฮอร์ไมโอนี่เงียบเสียงทันที ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูเข้ม ขณะเดียวกันเธอก็สังเกตเห็นว่าหลังคอของมัลฟอยก็เป็นสีแดงเช่นกัน เขาก้าวฉับ ๆ จากไปเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาอะไรจากเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เด็กหญิงถอนหายใจ แล้วปีนข้ามช่องรูปภาพกลับเข้าไปในหอนอนของตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็นอนไม่หลับ เฮอร์ไมโอนี่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงของตัวเอง อีกด้านหนึ่ง มัลฟอยเองก็เช่นกัน เขานอนหนุนแขนตัวเองมองไปนอกหน้าต่าง ไม่มีใครรู้ความคิดของเขา แม้แต่แครบกับกอยล์ที่นอนกรนประสานเสียงดังสนั่นอยู่
สักพักมัลฟอยก็ลุกจากเตียงแล้วไปล้างหน้าที่อ่างเป็นเวลานาน….นานราวกับจะลบภาพที่ฝังอยู่ในศรีษะให้ออกไปให้ได้ หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ได้ผลอะไรขึ้นมา เขาก็เอามือทั้งสองยันที่อ่างอย่างหมดหนทาง หน้าตาและศรีษะเปียกโชก
“ฉันมันเป็นบ้าไปแล้ว” เขาพึมพำอย่างสมเพชตัวเอง
ทั้งสองคนไม่มีใครรู้เลยว่า ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครข่มตาลง พวกเขาพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยหัวใจที่สบสนเหมือนกัน

The end

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น