วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

Dream Girl 1

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ นำมาจาบอร์ดตัวกวน
ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.212cafe.com/board/group/group_id/138/forumId/276/page/1


ผู้แต่ง Dream Girl » by fan8225 reviews
ผู้แปล Paravilee (น้องปลา)
เรียบเรียง nugfat

Chapter 1
หลายนาทีแล้วที่ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ พยายามทำให้รอยยับที่อยู่บนเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินหายไปเป็นครั้งที่สาม เธอมองไปรอบๆห้องรับแขกที่ใหญ่โตของคฤหาสน์มัลฟอย กำแพงส่องประกายไปด้วยใบไม้ที่ทำด้วยทองคำ 24k และบุด้วยผ้าทอสีม่วงแดงเป็นลายริ้วบนกำแพง ทุกๆสิ่งตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม พื้นทำด้วยหินอ่อนสีดำใสดุจแก้ว และดูมันวาวจนเธอแน่ใจว่าจะใช้มันแทนกระจกได้ถ้าต้องการ เพดานสูงเหนือขึ้นไปจากตัวเธอ 20 ฟุต ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ซึ่งดูประณีตราวกับเกล็ดหิมะ
ทุกๆเสี้ยวของการตกแต่งร่ำร้องถึงเงินโบราณ เฮอร์ไมโอนี่และแม่ของเธอเห็นของเก่าเป็นเรื่องสนุก และเป็นเพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยทำเป็นเล่นกับสิ่งใดโดยไม่ศึกษาให้ถี่ถ้วน เธอจึงสามารถเข้าใจได้ว่าบ้านของมัลฟอยมีของสะสมที่น่าเหลือเชื่อนับไม่ถ้วน
เธอแน่ใจว่าชิ้นส่วนที่อยู่บนผ้าคลุมขนาดใหญ่คือแจกันโบราณที่หายาก ผลงานของจิตกรที่มีชื่อเสียงมากมายแขวนอยู่บนกำแพง รวมไปถึงภาพบรรพบุรุษของเดรโกที่ถูกวาดโดยจิตกรคนโปรดของเธอที่ชื่อ แฮนส์ โฮลบายน์ มันน่าตลกเหลือเกินกับเรื่องที่เธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นมักเกิล แต่ภาพวาดที่น่าหลงใหลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และเธอยิ่งแน่ใจขึ้นไปอีกเพราะเธอเห็นรูปปั้นโรดินขนาดเล็กวางอยู่บนโต๊ะด้านข้างในห้องโถง
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นดวงตาสีเงินชัดเจนสะดุดตาที่เป็นของเดรโก มัลฟอย เขากำลังยิ้มเยาะให้ราวกับว่าเขาอ่านออกว่าเธอรู้สึกอึดอัดแค่ไหนและความกลัวเกรงที่เธอมีในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตดุจดังพระราชวังของเขา ขายาวๆของเขาก้าวอย่างสง่างามลงมาด้านล่าง
ผมสีทองของเขาส่องประกายตัดกับชุดสีดำที่เขาสวมใส่ซึ่งปรากฏให้เธอเห็นอย่างชัดเจน ผิวขาวซีดเกลี้ยงเกลา และ รูปหน้าของเขาช่างหล่อเหลาสะดุดตามากกว่าที่เธอเคยจำได้ ซึ่งทำให้เธอหวนคิดว่า เธอไม่ได้เห็นเขาเกือบจะ 4 ปีแล้วและไม่ได้เจอเขาตั้งแต่ปีที่ 7 ที่ฮอกวอตส์ สงครามเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากจบการศึกษาและยังคงดำเนินต่อไป 2 ปีที่แสนทรหดและน่ากลัว แต่มันสิ้นสุดลงแล้วในตอนนี้ แฮร์รี่ฆ่าโวลเดอมอร์ และหลังจากนั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นปกติสุข
เพื่อกำจัดการยิ้มเยาะของเขา เฮอร์ไมโอนี่ตั้งไหล่ให้ตรงและตั้งใจที่จะหยุดความกระวนกระวายของตัวเธอเอง ด้วยการพยายามเพ่งความสนใจไปกับสิ่งที่เพื่อนร่วมงานของเธอ บิล วีสลีย์ กำลังพูดอยู่
"อย่างที่คุณเข้าใจคุณมัลฟอย เรามาที่นี่เพื่อขอให้คุณยอมให้เราตรวจสอบความทรงจำ บางส่วนของคุณ เราเข้าใจว่าคุณได้บอกไว้แล้วว่า คุณไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการต่อสู้ ที่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับคำสาปแช่งซึ่งทำให้เขาอ่อนกำลังลงตลอดเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรากำลังขอให้ทุกคนเข้าตรวจสอบความทรงจำนี้ เราเชื่อว่ามันเป็นทางเดียวที่จะแน่ใจได้ว่า ไม่มีสิ่งใดถูกกีดขวางจากความทรงจำใต้สำนึกของทุกคน"
"บอกหน่อย คุณวีสลีย์เดรโกลากเสียงยาว
"จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมไม่ยินดีที่จะเข้ากระบวนการตรวจสอบพวกนี้ดวงตาของเดรโกจับจ้องไปที่ บิล วีสลีย์อย่างไม่กระพริบ ชายที่มีอายุมากกว่าทำดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้ด้วยการจ้องกลับไปพร้อมกับจุดสีชมพูเล็กเล็กๆ ที่แพร่กระจายไปที่คอและหูของเขา
"เอาล่ะ คุณมัลฟอย ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ทำตามคำขอของกระทรวง ทางกระทรวงคงต้องออกจดหมายเรียกให้คุณไปที่สำนักงานใหญ่และเข้าตรวจสอบความทรงจำทั้งหมด การตรวจสอบความทรงจำทั้งหมดเป็นการตรวจสอบประเภทที่โดยปกติจะถูกสงวนไว้สำหรับการสืบสวนเหล่าพยานและนักโทษ"
ชายทั้งสองจ้องมองกันและกันข้ามผ่านโต๊ะโบราณปราณีตเป็นเวลานาน
"ผมคิดว่าเราปลอดภัยจากระบบเผด็จการที่เป็นของโวลเดอมอร์แล้วไม่ใช่เหรอเดรโกครุ่นคิดกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับ บิล วีสลีย์ หรือ เฮอร์ไมโอนี่ มันคือความอยุติธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่เตือนตัวเอง เธอรู้สึกอัดแน่นด้วยความรู้สึกผิด ความโกรธเกิดขึ้นในตัวเธอและเธอกัดลิ้นของตัวเองเพื่อระงับมัน
เขาควรยินดีที่จะได้ทำบางสิ่งที่อาจช่วยแฮร์รี่ได้ไม่ใช่เหรอเธอคิด ใช่ มันเป็นการรุกล้ำที่จะบังคับให้เดรโกยอมให้กระทรวงเข้าไปในความทรงจำเกี่ยวกับสงครามของเขา แต่ให้ตายสิถ้าแฮร์รี่ไม่ได้เสียสละเพื่อทุกคน...และมันถึงเวลาแล้วที่จะมีใครบางคนต้องเสียสละบ้างในที่สุดเธอไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป
"บ้าที่สุด มัลฟอย ไม่มีใครอยากอ่านความคิดที่อยู่ในหัวของนายหรอก เราแค่ต้องการตรวจสอบเพื่อดูว่านายมีบางอย่างหรือไม่ แม้กระทั่งความทรงจำสั้นๆที่เกี่ยวกับคำสาปแช่งที่ใช้สาปแฮร์รี่ เราจะหาจนกว่าเราจะพบว่ามันเป็นคำสาปแช่งอะไรที่ทำร้ายเขา เราไม่รู้ว่ามีเวทมนตร์ใดสามารถแก้คำสาปนั้นได้!" เดรโกหันไปมองเธอ ด้วยรอยยิ้มเคร่งเครียดเล็กๆบนริมฝีปากของเขา
"ถ้าอย่างนั้นหนังสือพิมพ์โพรฟิตส์ (Profits) ก็บอกข่าวถูกต้องอย่างงั้นเหรอ ตั้งแต่ริต้า สกีตเตอร์ ได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการคนใหม่ ฉันไม่เคยเชื่อสิ่งใดๆที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์อีกเลย เด็กชายผู้ยิ่งใหญ่ถูกทำให้ทรมานด้วยคำสาปแช่งสุดท้ายของโวลเดอมอร์ และกำลังทรุดโทรมลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เฮอร์ไมโอนี่เกลือกตากลับไปมองเขาพร้อมกับปฏิเสธที่จะพูดอะไรอีกเพราะเธอพูดออกมามากพอแล้ว
"ดูเหมือนว่าฉันไม่มีทางเลือกเดรโกพูด ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เฮอร์ไมโอนี่ น้ำเสียงของเขาเปล่งออกมาในเชิงถากถาง
"ฉันคงต้องยอมทำตาม อย่างที่รู้ๆว่าฉันไม่ปรารถนาให้ใครๆ คิดว่า ฉันจะไม่อยากช่วยแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้โด่งดังด้วยทุกวิถีทางที่ทำได้เริ่มต้นกันได้เลย วีสลีย์ ฉันอยากให้นายทำมันให้เสร็จและออกไปจากบ้านฉันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
บิล วีสลีย์เม้มริมฝีปากของเขาเข้าด้วยกันด้วยความฉุนเฉียว เขาไม่เคยต้องพบเจอเดรโก มัลฟอยมาก่อน เขารับฟังการพรรณนาของเฮอร์ไมโอนี่ถึงความเย่อหยิ่งและความเป็นคนหัวสูงของเดรโกอย่างฟังหูไว้หูเมื่อเธอพยายามเตือนเขาถึงสิ่งที่จะได้เจอเมื่อมาที่คฤหาสน์มัลฟอยในวันนี้
บิลบอกเฮอร์ไมโอนี่ให้ยกความดีให้กับชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของผู้เสพความตายแต่เขาร่วมในสงคราม และต่อสู้เพื่อต่อต้านโวลเดอมอร์ เธอเห็นแล้วในตอนนี้ว่าบิลมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะจดจำในสิ่งที่เขาพูดกับเธอก่อนหน้านี้
ในตอนต้นของสงคราม เดรโกย้ายฝั่งอย่างเงียบๆ ทั้งบิลและเฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับว่าเขาช่วยเหลือในระหว่างสงครามมากน้อยแค่ไหน น้อยคนนักที่รู้ แต่เมื่อสงครามจบสิ้นลง อลิสแตร์ มูดดี้ เป็นพยานให้กับความความภักดีของเดรโกที่มีต่อภาคี มู้ดดี้พูดแทนเดรโกเป็นการส่วนตัวก่อนขึ้นศาลวิเซ็นกาม็อต อย่างเห็นได้ชัดว่าวิเซ็นกาม็อตเห็นด้วยกับมู้ดดี้ เขาถูกประกาศให้พ้นผิดทุกข้อกล่าวหา และจริงๆแล้วได้รับการยกย่องอีกด้วยในทำนองนั้น ไม่มีใครรู้เว้นแต่ มัลฟอย ที่รู้รายละเอียดทั้งหมดจริงๆ และเขาไม่พูด เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถเชื่อมันได้ แต่การสนับสนุนของมู้ดดี้ต่อเดรโกโน้มน้าวให้เธอพยายามเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
"ถ้านายจะนั่งตัวตรงๆในเก้าอี้ของนาย และรักษาระดับการมองกับฉัน เราจะเริ่มกันเลยเดี๋ยวนี้"
"เธอเป็นคนทำเหรอ เกรนเจอร์มัลฟอยชะงัก
"โอ้ ไม่นะ ต้องไม่ใช่เธอที่จะเข้าไปในความคิดของฉัน แค่วีสลีย์คนพี่นี่ที่แย่พอแล้วแต่ต้องไม่ใช่เธอ ไม่ใช่อย่างแน่นอนมัลฟอยลุกขึ้นยืนท้าวสะเอว คำพูดเย้ยหยันของเขา บอกอย่างหนักแน่นในขณะที่เขามองไปยังเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าของบิลกลายเป็นสีแดงแล้วในตอนนี้ และเขากำหมัดทั้งสองข้างของเขาแน่น
"ระวังคำพูดของนายสักหน่อยมัลฟอยบิลพูด กัดฟันแน่น
"ไม่เป็นไรบิลเฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าดึงดันและวางมือลงบนแขนของเขาเบาๆ
"เดรโกเป็นเพื่อนเก่าร่วมชั้น เขาแค่ชอบขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีต ได้โปรดเปลี่ยนที่นั่งกับฉัน เพื่อที่ฉันจะได้นั่งตรงข้ามเดรโก มันจะสะดวกมากกว่าในแบบนั้น
"เธอไม่ได้ยินฉันพูดเหรอ เกรนเจอร์ ฉันหมายถึงแบบที่ฉันพูดแล้ว ฉันจะไม่ให้พวกฝึกหัด พวกครึ่งๆกลางๆ เลือดสีโคลน- - -" คำพูดถัดไปของเดรโกถูกแทรกในขณะที่บิลเตะโต๊ะงาช้างล้มลงไป
"พูดอีกสิ มัลฟอยพูดมาและบอกข้อแก้ตัวที่ฉันกำลังมองหาด้วยนะ!" บิลแสดงความเดือดดาล เขาขุ่นเคืองที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกดูหมิ่น บิลสูงกว่าและมีกล้ามมากกว่าน้องชายของเขา...รอน มัลฟอยไม่ได้บึกบึนเท่าบิล แต่ว่าเขามีกล้ามเนื้อและความสูงพอๆกัน ชายทั้งสองยืนจ้องตากันและกัน
"ฉันไม่ต้องการให้เด็กฝึกงาน...พวกที่เกิดจากมักเกิลทดสอบความคิดของฉันเพื่อดูว่าเธอจะได้รับบทเรียนต่างๆที่ถูกต้องเดรโกเปลี่ยนคำพูดในทันทีราวกับว่าบิลไม่ได้พูดอะไรเลย เขาโก่งคิ้วสูงใส่บิลและกลับไปนั่งอย่างเบื่อหน่ายแบบเดิมบนเก้าอี้นวม
"นายควรรู้ไว้ มัลฟอย คุณเกรนเจอร์คนนี้คือ ผู้พินิจใจที่ดีที่สุดที่กระทรวงมี เธอได้รับการฝึกเฉพาะเจาะจงเมื่อ4 ปีที่แล้วกับ ไอริแอค มิสริโอดะ ผู้พินิจใจชาวญี่ปุ่นที่โด่งดัง
เดรโกนั่งลงเงียบๆตรงข้ามกับเฮอร์ไมโอนี่ เพื่อเพ่งพินิจพิจารณาเธอด้วยสีหน้าที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เฮอร์ไมโอนี่ไม่แสดงสีหน้าใดๆและจ้องกลับไปที่เขาด้วยความมุ่งมั่น
ในที่สุดหลังจากเวลาผ่านไป เดรโกหรี่ตาสีเทาที่จับจ้องเธออยู่ทีละน้อย เฮอร์ไมโอนี่รับรู้ได้จากประสบการณ์หลายปีในการฝึกอ่านความแตกต่างของสีหน้าว่าเขาได้ทำการตัดสินใจแล้ว และเธอรอคอยที่จะฟังว่าคำตอบมันคืออะไร
"ตกลงเกรนเจอร์ ทำให้ดีที่สุดแต่อย่าอ่านความคิดอย่างไร้จุดหมาย อย่างไรก็ตามฉันเป็น...สุภาพบุรุษคนหนึ่งเดรโกพูดลากเสียง เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อย แววตาเป็นประกาย เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเล็กน้อยจากสายตาที่มองมาอย่างมีความหมายของเขา แต่เพิกเฉยต่อความพยายามของเขาที่จะทำให้เธอปั่นป่วน
เธอต้องการสมาธิและการจดจ่อทั้งหมดของเธอเพื่อทำการสกัดใจ เธอขอให้บิล หรี่แสงไฟซึ่งเดรโกดีดนิ้วมือของเขา เอลฟ์ประจำบ้านตัวเล็กเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นในทันที เดรโกสั่งให้มันหรี่ไฟลงและเอลฟ์ตัวเล็กใช้เวทมนตร์หรี่ไฟลงในทันที มันรีบกลับออกไปจากห้อง เอลฟ์โค้งคำนับตัวสั่นด้วยความกลัว
เฮอร์ไมโอนี่ต้องสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบตัวเองจากความโกรธที่ปะทุขึ้นของเธอ เอลฟ์ที่น่าสงสารดูขาดสารอาหารอย่างไม่ต้องสงสัย กระดูกที่เหมือนจะหักของมันปูดโปนออกมาภายใต้ผิวหนัง หลังผ้าเช็ดชามสีดำที่เธอสวมใส่ สภาพของสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เดือดพล่านด้วยความโกรธ เธอจ้องเดรโกในฉับพลัน ซึ่งกำลังยิ้มเยาะให้เธอเพราะเดาสาเหตุที่โกรธได้อย่างถูกต้อง เธอกำลังเขย่าตัวเองให้สงบลงและเริ่มจดจ่ออีกครั้ง เธอประคองตัวเองบนขอบเก้าอี้นวมที่เธอนั่งเข่าชนเข่ากับเดรโก
"ได้โปรดมองมาที่ฉัน คุณมัลฟอยดวงตาสีน้ำเงินกระจ่างใสติดแน่นอยู่กับดวงตาสีน้ำตาลทอง ในขณะที่เดรโกยิ้มเยาะและเปิดปากที่จะพูดอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นและโบกมันอย่างคล่องแคล่วในอากาศพร้อมกับร้องเสียงเบาๆว่า
"เลกจิลิเมนส์!" เธอหกคะเมนหัวทิ่มเข้าไปในดวงตาสีเงินของเดรโก ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ เธอพบว่าตัวเองอยู่ในความว่างเปล่าที่มืดมิด ของห้องๆหนึ่ง ที่รายล้อมไปด้วยประตูมากมาย ทุกขนาด ทุกรูปร่างและทุกรูปแบบ เธอรู้ว่าอะไรที่เธอต้องค้นหา ในฉับพลันเธอพยุงตัวเองขึ้นและเปิดประตูซึ่งทำด้วยเหล็ก ที่ถูกล็อคและป้องกันอย่างแน่นหนา
ประตูมากกว่า 50 บาน ซึ่งทุกบานตั้งตระหง่านอย่างแข็งแกร่งอยู่ด้านหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ เธอนับจำนวนประตูโดยเร็วด้วยความแปลกใจ ประตูเหล่านี้ คือ ความพยายามจากจิตใต้สำนึกของมัลฟอยในการป้องกันความทรงจำที่มืดมิด มันเป็นความทรงจำที่เกิดจากตัวเขาเองและจากคนอื่นที่ซึ่งรบกวนเขามากที่สุด เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่า ประตูแต่ละบานบรรจุความทรงจำที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ ยิ่งประตูบานใดถูกล็อคและป้องกันอย่างแน่นหนามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นความทรงจำที่สบสนวุ่นวายมากเท่านั้น สิ่งเหล่านี้คือความคิดที่เจ็บปวดมากที่สุดสำหรับ มัลฟอยที่จะนึกถึงหรือจดจำ

โดยปกติคนส่วนใหญ่มีประตูดังกล่าวน้อยกว่า 10 บานเว้นแต่ว่าพวกเขาจะเคยได้รับความทุกข์และทรมานอย่างมากหรืออย่างที่เธอสงสัยในกรณีของมัลฟอย คือสงคราม
 ‘ช่างเต็มไปด้วยความลับที่ลึกลับมืดมิดมากมายของมัลฟอยเธอคิดและยิ้มกับตัวเอง เมื่อเธอเดินไปไปยังประตูบานแรก มันก็ทำให้เธอต้องประหลาดใจเมื่อมีประตูที่แข็งแรงและขนาดเล็กกว่าหลายบานปรากฏจู่โจมโอบล้อมมันไว้ โดยปกติตราบใดที่สายตายังประสานกันอยู่ การทำลายประตูเพื่อเข้าสู่ความทรงจำที่ถูกป้องกันไว้คือส่วนที่ยากที่สุดในงานของเธอ เธอมีประสบการณ์เพียงแค่ทำลายการป้องกันความทรงจำลำดับรองเท่านั้น
แท้จริงแล้ว มัลฟอยกำลังทำให้ความทรงจำที่ถูกคุ้มกันและเจ็บปวดน้อยกว่ากระโดดไปอยู่ตรงหน้าเธอ เขาตั้งใจจะเสนอความทรงจำที่ขุ่นเคืองใจน้อยกว่าด้วยความหวังว่าความทรงจำพวกนั้นจะทำให้เธอไขว้เขวจากเป้าหมายที่เธอเลือก
เธอรู้ดีว่า มัลฟอยสำเร็จวิชาการสกัดใจอย่างสมบูรณ์ด้วยตัวเอง ตามการรายงานว่าเขาได้รับการสอนเป็นพิเศษโดยผ่านพ่อทูนหัวของเขา เซเวอร์รัส สเนป และอันที่จริงเธอคิดว่ามันยากมากกว่าที่จะทำลายด่านป้องกันความทรงจำที่ถูกป้องกันไว้อย่างแน่นหนาในความคิดของเขาที่ฝึกฝนมาอย่างดี อย่างไรก็ตามยุทธวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจนี้ทำให้หลายสิ่งยุ่งยากขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยังคงพยายามต่อไปอย่างไม่ท้อถอย
ก็ได้เธอคิด มองไปที่ประตูบานที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ถ้านายอยากให้ฉันเห็นความทรงจำเหล่านี้แทน ฉันก็จะเข้าไปดู'
ประตูไม้บานเล็กๆบานหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเอื้อมมือไปข้างหน้าและหมุนลูกบิด ซึ่งเฮอร์ไมนี่นึกสงสัยในทันทีเพราะมันหมุนได้โดยอิสระราวกับว่ามันไม่ได้ล็อค ไม่ว่าอะไรก็ตามที่อยู่หลังประตูนี้ เดรโกเต็มใจอย่างที่สุดที่จะอนุญาตให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นมัน
เธอพบตัวเองอยู่ในทางเดินที่ดูคุ้นเคยอย่างน่าขนลุก เธอรู้จักสถานที่นี้ดี และไม่กี่นาทีต่อมามันปรากฏให้เธอเห็นชัดเจนขึ้นมันคือทางเดินคุกใต้ดินที่ฮอกวอตส์ เธอกำลังยืนอยู่หน้าคนกลุ่มหนึ่งที่ดูคล้ายเด็กปี 4 กำลังอยู่หน้าประตูห้องเรียนวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์สเนป น่าแปลกที่เธอกำลังรู้สึกเบิกบานใจ มีความสุขและโกรธในเวลาเดียวกัน เธอกำลังมองผ่านดวงตา จากมุมมองของใครคนอื่น ศาสตราจารย์สเนปเข้ามาอยู่ในมุมมองนั้น และอีกคนที่เธอได้เห็นในนั้น แฮร์รี่ พอตเตอร์
"แต่ศาสตราจารย์ฮะ!" แฮร์รี่ พอตเตอร์ร้องออกมา เสียงดังของเขากวนใจเธอ ทำให้เธอกระวนกระวายใจยิ่งขึ้น
หยุดส่งเสียงร้องซะที!' เธอคิดในขณะที่เธอหันไปเห็นแฮร์รี่ ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ
"ดูสิ่งที่นายทำกับเฮอร์ไมโอนี่สิ!" ขณะที่แฮร์รี่พูด เฮอร์ไมโอนี่ตกใจที่เห็นเขาชี้ไปที่ด้านซ้ายมือของเขา สิ่งที่เธอเห็นคือเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงหนายืนอยู่ตรงนั้น กำลังก้มลงหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาไว้ที่อกซึ่งก็คือตัวเธอเองตอนอายุ 14 ในขณะที่เธอมองดูตัวเองผ่านดวงตาของเดรโก มัลฟอยอยู่นั้น เด็กผู้หญิงที่เธอดูคุ้นเคยเงยหน้าขึ้นและเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกคลื่นไส้แต่มีความสุขในเวลาเดียวกัน
เฮอร์ไมโอนี่ตอนเด็กเงยหน้าขึ้น หนังสือของเธอยึดแน่นกับอกของเธอ และ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ฟันหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกทำให้ขยายด้วยเวทมนตร์ สองซี่ยื่นออกมาจนถึงคางของเธอ ทำให้เธอดูแปลกเป็นครึ่งเด็กผู้หญิง ครึ่งบีเวอร์ และรู้สึกได้เปรียบในมุมมองของเดรโก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตกใจที่ได้เห็นศาสตราจารย์ สเนป ส่งสายตาให้เดรโกก่อนที่เขาจะเม้มปากของเขาราวกับว่าพยายามจะไม่ยิ้ม และกำลังพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
"ฉันไม่เห็นความแตกต่างนักหรอกสเนปพูด
ในขณะที่เธอมองเฮอร์ไมโอนี่วัย 14 ที่น่าขำ กำลังหนีลงไปยังทางเดิน ความโกรธผสมปนเปกับความรื่นเริงในใจ ที่สุดเฮอร์ไมโอนี่เข้าใจว่าจริงๆแล้วเธอกำลังรู้สึกถึงสิ่งที่มัลฟอยรู้สึก อารมณ์ของเขาในช่วงเวลาแห่งความทรงจำผสมปนเปเข้ากับอารมณ์ของเธอเอง
ทั้งหมดนี้มันผิด เธอคิดว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาของเขาและมองเห็นความทรงจำแต่แท้จริงแล้วเธอไม่เคยรู้สึกถึงอารมณ์ของเป้าหมายมาก่อน เธอกระซิบ "ฟิเมลและพบตัวเองอยู่บริเวณประตูห้องขนาดเล็กซึ่งบรรจุความทรงจำต่างๆไว้ ประตูที่เธอเข้าไปสู่ความทรงจำในวันที่ มัลฟอยเสกคาถาซึ่งทำให้ฟันของเธอขยายใหญ่ปิดลงอีกครั้ง
ไม่ต้องสงสัย ประตูถูกผลักออกไปข้างหน้าโดยง่ายและไม่แม้กระทั่งปิดล็อค มัลฟอยกำลังเล่นเกมส์กับเธอ เขาเชี่ยวชาญการสกัดใจมากกว่าที่เธอยกย่องเขาไว้มากทีเดียว เธอจะต้องเสี่ยงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ประตูที่ตั้งป้อมปราการแข็งแกร่งมากที่สุด 50 บานผ่านไปตรงหน้าเธอ และเป็นอีกครั้งที่เธอเลือก เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้าไปสู่ประตูห้องที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่ดูหนักหนามากที่สุด และเป็นเหมือนเช่นเคย ประตูสามารถเข้าไปได้โดยง่ายเหมือนกับไม่มีสิ่งใดขีดขวางจริงๆ
ในครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลานานเป็นพิเศษเพื่อเตรียมตัวอีกครั้ง และเดินเข้าไปสู่ประตูซึ่งเธอร่ายคาถา "อโลฮาโมร่าเพื่อเปิดมันออก ในฉับพลันเธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนที่มีแสงไฟสลัวๆ แก้มของเธอเต็มไปด้วยสีแดงเรื่อๆ เธอรู้สึกโชคดีมากเพราะแทนที่จะได้เห็นความทรงจำผ่านดวงตาของ มัลฟอย เธอกลับยืนดูอยู่ที่ประตู สามารถเอาตัวเองออกห่างจากคนสองคนที่นัวเนียกันอยู่บนเตียงได้ มัลฟอยกำลังยกสะโพกของเขากระแทกอย่างหนัก และแนบแน่นไปยังแม่มดสาวผมบลอนด์ที่อยู่เบื้องล่างของเขา แม่มดแสนสวยถอนหายใจผ่านริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม และร้องครวญครางเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กล้ามเนื้อตรงแผ่นหลังของ มัลฟอย จับตัวกันเป็นมัดและกระเพื่อมด้วยพละกำลังในขณะที่เขาผลักดันบางสิ่งเข้าไปสู่ร่างกายของแม่มดสาวอย่างเร็ว ในตอนนี้ขาเรียวยาวของแม่มดสาวกำลังโอบล้อมรอบเอวของเขา ร่างกายของเธอถอยห่างตามแรงกระแทกของเขาด้วยความปรารถนา
เห็นสิ่งที่เธอชอบหรือยังเกรนเจอร์เสียงหัวเราะเบาๆของมัลฟอยอยู่ในหัวของเธอ คำพูดต่างๆวิ่งผ่านเขามาในความคิดของเธอ เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้าง มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าความคิดที่แท้จริง และเฮอร์ไมโอนี่รู้ในทันทีว่ามันไม่ใช่ความคิดของเธอ อย่างชัดเจนที่สุดเขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไร สิ่งที่เธอรับมืออยู่ นี่ไม่ใช่จิตใต้สำนึกของ มัลฟอย แต่เขารับรู้ทุกๆอย่างที่เธอกำลังดูอยู่จากจิตใต้สำนึกของเขาเอง และมันเป็นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ "ฟิเมลอีกครั้งและพบว่าตัวเองอยู่ในที่ว่างมืดมิดที่ล้อมรอบไปด้วยประตูต่างๆ เธอโบกมือของเธออีกครั้งและเป็นอีกครั้งที่ประตูซึ่งมีป้อมปราการอย่างแน่นหนาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอความรู้สึกผิดหวังของเธอกระตุ้นให้เธอใช้เวลาชั่วครู่เพื่อจดจำบางสิ่งอีกครั้งก่อนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป
"นายอยากให้ฉันดูอะไรอีกไหม มัลฟอยเธอพูดเสียงดัง ครั้งนี้ประตูที่ถูกปกป้องอย่างไม่แน่นหนามากนักปรากฏตรงหน้าเธอ เธอเลือกบานประตูที่อยู่ห่างออกไปด้านข้างไม่ใช่บานที่อยู่ตรงหน้าโดยตรง
ในทันทีเธอพบว่าตัวเองกำลังมองเข้าไปในห้องโดยสารรถไฟ เธออยู่บนรถด่วนฮอกวอตส์ ห้องโดยสารว่างเปล่ามีเพียงแค่คนสองคน มัลฟอยยืนอยู่เหนือแฮร์รี่ แฮร์รี่ซึ่งกำลังนอนอยู่ที่พื้นห้องโดยสาร เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เห็นได้ชัดว่า มัลฟอยใช้คาถา เพ็ตตริฟิคัส โททาลัสกับแฮร์รี่ และด้วยความรู้สึกคลื่นไส้ เฮอร์ไมโอนี่ตระหนักได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปเพราะแฮร์รี่ได้เล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วทุกอย่าง
แฮร์รี่ จ้องไปที่ มัลฟอยด้วยสายตามุ่งร้าย จากนั้น มัลฟอย ย่างสามขุมตรงเข้ามาที่เขานอนอยู่ เขายกเท้าขึ้นอย่างช้าๆกระทืบลงบนใบหน้า และ บดขยี้จมูกของแฮร์รี่ แว่นตาของเขาหล่นไปในพื้นที่ว่าง เลือดสีแดงข้นซึมออกจากใบหน้าของเขา ในขณะที่ มัลฟอย ที่กำลังยิ้มอย่างพอใจ เขาโค้งตัวลงและกระซิบบางอย่างที่เธอไม่อาจได้ยินในหูของแฮร์รี่ และหลังจากนั้นเหวี่ยงเสื้อคลุมล่องหนคลุมไปที่ตัวของแฮร์รี่ มัลฟอย ออกไปจากห้องโดยสารปิดประตูอย่างแน่นหนาภายหลังที่เขาจากไปแล้ว ทิ้งให้ห้องโดยสารดูเหมือนว่างเปล่าอยู่เบื้องหลัง
ความโกรธเอ่อล้น เฮอร์ไมโอนี่ ในขณะที่เธอตะโกนคาถาเพื่อออกไปจากที่นั่นอีกครั้ง เธอกลับไปสู่ห้องที่เต็มไปด้วยประตูมากมาย เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นด้วยความโกรธ และหมุนไม้กายสิทธิ์รอบตัวเธอ สีขาวพร่ามัวหมุนวนรอบตัวเธอคล้ายพายุทอร์นาโดที่ไร้แรงลม เธอยังคงยกมือขึ้นสูงต่อไป และ ก้าวไปข้างหน้าประตูเหล็กที่ถูกปิดอย่างแน่นหนาที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุด และวางมือข้างซ้ายของเธอเพื่อดันประตูอีกครั้ง
เกมส์ของนายจบแล้ว มัลฟอยเธอคิด
ประตูที่เปราะบางกว่าบานต่างๆล้อมรอบตัวเธออีกครั้ง และพยายามกระโจนมาอยู่ตรงหน้าประตูที่เธอเลือกเหมือนเช่นเคย แต่เกราะที่เธอสร้างขึ้นรักษาตำแหน่งของมันในขณะที่เธอมุ่งหมายประตูบานหนึ่ง
"ลิงกวิสเทีย!" เธอพูดและจากนั้นพูดกับประตูอย่างช้าๆ ชัดๆและสบายด้วยน้ำเสียงของเดรโก มัลฟอย
"ออนวิดิมัส บาร์เรจเธอพึมพำ ประตูเริ่มกระแทกปิดอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่เชื่อมโยงเขากับร่างกายของเธอ อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอก้าวไปยังประตูที่อยู่ในความคิดของมัลฟอย เธอจับมือของตัวเองในชีวิตจริง ร่างกายของมัลฟอย กระตุกด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกับในความคิดของเขา วินาทีแห่งความประหลาดใจ เฮอร์ไมโอนี่สามารถเชื่อมโยงความคิดของเขาที่อยู่ภายใต้การป้องกันของเขาได้ เธอผ่านประตูที่ปิดอย่างแน่นหนาเข้าไป สิ่งที่เธอทำคือความพยายามอันยาวนาน แต่เธอต้องจริงจังต่อการเพ่งความสนใจไปที่มัลฟอยและมันได้ผล เธออยู่ในความทรงจำที่ลึกลับมากที่สุดและมืดมิดของเดรโก มัลฟอยแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น