วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ
ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=traveler-hpfictionroom&month=05-2006&date=03&group=5&gblog=2

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ตอนที่ 1

‘อืม...อากาศดีจัง’ เฮอร์ไมโอนี่คิดพร้อมกับสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ มันเป็นเช้าที่เงียบสงบ เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงมีนักเรียนเดินไปมาในบริเวณโรงเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสืออ่านเล่น(เล่มใหญ่) ติดมือมาเล่มหนึ่ง แล้วเดินเลี่ยงไปหาที่นั่งอ่านทางทะเลสาบ แต่แล้วก็ต้องหันกลับเมื่อเหลือบเห็นอาร์กัส ฟิลช์ กับคุณนายนอร์ริสเดินไปมาอยู่แถวนั้น

“เฮ้อ...ว่าจะหาที่อ่านหนังสือสักหน่อย ไม่รู้จะมาตรวจอะไรกันแต่เช้า” เฮอร์ไมโอนี่บ่นด้วยความเซ็ง เธอตั้งใจจะเดินไปยังห้องสมุด ก่อนจะเปลี่ยนใจแล้วเลี้ยวไปสนามควิชดิชแทน


************************************


เฮอร์ไมโอนี่กวาดตามองรอบตัวอย่างพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอต้องการ อากาศดีและก็เงียบสงบ ‘ก็แน่ล่ะ คงไม่มีใครบ้าออกมาซ้อมควิชดิชแต่เช้าหรอก’ เฮอร์ไมโอนี่คิด เธอทรุดตัวลงนั่งอ่านหนังสือ แต่ก็อ่านได้เพียงไม่นาน เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างลอยเฉียดหัวไป

“อะไรน่ะ...รู้สึกไปเองหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำพลางเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้าและเมื่อไม่เห็นอะไร เธอก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ

“ฮูก...ฮูก” เสียงที่ดังแผ่ว ๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องตะแคงหูฟังเพื่อความแน่ใจ เสียงร้องเงียบไปสักพักก่อนจะดังขึ้นมาอีก ทำให้เธอแน่ใจว่าหูไม่ฝาด เฮอร์ไมโอนี่เดินหาที่มาของเสียง ไม่นานเธอก็เห็นนกฮูกตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกไปมาเพื่อพยายามบินขึ้นและส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะ ๆ

“ตายจริง...บาดเจ็บด้วยนี่” เฮอร์ไมโอนี่อุทานออกมาด้วยความสงสารเมื่อเห็นปีกข้างหนึ่งมีเลือดเปื้อนอยู่ หัวของนกฮูกที่หันไปมองที่ปีกข้างที่เจ็บนั้นผงกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเธอ มันสะบัดหน้าหนีเหมือนไม่พอใจ เฮอร์ไมโอนี่คุกเข่าลงเมื่อมาหยุดตรงหน้า

“สวยจัง” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อได้เห็นมันใกล้ ๆ นกฮูกส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ ดูมันจะไม่ค่อยชอบคำชมของเธอเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ไม่สนใจถ้าเธอจำไม่ผิดนี่คงเป็น ‘นกฮูกอินทรี’ ที่รอนอยากได้ (เขามักบ่นเวลาที่เจ้าพิกนกฮูกตัวน้อยของเขานำความอับอายมาให้เมื่อมันมักจะเล่นพร้อมกับส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อส่งจดหมายเสร็จ) สีเทาอ่อน ๆ ทำให้มันดูสง่า น่าเกรงขาม

เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมันไว้ “โอ้ย!!” เธอร้องและชักมือกลับด้วยความตกใจ เมื่อมันจิกลงไปบนมืออย่างแรงจนเลือดไหลซึมออกมา เฮอร์ไมโอนี่กดแผลเพื่อห้ามเลือด ขณะที่เธอครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรอยู่นั้นเอง นกฮูกอินทรีก็ใช้จงอยปากเขี่ยไปมาตรงปีกที่เจ็บอกครั้ง เธอรีบใช้สองมือคว้าตัวนกไว้อย่างรวดเร็ว นกฮูกร้องลั่นด้วยความตกใจ มันพยายามดิ้นหนี

“เดี๋ยว...อย่าดิ้นสิ ฉันขอดูแผลหน่อยเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วจับมันเอาไว้แน่น พยายามใช้นิ้วเขี่ยดูที่ใต้ปีก โดยไม่สนใจแรงดิ้นและแผลที่เกิดจากรอยจิก เธอเห็นเศษไม้ชิ้นเล็ก ๆ อยู่บนปีกของมัน เธอดึงเศษไม้ออกแล้ววางนกฮูกที่อ่อนแรงจากการดิ้นไว้กับพื้น

“เอาล่ะไม่เป็นไรแล้ว...เอาอะไรพันแผลหน่อยแล้วกัน เลือดจะได้หยุดไหล” เฮอร์ไมโอนี่ล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้า “อุ๊ย...ไม่ได้เอาผ้าเช็ดหน้ามานี่ ทำยังไงดีล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด แล้วดึงโบว์ผูกผมออกมา เธอค่อย ๆ ผูกมันกับปีกของนกฮูก

“เอาล่ะ คงจะช่วยได้สักพักล่ะ เดี๋ยวพอเจ้านายเจ้าเห็นคงจะทำแผลให้ล่ะ” เธอบอกแล้วยิ้มให้นกฮูก นกฮูกมองไปที่ปีกแล้วมองไปมาที่เธออย่างลังเล มันกระพือปีกไปมาแล้วค่อย ๆ บินขึ้นฟ้า “โชคดีนะ อย่าให้มีแผลอีกล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนบอกแล้วโบกมือให้ นกฮูกหันมามองที่เธออีกครั้ง ก่อนจะบินจากไป


************************************


นกฮูกอินทรีร่อนลงไปเกาะที่ขอบหน้าต่างที่เป็นจุดหมายปลายทาง มันเดินผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่เพื่อมองหาเจ้านาย และบินไปเกาะที่ไหล่ของเด็กชายที่นั่งรื้อหาของในหีบอยู่

“อ้าว...ฟาค่อล มาแล้วเหรอ” ‘เดรโก มัลฟอย’ ทักและใช้นิ้วลูบไล้ปีกอย่างรักใคร่
“เอ๊ะ...นั่นเป็นอะไรน่ะ” เขาถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าปีกข้างหนึ่งของมันมีโบว์ผูกผมกำมะหยี่สีเลือดหมูผูกติดอยู่ มัลฟอยขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้น ๆ กับโบว์เส้นนี้อย่างไรไม่รู้ เขาดึงโบว์ออกแล้วเห็นบาดแผลที่ยังคงมีเลือดซึมออกมา จึงทำแผลให้มัน

“นี่คงไปซนมาอีกล่ะซิ ถึงได้แผลมาอย่างนี้” มัลฟอยบ่นขณะที่ทำแผลให้มัน นกฮูกอินทรีร้องออกมาเบา ๆ แล้วมองเด็กหนุ่มอย่างเศร้า ๆ เมื่อโดยดุ

“ดีนะที่มีคนมาช่วยเอาไว้ ทีหลังระวังหน่อยแล้วกัน” เขาบอกแล้วดึงจดหมายที่ยังคงผูกติดอยู่ที่ขามันออกมา ฟาค่อนจิกมือเจ้านายมันเบา ๆ เป็นเชิงขอโทษแล้วโผบินออกจากห้องไป มัลฟอยมองตามหลังนกฮูกแล้วถอนใจออกมาเบา ๆ เขานั่งลงที่เก้าอี้แล้วเปิดอ่านจดหมายที่มารดาส่งมา


************************************


“อรุณสวัสดิ์เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ทักเมื่อพบเพื่อนสาวที่ห้องโถงใหญ่
“อรุณสวัสดิ์แฮร์รี่ อรุณสวัสดิ์รอน” เฮอร์ไมโอนี่ทักขณะที่ทรุดลงนั่ง
“อัดอี(หวัดดี)” รอนพยายามทักตอบทั้งที่มีอาหารเช้าเต็มปาก
“นั่นมือเธอไปโดนอะไรมาน่ะ” แฮร์รี่ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นมือของเฮอร์ไมโอนี่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้
“อ๋อ...เป็นแผลนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เฮอร์ไมโอนี่บอกปัดอย่างไม่สนใจ เธอหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ยังไม่ทันจะทานเข้าไปก็มีเสียงทักเสียก่อน
“สวัสดีค่ะพี่เฮอร์ไมโอนี่”

เฮอร์ไมโอนี่หันไปตามเสียง เธอเห็นนักเรียนหญิงปี 4 บ้านฮัฟเฟิลพัฟกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่พอตเตอร์ พี่วีสลีย์” พวกเธอทักแฮร์รี่กับรอนเมื่อเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังเฮอร์ไมโอนี่
“สวัสดีจ๊ะมาเรีย เพิ่งจะมาทานอาหารเหมือนกันเหรอ” เฮอร์ไมโอทักตอบ ‘มาเรีย เบเนดิศ’ เป็นเด็กนักเรียนปี 4 ที่มักจะมาช่วยงาน พรีเฟ็คและประธานนักเรียนอยู่เสมอ
มาเรียตอบรับในขณะที่เพื่อน ๆ ของเธอนั้นเหลือบมองแฮร์รี่อย่างอาย ๆ และหัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นท่าทางการกินของรอน มาเรียคุยกับเฮอร์ไมโอนี่อีกสองสามคำ ก่อนจะขอตัวไปทานอาหารเช้า

“ปีหน้าเด็กคนนี้คงจะได้เป็นพรีเฟ็คแน่ ๆ เลย” แฮร์รี่บอกเพื่อนทั้งสอง หลังจากที่มาเรียและเพื่อนเดินจากไป
“แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นประธานนักเรียนหญิงเหมือนเธอเฮอร์ไมโอนี่” รอนบอกหลังจากกลืนขนมปังปิ้งคำใหญ่ลงไปแล้ว
“ทำไมยะ เป็นประธานนักเรียนหญิงแล้วเป็นยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย
“อ้าว...” รอนร้องแล้วทำหน้าใสซื่อ “ก็เป็นแม่คนเจ้าระเบียบอย่างเธอไง คุณประธานนักเรียนหญิง”
เฮอร์ไมโอนี่คอแข็งทันทีเมื่อได้ยินคำเรียกที่เพื่อนหนุ่มเรียกเธอ เธอหยิบหนังสือที่ถือติดมือมาแล้วเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่ทันที รอนมองตามอย่างไม่ค่อยสนใจนัก แล้วก้มลงทานอาหารต่อ ส่วนแฮร์รี่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ


************************************


“ฮึ...แม่คนเจ้าระเบียบเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างไม่พอใจ ขณะที่เดินไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว
“มันผิดตรงไหนที่ฉันได้เป็นประธานนักเรียนหญิงน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เดินไปบ่นไปอย่างไม่สนใจกับสายตาของนักเรียนคนอื่นที่มองตามเธอมาอย่างชื่นชมและสงสัย

ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เธอเรียนที่ฮอกวอตส์ เธอได้รับเลือกจากโรงเรียนให้เป็นประธานนักเรียนหญิง ส่วนประธานนักเรียนชายนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คู่อริตลอดกาลของเธอนั่นเอง...เดรโก มัลฟอย เธอไม่สงสัยเลยว่าการที่มัลฟอยได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนชายนั้นจะต้องเป็นฝีมือของสเนปแน่ ๆ
(มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าถ้าไม่ใช่เพราะว่ามัลฟอยเป็นลูกศิษย์ของโปรดของสเนปล่ะก็ ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของแฮร์รี่แน่นอน)


************************************


เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด เธอได้ยินเสียงกระซิบซาบดังนี้มานานแล้วและมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเงียบสักที
‘ในห้องสมุดแท้ ๆ แต่ก็ยังหาความสงบไม่ได้’ เธอคิดอย่างหงุดหงิด เธอมองหาที่มาของเสียง เธอเห็นนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่จับกลุ่มกันอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก สายตาของพวกเธอจับจ้องไปยังจุด ๆ หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่มองตามสายตานั้นไป แล้วก็เห็นเขา ‘เดรโก มัลฟอย’

มัลฟอยคร่ำเคร่งอยู่กับการค้นหาหนังสืออยู่โดยไม่สนใจถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เขา เฮอร์ไมโอนี่เบะปากเมื่อเห็นเด็กสาวมองเขาตาหวานเยิ้ม บางคนถึงกับถอนใจเบา ๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม
‘ให้ตายเถอะ ไม่รู้จะปลื้มอะไรกันนักกันหนา น่ารำคาญจัง’ เฮอร์ไมโอนี่คิด เธอไม่แปลกใจเลยที่นักเรียนหญิงคอยเดิมตาม ’ประธานนักเรียนชาย’ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นว่ามีกลุ่ม ‘แฟนคลับ’ คอยเดินตามเขา แม้กระทั่งเวลาทำงาน ก็ยังมีคนคอยตาม เธอรู้ว่ามัลฟอยเองก็รู้ แต่เขาก็ทำเฉยเสียไม่สนใจ ไม่ใช่มีเพียงแค่มัลฟอยเท่านั้นที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนหญิง แฮร์รี่เองก็เป็นเหมือนกัน และดูเหมือนว่าในตอนนี้ บรรดาแฟนคลับของแฮร์รี่และมัลฟอยจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย และแต่ละฝ่ายนั้นก็ไม่ถูกกัน
(เหมือนแฮร์รี่ไม่ถูกกับมัลฟอยนั่นแหละ)

อาจจะเป็นเพราะว่าเธอโตมาพร้อมกับพวกเขา (หรือที่เรียกว่าเรียนมาด้วยกัน) แล้วแฮร์รี่กับมัลฟอยเองก็เรียกได้ว่าเป็นคนดังของโรงเรียน (ในนามของ ‘เด็กชายผู้รอดชีวิต’ กับ ‘คุณชายตระกูลมัลฟอย’ ที่ยิ่งใหญ่) ทำให้เธอไม่ค่อยได้สนใจอะไรนัก (นอกจากหนังสือ)
แต่ตั้งแต่เปิดเทอมที่ผ่านมา เมื่อเธอเห็นความสนใจของเหล่านักเรียนหญิงที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องหันกลับมามองสองหนุ่มเพื่อนสนิทและหนึ่งหนุ่มคู่อริอย่างพิจารณา เธอก็พบว่า จากเด็กชายผอมแคระแกรนนั้น ตอนนี้พวกเขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างกำยำสมกับเป็นนักกีฬา ซึ่งในปีนี้แฮร์รี่กับมัลฟอยนั้นก็ยังได้เป็นกับตันทีมควิชดิชด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนหญิง แต่นิสัยของพวกเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ แฮร์รี่ยังคงเป็นเพื่อนที่น่ารักและสามารถเป็นที่ปรึกษาสำหรับเธอได้ในหลาย ๆ เรื่อง ส่วนมัลฟอยยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่เย็นชาและรังเกียจเธอเหมือนเดิม
(ถึงแม้จะทำงานร่วมกัน แต่เขาก็ยังคงเย็นชาและสุภาพจนน่ากลัว)


***********************************


มัลฟอยพยายามสะกดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้อย่างเต็มที่ มันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจที่เวลาไปไหนก็มีแต่คนคอยตามหรือจับตามองอย่างสนใจ มันทำให้เขาไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว มัลฟอยหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการออกมาจากชั้นหนังสือ ขณะที่เขากำลังหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะ เขาก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลนั่งจ้องมาที่เขา อีกฝ่ายหลบตาลงทันทีเมื่อเห็นเขาจ้องตอบ และรีบเก็บของลุกออกไปจากห้องสมุด มัลฟอยมองตามอีกฝ่ายจนลับสายตา

มัลฟอยเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เขาพยายามตั้งสมาธิกับหนังสือมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสมาธิของเขาจะหลุดลอยหายไปไหนไม่รู้
เมื่อตอนที่เขาเรียนปี 5 พ่อของเขา ลูเซียน มัลฟอย ถูกจับเข้าคุกอัซคาบันพร้อมกับเพื่อนที่เป็นผู้เสพความตายอีกหลายคน ตอนนั้นทั้งเขาและแม่ของเขา ต่างเป็นกังวลต่าง ๆ นานา แต่ลึก ๆ ในใจของเขาแล้ว เขาอดดีใจไม่ได้ที่ได้รู้ว่า เขาและแม่จะไม่ถูกพ่อของเขาทำร้ายในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่พ่อของเขาก็แหกคุกออกมาหลังจากนั้นไม่ถึง 2 เดือน และต่อสู้กับมือปราบมารจนถึงแก่ความตาย แม่ของเขายังคงโศกเศร้ามาจนทุกวันนี้ เขารู้ว่าแม่รักพ่อมากถึงแม้ว่าพ่อจะไม่รักแม่เขาก็ตาม และความรู้สึกแรกของเขาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รู้ว่าพ่อตายก็คือ ความสุข มันเป็นความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อได้รู้ว่าจะได้มีชีวิตที่เป็นอิสระเสียที


จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ตอนที่ 2 (จบ)

มัลฟอยหันมามองเด็กสาวที่เดินตามอย่างหงุดหงิด “เธอจะเดินเร็วกว่านั้นหน่อยไม่ได้หรือเกรนเจอร์ เธอเดินอืดอาดเป็นเต่าอย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะตรวจเสร็จ” มัลฟอยถาม ดวงตาสีซีดมองเธออย่างเย็นชา
เฮอร์ไมโอนี่หยุดยืนข้าง ๆ “นะ...นาย...ก็อย่า...เดิน...เร็วสิ” เด็กสาวบ่นพลางหอบเบา ๆ
“เธอก็อย่าเดินให้มันช้านักสิยัยเต่าขาสั้น” มัลฟอยว่าแล้วก้มลงมองดวงหน้าหวานที่สูงเพียงไหล่เขาเท่านั้น “ทำไมชั้นจะต้องมาตรวจบริเวณกับเธอด้วยนะยัยเลือดสีโคลน” เขาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด ปกติแล้วทั้งสองจะแยกกันตรวจไม่เคยต้องมาตรวจคู่กันสักที แต่วันนี้ศ.มักกอนนากัลสั่งให้พวกเขามาเดินคู่กัน
“ชั้นก็ไม่อยากจะมาตรวจกับนายเหมือนกันหรอกย่ะ นายผีดิบเดินได้” เฮอร์ไมโอนี่สวนออกมาทันควัน แล้วออกเดินนำหน้า

เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อโดนผลักให้กระแทกกับผนังอย่างแรง เธอหันมามองอีกฝ่ายอย่างโมโห แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ร่างสูงที่เคยดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยน้ำ
“ฮ่าๆๆๆ” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองด้านบนก็เห็นพีฟพ์ถือถังน้ำใบใหญ่ “สมน้ำหน้าเจ้าเด็กซีด”
“แก…” มัลฟอยคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“สมน้ำหน้า ๆๆๆๆ” พีฟพ์เยาะเย้ยก่อนจะรีบหนีไปแกล้งนักเรียนคนอื่น
มัลฟอยหันมามองเด็กสาวข้าง ๆ ที่ยืนหัวเราะอย่างหงุดหงิด “สนุกมากมั้ยเกรนเจอร์” มัลฟอยถามเสียงเย็น
“สนุก...เอ้ย...เอ่อ...เป็นยังไงบ้างมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พยายามกลั้นหัวเราะแสร้งทำท่าทางห่วงใยในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลนั้นเป็นประกายด้วยความขบขัน

“กรี๊ด...” เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกลนักทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องถอนใจอย่างอ่อนใจ “เหยื่อรายต่อไป ไม่รู้ว่า...” เฮอร์ไมโอนี่หันมาบอกอีกฝ่ายแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นกริยาของคนตรงหน้า มัลฟอยเอามือขยี้ผมที่เปียกชุ่มเพื่อสะบัดน้ำออก ผมที่เคยเรียบแปร้นั้นยุ่งเล็กน้อย
“ทำไม มีอะไรล่ะเกรนเจอร์” เขาถามพลางเอามือเสยผมไปด้านหลังทำให้ใบหน้าเขาน่ามองยิ่งขึ้น มัลฟอยพยายามจัดผมให้เข้าทรงอย่างเดิม

"เฮ้ย...เธอทำอะไรของเธอน่ะ" มัลฟอยร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็ยกมือขึ้นขยี้ผมขอมัลฟอยให้ยุ่งอีกครั้ง
"นี่...อย่างนี้น่ารักกว่าไอ้ผมทรงนั้นของเธอเสียอีก" เธอบอกแล้วยิ้มอย่างน่ารัก มัลฟอยหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อโดนชมอย่างไม่ทันตั้งตัว
"พูดบ้า ๆ " มัลฟอยทำเสียงดุกลบเกลื่อนความอาย
"เอ้าจริง ๆ นะมัลฟอย ไม่เชื่อเธอก็ลองทำดูสิ เด็ก ๆ เธอเห็นเข้าต้องกรี๊ดสลบแน่"
"เด็ก ๆ" มัลฟอยทวนคำแล้วทำหน้างง ๆ
"ก็บรรดาแฟนคลับของเธอไง ฉันเห็นเขาเดินตามเธอเหมือนลูกเดินตามพ่อน่ะ ก็เลยเรียกว่านั้นอย่างนั้น...นี่จริง ๆ นะ เธอทำผมทรงนี้น่ะน่ารักมากจริง ๆ นะ ...อ้าว...แล้วเธอจะไปไหน" เฮอร์ไมโอนี่ถาม เมื่อเห็นมัลฟอยออกเดินไปโดยไม่รอเธอ
"จะไปตรวจต่อ ฉันขี้เกียจฟังเธอพล่าม...น่ารำคาญ!!!" มัลฟอยตะโกนตอบแล้วสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งตาม "เดี๋ยวสิมัลฟอย รอด้วย...."


************************************


มัลฟอยวางผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดผมลง แล้วเอื้อมมือไปหยิบกระปุกเจลใส่ผมที่วางอยู่บนโต๊ะ
‘นี่...อย่างนี้น่ารักกว่าไอ้ผมทรงนั้นของเธอเสียอีก’ เขามองเข้าไปในกระจกเห็นเด็กชายผมสีบลอนด์ที่ทรงผมยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบมองจ้องมา

‘แกต้องแต่งตัวให้มันเรียบร้อยรู้ไหม ผมต้องเรียบไม่ยุ่งฟู’ เสียงพ่อของเขาที่ดังแทรกขึ้นมา ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เวลาที่เขาแต่งตัวตามสบายพ่อมักจะเรียกเขาเข้าไปอบรมเป็นเวลานานจนทำให้เขาเบื่อ เขาก็เลยหันไปแต่งตัวตามความต้องการของพ่อ

“แกโตแล้วเดรโก ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งใคร” มัลฟอยบอกตัวเองแล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม “พ่อตายแล้ว ถึงเวลาที่แกต้องทำตามใจตัวเองเสียที”

“อุ๊ย...ดูเขาสิ” เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น
“น่ารักจังเลยนะ”
“เท่จัง”
รอนเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารอย่างรำคาญ เขากวาดตามองหาสาเหตุของเสียงซุบซิบ (ที่ทำลายสมาธิการกิน)
“มีอะไรเหรอรอน” แฮร์รี่ถามเมื่อเห็นรอนนั่งจ้องไปทางด้านหลังเขม็ง (รอนกับแฮร์รี่นั่งหันหลังให้)
“เพล้ง!!!” ส้อมที่อยู่ในมือแฮร์รี่หล่นเสียงดัง
“นี่พวกเธอเป็นอะไรกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะและสังเกตุเห็นว่านักเรียนโต๊ะกริฟฟินดอร์ต่างเงียบกริบ ไม่มีใครตอบคำถามเธอ เฮอร์ไมโอนี่ชะโงกมองข้ามไหล่รอน แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
“ให้ตายเถอะ” รอนสบถออกมาเบา ๆ “ไอ้ซีดนั่นมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ทำผมแบบนั้น” รอนมองอีกฝ่ายตาขวาง
(สำหรับรอนไม่ว่ามัลฟอยจะทำอะไรเขาไม่พอใจหมดแหละ)

“เธอหัวเราะอะไรน่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามอย่างแปลกใจเมื่อหันมาเห็นเพื่อนสาวหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่...ไม่มีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ตามเสียงสั่นเนื่องจากพยายามกลั้นหัวเราะ เธอมองไปที่โต๊ะสลิธีลินอีกครั้ง ก็เห็นเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุของเรื่องมองมาที่เธอพอดี เธอเห็นดวงตาสีซีดมองเธออย่างครุ่นคิด แล้วมันก็เบิกกว้างขึ้นเหมือนนึกอะไรได้ ใบหน้าสีซีดมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

“มองอะไรเฮอร์ไมโอนี่” รอนถามเสียงห้วนเมื่อเห็นเพื่อนสาวมองไปที่โต๊ะสลิธีริน “หรือว่าติดใจมันขึ้นมาอีกคนล่ะ”
“รอน” แฮร์รี่เรียกอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นการปราม เฮอร์ไมโอนี่มองรอนแล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
“ถ้าชั้นจะติดใจเขาก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่ ในเมื่อเขาน่าสนใจมากกว่าเธอเสียอีก โรนัลด์ วีสลีย์”
รอนวางมีดเสียงดัง แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจ
“ชั้นจะไปห้องสมุดนะ แล้วเจอกันในห้องเรียน” เฮอร์ไมโอนี่หันมาบอกแฮร์รี่ที่กำลังฉุดรอนไว้ไม่ให้ลุกขึ้นอาละวาด
“หมายความว่ายังไง นี่เธอเห็นมันดีกว่าชั้นงั้นเหรอ” รอนตะโกนถามเฮอร์ไมโอนี่ที่เดินออกไปจากห้องโถงรวมเสียงดัง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาหันมามองแฮร์รี่
“กินเข้าไปซะ เดี๋ยวจะไม่ทันเรียน” แฮร์รี่บอกก่อนที่อีกฝ่ายจะอ้าปาก รอนกระแทกตัวลงนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบขนมปังตรงหน้าอย่างหงุดหงิด


*************************************


“ชั้นไม่คิดว่าเธอจะทำตามคำแนะนำของชั้นนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยออกมาทั้ง ๆ ที่ยังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
“ชั้นไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเธอเกรนเจอร์ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นชั้น” มัลฟอยถามแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม เด็กสาวถอนใจ เธอวางหนังสือที่กำลังอ่านลง
“ข้อแรก ถ้าชั้นจำไม่ผิด เธอจะเข้าห้องสมุดทุกวันอังคารกับวันพฤหัส ข้อที่สอง ก็สังเกตจากเด็ก ๆ ของเธอน่ะแหละ พวกที่ตามเธอเนี่ยหน้าตาเดิม ๆ ทั้งนั้น ถ้าเธออยู่ที่ไหนพวกนี้ก็อยู่ที่นั่น ส่วนข้อสุดท้ายก็คือ กลิ่น...”
“กลิ่น” เขาทวนคำพลางหน้าแดง
“ใช่ กลิ่นน้ำหอมของเธอน่ะ มันเป็นกลิ่นเฉพาะ ไม่มีใครมีกลิ่นเดียวกับเธอ”
“สมแล้วที่เป็นประธานนักเรียนหญิงและเป็นนักเรียนเรียนดีของชั้น ช่างสังเกตและช่างจดจำจริง ๆ “ มัลฟอยบอกเสียงเรียบ
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว “นี่เธอชมหรือประชดชั้นน่ะ” เด็กสาวถามอย่างสงสัย เขาเมินหน้ามองไปทางอื่น เฮอร์ไมโอนี่จับตามองอีกฝ่ายเงียบ ๆ พลางสงสัยว่าเขามีธุระอะไรกับเธอ

มัลฟอยล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมหยิบอะไรบางอย่างออกมา “นี่ของเธอใช่มั้ย” เขาถามพลางวางโบผูกผมกำมะหยี่สีเลือดหมูไว้บนโต๊ะ
เฮอร์ไมโอนี่มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “ใช่ มันของชั้นเอง เธอเอามาจากไหนน่ะ”
มัลฟอยถอนใจ “นกฮูกตัวนั้น เป็นของชั้นเอง”
เฮอร์ไมโอนี่มองอีกฝ่ายอย่างนึกไม่ถึง “ของเธอเหรอ”
“ใช่ มันกำลังเอาจดหมายจากที่บ้านมาส่งน่ะ” มัลฟอยมองเด็กสาวแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “ไม่ได้ขอให้ช่วย แต่ก็ขอบใจแล้วกันที่ช่วย”
เด็กสาวรู้สึกว่าคำขอบคุณของอีกฝ่ายมันพิลึกยังไงไม่รู้ “ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะมัลฟอย เพราะมันไม่เหมือนคำขอบคุณเลย” เฮอร์ไมโอนี่บอกเสียงขุ่น
มัลฟอยมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “เธอนึกว่าชั้นอยากจะขอบคุณเธองั้นเหรอยัยเลือดสีโคลน ถ้าเธอไม่ไปยุ่งกับนกฮูกของชั้น ชั้นก็ไม่ต้องมานั่งอยู่อย่างนี้หรอก” เขาบอกเสียงห้วน
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธจัด “กลายเป็นว่าทำดีไม่ได้ดีใช่มั้ยมัลฟอย ถ้ามันเสียศักดิ์ศรีนายนักล่ะก็ ทีหลังไม่ต้อง แล้วจะไปไหนก็ไปเลย”
เด็กหนุ่มคอแข็งเมื่ออีกฝ่ายไล่เขาอย่างไม่ไว้หน้า “ไม่ต้องไล่ชั้นไปแน่ ใครจะอยากมานั่งเสวนากับพวกเลือดสีโคลนสกปรกกันล่ะ” เขาบอกอย่างเย็นชา แล้วเดินออกไปจากห้องสมุดทันที

เฮอร์ไมโอนี่กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง มันเป็นอย่างนี้เหมือนทุกครั้งเธอกับมัลฟอยไม่เคยดีกันได้นานเลย สักพักก็ทะเลาะกันอีก เฮอร์ไมโอนี่มองโบผูกผมที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ความโกรธค่อย ๆ ลดน้อยลง เอาน่า...อย่างนั้นเขาก็เอาโบมาคืนเธอแทนที่จะทำเฉยไม่สนใจ แล้วแถมยังเอ่ยคำขอบคุณ ถึงแม้จะไม่ดีนักก็เถอะ แต่คำขอบคุณที่ออกมาจากคุณชายตระกูลมัลฟอยนั้นหาได้ยากและก็น่าจดจำไม่ใช่หรือ

THE END

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น