วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ซีรีย์ 13...With love

ซีรีย์ 13...With love

fic by..Peterpan

นำมาจาก : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=icu11&topic=24&Cate=11

ณ ตรอกนอร์กเทิร์น ถึงแม้ว่าจะอยู๋ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ที่แห่งนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนเช่นทุกช่วงเวลา ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่อโคจรสำหรับพ่อมดและแม่มดที่ดี แต่มันเป็นสถานที่ที่วิเศษที่สุดสำหรับพ่อมดและแม่มดที่นิยมศาสตร์มืด พวกเขาสามารถหาซื้อของเพื่อประกอบศาสตร์แนวนั้นได้ทุกชนิดที่นี่ ตู้จัดแสดงด้านหน้าของแต่ละร้านมีแต่ของชวนให้สยดสยอง บางร้านมีศรีษะคนขนาดต่าง ๆ กัน หรือบางร้านก็มีอุ้งเท้าสัตว์นานาชนิดแขวนไว้
นายบอร์เจนเป็นเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ศาสตร์มืดที่มีชื่อเสียงร้านหนึ่งในตรอก เขากำลังต้อนรับลูกค้าคนสำคัญที่เพิ่งมาถึง
“สวัสดีครับคุณมัลฟอยกับคุณหนู” นายบอร์เจนกระตือรือร้นทักทายแขกทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม
นายมัลฟอยพยักหน้าอย่างไว้เชิง เดรโกเดินแยกไปดูของต่าง ๆ ในตู้กระจกภายในร้าน
“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้กระผมได้รับใช้” นายบอร์เจนประจบประแจง
“ฉันมาทั้งซื้อและขาย” นายมัลฟอยตอบ
อีกฝ่ายมีท่าทางยินดีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เก็บอาการไว้ได้โดยแสดงออกด้วยท่าทางแปลกใจแทน
“เขายังตรวจของตามบ้านอยู่ น่ารำคาญ!” นายมัลฟอยวางของสองสามชิ้นลงบนโต๊ะต้อนรับลูกค้าที่อยู่ลึกเข้าไปในร้าน พร้อมกับรายการของที่จะซื้อ นายบอร์เจนเอากล้องขนาดเล็กมาจ่อที่ตาเพื่อตรวจดูของที่นายมัลฟอยนำมาแล้วพูด
“กระผมอาจจะต้องใช้เวลาดูนานสักหน่อย”
“เชิญเถอะ ฉันจะไปธุระแถวนี้สักสิบห้านาทีก่อน” นายมัลฟอยตั้งท่าจะเดินออกไป
“ไม่ต้องตามมาเดรโก เจ้าอยู่ที่นี่ดีแล้ว” เขายกมือห้ามเมื่อเห็นบุตรชายขยับตัวตาม
“ทำไมผมถึงไปด้วยไม่ได้!” เดรโกถามเสียงดัง
นายมัลฟอยส่งสายตาดุดันใส่เขา เด็กชายเม้มปากแล้วสะบัดหน้ากลับไปดูโหลดองสัตวหน้าตาประหลาดอีกครั้ง พอคล้อยหลังบิดาเขาก็แสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดออกมา
“คุณหนู” นายบอร์เจนเรียกเสียงเย็น
เดรโกหันไปมองเขา ดวงตาสีซีดคู่นั้นยังมีแววขุ่นใจจากเรื่องเมื่อครู่ นายบอร์เจนเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า เดินมาหาเขาช้า ๆ ใบหน้าอัปลักษณ์นั้นแสยะยิ้มเหมือนจะเอาใจ
“สูงขึ้นมากทีเดียวขอรับ” นายไบเจนมองเดรโกตั้งแต่หัวจดเท้า
เด็กชายมองสายตาที่เหมือนคนวิปริตของนายบอร์เจนด้วยท่าทางขยะแขยง เขาเดินหนีไปดูของอื่น ๆ ในร้านทันที
“ไม่ทราบว่าคุณหนูมีคนรักแล้วหรือยัง”
ถ้าคนอื่นทีสนิทกันมาถาม เขาคงมีสีเลือดขึ้นบนแก้มบ้าง แต่ในเมื่อเป็นนายบอร์เจน เขาจึงส่งสายตาแข็งกร้าวที่เหมือนจะตวาดว่า ”สู่รู้!” ออกไป
“กระผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น” นายบอร์เจนพูดเหมือนอ่านดวงตาสีซีดคู่นั้นได้
“กระผมเพียงแต่อยากเสนอของบางอย่างให้คุณหนู”
นายบอร์เจนล้วงมือเข้าไปหยิบขวดยาที่บรรจุยาสีเหลืองทองสูงเท่านิ้วก้อยออกมาจากเสื้อคลุม
“สิ่งนี้จะช่วยให้คุณหนูสมหวัง”
เดรกโกไม่สนใจ เขาหันหลังให้นายบอร์เจนทันที แต่อีกฝ่ายรีบยัดขวดยาเข้าไปในมือเขา แล้วพูดอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเพียงแต่ให้เธอดม”
“ฉันไม่ต้องการยาเสน่ห์!” เดรโกตวาดเสียงดังแล้วโยนขวดในมือลอยสูงขึ้นด้วยความโกรธ นายบอร์เจนตะกุยอากาศเพื่อรับขวดยานั้นอย่างร้อนรน เมื่อมันมาอยู่ในมือเขาก็ประคองมันไว้ราวกับเป็นของมีค่ามหาศาล
“นี่ไม่ใช่ยาเสน่ห์ขอรับ” เขาหอบฮักเพราะเมื่อครู่พยายามรับขวดไว้
“ไม่ของชั้นต่ำที่พวกมักเกิ้ลบางคนใช้กัน”
เดรโกทำเป็นหูทวนลม เขาเดินหนีแล้วดูของในร้านต่อด้วยอารมณ์ร้อนกรุ่น แต่นายบอร์เจนยังคงเดินตามและยังคงพูดต่อ
“เมื่อเธอได้กลิ่น สมองของเธอก็จะว่างเปล่า ถึงตอนนั้นคุณหนูก็เอ่ยชื่อของคุณหนู แล้วบอกกับเธอว่า ‘รัก’ เธอก็จะหลงรักคุณหนู แล้วคุณหนูก็จะสามารถ…”
“ฟังนะ…” เดรกโกหันมาประจันหน้ากับนายบอร์เจน เขากัดฟันแน่นแล้วพูดเสียงเย็นเยียบ
“ฉัน…ไม่…เอา!” เด็กชายเน้นทีละคำชัด ๆ แววตาเต็มไปด้วยโทสะ
“กระผมให้” นายบอร์เจนแสยะยิ้มพูดพลางจับมืออีกฝ่ายให้รับขวดไป
“แค่พูดว่า ‘รัก’ คุณหนู จะเป็นคำเท็จก็ได้ ไม่ยากเลยสักนิด”
เดรโกกัดฟันกรอด เขากำขวดยาในมือแน่นราวกับจะขว้างมันลงพื้น นายไบเจนยิ้มราวกับลุ้นอยู่ในใจ
**************2**************
“แฮร์รี่ นายช่วยดูหน่อยสิว่าฉันตาฝาดไปรึเปล่า” รอนบอกเพื่อน
ขณะนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินซื้อของใช้สำหรับเรียนในปีหน้าอยู่ที่ตรอกไดแอกอน ซึ่งพวกเขาก็มาเป็นประจำอยู่ทุกปี โดยเริ่มจากรอนไปรับแฮร์รี่มาพักที่บ้านโพรงกระต่ายในช่วยปลายปิดเทอมฤดูร้อนก่อนจะออกเดินทางมาที่นี่พร้อมกัน
และภาพที่รอนต้องแปลกใจก็คือเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังจ้องเข้าไปในตู้กระจกสำหรับแสดงสินค้าอยู่หน้าร้านขายของกระจุกกระจิกของเด็กสาว ๆ อย่างเอาจริงเอาจัง
“หวัดดี เฮอร์ไมโอนี่”
รอนทักเสียงดังเหมือนจงใจให้อีกฝ่ายตกใจซึ่งก็ได้ผล เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยงแล้วหันมามองเพื่อนทั้งสอง
“เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” รอนถามโดยไม่ให้เธอตั้งตัว
“เปล่า ไม่มีอะไร” เด็กหญิงปฏิเสธ
“ไม่มีได้ยังไง” รอนรีบเอาหน้าไปแนบกับตู้กระจกเพื่อมองของข้างในให้ชัด ๆ แล้วเขาก็หัวเราคิกคัก
“น้ำหอมแม่มด ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ” รอนหันกลับมาบอกแฮร์รี่ทั้งที่ยังหัวเราะอยู่
แฮร์รี่ต้องพยายามกลั้นหัวเราะ เพราะใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธและอายกำลังจ้องมาที่พวกเขาอย่างเอาเรื่อง
“รู้ไหมเฮอร์ไมโอนี่ ฉันเคยได้ยินมาว่าถ้าผู้หญิงเริ่มใช้น้ำหอมล่ะก็แสดงว่าเธอกำลังมีความรัก อย่าว่าแต่น้ำหอมเลย แค่สบู่หอมก็แสดงว่าใช่เแล้ว”
รอนพูดยาวยืด และไม่ยอมหยุดหัวเราะ แฮร์รี่เอาข้อศอกกระทุ้งสีข้างรอนให้เขาเงียบ เพราะใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนเป็นขาวด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ได้คิดจะซื้อสักหน่อย!” เธอว่าเสียงดัง
แฮร์รี่รีบพูดเพื่อไกล่เกลี่ยสถาณการณ์
“เข้าไปดูข้างในไหมล่ะ เรา…เรา…สองคนก็อยากเข้าไปดู ใช่ไหมรอน”
“ว่าไงนะ!” รอนอ้าปากค้าง เพราะร้านนี้ดูยังไงก็เหมาะกับแม่มดที่ยังเป็นเด็กสาว ๆ มากกว่า
แฮร์รี่กระทืบลงไปบนเท้ารอน เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังโมโห ซึ่งก็ได้ผล รอนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เออ - - ก็ดี จินนี่อาจจะชอบ”
เมื่อทั้งสามคนเข้าไปในร้าน แฮร์รี่ก็ได้กลิ่นหอมฉุนจมูกของน้ำหอมหลากสีสันจากขึ้นวางขนาดมหึมาที่ล้อมรอบอยู่ที่กำแพงทั้งสี่ด้าน พวงกุญแจรูปพ่อมดแม่มดที่มีชื่อเสียง ตุ๊กตาจำลองขนาดต่าง ๆ กัน ปากกาขนนกยูง และกระดาษชนิดพิเศษที่จะช่วยปรับลายมือของคนเชียนให้ดูอ่อนช้อยกว่าปกติเวลาเขียนจดหมายรัก
ขณะที่แฮร์รี่กำลังคิดว่าเขาจะพอยึดมุมไหนไว้เป็นที่พึ่งได้บ้างเพื่อแกล้งทำเป็นดูของในมุมนั้นเพื่อรอเวลาให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ดูของในร้าน รอนที่กำลังทำหน้าเหมือนอมแมลงสาบไว้ในปากก็พูดขึ้น
“โชคดีนะเนี่ยที่ไม่มีลูกค้าตอนนี้”
แม่มดสาววัยรุ่นใส่เสื้อคลุมสีชมพูหวานแหววเดินมาต้อนรับเฮอร์ไมโอนี่อย่างร่าเริง แฮร์รี่เห็นเธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เด็กหญิงก่อนจะเดินไปหยิบน้ำหอมที่วางไว้ในตู้แสดงหน้าร้านมาให้เธอดู
“ใหม่ล่าสุดจ้ะ ขวดละเจ็ดซิกเกิ้ล”
รอนได้ยินจึงกระซิบกับแฮร์รี่
“ไอ้ขวดเท่านิ้วก้อยนั่นน่ะนะ! เจ็ดซิกเกิ้ล!”
เจ้าของร้านสาวบรรยายสรรพคุณต่าง ๆ ของน้ำหอมสีเหลืองทองแสนสวยซึ่งชวนให้เด็กชายทั้งสองรู้สึกว่ามัน”ไร้สาระ”มากขึ้นเรื่อย ๆ และดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินเหตุ
“ติดทนนานได้หลายวันนะจ๊ะเนี่ย”
“จะได้ไม่ต้องอาบน้ำ” รอนกรซิบ
แฮร์รี่ปั้นสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด
“เป็นกลิ่นที่ประทับใจผู้คน”
“เพราะจะโดนแช่งไล่หลังว่าทำให้มึนหัว” รอนเถียงอีก
“จะทำให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ”
“คนจะหันมามองแล้วก็ด่าว่าใครเป็นคนบอกให้ใช้”
กว่าที่ทั้งสามจะเดินออกจากร้านได้ก็ถูกเกลี้ยกล่อมให้ซื้อโน่นซื้อนี่อยู่เป็นเวลานาน แฮร์รี่กับรอนปฏิเสธเด็ดขาดที่จะซื้อของสักชิ้นในนั้น น่าแปลกใจที่เฮอร์ไมโอนี่ก็เหมือนกัน
“มันออกจะเป็นผู้ใหญ่เกินไป” เด็กหญิงพูดด้วยใบหน้าสีชมพู
“แล้วก็ยังไม่จำเป็นด้วย” แล้วเธอก็มองมาที่เพื่อนทั้งสองเหมือนจะถามว่า - - จริงไหม?
แฮร์รี่กับรอนพยักหน้าพร้อมกันราวกับนัดกันไว้
………………………..
รถไฟที่จะมุ่งตรงไปยังฮอกวอตส์จอดอยู่ที่ชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสีเหมือนทุกปี เสียงคุยจ้อกแจ้กดังไปทั่ว ซึ่งบทสนทนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในช่วงปิดเทอมที่แสนสนุกของแต่ละคน
เดรโก มัลฟอยนั่งกอดอกอยู่ในห้องเล็ก ๆ บนรถไฟที่แยกไว้เป็นสัดส่วน เด็กชายเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตาคู่นั้นไม่ได้ว่างเปล่า กลับมีแววขุ่นใจอยู่เต็มไปหมด
เมื่อเช้าแม่ถามเขาว่าขวดยาสีเหลืองทองที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาที่เธอเจอคืออะไร
“นี่อะไรลูก เดรโก”
มัลฟอยหันไปมองแม่ที่กำลังถือขวดยาอยู่
“แม่จะเอาเสื้อไปซักให้ ก็เจอ นี่ของลูกหรือเปล่า”
มัลฟอยทำท่างงในตอนแรก แต่พอเข้าเห็นว่าเป็นขวดยาที่นายไบเจนพยายามยัดเยียดให้เขาเด็กชายก็ถึงกับสะดุ้ง เขากัดฟัน นึกโกรธแค้นต้นเหตุอยู่ในใจว่าคงแอบใส่กระเป๋าเสื้อของเขามาโดยไม่รู้ตัวทั้งที่เขาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงไปแล้ว
ขวดยาอยู่ในมือเขาแล้วตอนนี้ - - ใครจะไปกล้าบอกแม่ล่ะว่ามันคืออะไร จะแอบเอาไปทิ้งพ่อก็ต้องสงสัยและจะต้องรู้แน่ว่ามันคืออะไร เขาเลยตัดสินใจว่าเอามันมาด้วยดีกว่าจะได้ขว้างออกไปนอกหน้าต่างรถไฟให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“หวัดดี มัลฟอย” เขาเกือบสะดุ้ง แครบและกอยล์นั่นเอง พวกเขาเปิดประตูเขามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“เออ” มัลฟอยตอบ
“นายถืออะไรอยู่น่ะ” กอยล์ถามทันทีที่นั่งลง ท่าทางอยากรู้อยากเห็น
“ของไร้สาระ” เขาบอก
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้น แล้วรถไฟก็เริ่มเคลื่อนออกจากชานชลา มัลฟอยมองออกไปข้างนอกสักพักก็ยืนขึ้นเพื่อเปิดหน้าต่างเมื่อเห็นว่าสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ารก ๆ
“เปิดทำไมล่ะ” แครบถาม
“ฉันจะทิ้งไอ้นี่” มัลฟอยตอบแล้วยกขวดให้ดู
“มันเป็นอะไรล่ะ” กอยล์ถามอีก
“ของไร้สาระ!” เสียงบอกว่ารำคาญเต็มทนแล้ว
ยังไม่ทันที่เขาจะขว้างมันทิ้งไปประตูห้องก็เปิดออก แพนซี่ พาร์คินสัน นักเรียนหญิงจากบ้านสลิธีรินหน้าตางอง้ำกำลังยืนยิ้มให้มัลฟอย
“หวัดดีเดรโก”
“หวัดดีแพนซี่” คนที่ตอบกลับไปมีเพียงแครบกับกอยล์
“ฉันมีอะไรจะอวดล่ะ เธอมากับฉันหน่อยสิ” เด็กหญิงเดินเข้ามาดีงตัวมัลฟอย
“ไม่ไป ให้สองคนนี้ไปสิ” เขาพูดอย่างรำคาญ
“สองคนนี้ เขาเห็นแล้ว มาเถอะน่า” แพนซี่ดึงแรงขึ้นอีก มัลฟอยถอนใจเฮือกแล้วโยนขวดให้กอยล์รับไว้
“ทิ้งมันให้ทีซิ”
แล้วเขาก็ยอมให้เด็กหญิงถูลู่ถูกังตัวเองไปที่ห้องของเธออย่างเสียไม่ได้
****3*****
ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึงแฮร์รี่กับรอนรับฟังข่าวร้ายด้วยสีหน้าผิดหวังระคนเศร้าใจ เพราะคาบแรกที่เรียนคือวิชาปรุงยากับบ้านสลิธีริน ซึ่งสเนปไม่มวันปล่อยโอกาสที่จะได้เล่นงานเด็กจากบ้านกริฟฟินดอร์แน่ ๆ
“อัสโฟเดลกับเวิร์มวู้ดผสมกันแล้วจะได้อะไรหา ลองบัตท่อม” เนวิลล์เป็นเหยื่อรายแรกของเทอมนี้
“ยา…ยานอนหลับแรงมากครับ” เด็กชายตอบเสียงสั่นสะท้าน
สเนปกัดฟันแน่น พูดเสียงลอดไรฟันออกมา ฟังดูเหมือนเสียงคำรามไม่มีผิด
“ถูก นั่นถูกต้อง เธอก็ตอบได้นี่นะ”
เสียงนั้นไม่ได้มีแววชมแม้แต่น้อย แต่กลับมีแววโกรธจัดและแค้นเคือง แฮร์รี่คิดว่าถ้าตอนนี้สเนปจะฆ่าเนวิลล์ก็คงไม่แปลก
“แล้วทำไมผลมันถึงเป็นแบบนี้ฮึ” เขาจ้องใบหน้าขาวซีดของเด็กชายเขม็ง ขณะชี้ไปที่คางคกของเนวิลล์ที่เพิ่งถูกยาที่ว่านั่น และมันกำลังเต้นแท๊บอยู่บนโต๊ะ!
“หักกริฟฟินดอร์ห้าคะแนน!” ประโยคเดิม ๆ ดังมาอีกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กบ้านสลิธีริน
จวบจนท้ายชั่วโมง เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ก็ถูกหักคะแนนไปคนละคะแนนสองคะแนนแล้วแต่สเนปจะหาเหตุมาได้ แฮร์รี่โล่งใจเป็นอย่างยิ่งที่ระฆังเลิกเรียนดังขึ้น เขาเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปพร้อมรอน
“อุ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องขึ้นเมื่อกระเป๋าของเธอถูกโต๊ะเกี่ยวจนฉีก ของทุกอย่างในกระเป๋าหล่นกระจาย
นักเรียนหญิงจากบ้านสลิธีรินหัวเราะคิกคักอย่างไม่ปิดบัง เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูขณะเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นใส่กระเป๋าให้ได้มากที่สุด คนอื่น ๆ รีบมาช่วยเก็บ เมื่อของทุกอย่างครบแล้วเธอก็เดินเร็ว ๆ ออกไปโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงนินทาและเสียงหัวเราะเบื้องหลัง
มัลฟอยมองตามเฮอร์ไมโอนี่ไปแว่บหนึ่งแล้วเดินไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แครบกับกอยล์มองหน้ากันอย่างงง ๆ ว่าทำไมมัลฟอยจึงไม่หัวเราะ ทั้งที่ความผิดพลาดใด ๆ ของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เป็นเรื่องน่าขำทุกครั้ง
“นั่นอะไรน่ะ” แครบชี้ไปที่ใต้โต๊ะ
นาฬิกาเรือนเงินแสนสวยตกอยู่บนพื้น กอยล์เดินไปเก็บมันขึ้นมาดู
“ยายหัวฟูนั่นทำตกไว้นี่ โชคดีเป็นบ้าเลยแฮะ ยึดซะเลย” ว่าแล้วทั้งสองคนประสานเสียงหัวเราะกันดังลั่น
ไม่มีใครรู้เลยว่า เฮอร์ไมโอนี่เดินกลับมาหานาฬิกาเรือนนั้นทันที่ที่รู้สึกตัว เธอเห็นด้านหลังของกอยล์ไว ๆ - - แต่ที่ชัดเต็มตาก็คือสายนาฬิกาเรือนนั้นที่เธอจำได้แม่นยำ ส่องแสงวิบวับมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของกอยล์
ช้าไปเสียแล้ว…กอยล์ไม่มีทางยอมรับแน่ว่าเอาของ ๆ เธอไป
“เป็นอะไรของเธอน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” รอนถามขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังนั่งทำรายงานอยู่ในห้องสมุดด้วยกัน
“เปล่า” เด็กหญิงรีบตอบ แต่นั่นเป็นคำโกหก เพราะในสมองเธอคิดถึงแต่ว่าทำอย่างไรจะเอานาฬิกาคืนมาได้
“เปล่าก็ดีแล้ว เธอช่วยฉันดูหน่อยสิว่าไอ้คราบงูพิษบูมชะแลงนี่ทำอะไรได้บ้าง” รอนหันหนังสือมาให้เธอดูภาพประกอบในนั้น
เฮอร์ไมโอนี่หยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมากางบ้างเพื่ออ้างอิง
“ได้หลายอย่าง เช่น….น้ำยาสรรพรสไง” เธออ่าน
ทันใดนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่ก็ทำตาโตแล้วร้องเสียงดัง
“น้ำยาสรรพรส! ใช่แล้ว!”
แฮร์รี่ตกใจจนแทบทำขวดหมึกล้มลงบนม้วนกระดาษที่กำลังเขียน รอนอ้าปากค้างแล้วพูด
“ตอบเบา ๆ ก็ได้นี่ ถึงเราจะเคยทำแต่มันก็ลืมกันได้”
เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรต่อ เธอลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะแล้วเก็บข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋าโดยไม่พูดอะไรสักคำ แฮร์รี่กับรอนมองท่าทางของเด็กหญิงด้วยใบหน้างงสุดขีด
“ฉัน….ต้องไปค้นอะไรสักหน่อย เธอสองคนทำกันไปก่อนนะ”
พูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบเดินออกไป รอนมองตามเธอแล้วพูดกับแฮร์รี่
“พูดว่า ‘ค้น’ เหรอ แล้วยายนั่นคิดว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
*****************4*************
การปรุงน้ำยาสรรพรสในครั้งนี้ไม่ยากเท่าครั้งแรก ตอนที่แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ต้องการล้วงความลับจากมัลฟอยตอนปีสอง พวกเขาหาตัวยามาได้อย่างยากลำบากยิ่ง ถึงแม้สเนปจะจับไม่ได้แต่แฮร์รี่มั่นใจว่า สเนปต้องรู้แน่ ๆ
แต่คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่มีหนังสือพืชร้อยชนิดพร้อมตัวอย่างที่เธอเคยได้รับมาจากแม่ม่ายเคนท์เมื่อครั้งที่เธอไปพักแบบโฮมสเตย์ที่บ้านของคุณนาย ถึงแม้ว่าจะจำใจที่ต้องแกะเอาพืชตัวอย่างที่จำเป็นสองสามชนิดออกมาจากหนังสือ แต่มันก็ทำให้เธอได้เครื่องปรุงครบแทบจะในทันที ส่วนเส้นผมของกอยล์นั้น ครุกแชงก์ แมวของเธอก็ช่วยไปหามาได้โดยการแกล้งกระโดดลงบนหัวของกอยล์ขณะที่เขาเดินขึ้นบันได
เฮอร์ไมโอนี่เตรียมส่วนผสมทั้งหมดจนพร้อม เธอโกหกแฮร์รี่กับรอนว่าเธอจะไปเยี่ยมเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญซึ่งเป็นผีเด็กผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในห้องน้ำ - - แฮร์รี่กับรอนปฏิเสธที่จะไปเหยียบที่นั่นอีก ซึ่งก็ตรงกับที่เฮอร์ไมโอนี่หวังไว้
เฮอร์ไมโอนี่เปิดประตูห้องน้ำหญิงเข้าไปก็ได้ยินเสียงเมอร์เทิลกำลังร้องให้อยู่ในห้องน้ำประจำของตัวเองดังเช่นทุกครั้ง
“มาทำไมล่ะ มาแกล้งฉันอีกเหรอ” เธอสะอื้นแล้วมองเฮอร์ไมโอนี่
“เปล่า” เธอตอบทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย แล้วจัดแจงวางของทั้งหมดลงบนพื้น
“ฉันหวังว่าเธอจะมองหน้าฉันเวลาพูดบ้างนะ” เมอร์เทิลพูดด้วยเสียงหดหู่
“ไม่เอาน่าเมอร์เทิล เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ได้คิดว่าเธอน่ารังเกียจ” เฮอร์ไมโอนี่หยิบเครื่องปรุงใส่ลงไปในหม้อ
“ไม่ได้คิดหรือ! ฉันรู้หรอกนะ ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจมาหาฉันหรอก!” ผีเด็กหญิงพูดอย่างรู้ทัน มองควันสีขาวที่ลอยมาจากหม้อยาของเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันเกลียดการโกหกที่สุด” เมอร์เทิลร้องไห้ดังขึ้นอีก
เฮอร์ไมโอนี่ถอนใจ - - อย่างไรเสียเธอก็คงต้องใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ในนี้ น่าจะเป็นมิตรกับ ”เจ้าถิ่น” ซักหน่อย เธอจึงตัดสินใจละสายตาจากหม้อปรุงยาสักครู่
“เมอร์เทิล อย่าคิดมากเลยน่า ฉันไม่ได้โกหกนะ ฉันมาเยี่ยมเธอจริง ๆ”
เธอพยายามทำหน้าให้เหมือนกับว่า เธอรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
“โกหก!” เมอร์เทิลร้อง
“เธอไม่ได้มาหาฉันเพราะคิดถึงหรอก จะมาเยาะเย้ยฉันล่ะสิ!” พูดจบเธอก็ร้องโหยหวนบินกลับไปที่ห้องน้ำส่วนตัวของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ใต้ลงไปในพื้นห้องน้ำ
……………………………
“พักนี้นายว่าเฮอร์ไมโอนี่แปลก ๆ ไปนะ” รอนบอกกับแฮร์รี่ในเช้าวันหนึ่งหลังจากที่เขาสังเกตเธอมาได้ราวสามสัปดาห์แล้ว
“ก็คงไม่มีอะไรมั้ง ฉันเห็นเขาเข้า ๆ ออก ๆ ห้องน้ำเมอร์เทิลอยู่” แฮร์รี่พูด
“ไม่รู้เขานึกยังไงนะ ไปเยี่ยมคนแบบนั้น” รอนพูดทึ่ง ๆ
เฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างที่พวกเขาว่าจริง ๆ - - วันนี้เป็นวันที่น้ำยาสรรพรสพร้อมใช้งานแล้ว เธอรอเวลาหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเธอก็แอบเดินไปห้องน้ำของเมอร์เทิลที่มีน้ำยาสรรพรสอยู่แล้ว
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงเมอร์เทิลร้องฮือ ๆ อยู่ในห้องน้ำส่วนตัว
"มาอีกแล้วเหรอ ฉันไม่ยอมให้แกล้งอีกแล้วนะ ฉันไม่ยอม"
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ แล้วเดินมาที่หม้อปรุงน้ำยาสรรพรสที่เดือดพล่าน เมอร์เทิลลอยออกมาจากรูกุญแจพร้อมกับพูด
"ทำอะไรล่ะ"
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอหย่อนเส้นผมของกอยล์ลงไป แล้วก็เหมือนครั้งแรก - - เกิดเสียงดังฟู่แล้วน้ำยาสรรพรสก็เปลี่ยนเป็นสีดำขุ่น ๆ
"น้ำยานั่นอีกแล้วเหรอ" เมอร์เทิลพูด
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอีก ผีเด็กหญิงร้องไห้โฮ แล้วบินหนีไปพร้อมกับตะโกนว่า"ไม่มีใครสนใจฉัน ๆ!!"
เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาสนใจ - - เธอต้องไปหอสลิธีรินในร่างกอยล์ เพื่อเอานาฬิกาคืนมาให้ได้!
เด็กหญิงเอามือบีบจมูกแล้วยกแก้วน้ำยาสรรพรสสีดำขุ่นนั้นขึ้นดื่มรวดเดียวหมด!!
********************5**************
เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องกรี๊ด เมื่อเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงาในห้องน้ำปรากฏเป็นภาพของกอยล์ - - เด็กผู้ชายร่างยักษ์ที่กำลังเอาสองมือจับหน้าของตัวเอง และอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้า (ซึ่งปกติเธอไม่มีวันได้เห็นท่าทางแบบนี้แน่ ๆ)
“ไม่ได้ ไม่ได้ เรา…เราคือกอยล์” เฮอร์ไมโอนี่สงบสติอารมณ์ หลับตาเตือนตัวเองแล้วพึมพำประโยคนี้ซ้ำ ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของคนที่เธอสวมรอยให้มากที่สุด
จนในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของกอยล์ที่เตรียมไว้มาสวม แล้วก็หยิบขวดยาใบย่อมออกมากรอกน้ำยาสรรพรสลงไปจนหมด - - เธออาจจะต้องใช้อีก
แล้วภารกิจแรกก็เริ่มขึ้น ก่อนอื่น เธอต้องตามหากอยล์ตัวจริงให้พบ เพื่อทำให้เขาสลบไปด้วยยา”ตายทั้งเป็น”ที่เธอแอบนำมาจากคาบเรียนวิชาปรุงยาของสเนป
“มีประโยชน์แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่ในร่างกอยล์พึมพำ หยิบเค้กบลูเบอร์รี่ออกมาแล้วใส่ยาตายทั้งเป็นลงไป
“หวังว่าคงง่ายเหมือนครั้งแฮร์รี่กับรอนทำสำเร็จนะ” ว่าแล้วเด็กหญิงก็เดินออกไปจากห้องน้ำอย่างระแวดระวังที่สุดเพราะกลัวว่าจะเดินไปชนกับตัวจริงเข้า
……………………………
กอยล์นั้นโง่จนเหลือเชื่อ ยิ่งเมื่อเขาแยกกับแครบมาเดินลำพังด้วยแล้วก็ราวกับว่าไม่มีคนช่วยคิดอีกหัว ความจริงเฮอร์ไมโอนี่เคยคิดว่าพวกเขาสองคนอาจจะมีสมองแค่คนละครึ่ง (ถึงต้องมาอยู่ด้วยกันถึงจะคิดอะไรออกสักอย่าง) เขาจึงกินเค้กบลูเบอร์รี่ผสมยานอนหลับที่เฮอร์ไมโอนี่วางไว้ตรงทางเดินหมดในคำเดียว ก่อนจะหลับกลางอากาศล้มลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ
เฮอร์ไมโอนี่ที่ซ่อนตัวอยู่รีบลากเขาไปในห้องเล็ก ๆ ตรงทางเดินห้องหนึ่ง ในร่างของกอยล์นั้น เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลเธอจึงลากกอยล์ไปซ่อนได้อย่างรวดเร็ว
“ทีนี้ก็กลับหอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับตัวเองด้วยเสียงหอบฮัก เธอคิดหาวิธีไปหอนอนของบ้านสลิธีรินซึ่งก็คงต้องอาศัยเด็กคนอื่นไป แต่จะรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าเด็กคนไหน
ขณะที่เธอกำลังยืนกระวนกระวายอยู่ตรงทางเดินนั้น - -
“กอยล์”
กอยล์หรือเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง
“มะ…มัลฟอย” เขานั่นเอง เธอรีบละล่ำละลักพูด เหงื่อท่วมตัว
คิ้วเรียว ๆ ของมัลฟอยขมวดเข้าหากัน เขาหรี่ตาก่อนจะมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า
“เป็นอะไรของแก แล้วแครบไปไหน” เด็กชายถาม
“ไม่รู้” เฮอร์ไมโอนี่ตอบตามจริง มัลฟอยมองไปอีกทางแล้วก็พูดต่อ
“อ้อ ฉันนึกออกแล้ว มันกินมากจนปวดท้อง เลยกลับไปนอนแล้ว แกนี่ลืมได้ยังไงนะ”
หลังจากบ่นแล้วเขาก็เดินนำออกไป
“ตามมาสิ ยืนบื้ออะไรอยู่ได้” มัลฟอยหันมาเรียกเสียงดัง เฮอร์ไมโอนี่ได้สติจึงรีบเดินตามเขาไป
จุดหมายก็คือ ....หอนอนของบ้านสลิธีริน!
****************6**************
เฮอร์ไมโอนี่เดินอย่างกลัว ๆ ตามมัลฟอยเข้าไปในหอนอนของเขา ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะนอนอยู่กับแครบและกอยล์เพราะในห้องมีเตียงใหญ่สามตัววางอยู่ในมุมต่างกัน มีโต๊ะเขียนหนังสือประจำอยู่ข้างเตียงที่มีสี่เสาสูงติดม่านทุกด้านเพื่อความเป็นส่วนตัวทุกเตียง อันที่จริงก็เหมือนบ้านกริฟฟินดอร์ทุกอย่าง เพียงแต่ของตกแต่งและผ้าคลุมเตียงเป็นสีเขียวขลิบเงิน แต่เตียงตัวกลางขาหักทั้งสี่ขาพังพาบอยู่บนพื้น และตรงกลางดูเหมือนจะมีไม้หักทะลุขึ้นมา ผ้าม่านแหว่งไป ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่

เฮอร์ไมโอนี่ในร่างกอยล์เดินไปนั่งเตียงที่ยังสภาพดีตัวหนึ่ง ซึ่งแครบที่นอนหลับอยู่บนเตียงกำลังกรนดังสนั่นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
“แกอาบน้ำหรือยัง” มัลฟอยถามเริ่มถอดเสื้อคลุมสีดำออก
กอยล์หรือที่ถูกคือเฮอร์ไมโอนี่รีบพยักหน้า - - เธอไม่อยากอาบน้ำในร่างของกอยล์หรอก
“ดี” มัลฟอยพูดห้วน ๆ แล้วโยนเสื้อคลุมลงบนเตียงที่เธอนั่งอยู่ พร้อมกับแกะเนคไท
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งรีบหันหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าสีชมพู (ในร่างกอยล์คงน่าเกลียดพิลึก) มัลฟอยขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดเปลี่ยนเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อมัลฟอยปิดประตูห้องน้ำแล้ว เธอก็รีบหานาฬิกาเรือนสำคัญของตัวเองทันที เธอมีเวลาไมมานัก ในใจภาวนาให้มัลฟอยอาบน้ำให้นานที่สุด แต่ถึงจะรีบสักเท่าไรเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องหันไปมองแครบเป็นระยะเพราะกลัวว่าจะทำเสียงดังจนแครบตื่นขึ้นมาถาม - - ถึงตอนนั้น ความต้องแตกแน่
เวลาผ่านไปได้สักพัก นิ้วของเด็กหญิงเริ่มหดกลับเข้าสู่สภาพเดิม เฮอร์ไมโอนี่ร้อนรนหยิบน้ำยาสรรพรสทีเตรียมมาดื่ม
“ทำอะไรของแก กอยล์”
เฮอร์ไมโอนี่แทบสำลัก มัลฟอยยืนอยู่หน้าห้องน้ำ เขาสวมชุดนอนแล้ว และดูเหมือนเพิ่งหยุดขยี้ผมเปียก ๆ ของตัวเองเพื่อถามเธอ ผมสีบลอนด์เป็นกระเซิง ไม่เรียบเหมือนทุกครั้งที่เห็น
“แกะทำอะไรอยู่” เสียงมัลฟอยแข็งขึ้น เขาเดินมาหากอยล์ทันที
“ฉันแอบขโมยของกินมา” เฮอร์ไมโอนี่รีบแก้ตัวแล้วซ่อนขวดน้ำยาสรรพรสไว้ด้านหลัง
“อีกแล้วเหรอ จะกินก็รีบ ๆ กินเข้าแล้วอย่าเอาไปกินบนที่นอนสิ” เขาผละไป
น่าแปลกที่มัลฟอยเชื่อสนิท - - บางทีกอยล์คงแอบเอาของกินขึ้นมากินบนห้องนอนเป็นประจำกระมัง
“ฉัน ฉันกินหมดแล้ว จะนอนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่รีบปลดม่านที่เตียงลง แล้วซ่อนขวดน้ำยาไว้ข้างเตียง ทิ้งตัวลงนอนห่มผ้าทันที - - จะทำยังไงดีเธอออกไปไม่ได้เสียแล้ว
ทันใดนั้นเองหมอนใบหนึ่งถูกโยนเข้ามาบนเตียง เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากค้างเมื่อมัลฟอยแหวกม่านเข้ามา
“อย่ากินที่นักสิแก! ฉันจะนอนด้วยได้ยังไงกัน”
******************7***************
“อะ อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลักถามด้วยใบหน้าซีดขาว
“นาย นายจะนอนกับฉันเหรอ”
มัลฟอยขมวดคิ้วเหมือนสงสัยเหลือเกิน
“ก็ฉันนอนกับแกมาสองคืนแล้วนี่” เขาว่า
“ทำไมไม่ไปนอนเตียงตัวเองล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
เหมือนไปจี้จุดความโกรธเข้า มัลฟอยพูดเสียงดัง
“ก็แกเล่นมวยปล้ำกับแครบจนทำเตียงฉันหักนี่” มัลฟอชี้ เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่าเตียงที่หักพังพาบอยู่นั้นเป็นเตียงของใคร
“งั้นทำไมนายไม่ไปนอนกับแครบล่ะ” เธอเสนออีก
มัลฟอยชี้ไปที่เตียงของคนที่ถูกพูดถึงด้วยสีหน้าขุ่นใจ เฮอร์ไมโอนี่มองตาม เห็นแครบนอนดิ้นหนักจนถีบหมอนลงไปกองกับพื้น ส่วนผ้าห่มก็ขยุกขยิกอยู่ปลายเตียง
“แกก็รู้นี่ว่ามันนอนดิ้นขนาดไหน แล้วเตียงมันก็แข็งบรรลัย!”
เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างหมดหนทาง ตอนนี้ถ้าเธอขอเป็นฝ่ายไปนอนบนพื้นก็คงน่าสงสัยกว่านี้แน่
“นอนซะ! พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแต่เช้า”
มัลฟอยทิ้งตัวลงนอนเหมือนตัดรำคาญ - - คืนนี้กอยล์แปลกไปมาก
“ไม่ ไม่ปิดม่านไม่ได้เหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ต่อรองอีก มัลฟอยหันควับมาทันที
“แกนี่เป็นอะไรของแกนะ!”
“ก็มัน…มันร้อนนี่นา” เด็กหญิงรีบแก้
นั่นไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย สายลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาทางหน้าต่างจนคนพูดฟันกระทบกันดังกึก ๆ ด้วยความหนาว มัลฟอยที่กำลังทำหน้างงสุดขีดอ้าปากจะพูด เฮอร์ไมโอนี่รีบนอนลงทันที
“ฉันพูดเล่น นอนเถอะ นอนก็ได้” เธอรีบนอนหันหลังให้เขาแล้วห่มผ้าทันที มัลฟอยนอนลงบ้าง
เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ และเธอจะนอนหลับไม่ได้เด็ดขาด เพราะต้องตื่นขึ้นมาดื่มน้ำยาสรรพรสทุกชั่วโมงเพื่อไม่ให้คืนร่างเดิม เธอจะต้องไม่หลับ….ถึงหลับก็จะตื่นขึ้นมา….ตื่นขึ้นมา
……………………
มัลฟอยลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่ามดสองสามตัวกำลังรุมกัดแผ่นหลังเขา - - กอยล์มันคงแอบเอาอะไรขึ้นมากินบนเตียงอีกสิเนี่ย มัลฟอยคิดอย่างฉุนจัด เขาอ้าปากจะตวาดปลุกคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ
แล้วเขาก็ชะงักค้าง แทบไม่เชื่อสายตา เพราะที่นอนอยู่ข้างเขาตอนนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่กอยล์!
เด็กผู้หญิงสวมเสื้อตัวใหญ่เกินขนาดของกอยล์กำลังหลับสนิทอยู่แทน มัลฟอยขยี้ตาตัวเองแล้วมองใหม่ให้แน่ใจ ไม่ผิดแน่…ผมเป็นลอนฟูฟ่องอย่างนี้จะมีใครอีกเล่า
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์!
ทำไมยายนี่ถึงมานอนอยู่กับเขาได้ มัลฟอยคิดด้วยความงงสุดขีด แล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าว บางทีเขาอาจจะกำลังฝันอยู่ก็ได้คิดได้แค่นี้ ใบหน้าของเขาก็ร้อนวูบ - - หรือฝันไปกันแน่ - - ใช่ ฝันไปแน่ ๆ ยายนี่ไม่มีทางมานอนที่นี่กับเขาหรอก ไม่มีทางแน่ ๆ! คิดได้แค่นี้ใจเขาก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เอาเถอะ! ฝันไปก็ดีแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ฝันเห็นยายนี่ครั้งแรกนี่นะ มัลฟอยก้มหน้าลงไปหาอีกฝ่ายช้า ๆ
“เกรนเจอร์…” เขาเรียกชื่อเธอก่อนจะจูบอย่างแผ่วเบา
เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวนิดหนึ่ง แต่แล้วก็สะดุ้งโหยง
“มัลฟอย!” เธอแทบจะถีบเขาออกไปเต็มแรง แต่เพราะเขาอยู่ชิดเกินไปเธอจึงทำได้อย่างมากก็แค่ดิ้นขลุกขลัก
“โธ่เอ๊ย! ทำไมในฝันเธอยังขัดขืนฉันอีกนะ!” มัลฟอยพูดเหมือนรำคาญเต็มที เขากดเฮอร์ไมโอนี่ให้อยู่นิ่ง ๆ อย่างโกรธ ๆ ตั้งท่าจะก้มหน้าลงมาอีก
“นายมัน!…” เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูเข้ม เด็กหญิงสูดลมหายใจเต็มปอดพร้อมกับรวบรวมแรงทั้งหมดก่อนจะตะเบ็งเสียง - -
“กรี๊ดดดดด….!!!!”
มัลฟอยกระเด็นออกไปตามแรงผลักจนศรีษะไปโขกกับเสาปลายเตียงข้างหนึ่ง (แต่นั่นไม่ได้ทำให้แครบรู้สึกตัวแม้แต่น้อย) เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นหอบหายใจ โชคดีที่เขาเผลอหรอกถึงเล่นงานได้
“เจ็บ…เจ็บ” เด็กชายครางแล้วเอามือกุมศรีษะ เขาทำท่านึกออก - - เจ็บเหรอ! งั้นนี่ก็ไม่ใช่ฝันน่ะสิ
“เฮ้! เธอต่างหาก มาอยูที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!” มัลฟอยร้อง แล้วจ้องเด็กหญิงเขม็ง
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะมาแก้ตัวได้เลย
“ฉัน…ฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ลิ้นพันกันขึ้นมา
“ไม่ตอบรึ” มัลฟอยหรี่ตาแล้วลุกพรวดขึ้นแหวกม่านไปตะโกน
“แครบ! แกมาดูอะไรนี่สิ!”
“อย่านะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแล้วถลาไปดึงชายเสื้อเขาไว้ เด็กชายหันกลับมาถามเสียงคาดคั้น
“ตอบสิ!”
เฮอร์ไมโอนี่แทบร้องไห้ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอทำอะไรหายไปจนต้องมาหาถึงที่นี่
“เอ่อ…ฉัน…ฉันมาหานาฬิกา กอยล์เอาของฉันมา”
“นาฬิกา” มัลฟอยขมวดคิ้ว
“ที่เธอเคยให้ฉัน…” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาเต็มตา
คราวนี้มัลฟอยหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเสียเอง เขาไม่กล้าสบตาสีน้ำตาลคู่นั้นขึ้นมาดื้อ ๆ ถึงยังไงเขาก็รู้สึกดีที่เธอทำถึงขนาดนี้เพื่อหาของที่เขาเคยให้
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำมันหาย กอยล์เก็บได้ เขารู้ว่าเป็นของฉันแต่ไม่ยอมคืน” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าสำนึกผิดน้ำตาเอ่อคลอ รอคำต่อว่าจากเขา มัลฟอยดูเงอะงะขึ้นทันทีที่เห็นเธอร้องไห้
“xxxบของมันอยู่ใต้เตียง” เขาบอกแล้วลุกขึ้นจากที่นอน แล้วลากxxxบที่ว่าออกมาจากใต้เตียงก่อนจะเปิดออก
ภายในบรรจุทั้งของใช้และของเล่นไร้สาระที่ดูเหมือนจะเป็นของสะสมของกอยล์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอของที่เฮอร์ไมโอนี่หาอยู่เลย
เมื่อเริ่มจะหมดหวังเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่ามีกล่องอีกใบที่ใต้เตียง เธอรีบหยิบออกมาเปิดดูก็พบนาฬิกาเรือนนั้นอยู่ข้างใน
“เจอแล้ว เจอแล้ว!” เด็กหญิงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
มัลฟอยที่ตอนนี้เหงื่อเต็มหน้าและมือดำเพราะสมบัติของกอยล์เป็นเครื่องสะสมฝุ่นชั้นดีถอนใจออกมา แล้วลุกไปล้างมือในห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังพยายามลากxxxบเก็บเข้าที่เดิม แต่มันก็ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย เด็กหญิงหอบฮัก นึกสงสัยว่ามัลฟอยลากมันออกมาได้อย่างไร เด็กชายเดินมาช่วย เขาลากครั้งเดียวมันก็กลับไปอยู่ที่ของมัน เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินไปล้างมือบ้าง พอเดินออกมาก็เห็นมัลฟอยกำลังหยิบเสื้อนอนจากตู้ของตัวเองออกมา
“เปลี่ยนซะ” เขายื่นให้
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วแต่ใบหน้าก็เป็นสีชมพู
“เธอคงไม่คิดจะใส่ชุดใหญ่ยักษ์นั่นทั้งคืนหรอกนะ”
จริงของเขา - - คอเสื้อของแครบตกห้อยลงมา แขนเสื้อยาวพ้นมือออกมาเกือบเท่าตัว ชายเสื้อลากกรุยกรายลงพื้น เฮอร์ไมโอนี่รับเสื้อมาจากมัลฟอยก่อนจะเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ถึงจะตัวใหญ่กว่าเธออยู่ดี แต่ก็ยังเล็กกว่าชุดของกอยล์
เมื่อเด็กหญิงเดินออกมาจากห้องน้ำเธอก็มีสภาพยังดูตลกเหมือนเดิม ขากางเกงของมัลฟอยยาวมากจนต้องพับขึ้นหลายตลบ ส่วนแขนเสื้อนั้นแม้จะยาวพ้นมือไปบ้างแต่เธอก็ปล่อยไว้โดยไม่พับ
มัลฟอยกำลังค้นของในลิ้นชักโต๊ะของตัวเอง - - เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยใบหน้สีชมพู ตอนนี้เธออยู่ในห้องของเขาจริง ๆ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบนโต๊ะของกอยล์
ขวดแก้วใบเล็กบรรจุน้ำยาสีทองแสนสวยวางอยู่ในมุมมืด เฮอร์ไมโอนี่เดินไปหยิบมันขึ้นมาดู แล้วงง ๆ ว่ามันคืออะไรในตอนแรก
น้ำหอมที่เธอเคยเจอในตรอกไดแอกอนกระมัง - - เธอคิด กอยล์ซื้อของพวกนี้ด้วยหรือ แต่กลิ่นหอมหวานชื่นใจของมันนั้นเธอยังจำได้ เฮอร์ไมโอนี่อยากได้กลิ่นมันอีกจึงเปิดฝาขวดแล้วยกสิ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นขวดน้ำหอมนั่นขึ้นชิดจมูก!
*************8****************
“หิวรึเปล่าล่ะ เกรนเจอร์” มัลฟอยถามมา แต่ตายังคงมองหาของในลิ้นชัก แล้วเขาก็หยิบขนมออกมาดู
“ฉันมีกบช็อกโกแลตกับขนมปังที่ซื้อมาจากฮอกส์มี้ด เธอคงเคยกินแล้วมั้ง” เด็กชายพูด
“ถ้าเธอหิว…” มัลฟอยเริ่มขมวดคิ้วแล้วหยุดมือที่ค้นเมื่อรู้สึกว่าเฮอร์ไมโอนี่เงียบไปอย่างผิดสังเกต
เด็กชายหันไปมองอีกฝ่ายแล้วเขาก็ต้องตกตะลึง!
เฮอร์ไมโอนี่ยืนสะลึมสะลืออยู่ไม่ห่าง เธอมองมาที่มัลฟอยด้วยดวงตาปรอย เขาอ้าปากค้างแล้วก็เห็นขวดยาที่เขาจำได้แม่นยำว่าเป็นยาที่เขาเคยฝากให้กอยล์ทิ้งไปตั้งแต่อยูบนรถไฟกลิ้งโค่โล่อยู่บนพื้น
กบช็อกโกแลตหล่นจากมือมัลฟอย เขายังคงตกตะลึงอยู่อย่างนั้นและมองอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างตระหนก
“เธอดม…มันเข้าไปเหรอ!” เด็กชายถามเสียงตื่น
แทนคำตอบ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มหวานให้เขาแล้วเธอก็เดินมาชิดตัวมัลฟอยที่กำลังยืนตาเบิกโพลงทำอะไรไม่ถูกอยู่
สมองของเธอจะว่างเปล่า…
คำพูดของนายไบเจนในวันนั้นดังขึ้นในโสตประสาทของเขาอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้มัลฟอย - - เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน มัลฟอยกัดฟันแน่น ทั้งที่ใจเต้นจนแทบจะระเบิดออกมานอกอก เขามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงยิ้มให้เหมือนรอคอยบางสิ่ง
ถึงตอนนั้นคุณหนูก็เอ่ยชื่อของคุณหนู…
มัลฟอยลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ดวงตาล่องลอยของอีกฝ่ายที่มองมานั้นทำให้เขากลั้นใจทำตามคำพูดของนายไบเจน
“ฉันชื่อเดรกโก เดรโก มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างขึ้นอีก - - ไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้อีกแล้ว!
แล้วบอกกับเธอว่า ‘รัก’ เธอก็จะหลงรักคุณหนู แล้วคุณหนูก็จะสามารถ…
มัลฟอยเม้มริมฝีปากแล้วตัดสินใจพูด
“ฉัน…”
อีกฝ่ายมองเขาอย่างตั้งใจเหมือนรอคอยคำนั้น
“ฉัน…”
***************9***************
แค่พูดว่า ‘รัก’ คุณหนู จะเป็นคำเท็จก็ได้ ไม่ยากเลยสักนิด…
“ฉัน…” มัลฟอยกัดฟันกรอดแล้วส่ายศรีษะ
“ไม่ได้! ฉันใช้วิธีนี้ไม่ได้!” เขาดันตัวเด็กหญิงให้ออกห่าง
เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าราวกับเสียใจอย่างหนัก
“เพราะยาสินะ เธอถึงได้ทำหน้าอย่างนั้น” มัลฟอยพูดเสียงเศร้าแต่ก็มีความรู้สึกเยาะเย้ยตัวเองอยู่ในที - - นั่นสินะ อย่างเขาจะมีหรือจะทำให้เธอมีสีหน้าอย่างนี้ได้
“ตัวฉันเองยังไม่รู้เลยว่าถ้าพูดไปมันจะเป็นคำโกหกหรือเปล่า” เขาจับไหล่สองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ไว้แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“เพราะเธออยู่ใกล้แค่นี้…ต่อให้ต้องโกหกฉันก็คงต้องพูดแน่ ๆ “ เขาปล่อยแขนที่จับเธอไว้ แล้วพูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย
“แต่ฉันไม่อยากโกหก - - ไม่อยากพูดไป….จนกว่าฉันจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วฉันรู้สึกยังไง”
มัลฟอยสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็พาเฮอร์ไมโอนี่ไปนอนที่เตียง เขาห่มผ้าให้เธอ แล้วจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา
“นอนซะ เกรนเจอร์”
เขาปลดม่านปิดให้เฮอร์ไมโอนี่ได้นอน มัลฟอยถอนใจยาวแล้วเดินไปที่เตียงของแครบ แล้วถีบอีกฝ่ายที่นอนหมิ่นจะตกเตียงอยู่แล้วหล่นโครมลงไปนอนกับพื้น - - น่าอัศจรรย์ที่แครบไม่รู้สึกตัวแม้สักนิด กลับหลับสนิทอย่างหน้าตาเฉย
มัลฟอยฝืนข่มตาให้หลับ เขามองไปบนเพดานเตียงแล้วพูดเหมือนคราง
“ฉันน่าจะชั่วร้ายกว่านี้อีกสักนิดนะ เธอคงไม่หลุดมือฉันไปอีกเหมือนคราวนี้หรอก”
………………….
“ตื่น เกรนเจอร์ ตื่นได้แล้ว”
เฮอร์ไมโอนี่ขยี้ตาแล้วบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน - - ไม่อยากลุกเลย ที่นอนนุ่มขนาดนี้
“ตื่นเถอะน่า เราต้องรีบออกไปก่อนที่คนอื่นจะตื่นนะ”
เสียงนั้นดังมาอีก - - เสียงคุ้นจังเลย เสียงเหมือน…เหมือน
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดขึ้น ผ้าม้านรอบเตียงถูกผูกเก็บไว้หมดแล้ว
มัลฟอยกำลังสวมเสื้อคลุมอยู่ เขาชะงักแล้วหันมามองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ ว่าเธอจะเสียงดังไปทำไม
“เกิด เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลักถาม
เด็กชายขมวดคิ้ว - - สงสัยเฮอร์ไมโอนี่จะจำอะไรไม่ได้ เขายิ้มเจ้าเล่ห์นึกในใจว่า น่าจะแกล้งซะให้เข็ด!
“จำไม่ได้เหรอว่าเมื่อคืน…เกิดอะไรขึ้น” มัลฟอยแกล้งถามเสียงยั่ว
ใบหน้าของเด็กหญิงซีดขาวทันที เธอรีบก้มลงสำรวจตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดไปจากเดิม เธอจำได้แต่เพียงว่าเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
มัลฟอยกลั้นหัวเราะพยายามบังคับสีหน้าให้เป็นปกติ อยากจะดูว่าเธอจะทำยังไงต่อไป
“พูดให้ดี ๆ นะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่า…ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“โกรธเหรอ” มัลฟอยเลิกคิ้วถาม
“โกรธเพราะเสียดายที่ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม จนรู้สึกว่าเส้นเลือดในสมองเต้นตุบ ๆ แล้วเธอก็ตะโกนเสียงดัง
“ฉันยังใส่เสื้อผ้าอยู่!”
“ฉันใส่ให้เองแหละ” มัลฟอยโกหกหน้าตาเฉย แล้วไหวไหล่นิดหนึ่งก่อนจะเดินมาชิดเตียงที่เฮอร์ไมโอนี่นี่นั่งอยู่ แล้วก้มหน้าลงมาชิดก่อนจะพูด
“รู้ไหม ใส่มันยากกว่าถอดเยอะ”
เฮอร์ไมโอนี่ง้างมือแล้วฟาดลงมาหมายจะตบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายเต็มแรง มัลฟอยคว้าแขนข้างนั้นไว้ได้แล้วหัวเราะเสียงดัง
“เชื่อด้วยแฮะ! ไม่อยากเชื่อเลย”
เด็กหญิงหยุดอาละวาดทันที ความโล่งใจเข้ามาแทนที่ทำให้เหลือไว้เพียงท่าทางที่โกรธภายนอกเท่านั้น
“ฉันโกหก เธอลื่นล้มหน้าห้องน้ำแล้วก็สลบไป” เขาเล่าเรื่องที่แต่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
“แล้วเธอนอนตรงไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อ
“ข้าง ๆ เธอไง” เขาโกหกอีก
เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขม็งมาด้วยแววตาโมโหจนมัลฟอยยอมแพ้
“นอนเตียงแครบ มันตกเตียงฉันเลยได้นอนแทน” เขาอธิบายแล้วหันมาตัดบท
"ไปล้างหน้าก่อนก็ได้ แต่เร็วหน่อยล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
เฮอร์ไมโอนี่ลุกไปตามที่เขาบอกทันที เมื่อเรียบร้อยแล้วมัลฟอยก็ให้เธอสวมเสื้อคลุมของเขา
"ไปได้แล้ว" เขาหันไปมองแครบที่เริ่มขยับตัว
แสงสีส้มอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์สาดเข้ามาทางหน้าต่างตึกทุกบาน ตามทางเดินว่างเปล่าไม่มีเงาของใครทั้งนั้น นับว่าโชคดีมาก เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าแม้แต่ฟิลช์ก็คงต้องนอนบ้างล่ะน่า
จนในที่สุดทั้งสองก็มาหยุดที่หน้าหอนอนของบ้านกริฟฟินดอร์ สุภาพสตรีอ้วนงัวเงียทัก
"อรุณสวัสดิ์ ฮ้าว…รหัสผ่านล่ะ"
"รอเดี๋ยวนะคะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอจึงหลับต่อ
เด็กหญิงหันมาพูดกับมัลฟอย
"ขอบคุณเธอมากนะ" เธอพูดด้วยแววตาขอบคุณอย่างจริงใจ
มัลฟอยถอนใจหนักแล้วกลอกตาขึ้นบน - - รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าอย่างไม่น่าให้อภัยที่ปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไปอีก
"ทุกอย่างมันจบที่หน้าหอเธอกี่ครั้งแล้วเนี่ย" เขาพูดเหมือนบ่น
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เธอก้มหน้าเหมือนไม่ต้องการให้เขาเห็น - - แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูดล่ะนะ
“เอ้า เอาไป” มัลฟอยยื่นนาฬิกาเรือนเงินของเธอคืนให้ เฮอร์ไมโอนี่รับมาก็รู้สึกว่ามันเป็นเงาวับกว่าเดิม
“ขอบใจมาก” เฮอร์ไมโอนี่บอกแล้วรับมาถือ
มัลฟอยถอนใจหนักอีกครั้งเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วคู่นั้นจ้องมา เขาอยากตะโกนเหลือเกินว่า - - ขอเป็นอย่างอื่นมั่งได้ไม๊!
เฮอร์ไมโอนี่กลั้นหัวเราะ เพราะถึงเขาจะไม่พูดแต่สีหน้าก็บอกออกมาหมดแล้ว
“มัลฟอย” เธอเรียกชื่อเขา
“หือ” เด็กชายกลอกตากลับมา
และไม่ทันตั้งตัว เฮอร์ไมโอนี่ก็เขย่งเท้าขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากกับเขาอย่างแผ่วเบา มัลฟอยถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพูจัด เธอมองเขาแว่บหนึ่งแล้วพูด
“แล้วเจอกันนะ” ว่าจบเธอก็วิ่งเร็วจี๋ ตะโกนรหัสผ่านแล้วก็ปีนข้ามช่องรูปภาพไป
มัลฟอยยืนหัวหมุนอยู่พักใหญ่ถึงได้สติ เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง แล้วพูดเหมือนคราง
“ถ้าวันนี้ฉันเรียนไม่รู้เรื่องล่ะก็ฉันจะโทษเธอนะ”
เด็กชายผมสีบลอนด์คนนั้นหันหลังแล้วเดินกลับไปยังหอนอนอของ ตัวเองอีกครั้ง เมื่อไปถึง แครบตื่นแล้วพร้อมกับบ่นว่าปวดหลังเพราะตกเตียงได้ยังไงก็ไม่รู้
มัลฟอยเดินไปที่เตียงนอนซึ่งเฮอร์ไมโอนี่นอนเมื่อคืนเขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง มองเพดานของที่นอนพร้อมกับได้กลิ่นหอมที่ผิดไปจากเดิมยังคงอยู่ เด็กชายพูดเสียงดัง
“เชอะ! ถ้าไม่ปล่อยไปคงได้มากกว่านี้หรอก!”

The End

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น