วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

In my Dream ของคุณ SaKaNa ค่ะ [ Wraning : R ]

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ
ลิงค์นี้นะค่ะ

ก็ก่อนจะอ่านพิจาณากันนิดนึงนะจ๊ะ จะได้ไม่มีปัญหาที่หลัง ใครที่ไม่ชอบ
หรือายุไม่ถึงกับเกณฑ์ที่จะอ่านได้ก็ข้ามไปเลยเน้อ... เรื่องนี้เป็นฟิคสั้นตอนเดียวจบ แอบมีหื่นด้วย
บริจาคเลือดกันหน่อยแล้วกันหลังจากที่ไม่ได้บริจาคกันมานาน
เอาฟิคเรื่องนี้มาขัดชั่วคราวระหว่างที่ยังต่อ Try To Love ตอนใหม่ไม่เสร็จอ่ะ...

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

อากาศคืนนี้ช่างหนาวเย็นสมกับที่เป็นเดือนธันวาคมจริงๆ หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง
แต่ความเย็นก็ไม่อาจทำให้สองหัวใจที่เติมความอบอุ่นให้กันและกันสามารถรู้สึกหนาวไปได้เลย

“ฉันอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆเลยนะ”
เสียงชายหนุ่มผมสีบอนด์บอกกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวสลวยที่นอนอยู่ภายในอ้อมแขนของเขา
ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าราวกับเด็กแรกเกิด

หญิงสาวเอื้อมือมาลูบใบหน้าอันขาวซีดนั้นเบาๆ ภาพของชายหนุ่มผู้นี้ติดตาเธออยู่เสมอ
เป็นภาพที่เธอคุ้นเคยและไม่เคยหายไปจากใจเธอได้เลย

“ฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเหมือนกันแหละ” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกจากใจ

มัลฟอยจึงค่อยๆก้มลงมาแนบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากสีชมพูที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
ทั้งคู่แลกลมหายใจกันด้วยความรู้สึกอ่อนหวานที่กลั่นออกมาจากจิตใจของแต่ละฝ่าย
เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าการที่พวกเขาอยู่ด้วยกันแม้เพียงระยะเวลาสั้นๆก็ทำให้เกิดความสุขได้มากมายแค่ไห
น จากจูบที่อ่อนหวานในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องครางประท้วงออกมา

มือของมัลฟอยเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ค่อยๆสำรวจไปทั่วร่างกายอันแบบบางนั้นอีกครั้ง
แม้ว่ามันจะได้สำรวจมาแล้วจนสามารถรู้จักร่างกายอันแบบบางนี้เหมือนกับร่างกายตัวเอง
แต่เขาก็ไม่เคยเบื่อที่จะได้สัมผัสเธอเลย

เมื่อฝ่ามือเขาเข้าไปโอบล้อมหน้าอกอันอ่อนนุ่ม แล้วค่อยเริ่มขยับมือเป็นจังหวะ
ก่อนที่จะเพิ่มความแรงของน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หยัดตัวขึ้นมารับกับสัมผัสเขา
ส่วนฝ่ามือของเธอก็ลูบอยู่บริเวณท้ายทอยของเขาอย่างเพลิดเพลิน

เมื่อมัลฟอยปล่อยริมฝีปากสีชมพูให้เป็นอิสระ เสียงร้องครวญครางก็ลอดออกมาทันที
แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาว่างได้นาน เขาค่อยๆไล้มันลงมาเรื่อยๆตามลำคออันระหง
จนถึงแอ่งชีพจรซบนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งกวาดลิ้นไปยังจุดชีพจรที่เขารู้ดีว่าเป็นบริเวณที่ทำให้เฮอร์ไม
โอนี่ตัวอ่อนมากที่สุด และมันก็ยังคงเป็นอย่างนั้นด้วย
เพราะตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ไร้เรี่ยวแรงที่จะทัดทานเขาไว้ แต่ถึงเธอมีแรงขึ้นมาตอนนี้
เธอก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะห้ามเขาหรือไม่....

พอละจากซอกคอ ริมฝีปากของเขาก็ขยับลงมาจนพบกับหน้าอกอันอ่อนนุ่ม ซึ่งตอนนี้มือของเขาได้ละออกไป
เพื่อปล่อยให้เป็นหน้าที่ของริมฝีปากแทน มัลฟอยไร้ริมฝีปากไปรอบๆฐาน พร้อมกับขบมันเบาๆ

“อ๊ะ”

เสียงครวญครางลอดออกมาริมฝีปากสีชมพู ทำให้มัลฟอยยิ้มออกมาบางๆ
ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปทำอีกข้างอย่างเท่าเทียมกัน แต่เขาก็ยังไม่ยอมชิมริมที่ปลายยอดสีทับทิมนั้นสักที
จนเฮอร์ไมโอนี่ต้องครางออกมาอย่างทนไม่ไหว

“อ๊ะ...เดรโก....”

“ทำไมจ๊ะ”

“ทรมาน...อ๊า”

ระหว่างที่ตอบเธอริมฝีปากของเขายังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ ส่วนฝ่ามือก็เคลื่อนไปยังทางที่มันควรจะเป็น
ไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายสาวแรกรุ่นที่มีทรวงทรงงดงามราวกับรูปปั้นของเทพีแห่งความงามในสายตาข
องเขา แล้ววนเวียอยู่บริเวณหนน้าท้องอันแบนราบ

เฮอร์ไมโอนี่เริ่มดิ้นอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
ฝ่ามือของเธอกดไปที่แผ่นหลังของเขาราวกับว่าจะให้เขานั้นเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอในวินาทีนั้น
แต่มัลฟอยยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาอยากให้เธอรู้สึกต้องการเขามากกว่านั้นอีก
ส่วนตัวเขานั้นต้องการเธอมากกว่าสิ่งใดทั้งนั้นอยู่แล้ว

เมื่อริมฝีปากของเขาควาญมาพบกับยอดถันสีทับทิม เขาก็ดูดดื่มมันราวกับกำลังทารกดูดน้ำนมของมารดา
ทั้งดูดทั้งขบ ส่วนฝ่ามือก็วนไล้ไปตามสีข้างจนต่ำลงไปเรื่อยๆ ไล้อยู่บริเวณแถวขาอ่อนด้านใน
ก่อนที่มันจะแสวงหาจุดที่ร้อนระอุบริเวณกลางลำตัวของเธอ

เฮอร์ไมโอนี่ทรมานจนสุดที่จะทนได้ เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมปล่อยเสียงร้องออกมามากกว่านี้

“จะเก็บกดมันไว้ทำไมจ๊ะ...เสียงของเธอไพเราะมาก....ร้องออกมาเถอะ”

แล้วมัลฟอยก็เริ่มรุกล้ำภายในตัวเธอด้วยปลายนิ้วอันเรียวยาวของเขา
คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ปล่อยเสียงร้องออกมาเพราะเกินที่เธอจะทนไหวแล้ว

“อ๊ะ....อ๊า”

“อืมม..นั่นแหละเฮอร์ไมโอนี่”

เสียงร้องของหญิงสาวปลุกให้ชายหนุ่มรู้สึกอยากสัมผัสให้มากขึ้น ร่างกายเขาก็เร่าร้อนมากขึ้นด้วย
และเขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่จะทำให้เขาเย็นลงได้นั้นก็มีแต่ร่างอันขาวโพลนที่อยู่เบื้องหน้าเขาเท่านั้น

ยิ่งมัลฟอยเพิ่มการรุกล้ำปลายนิ้วของเขามากขึ้นเท่าไหร่ เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ่งเริ่มดิ้นมากขึ้นเท่านั้น
จนเขาละริมฝีปากจากยอดถันทั้งสองข้าง ลงมาตามทางที่ปลายนิ้วได้เคลื่อนผ่านไปแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเสียดายความอบอุ่นที่ล้อมรอบปลายถันเธออยู่ แต่เธอก็รู้สึกเสียดายได้เพียงไม่นาน
ริมฝีปากคู่สวยที่เคยพูดจาถากถางคนอื่นก็เข้าครอบครองบริเวณกลางลำตัวของเออย่างหมดสิ้น
เขากวาดปลายลิ้นไปทั่ว เพื่อที่จะชิมร่างกายเธออย่างเต็มที่
ไม่มีส่วนไหนของเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่สัมผัสกับริมฝีปากของมัลฟอย

ยิ่งมัลฟอยให้ปลายลิ้นรุกล้ำไปในส่วนลึกของร่างกาย หญิงสาวก็ไม่ได้ถอยหนี แต่เธอกลับแอ่นลำตัวเธอขึ้น
เพื่อให้เขาสามารถเข้าไปสำรวจได้ลึกยิ่งขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างมีสติที่พล่าเลือนเต็มที่ว่าลิ้นของมัลฟอยนั้นทำให้เธอเร่าร้อนราวกับจะลอมละลายด้วย
ปลายลิ้นของเขา ยามที่มันผ่านไปสำรวจรอบๆตัวเธอ

พอมัลฟอยผละออกจากบริเวณนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ครางออกมาด้วยความเสียดายทันที
แต่เสียงที่ตามมามันตรงข้างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมันเป็นเสียงครางด้วยความรัญจวนใจอย่างมาก
เพราะพอเขาถอนปลายลิ้นออกมา สิ่งที่เขาไปสำรวจแทนคือร่างกายอันกำยำที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่
มัลฟอยเคลื่อนที่เข้าไปด้วยความเร็วแล้วหยุดนิ่งสักพักเพื่อที่จะให้เธอได้ปรับตัวให้เข้ากับเขา
เขารู้สึกว่าวันนี้เฮอร์ไมโอนี่มีอารมณ์ต้องการเขามากเหลือเกิน
เพราะในร่างกายเธอนั้นกำลังตอดเขาอย่างที่ควบคุมไม่ได้
จนทำให้เขารู้สึกอยากที่จะระเบิดความรู้สึกออกมาในวินาทีนั้น

พอมัลฟอยเริ่มขยับตัว เฮอร์ไมโอนี่ก็เคลื่อนตัวตามจังหวะของเขา
จังหวะของทั้งสองคนสอดคล้องกันอย่างพอดิบพอดี
อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกภายในที่ต้องอดกลั้นกับการที่ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่
และก็ความคุ้นเคยกับการบรรเลงจังหวะแบบนี้มาหลายครั้งหลายครา

พอมัลฟอยรุกเข้าไป เฮอร์ไมโอนี่ก็หยัดตัวเองรับการรุกของเขาอย่างเต็มที่
อย่าว่าแต่เฮอร์ไมโอนี่เลยที่มีอารมณ์จนมัลฟอยรู้สึกได้ ตัวมัลฟอยเองก็เหมือนกัน
ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงราวกับว่าจะสัมผัสให้ถึงส่วนลึกของร่างกายและจิตใจของเ
ธอให้ได้

เมื่อได้บรรเลงมาจนกระทั่งจะจบเพลง มัลฟอยก็ยิ่งเพิ่มความเร็วและความแรงมากขึ้น
แต่เฮอร์ไมโอนี่เองก็สามารถรับกับท่วงทำนองรุนแรงของเขาได้อย่างลงตัว
จนกระทั่งหญิงสาวเกร็งไปทั้งร่างและร่ายกายเธอก็ตอดรัดเขาอย่างเต็มที่ ทำให้มัลฟอยต้องปล่อยของเหลวอุ่นๆ
เข้าไปในตัวเธอด้วยเหมือนกัน

บทเพลงรักในคืนนี้ของทั้งคู่ได้จบลงเป็นรอบที่สอง
แต่ทั้งสองก็ยังรู้สึกเหมือนยังไม่อยากที่จะให้มันจบลงเลย ความอื่มเอมในรสสัมผัสยังคงอบอวนอยู่รอบตัว
ความเหน็บหนาวที่เกิดขึ้นก็มิได้สัมผัสถึงร่างกายที่ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้

“เฮอร์ไมโอนี่..พรุ่งนี้เธอว่างไหม”

“ทำไมเหรอเดรโก”

“เอ่อ..คือว่า” มัลฟอยมีสีหน้าซับเลือดขึ้นมาทันที ก็เขาเคยเธอไปเดทซะเมื่อไหร่ล่ะ
ทั้งๆที่เขากับเฮอร์ไมโอนี่ก็คบกันมาตั้งนานแล้ว แต่อย่างว่าแหละ จะทำอะไรมากก็ไม่ได้
เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องของพวกเขาสองคน

“ว่าอะไรเหรอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่เอียงหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย

“ไปนั่งเล่นที่ริมทะเลสาบกัน” มัลฟอยกลั้นใจพูดออกมาจนได้

“ไปสิ...แค่นี้เอง” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้เขา เธอรู้แล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงอ้ำอึ้ง เพราะจะให้คนอย่างเดรโก
มัลฟอยมาชวนสาวที่ไหนไปเดทคงไม่มีทางง่ายๆ

มัลฟอยจึงก้มลงมาจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา เพื่อเป็นการขอบคุณ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

‘ทำไมฉันถึงรักผู้หญิงคนนี้มากอย่างนี้นะ’

- - วันรุ่งขึ้น - -

เฮอร์ไมโอนี่ออกมารอเค้าตั้งแต่ 9 โมงเช้า
เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงมีนักเรียนบางส่วนออกมาบริเวณสนาม แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น
เพราะอากาศที่หนาวเหน็บอย่างนี้ใครๆก็อยากอยู่แต่ภายในห้องนั่งเล่นรวมที่มีเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นอย่า
งเต็มที่

ที่เฮอร์ไมโอนี่ออกมาก่อนเวลานัดตั้ง 1 ชั่วโมง เพราะว่าเธอไม่อยากให้รอนกับแฮร์รี่เห็นนั่นเอง
เธอเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้สองคนนั้นทราบว่าเธอจะไปที่ห้องสมุด
เธอรู้ดีว่าทั้งแฮร์รี่และรอนคงไม่ตามเธอไปแน่ๆ

พออกจากหอกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่ก็แวะไปที่หาด๊อบบี้เพื่อขออาหารและขนมนิดหน่อย
จะได้รู้สึกว่าเหมือนไปพักผ่อนจริงๆ
แต่ด๊อบบี้และเพื่อนๆก็ยังยัดเยียดขนมมาให้เธออย่างมากมายราวกับว่าเธอจะเอาไปเลี้ยงเด็กกริฟฟินดอร์ทั้งห
มด ทั้งๆที่เธอก็บอกว่าจะเอาไปทานแค่ 2 คนเท่านั้น

ตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่มานั่งรออยู่ใต้ต้นบีชอันเป็นที่ประจำของเขาเธอ
เพราะมันเป็นบริเวณที่สงบและมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งคนอื่นจะมองมาไม่เห็นว่ามีคนอยู่บริเวณนี้
แต่คนที่เข้ามาอยู่ตรงนี้จะมองเห็นได้ว่าจะมีใครเดินเข้ามาใกล้หรือไม่
ทำให้สามารถระวังไปได้ในตัวว่าจะไม่มีใครพบเห็นพวกเขา

ในมือเฮอร์ไมโอนี่ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่งแต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะอ่านมันมากนัก
เธอกำลังคิดถึงชายหนุ่มผมสีบอนด์ที่ชอบทำท่าดูถูกคนอื่นอยู่ แต่กับตัวเธอนั้น
เขาอ่อนโยนกับเธอและสามารถสนุกสนานกับเธอไปได้ตลอดเวลา
ทั้งๆที่อาการแบบนี้จะค้นหาไม่พบเลยในบุคลิกภายนอกของเขา

มัลฟอยย่องเงียบๆเข้ามาทางด้านหลังซึ่งมีเพียงเขากับเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้นที่รู้ทางนี้
ความจริงเขาออกมาตั้งนานแล้วแต่แกะยัยแพนซี่ไม่หลุดเลย ยัยนั่นตามติดตลอดเวลา
จนเขาต้องบอกว่าอยากได้หนังสือมาทำการบ้านแพนซี่จึงรีบไปห้องสมุดเพื่อยืมมาให้
ทำให้มัลฟอยรีบเผ่นออกมาทันที

เมื่อเห็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวสลวยนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
ทำให้เขาอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่นะถึงดูท่าทางมีความสุขขนาดนั้น

มัลฟอยย่องมาโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง
ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังเหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งออกมาสุดตัวและกำลังที่จะเหวี่ยงข้อศอกออกไปตามสัญชาตญา

แต่มัลฟอยก็พอรู้กับอาการนี้เขาจึงรีบรวบตัวเธอไว้แน่นพร้อมกับก้มลงมาหอมแก้มอันเนียนใสที่ตอนนี้อมชมพูเ
พราะความหนาวของอากาศในเดือนธันวาคม

“ใจเย็นๆสิจ๊ะ..ชั้นเอง เธอนี่มือไวจริงๆนะ”

“อย่าเล่นอย่างนี้สิเดรโก ระวังจะจุกเอาได้นะ ฉันตกใจหมด”

“โอ๋...ขวัญมานะจ๊ะ มานี่เดี๋ยวปลอบให้”

แล้วเขาก็อุ้มเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมานั่งบนตักเขา ก่อนที่จะโยกตัวเบาๆเหมือนกล่อมเด็ก

“ฉันไม่ใช่เด็กนะเดรโก...ไม่ต้องให้นั่งอย่างนี้ก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่พยายามที่จะถอยตัวลงจากตักเขา

“โอเค..ไม่ใช่เด็กใช่ไหม งั้นแบบนี้ก็ได้”

มัลฟอยก้มลงมาประทับริมฝีปากเขาด้วยความรวดเร็วก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะกล่าวอะไรออกมา
คำพูดทั้งหมดของเธอถูกกลืนเข้าไปริมฝีปากคู่สวย ตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ก็จะขัดขืนเขา
แต่พอโดนจูบที่เว้วอนเข้าไปก็ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ในความคิดก็คือริมฝีปากอันอบอุ่นและอ่อนหวานคู่นี้เท่านั้น

พอมัลฟอยถอนริมฝีปากออก เฮอร์ไมโอนี่ก็เลยซุกอกเขาเพื่อหาความอบอุ่น
ซึ่งมัลฟอยก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับอาการของเธอ
ทั้งคู่นั่งกันอยู่เงียบๆอย่างนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่ก็สามารถสื่อถึงกันได้ทางใจ
ขอเพียงความสุขเล็กๆน้อยๆแค่นี้เท่านั้นพอเขาก็พอใจมากแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามเขา

“ทานอะไรมาหรือยังเดรโก”

“ยังเลย” แล้วมัลฟอยก็มองไปข้างๆตัวที่มีตระกร้าใบใหญ่วางอยู่ ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจกับมันเลย
“อืมม...เอาของกินมาด้วยเหรอ”

“ใช่แล้ว...ฉันให้ด๊อบบี้หยิบมาให้นะ เธอกินอะไรสักหน่อยนะ”

แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบแซนวิสไส้แฮมออกมาให้เขา พร้อมกับรินน้ำฟักทองจากกระติกออกมาวางไว้ข้างๆด้วย
จากนั้นเธอก็เริ่มหยิบผลไม้มาเรียงไว้ในจานใบเล็กๆ ที่ด๊อบบี้จัดมาให้เธอ
แล้วค่อยๆปอกแอปเปิ้ลใส่จานไว้ให้

เมื่อมัลฟอยกินแซนวิสหมด เขาก็หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาชิ้นหนึ่ง พร้อมกับป้อนไปให้เธอ
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจ
พอเห็นเขากำลังมองอยู่ด้วยสายตาที่แสดงความตั้งใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจึงกัดแอปเปิ้ลนั้นนิดหนึ่ง
แล้วมัลฟอยก็รับไปกินต่อเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เพียงแค่นี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ปลื้มใจจนไม่สามารถอธิบายมาได้

เมื่อทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วมัลฟอยก็เอนตัวลงบนตักของเฮอร์ไมโอนี่

“ขอนอนหน่อยนะ เมื่อคืนเพลียจังเลย”

เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาทันที ก็ใช่น่ะสิทำไมจะไม่เพลียล่ะ ก็เมื่อคืนชวนเธอบรรเลงเพลงรักตั้งหลายรอบ
แล้วมัลฟอยก็หลับไปอย่างง่ายดาย

ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะแสงแดดส่องมาที่บริเวณใบหน้าของเขา
เพื่อจะบอกว่าเป็นเวลาเช้าของวันใหม่ที่เขาจะต้องตื่นมาพบกับความจริงได้แล้ว

มัลฟอยลุกขึ้นมานั่งอยู่ริมเตียง พร้อมทั้งห้อยเท้าลงกับพื้นแล้วคิดถึงความฝันเมื่อคืน
มันช่างเป็นฝันที่แสนหวานกับเขาจริงๆเลย เขาไม่อยากให้เช้าเลย อยากให้เวลานั้นยืดออกไปอีกนานเท่านาน
ไม่อยากที่จะตื่นมาเจอใคร ถ้าเขาทำได้เขาอยากที่จะหลับอยู่อย่างนั้นตลอดไป
ดีกว่าจะตื่นมาเจอความจริงที่เขาไม่ต้องการ ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นแค่ความฝันที่เขาหลอกตัวเองเท่านั้น
ระหว่างเขากับเธอนั้นมันเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คิดแล้วมัลฟอยก็เจ็บอยู่ลึกๆ
เขาไม่สามารถบอกใครถึงความรู้สึกนี้ได้เลย

‘ทำไมต้องเป็นเธอนะเกรนเจอร์...ฉันจะต้องทรมานกับความฝันของตัวเองไปนานเท่าไหร่
ความฝันของฉันไม่มีทางเป็นจริงได้เลยใช่ไหม’

แล้วมัลฟอยก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับความจริงต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น