วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

JE TE VEUX ....ต้องการคุณ(23-24)

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้แต่งเองนะค่ะ นำมาจาบอร์ดตัวกวน
ลิงค์นี้นะค่ะ
http://www.212cafe.com/board/group/group_id/138/forumId/276/page/1

Chapter 23 : สับสน
ปกติแล้วมัลฟอยเป็นผู้ชายที่มีความอดทนต่ำที่สุดในประชากรเพศชายทั้งโลก เขาไม่สามารถทนต่อความลำบากต่างๆ ได้ เขาชื่นชอบความสะดวกสบาย เช่น ที่นอนยัดขนเป็นนุ่มนิ่ม ผ้าเช็ดตัวเนื้อละเอียดจากอียิปต์ แต่ในเวลานี้เขากลับพอใจกับการนั่งอยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นๆ แข็งๆ พิงหลังกับกำแพงเนื้อหยาบ และฟุบหน้าลงบนต้นแขนที่วางอยู่บนเข่าที่ตั้งชัน และเขาเพลิดเพลินอย่างทุกข์ทนอยู่กับมันมาตลอดทั้งวัน
มัลฟอยไม่สนใจเวลา เขาลนลานออกมาจากบานประตูที่เขากำลังนั่งเฝ้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด รับรู้อย่างปวดร้าวว่าเบื้องหลังบานประตูนี้ผู้หญิงที่ครอบงำชีวิตเขากำลังร้องไห้ทุกข์ทรมานเพราะเขา และเธอได้เพิ่มความเกลียดชังที่มีต่อเขาตลอดทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไป เขาไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่ได้ปลอบโยนเธอ อ้อนวอนเธอ และกอดเธอ เขาควรจะทำอะไรอื่นดี ดังนั้นเขาจึงนั่งเฝ้าอยู่ตรงทางเดิน รอให้เธอมอบโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
เมื่อพิจารณาจากแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบ้าน เขาคิดว่าขณะนี้เป็นเวลาเกือบจะเย็นแล้ว และเขาคิดอย่างห่วงใยว่าเฮอร์ไมโอนี่อาจจะหิว ไม่ว่าเธอจะโกรธเกลียดเขาอย่างไร เธอก็ต้องการอาหาร ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากท่อนแขน และเขาก็เห็นท่อนขาในกางเกงผ้าสแล็คสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นสีของเครื่องแบบคนรับใช้
เมอร์ซิเออร์จะย้ายที่หรือยังครับเฟเดอริคบิดมือในถุงมือสีขาวแน่นอย่างกระวนกระวาย มัลฟอยแหงนศีรษะขึ้นมองใบหน้ายับย่นของชายชรา ก่อนจะก้มหน้าลงเช่นเดิม
ฉันสั่งให้ทุกคนออกจากบ้านไม่ใช่หรือ เฟเดอริคมัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และโดยไม่ต้องมองเขารู้ว่าพ่อบ้านที่น่าสงสารสะดุ้งอย่างตื่นตระหนก
เอ่อ... คือ... คือผมจะไปครับ แต่... แต่ผมบังเอิญได้ยินเมอร์ซิเออร์กับมาดามทะเลาะกัน แล้วก็เห็นเมอร์ซิเออร์นั่งอยู่ตรงนี้... คือผม... ผมเป็นห่วงน่ะครับ
หึ ! ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก เฟเดอริค ทีหลังถ้าฉันสั่งอะไรก็ทำอย่างนั้น เข้าใจมั้ย
คะ... ครับเฟอเดอริครับคำสั่งอย่างตื่นตระหนกแล้วทำท่าจะผละจากไปอย่างเร่งรีบ แต่มัลฟอยเรียกเขาไว้ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
เฟเดอริค
ครับ !พ่อบ้านชราหยุดกึกแล้วยืนตัวตรงราวกับทหาร
ฉันอยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ
ครับ... เมอร์ซิเออร์ต้องการเหล้าหรือไวน์ใช่มั้ยครับ
ไม่ใช่ เฟเดอริคมัลฟอยส่ายหน้าแล้วย้อนนึกถึงเมื่อสองปีก่อนที่เขามาเยี่ยมคฤหาสน์ แล้วตัดสินใจจะนั่งปักหลักในสวนองุ่นตลอดทั้งคืนโดยสั่งให้เฟเดอริคนำไวน์ที่ดีที่สุดออกมา นั่นคงทำให้เฟเดอริคจำฝังใจว่าเมื่อเขาเกิดตัดสินอยากจะนั่งปักหลักในที่แปลกๆ นั่นหมายความว่าเขาอยากจะเมา
นายช่วยจัดถาดอาหารสำหรับคุณผู้หญิงที แล้วจากนั้นนายก็ออกไปได้ ฉันไม่อยากละทิ้งที่ตรงนี้แต่ก็ไม่อยากให้เธออดอาหาร
ได้ครับ ถาดอาหารสำหรับเมอร์ซิเออร์ด้วยมั้ยครับ
มัลฟอยส่ายหน้า ไม่ต้อง ฉันอยากลงโทษตัวเองนิดหน่อย
เฟเดอริคคงจะมีท่าทางงุนงง แต่เขาก็จากไปทำหน้าที่โดยไม่ได้ซักถามอะไร มัลฟอยแหงนศีรษะไปด้านหลังพิงกับผนังแล้วถอนหายใจ พลางนึกใคร่ครวญถึงคำพูดตัวเอง ถูกแล้ว... ในเวลานี้เขากำลังอยากลงโทษตัวเองจริงๆ เพราะหากเธอยังคงทุกข์ทรมาน เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองอยู่ดีมีความสุขไปได้
เขาล้วงกระเป๋ากางเกง... ควักเอาพวงกุญแจหนาหนักออกมา มันมีกุญแจของทุกห้องในคฤหาสน์แห่งนี้ และถ้าเขาอยากจะเข้าไปในห้องที่เธออยู่ เขาก็สามารถเขาไปได้อย่างง่ายดาย แต่มัลฟอยกำลังรออะไรบางอย่าง บางอย่างที่ใกล้เคียงกับความไว้วางใจ
เขาอยากให้เธอเปิดประตูให้เขา
แต่ในเมื่อเธอไม่เมตตาเขาขนาดนั้น บางทีเขาน่าจะมีข้ออ้างดีๆ ที่จะพาเขาเข้าไปในห้องนั้นได้ อย่างเช่นถาดอาหารสักถาด
นี่เขาสิ้นหวังขนาดนี้แล้วหรือนี่ ?

เฮอร์ไมโอนี่เลิกล้มความตั้งใจที่จะร้องไห้จนกระทั่งร่างกายสูญเสียน้ำจนตาย ดังนั้นเธอจึงนอนตะแคงคุดคู้อยู่บนเตียง ศีรษะซบอยู่บนท่อนแขนต่างหมอน และดวงตาที่แห้งเหือดของเธอมีแววเลื่อนลอย
ตอนนี้ความกลัวแบบบ้าคลั่งที่ครอบงำเธอเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงความอดสูและสมเพชตัวเองที่กรีดร้องราวกับคนบ้า และกลัวชายชั่วคนนั้น เธอจำได้ว่าเธอเคยเข้มแข็งกว่านี้ เธอเคยใช้ไม้กายสิทธิ์จ่ออยู่ที่ปลายจมูกของชายสารเลวคนนั้นและทำให้เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ในวันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายที่ตัวสั่นงันงก
เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเหตุใดเธอจึงกลายเป็นคนขี้แพ้เช่นนี้ เหตุใดเธอจึงมัวซุกหลบอยู่ใต้เงาของความพ่ายแพ้และกลายเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา... ปัญหาซึ่งมาในรูปแบบของชายที่ไร้ศีลธรรมจรรยาและบ้าตัณหา เธอทนมามากพอแล้ว ทั้งที่เธอไม่รู้เลยว่าเธอทนเพื่ออะไร เวอร์นอนงั้นหรือ ? ให้ลุงชั่วช้าของเธอไปเน่าตายที่ไหนก็เชิญ เธอไม่สนใจแล้ว ส่วนเรื่องของบริษัท ในเมื่อคนชั่วนั่นยื่นข้อเสนอให้เธอ เธอก็จะไม่ต่อรอง ปล่อยให้เขาเอามันไปได้เลย พ่อกับแม่ของเธอคงจะภูมิใจที่เธอยอมเสียบริษัทนั้นไปเพื่อแลกกับการไม่ต้องทนเป็นโสเภณีไร้ค่าให้คนชั่วนั่นระบายความใคร่
เสียงประตูค่อยๆ เปิดออก เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ที่ประตูแต่เธอไม่คิดที่จะให้ความสนใจ แต่เธอรู้ว่ามัลฟอยกำลังหยั่งเชิงรอดูปฏิกิริยาของเธอ แต่เธอปล่อยให้ความเงียบยืดยาวออกไป
เขาถือวิสาสะเอาว่าการนิ่งเงียบเป็นการอนุญาต เขาเดินเข้ามาในห้องช้าๆ และเธอรู้สึกได้ว่าสายตาของเขากวาดมองตามร่างของเธอ เธอได้ยินเสียงเขาหายใจ และมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ร่างกายของเธอจะเป็นที่พิศมัยของเขาหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวล และถ้าเขาไม่ชอบกับสิ่งที่เห็นก็ให้เขาไปตายได้เลย
เขานั่งลงที่ขอบเตียง เธอไม่ได้มองเขาแต่พอรู้ได้ว่าเขาถือถาดอาหารเข้ามาด้วย ทันใดนั้นท้องของเธอก็ร้องโหยหาสิ่งเติมเต็มทันที เฮอร์ไมโอนีภาวนาให้เขาไม่ได้ยิน
ผม...เขาเริ่มอย่างตะกุกตะกัก ผมเอาอาหารมาให้ตุณ
แล้วมือของเขาก็เลื่อนมาที่ใบหน้าของเธอช้าๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเขากำลังจะปัดผมที่ตกลงมารุ่ยร่ายปกตลุมใบหน้าของเธอ เธอรีบปัดผมนั้นไปทัดไว้ที่หูก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสเธอ
เกิดความเงียบขึ้นอีก แต่ก็ไม่นาน เขาวางถาดอาหารบนเตียง... ตรงหน้าของเธอ
แล้วใครจะปฏิเสธเนยแข็งฝรั่งเศสของแท้กับขมปังอุ่นๆ และพายเนื้อหอมหวนในยามที่ท้องหิวได้
เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และบังเอิญเหลือบมองใบหน้าที่สว่างไสวที่ถูกจุดด้วยรอยยิ้มกว้างแบบเด็กๆ เธอแอบประหลาดใจที่เห็นเขายิ้มอย่างเปิดเผยเช่นนั้น แต่ก็หมดความสนใจเมื่อคิดได้ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเธออีกต่อไป
เธอยอมให้มัลฟอยช่วยประคองเธอลุกขึ้นนั่งเพราะเธอไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นได้ด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็เลื่อนถาดอาหารเข้ามาใกล้เธอ เธอเริ่มกินขนมปังในขณะที่เขาใช้มีดและส้อมตัดพายให้เธอเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปวางลงในจาน
เขาเหลือบมองเธอบ่อยครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงกินอาหารต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจเขา
เขาจับจ้องเธออยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเว้าวอน เฮอร์ไมโอนี่... ผมอยากจะขอโทษสำหรับเหตุการณ์เมื่อครู่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมรู้ว่าผมทำไม่ดีกับคุณไว้เยอะมาก ผมเสียใจ
น้ำเสียงของเขาฟังดูสำนึกผิดจริงๆ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เชื่อว่าคนบาปจะสำนึกในบาปที่พวกเขาทำได้ เธอไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น ... หรืออาจจะไม่ได้ใสซื่อแบบนั้นอีกแล้ว
ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก
แต่ถึงยังไงผมก็อยากให้คุณรู้ และอยากให้คุณรู้ด้วยว่านับจากนี้ไปผมจะทำทุกอย่างเพื่อเป็นการชดเชยการกระทำที่เลวร้ายในอดีตของผม
ที่เธอข่มขืนฉันน่ะเหรอ
เขาผงะ เฮอร์ไมโอนี่ !เขาร้องราวกับตกใจที่ได้ยินมันกับหูของตัวเอง... จากปากของเฮอร์ไมโอนี่ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาได้ทำสิ่งนั้นลงไปจริงๆ และพยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงมัน
เขายังมีท่าทางตกใจอยู่ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงกินต่อไปเรื่อยๆ แต่เธอเป็นฝ่ายที่ทนความเงียบไม่ได้ เมื่อเธอใช้ผ้าเช็ดปากซับมุมปากเสร็จแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
ฉันไม่สนใจเรื่องในอดีตอีกแล้ว ปล่อยให้มันผ่านไปซะเถอะ อย่าพูดถึงมันอีกเลยเธอพูดอย่างสงบ
มัลฟอยค่อยๆ มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เขาพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้เธออย่างขอบคุณ เฮอร์ไมโอนี่จึงก้มหน้าลงจัดการอาหารต่อ
แต่ในขณะที่เขากำลังบิเนยแข็งชิ้นเล็กๆ แล้วส่งให้เธอ เธอก็ถามว่า
เราจะกลับกันเมื่อไร
มัลฟอยยิ้มแล้วเอนกายไปข้างหลังโดยใช้แขนรองน้ำหนัก สีหน้าอิ่มเอิบใจราวกับแมวขี้เกียจ
ผมพาคุณมาที่นี่เพื่อให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ในเมื่อตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว คุณอยากกลับเมื่อไรก็ได้เลย จะกลับทันทีเลยก็ได้ หรือคุณอยากจะอยู่พักผ่อนที่นี่อีกสักพักก็ไม่มีปัญหา
ดีเธอพูด งั้นเรากลับกันทันทีที่กินอาหารเสร็จเลยก็แล้วกัน
มัลฟอยพยักหน้าด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ทุกอย่างแล้วแต่คุณ
“... จะได้กลับไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย
พายเนื้อให้รสชุ่มฉ่ำในปาก แต่ความสะใจให้รสหวานซาบซ่านในหัวใจของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยังคงรับประทานต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงกระทบกันของมีดและส้อม และน่าขอบคุณมัลฟอยที่เขาปล่อยให้เธอได้เพลิดเพลินกับอาหาร ในขณะที่เขาเลือกที่จะนั่งรับรู้คำประกาศของเธออย่างเงียบๆ
เฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกว่าศักดิ์ศรีที่ถูกย่ำยีมาตลอดของเธอถูกเติมเต็มเช่นเดียวกับกระเพาะอาหาร เวลาผ่านไปจนกระทั่งเธอส่งคำสุดท้ายเข้าปาก หญิงสาวหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วซับปากด้วยผ้าเช็ดปากที่ถูกจัดเตรียมมาในถาดอาหาร ตอนนี้เธอมีพละกำลังและความมุ่งมั่นพร้อมสำหรับชัยชนะเต็มที่ แล้วเธอก็หันไปมองมัลฟอย
ลมหายใจของเธอชะงัก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสีหน้าเจ็บปวดของชายหนุ่ม เขานั่งอยู่ในท่าเดิมตอนที่เขายิ้มแย้มและจัดแจงเตรียมอาหารให้เธอด้วยท่าทางมีความสุข แต่ในเวลานี้เขากลับนั่งอยู่ในท่านั้นด้วยท่าทางของคนที่พ่ายแพ้และสูญเสีย ดูเหมือนโลกทั้งโลกตัดสินใจสูบพลังอันเหลือล้นของเขาออกไปจนหมด และสิ่งที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงก็คือแววตาของเขาที่มองมาที่เธอ... มองเธออย่างเจ็บปวดราวกับว่าเขาเป็นเด็กชายตัวน้อยที่ถูกเธอตี
เขาหายใจตื่นๆ ครั้งหนึ่งราวกับว่าเขาหายใจไม่ออก ปากของเขาอ้าแล้วก็หุบราวกับเขาไม่สามารถเค้นคำพุดใดๆ ออกมาได้
แต่ในที่สุดเขาก็พูด
ทำไมล่ะแค่นั้นคือทั้งหมดที่เขารีดเค้นออกมาได้ แค่เพียงไม่กี่คำ... แต่ดูราวกับเขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการพูดมันออกมา
เฮอร์ไมโอนี่เองก็จนคำพูดเช่นกัน เธอหันหน้าหนีเขาแล้วขมวดคิ้ว คุณหมายถึงอะไร
ทำไมคุณถึงตัดสินใจจะทิ้งผมไปน้ำเสียงของเขาสั่นพร่า
เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายและคิดหาคำพูด นั่นไม่ใช่คำถามที่ยากเลย เธอก็น่าจะรู้
ผมทำร้ายคุณเขายอมรับ
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลง ความสะใจและความอิ่มเอมในศักดิ์ศรีที่เพิ่งได้กลับคืนมาหมดไป
ผมทำให้คุณเจ็บมาก
เธอได้ยินเขาพูด เป็นการยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาทุกประการที่เธอกล่าวโทษ
แต่ผมก็เจ็บ เมื่อคุณบอกว่าคุณจะทิ้งผมไป
เมื่อได้ยินประโยคที่ราวกับถูกเค้นออกมาจากความเจ็บปวดเธอก็หันไปมองเขา และได้รับรู้ว่าความปวดร้าวที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่คนปลิ้นปล้อนเช่นเขาทำมาตลอด คนโกหกไม่มีวันมองเธอด้วยสายตาโหยหาปนรวดร้าวเช่นนั้น คนปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่มีวันมีท่าทีพ่ายแพ้ยับเยินเช่นนี้
เธอต้องรู้ เธอโหยหาคำตอบ... เธอไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้ถามคำถามนั้นออกไปได้
ฉันจะอยู่หรือไป มันมีความหมายกับเธอนักหรือ
เขาทำท่าผงะราวกับถูกเธอตี เขายืดกายขึ้นและขยับเข้ามาหาเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ถอยหนีเขาเพราะแม้ว่าเขาจะตระหง่านง้ำค้ำร่างเธอ แต่เขามีลักษณะของคนที่หมดหนทางสู้... คนที่ยอมแพ้ราบคาบต่อเธอ
เขาจ้องมองเธอและพูดด้วยเสียงแหบต่ำ ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับคุณ แม้ว่าผมจะทำไม่ดีกับคุณ จะทำร้ายคุณขนาดไหน... แต่คุณไม่รู้หรือว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่สามารถทำได้เสียงของเขาเงียบลง
เฮอร์ไมโอนี่เฝ้ารอ
เขาหายใจลึกและเริ่มพูดต่อ สิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้ ... นั่นก็คือการปล่อยคุณไป
การหายใจของเธอติดขัด ... เป็นผลจากคำสารภาพของเขา หรือดวงตาที่จับจ้องเธออย่างเปี่ยมล้นด้วยความหมายเธอก็ไม่อาจบอกได้
เมื่อเห็นว่าเธอยังเงียบอยู่ มัลฟอยจึงพูดต่อ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเหตุผลของคนพาลหรือคนโง่ที่ไร้หัวใจ... ซึ่งผมอาจจะเป็นทั้งสองอย่างนั้น แต่ผมรู้ว่าถ้าผมอ่อนแอ ผมจะต้องก้มลงคุกเข่าต่อหน้าคุณและอ้อนวอนไม่ให้คุณจากไป ซึ่งคุณต้องไปแน่ๆ เพราะคุณไม่มีวันสงสารผม คุณไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผมเลย แต่ถ้าผมแข็งกร้าวกับคุณ ไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณ ผมก็จะมีอำนาจในการเหนี่ยวรั้งคุณไว้เขาหยุดและหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ปราศจากอารมณ์ขัน ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเหนี่ยวรั้งคุณไว้ ยิ่งคุณต่อต้านผมก็ต้องยิ่งโหดร้าย ผมไม่เคยสนใจว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกยังไงกับผม ขอเพียงแค่ให้คุณอยู่กับผมเท่านั้น
แล้วแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุดัน และเมื่อเจ้าพอตเตอร์เข้ามาเกาะแกะคุณ ผมก็ยิ่งทนไม่ได้ คุณจะว่าผมสารเลวยังไงก็ตาม แต่ผมเป็นคนสารเลวที่จะไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมายุ่งกับคุณเด็ดขาด พอตเตอร์มีแต้มต่อเหนือผมเพราะคุณรักเขา ผมไม่มีอะไรจะสู้กับเขาได้นอกจากอำนาจที่ผมมีเหนือคุณ ผมต้องใช้มันเพื่อดึงคุณไว้ อาวุธของผมมีแค่ความโหดร้ายในตัวผมเองเท่านั้น และผมยิ่งกว่ายินดีที่จะใช้มันถ้ามันทำให้คุณอยู่กับผม
ยิ่งคำสารภาพของเขาพรั่งพรูออกมาเท่าไร มันก็ยิ่งกระตุ้นให้บางสิ่งในตัวเฮอร์ไมโอนี่สั่นสะเทือน เธอรู้สึกเหมือนโลกที่เธอรู้จักพังทลายลง เปิดเผยให้เธอเห็นโลกในอีกรูปแบบหนึ่ง... ในมุมมองของมัลฟอย
ความโหดร้ายทั้งหมดของเขาไม่ได้บ่มเพาะจากความเกลียดชังที่เธอเชื่อว่าเขามีต่อเธอ แต่มันเกิดจากความอ่อนแอที่เขาคิดว่าเป็นความเข้มแข็ง เมื่อเธอได้เห็นมัลฟอยในตอนนี้... ซึ่งดูราวกับกำลังจะแตกสลายเมื่อเธอตัดสินใจที่จะไปจากเขา เธอก็ได้เห็นว่าเขาอ่อนแอเพียงใด ยังเป็นคนขี้ขลาดคนเดิมที่เธอใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้จมูกเขา
แทนที่เธอจะดีใจที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เธอคิด เธอกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คล้ายกับความเวทนา แต่ในเวลานี้... เมื่อความโหดร้ายทั้งหมดดำเนินมาถึงจุดที่ไม่อาจทนรับได้ไหว เธอมีความเวทนาให้ตัวเองมากกว่า
เฮอร์ไมโอนี่ถอนสายตาจากเขา เธอนั่งนิ่งปล่อยให้เขาแผดเผาเธอด้วยแววตาร้อนรน ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจและขยับลุกขึ้นจากเตียง
แต่กลับถูกวงแขนแข็งแกร่งโอบกอดไว้จากด้านหลัง อ้อมแขนนั้นรัดแน่นราวกับจะหน่วงเหนี่ยวเธอไว้กับเขา เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมาเมื่อถูกดึงให้ตกสู่อ้อมกอดนั้นและล้มลงไปบนเตียงพร้อมกับเจ้าของพันธนาการ เธอถูกจับพลิกให้นอนตะแคงโดยมีร่างของคนจอมบงการประกบอยู่ด้านหลัง วงแขนแข็งแรงไม่คลายลงแม้เพียงนิด ลมหายใจร้อนอุ่นและคำพูดร้อนรนระเรื่อยเคลียใบหู
อย่าไป !เขากระซิบสั่นพร่า ราวกับคนจมน้ำที่ร้องขอความช่วยเหลือ
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นและออกคำสั่งให้เขาปล่อย แต่เขาไม่ฟังและไม่ยอมถอย กลับกอดกระชับรัดร่างของเธอแน่นขึ้น ร่างของทั้งสองเสียดสีกับผ้าปูเตียงจนกระทั่งมันยับย่น เฮอร์ไมโอนี่พยายามสะบัดอ้อมกอดนั้นไปให้พ้นตัวจนเส้นผมยุ่งเหยิงลงมาปิดใบหน้า และผิวขาวผ่องมีรอยแดงจ้ำอันเป็นการจากการถูกเสียดสี เธอดิ้นรนจนหมดแรงสู้ แต่เขากลับไม่ลดพละกำลังแขนของเขาเลย และยังไม่หยุดกระซิบคำอ้อนวอนและขออภัยมากมายใส่หูเธอ ทั้งๆ ที่เธอกรีดร้องจนคอแสบไปหมด
อย่าไปจากผมเลยนะ ได้โปรด... ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย อย่าทิ้งผมไปเลย
เขาเป็นคนพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แต่เธอกลับเป็นฝ่ายที่ต้องหลั่งรินน้ำตาในที่สุด เธอยอมจำนนและนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของเขา ร้องไห้เงียบๆ ขณะที่ฟังคำพร่ำเพ้อมากมายที่เขากระซิบกับหูเธอ
ดวงตาหม่นหมองของเธอเลื่อนไปที่บานหน้าต่างซึ่งสาดแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าเข้ามาในห้อง เธอจับจ้องสีเขียวขลับแดงจากแสงตะวันของทิวไม้อย่างเลื่อนลอย ผ้าปูที่นอนใต้ศีรษะของเธอเปียกชื้นจากหยาดน้ำตา และหูของเธอชาเพราะถ้อยคำกระซิบเสียงมากมายที่ถูกกรอกใส่หู จนกระทั่งเธอเลิกสนใจที่จะจับความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น
เมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมแดง เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับไป... โดยยังมีเสียงของมัลฟอยกระซิบถ้อยคำต่างๆ ใส่หูราวกับถ้วงทำนองของเพลงกล่อมนอน

แม็คไกวน์เงยหน้าขึ้นเมื่อกองเอกสารกองหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้า เขามองผู้บุกรุกห้องทำงานของตนด้วยแววตาเห็นใจ แฮร์รี่ พอตเตอร์ดูแก่กว่าอายุจริงลงไปสิบปีภายในเวลาเพียงสองวัน กรามที่เต็มไปด้วยไรหนวดขบแน่น ดวงตาสีเขียวดูมัวหมองและอ่อนล้าอยู่ใต้แว่นที่ขุ่นมัวและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แต่ที่แย่ที่สุดก็คือท่าทีกลัดกลุ้มที่ทำให้ภาพรวมของเขาสมบูรณ์แบบภายใต้มาตราฐานของคำว่า หมดสภาพ
ผมเอากระดาษไร้ค่ามาคืนคุณ เผื่อคุณจะอยากเอาไปใช้เช็ดก้นแฮร์รี่พูดอย่างเคร่งเครียด
แม็คไกวน์เอนกายพิงพนักบุนวมอย่างหนาของก้าอี้ทำงาน มือของเขาประสานกันใต้คางและส่งแววตาเห็นใจไปให้ชายหนุ่มผู้ทนทุกข์ ผมขอโทษที่ผมช่วยคุณไม่ได้มากนัก แต่ว่า...เขาเอื้อมมือออกไปและใช้นิ้วเขี่ยเอกสารเปิดผ่านๆ นี่แค่ครึ่งหนึ่งของที่ผมให้คุณไปนี่นา หมายความว่าความหวังของคุณยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง
แฮร์รี่สบถออกมาซึ่งทำให้แม้แต่แม็คไกวน์ผู้กร้านโลกก็ต้องสะดุ้ง อดีตเด็กชายผู้รอดชีวิตกระแทกตัวลงนั่งและโน้มตัวมาเหนือโต๊ะ จับจ้องชายหนุ่มหลังโต๊ะทำงานด้วยแววตาถมึงทึง
ผมหวังให้คุณช่วยผมมากกว่านี้นะแม็คไกวน์ นี่คือหนึ่งในสิบของสิ่งที่คุณควรรับผิดชอบเท่านั้น ผมต้องจารนัยให้ฟังมั้ยว่าคุณทำอะไรไว้บ้าง ถึงทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
สีหน้าของแม็คไกวนืกระด้างขึ้น เขายืดตัวตรงและวางมือที่กำเป็นกำปั้นลงบนโต๊ะ
ผมรู้ว่าผมต้องชดใช้สำหรับสิ่งที่ผมทำกับมิสเกรนเจอร์ คุณไม่ต้องมาย้ำผมหรอกพอตเตอร์ ผมรู้ตัวดีว่าผมมีหนี้อะไร และผมต้องทำยังไงเพื่อชดใช้มัน และในขณะที่คุณคิดว่าผมกำลังนั่งสุขสบายนั้น ผมอยากบอกว่าผมก็ได้ทำอะไรบ้างเหมือนกัน
แฮร์รี่เหยียดยิ้มหยัน เขาไม่ฟังคำบอกเล่าที่เคยได้ยินมาว่าแม้มิสเตอร์แม็คไกวน์ผู้มีชื่อเสียงจะมีท่าทางสำรวยไม่เอาไหน แต่อย่าได้ทำให้เขาโกรธเป็นอันขาด แล้วคุณทำอะไรลงไปบ้างแล้วล่ะ แม็ค
ถ้าแม็คไกวน์ได้ยินน้ำเสียงดูถูกในคำพูดของแฮร์รี่ เขาก็ไม่สนใจ ผมใช้เส้นของกรมตำรวจจนได้รู้ว่าในคืนที่มิสเกรนเจอร์ถูกลักพาตัวไป มีรถคันหนึ่งที่ถูกจับได้ว่าขับเร็วเกินกว่าอัตรากำหนด
ข้อมูลนั้นทำให้ร่างของแฮร์รี่เกร็งขึ้นอย่างเตรียมพร้อม ตำแหน่งมือปราบมารในโลกผู้พ่อมดนั้นไม่มีทางเข้าไปแทรกแซงข้อมูลในกรมตำรวจของโลกมักเกิ้ลได้ เขาตั้งใจฟังข้อมูลที่เขาไม่อาจได้รับรู้ได้
แม็คไกน์พูดต่อด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน จุดตรวจความเร็วจับรถคันนั้นได้ตลอดเส้นทางจนถึงจุดหมายที่รถคันนั้นมุ่งหน้าไป ภายหลังมีการใช้เส้นสายแทรกแซงเพื่อปิดปากพวกตำรวจ แต่ผมเองก็มีเส้นสายเช่นกัน และผมได้ดูกล้องวงจรปิดของตำรวจแล้ว... รถคันนั้นคือนาเดียแน่ๆ และมันมุ่งหน้าไปที่สนามบิน
หมายความว่ามัลฟอยออกจากประเทศไปแล้วงั้นเหรอ
แม็คไกวน์พยักหน้า ใช่ และระดับมัลฟอยแล้วเขาไม่ใช่สายการบินพาณิชย์แน่ ต้องเป็นหนึ่งในเครื่องบินส่วนตัวของเขาแน่นอน
หนึ่งในเครื่องบินส่วนตัวงั้นเหรอแฮร์รี่พูดอย่างทึ่งๆ
แม็คไกวน์ยักไหล่ เขามีเครื่องบินส่วนตัว... เท่าที่รู้นะ... ห้าลำได้มั้ง นี่ยังไม่รวมพวกเครื่องบินเล็กอีก ซึ่งเครื่องบินพวกนี้ใช้บินส่วนตัวเท่านั้น ยังไม่รวมเครื่องบินที่ใช้สำหรับธุรกิจของเขา ซึ่งหมายความว่าการเข้าถึงข้อมูลของเครื่องบินส่วนตัวของมัลฟอยน่ะยากมาก เราต้องรู้ว่าเขาใช้ลำไหน และมันบินไปที่ไหน
ซึ่งคุณทำไม่ได้รึ
ผมไม่มีเส้นถึงขนาดจะเข้าถึงหอบังคับการบินได้หรอกนะ และการล้วงข้อมูลส่วนตัวของมัลฟอยนั้น... เอาเป็นว่าคุณอย่าไปคิดถึงมันเลย เสียเวลาเปล่า
มันไม่เสียเวลาเปล่าหรอกแฮร์รี่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน มันต้องมีทางสิน่า
แม็คไกวน์เงียบอยู่อึดใจหนึ่งเต็มๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา อย่างน้อยเราก็ตัดทรัพย์สินในประเทศของมัลฟอยออกไปได้ เราต้องมองหาอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศของเขา
แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเคร่งเครียด แม้แม็คไกวน์จะมองว่าเส้นทางของพวกเขานั้นริบหรี่ แต่สำหรับแฮร์รี่... ริบหรี่ก็ยังดีกว่ามืดสนิท เพียงแต่เขาต้องอาศัยแสงริบหรี่นั่นแหละคอยนำทาง

มืดแล้วเมื่อมัลฟอยลืมตาขึ้น เขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่เคียงข้างเขา... ในอ้อมกอดของเขา หลับสนิทและแนบชิดกับร่างของเขา การรับรู้นั้นทำให้ร่างของมัลฟอยสั่นสะท้านอย่างพึงพอใจ เขาจำได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเธอหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขาเลย
มัลฟอยขยับลุกขึ้นทิ้งน้ำหนักลงที่ข้อศอก และชะโงกไปเหนือร่างของเฮอร์ไมโอนี่ แม้ภายในห้องจะมืดเพราะปราศจากแสงของดวงตะวันที่ลาลับไปแล้ว แต่คราบน้ำตาบนแก้มของหญิงสาวยังสะท้อนอยู่ในความมืด มัลฟอยมองใบหน้ามอมแมมเปือนน้ำตาของหญิงสาวแล้วถอนหายใจ ไม่ว่าเขาจะทำยังไง จะดีหรือร้าย สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยการที่ทำให้เธอเสียน้ำตา
แม้จะรู้ว่าการเหนี่ยวรั้งเธอไว้ทำให้เธอเป็นทุกข์ และการปล่อยเธอไปจะทำให้เธอมีความสุข แต่มัลฟอยไม่สามารถทนกับการปราศจากเธอได้ แม้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยเธอไปได้ แต่เขาสามารถทำให้เธอไม่ต้องทนทุกข์เมื่ออยู่กับเขาได้ อันที่จริง... เขาสามารถทำให้เธอมีความสุขกับการอยู่กับเขาได้... นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
เขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ นิ้วของเขาสัมผัสกับความแข็งแรงและเรียบลื่นของเนื้อไม้ เขากำรอบไม้กายสิทธิ์และดึงมันออกมา
หัวใจของเขาเต้นแรงกระหน่ำ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำลงไปนั้นเป็นสิ่งผิด แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถปล่อยให้เธอไปจากเขาได้ และเขาไม่สามารถเห็นเธอต้องทรมานเพราะความทุกข์ได้อีกต่อไป นี่จึงเป็นหนทางเดียวที่เขาสามารถทำได้
เขาจะมีเธอ... ในชีวิต ... ยิ้มให้เขา กอดเขา และหลับใหลไปในอ้อมกอดของเขา
และเธอจะมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา
ราคาของทั้งหมดนั้นคุ้มพอที่จะยอมเสี่ยง เขาลุกขึ้นนั่งตัวตรงและถือไม้กายสิทธิ์ไว้ในมือแน่น แต่ความลังเลรั้งเขาไม่ให้ลงมือ
เธอจะเกลียดเขาเมื่อรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
... แต่ถ้าเธอไม่รู้
... เธอก็จะยิ้มให้เขา
... เธอจะอยู่กับเขา
... เธอจะไม่เกลียดเขา
... และเธออาจจะรักเขา
มัลฟอยหลับตาลง เขาโบกไม้กายสิทธิ์เหนือร่างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงหลับสนิท
แล้วเขาก็ท่องคาถา ...

…………………………………………………………………………………………………………

Chapter 24 : เริ่มต้นใหม่

แสงแดดอบอุ่นลูบไล้ผิวกายของเธอราวกับมือของคู่รัก แสงสีทองนั้นเต้นระบำพลิ้วทำให้เกิดเป็นสีสันต่างๆ อยู่หลังเปลือกตาของเธอ ราวกับจะล่อหลอกให้เธอลืมตาขึ้น... และออกจากโลกแห่งความมืดและสงบนิ่งมาชื่นชมมัน
ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงลืมตาขึ้น
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเธอนั้นทำให้มุมปากของเธอคลี่ยิ้มออกมาอย่างเพ้อฝัน หญิงสาวมองไปรอบๆ กายด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ ตรงหน้าเธอคือโต๊ะที่ท่วมท้นไปด้วยอาหารมากมายที่พอจะเลี้ยงประชากรพ่อมดแม่มดได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เธอชื่นชมหาใช่อาหารไม่ มันคือสีเขียวที่ครอบคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าเขียวกระจี และกลิ่นหอมขององุ่นสุกที่ลอยมาตามลม
เฮอร์ไมโอนี่วางมือลงบนระเบียงไม้อย่างอัศจรรย์ใจ เธอชะโงกตัวจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ออกไปมองความสวยงามของธรรมชาตินั้นด้วยความชื่นชม
ระวังตกนะ
เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากด้านหลัง เฮอร์โมโอนี่เหลียวกลับไปมองโดยที่ลำตัวท่อนบนยังพาดอยู่กับระเบียง ลมพัดปอยผมของเธอมาปิดตาและบดบังทัศรยภาพ เธอใช้มือเสยมันไปทัดไว้ที่หลังใบหูและมองภาพของเขาเต็มๆ ตา
สวัสดีค่ะเธอทักทายด้วยน้ำเสียงยินดี และยิ้มให้กับผู้ชายตัวสูงผมทองที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดบรรจุน้ำส้มคั้นในมือ ผมสีบลอนด์อ่อนของเขาต้องประกายจากแสงแดดจนแทบจะกลายเป็นสีขาว ผิวขาวของเขาแทบจะกลืนไปกับสีขาวของตัวบ้านและราวระเบียง ดูแล้วเขาน่าจะเหมือนพวกผู้ชายสำรวยที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากใช้เวลาขัดตัวอยู่ในสปา แต่ไหล่กว้างหนากำยำและท่อนแขนบึกบึนที่แนบอยู่กับเสื้ดเชิ้ตสีฟ้านั้นทำลายภาพลักษณ์นั้นเสียสิ้น ยิ่งเมื่อมองดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ราวกับจะสะท้อนแสงได้นั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ลืมความคิดที่ว่าเขาเป็นพวกผู้ชายเหยาะแหยะไปเลย
เพราะดวงตาของเขาทั้งเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง แต่ก็ดูแข็งกร้าวมุ่งมั่น
ผู้ชายคนนี้เป็นคนอ่อนโยน... แต่ก็ฆ่าคนได้ถ้าคิดจะทำ
เขาเดินเข้ามาและวางถาดเงินบรรจุเหยือกน้ำส้มไว้บนโต๊ะที่ดูเหมือนถูกถมด้วยกองอาหาร ก่อนจะมายืนข้างๆ เธอซึ่งทำให้เธอต้องแหงนหน้าจนคอตั้งเพื่อมองหน้าเขา
ว้าว... ผู้ชายคนนี้ต้องทำให้ปาราวตี พาติล และ ลาเวนเตอร์ บราวน์ กรี๊ดสลบได้แน่ๆ
คุณรู้สึกยังไงบ้างครับเขาถาม
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มและยักไหล่ ดีมากเลยค่ะ สายลมและแสงแดดทำให้ฉันสดชื่นมาก
คุณจะรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้หลังจากได้กินอาหารเช้าแล้ว
เธอเหลือบมองกองอาหาร นี่... คืออาหารเช้าเหรอคะ
ใช่แล้วครับ ทำไมเหรอ
ฉันนึกว่าเราจะมีปาร์ตี้กันซะอีก
เขาหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะของเขานั้นแหบแห้งและฝืดเคือง ราวกับว่าเขาไม่ได้หัวเราะบ่อยนัก
ไม่หรอกครับ มีแค่เราสองคนเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไรเลยทำมาหมดเลย
นี่คุณทำเองเหรอคะ
ความประหลาดใจคงแสดงออกทางสีหน้าของเธออย่างเห็นได้ชัด เขาจึงขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมล่ะครับ น่าแปลกใจมากเหรอที่ผมทำอาหารเป็น
อืม... คุณดูไม่ค่อยเหมาะกับผ้ากันเปื้อนและตะหลิวเลยค่ะคำตอบของเธอเรียกเสียงหัวเราะของเขาได้อีกครั้ง
ผมทำอาหารเป็น แต่ไม่ได้เป็นเชฟหรอกครับ
ค่ะ ฉันก็ว่าคุณดูไม่เหมือนเชฟเลย
ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้นครับ
แล้วคุณเป็นใครล่ะคะ
คำถามของเธอทำให้เกิดช่องว่างของความเงียบ เธอเอียงศีรษะและมองเขาขณะรอคำตอบ ใบหน้าที่สว่างไสวจากรอยยิ้มของเขาค่อยๆ สลดลง แต่เขายังคงยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เศร้าสร้อย
ที่จริง... เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ นอกจากคำถามที่ว่าคุณเป็นใครแล้ว ฉันก็อยากจะถามคุณอีกว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเธอยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ร่วงลงมาที่หน้าผากแล้วมองไปรอบๆ ตัวด้วยแววตาสับสน ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เขา ดูเหมือนว่าฉันจะจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ
คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับเขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอื้อมมือมาปัดผมให้เธอ
เฮอร์ไมโอนี่มองมือใหญ่ของเขา และเกิดความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ใช่ค่ะ... แต่ว่าฉันจำเรื่องของตัวเองได้หมดนะคะ ฉันเพียงแต่จำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหนและฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อันที่จริงฉันน่าจะรู้สึกกังวลนะคะ แต่น่าแปลกที่ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนมันไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร
เธอยิ้มให้เขาอีก หวังว่าจะดึงรอยยิ้มเศร้าสร้อยของเขาออกไปได้ แล้วคุณเป็นใครกันล่ะคะ ตอบฉันได้หรือยัง
ทานอาหารเช้าก่อนดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวผมจะบอกคุณเขาเอื้อมมือมาสัมผัสที่แก้มของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะผละไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอ
ระหว่างมื้ออาหารนั้น ผู้ชายคนนั้นแทบจะฆาตกรรมเธอด้วยการสุมครัวซองด์ เบคอน แพนเค้ก ขนมปัง และไข่ดาวลงในจานของเธอ เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรและตัดโอกาสเหล่านั้นด้วยการแทบจะยัดอาหารลงคอเธอ เมื่อเธอปฏิเสธไส้กรอกสีเหลืองน่ากินที่เขาตักจากจานเปลมาให้ เขาก็ทำหน้ามุ่ยจนเธอต้องยอมกินเข้าไปแม้ว่าท้องเธอใกล้จะปริแตกเหมือนลูกโป่งที่อัดแน่นเกินไป เขาดูจะพอใจกับความเจริญอาหารของเธอมาก เพราะหลังจากนั้นเขาก็ตักผลไม้ให้เธอกินเป็นของหวาน รวมทั้งเค้กชิ้นเล็กๆ อีกนานาชนิด
พอเถอะค่ะเธอร้องออกมาขณะที่เคี้ยวเค้กที่สอดไส้ผลไม้เต็มปาก ถ้าคุณไม่หยุดป้อนอาหารให้ฉัน ฉันต้องกลายเป็นแม่วัวอ้วนแน่ๆ
คุณผอมจะตายเขากวาดตามองร่างกายของเธออย่างไม่สบายใจ ผมจะยัดอาหารลงคอคุณมากกว่านี้เพื่อเพิ่มเนื้อที่แขนบอบบางจนแทบจะหักของคุณ แต่ตอนนี้ผมพอใจแล้วที่หน้าคุณไม่ได้ซีดอีกต่อไปแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่ยกมือทั้งสองข้ามขั้นแปะบนแก้มตัวเอง ฉันหน้าซีดเหรอคะ นี่ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าฉันไม่สบาย
คุณหลับไปตั้งสองวัน ผมเป็นห่วงคุณจนทนเห็นคุณนอนซีดเซียวแบบนั้นไม่ไหว เลยอุ้มคุณออกมานั่งที่ระเบียงเผื่ออากาศกับแสงแดดจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แล้วก็ทำอาหารมากองไว้ตรงหน้าคุณเผื่อคุณจะตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมของมัน
แหม ฉันไม่ใช่คนตะกละแบบนั้นนะคะ
ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ แต่ผมอยากให้คุณเป็น
ว่าแต่ฉันป่วยเป็นอะไรคะ
มือที่กำลังจะถ้วยกาแฟขึ้นดื่มนั้นชะงักค้าง เขาเหลือบตามองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะค่อยๆ วางถ้วยกาแฟลง และเมื่อเขามองเธออีกครั้ง... สายตาของเขาดูมาดมั่นและจริงจัง
เกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย คุณตกจากหลังม้าขณะที่เราไปขี่ม้าชมไร่ด้วยกัน แล้วคุณก็สลบไป
คิ้วเรียวเป็นเส้นบางขมวดนิ่ว ฉันจำไม่ได้เลยว่าฉันขี่ม้าเป็นด้วย...
ก็เพราะคุณขี่ไม่เป็นไงล่ะ คุณถึงตกลงมา
เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ายอมรับในคำตอบ แต่คิ้วบางยังขมวดนิ่วอยู่เหมือนเดิม แล้วฉันก็สลบไปสองวันหรือคะ
ใช่ครับ ผมอุ้มคุณกลับมาที่คฤหาสน์และตามหมอมา หมอบอกว่าคุณไม่เป็นอะไรมาก แต่ศีรษะของคุณกระแทกและอาจจะส่งผลต่อความทรงจำของคุณนิดหน่อย
ฉันถึงจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหนใช่มั้ยคะ
ผมว่าน่าจะใช่นะเขายกกาแฟขึ้นจิบอีก
แล้วตกลงที่นี่คือที่ไหนล่ะคะ
ถ้วยกาแฟส่งเสียงดังกริ๊กเมื่อกระทบกับจานรอง เขาวางคางไว้บนมือที่ประสานกันและจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ราวกับกำลังจะค้นหาอะไรบางอย่าง
ที่นี่คือเมืองบอร์กโดซ์ในฝรั่งเศส และที่เรากำลังนั่งอยู่ตอนนี้คือบ้านของเรา
ของเราหรือคะ
อือเขาพึมพำอยู่กับหลังมือ
ฉันกับคุณเป็น... พี่น้องกันเหรอคะไม่ใช่แน่ๆ เธอคิด เมื่อดูตากสีผมและสีตาแล้ว พวกเขาไม่มีทางเป็นพี่น้องกันแน่ๆ
ไม่ใช่เขาตอบเสียงเข้ม
แล้ว... เราจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วยกันได้ยังไงเธอมองไปรอบๆ ตัว มองความหรูหราและงดงามของบ้าน... คฤหาสน์แห่งนี้อย่างเกรงขาม
แล้วเธอก็หันกลับมามองที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
เขาจ้องเธอ
แล้วตอบว่า
ผมเป็นสามีคุณ

เฮอร์ไมโอนี่
อีกครั้งที่เธอต้องแหวกว่ายขึ้นมาจากความมืดมิดเพื่อลืมตาตื่น เพียงแต่คราวนี้สิ่งที่ปลุกเธอไม่ใช่ความอบอุ่นจากแสงแดดยามเช้า หากแต่เป็นความอบอุ่นจากน้ำเสียงแผ่วเบาแหบพร่า และมือใหญ่โตหยาบกระด้างที่บรรจงลูบใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบกับประติมากรรมชั้นเลิศกำลังจ้องมองลงมาที่เธอ เขาสวยงามเสียจนราวกับว่ามีใครจับเขามานั่งอยู่ตรงนั้น...ที่ริมเตียง...โดยได้คำนวณองศาและการตกกระทบของแสงอาทิตย์มาอย่างดี ไม่เช่นนั้นเส้นผมของเขาคงจะไม่เปล่งประกายเรืองรองเป็นสีทองสุกปลั่งเช่นนั้นเป็นแน่
คุณเป็นยังไงบ้าง ปวดหัวรึเปล่าเขาถามด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่มีความทุกข์ใจแฝงอยู่ในน้ำเสียง เธอกระพริบตาถี่ๆ ขณะมองไปรอบๆ ห้อง แล้วย้อนกลับมาวางสายตาที่ภาพสวยงามที่เธอแทบจะอัศจรรย์ใจในความงดงามนั้น
ที่รัก... อย่าเงียบไปสิ ตอบผมหน่อยว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
คำพูดของเขาฉุดเธอออกมาจากมนต์สะกด ม่านหมอกแห่งความหลงใหลแปลเปลี่ยนเป็นม่านหมอกแห่งความสงสัยเคลือบแคลง เธอจับจ้องรัศมีสีทองจากเส้นผมของเขาที่ต้องประกายกับแสงแดด ดวงตาสีฟ้าสว่างราวกับท้องฟ้าหลังวันหิมะตก ริมฝีปากบางที่รับกับรูปหน้า และสุดท้าย... สัมผัสอบอุ่นนุ่มนวลจากนิ้วมือของเขาที่กำลังลูบไล้แก้มของเธอ
คุณเป็นสามีของฉันจริงๆ หรือคะ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นเป็นของเธอจริงๆ หรือ ?
รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ความหม่นหมองปรากฏขึ้นบนสีฟ้าราวกับเงาในตา
มันคืออะไร ?
จริงสิเขาตอบและเริ่มใช้นิ้วชี้ลากลงมาตามความยาวของสันจมูกจองเธอ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ
เธอยังคงจ้องมองดวงตาของเขา เพื่อหาสัญญาณแปลกประหลาดที่อาจจะปรากฏขึ้น
เพราะ... ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ฉันหมายถึงฉันจำเรื่องของตัวเองได้ ฉันจำเรื่องพ่อและแม่ ครอบครัวของฉัน เพื่อน จินนี่ย์ รอน แฮร์รี่...
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นเงาของความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา จนทำให้เสียงใดๆ ที่เธอกำลังจะเปล่งออกมาเงียบหายไป
เขาชะงัก ราวกับเขาเพิ่งรู้ตัวและรับรู้ปฏิกิริยาของเธอ เขาสร้างรอยยิ้มที่ทำให้คนที่เพิ่งฟื้นคืนสติอย่างเธอรู้สึกพร่างพราย และลบเงามาดร้ายในดวงตาของตนออกไป แทนที่ด้วยความอบอุ่นที่ทำให้เธออยากจมลึกลงในแอ่งน้ำสีฟ้าสดใสนั้น
สรุปว่าคุณลืมแต่เรื่องของผมใช่มั้ยครับเขาถาม แต่ไม่มีแววปรักปรำหรือกล่าวหาในน้ำเสียง
ฉัน... ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ถ้าฉันมีสามี โดยเฉพาะสามีที่...เอ่อ... แบบคุณน่ะค่ะ ฉันต้องไม่มีทางลืมแน่นอน แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันเหมือนกัน...
ชู่วว์... เขาโน้มตัวลงมาจรดหน้าผากของเขาเข้ากับหน้าผากของเธอ และใช้นิ้วแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน แต่ทำให้หัวใจของเธอเต้นอย่างรุนแรง
ไม่เป็นไรครับ... ผมเข้าใจ หมอบอกเอาไว้แล้วว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจจะส่งผลต่อความทรงจำของคุณ
เธอนิ่วหน้า อุบัติเหตุหรือคะ...
เขายิ้ม ทำให้เธอหลงใหลและพึงพอใจที่เห็นรอยยิ้มในดวงตาของเขา คุณออกไปขี่ม้าและเกิดอุบัติเหตุตกม้าลงมา ผมเตือนคุณแล้วว่าไม่ให้ออกไปตามลำพังแต่คุณก็ไม่เชื่อ คุณแอบหนีไปตอนที่ผมละสายตา...
ม้าหรือคะ... ฉันไม่เคยขี่ม้ามาก่อนเลย
ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะผมถึงห้ามไม่ให้คุณออกไปตามลำพัง เด็กดื้อเขายกหน้าผากขึ้นโขกหน้าผากเธอเบาๆ อย่างลงโทษ
โอ๊ย! อย่าสิคะ เดี๋ยวสมองฉันก็กระเทือนอีกรอบหรอกเธอร้องครวญ
คงไม่มีอะไรร้ายแรงเท่ากับการที่คุณลืมสามีของตัวเองอีกแล้วล่ะมั้ง
ทำไมฉันถึงลืมแต่เรื่องของคุณคนเดียวล่ะคะ
เพราะว่า...เขาเอื้อมมือลงไปดึงมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมากุมไว้ ในหัวของคุณมีแต่ผมยังไงล่ะ ในความคิดของคุณมีแต่ผมเพียงคนเดียว... ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่คุณขี่ม้าคุณก็ยังคิดถึงแต่ผม ผมจึงเป็นความทรงจำที่ลบหายไปยังไงล่ะเขากระซิบ... ก่อนจะประทับจูบลงบนมือของเธอ และยิ้มกริ่มอย่างพอใจเมื่อเห็นสีแดงที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
ใช่มั้ย...เขากระซิบเสียงพร่า
เฮอร์ไมโอนี่ตอบคำถามด้วยการหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง มันแปลกเหลือเกินที่รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงกับสามีของตัวเอง... แล้วเธอก็ชะงัก นี่เธอยอมรับอย่างง่ายดายได้อย่างไรว่าเขาเป็นสามีของเธอ เพราะคำพูดแสนหวานและเสน่ห์ที่เธอต้านทานไม่อยู่ของเขาเพียงเท่านั้นน่ะหรือที่ทำให้เธอเชื่อว่าผู้ชายคนแรกที่เธอพบหลังจากฟื้นขึ้นมาคือสามีของเธอเอง โดยปราศจากหลักฐานหรือพยานใดๆ ทั้งสิ้น ความกังวลนั้นทำให้เธอหันกลับไปมองเขา... มองความสวยงามทั้งหมดนั้นด้วยความเคลือบแคลง และภาวนา... เธอภาวนาด้วยใจที่สับสน
ขอให้เธอได้เป็นเจ้าของความสวยงามทั้งหมดนั่นจริงๆ เถอะ...
มีอะไรหรือ เฮอร์ไมโอนี่ติ้วสีทองบางของเขาขมวดนิ่วเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของเธอ
คุณเป็นสามีของฉันจริงๆ หรือคะเธอถามด้วยน้ำเสียงครั่นคร้าม...
คุณไม่เชื่อผมหรือ
เธอไม่ตอบ... เพียงแต่แสร้งหันไปมองทางอื่น
งั้นผมก็มีวิธีทำให้คุณเชื่อ
เธอหันกลับมาเพื่อจะถามเขาว่าวิธีอะไร แต่กลับพบว่าริมฝีปากของเธอถูกครอบครองด้วยริมฝีปากเรียบบางที่แบ่งปันความอบอุ่นให้กับริมฝีปากของเธออย่างแนบสนิท พลังอำนาจของจุมพิตนั้นรุนแรงจนสั่นสะเทือนไปทั่วร่างเธอ... ราวกับจูบแรก หากแต่เป็นรสจูบที่คุ้นเคยอย่างเหลือเชื่อ เมื่อริมฝีปากของเขาขยับลูบไล้กลีบปากของเธอ เธอก็หลับตาลงและเคลิบเคลิ้มไปกับจูบนั้น แล้วปล่อยให้เขาเป็นนายส่วนเธอเป็นทาสที่กระทำตามเขาจนหมดสิ้น
ความชุ่มชื้นหวานฉ่ำจากปลายลิ้นของเขาค่อยๆ สัมผัสอย่างอ้อนวอน ขอให้เธอแย้มริมฝีปากออก เมื่อเธอทำตาม ปลายลิ้นของเขาก็ชำแรกแทรกเข้ามาและควานหารสชาติหวานล้ำภายใน เฮอร์ไมโอนี่สั่นอย่างรุนแรงและรู้สึกว่าเขาจับมือที่แข็งเกร็งทั้งสองข้างของเธออ้อมไปประสานไว้หลังต้นคอของเขา เธอเลื่อนมือลงมาคว้าไหล่หนาแน่นทั้งสองข้างของเขาและเกาะเกี่ยวเอาไว้ราวกับเป็นหลักยึดเดี่ยวท่ามกลางกระแสเชี่ยวของธารอารมณ์ที่ทั้งหวานล้ำ รุนแรง อ่อนโยน และเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ส่วนมือของเขานั้นสอดเข้าไปใต้ร่างของเธอเพื่อกอดเธอเอาไว้ให้แนบชิดกว่าเดิม เธอเลียนแบบการกระทำของเขาจนในที่สุดก็รู้สึกคุ้นเคยว่าต้องทำเช่นไรท่ามกลางความอ่อนหวานแห่งจุมพิตที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน กลิ่นดวงตะวันและโคโลญจน์ของผู้ชายจากกายเขาทำให้เธอพร่าพราย และเสียงครางในลำคอแผ่วเบาของเขาทำให้เธอแทบคลุ้มคลั่ง เป็นเธอและเขาที่ผลัดกันรุกเร้ามอบและรับให้แก่กัน
และเป็นเขาที่ผละออกมาก่อนพร้อมกับเสียงคำรามอย่างขัดใจ ท่ามกลางเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ เขาแนบหน้าผากของเขากับหน้าผากของเธออีกครั้งและหลับตาลงอย่างอดกลั้น เฮอร์ไมโอนี่หอบหายใจเอาอากาศที่เธอขาดไปร่วมสามนาทีเข้าปอด และเลื่อนมือขึ้นมาสอดไซร้อยู่ในกลุ่มผมสีทองราวกับแสงอาทิตย์ของเขา
ผม... ถ้าไม่หยุด... ต้องหยุดไม่ได้แน่เสียงของเขาขาดเป็นช่วงๆ ตามแรงหอบหายใจ นิ้วมือของเขาวุ่นวายอยู่กับการสัมผัสผิวเนื้อร้อนผ่าวที่ลำคอและแอ่งชีพจรขอของเธอ ราวกับเขาอยากรับรู้การเต้นของจัวหวะหัวใจของเธอ และอยากเลื่อนมือลงไปต่ำกว่านั้น
คุณบาดเจ็บอยู่... ผมทำไม่ได้เขาเปล่งเสียงผ่านฟันที่ขบแน่น เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจออกมาอย่างทุกข์ทน
คุณเชื่อผมแล้วใช่มั้ยเขายกศีรษะขึ้นเพื่อจะได้จ้องตาเธอ คุณเชื่อผมแล้วใช่มั้ยเฮอร์ไมโอนี่ว่าผมเป็นสามีคุณ
เธออยากจะตอบมากกว่านั้น อยากจะพูดอะไรสักอย่างที่เน้นย้ำความมั่นใจของเธอ แต่เธอได้แต่เพียงพยักหน้าเพราะไม่อาจบังคับตัวเองให้เปล่งเสียงใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่กำลังซาบซ่านหวั่นไหวได้
ดี...เขายิ้มและประทับจูบบนหน้าผากเธอ ก่อนจะลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียง
เฮอร์ไมโอนี่มองร่างสูงนั้นเต็มตา... ท่ามกลางความพร่าพรายเธอได้ยินว่าเขาจะไปหาอะไรมาให้เธอรับประทาน ...และท่ามกลางความพร่าเลือนจากแรงปรารถนา เธอทันใดเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยชัยชนะ ราวกับราชสีห์ที่พึงพอใจจากการล่าเหยื่อของมัน
และท่ามกลางความรู้สึกเหล่านั้น... เธอรู้สึกถึงความเคลือบแคลงบางอย่างในตัวเอง ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง

ทันทีที่ประตุปิดลงตามหลัง มัลฟอยก็ปล่อยให้รอยยิ้มอย่างผู้มัชัยระบายบนใบหน้าของเขาเต็มที่ เขาเดินไปตามทางเดินโดยปล่อยให้แสงตะวันสีทองที่ลอดออกมาจากช่องหน้าต่างที่ติดห่างกันเป็นระยะๆ อาบไล้ร่างของเขา ทำให้ร่างสีทองของเขาเปล่งประกายราวกับทูตสวรรค์ ...ขัดกับรอยยิ้มกริ่มเปี่ยมสุขของคนเจ้าเล่ห์ที่เพิ่งจะได้สิ่งที่ตนเองต้องการด้วยการใช้เล่ห์กล
เขาอยากจะโห่ร้องและวิ่งห้อตะบึงเป็นไมล์ๆ ราวกับม้าหนุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่จูบเขา... จูบตอบเขา รสชาติของมันแทบทำให้เขาคลุ้มคลั่งและเกือบเสียสติเมื่อต้องผละจากมัน แต่เขาจะไม่มีทางทำร้ายเธอด้วยความปรารถนาของเขา เฮอร์ไมโอนี่ของเขาจะต้องไม่เจ็บป่วยเพราะความต้องการของเขา... แม้ว่าเธอจะเต็มใจแน่นอน แต่เพราะสภาพอ่อนแอของเธอในตอนนี้ทำให้เขาต้องอดใจไปก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาอยากจะให้เธอมอบร่างกายของเธอพร้อมกับสิ่งหนึ่งที่เขาเฝ้าปรารถนาและเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเลือกใช้วิธีนี้... หัวใจของเธอ เขาอยากให้เธอมอบทุกสิ่งทุกอย่างของเธอให้แก่เขา ในตอนนี้เธอจะต้องโอนอ่อนผ่อนตามเขาอย่างแน่นอนเพราะเธอเชื่อว่าเธอเป็นภรรยาของเขา
แต่เธอยังไม่รักเขา
นั่นคือเป้าหมายที่เขาจะต้องบรรลุให้ได้ เขามีโอกาสแล้วในตอนนี้... เขามีโอกาสที่จะทำให้เธอรักเขาได้ จนกว่าจะถึงวันนั้นเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอรักเขา ซึ่งเขาจะต้องทำได้อย่างแน่นอน... เพราะระหว่างเธอกับเขาไม่มีความทรงจำอันเลวร้ายต่อกันอีกแล้ว
เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยโหดร้ายต่อเธอเช่นไรบ้าง
และจะไม่มีอีกแล้ว...
เดรโก มัลฟอย ที่เธอจะรู้จัก จะเป็นสามีที่แสนดีที่ทะนุถนอมและเอาใจใส่เธอ
เป็นสามีที่จะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง
เป็นสามีที่จะไม่ทำให้เธอต้องร้องไห้
ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนมา... ครั้งแรกที่เขาบังคับฝืนใจเธอ ภาพที่เธอร้องไห้ตอนที่เขาบังคับให้เธอเซ็นต์ทะเบียนสมรส...
คืนนั้นที่เขากระทำกับเธอเยี่ยงสัตว์ป่า
มัลฟอยขบกรามแน่น... มันจะไม่มีอีกแล้ว เขาจะไม่มีวันทำให้เธอต้องร้องไห้อีก
ความทรงจำเก่าๆ อันเลวร้ายที่เขาสร้างไว้กับเธอถูกเขาลบออกไปหมดแล้ว ถ้าเธอรู้... เขารู้ว่ามันจะทำให้เธอเกลียดเขาเพิ่มขึ้นอีกเป็นพันเท่า จนถึงจุดที่เขาไม่อาจจะรั้งเธอไว้ข้างกายได้อีกต่อไปไม่ว่าจะด้วยสัญญาฉบับไหนก็ตาม แต่เขาพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะเขาไม่อาจทนให้เธอเกลียดเขาได้อีกต่อไป
เธอจะไม่เกลียดเขาอีกแล้ว... เขาปฏิญาณ
เดรโก มัลฟอย พร้อมจะทำทุกวิถีทาง
และถ้าใครมาขวาง...
...สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าของคนที่... พร้อมจะฆ่า

4 ความคิดเห็น:

  1. สนุกมากกกกอ่านแล้วฟินไปสามโลก อิๆ เดรโหดมากค่าา อยากให้มีต่อจัง><

    ตอบลบ
  2. คนแต่งเก่งมากๆ รอติดตามนะคะ

    ตอบลบ